ช่วงเที่ยงของวันปรางทิพย์นั่งเล่นอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนั่งเล่นเพียงลำพังเพราะสามีและลูกคนโตออกไปทำงานกันส่วนสองแฝดก็ไปเรียน เธอจึงต้องอยู่บ้านคนเดียวอย่างเหงาๆเพราะตั้งแต่มีลูกเธอก็ไม่ได้ทำงานอีกเลย
“ม๊าขา อยู่ไหมคะ”ปริมลูกสาวคนเดียวของบ้านตะโกนเรียกมารดามาตั้งแต่อยู่หน้าบ้านจนกระทั่งเข้ามาถึงภายในตัวบ้าน
“ม๊าอยู่ที่ห้องนั่งเล่นลูก”ปรางทิพย์ขานตอบลูกสาว
ปริมเมื่อได้ยินเสียงมารดาดังมาจากห้องนั่งเล่นก็รีบวิ่งเข้าไปหามารดาทันทีปรางทิพย์เห็นว่าลูกสาววิ่งหน้าตั้งตาตื่นก็ตกใจนึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้น
“ปริมมีอะไร เกิดอะไรขึ้น แล้วนี่ทำไมกลับมาเร็วไม่มีเรียนเหรอคะ”ปรางทิพย์รัวคำถามใส่ลูกสาวที่วันนี้บอกว่ามีเรียนเลิกสี่โมงเย็นแต่นี่พึ่งบ่ายสองทำไมกลับมาเร็ว
“อาจารย์ยกคลาสค่ะ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ เพราะมีเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นอีกค่ะ”ปริมพูดด้วยความตื่นตระหนกราวกับเ
one night stand กับท่านประธาน ปวีร์ อัศวภัชรกุล (วีร์) อายุ 32 ปี หนุ่มลูกครึ่งไทย-จีน เจ้าของธุรกิจรับออกแบบภายในระดับต้นๆของประเทศ และนอกจากนี้เขายังมีธุรกิจที่รับช่วงต่อจากพ่อของเขาเช่นกัน ปวีร์เป็นผู้ชายที่เงียบขรึม จริงจังกับงานเป็นอย่างมาก เย็นชา เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ สาวน้อยใหญ่ต่างให้ความสนใจเขาและอยากได้ชายหนุ่มมาครอบครองเพียงเพราะต้องการความสุขสบาย แต่ชายหนุ่มกลีบไม่แม้แต่สนใจพวกเธอที่หวังเงินของเขาแม้แต่น้อย จนกระทั่งเขาได้พบกับเด็กสาวที่ทำให้ความรู้สึกเย็นชาในใจของเขาเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นิสัย : เย็นชา บ้างาน ขี้หึง ขี้หวง ไม่เจ้าชู้ ปรางทิพย์ จันวราสกุล (ปราง) อายุ 22 ปี นักศึกษาสาวชั้นที่ปี4 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาการออกแบบภายใน หน้าตาน่ารักเป็นที่หมายตาต้องใจของหนุ่มๆในมหาลัยแต่หญิงสาวกลับไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษ เพราะหญิงสาวอยากตั้งใจเรียนให้จบจึงทำให้เธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับความรักหรือการมีแฟนสักเท่าไหร่ต่อให้มีใครมาขายขนมจีบเธอมากมายแค่ไหนก็ตาม หญิงสาวต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังเนื่องจากพ่อแม่ของเธอจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์หลังจากที่
(ปราง) สวัสดีฉันชื่อปราง ตอนนี้ฉันเรียนอยู่ปี4 วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย เดือนหน้าก็ต้องไปฝึกงานแล้ว ฉันมีเวลาพักผ่อนสมองหนึ่งเดือนหลังจากสอบเสร็จ แต่พักแค่สมองนั้นแหละแต่ร่างกายยังต้องใช้งานเหมือนเดิม เพราะฉันยังต้องไปทำงานอยู่เหมือนเดิมเพื่อส่งตัวเองเรียนให้จบ ในช่วงที่เรียนจบมัธยมแรกๆถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดสำหรับชีวิตเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่เรียนจบก็ได้รับข่าวร้ายว่าพ่อกับแม่ของฉันท่านไม่ได้อยู่กับฉันแล้ว ท่านจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ในระหว่างที่เดินทางกลับมาจากต่างจังหวัด ทำให้ฉันต้องดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเองส่งตัวเองเรียน แต่ก็ยังดีมีบ้านที่ฉันเคยอยู่กับท่านเป็นบ้านที่เราอยู่ด้วยกันพ่อแม่ลูก แต่ตอนนี้มีเพียงแค่ฉันคนเดียวที่อยู่บ้านหลังนี้พร้อมกับเงินเก็บและเงินประกันหนึ่งก้อนที่พวกท่านทำเอาไว้ซึ่งฉันไม่เคยต้องการสักนิดมันเทียบไม่ได้เลยกับการที่ฉันต้องอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีพวกท่านอยู่ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังคงต้องใช้ชีวิตต่อไปและต้องใช้มันอย่างคุ้มค่ามากที่สุด ฉันตั้งใจว่าจะเอาเงินพวกนั้นออกมาใช้เมื่อจำเป็นและใช้ในยามฉุกเฉินเท่านั
KT Pub 20:00 น. เสียงดนตรีดังกระหึ่มเข้ามาให้โสตประสาทของหญิงสาวทันทีเมื่อขาเรียวก้าวเหยียบเท้าเข้ามาเพียงแต่หน้าทางเข้าของผับเท่านั้น ผู้คนหนุ่มสาวมากมายต่างก็โยกย้ายร่างกายไปตามเสียงเพลงที่ดีเจเปิดเพื่อเพิ่มบรรยากาศในการดื่มของเหล่านักท่องราตรี ผู้คนจำนวนมากต่างเบียดเสียดกันจนหน้าอึดอัดไปหมดหญิงสาวใช้สายตาสอดส่องมองเพื่อนสาวของเธอท่ามกลางแสงไฟสลัวที่แทบจะมองอะไรไม่เห็นแม้แต่ทางเดิน และในที่สุดความพยายามของเธอก็ประสบความสำเร็จหญิงสาวใช้สายตามองหาเพื่อนสาวของเธอจนเจอในที่สุด ที่ยอมมาตามนัดในวันนี้เพราะเธอปฏิเสธเพื่อนหลานครั้งแล้วซึ่งก่อนหน้าที่หญิงสาวจะถึงที่หมายเพื่อนของเธอก็ได้ส่งข้อความมาบอกว่าถึงแล้วอยู่ที่โต๊ะเรียบร้อยก่อนหน้าไม่นาน เมื่อเจอเป้าหมายหญิงสาวก็ไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาเพื่อนของเธอทันที แต่เมื่อหญิงสาวมาถึงโต๊ะก็เกิดอาการแปลกใจไม่น้อยที่ในโต๊ะไม่ได้มีแค่เพื่อนสาวของเธอแต่มีชายหนุ่มหน้าตาดี แต่แววตานั้นเจ้าเล่ห์ดูไม่เป็นมิตรแต่ยังไม่ที่ทันที่หญิงสาวจะได้เอ่ยทักถามเพื่อคลายความสงสัยเพื่อนเธอก็ทักขึ้นมาเสียก่อนและแนะนำเขาให้รู้จัก “นี่ยัยปรางฉันคิดว่าแกจะเทฉันอี
KT Pub20:00 น. ประธานหนุ่มมาถึงสถานบันเทิงที่นัดหมายกับเพื่อนไว้ก็ตรงไปหาเพื่อนๆที่ชั้นสองของผับซึ่งเป็นโซนสำหรับลูกค้าVIPเท่านั้นโดยปกติแล้วเวลาที่พวกเขามาสังสรรค์กันพวกเขาก็มักจะไปนั่งดื่มกันชั้นสอง ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเมื่อมาถึงห้องที่มีเพื่อนของเขาอยู่ประธานหนุ่มจึงเปิดประตูเข้าไปโดยภายในห้องไม่มีผู้หญิงหรือใครอื่นนอกจากพวกเขา เพราะเพื่อนเขาทุกคนต่างก็มีครอบครัวกันหมดแล้ว ก็จะเหลือเพียงแค่ประธานหนุ่มที่ยังไม่มีคู่กับเขาสักที เพราะความบ้างานของตัวเองทำแต่งานไม่สนใจสิ่งอื่นรอบตัว ถึงแม้จุดที่พวกเข้านั่งอยู่จะเป็นห้องVIPมีความเป็นส่วนตัว แต่ในจุดที่พวกเขานั่งดื่มนั้นสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งผับเพราะด้านข้างเป็นกระจกที่จะมีแค่คนที่นั่งอยู่ในห้องเท่านั่นจะมองเห็นแต่คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นพวกเขาที่นั่งอยู่ข้างในห้องได้ได้ ในขณะที่ประธานหนุ่มกำลังดื่มฉลองให้กับลูกคนที่สามของเพื่อนอยู่นั่นสายตาของเขาก็มาไปรอบๆทำให้สายตาของเขาไปสะดุดที่หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในร้านหน้าตาน
ปังงง!!!!!!!!!!!!! ประธานหนุ่มปิดประตูเสียงดังโดยไม่กลัวว่าประตูห้องจะพัง เมื่อประตูห้องปิดลงประธานหนุ่มก็วางหญิงสาวลง ปากหนาประกบจูบไปที่ริมฝีปากของหญิงสาวตรงหน้าทันที หญิงสาวที่โดนฤทธิ์ของยาปลุกเซ็กเล่นงานอย่างหนักเธอไม่นึกเขินอายที่ต้องมาจูบกับชายแปลกหน้าที่ตัวเองไม่รู้จักเพราะความต้องการที่มีมากกว่าความอายของเธอทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ตอนนี้หญิงสาวต้องการปลดปล่อยมากกว่าที่จะมานั่งเขินอาย ประธานหนุ่มเริ่มสอดเรียวลิ้นเข้าไปเกี้ยวกระหวัดลิ้นของหญิงสาว มือทั้งสองข้างของเขาลูบไล้ไปทั่วร่างกายที่สมส่วนของหญิงสาวตรงหน้าด้วยความต้องการที่มีมากไม่ต่างกัน มือข้างหนึ่งของเขาเลื่อนมาอยู่ที่เต้ากลมสวยใหญ่จนล้นมือของเขา ประธานหนุ่มคลึงบริเวณยอดประทุมถันของเธอ จึงทำให้หญิงสาวส่งเสียงครางอื้ออึงออกมากด้วยความเสียวซ่านที่ไม่เคยได้รับมาก่อน “อื้อ อย่าทำ บะ แบบนั้น” หญิงสาวเอยเสียงกระท่อนกระแท่นประธานหนุ่มยกยิ้มพึงพอใจที่สร้างความเสียวซ่านให้หญิงสาวตรงหน้าได้ ปากของทั้งสองยัง
06:00 น. “อื้ออออออ” หญิงสาวขยับร่างที่ไร้ซึ่งอาภรมีเพียงผ้าห่มผืนใหญ่ปิดบังเรือนร่างก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับอาการมึนศีรษะและปวดเมื่อยร่างกายไม่น้อยดวงตาสวยกระทบกับแสงแดดเธอกระพริบตาสองสามทีไร้อาการมึนงงเรียกสติตัวเอง เพื่อนึกย้อนว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับเธอและทำอะไรลงไปบ้างเมื่อคืนนี้ พอตั้งสติได้ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามาในโสตประสาทของเธอ ถึงแม้หญิงสาวจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้ทั้งหมดว่าเธอทำอะไรลงไปบ้างก็ตาม แต่ตอนนั้นเธอเองก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองและฝืนฤทธิ์ของยาที่ดื่มเข้าไปไม่ได้ บวกกับการเล้าโลมของชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างเธอตอนนี้ทั้งที่เธอไม่รู้จักชื่อและไม่รู้ว่าเขาเป็นใครด้วยซ้ำ จำได้เพียงว่าครั้งแรกที่เธอเจอเขาคือที่ผับเมื่อคืนและครั้งล่าสุดคือตอนนี้ที่เขานอนเอาแขนหนักๆมากอดที่เอวของเธอ หญิงสาวทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจนปะติดปะต่อได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็นึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่เธอต้องทำต่อจากนี้คือการออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดก่อนที่เขาจะตื่นเสียก่อน พอคิดได้อย่างนั้นเธอก็รีบลุกขึ้นจากเตี
1 เดือนผ่านไป หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นหญิงสาวก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติเช้าตื่นไปทำงานเลิกงานก็กลับบ้านชีวิตประจำวันของเธอก็มีอยู่แค่นี้ แต่ก็จะมีบ้างนัดเจอกัน ทานข้าว ดูหนัง เดินห้างกับมีนเพื่อนสาวคนสนิทเพียงคนเดียวของเธอตามภาษาวัยรุ่น นับตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่เจอพีทอีกเลยเช่นกัน มีนบอกว่าเขาไปต่างประเทศแล้ว เหตุการณ์การวันนั้นเธอไม่ได้บอกมีนและก็ไม่คิดที่จะบอกเด็ดขาด เธอไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง เรื่องมันแล้วมาก็ปล่อยให้แล้วไปไม่อยากจะเอามาคิดให้ปวดหัว ถึงแม้เธอจะรู้ว่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดมาจากฝีมือของพีทเป็นคนเอายาปลุกเซ็กใส่ในแก้วเครื่องดื่มของเธอเพราะนอกจากเครื่องดื่มที่มีนชงให้ก็มีเครื่องดื่มแก้วสุดท้ายเท่านั้นที่พีทเป็นคนเอามายื่นให้เธอ ซึ่งอาการแปลกๆก็เกิดขึ้นกับเธอขึ้นหลังดื่มเครื่องดื่มแก้วนั้นของพีท หลังเกิดเรื่องคืนนั้นหญิงสาวก็ไม่มีความคิดที่จะกลับไปหาชายแปลกหน้าคนนั้นเพื่อที่จะให้เขารับผิดชอบเธอกับอะไรก้ตามที่เสียไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้ ถึงแม้เธอจะจำใบหน้าหล่อเหลาเขาได้อย่างแม่นยำ
เช้าแห่งการเริ่มฝึกงานวันแรกหญิงสาวเดินมาหยุดอยู่หน้าบริษัทออกแบบภายในที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับต้นๆของประเทศใครหลายคนก็อยากเข้ามาทำงาน แม้แต่นักศึกษาที่กำลังจะเรียนจบและกำลังหาที่ฝึกงานต่างก็ต้องการจะมาฝึกงานที่นี่เพื่อหาประสบการณ์ในการทำงานและหวังว่าจะได้ทำงานที่นี่ต่อเมื่อสิ้นสุดการฝึกงาน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากไม่น้อยที่จะได้เข้ามาทำงานหรือฝึกงานในบริษัทแห่งนี้เนื่องจากมีการคัดกรองพนักงานที่จะเข้ามาทำงานอย่างเข้มงวด และยิ่งเป็นนักศึกษาฝึกงานยิ่งยากเพราะปีหนึ่งจะรับแค่ไม่เกินสองคนเท่านั้น ซึ่งเพื่อนๆที่เรียนคลาสเดียวกับเธอหลายคนก็ยื่นสมัครฝึกงานไม่น้อยแต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากทางบริษัท แต่ถือว่าเป็นโชคดีของเธอที่ได้รับการตอบรับกลับมา นอกจากความโด่งดังของบริษัทก็ยังมีความฮอตปรอทแตกของท่านประธานที่ถึงแม้ว่าอายุเข้าเลขสามแล้วก็ตามแต่ก็ยังดูดีเหมือนเด็กวัยยี่สิบต้นๆ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่บรรดานักศึกษาหรือสาวๆอยากมาฝึกงานที่นี่เพราะอยากมาดูให้เห็นกับตาว่าความฮอตปรอทแตกของท่านประทานบริษัทนี้จ
ช่วงเที่ยงของวันปรางทิพย์นั่งเล่นอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนั่งเล่นเพียงลำพังเพราะสามีและลูกคนโตออกไปทำงานกันส่วนสองแฝดก็ไปเรียน เธอจึงต้องอยู่บ้านคนเดียวอย่างเหงาๆเพราะตั้งแต่มีลูกเธอก็ไม่ได้ทำงานอีกเลย “ม๊าขา อยู่ไหมคะ”ปริมลูกสาวคนเดียวของบ้านตะโกนเรียกมารดามาตั้งแต่อยู่หน้าบ้านจนกระทั่งเข้ามาถึงภายในตัวบ้าน “ม๊าอยู่ที่ห้องนั่งเล่นลูก”ปรางทิพย์ขานตอบลูกสาวปริมเมื่อได้ยินเสียงมารดาดังมาจากห้องนั่งเล่นก็รีบวิ่งเข้าไปหามารดาทันทีปรางทิพย์เห็นว่าลูกสาววิ่งหน้าตั้งตาตื่นก็ตกใจนึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้น “ปริมมีอะไร เกิดอะไรขึ้น แล้วนี่ทำไมกลับมาเร็วไม่มีเรียนเหรอคะ”ปรางทิพย์รัวคำถามใส่ลูกสาวที่วันนี้บอกว่ามีเรียนเลิกสี่โมงเย็นแต่นี่พึ่งบ่ายสองทำไมกลับมาเร็ว “อาจารย์ยกคลาสค่ะ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ เพราะมีเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นอีกค่ะ”ปริมพูดด้วยความตื่นตระหนกราวกับเ
เช้าวันใหม่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนของสองสามีภรรยาที่นอนกอดกันไม่ยอมตื่นลมแอร์ปะทะร่างกายทำให้ต้องกระชับกอดกันให้แน่นขึ้นเพราะความเย็นของแอร์ ปวีร์ขยับเปลือกตาค่อยๆลืมตาปรับแสงที่มากระทบตาเมื่อปรับได้แล้วก็หันไปมองภรรยาคนสวยที่นอนหลับอยู่ในอ้อมกอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความสวยไม่เคยเลือนหายเขายังคงหลงใหลร่างกายนี้ไม่เคยเปลี่ยน เมื่อได้สัมผัสก็ต้องการที่จะสัมผัสมากขึ้นทุกครั้งตอนนี้ก็เช่นกัน ปรางทิพย์ที่อยู่ในชุดนอนเดรสสายเดี่ยวเนื้อผ้าซาตินลื่นมือทำให้เมียของเขาน่าสัมผัสมากขึ้นอีกเท่าตัวปวีร์จับตัวภรรยาคนสวยให้นอนราบกับที่นอนและเริ่มซุกไซ้ไปตามซอกคอไล่เลียระดมจูบไปตามซอกคอทำให้เกิดเป็นรอยจ้ำแดงระเรื่อที่คอ มือหนาเลื่อนไปบีบขย้ำหนาอกอวบนิ้วแกร่งสะกิดยอกประทุมถันที่ชูชันอีกข้างก็เลื่อนลงไปที่กลีบกุหลาบงาม ปวีร์พรมจูบไล่ลงมาจนถึงกลีบกุหลาบงามมือหนาถอดกางเกงในของปรางทิพย์ออกและเลิกชายกระโปรงขึ้นลิ้นร้อนไล่เลียไปตามรอยแยกนิ้วแกร่งสอดเขาไปในร่
20 ปีผ่านไป ตอนนี้ลูกของประธานหนุ่มและภรรยาโตเป็นหนุ่มเรียนมหาวิทยาลัยกันหมดทุกคนแล้ว ปริ๊น หรือ ปรินทร์ อัศวภัทชกุล ลูกชายคนโตของปวีร์และปรางทิพย์ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปีสี่ ปริ๊นเริ่มเข้ามาช่วยงานพ่อตั้งแต่ขึ้นมหาลัยเพราะอยากช่วยงานพ่อแต่ช่วงนี้ก็เริ่มที่จะเข้ามาทำมากขึ้นส่วนเด็กแฝดทั้งสองคนก็เรียนมหาลัยที่เดียวกับพี่ชายท้องที่สองเธอได้แฝดชายหญิงซึ่งสมใจพ่อเขานั้นแหละ “หนูวันนี้โทรบอกลูกๆแล้วใช่ไหมว่าให้เข้ามาทานข้าวที่บ้าน” ท่านประธานวัย54แต่ยังดูดีเหมือนคนวัย30ต้นๆ เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านเอ่ยถามภรรยาที่ยังสวยไม่เปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่เจอกันถึงแม้จะอายุเลขสี่แล้วก็ตาม “โทรบอกแล้วค่ะ เดี๋ยวก็คงจะมากัน” “ครับ แล้วนี่หนูทำอะไรอยู่ครับ”ปวีร์เดินมานั่งข้างภรรยาโอบเอวไว้หลวมและเอ่ยถาม “ นั่งดูอะไรไปเรื่อยค่ะ ว่าแต่ช่วงนี้งานเยอะเหรอคะ”
1 เดือนผ่านไปอ๊วกๆ อ๊วกๆ อ๊วกๆ เสียงโก่งคออาเจียนของประธานหนุ่มดังขึ้นอย่างนี้มาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วหญิงสาวบอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอมไปบอกแต่ว่าไม่เป็นอะไรอาจจะเป็นผลมาจากการทำงาน “เฮียไหวไหมคะ ไปหาหมดเถอะนะ”หญิงสาวคะยั้นคะยอให้สามีไปหาหมอเพราะเป็นห่วงกลัวว่าสามีจะเป็นโรคร้ายแรง “เฮียไม่เป็นอะไรจริงๆครับ”ประธานหนุ่มพูดแล้วเอามือลูบหัวหญิงสาวให้คลายกังวล “ตะ...” “ป๊าม๊าเสร็จยังครับ เดี๋ยวพี่ปริ๊นไปเรียนสายนะ”ลูกชายตัวแสบเปิดประตูวิ่งเข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตู “พี่ปริ๊นครับ ไม่เสียงดังนะครับป๊าไม่สบายอยู่นะ”หญิงสาวบอกลูกชายให้เบาเสียงลง “ป๊าไม่สบายเหรอครับ งั้นม๊าอยู่ดูแลป๊านะครับ เดี๋ยวพี่ปริ๊นให้อากิตต์ไปส่ง”เด็กชายที่มีความคิดโตเกินเด็กวัยเดียวกันหันไปมองหน้าพ่อและพูดบอ
“ป๊า/ม๊าครับ พี่ปริ๊นมาแล้ว”เสียงเด็กชายเรียกพ่อกับแม่เข้าดังขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองกำลังเดินมาในโรงเรียน ประธานหนุ่มและหญิงสาวขับรถมารับลูกชายหลังเลิกงานทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงเจ้าแสบดังมาแต่ไกลเรียกพวกเขาทำให้ประธานหนุ่มและหญิงสาวหันหน้ามองกันและยิ้มให้กับความน่ารักของลูกชาย “เป็นไงครับ มาเรียนวันแรกมีเพื่อนหรือยังครับ แล้วนี่ดื้อกับคุณครูหรือเปล่า”หญิงสาวย่อตัวตัวลงให้เสมอกับลูกชายและยกมือขึ้นลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู “วันนี้พี่ปริ๊นไม่ดื้อครับ ไม่เชื่อถามคุณครูได้เลย”เด็กชายพยายามหาพยานเพื่อยืนยันว่าตนนั้นไม่ได้ดื้อ “พี่ปริ๊นดื้อไหมคะ คุณครู”หญิงสาวลุกขึ้นและส่งลูกชายไปให้สามีก่อนจะเอ่ยถามว่าวันนี้ลูกของเธออยู่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง “พี่ปริ๊นไม่ดื้อเลยค่ะ เข้ากับเพื่อนในห้องได้ทุกคน โดยเฉพาะน้องเกลค่ะพี่ปริ๊นชอ
“พี่ปริ๊นครับลูก ตื่นได้แล้วครับ วันนี้ไปโรงเรียนวันแรกหนูจำไม่ได้เหรอลูก” คุณม๊าคนสวยเดินขึ้นมาปลุกลูกชายวัยสองขวบที่วันนี้เป็นวันแรกที่ลูกของเธอต้องไปเรียนวันแรกตอนบอกเรื่องโรงเรียนลูกชายของเธอดีใจกระโดดโลดเต้นยกใหญ่ แต่ทำไมคนที่ดีอกดีใจที่จะได้ไปเรียนถึงกลับไม่ยอมตื่นเสียที “พี่ปริ้นครับ ตื่นได้แล้วลูกเดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ”คุณม๊าคนสวยไม่ลดความพยายามที่จะปลุกลูกชาย “ม๊าครับ พี่ปริ๊นยังอยากนอนอยู่เลย”เด็กชายงอแงไม่อยากตื่นและซุกหน้าลงหมอนหลับต่อแอดดดด “เอ้า ทำไมพี่ปริ๊นยังนอนอยู่ล่ะครับ ไหนว่าไปเรียนวันแรกไง”ประธานหนุ่มเปิดประตูเข้ามาในห้องลูกชายก็เห็นเมียนั่งมองลูกชายนอนหลับไหนว่าขึ้นมาปลุกแต่ทำไมเจ้าตัวแสบยังนอนอุตุอยู่ “ม๊าปลุกแล้ว แต่เจ้าตัวไม่ยอมตื่นบอกว่ายังอยากนอนอยู่เลย สงสัยอาหารเช้าของโปรดคงต้องเททิ้งแล้วสิ”หญิงสาวทำทีพูดว่าจะเอาของโปรดที่ลู
6 เดือนต่อมา หญิงสาวย้ายออกมาจากบ้านใหญ่เข้ามาอยู่บ้านที่ประธานหนุ่มซื้อไว้ตั้งแต่ลูกชายอยู่ในท้องยังไม่คลอดด้วยซ้ำ เป็นบ้านที่ประธานหนุ่มสั่งให้ทำห้องเด็กเพิ่มเพราะตัวบ้านเดิมไม่มีห้องของเด็ก บ้านหลังนี้จะมีห้าห้องนอน หกห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว ที่จอดรถ สนามหญ้าหน้าบ้านและก็สระว่ายน้ำส่วนแม่บ้านตอนแรกประธานหนุ่มจะจ้างคนใหม่แต่มารดาไม่ไว้ใจกลัวมาทำร้ายหลานเธอตามที่ข่าวออกเธอจึงส่งคนที่บ้านใหญ่มาสองคนซึ่งเป็นแม่บ้านที่ทำงานมานานและไว้ใจได้ ตอนนี้ลูกชายเธอน้องปริ๊นอายุเจ็บเดือนแล้วกำลังเริ่มหัดคลานคุณปู่คุณย่าก็แวะมาหาหลานเกือบทุกวัน ส่วนกิตต์คนนั้นต้องเรียกได้ว่าหลงหลานตามใจหลานทุกอย่างไม่เคยขัดจนหญิงสาวต้องคอยห้ามไว้เพราะกลัวลูกชายจะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจพูดไม่ฟังตึงๆตึงๆ “น้องปริ๊นอย่าคลานเร็วนักสิลูก แหะๆ”หญิงสาวร้องเรียกตามลูกชายที่กำลังจะคลานไปหน้าบ้าน เผลอไม่ได้เลยลูกคนนี้ “คุณปรางมีอะไรให้สายใจช่วยไหมคะ”สายใจสา
1 เดือนต่อมา หลังหญิงสาวออกจากโรงพยาบาลพร้อมลูกชายตัวน้อย เธอจึงกลับมาพักที่บ้านใหญ่ตอนแรกประธานหนุ่มอยากเข้าไปอยู่บ้านที่เขาซื้อไว้แต่มารดาของสามีไม่ยอมบอกให้อยู่บ้านใหญ่สักเดือนสองเดือนก่อน ประธานหนุ่มที่ไม่เคยพูดชนะมารดาก็จำใจต้องยอมอยู่จนกว่าลูกชายจะสองเดือน แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้มีคนช่วยเลี้ยงเจ้าตัวเล็กแอ้ๆแอ้ๆแอ้ๆ เสียงเด็กน้อยดังอ้อแอ้มาจากแปลเด็กในตอนเช้าเด็กน้อยจะตื่นแต่เช้าทุกวันพอตื่นมาก็จะส่งเสียงอ้อแอ้ให้ป๊ากับม๊าได้ยินจะเป็นแบบนี้ประจำทุกวันตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ลูกน้อยของเธอถือว่าเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายไม่งอแงจะมีร้องบ้างแค่ตอนหิวหรือรู้สึกไม่สบายตัวและตื่นบ่อยตามปกติของเด็กแรกเกิด “น้องปริ๊นตื่นแล้วเหรอคะ คนแก่งของม๊าไปปลุกป๊ากัน” น้องปริ๊นหรือด.ช. ปรินทร์ อัศวภัทชกุล ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนและหลานสุดรักสุดหวงของคุณหญิงมณีรัตน์และคุณเอกภพ ชื่อนี้ประธานหนุ่มเป็นคนคิดตั้งแต่เจ้าลูกชายแปดเดือนช่วงนั้นสามีของเธอเคร
ทุกคนต่างให้ความสนใจสมาชิกใหม่ของบ้าน แต่คนที่ดูจะเห่อลูกชายเขามากที่สุดน่าจะเป็นคุณหญิงมณีรัตน์มารดาของประธานหนุ่ม เพราะข้าวของลูกชายเขาส่วนมากที่มีตอนนี้จนแทบจะล้นบ้านก็มาจากแม่เขาทั้งนั้น “ไหนดูสิหลานย่า น่าเกียจน่าชังจังเลยลูก ดูสิคะหน้าเหมือนตาวีร์ตอนเล็กๆเลย” ประธานหนุ่มยืนดูมารดาอุ้มลูกน้อยของเขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ประธานหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงขยับข้างเตียงก่อนจะหันไปดูก็เห็นว่าหญิงสาวตื่นแล้ว ประธานหนุ่มช่วงพยุงหญิงสาวลุกขึ้นนั่งและหยิบน้ำมาให้หญิงสาวดื่ม “ดื่มน้ำก่อนครับ”ประธานหนุ่มยื่นแก้วน้ำไปให้หญิงสาวดื่ม “ขอบคุณค่ะ ดูคุณแม่จะเห่อหลานมาเลยนะคะ”หญิงสาวทักขึ้นยิ้มๆเธอดีใจที่ลูกชายของเธอเป็นที่รักของทุกคน “ใช่ครับ คุณแม่ท่านอยากได้หลานมาตั้งนานแล้วแต่เฮียไม่ยอมมีให้สักที”ประธานหนุ่มหันไปมองมารดาที่อุ้มหลานชายไปมารอบห้องด้วนรอยยิ้ม