ฉันไม่คิดว่าตรีจะไว้ใจคนๆ นี้ได้ขนาดนั้นเลย มากจนขนาดแค่เพียงได้พบกันไม่กี่ครั้ง ยังกล้าให้เขาไปรับไปส่งฉันได้
กระทั่งตอนเช้าอันสแสนสับสนกับความสัมพันธ์ระหว่างแฟนตัวเองกับรุ่นพี่ท่าทางดุร้าย ทันทีที่ฉันลงไปข้างล่างก็เห็นรถ BMW ที่คุ้นเคย พร้อมกับคนตัวใหญ่ในชุดนักศึกษาที่ยืนกอดอกพิงรถอยู่ตรงหน้าทางเดินเข้าหอ ลุคที่ดูเจนจัดและหุ่นกำยำของเขาสะดุดตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา รถยนต์คันโก้นั้นเฉิดฉายอยู่ตรงหน้า ทันทีที่เห็นฉันเขาก็พยักหน้าไปทางประตูรถเป็นการบอกกลายๆ ว่าให้ขึ้นมาได้เลย
ฉันพูดตรงๆ นะ ฉันไม่ไว้ใจคนๆ นี้เลยสักนิด
“รบกวนด้วยค่ะ”
แต่เพราะเป็นคำพูดของตรีที่เป็นครอบครัวเดียวที่ฉันเหลืออยู่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ฉันจึงขัดไม่ได้ ทำเพียงแค่ถอนใจแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่หือไม่อือใดๆ
พี่เสือกระตุกยิ้ม เขาถอดแว่นกันแดดออก ท่าทางของเขาไม่ว่าจะอิริยาบถแบบไหนล้วนมีเสน่ห์ชวนมอง หากแต่ดูอันตรายจนไม่กล้าสบตาด้วย
ฉันมองเสี้ยวหน้าของเขาตอนที่ร่างสูงสตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่ง คนแบบพี่เสือไม่น่าใช่ผู้ชายที่ฉันต้องเกี่ยวพันด้วยอยู่แล้ว
ฉันไม่รู้ว่าเขามีอะไรที่ดูน่าเชื่อถือนัก ตรีถึงได้ฝากฉันให้เขาดูแลโดยที่ไม่แคลงใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
ตรีไม่รู้จริงๆ เหรอว่าคนๆ นี้ดูแปลก
“หน้าตาดูไม่ค่อยมีความสุขเลยนะครับน้องกวาง” ฉันชะงักเมื่อจู่ๆ เขาก็โพล่งขึ้นมาด้วยท่าทีสบายๆ ก็แน่ล่ะ ฉันแทบไม่มีรอยยิ้มเลยตอนที่นั่งอยู่ในรถคันนี้
บรรยากาศรอบตัวเขามันดูอันตราย น่าอึดอัด
“กวางเครียดๆ เรื่องงานที่มหาลัยน่ะค่ะ” แต่ฉันจำเป็นต้องโกหกเพื่อรักษามารยาท ทั้งๆ ที่ในใจกลับภาวนาให้เส้นทางสั้นลงกว่านี้อีกหน่อย เพื่อที่เราจะได้ไปถึงมหาวิทยาลัยได้เร็วขึ้น
“พี่นับถือกวางจริงๆ นะรู้ไหมครับ” จู่ๆ ชายร่างใหญ่ที่นั่งกุมพวงมาลัยรถอยู่ข้างๆ ก็โพล่งขึ้น คราวนี้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบนมาสบตากับฉันที่เผอิญหันกลับไปมองเขาในจังหวะเดียวกัน
“...”
“ถ้าพี่เกลียดขี้หน้าใคร พี่ก็คงไม่พูดดีๆ หรือรักษามารยาทกับคนๆ นั้นแบบที่หนูทำกับพี่แน่” เขาพูดแล้วกระตุกยิ้มจนตาปิด หากแต่มันกลับดูน่ากลัวมากสำหรับฉัน “กวางคิดว่าไงครับ?”
บรรยากาศรอบรถเริ่มเข้าสู่สภาวะมาคุและเงียบงัน ฉันหลบสายตาพี่เสือกลับไปมองทางตรงด้านหน้าเหมือนเดิม ไม่อยากยอมรับนักหรอก แต่เหมือนเขาอ่านใจฉันออกอยู่ตลอดเวลาเลย ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
“กวางก็ไม่ได้เกลียดพี่นี่คะ” ฉันพูดออกไปแบบนั้น
ถึงจะไม่ชอบแต่ก็ไม่จำเป็นว่าฉันจะต้องเกลียดคนที่ฉันแทบจะไม่รู้จักตัวตนจริงๆ ของเขาเลยนี่ มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ฉันจะต้องไม่พูดด้วยหรือทำตัวแย่ๆ ใส่เขา
ยังไงก็เป็นรุ่นพี่ที่ตรีไว้ใจมากเสียขนาดนั้น
“ขอบใจนะ” คนตัวใหญ่แต่งแต้มรอยยิ้มประดับใบหน้าของเขามากขึ้นจนมันกว้างกว่าเดิม เขาหันกลับไปมองทางข้างหน้าอีกครั้ง มือของพี่เสือหมุนพวงมาลัยไปด้านข้างเพื่อเข้าซอยที่ลัดออกไปเจอมหาวิทยาลัยได้
บรรยากาศในรถเงียบงันเมื่อไม่มีใครคิดที่จะพูดคุยอะไรกันต่ออีก ฉันอึดอัดมาก ยิ่งรู้ว่านั่งมากับเขาก็ยิ่งอึดอัด
ยิ่งพอเกิดเหตุการณ์เมื่อวานก็ยิ่งอึดอัดมากขึ้น
มันไม่ใช่ความเกลียดชังหรืออะไรทำนองนั้น ฉันก็แค่รู้สึก...
ไม่ปลอดภัย
“วันนี้กวางก็กลับกับพี่นะ” ฉันชะงักไปเมื่อได้ยินแบบนั้น คิดว่าหูฝาดไปจนเขาพูดต่อ “ไอ้ตรีมันโทรมาบอกตั้งแต่เช้าว่าติดโปรเจ็คเลยไม่มีโอกาสได้ไปส่ง”
“...”
“มันอยากให้พี่ช่วยดูแลกวางให้แทน” เขาเน้นรูปประโยคหลังราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่พี่เสือให้ความสำคัญ ชายหนุ่มเคลื่อนตัวรถคันหรูมาถึงหน้าประตูรั้มหาวิทยาลัยที่คุ้นเคย แอร์รถที่เย็นเฉียบทำให้ฉันรู้สึกขนลุกอย่างไม่มีสาเหตุ ฉันก็รู้นะว่าตรีติดงาน แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นพี่เสือด้วย “กวางคงไม่ว่าอะไรมันหรอกใช่ไหม เพราะพี่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร”
ฉันเห็นดวงตาวาววับของเขาที่จ้องมองมาตอนที่ขับรถเข้าไปในตัวมหาลัย มือหนาเอื้อมมาจับหลังมือของฉันที่วางอยู่บนหน้าตักแล้วเริ่มสัมผัสอย่างแผ่วเบา มันแทบไม่ทันได้รู้สึกถึงความร้อนผ่าวของฝ่ามือใหญ่นั่นเลย
เพราะวินาทีต่อมาฉันก็ชักมือออกอย่างรวดเร็ว
“วันไหนพี่ไม่ว่างก็ไม่ต้องมารับมาส่งกวางก็ได้นะคะ กวางเกรงใจจัง คนอื่นเค้าไม่รู้ว่าตรีติดงาน เค้าจะมองพี่เสือกับกวางไม่ดี” ฉันตัดสินใจพูดอย่างเด็ดขาดเพื่อให้เขารู้ว่าไม่เห็นจะต้องทำตามคำพูดของตรีทุกเรื่อง เขาว่าง่ายกับตรีเกินไปจนมันแปลกๆ แล้วนะ “พี่กับกวางก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย พี่เสือไม่กลัวว่าจะถูกเอาไปพูดเหรอคะ”
พี่เสือแค่นหัวเราะออกมาทันที
“กวางคิดแบบนั้นเหรอ?” ฉันรู้สึกงุนงงและไม่ทันตั้งตัวกับคำถามของเขา แล้วจู่ๆ แววตาของพี่เสือก็เปลี่ยนไป มันดูดุร้ายแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในขณะที่ข้อมือของฉันจะถูกคว้าไว้ในจังหวะที่เขาจอดรถ
ร่างสูงดึงฉันให้เข้ามาใกล้ ก่อนที่เขาจะยิ้ม
ยิ้มไปพร้อมกับดวงตาที่ดุร้าย
“โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกครับน้องกวาง” มุมปากของเขายังคงฉีกยิ้มค้างไว้อยู่ แต่แววตากลับไม่สัมพันธ์ไปด้วยกันเลย หากแต่ฉันกลับไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ไม่เข้าใจในการกระทำของเขาเลยแม้แต่นิด “แค่เพียงลมปากคน มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เท่ากับการกระทำของคนที่อยู่ข้างตัวหนูหรอก”
หมายความว่ายังไง?
แม้จะมีคำถาม หากแต่พี่เสือก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น ทิ้งรูปประโยคนั้นไว้เพียงปริศนาที่ชวนให้สับสนปะปนกับหวาดหวั่นในสัมผัสของเขา
“พะ... พี่เสือ ปล่อยกวางก่อน” ฉันไม่รู้จะทำยังไงดีกับสถานการณ์แบบนี้ ก็เลยได้แต่พูดให้เขาปล่อย “พี่จะทำอะไรคะ พี่พูดเรื่องอะไร”
“พี่ไม่คิดจะทำร้ายหนูหรอก” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงความแข็งกระด้างทำให้ฉันชะงักไป ก่อนที่พี่เสือจะผละออก เขากำมือข้างนั้นที่เคยกุมมือของฉันเอาไว้แน่น “พี่แค่อยากให้กวางฟังให้ดี โลกนี้ไม่ได้สวยงามเหมือนที่หนูมองเห็น”
“...”
“วันนี้อาจไม่เป็นอะไรกัน” เขาเว้นคำไว้ แล้วสบตากับฉันด้วยแววตาที่เป็นปริศนา “แต่เชื่อสิ... วันหน้าอาจจะเป็นขึ้นมาก็ได้”
ฉันมองเขาด้วยความรู้สึกที่แปลกไป
ผู้ชายคนนี้อันตราย
สัญชาตญาณของฉันร้องบอกแบบนั้นตอนพยายามที่จะออกจากรถ ฉันไม่ได้กลัว แต่เคยเป็นกันใช่ไหม? อาการหวาดระแวงใครสักคนที่มีท่าทางดูไม่น่าเชื่อใจ ไม่ว่าเขาจะทำตัวแบบไหน ก็รู้สึกเหมือนความปลอดภัยนั้นจะลดน้อยลงไปทุกที
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าประโยคก่อนหน้านั้นมันมีความหมายว่ายังไง ไม่รู้ว่ามันคือการจงใจบอกอะไรบางอย่าง ฉันรู้แค่ว่ามันอาจไม่ใช่เหตุผลที่ดีสักเท่าไหร่ที่เขาจะใช้มันเพื่อแตะต้องตัวฉัน
แต่ทว่า
แกรก
เสียงล็อกประตูรถทั้งสี่ด้านที่ดังขึ้นมาในหูตอนที่ฉันทำท่าจะเปิดประตูรถทำให้ฉันชะงักไป พอลองเปิดประตูดูก็พบว่ามันเปิดไม่ได้
คงจะไม่มีใครทำได้นอกจากเจ้าของรถคันนี้
ฉันหันกลับไปมองเขาอย่างตกใจ แล้วก็เห็นว่าร่างสูงกำลังปรับกระจกรถอยู่ เขามองหน้าฉันที่ทำสีหน้าตื่นตกใจแล้วปลดเซฟตี้เบลท์ออก
แววตาดุดันทำให้ฉันรีบมองหาที่ปลดล็อกข้างตัว ไม่ว่ายังไงถ้าอยู่ในรถต้องทำได้อยู่แล้ว
แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวเลยด้วยซ้ำ
ปึก
ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อพี่เสือเคลื่อนกายเข้ามาหาอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว แล้วใช้มือข้างหนึ่งกักตัวฉันไว้ด้วยการยันมือไว้จนชนกับกระจกประตูรถ
ฉันขึงตามองเขาตัวสั่น รู้สึกหวาดหวั่นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความจริงมันรู้สึกแบบนี้ตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่พี่เสือจ้องฉันจากด้านหลังตอนที่อยู่ในลิฟต์
ฉันรู้นะ เซ้นส์มันบอกว่าเขามองอยู่ตลอดเวลา
“ต้องทำท่ารังเกียจพี่ขนาดนี้เลยเหรอครับ?” เขาถามขึ้นมาตอนที่เอื้อมมือมาลูบใบหน้าของฉันหนักๆ ฉันขยับตัวไม่ได้ มันเหมือนถูกดวงตาของเขาสะกดไว้ “ทำไม... กลัวเหรอ”“...”“สิ่งที่กวางต้องกลัวไม่ใช่พี่” เขากระตุกยิ้ม “พี่ก็บอกอยู่ว่าพี่จะไม่ทำอะไรกวาง”“...”“กวางไม่ไว้ใจพี่เหรอวะ?”ฉันมองเขาด้วยแววตาสั่นระริกตอนที่ร่างสูงพูดแล้วหลุบตาลงต่ำเพื่อมองริมฝีปากของฉัน และต่ำลงไปกว่านั้น มือหนาเลื่อนลงมาจับปลายคางของฉันไว้อย่างอ้อยอิ่ง“ปะ... ปล่อยกวางนะ” ฉันพูดแบบนั้นเพราะสมองมันตื้อจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี พร้อมกับความกลัวที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ พี่เสือช้อนสายตาขึ้นจนฉันเห็นภาพของตัวเองสะท้อนชัดอยู่ในแววตาของเขา“กวาง” เขาเรียกชื่อฉันสั้นๆ “พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับกวาง”“...”“ถ้ากวางจะกลัวพี่เพราะเรื่องนั้น กวางอย่าคิดมากเลยว่ะ” สายตาของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากที่พูดประโยคนั้น “พี่เห็นเราเป็นแค่น้องสาวคนนึง”“...”“เข้าใจยัง”เขาพูดแบบนั้นแล้วกัดฟันแน่นตอนที่ผละออกไป พี่เสือปลดล็อกประตูแล้วเปิดออกไปเพื่อจุดบุหรี่สูบข้างๆ ตัวรถทันทีโดยไม่สนว่าที่นี่จะเป็นสถานศึกษา ทิ้งฉันที่ยังทำสีหน้างุนงงอย่างไ
“เอ้าชน!”ฉันนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ แฟนที่กำลังชนแก้วเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนๆ ของเขาในร้านเหล้ากึ่งบาร์แห่งหนึ่ง‘ตรี’ คือชื่อของแฟนคนปัจจุบันของฉัน เราคบกันมาเกือบจะห้าเดือนได้แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเรารู้จักกันมาก่อนสองปีเพราะเป็นเพื่อนในโรงเรียนมัธยมปลายที่เดียวกัน จนตรีตัดสินใจสารภาพรักกับฉันในโรงพยาบาลหลังอุบัติเหตุที่ทำให้ฉันสูญเสียความทรงจำไปส่วนหนึ่งในครั้งนั้น พวกเราถึงได้คบกันมาจนถึงตอนนี้ฉันชอบเขา แล้วเขาก็ชอบฉันเช่นกัน เราเข้าใจกันและกันดี ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ของเราก็เลยราบรื่นก็คงจะมีแต่เรื่องที่เขาติดเพื่อนบวกกับไม่ค่อยมีเวลาให้กันในสถานะคนรักสักเท่าไหร่นี่แหละที่ทำให้ฉันไม่ค่อยพอใจนัก“ตรี เมื่อไหร่จะกลับเหรอคะ” ฉันเรียกชื่อเขาแล้วซบหน้าลงกับไหล่ของร่างสูงอย่างอ้อนๆ “กวางหิวแล้ว”“หิวมากเลยเหรอ เดี๋ยวสั่งอะไรให้กินไหม?” เขาถาม แล้วฉันก็ทำหน้าบึ้งตึง นั่นอาจจะเพราะว่าเรากำลังอยู่ในร้านเหล้าที่สั่งอาหารจานต่อจานได้ แต่เขาน่าจะรู้ภาษาผู้หญิงสิว่าฉันอยากกลับไปกินข้าวที่ห้องมากกว่าก็ต้องยอมรับว่าฉันเองนั้นไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าเพื่อนๆ ของเขา“นี่สรุปจะไม่กลับจ
ฉันตื่นขึ้นมาในห้องของตรีในเช้าตรู่ของวันต่อมาเขาบอกว่าฉันเมามากจนควบคุมตัวเองไม่ได้ พอจำได้ลางๆ ว่าเมื่อคืนมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ชื่อเสือบังคับให้ฉันกินเหล้าเพราะเหตุผลที่ว่าเขากลัวว่าฉันจะถูกมอม มันอาจเป็นเหตุผลที่ดีในการหักดิบและฝึกภูมิคุ้มกันให้กับใครสักคน... ในกรณีที่สนิทกันประมาณหนึ่งน่ะนะ ไม่ใช่คนเพิ่งรู้จักกันแบบนี้ และเพราะเขาดูน่ากลัวฉันก็เลยไม่อยากมีปัญหาด้วย ก็เลยลองกินไปแก้วหนึ่ง แต่เพราะว่าฉันไม่เคยดื่ม ก็เลยคออ่อนล้มพับไปฉันไม่รู้จุดประสงค์ของคนๆ นี้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แต่เดาว่าคงเป็นการกลั่นแกล้งกันแบบผู้ชายในวงเหล้า และอาจเพราะฉันยังไม่ชินกับการมีสังคมแบบล้ำลึกก็เลยอ่อนไหวตรีดูเคารพรักคนๆ นี้จะตาย เขาก็ไม่น่าจะเป็นคนที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกมั้งตรีมาส่งฉันที่มหาลัยตั้งแต่เช้า เราเรียนคนละที่กัน หลังจากจบมัธยมปลายฉันก็ประสบอุบัติเหตุ และตรีก็บอกรักฉัน แต่เราเข้ามหาวิทยาลัยคนละที่ตามเกรดที่เรียน ฉันบอกลาเขา ตรีขับรถออกไปทันที ในขณะที่ฉันเองก็จะเตรียมตัวเข้าคลาสเรียนเหมือนกันวันนี้เข้าเรียนตามปกติ ฉันเข้าไปนั่งในที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและหลบมุม ภาวนาให้เป็นไปได้อย่า
“ตรีเป็นคนบอกให้พี่เสือไปส่งกวางงั้นเหรอคะ?”“ใช่” ผมกระตุกยิ้มเมื่อทันทีที่เลิกคลาส กวางที่ทำท่าจะกลับเลยก็ถูกผมรั้งเอาไว้ ผมอ้างถึงไอ้ตรีว่าผมถูกมันบอกให้ไปส่งเธอที่คอนโด แต่กวางดูจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่“แต่กวางกลับเองได้...” เธอพูดเสียงเบาเพราะกลัวว่ามันจะเสียน้ำใจผมมากเกินไป หากแต่ผมไม่แคร์อยู่แล้วว่าเธอจะคิดยังไงสุดท้ายวันนี้... เธอก็ต้องนั่งรถผมกลับห้องอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?“ตามใจน้องกวางเลยครับ พี่ไม่มีปัญหา” ผมไหวไหล่ “แต่ถ้าโดนไอ้ตรีด่าก็อย่ามาโทษพี่ก็แล้วกัน”“ตรีให้พี่ไปส่งกวางจริงๆ เหรอคะ” เธอยังทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อถืออยู่ ผมก็เลยฉีกยิ้ม แล้วล้วงไอโฟนในกระเป๋าไปจ่ออยู่ตรงหน้าเธอ“โทรดิ ให้เช็ค” กวางเบิกตาโต เธอขมวดคิ้วก่อนที่จะขยับตัวออกห่างจากผมนิดหน่อย“กวางก็มีโทรศัพท์ค่ะ เดี๋ยวกวางโทรของกวางเอง” เธอดูระวังตัวจริงๆ ก่อนที่จะกดโทรศัพท์โทรหาไอ้ตรีทันที ตอนนี้ผมกับเธอยืนอยู่เกือบๆ หน้าประตูมหาลัย คนที่เดินผ่านก็ยกมือไหว้ผมเพราะผมค่อนข้างกว้างขวางที่นี่ แน่นอนล่ะ ก็พ่อผมเป็นใครกัน แม้แต่อาจารย์ทุกคนที่นี่ยังรู้จักผมในฐานะลูกชายท่านผู้บริหาร กวางเหลือบมองผมอย่างหวาดๆ ตอนที
“กวางคุยกับตรีอยู่น่ะค่ะ ตรีมาถามเรื่องกวางเป็นไข้” เธอบอกผมทั้งหมดพร้อมกับขมวดคิ้ว “กวางยังงงอยู่เลย ทั้งที่กวางก็ไม่ได้เป็นอะไร”“แล้วบอกพี่ทำไมเหรอ” ผมเลิกคิ้วโดยที่ยังไม่มองหน้าเธอ “สงสัยพี่รึไงครับ?”“ก็มีแค่พี่เสือคนเดียวที่อยู่กับกวาง”“ตรีมันก็คงเป็นห่วงไปเรื่อย เกี่ยวอะไรกับพี่ครับ” ผมตีหน้านิ่งแล้วพูดเรื่องโกหกต่อหน้าเธออย่างแนบเนียน แสร้งทำว่าตัวเองมีจุดประสงค์ที่ดีจริงๆ ที่ไปส่ง กวางทำตาโต เพราะสีหน้าของผมตอนนี้มันคงดูน่ากลัวได้ใจ “พี่ดูแย่ในสายตาหนูขนาดนั้นเลยเหรอ?”“ปะ... เปล่าค่ะ กวางแค่สงสัยเท่านั้นเอง กวางขอโทษด้วยนะคะ” กวางเลิ่กลั่กตอบกลับแทบจะทันที เธอหลบสายตากลับไป เริ่มมีแววตาไม่มั่นใจและไม่มั่นคงทางน้ำเสียง ผมกระตุกยิ้ม กวางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ในเวลานี้ถึงคนตัวเล็กจะเคลือบแคลงใจ แต่เธอไม่สามารถต้อนผมให้จนมุมได้“ไม่ต้องกลัวพี่หรอกครับ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรหนูแน่นอน” ผมทั้งตบหัวแล้วลูบหลังเธอแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เธอเกรงใจผมมากขึ้นจนถึงขั้นไม่สามารถตีสนิทกันต่อได้ ตอนที่ขับเข้าไปในเขตหอพักของเธอกวางก็รีบดึงเข็มขัดนิรภัยออกทันทีผมจ้องมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างเ
น่ากลัวจริงๆ นั่นแหละฉันนั่งอยู่ในห้อง หายใจถี่รัวตลอดเวลาเหมือนเพิ่งไปเจออะไรที่ระทึกขวัญสุดๆ มา ไม่ว่าเขาจะจงใจหรือไม่ พี่เสือก็ดูเป็นผู้ชายที่ไม่น่าไว้ใจมากอยู่ดี เขาชอบจ้องมองฉันด้วยแววตาที่ฉันคาดเดาไม่ถึง ไม่ว่าจะตอนที่ดวงตาของฉันสะท้อนภาพของเขา หรือแม้แต่เวลาที่ฉันมองไม่เห็น ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แถมก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะทำอะไรต่อไปฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงรู้จักเขามากมายขนาดนั้น เขาดูเป็นคนที่... ดูมีอะไรแปลกๆ ที่ทำให้รู้สึกอันตราย ดูไม่น่าเข้าใกล้ แต่ก็ดูดีและดูมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรเรียกมันว่าอะไร อาจจะเป็นคาริสม่าอันตรายที่ทำให้ใครต่อใครรู้ว่ามันคือไฟแต่ก็อยากจะเข้าไปทำความรู้จักละมั้งฉันถอนหายใจ แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรฉันนี่นา ยังไงก็ดีแล้วล่ะ ต่อให้ดูร้ายกาจแค่ไหน ก็คงต้องมีจิตสำนึกอยู่บ้างเพราะอยู่ในห้องคนเดียวฉันก็เลยทำทุกอย่างตามความสะดวก ฉันถอดชุดนักศึกษาจนเหลือแต่เสื้อกล้ามตัวบางๆ และถอดกระโปรงทรงเอออก เดินตรงไปยังที่ซักแล้วโยนลงไป วันเสาร์นี้คงต้องลงไปร้านซักรีดข้างล่างแล้วล่ะ เสื้อเริ่มล้นตะกร้าแล้วฉันคิดในใจแล้วรวบผมขึ้นเป็นหาง
พี่เสือจ้องมองฉัน ท่ามกลางความเงียบสงัดอันไร้สุ้มเสียง เหมือนเขากำลังขยับตัวเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ“... อะ!” ฉันสะดุ้งเฮือก รีบกระถดตัวถอยหนีเขาทันที แต่ดันเผลอเอามือไปถูกเศษแก้วบาดเข้าที่ปลายนิ้ว ความรู้สึกต่อมาคือความเจ็บปวด ปลายนิ้วมันทั้งแสบและร้อนเหมือนเลือดกำลังซึมออกมา พี่เสือสังเกตเห็นทุกอิริยาบถของฉัน เขาหันหน้ากลับไป“พี่ว่ากวางไปทำแผลก่อนดีไหม” เขาพูดกับฉันตอนที่เก็บเศษแก้วอย่างตั้งใจเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่จะเก็บให้เอง”“ดะ... ได้ค่ะ” เสียงของฉันสั่นตอนที่ผุดลุกขึ้นไปอย่างว่าง่ายโดยไม่มองหน้าเขา แน่ล่ะ อยู่ด้วยกันในสถานการณ์แปลกๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่ “กวางรบกวนหน่อยนะคะ”“โอเค” เขาตอบรับสั้นๆ แล้วไม่ได้มองหน้าฉันกลับมาอีก ฉันก็เลยเดินกุมแผลที่นิ้วของตัวเองไปล้างที่ซิงค์ล้างจานอย่างเงียบๆน้ำที่เย็นจัดสัมผัสกับปลายนิ้วของฉัน แต่ฉันกลับสะดุ้งโหยงเมื่อมันแตะโดนที่บาดแผล ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่แผลเล็กๆ เท่านั้นฉันหวนไปนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้มันเหมือนเขาจงใจเลย ฉันเห็นว่าเขาตั้งใจปล่อยมือออกจากแก้วน้ำเอง แต่ทำไมตอนที่เขาเก็บเศษแก้วเขาถึงดูไม่มีพิรุธอะไรเลยล่
ยาออกฤทธิ์แล้วสินะผมกระตุกยิ้ม ทำท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอย่างเสแสร้งแล้วตรงเข้าไปประคองเธอจากด้านข้าง“กวาง เป็นอะไรครับ” ผมถามทั้งๆ ที่มุมปากยังคงกระตุกยิ้มค้างเอาไว้อย่างไม่สามารถปิดบังความคิดสกปรกของตัวเองได้มิด กวางสะลึมสะลือ เธอสั่นหน้าเบาๆ อย่างคนไม่มีแรงแล้วพยายามลุกขึ้น แต่ก็ล้มลงมาบนตัวผมอยู่ดีไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงตัวแต่ก็ยังพยายาม นับถือใจเธอเลยจริงๆ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของกวางยังทำงานได้ดีแม้ว่าเธอจะจมไปกับฤทธิ์ยาที่กดประสาทผมแค่นหัวเราะ พลางใช้ปลายนิ้วไล้เข้าที่ไหล่ของเธออย่างแผ่วเบา ปากก็เรียกชื่อเหมือนเป็นห่วงเธอมากซะเหลือเกิน “กวางครับ ไหวไหม”“อื้อ...” กวางเหมือนคนไม่มีสติเพราะฤทธิ์ยามันแรงเอาเรื่อง เธอครางเบาๆ ตอนที่ผมลูบเข้าที่ต้นแขนของเธอ ไล้ปลายนิ้วไปจนถึงข้อมือเล็ก ผมจับหลังมือของเธอขึ้นมาจูบนิดหน่อย“กวาง... ได้ยินพี่รึเปล่า”คราวนี้ผมกระซิบข้างใบหูของเธอ ไล้สันจมูกไปตามแนวยาวของซอกคอของกวาง มันหอม... เหมือนกลิ่นโลชั่นผมจูบเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ มือข้างหนึ่งประสานฝ่ามือกับมือข้างขวาของร่างเล็ก อีกข้างก็ปลดกระดุมชุดของเธอออกผมไม่ทำอะไรเธอหรอก แค่ทำให้เธอรู้สึกเหมือ
“ต้องทำท่ารังเกียจพี่ขนาดนี้เลยเหรอครับ?” เขาถามขึ้นมาตอนที่เอื้อมมือมาลูบใบหน้าของฉันหนักๆ ฉันขยับตัวไม่ได้ มันเหมือนถูกดวงตาของเขาสะกดไว้ “ทำไม... กลัวเหรอ”“...”“สิ่งที่กวางต้องกลัวไม่ใช่พี่” เขากระตุกยิ้ม “พี่ก็บอกอยู่ว่าพี่จะไม่ทำอะไรกวาง”“...”“กวางไม่ไว้ใจพี่เหรอวะ?”ฉันมองเขาด้วยแววตาสั่นระริกตอนที่ร่างสูงพูดแล้วหลุบตาลงต่ำเพื่อมองริมฝีปากของฉัน และต่ำลงไปกว่านั้น มือหนาเลื่อนลงมาจับปลายคางของฉันไว้อย่างอ้อยอิ่ง“ปะ... ปล่อยกวางนะ” ฉันพูดแบบนั้นเพราะสมองมันตื้อจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี พร้อมกับความกลัวที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ พี่เสือช้อนสายตาขึ้นจนฉันเห็นภาพของตัวเองสะท้อนชัดอยู่ในแววตาของเขา“กวาง” เขาเรียกชื่อฉันสั้นๆ “พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับกวาง”“...”“ถ้ากวางจะกลัวพี่เพราะเรื่องนั้น กวางอย่าคิดมากเลยว่ะ” สายตาของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากที่พูดประโยคนั้น “พี่เห็นเราเป็นแค่น้องสาวคนนึง”“...”“เข้าใจยัง”เขาพูดแบบนั้นแล้วกัดฟันแน่นตอนที่ผละออกไป พี่เสือปลดล็อกประตูแล้วเปิดออกไปเพื่อจุดบุหรี่สูบข้างๆ ตัวรถทันทีโดยไม่สนว่าที่นี่จะเป็นสถานศึกษา ทิ้งฉันที่ยังทำสีหน้างุนงงอย่างไ
ฉันไม่คิดว่าตรีจะไว้ใจคนๆ นี้ได้ขนาดนั้นเลย มากจนขนาดแค่เพียงได้พบกันไม่กี่ครั้ง ยังกล้าให้เขาไปรับไปส่งฉันได้กระทั่งตอนเช้าอันสแสนสับสนกับความสัมพันธ์ระหว่างแฟนตัวเองกับรุ่นพี่ท่าทางดุร้าย ทันทีที่ฉันลงไปข้างล่างก็เห็นรถ BMW ที่คุ้นเคย พร้อมกับคนตัวใหญ่ในชุดนักศึกษาที่ยืนกอดอกพิงรถอยู่ตรงหน้าทางเดินเข้าหอ ลุคที่ดูเจนจัดและหุ่นกำยำของเขาสะดุดตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา รถยนต์คันโก้นั้นเฉิดฉายอยู่ตรงหน้า ทันทีที่เห็นฉันเขาก็พยักหน้าไปทางประตูรถเป็นการบอกกลายๆ ว่าให้ขึ้นมาได้เลยฉันพูดตรงๆ นะ ฉันไม่ไว้ใจคนๆ นี้เลยสักนิด“รบกวนด้วยค่ะ”แต่เพราะเป็นคำพูดของตรีที่เป็นครอบครัวเดียวที่ฉันเหลืออยู่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ฉันจึงขัดไม่ได้ ทำเพียงแค่ถอนใจแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่หือไม่อือใดๆพี่เสือกระตุกยิ้ม เขาถอดแว่นกันแดดออก ท่าทางของเขาไม่ว่าจะอิริยาบถแบบไหนล้วนมีเสน่ห์ชวนมอง หากแต่ดูอันตรายจนไม่กล้าสบตาด้วยฉันมองเสี้ยวหน้าของเขาตอนที่ร่างสูงสตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่ง คนแบบพี่เสือไม่น่าใช่ผู้ชายที่ฉันต้องเกี่ยวพันด้วยอยู่แล้วฉันไม่รู้ว่าเขามีอะไรที่ดูน่าเ
ยาออกฤทธิ์แล้วสินะผมกระตุกยิ้ม ทำท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอย่างเสแสร้งแล้วตรงเข้าไปประคองเธอจากด้านข้าง“กวาง เป็นอะไรครับ” ผมถามทั้งๆ ที่มุมปากยังคงกระตุกยิ้มค้างเอาไว้อย่างไม่สามารถปิดบังความคิดสกปรกของตัวเองได้มิด กวางสะลึมสะลือ เธอสั่นหน้าเบาๆ อย่างคนไม่มีแรงแล้วพยายามลุกขึ้น แต่ก็ล้มลงมาบนตัวผมอยู่ดีไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงตัวแต่ก็ยังพยายาม นับถือใจเธอเลยจริงๆ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของกวางยังทำงานได้ดีแม้ว่าเธอจะจมไปกับฤทธิ์ยาที่กดประสาทผมแค่นหัวเราะ พลางใช้ปลายนิ้วไล้เข้าที่ไหล่ของเธออย่างแผ่วเบา ปากก็เรียกชื่อเหมือนเป็นห่วงเธอมากซะเหลือเกิน “กวางครับ ไหวไหม”“อื้อ...” กวางเหมือนคนไม่มีสติเพราะฤทธิ์ยามันแรงเอาเรื่อง เธอครางเบาๆ ตอนที่ผมลูบเข้าที่ต้นแขนของเธอ ไล้ปลายนิ้วไปจนถึงข้อมือเล็ก ผมจับหลังมือของเธอขึ้นมาจูบนิดหน่อย“กวาง... ได้ยินพี่รึเปล่า”คราวนี้ผมกระซิบข้างใบหูของเธอ ไล้สันจมูกไปตามแนวยาวของซอกคอของกวาง มันหอม... เหมือนกลิ่นโลชั่นผมจูบเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ มือข้างหนึ่งประสานฝ่ามือกับมือข้างขวาของร่างเล็ก อีกข้างก็ปลดกระดุมชุดของเธอออกผมไม่ทำอะไรเธอหรอก แค่ทำให้เธอรู้สึกเหมือ
พี่เสือจ้องมองฉัน ท่ามกลางความเงียบสงัดอันไร้สุ้มเสียง เหมือนเขากำลังขยับตัวเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ“... อะ!” ฉันสะดุ้งเฮือก รีบกระถดตัวถอยหนีเขาทันที แต่ดันเผลอเอามือไปถูกเศษแก้วบาดเข้าที่ปลายนิ้ว ความรู้สึกต่อมาคือความเจ็บปวด ปลายนิ้วมันทั้งแสบและร้อนเหมือนเลือดกำลังซึมออกมา พี่เสือสังเกตเห็นทุกอิริยาบถของฉัน เขาหันหน้ากลับไป“พี่ว่ากวางไปทำแผลก่อนดีไหม” เขาพูดกับฉันตอนที่เก็บเศษแก้วอย่างตั้งใจเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่จะเก็บให้เอง”“ดะ... ได้ค่ะ” เสียงของฉันสั่นตอนที่ผุดลุกขึ้นไปอย่างว่าง่ายโดยไม่มองหน้าเขา แน่ล่ะ อยู่ด้วยกันในสถานการณ์แปลกๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่ “กวางรบกวนหน่อยนะคะ”“โอเค” เขาตอบรับสั้นๆ แล้วไม่ได้มองหน้าฉันกลับมาอีก ฉันก็เลยเดินกุมแผลที่นิ้วของตัวเองไปล้างที่ซิงค์ล้างจานอย่างเงียบๆน้ำที่เย็นจัดสัมผัสกับปลายนิ้วของฉัน แต่ฉันกลับสะดุ้งโหยงเมื่อมันแตะโดนที่บาดแผล ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่แผลเล็กๆ เท่านั้นฉันหวนไปนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้มันเหมือนเขาจงใจเลย ฉันเห็นว่าเขาตั้งใจปล่อยมือออกจากแก้วน้ำเอง แต่ทำไมตอนที่เขาเก็บเศษแก้วเขาถึงดูไม่มีพิรุธอะไรเลยล่
น่ากลัวจริงๆ นั่นแหละฉันนั่งอยู่ในห้อง หายใจถี่รัวตลอดเวลาเหมือนเพิ่งไปเจออะไรที่ระทึกขวัญสุดๆ มา ไม่ว่าเขาจะจงใจหรือไม่ พี่เสือก็ดูเป็นผู้ชายที่ไม่น่าไว้ใจมากอยู่ดี เขาชอบจ้องมองฉันด้วยแววตาที่ฉันคาดเดาไม่ถึง ไม่ว่าจะตอนที่ดวงตาของฉันสะท้อนภาพของเขา หรือแม้แต่เวลาที่ฉันมองไม่เห็น ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แถมก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะทำอะไรต่อไปฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงรู้จักเขามากมายขนาดนั้น เขาดูเป็นคนที่... ดูมีอะไรแปลกๆ ที่ทำให้รู้สึกอันตราย ดูไม่น่าเข้าใกล้ แต่ก็ดูดีและดูมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรเรียกมันว่าอะไร อาจจะเป็นคาริสม่าอันตรายที่ทำให้ใครต่อใครรู้ว่ามันคือไฟแต่ก็อยากจะเข้าไปทำความรู้จักละมั้งฉันถอนหายใจ แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรฉันนี่นา ยังไงก็ดีแล้วล่ะ ต่อให้ดูร้ายกาจแค่ไหน ก็คงต้องมีจิตสำนึกอยู่บ้างเพราะอยู่ในห้องคนเดียวฉันก็เลยทำทุกอย่างตามความสะดวก ฉันถอดชุดนักศึกษาจนเหลือแต่เสื้อกล้ามตัวบางๆ และถอดกระโปรงทรงเอออก เดินตรงไปยังที่ซักแล้วโยนลงไป วันเสาร์นี้คงต้องลงไปร้านซักรีดข้างล่างแล้วล่ะ เสื้อเริ่มล้นตะกร้าแล้วฉันคิดในใจแล้วรวบผมขึ้นเป็นหาง
“กวางคุยกับตรีอยู่น่ะค่ะ ตรีมาถามเรื่องกวางเป็นไข้” เธอบอกผมทั้งหมดพร้อมกับขมวดคิ้ว “กวางยังงงอยู่เลย ทั้งที่กวางก็ไม่ได้เป็นอะไร”“แล้วบอกพี่ทำไมเหรอ” ผมเลิกคิ้วโดยที่ยังไม่มองหน้าเธอ “สงสัยพี่รึไงครับ?”“ก็มีแค่พี่เสือคนเดียวที่อยู่กับกวาง”“ตรีมันก็คงเป็นห่วงไปเรื่อย เกี่ยวอะไรกับพี่ครับ” ผมตีหน้านิ่งแล้วพูดเรื่องโกหกต่อหน้าเธออย่างแนบเนียน แสร้งทำว่าตัวเองมีจุดประสงค์ที่ดีจริงๆ ที่ไปส่ง กวางทำตาโต เพราะสีหน้าของผมตอนนี้มันคงดูน่ากลัวได้ใจ “พี่ดูแย่ในสายตาหนูขนาดนั้นเลยเหรอ?”“ปะ... เปล่าค่ะ กวางแค่สงสัยเท่านั้นเอง กวางขอโทษด้วยนะคะ” กวางเลิ่กลั่กตอบกลับแทบจะทันที เธอหลบสายตากลับไป เริ่มมีแววตาไม่มั่นใจและไม่มั่นคงทางน้ำเสียง ผมกระตุกยิ้ม กวางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ในเวลานี้ถึงคนตัวเล็กจะเคลือบแคลงใจ แต่เธอไม่สามารถต้อนผมให้จนมุมได้“ไม่ต้องกลัวพี่หรอกครับ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรหนูแน่นอน” ผมทั้งตบหัวแล้วลูบหลังเธอแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เธอเกรงใจผมมากขึ้นจนถึงขั้นไม่สามารถตีสนิทกันต่อได้ ตอนที่ขับเข้าไปในเขตหอพักของเธอกวางก็รีบดึงเข็มขัดนิรภัยออกทันทีผมจ้องมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างเ
“ตรีเป็นคนบอกให้พี่เสือไปส่งกวางงั้นเหรอคะ?”“ใช่” ผมกระตุกยิ้มเมื่อทันทีที่เลิกคลาส กวางที่ทำท่าจะกลับเลยก็ถูกผมรั้งเอาไว้ ผมอ้างถึงไอ้ตรีว่าผมถูกมันบอกให้ไปส่งเธอที่คอนโด แต่กวางดูจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่“แต่กวางกลับเองได้...” เธอพูดเสียงเบาเพราะกลัวว่ามันจะเสียน้ำใจผมมากเกินไป หากแต่ผมไม่แคร์อยู่แล้วว่าเธอจะคิดยังไงสุดท้ายวันนี้... เธอก็ต้องนั่งรถผมกลับห้องอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?“ตามใจน้องกวางเลยครับ พี่ไม่มีปัญหา” ผมไหวไหล่ “แต่ถ้าโดนไอ้ตรีด่าก็อย่ามาโทษพี่ก็แล้วกัน”“ตรีให้พี่ไปส่งกวางจริงๆ เหรอคะ” เธอยังทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อถืออยู่ ผมก็เลยฉีกยิ้ม แล้วล้วงไอโฟนในกระเป๋าไปจ่ออยู่ตรงหน้าเธอ“โทรดิ ให้เช็ค” กวางเบิกตาโต เธอขมวดคิ้วก่อนที่จะขยับตัวออกห่างจากผมนิดหน่อย“กวางก็มีโทรศัพท์ค่ะ เดี๋ยวกวางโทรของกวางเอง” เธอดูระวังตัวจริงๆ ก่อนที่จะกดโทรศัพท์โทรหาไอ้ตรีทันที ตอนนี้ผมกับเธอยืนอยู่เกือบๆ หน้าประตูมหาลัย คนที่เดินผ่านก็ยกมือไหว้ผมเพราะผมค่อนข้างกว้างขวางที่นี่ แน่นอนล่ะ ก็พ่อผมเป็นใครกัน แม้แต่อาจารย์ทุกคนที่นี่ยังรู้จักผมในฐานะลูกชายท่านผู้บริหาร กวางเหลือบมองผมอย่างหวาดๆ ตอนที
ฉันตื่นขึ้นมาในห้องของตรีในเช้าตรู่ของวันต่อมาเขาบอกว่าฉันเมามากจนควบคุมตัวเองไม่ได้ พอจำได้ลางๆ ว่าเมื่อคืนมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ชื่อเสือบังคับให้ฉันกินเหล้าเพราะเหตุผลที่ว่าเขากลัวว่าฉันจะถูกมอม มันอาจเป็นเหตุผลที่ดีในการหักดิบและฝึกภูมิคุ้มกันให้กับใครสักคน... ในกรณีที่สนิทกันประมาณหนึ่งน่ะนะ ไม่ใช่คนเพิ่งรู้จักกันแบบนี้ และเพราะเขาดูน่ากลัวฉันก็เลยไม่อยากมีปัญหาด้วย ก็เลยลองกินไปแก้วหนึ่ง แต่เพราะว่าฉันไม่เคยดื่ม ก็เลยคออ่อนล้มพับไปฉันไม่รู้จุดประสงค์ของคนๆ นี้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แต่เดาว่าคงเป็นการกลั่นแกล้งกันแบบผู้ชายในวงเหล้า และอาจเพราะฉันยังไม่ชินกับการมีสังคมแบบล้ำลึกก็เลยอ่อนไหวตรีดูเคารพรักคนๆ นี้จะตาย เขาก็ไม่น่าจะเป็นคนที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกมั้งตรีมาส่งฉันที่มหาลัยตั้งแต่เช้า เราเรียนคนละที่กัน หลังจากจบมัธยมปลายฉันก็ประสบอุบัติเหตุ และตรีก็บอกรักฉัน แต่เราเข้ามหาวิทยาลัยคนละที่ตามเกรดที่เรียน ฉันบอกลาเขา ตรีขับรถออกไปทันที ในขณะที่ฉันเองก็จะเตรียมตัวเข้าคลาสเรียนเหมือนกันวันนี้เข้าเรียนตามปกติ ฉันเข้าไปนั่งในที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและหลบมุม ภาวนาให้เป็นไปได้อย่า
“เอ้าชน!”ฉันนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ แฟนที่กำลังชนแก้วเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนๆ ของเขาในร้านเหล้ากึ่งบาร์แห่งหนึ่ง‘ตรี’ คือชื่อของแฟนคนปัจจุบันของฉัน เราคบกันมาเกือบจะห้าเดือนได้แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเรารู้จักกันมาก่อนสองปีเพราะเป็นเพื่อนในโรงเรียนมัธยมปลายที่เดียวกัน จนตรีตัดสินใจสารภาพรักกับฉันในโรงพยาบาลหลังอุบัติเหตุที่ทำให้ฉันสูญเสียความทรงจำไปส่วนหนึ่งในครั้งนั้น พวกเราถึงได้คบกันมาจนถึงตอนนี้ฉันชอบเขา แล้วเขาก็ชอบฉันเช่นกัน เราเข้าใจกันและกันดี ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ของเราก็เลยราบรื่นก็คงจะมีแต่เรื่องที่เขาติดเพื่อนบวกกับไม่ค่อยมีเวลาให้กันในสถานะคนรักสักเท่าไหร่นี่แหละที่ทำให้ฉันไม่ค่อยพอใจนัก“ตรี เมื่อไหร่จะกลับเหรอคะ” ฉันเรียกชื่อเขาแล้วซบหน้าลงกับไหล่ของร่างสูงอย่างอ้อนๆ “กวางหิวแล้ว”“หิวมากเลยเหรอ เดี๋ยวสั่งอะไรให้กินไหม?” เขาถาม แล้วฉันก็ทำหน้าบึ้งตึง นั่นอาจจะเพราะว่าเรากำลังอยู่ในร้านเหล้าที่สั่งอาหารจานต่อจานได้ แต่เขาน่าจะรู้ภาษาผู้หญิงสิว่าฉันอยากกลับไปกินข้าวที่ห้องมากกว่าก็ต้องยอมรับว่าฉันเองนั้นไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าเพื่อนๆ ของเขา“นี่สรุปจะไม่กลับจ