ยาออกฤทธิ์แล้วสินะ
ผมกระตุกยิ้ม ทำท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอย่างเสแสร้งแล้วตรงเข้าไปประคองเธอจากด้านข้าง
“กวาง เป็นอะไรครับ” ผมถามทั้งๆ ที่มุมปากยังคงกระตุกยิ้มค้างเอาไว้อย่างไม่สามารถปิดบังความคิดสกปรกของตัวเองได้มิด กวางสะลึมสะลือ เธอสั่นหน้าเบาๆ อย่างคนไม่มีแรงแล้วพยายามลุกขึ้น แต่ก็ล้มลงมาบนตัวผมอยู่ดี
ไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงตัวแต่ก็ยังพยายาม นับถือใจเธอเลยจริงๆ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของกวางยังทำงานได้ดีแม้ว่าเธอจะจมไปกับฤทธิ์ยาที่กดประสาท
ผมแค่นหัวเราะ พลางใช้ปลายนิ้วไล้เข้าที่ไหล่ของเธออย่างแผ่วเบา ปากก็เรียกชื่อเหมือนเป็นห่วงเธอมากซะเหลือเกิน “กวางครับ ไหวไหม”
“อื้อ...” กวางเหมือนคนไม่มีสติเพราะฤทธิ์ยามันแรงเอาเรื่อง เธอครางเบาๆ ตอนที่ผมลูบเข้าที่ต้นแขนของเธอ ไล้ปลายนิ้วไปจนถึงข้อมือเล็ก ผมจับหลังมือของเธอขึ้นมาจูบนิดหน่อย
“กวาง... ได้ยินพี่รึเปล่า”
คราวนี้ผมกระซิบข้างใบหูของเธอ ไล้สันจมูกไปตามแนวยาวของซอกคอของกวาง มันหอม... เหมือนกลิ่นโลชั่น
ผมจูบเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ มือข้างหนึ่งประสานฝ่ามือกับมือข้างขวาของร่างเล็ก อีกข้างก็ปลดกระดุมชุดของเธอออก
ผมไม่ทำอะไรเธอหรอก แค่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนผีอำนิดหน่อย
ปลายลิ้นของผมสัมผัสรสชาติของเธอที่ลาดไหล่ตอนที่รั้งคอเสื้อลงเพราะปลดกระดุมครบทุกเม็ด กวางขยับใบหน้าหนีตอนที่ผมเลื่อนขึ้นไปขบใบหูของเธอ
“อื้อ... อึก” ผมดันใบหน้าเธอให้เข้ามาจูบจากทางด้านข้าง ละเลียดปลายลิ้นไปตามแนวไรฟันของเธอ ร่างเล็กกระตุกน้อยๆ เพราะตอนที่ผมจูบเธอผมก็ลูบต้นขาของเธอหนักๆ รั้งชุดกระโปรงยาวจนขึ้นไปถึงต้นขาด้านบนสุด “อื้อ หะ... หายใจไม่ออก”
เธอละเมอออกมาเป็นประโยค แล้วมือของผมก็ขึ้นสูงกว่านั้น
มือของผมสัมผัสกับลำคอขาวผ่องของเธอ ลูบไล้ปลายคางสวยได้รูปอย่างหลงใหล ผมจูบเธอที่ท้ายทอยโดยไม่ให้เธอรู้สึกตัว กวางขยับตัวเหมือนอึดอัด พอยานอนหลับออกฤทธิ์ในช่วงแรกเธอจะมีอาการเหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่น
มันไม่ได้เรียกว่าฉวยโอกาส ผมแค่เข้าถึงเธอเร็วกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง
ริมฝีปากของผมนาบอยู่ที่ท้ายทอยของเธอ กวางครางอื้ออึงในลำคอ เธอพยายามจะดึงมือผมออกด้วยเรี่ยวแรงที่แทบจะเป็นศูนย์ ผมที่ไม่สะทกสะท้านต่อแรงน้อยๆ ของเธอถูปลายนิ้วของเธอเบาๆ ลูบพลาสเตอร์ที่นิ้วชี้ของกวาง บังคับให้ประสานมือเข้ากับฝ่ามือของผม
ผมใจเย็นพอที่จะไม่ทำอะไรเธอรุนแรง หรืออาจจะมากกว่าการจูบภายนอก
มือข้างที่ไม่ได้ประสานมือเธอของผมเลื่อนขึ้นมากุมปลายคางของเธอเบาๆ กดปลายนิ้วลงที่ริมฝีปากเล็กๆ จนมันเปิดออก ปลายนิ้วหยาบของผมแตะลงกับใบลิ้นที่มันชื้น เสื้อของเธอที่ไม่เรียบร้อย สภาพที่ไม่น่าดูสะท้อนอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ที่ดับสนิทเมื่อผมกดรีโมทปิดมันลง
น่าสงสารจัง แฟนของเธอไม่เหลียวแลเธอเลยสักนิด
ปลายลิ้นของกวางส่ายเล็กน้อยจนน้ำลายนั้นเปื้อนปลายนิ้วของผม ผมบังคับให้เธอแหงนหน้าขึ้นมาจนผมเห็นใบหน้าของเธอแทบทั้งหมด สางผมของเธอแล้วทัดหูให้อย่างเงียบเชียบ
ผมกอดรัดเธอเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าคนตัวเล็กบนตัวจะหายไปอีก ไอ้ตรียังไม่กลับมา แต่ผมจะไม่ทำอะไรเธอมากกว่านี้หรอก
ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งดมกลิ่น ยิ่งสัมผัส เธอก็ยิ่งเหมือนกับผู้หญิงในความทรงจำของผม
ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเรา... นี่ก็แค่การลวนลามนิดหน่อย
ของจริงมันต้องหลังจากนี้ ถึงจะสนุก
[จบพาร์ท : เสือ]
ฉันรู้สึกกระสับกระส่าย ครั่นเนื้อครั่นตัวตลอดเวลาเหมือนกำลังจับไข้ รู้สึกเหมือนถูกใครบางคนสัมผัสไปทั่ว มันร้อน แล้วก็อึดอัดมาก
ฉันส่ายหน้าไปมา ศีรษะสัมผัสได้ถึงแผงอกของใครสักคนที่แนบอยู่ที่แผ่นหลัง ฉันพยายามที่จะดิ้นหรือขยับตัว อะไรก็ได้ที่ทำให้เขาไม่สามารถแตะต้องฉันได้อีก แต่เหมือนทุกอย่างมันหนักอึ้งไปหมด การขยับตัวของฉันหนึ่งครั้งมันแทบไม่มีเรี่ยวแรง
จนสติของฉันดับวูบไปในชั่วขณะหนึ่ง
“กวาง”
“...”
“กวาง ได้ยินตรีไหม”
“...”
“กวาง!”
“อาการไม่ค่อยดี เห็นไหม” ฉันได้ยินเสียงของคนสองคนที่คุยกันในห้อง คนหนึ่งเรียกชื่อฉันอยู่พร้อมกับแรงตบเบาๆ ที่ข้างแก้มให้ฉันตื่น กับเสียงทุ้มของคนอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก
ฉันได้ยินเขาแทนตัวเองว่าตรี
... ตรี?
“ตรี!” ฉันเรียกชื่อเขาเสียงดังตอนที่ผุดลุกขึ้นมาเหมือนฝันร้าย พอกระพริบตาสองสามครั้งทัศนียภาพที่เบลอๆ ในตอนแรกก็เริ่มชัดขึ้น ตรีมองหน้าฉันอย่างตกใจ หากแต่สายตาของฉันกลับมองเลยไปทางคนที่ยืนกอดอกอยู่ที่หน้าประตู
นะ... นี่มัน ในห้องนอนฉันนี่?
แล้วตรีกลับมาตอนไหน แล้วทำไมพี่เสือ...
“กวางไข้ขึ้น ไม่รู้ตัวจริงๆ เหรอ?” ฉันชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงตรีที่พูด ฉันยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ เป็นไข้เหรอ? ได้ยังไง ก็เมื่อกี้ฉันยังปกติดีอยู่เลย ฉันไม่ได้รู้สึกปวดหัว ตัวร้อน หรืออะไรเลยนะ
ฉันเงยหน้าขึ้นมองพี่เสือ เขามองหน้าฉันกลับ มุมปากของร่างสูงยกยิ้มขึ้นนิดหน่อย
“เมื่อกี้กวางหน้ามืด พี่เป็นห่วงมากเลยนะ” เขาเลิกคิ้วถามฉัน แล้วฉันก็ตกใจจนต้องเอามือมาจับหน้าผากของตัวเองเอาไว้ข้างหนึ่ง
หน้ามืดเหรอ ไม่จริง
จะหน้ามืดได้ยังไง
ก็เขา...
พี่เสือขอตัวกลับไปตอนที่ตรีบอกว่าเขาจะอยู่ดูฉันต่อเอง ส่วนตัวฉันเองก็ได้แต่นั่งคิดมาก
ก่อนหน้านั้นยังไงฉันก็ยังสบายดี ทำไมอยู่ดีๆ ฉันถึงได้วูบไปอย่างนี้ ทั้งๆ ที่มันไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันน่าจะปวดหัวหรือหมดสติได้เลย
เสียเลือดเหรอ แต่แผลเศษแก้วที่บาดนั้นมันเล็กมากเลยนะ
แต่ฉันก็ไม่คิดว่าพี่เสือจะร้ายกาจขนาดที่จะวางยาฉันหรอก
“รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหมกวาง” ฉันชะงักไปเมื่อระหว่างที่นั่งคิดอะไรเงียบๆ อยู่ๆ ตรีก็ถามขึ้นมา ฉันถึงได้สั่นหน้าเพื่อบอกกลายๆ ว่าไม่เป็นไร ร่างสูงก็เลยลูบผมฉันเบาๆ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ตอนกลับมาตรีเห็นกวางเป็นลมตรีตกใจมากเลยรู้ไหม”
“กวางก็ไม่รู้กวางเป็นลมได้ยังไง” ฉันพึมพำกับตัวเองอย่างไม่มั่นใจ “แต่กวางรู้สึกแปลกๆ ทั้งๆ ที่ยังสบายดี... กวางดันเป็นลมได้ยังไงก็ไม่รู้”
“ตรีว่ากวางคิดมากไปเอง” ทั้งที่ฉันดูคิดเยอะอย่างชัดเจน แต่ตรีกลับมีท่าทีสบายๆ ตอนที่ปัดความคิดฉันทิ้งไป ในขณะที่ฉันได้แต่ขมวดคิ้วอย่างงุนงง “อากาศมันร้อน กวางง่วงก็นอนเหอะ คิดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ยังไงก็กินยาไปแล้ว เดี๋ยวก็หายเนอะ”
“แต่...”
“อย่าดื้อได้ไหม” ฉันสะอึกไปเมื่อตรียื่นคำขาด ไม่คิดว่าจะดุกันแบบนี้ ฉันก็เลยยอมปิดปากเงียบ ไม่สงสัยไม่ถามอะไรต่อ เบื่อที่ตรีเป็นแบบนี้จัง ฉันเลยไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาเลยสักคำ เพราะเขาคือคนที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ฉันมีแค่เขาที่เหลืออยู่ในชีวิต ฉันเลยกลัวที่จะทำให้ตรีไม่พอใจ “แล้ววันพรุ่งนี้เราคงไปส่งกวางไม่ได้นะ”
“อ้าว” ฉันทำหน้าตื่น ยุ่งอีกแล้วเหรอ “ตรีจะไปไหน”
ฉันมองร่างสูงที่เดินไปถอดชุดนักศึกษาออกแล้วเอาไปพาดกับราวแขวน ก่อนที่จะเดินกลับมาล้มตัวลงนั่งข้างๆ กัน ตรีเหลือบมองฉันนิดหน่อย ก่อนที่จะกดรีโมทเปิดโทรทัศน์จนหน้าจอสว่างวาบ
“มีธุระอ่ะ” เขาพูดโดยที่มองจอโทรทัศน์เงียบๆ แล้วเบนหน้ากลับมาทำสีหน้ารู้สึกผิดใส่ฉัน “กวางไม่โกรธเราใช่ไหมครับ?”
“กวางไม่เป็นไรอยู่แล้ว” ฉันคลี่ยิ้ม “ปกติกวางก็ไปเองได้”
“น่ารักจัง” เขาหัวเราะแล้วเอื้อมมือมาลูบหัวฉัน “แต่กวางไม่จำเป็นต้องนั่งรถไปเองหรอก”
“...”
“เดี๋ยวเราจะฝากพี่เสือไปส่งกวางเองนะ”
ฉันไม่คิดว่าตรีจะไว้ใจคนๆ นี้ได้ขนาดนั้นเลย มากจนขนาดแค่เพียงได้พบกันไม่กี่ครั้ง ยังกล้าให้เขาไปรับไปส่งฉันได้กระทั่งตอนเช้าอันสแสนสับสนกับความสัมพันธ์ระหว่างแฟนตัวเองกับรุ่นพี่ท่าทางดุร้าย ทันทีที่ฉันลงไปข้างล่างก็เห็นรถ BMW ที่คุ้นเคย พร้อมกับคนตัวใหญ่ในชุดนักศึกษาที่ยืนกอดอกพิงรถอยู่ตรงหน้าทางเดินเข้าหอ ลุคที่ดูเจนจัดและหุ่นกำยำของเขาสะดุดตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา รถยนต์คันโก้นั้นเฉิดฉายอยู่ตรงหน้า ทันทีที่เห็นฉันเขาก็พยักหน้าไปทางประตูรถเป็นการบอกกลายๆ ว่าให้ขึ้นมาได้เลยฉันพูดตรงๆ นะ ฉันไม่ไว้ใจคนๆ นี้เลยสักนิด“รบกวนด้วยค่ะ”แต่เพราะเป็นคำพูดของตรีที่เป็นครอบครัวเดียวที่ฉันเหลืออยู่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ฉันจึงขัดไม่ได้ ทำเพียงแค่ถอนใจแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่หือไม่อือใดๆพี่เสือกระตุกยิ้ม เขาถอดแว่นกันแดดออก ท่าทางของเขาไม่ว่าจะอิริยาบถแบบไหนล้วนมีเสน่ห์ชวนมอง หากแต่ดูอันตรายจนไม่กล้าสบตาด้วยฉันมองเสี้ยวหน้าของเขาตอนที่ร่างสูงสตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่ง คนแบบพี่เสือไม่น่าใช่ผู้ชายที่ฉันต้องเกี่ยวพันด้วยอยู่แล้วฉันไม่รู้ว่าเขามีอะไรที่ดูน่าเ
“ต้องทำท่ารังเกียจพี่ขนาดนี้เลยเหรอครับ?” เขาถามขึ้นมาตอนที่เอื้อมมือมาลูบใบหน้าของฉันหนักๆ ฉันขยับตัวไม่ได้ มันเหมือนถูกดวงตาของเขาสะกดไว้ “ทำไม... กลัวเหรอ”“...”“สิ่งที่กวางต้องกลัวไม่ใช่พี่” เขากระตุกยิ้ม “พี่ก็บอกอยู่ว่าพี่จะไม่ทำอะไรกวาง”“...”“กวางไม่ไว้ใจพี่เหรอวะ?”ฉันมองเขาด้วยแววตาสั่นระริกตอนที่ร่างสูงพูดแล้วหลุบตาลงต่ำเพื่อมองริมฝีปากของฉัน และต่ำลงไปกว่านั้น มือหนาเลื่อนลงมาจับปลายคางของฉันไว้อย่างอ้อยอิ่ง“ปะ... ปล่อยกวางนะ” ฉันพูดแบบนั้นเพราะสมองมันตื้อจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี พร้อมกับความกลัวที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ พี่เสือช้อนสายตาขึ้นจนฉันเห็นภาพของตัวเองสะท้อนชัดอยู่ในแววตาของเขา“กวาง” เขาเรียกชื่อฉันสั้นๆ “พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับกวาง”“...”“ถ้ากวางจะกลัวพี่เพราะเรื่องนั้น กวางอย่าคิดมากเลยว่ะ” สายตาของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากที่พูดประโยคนั้น “พี่เห็นเราเป็นแค่น้องสาวคนนึง”“...”“เข้าใจยัง”เขาพูดแบบนั้นแล้วกัดฟันแน่นตอนที่ผละออกไป พี่เสือปลดล็อกประตูแล้วเปิดออกไปเพื่อจุดบุหรี่สูบข้างๆ ตัวรถทันทีโดยไม่สนว่าที่นี่จะเป็นสถานศึกษา ทิ้งฉันที่ยังทำสีหน้างุนงงอย่างไ
“เอ้าชน!”ฉันนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ แฟนที่กำลังชนแก้วเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนๆ ของเขาในร้านเหล้ากึ่งบาร์แห่งหนึ่ง‘ตรี’ คือชื่อของแฟนคนปัจจุบันของฉัน เราคบกันมาเกือบจะห้าเดือนได้แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเรารู้จักกันมาก่อนสองปีเพราะเป็นเพื่อนในโรงเรียนมัธยมปลายที่เดียวกัน จนตรีตัดสินใจสารภาพรักกับฉันในโรงพยาบาลหลังอุบัติเหตุที่ทำให้ฉันสูญเสียความทรงจำไปส่วนหนึ่งในครั้งนั้น พวกเราถึงได้คบกันมาจนถึงตอนนี้ฉันชอบเขา แล้วเขาก็ชอบฉันเช่นกัน เราเข้าใจกันและกันดี ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ของเราก็เลยราบรื่นก็คงจะมีแต่เรื่องที่เขาติดเพื่อนบวกกับไม่ค่อยมีเวลาให้กันในสถานะคนรักสักเท่าไหร่นี่แหละที่ทำให้ฉันไม่ค่อยพอใจนัก“ตรี เมื่อไหร่จะกลับเหรอคะ” ฉันเรียกชื่อเขาแล้วซบหน้าลงกับไหล่ของร่างสูงอย่างอ้อนๆ “กวางหิวแล้ว”“หิวมากเลยเหรอ เดี๋ยวสั่งอะไรให้กินไหม?” เขาถาม แล้วฉันก็ทำหน้าบึ้งตึง นั่นอาจจะเพราะว่าเรากำลังอยู่ในร้านเหล้าที่สั่งอาหารจานต่อจานได้ แต่เขาน่าจะรู้ภาษาผู้หญิงสิว่าฉันอยากกลับไปกินข้าวที่ห้องมากกว่าก็ต้องยอมรับว่าฉันเองนั้นไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าเพื่อนๆ ของเขา“นี่สรุปจะไม่กลับจ
ฉันตื่นขึ้นมาในห้องของตรีในเช้าตรู่ของวันต่อมาเขาบอกว่าฉันเมามากจนควบคุมตัวเองไม่ได้ พอจำได้ลางๆ ว่าเมื่อคืนมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ชื่อเสือบังคับให้ฉันกินเหล้าเพราะเหตุผลที่ว่าเขากลัวว่าฉันจะถูกมอม มันอาจเป็นเหตุผลที่ดีในการหักดิบและฝึกภูมิคุ้มกันให้กับใครสักคน... ในกรณีที่สนิทกันประมาณหนึ่งน่ะนะ ไม่ใช่คนเพิ่งรู้จักกันแบบนี้ และเพราะเขาดูน่ากลัวฉันก็เลยไม่อยากมีปัญหาด้วย ก็เลยลองกินไปแก้วหนึ่ง แต่เพราะว่าฉันไม่เคยดื่ม ก็เลยคออ่อนล้มพับไปฉันไม่รู้จุดประสงค์ของคนๆ นี้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แต่เดาว่าคงเป็นการกลั่นแกล้งกันแบบผู้ชายในวงเหล้า และอาจเพราะฉันยังไม่ชินกับการมีสังคมแบบล้ำลึกก็เลยอ่อนไหวตรีดูเคารพรักคนๆ นี้จะตาย เขาก็ไม่น่าจะเป็นคนที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกมั้งตรีมาส่งฉันที่มหาลัยตั้งแต่เช้า เราเรียนคนละที่กัน หลังจากจบมัธยมปลายฉันก็ประสบอุบัติเหตุ และตรีก็บอกรักฉัน แต่เราเข้ามหาวิทยาลัยคนละที่ตามเกรดที่เรียน ฉันบอกลาเขา ตรีขับรถออกไปทันที ในขณะที่ฉันเองก็จะเตรียมตัวเข้าคลาสเรียนเหมือนกันวันนี้เข้าเรียนตามปกติ ฉันเข้าไปนั่งในที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและหลบมุม ภาวนาให้เป็นไปได้อย่า
“ตรีเป็นคนบอกให้พี่เสือไปส่งกวางงั้นเหรอคะ?”“ใช่” ผมกระตุกยิ้มเมื่อทันทีที่เลิกคลาส กวางที่ทำท่าจะกลับเลยก็ถูกผมรั้งเอาไว้ ผมอ้างถึงไอ้ตรีว่าผมถูกมันบอกให้ไปส่งเธอที่คอนโด แต่กวางดูจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่“แต่กวางกลับเองได้...” เธอพูดเสียงเบาเพราะกลัวว่ามันจะเสียน้ำใจผมมากเกินไป หากแต่ผมไม่แคร์อยู่แล้วว่าเธอจะคิดยังไงสุดท้ายวันนี้... เธอก็ต้องนั่งรถผมกลับห้องอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?“ตามใจน้องกวางเลยครับ พี่ไม่มีปัญหา” ผมไหวไหล่ “แต่ถ้าโดนไอ้ตรีด่าก็อย่ามาโทษพี่ก็แล้วกัน”“ตรีให้พี่ไปส่งกวางจริงๆ เหรอคะ” เธอยังทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อถืออยู่ ผมก็เลยฉีกยิ้ม แล้วล้วงไอโฟนในกระเป๋าไปจ่ออยู่ตรงหน้าเธอ“โทรดิ ให้เช็ค” กวางเบิกตาโต เธอขมวดคิ้วก่อนที่จะขยับตัวออกห่างจากผมนิดหน่อย“กวางก็มีโทรศัพท์ค่ะ เดี๋ยวกวางโทรของกวางเอง” เธอดูระวังตัวจริงๆ ก่อนที่จะกดโทรศัพท์โทรหาไอ้ตรีทันที ตอนนี้ผมกับเธอยืนอยู่เกือบๆ หน้าประตูมหาลัย คนที่เดินผ่านก็ยกมือไหว้ผมเพราะผมค่อนข้างกว้างขวางที่นี่ แน่นอนล่ะ ก็พ่อผมเป็นใครกัน แม้แต่อาจารย์ทุกคนที่นี่ยังรู้จักผมในฐานะลูกชายท่านผู้บริหาร กวางเหลือบมองผมอย่างหวาดๆ ตอนที
“กวางคุยกับตรีอยู่น่ะค่ะ ตรีมาถามเรื่องกวางเป็นไข้” เธอบอกผมทั้งหมดพร้อมกับขมวดคิ้ว “กวางยังงงอยู่เลย ทั้งที่กวางก็ไม่ได้เป็นอะไร”“แล้วบอกพี่ทำไมเหรอ” ผมเลิกคิ้วโดยที่ยังไม่มองหน้าเธอ “สงสัยพี่รึไงครับ?”“ก็มีแค่พี่เสือคนเดียวที่อยู่กับกวาง”“ตรีมันก็คงเป็นห่วงไปเรื่อย เกี่ยวอะไรกับพี่ครับ” ผมตีหน้านิ่งแล้วพูดเรื่องโกหกต่อหน้าเธออย่างแนบเนียน แสร้งทำว่าตัวเองมีจุดประสงค์ที่ดีจริงๆ ที่ไปส่ง กวางทำตาโต เพราะสีหน้าของผมตอนนี้มันคงดูน่ากลัวได้ใจ “พี่ดูแย่ในสายตาหนูขนาดนั้นเลยเหรอ?”“ปะ... เปล่าค่ะ กวางแค่สงสัยเท่านั้นเอง กวางขอโทษด้วยนะคะ” กวางเลิ่กลั่กตอบกลับแทบจะทันที เธอหลบสายตากลับไป เริ่มมีแววตาไม่มั่นใจและไม่มั่นคงทางน้ำเสียง ผมกระตุกยิ้ม กวางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ในเวลานี้ถึงคนตัวเล็กจะเคลือบแคลงใจ แต่เธอไม่สามารถต้อนผมให้จนมุมได้“ไม่ต้องกลัวพี่หรอกครับ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรหนูแน่นอน” ผมทั้งตบหัวแล้วลูบหลังเธอแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เธอเกรงใจผมมากขึ้นจนถึงขั้นไม่สามารถตีสนิทกันต่อได้ ตอนที่ขับเข้าไปในเขตหอพักของเธอกวางก็รีบดึงเข็มขัดนิรภัยออกทันทีผมจ้องมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างเ
น่ากลัวจริงๆ นั่นแหละฉันนั่งอยู่ในห้อง หายใจถี่รัวตลอดเวลาเหมือนเพิ่งไปเจออะไรที่ระทึกขวัญสุดๆ มา ไม่ว่าเขาจะจงใจหรือไม่ พี่เสือก็ดูเป็นผู้ชายที่ไม่น่าไว้ใจมากอยู่ดี เขาชอบจ้องมองฉันด้วยแววตาที่ฉันคาดเดาไม่ถึง ไม่ว่าจะตอนที่ดวงตาของฉันสะท้อนภาพของเขา หรือแม้แต่เวลาที่ฉันมองไม่เห็น ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แถมก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะทำอะไรต่อไปฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงรู้จักเขามากมายขนาดนั้น เขาดูเป็นคนที่... ดูมีอะไรแปลกๆ ที่ทำให้รู้สึกอันตราย ดูไม่น่าเข้าใกล้ แต่ก็ดูดีและดูมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรเรียกมันว่าอะไร อาจจะเป็นคาริสม่าอันตรายที่ทำให้ใครต่อใครรู้ว่ามันคือไฟแต่ก็อยากจะเข้าไปทำความรู้จักละมั้งฉันถอนหายใจ แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรฉันนี่นา ยังไงก็ดีแล้วล่ะ ต่อให้ดูร้ายกาจแค่ไหน ก็คงต้องมีจิตสำนึกอยู่บ้างเพราะอยู่ในห้องคนเดียวฉันก็เลยทำทุกอย่างตามความสะดวก ฉันถอดชุดนักศึกษาจนเหลือแต่เสื้อกล้ามตัวบางๆ และถอดกระโปรงทรงเอออก เดินตรงไปยังที่ซักแล้วโยนลงไป วันเสาร์นี้คงต้องลงไปร้านซักรีดข้างล่างแล้วล่ะ เสื้อเริ่มล้นตะกร้าแล้วฉันคิดในใจแล้วรวบผมขึ้นเป็นหาง
พี่เสือจ้องมองฉัน ท่ามกลางความเงียบสงัดอันไร้สุ้มเสียง เหมือนเขากำลังขยับตัวเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ“... อะ!” ฉันสะดุ้งเฮือก รีบกระถดตัวถอยหนีเขาทันที แต่ดันเผลอเอามือไปถูกเศษแก้วบาดเข้าที่ปลายนิ้ว ความรู้สึกต่อมาคือความเจ็บปวด ปลายนิ้วมันทั้งแสบและร้อนเหมือนเลือดกำลังซึมออกมา พี่เสือสังเกตเห็นทุกอิริยาบถของฉัน เขาหันหน้ากลับไป“พี่ว่ากวางไปทำแผลก่อนดีไหม” เขาพูดกับฉันตอนที่เก็บเศษแก้วอย่างตั้งใจเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่จะเก็บให้เอง”“ดะ... ได้ค่ะ” เสียงของฉันสั่นตอนที่ผุดลุกขึ้นไปอย่างว่าง่ายโดยไม่มองหน้าเขา แน่ล่ะ อยู่ด้วยกันในสถานการณ์แปลกๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่ “กวางรบกวนหน่อยนะคะ”“โอเค” เขาตอบรับสั้นๆ แล้วไม่ได้มองหน้าฉันกลับมาอีก ฉันก็เลยเดินกุมแผลที่นิ้วของตัวเองไปล้างที่ซิงค์ล้างจานอย่างเงียบๆน้ำที่เย็นจัดสัมผัสกับปลายนิ้วของฉัน แต่ฉันกลับสะดุ้งโหยงเมื่อมันแตะโดนที่บาดแผล ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่แผลเล็กๆ เท่านั้นฉันหวนไปนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้มันเหมือนเขาจงใจเลย ฉันเห็นว่าเขาตั้งใจปล่อยมือออกจากแก้วน้ำเอง แต่ทำไมตอนที่เขาเก็บเศษแก้วเขาถึงดูไม่มีพิรุธอะไรเลยล่
“ต้องทำท่ารังเกียจพี่ขนาดนี้เลยเหรอครับ?” เขาถามขึ้นมาตอนที่เอื้อมมือมาลูบใบหน้าของฉันหนักๆ ฉันขยับตัวไม่ได้ มันเหมือนถูกดวงตาของเขาสะกดไว้ “ทำไม... กลัวเหรอ”“...”“สิ่งที่กวางต้องกลัวไม่ใช่พี่” เขากระตุกยิ้ม “พี่ก็บอกอยู่ว่าพี่จะไม่ทำอะไรกวาง”“...”“กวางไม่ไว้ใจพี่เหรอวะ?”ฉันมองเขาด้วยแววตาสั่นระริกตอนที่ร่างสูงพูดแล้วหลุบตาลงต่ำเพื่อมองริมฝีปากของฉัน และต่ำลงไปกว่านั้น มือหนาเลื่อนลงมาจับปลายคางของฉันไว้อย่างอ้อยอิ่ง“ปะ... ปล่อยกวางนะ” ฉันพูดแบบนั้นเพราะสมองมันตื้อจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี พร้อมกับความกลัวที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ พี่เสือช้อนสายตาขึ้นจนฉันเห็นภาพของตัวเองสะท้อนชัดอยู่ในแววตาของเขา“กวาง” เขาเรียกชื่อฉันสั้นๆ “พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับกวาง”“...”“ถ้ากวางจะกลัวพี่เพราะเรื่องนั้น กวางอย่าคิดมากเลยว่ะ” สายตาของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากที่พูดประโยคนั้น “พี่เห็นเราเป็นแค่น้องสาวคนนึง”“...”“เข้าใจยัง”เขาพูดแบบนั้นแล้วกัดฟันแน่นตอนที่ผละออกไป พี่เสือปลดล็อกประตูแล้วเปิดออกไปเพื่อจุดบุหรี่สูบข้างๆ ตัวรถทันทีโดยไม่สนว่าที่นี่จะเป็นสถานศึกษา ทิ้งฉันที่ยังทำสีหน้างุนงงอย่างไ
ฉันไม่คิดว่าตรีจะไว้ใจคนๆ นี้ได้ขนาดนั้นเลย มากจนขนาดแค่เพียงได้พบกันไม่กี่ครั้ง ยังกล้าให้เขาไปรับไปส่งฉันได้กระทั่งตอนเช้าอันสแสนสับสนกับความสัมพันธ์ระหว่างแฟนตัวเองกับรุ่นพี่ท่าทางดุร้าย ทันทีที่ฉันลงไปข้างล่างก็เห็นรถ BMW ที่คุ้นเคย พร้อมกับคนตัวใหญ่ในชุดนักศึกษาที่ยืนกอดอกพิงรถอยู่ตรงหน้าทางเดินเข้าหอ ลุคที่ดูเจนจัดและหุ่นกำยำของเขาสะดุดตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา รถยนต์คันโก้นั้นเฉิดฉายอยู่ตรงหน้า ทันทีที่เห็นฉันเขาก็พยักหน้าไปทางประตูรถเป็นการบอกกลายๆ ว่าให้ขึ้นมาได้เลยฉันพูดตรงๆ นะ ฉันไม่ไว้ใจคนๆ นี้เลยสักนิด“รบกวนด้วยค่ะ”แต่เพราะเป็นคำพูดของตรีที่เป็นครอบครัวเดียวที่ฉันเหลืออยู่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ฉันจึงขัดไม่ได้ ทำเพียงแค่ถอนใจแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่หือไม่อือใดๆพี่เสือกระตุกยิ้ม เขาถอดแว่นกันแดดออก ท่าทางของเขาไม่ว่าจะอิริยาบถแบบไหนล้วนมีเสน่ห์ชวนมอง หากแต่ดูอันตรายจนไม่กล้าสบตาด้วยฉันมองเสี้ยวหน้าของเขาตอนที่ร่างสูงสตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่ง คนแบบพี่เสือไม่น่าใช่ผู้ชายที่ฉันต้องเกี่ยวพันด้วยอยู่แล้วฉันไม่รู้ว่าเขามีอะไรที่ดูน่าเ
ยาออกฤทธิ์แล้วสินะผมกระตุกยิ้ม ทำท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอย่างเสแสร้งแล้วตรงเข้าไปประคองเธอจากด้านข้าง“กวาง เป็นอะไรครับ” ผมถามทั้งๆ ที่มุมปากยังคงกระตุกยิ้มค้างเอาไว้อย่างไม่สามารถปิดบังความคิดสกปรกของตัวเองได้มิด กวางสะลึมสะลือ เธอสั่นหน้าเบาๆ อย่างคนไม่มีแรงแล้วพยายามลุกขึ้น แต่ก็ล้มลงมาบนตัวผมอยู่ดีไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงตัวแต่ก็ยังพยายาม นับถือใจเธอเลยจริงๆ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของกวางยังทำงานได้ดีแม้ว่าเธอจะจมไปกับฤทธิ์ยาที่กดประสาทผมแค่นหัวเราะ พลางใช้ปลายนิ้วไล้เข้าที่ไหล่ของเธออย่างแผ่วเบา ปากก็เรียกชื่อเหมือนเป็นห่วงเธอมากซะเหลือเกิน “กวางครับ ไหวไหม”“อื้อ...” กวางเหมือนคนไม่มีสติเพราะฤทธิ์ยามันแรงเอาเรื่อง เธอครางเบาๆ ตอนที่ผมลูบเข้าที่ต้นแขนของเธอ ไล้ปลายนิ้วไปจนถึงข้อมือเล็ก ผมจับหลังมือของเธอขึ้นมาจูบนิดหน่อย“กวาง... ได้ยินพี่รึเปล่า”คราวนี้ผมกระซิบข้างใบหูของเธอ ไล้สันจมูกไปตามแนวยาวของซอกคอของกวาง มันหอม... เหมือนกลิ่นโลชั่นผมจูบเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ มือข้างหนึ่งประสานฝ่ามือกับมือข้างขวาของร่างเล็ก อีกข้างก็ปลดกระดุมชุดของเธอออกผมไม่ทำอะไรเธอหรอก แค่ทำให้เธอรู้สึกเหมือ
พี่เสือจ้องมองฉัน ท่ามกลางความเงียบสงัดอันไร้สุ้มเสียง เหมือนเขากำลังขยับตัวเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ“... อะ!” ฉันสะดุ้งเฮือก รีบกระถดตัวถอยหนีเขาทันที แต่ดันเผลอเอามือไปถูกเศษแก้วบาดเข้าที่ปลายนิ้ว ความรู้สึกต่อมาคือความเจ็บปวด ปลายนิ้วมันทั้งแสบและร้อนเหมือนเลือดกำลังซึมออกมา พี่เสือสังเกตเห็นทุกอิริยาบถของฉัน เขาหันหน้ากลับไป“พี่ว่ากวางไปทำแผลก่อนดีไหม” เขาพูดกับฉันตอนที่เก็บเศษแก้วอย่างตั้งใจเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่จะเก็บให้เอง”“ดะ... ได้ค่ะ” เสียงของฉันสั่นตอนที่ผุดลุกขึ้นไปอย่างว่าง่ายโดยไม่มองหน้าเขา แน่ล่ะ อยู่ด้วยกันในสถานการณ์แปลกๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่ “กวางรบกวนหน่อยนะคะ”“โอเค” เขาตอบรับสั้นๆ แล้วไม่ได้มองหน้าฉันกลับมาอีก ฉันก็เลยเดินกุมแผลที่นิ้วของตัวเองไปล้างที่ซิงค์ล้างจานอย่างเงียบๆน้ำที่เย็นจัดสัมผัสกับปลายนิ้วของฉัน แต่ฉันกลับสะดุ้งโหยงเมื่อมันแตะโดนที่บาดแผล ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่แผลเล็กๆ เท่านั้นฉันหวนไปนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้มันเหมือนเขาจงใจเลย ฉันเห็นว่าเขาตั้งใจปล่อยมือออกจากแก้วน้ำเอง แต่ทำไมตอนที่เขาเก็บเศษแก้วเขาถึงดูไม่มีพิรุธอะไรเลยล่
น่ากลัวจริงๆ นั่นแหละฉันนั่งอยู่ในห้อง หายใจถี่รัวตลอดเวลาเหมือนเพิ่งไปเจออะไรที่ระทึกขวัญสุดๆ มา ไม่ว่าเขาจะจงใจหรือไม่ พี่เสือก็ดูเป็นผู้ชายที่ไม่น่าไว้ใจมากอยู่ดี เขาชอบจ้องมองฉันด้วยแววตาที่ฉันคาดเดาไม่ถึง ไม่ว่าจะตอนที่ดวงตาของฉันสะท้อนภาพของเขา หรือแม้แต่เวลาที่ฉันมองไม่เห็น ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แถมก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะทำอะไรต่อไปฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงรู้จักเขามากมายขนาดนั้น เขาดูเป็นคนที่... ดูมีอะไรแปลกๆ ที่ทำให้รู้สึกอันตราย ดูไม่น่าเข้าใกล้ แต่ก็ดูดีและดูมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรเรียกมันว่าอะไร อาจจะเป็นคาริสม่าอันตรายที่ทำให้ใครต่อใครรู้ว่ามันคือไฟแต่ก็อยากจะเข้าไปทำความรู้จักละมั้งฉันถอนหายใจ แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรฉันนี่นา ยังไงก็ดีแล้วล่ะ ต่อให้ดูร้ายกาจแค่ไหน ก็คงต้องมีจิตสำนึกอยู่บ้างเพราะอยู่ในห้องคนเดียวฉันก็เลยทำทุกอย่างตามความสะดวก ฉันถอดชุดนักศึกษาจนเหลือแต่เสื้อกล้ามตัวบางๆ และถอดกระโปรงทรงเอออก เดินตรงไปยังที่ซักแล้วโยนลงไป วันเสาร์นี้คงต้องลงไปร้านซักรีดข้างล่างแล้วล่ะ เสื้อเริ่มล้นตะกร้าแล้วฉันคิดในใจแล้วรวบผมขึ้นเป็นหาง
“กวางคุยกับตรีอยู่น่ะค่ะ ตรีมาถามเรื่องกวางเป็นไข้” เธอบอกผมทั้งหมดพร้อมกับขมวดคิ้ว “กวางยังงงอยู่เลย ทั้งที่กวางก็ไม่ได้เป็นอะไร”“แล้วบอกพี่ทำไมเหรอ” ผมเลิกคิ้วโดยที่ยังไม่มองหน้าเธอ “สงสัยพี่รึไงครับ?”“ก็มีแค่พี่เสือคนเดียวที่อยู่กับกวาง”“ตรีมันก็คงเป็นห่วงไปเรื่อย เกี่ยวอะไรกับพี่ครับ” ผมตีหน้านิ่งแล้วพูดเรื่องโกหกต่อหน้าเธออย่างแนบเนียน แสร้งทำว่าตัวเองมีจุดประสงค์ที่ดีจริงๆ ที่ไปส่ง กวางทำตาโต เพราะสีหน้าของผมตอนนี้มันคงดูน่ากลัวได้ใจ “พี่ดูแย่ในสายตาหนูขนาดนั้นเลยเหรอ?”“ปะ... เปล่าค่ะ กวางแค่สงสัยเท่านั้นเอง กวางขอโทษด้วยนะคะ” กวางเลิ่กลั่กตอบกลับแทบจะทันที เธอหลบสายตากลับไป เริ่มมีแววตาไม่มั่นใจและไม่มั่นคงทางน้ำเสียง ผมกระตุกยิ้ม กวางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ในเวลานี้ถึงคนตัวเล็กจะเคลือบแคลงใจ แต่เธอไม่สามารถต้อนผมให้จนมุมได้“ไม่ต้องกลัวพี่หรอกครับ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรหนูแน่นอน” ผมทั้งตบหัวแล้วลูบหลังเธอแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เธอเกรงใจผมมากขึ้นจนถึงขั้นไม่สามารถตีสนิทกันต่อได้ ตอนที่ขับเข้าไปในเขตหอพักของเธอกวางก็รีบดึงเข็มขัดนิรภัยออกทันทีผมจ้องมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างเ
“ตรีเป็นคนบอกให้พี่เสือไปส่งกวางงั้นเหรอคะ?”“ใช่” ผมกระตุกยิ้มเมื่อทันทีที่เลิกคลาส กวางที่ทำท่าจะกลับเลยก็ถูกผมรั้งเอาไว้ ผมอ้างถึงไอ้ตรีว่าผมถูกมันบอกให้ไปส่งเธอที่คอนโด แต่กวางดูจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่“แต่กวางกลับเองได้...” เธอพูดเสียงเบาเพราะกลัวว่ามันจะเสียน้ำใจผมมากเกินไป หากแต่ผมไม่แคร์อยู่แล้วว่าเธอจะคิดยังไงสุดท้ายวันนี้... เธอก็ต้องนั่งรถผมกลับห้องอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?“ตามใจน้องกวางเลยครับ พี่ไม่มีปัญหา” ผมไหวไหล่ “แต่ถ้าโดนไอ้ตรีด่าก็อย่ามาโทษพี่ก็แล้วกัน”“ตรีให้พี่ไปส่งกวางจริงๆ เหรอคะ” เธอยังทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อถืออยู่ ผมก็เลยฉีกยิ้ม แล้วล้วงไอโฟนในกระเป๋าไปจ่ออยู่ตรงหน้าเธอ“โทรดิ ให้เช็ค” กวางเบิกตาโต เธอขมวดคิ้วก่อนที่จะขยับตัวออกห่างจากผมนิดหน่อย“กวางก็มีโทรศัพท์ค่ะ เดี๋ยวกวางโทรของกวางเอง” เธอดูระวังตัวจริงๆ ก่อนที่จะกดโทรศัพท์โทรหาไอ้ตรีทันที ตอนนี้ผมกับเธอยืนอยู่เกือบๆ หน้าประตูมหาลัย คนที่เดินผ่านก็ยกมือไหว้ผมเพราะผมค่อนข้างกว้างขวางที่นี่ แน่นอนล่ะ ก็พ่อผมเป็นใครกัน แม้แต่อาจารย์ทุกคนที่นี่ยังรู้จักผมในฐานะลูกชายท่านผู้บริหาร กวางเหลือบมองผมอย่างหวาดๆ ตอนที
ฉันตื่นขึ้นมาในห้องของตรีในเช้าตรู่ของวันต่อมาเขาบอกว่าฉันเมามากจนควบคุมตัวเองไม่ได้ พอจำได้ลางๆ ว่าเมื่อคืนมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ชื่อเสือบังคับให้ฉันกินเหล้าเพราะเหตุผลที่ว่าเขากลัวว่าฉันจะถูกมอม มันอาจเป็นเหตุผลที่ดีในการหักดิบและฝึกภูมิคุ้มกันให้กับใครสักคน... ในกรณีที่สนิทกันประมาณหนึ่งน่ะนะ ไม่ใช่คนเพิ่งรู้จักกันแบบนี้ และเพราะเขาดูน่ากลัวฉันก็เลยไม่อยากมีปัญหาด้วย ก็เลยลองกินไปแก้วหนึ่ง แต่เพราะว่าฉันไม่เคยดื่ม ก็เลยคออ่อนล้มพับไปฉันไม่รู้จุดประสงค์ของคนๆ นี้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แต่เดาว่าคงเป็นการกลั่นแกล้งกันแบบผู้ชายในวงเหล้า และอาจเพราะฉันยังไม่ชินกับการมีสังคมแบบล้ำลึกก็เลยอ่อนไหวตรีดูเคารพรักคนๆ นี้จะตาย เขาก็ไม่น่าจะเป็นคนที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกมั้งตรีมาส่งฉันที่มหาลัยตั้งแต่เช้า เราเรียนคนละที่กัน หลังจากจบมัธยมปลายฉันก็ประสบอุบัติเหตุ และตรีก็บอกรักฉัน แต่เราเข้ามหาวิทยาลัยคนละที่ตามเกรดที่เรียน ฉันบอกลาเขา ตรีขับรถออกไปทันที ในขณะที่ฉันเองก็จะเตรียมตัวเข้าคลาสเรียนเหมือนกันวันนี้เข้าเรียนตามปกติ ฉันเข้าไปนั่งในที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและหลบมุม ภาวนาให้เป็นไปได้อย่า
“เอ้าชน!”ฉันนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ แฟนที่กำลังชนแก้วเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนๆ ของเขาในร้านเหล้ากึ่งบาร์แห่งหนึ่ง‘ตรี’ คือชื่อของแฟนคนปัจจุบันของฉัน เราคบกันมาเกือบจะห้าเดือนได้แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเรารู้จักกันมาก่อนสองปีเพราะเป็นเพื่อนในโรงเรียนมัธยมปลายที่เดียวกัน จนตรีตัดสินใจสารภาพรักกับฉันในโรงพยาบาลหลังอุบัติเหตุที่ทำให้ฉันสูญเสียความทรงจำไปส่วนหนึ่งในครั้งนั้น พวกเราถึงได้คบกันมาจนถึงตอนนี้ฉันชอบเขา แล้วเขาก็ชอบฉันเช่นกัน เราเข้าใจกันและกันดี ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ของเราก็เลยราบรื่นก็คงจะมีแต่เรื่องที่เขาติดเพื่อนบวกกับไม่ค่อยมีเวลาให้กันในสถานะคนรักสักเท่าไหร่นี่แหละที่ทำให้ฉันไม่ค่อยพอใจนัก“ตรี เมื่อไหร่จะกลับเหรอคะ” ฉันเรียกชื่อเขาแล้วซบหน้าลงกับไหล่ของร่างสูงอย่างอ้อนๆ “กวางหิวแล้ว”“หิวมากเลยเหรอ เดี๋ยวสั่งอะไรให้กินไหม?” เขาถาม แล้วฉันก็ทำหน้าบึ้งตึง นั่นอาจจะเพราะว่าเรากำลังอยู่ในร้านเหล้าที่สั่งอาหารจานต่อจานได้ แต่เขาน่าจะรู้ภาษาผู้หญิงสิว่าฉันอยากกลับไปกินข้าวที่ห้องมากกว่าก็ต้องยอมรับว่าฉันเองนั้นไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าเพื่อนๆ ของเขา“นี่สรุปจะไม่กลับจ