"เอ่อ~ตาเทียน" เอกแสร้งยิ้มแล้วหันไปหาเทียน
"ครับ" เทียตอบ "อามีเรื่องงานที่อยากจะปรึกษาหน่อยน่ะ ออกไปคุยกันข้างนอกสักแป๊ปได้ไหม" เอกพูด "ตอนนี้เหรอครับ" เทียนถาม "ใช่" เอกตอบ "แหม่~คุณเอกค่ะนี้มันเวลาไหนแล้วเรื่องงานก็พักบ้างเถอะค่ะ" หญิงป่านนภาพูด "ใช่ครับ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ผมไม่รีบหรอก" เทียนตอบเพราะเขาไม่อยากออกไปกับใครตามลำพังในช่วงเวลาที่ไม่ปลอดภัยแบบนี้แถมพายุก็ยังไม่กลับมา "พอดีพรุ่งนี้อากับอาเอกต้องไปธุระที่ต่างจังหวัดกันหลายวันก็เลยกลัวจะไม่มีเวลาน่ะจ๊ะ" เหมยหลินพูด "ครับ" เทียนจำใจต้องตอบตกลงไปก่อนเพราะกลัวคนอื่นจะสงสัยหาว่าสิริยากรมีปัญหาภายใน เทียนลุกขึ้นเดินตามเอกออกไปหาที่หลบมุมคุยกัน ผ่านไปไม่ถึงนาทีพายุก็เดินเข้ามาพร้อมกับมองหาเทียนไปทั่วแต่ก็ไม่เจอเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ บิ๊กเพื่อสอบถามแต่ด้วยท่าทางยุกยิกๆ เหมือนเด็กน้อยของเขามันทำเอาเหมยหลินรำคาญไม่น้อยจนต้องหันไปถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจ พายุรีบก้มหัวขอโทษเหมยหลินทันทีเธอจึงได้ยอมหันกลับไปแล้วไม่เอาเรื่อง "พี่บิ๊กๆ พี่เห็นคุณเทียนบ้างไหมอ่ะ" พายุถาม "ไม่ต้องห่วง~ คุณเทียนแค่ออกไปคุยกับคุณเอกเฉยๆ สบายใจได้" บิ๊กตอบ (สบายใจบ้าบออะไรล่ะ คนที่ผมไม่อยากให้อยู่ใกล้คุณเทียนที่สุดก็เจ้านายพี่นั่นแหละ) "เอ่อ! แต่มึงจำไว้นะพายุว่าถ้ามางานนอกอ่ะไม่ว่ายังไงมึงก็ไม่ควรปล่อยให้เจ้านายคาดสายตาเด็ดขาด โชคดีนะที่ครั้งนี้คนที่คุณเทียนออกไปด้วยเป็นคุณเอกไม่ใช่ศัตรูไม่งั้นคุณหล่งไม่เอามึงไว้แน่" บิ๊กเอ่ยเตือนรุ่นน้องด้วยความจริงใจแต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้ในใจของพายุเองก็ร้อนรนจนแทบระเบิดแล้วเหมือนกัน "เดี๋ยวผมมานะพี่" พายุตอบแล้วก็รีบเดินออกไปเลยด้วยท่าทางรีบร้อนจนเหมยหลินตกใจ "ว๊าย!..." ทันทีที่เสียงร้องของเหมยหลินดังขึ้นบรรดาเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอก็พากันตกใจไปด้วยเธอจึงได้โอกาสต่อว่าพายุต่อหน้าทุกคน "เด็กบ้านพี่หล่งนี่ทำไมเป็นแบบนี้ทุกคนเลยนะ สอนแต่เรื่องใช้กำลังไม่สอนมารยาทกันเลยสักคน...ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่ทำให้ตกใจ" เหมยหลินพูดด้วยสีหน้าเหมือนคนรู้สึกผิดแต่พอทุกคนตอบว่าไม่เป็นไรเธอเลยค่อยๆ แสร้งยิ้มออกมา ทางด้านของพายุก็พบายามเดินหาเทียนใหญ่เลยยิ่งแขกในงานเยอะมากเขาก็ยิ่งรู้สึกเป็นกังวลเข้าไปใหญ่เพราะไม่รู้เลยว่าพวกศัตรูจะแฝงอยู่ในกลุ่มคนพวกนี้หรือเปล่า "คุณเทียนหายไปไหนนะ" พายุมองไปรอบๆ งานด้วยความวิตกกังวลจนจู่ๆ เสียงจากพรรคพวกก็ดังเข้ามาในหู "พายุ พายุได้ยินไหม" เสียงบอดี้การ์ดที่รออยู่ข้างนอกพยายามสื่อสารกับเข้าผ่านเครื่องมือสื่อสารที่ติดไว้ที่หู พายุรีบยกมือขึ้นมาแตะที่มันเบาๆ เพื่อให้ได้ยินชัดขึ้น "ได้ยิน" พายุตอบ "พวกเราหาทั่วงานแล้วแต่ไม่เจอสองคนนั้นเลย นายรีบพาตัวคุณเทียนออกมาด่วนเลยนะ" "รับทราบ" พายุตอบแล้วรีบเดินผ่าฝูงคนเข้าไปอีกด้านนึงของงานเลี้ยง ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ "อาเอกมีอะไรจะคุยกับผมหรอครับ" เทียนถาม เอกหันหน้ากลับมาหาเทียนทันทีด้วยความโมโห "เมื่อกี้แกจะพูดอะไร แกจะแฉไอ้เมฆงั้นหรอ!" เอกถามด้วยความโกรธแต่ก็ไม่ได้เสียงดังอะไรเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยินเข้า "ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับ" เทียนตอบอย่างหน้าตาเฉย "ฉันรู้นะว่าแกโกรธที่ปู่ของแกตายแต่วิสุทธิ์มันก็พูดไปชัดเจนแล้วหนิว่าที่คุณพ่อตายมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตาเมฆเลยแล้วแกจะยังเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรกับมันอีก แต่อยากให้มันหมดอนาคตไปเลยใช่ไหม" "มันไม่ได้ทำคุณปู่ตายแต่มันก็มีความผิดฐานลักขโมยข้อมูลของตระกูลไปขาย ข้อนี้อาเอกแก้ต่างให้มันไม่ได้นะครับและผมในฐานะผู้นำตระกูลต้องการตัวมันเป็นอย่างมาก...หวังว่าอาเอกจะนำมันมาส่งให้ผมเร็วๆ" เทียนกัดฟันตอบออกไปอย่างเก็บอารมณ์ทั้งที่ใบหน้าของเขามันสั่นไปด้วยความโกรธมากๆ แล้วก็ตาม "ฉันไม่ได้ซ่อนตัวมันไว้แต่ฉันเองก็ติดต่อมันไม่ได้เหมือนกัน บ้างทีที่มันหายไปเพราะอาจจะรู้ว่าต่อให้กลับมาคนบางคนก็ไม่เชื่อคำพูดมันอยู่แล้วก็ได้มั้ง ถ้าคนที่ตายเป็นคนอื่นมันอาจกล้ากลับมาแต่ตอนนี้คนที่ตายคือคุณพ่อแถมคนที่ขึ้นรับตำแหน่งต่อก็เป็นคนที่คุณพ่อรักซะยิ่งกว่าลูกในไส้ มันคงกลัวว่าแกจะเอาความโกรธแค้นตรงนั้นมาลงที่มันจนไม่สนใจคำพูดของมันก็ได้" เอกพูดออกมาได้อย่างหน้าระรื่นจนเทียนแทบจะทนไม่ไหว "มันเองก็เคยเป็นน้องที่ผมรักมากเหมือนกัน ถ้ามันไม่ได้ทำอะไรผิดก็บอกให้รีบกลับมาซะก่อนที่ผมจะทนไม่ไหวส่งคนไปลากตัวมันกลับมาเอง" เทียนตอบ สายตาที่ไม่ยอมแพ้และหวาดกลัวของเทียนทำให้เอกรู้สึกหวั่นใจนิดหน่อย "คุณเทียนครับ" เสียงของพายุทำลายบรรยากาศทุกอย่างลงจนเอกกลับมามีมาดอีกครั้ง เทียนค่อยๆ เก็บสีหน้าแล้วหันไปหาพายุ "ว่าไง" เทียนถาม พายุหยุดวิ่งทันทีที่เห็นว่าตรงหน้ามีสายตาดุๆ จากเอกมองเขาอยู่ด้วย "เอ่อ~ คุ คุณหล่งโทรมาบอกไม่ค่อยสบายน่ะครับ" พายุตอบ "คนที่บ้านตั้งเยอะแยะไม่มีใครดูแลพี่หล่งได้สักคนเลยหรือไง" เอกถาม "เอ่อ~ คือ..." พายุไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรมาใช้หลอกเอกแต่โชคดีที่เทียนสังเกตเขาออกเลยหันหน้ากลับมาหาเอกแล้วช่วยพูดแทนให้ "ผมเป็นลูกชายนะครับ ถ้าพ่อแม่ไม่สบายตัว ไม่สบายใจผมไม่มีทางปล่อยพวกเขาไว้แล้วหายตัวเงียบไปเหมือนใครบางคนหรอก" เทียนพูด "ไอ้--" "ขอตัวนะครับ" เทียนรีบตัดบทแล้วหันหลังเดินออกไปทันที "สะ สวัสดีครับคุณเอก" พายุยกมือไหว้เอกด้วยท่าทางรีบร้อนแล้วก็รีบตามเทียนไปติดๆ ทันที "ไอ้เทียน ไอ้เด็กเมื่อวานซืนเอ้ย!" เอกด่าเขาตามหลังเบาๆ ด้วยความหงุดหงิดแล้วก็เดินกลับไปที่โต๊ะเหมือนเดิม "เป็นไงบ้าง" เทียนถาม ทั้งคู่ยังคงเดินอยู่ตลอดแต่ก็ทำเป็นเดินช้าๆ เหมือนคนออกมาชิลเฉยๆ เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต "คนของเราหายไปสองคนครับ" พายุตอบ "งั้นรีบกลับกันเถอะ" เทียนพูด "ครับ" พายุตอบแต่พอพวกเขาจะเดินออกพ้นประตูงานก็มีเสียงของชายมีอายุดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเขา "นั่นใช่คุณเทียนหรือเปล่าครับ" เทียนกับพายุค่อยๆ หันไปตามเสียงและพบว่าเจ้าของเสียงเรียกนั้นก็คือคุณไพบูลย์นั่นเอง "สวัสดีครับคุณไพบูลย์" เทียนกล่าวทักทายแล้วเดินเข้าไปหาเขาทันที "เป็นคุณเทียนจริงๆ ด้วย" คุณไพบูลย์ตอบ "ครับ ไม่เจอกันหลายปีคุณไพบูลย์ยังเหมือนเดิมเลยนะครับ" เทียนพูด "ฮ่าๆๆ หลายปีที่ไหนล่ะครับต้องพูดว่าไม่เจอกันเป็น 10 ปีเลยต่างหาก" คุณไพบูลย์ตอบ "ใช่ครับ จำได้ว่าเจอคุณไพบูลย์ครั้งสุดท้ายก็ตอนฉลองผมจบปริญญาโทนู้นเลย" เทียนพูด "เอ่อ นี่ลูกชายผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ 2 วันเอง" คุณไพบูลย์พูด "สวัสดีครับ" "สวัสดีครับ" เทียนตอบแล้วยื่นมือไปจับกับเขาด้วยท่าทางสุภาพ "แล้วนี่คุณเทียนกำลังจะไปไหนหรอครับ" คุณไพบูลย์ถาม "อ๋อ~ พอดีเด็กที่บ้านโทรมาบอกว่าคุณพ่อไม่ค่อยสบายเลยจะรีบกลับไปดูหน่อยน่ะครับ" เทียนตอบ "เสียดายจังนึกว่าจะได้มีโอกาสคุยกับคุณเทียนนานๆ หน่อย" คุณไพบูลย์ตอบ "เช่นกันครับ งั้นไว้วันหลังถ้ามีโอกาสผมขอเลี้ยงข้าวชดเชยให้ละกันนะครับ" เทียนพูด "โอ้~ยินดีครับยินดี" คุณไพบูลย์ตอบ "งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" เทียนพูด "เชิญครับๆ" คุณไพบูลย์ตอบจากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้ายกัน เทียนรีบสาวเท้าไปที่รถที่ออกมาจอดรออยู่หน้าประตูแล้วโดยครั้งนี้พายุจะเป็นคนขับให้เองส่วนบอดี้การ์ดอีกสองคนต้องแยกกันไปขับมอเตอร์ไซค์คนละคันประกบหลังซ้ายหลังให้พวกเขา "หาสองคนนั้นไม่เจอจริงๆ เหรอ" เทียนถาม "ครับ" พายุตอบ "แล้วนี่นายขับได้จริงๆ ใช่ไหม" เทียนถามเพราะตอนนี้พวกเขาต้องขับเร็วกว่าปกตินิดหน่อยเพื่อไปถึงบ้านให้เร็วที่สุด "ได้ครับคุณเทียน" พายุตอบ ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! หลังจากที่ออกจากงานมาได้ไม่ถึงกิโลเสียงปืนก็ดังขึ้นติดต่อกันหลายนัดจากทางด้านหลังรถจนเทียนและพายุต่างพากันตกใจ เทียนรีบก้มหัวลงทันทีส่วนพายุก็เร่งคันเร่งเหยียบจนมิดไมค์ เขาเหล่มองดูในกระจกก็เห็นเป็นรถเก๋งสีดำและรถตู้สีดำขับตามเขามาติดๆ พร้อมกับยิงกระสุนใส่มาที่รถของเขาอยู่ตลอด โชคดีที่บอดี้การ์ดด้านหลังค่อยกันและเอี้ยวตัวกลับไปยิงตอบโต้ให้ไม่งั้นป่านนี้รถของเขาคงพรุนไปหมดแล้ว ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! "คุณเทียนก้มหัวไว้ครับ" พายุตะโกนบอกเทียนเสียงดังทั้งๆ ที่ตังเขาเองกลัวจนแทบบ้า "พายุเร่งเครื่อง!" เทียนแอบเหล่ขึ้นมามองก็เห็นสภาพพายุที่เหมือนคนกำลังจะสติแตกเลยต้องตะคอกเตือนสติเขาสักหน่อย "ครับๆๆ ผะ ผมเร่งอยู่ครับ" พายุตอบด้วยอาการสั่นเทาแต่ก็ยังพอประคองรถได้อยู่ปัง!"โอ๊ย" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงของเทียนร้องขึ้นมาเนื่องจากเขาถูกกระสุนยิงเข้าที่แขนข้างซ้ายขณะกำลังพยายามช่วยยิงสะกัดคนร้ายที่ต้องการจะเอาชีวิตของเทียนอยู่แต่อาการเจ็บที่แขนทำให้เขาไม่สามารถประคองรถต่อไปได้จนทำให้รถล้มลงอย่างแรง บอดี้การ์ดอีกคนก็เห็นแล้วแต่ไม่สามารถหยุดรถช่วยได้เพราะอันตรายเกินไปแถมเขาเองยังต้องปกป้องเทียนอีก"โอ๊ย! เอาไงดีว่ะ เอาไงดี...ฮือ" พายุเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านกระจกจนทำให้เขาสติแตกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่"พายุ ไอ้พายุใจเย็นๆ" เทียนตะโกนใส่พายุเสียงดังเนื่องจากเจ้าตัวลนไปหมดแล้ว"ผมกลัวอ่ะคุณเทียน...ฮือ...ทำไงดีอ่ะครับ" พายุเริ่มงอแงออกมาตามประสาเด็กที่ไม่เคยผ่านเรื่องอันตรายและความเสี่ยงมาก่อน"มึงไปขับ! อย่าเบาคันเร่ง" "แม่งเอ้ย!" เทียนรู้สึกหงุดหงิดที่พายุไม่ได้ดั่งใจ เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ข้างหลังแป๊ปนึงก่อนจะรีบก้มหัวลงมาเหมือนเดิมเพราะมีกระสุนพุ่งมาอย่างแรงจนกระจกด้านหลังแตกกระจายซึ่งมันกระเด็นโดนหน้าเขาด้วยจนเกิดแผล"เฮ้ย!" พายุตกใจสะดุ้งต้องเผลอปล่อยพวงมาลัย"ไอ้พายุ!"
"คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ" ดารินพยายามบอกให้สามีของเธอควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ "ไอ้เจสันมึงไปบ้านใหญ่รายงานเรื่องนี้กับคุณแม่และแม่เล็กแต่มึงต้องจำไว้นะว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดยกเว้นพวกคุณแม่เท่านั้น""ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกกับพวกคุณผู้หญิงเอง" เจสันตอบแล้วก็เดินออกไป"ส่วนมึงไอ้เวกัส มึงไปตามสืบมาว่าบอดี้การ์ดอีกสองคนที่หายไปในคืนนี้พวกมันหายไปได้ยังไง ถ้ามันยังไม่ตายก็เอาพวกมันกลับมาให้ได้" "ครับคุณหล่ง" หลังจากรับคำสั่งเวกัสก็รีบออกไปทำงานของเขาทันทีเช่นกัน"ผมจะไม่ยอมให้ตาเทียนเจ็บตัวฟรีแน่" หล่งพูดกับดารินด้วยสีหน้าโกรธแค้นสุดๆ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ตอนนนี้หน้าห้องพัก VIP ของโรงพยาบาลที่ถูกจองเอาไว้สามห้องติดกันล้วนมีบอดี้การ์ดรูปร่างบึกบึนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจำนวนหลายคนเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เจสันได้สั่งให้คนตรวจค้นห้องพักทั้งสามห้องให้เรียบร้อยและยืนเฝ้าไว้ตลอดห้ามให้ใครมาเข้ามาวางกำดักหรือทำอะไรไม่ดีก่อนที่คนเจ็บจะถูกย้ายมาและแน่นอนว่าทุกครั้งที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้ามาปูเตียงหรือนำของอะไรมาวางคนข
แนะนำตัวละคร ตระกูลสิริยากร เป็นครอบครัวนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน ลูกหลานทุกคนในตระกูลล้วนเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงแตกต่างกันไป ธุรกิจของตระกูลสิริยากรนั้นมีมากมาก อาทิ ธุรกิจโรงสี ธุรกิจนำเข้าและส่งออก อสังหาริมทรัพย์ ห้างค้าและโรงแรม แต่สิ่งที่ทำให้ครอบครัวนี้เป็นที่น่าเกรงขามก็คือเขาเป็นครอบครัวมาเฟียมากอิทธิพลที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครแต่ถ้าใครมีปัญหากับพวกเขาก็มักจะจบไม่สวยเลยสักคน ถ้าไม่ล้มละลายก็อาจจะหายไปเฉยๆ แบบไม่ทราบสาเหตุเลยก็ได้และถึงแม้ว่าทุกคนที่หายไปจะเคยมีปัญหากับครอบครัวของพวกเขามาก่อนแต่ตำรวจเองก็ยังไม่กล้าแตะต้องพวกเขาเลย 1.ซ่ง ชื่อจริง วัฒนา สิริยากร เป็นทายาทรุ่นที่ 6 ของตระกูลและเป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน 2.คุณหญิงหยาดทิพย์ ชื่อจริง หยาดพิรุณ สิริยากร เป็นภรรยาเอกของคุณซ่ง คุณปู่ของคุณหญิงหยาดทิพย์สืบเชื้อสายหม่อมเลยทำให้คุณหญิงหยาดทิพย์มีนิสัยเรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้แม้ปัจจุบันจะเป็นถึงภรรยาเอกของทายาทตระกูลมาเฟียก็ตาม คุณหญิงหยาดทิพย์เป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบมากๆ เธอดูแลงานในบ้านทุกอย่างได้เป็นอย่างดีจนคุณซ่งไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องในบ
"สวัสดีครับคุณเทียน" เวกัสเอ่ยทักทายลูกชายคนโตของเจ้านายทันทีที่เขาเดินมาถึงพร้อมกับเข้าไปช่วยยกกระเป๋าเดินทางของเทียนขึ้นรถให้ด้วยวันนี้เป็นวันแรกที่เทียนกลับประเทศไทยหลังจากที่เขาไปเที่ยวญี่ปุ่นมาถึง 3 เดือนเต็มๆ แต่การกลับมาครั้งนี้ดูเหมือนเทียนจะไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่นักเพราะหลายวันมานี้เขาติดต่อหมิงไม่ได้เลยจึงทำให้ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เทียนเดินไปเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากพยายามโทรหาหมิงเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่ลงเครื่องมาแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะโทรติดเลย"คุณเทียนจะกลับบ้านเลยไหมครับ" เวกัสถาม"ไม่อ่ะ คุณช่วยพาผมไปส่งที่คอนโด xx หน่อยนะ" เทียนตอบ"ไปหาคุณหมิงเหรอครับ" เวกัสถาม"ใช่" เทียนตอบ"ได้ครับ" เวกัสพูดแล้วเปิดประตูให้เทียนขึ้นไปนั่งบนรถก่อนที่ตัวเขาเองจะตามขึ้นไปแล้วรีบขับออกไปทันที"ช่วงที่ผมไม่อยู่หมิงเขาไปหาผมที่บ้านบ้างหรือเปล่า" เทียนถาม"ไม่นะครับ" เวกัสตอบ พอรู้ว่าอยู่ดีๆ เพื่อนก็หายไปอย่างไร้เหตุผลเขาก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงมากว่าเดิมเพราะว่าก่อนหน้าที่เขาจะบินไปญี่ปุ่นครั้งนี้เขาได้นัดรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนสนิทเพื่อมากินเลี้ยงสังสรรกันด้วยก่อนเนื่องจากครั้งนี้เข
"มีอะไรครับพี่ฝน" ปูนปั้นถาม"พอดีมีลูกค้ามาหลอกทานฟรีอีกแล้วค่ะ" น้ำฝนตอบ"อีกแล้วเหรอครับ...แล้วครั้งนี้ยอดกี่พันล่ะครับ" ปูนปั้นถาม"เห็นพี่เมย์บอกว่าเกือบสามหมื่นเลยค่ะ" น้ำฝนตก"ฮะ!" ปูนปั้นร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที"แล้วเขาไปหรือยังครับ...ได้ขอบัตรประชาชนไว้ไหม...รู้หรือเปล่าว่าเขาชื่ออะไร...มีใครโทรแจ้งตำรวจแล้วหรือยัง...ก่อนหน้านี้ทุกคนทำอะไรกันอยู่ครับทำไมไม่เห็นมีใครมาบอกผมเลยล่ะครับ" ปูนปั้นรัวคำถามออกไปด้วยความตื่นตกใจโดยที่ไม่เว้นช่องไฟให้น้ำฝนได้ตอบเลย"คือเราพยายามขอบัตรประชาชนจากเขาแล้วนะคะแต่ว่าเขาบอกว่ามันอยู่บนรถไม่ได้พกลงมาด้วย อ่อ! แต่เหมือนเขาจะบอกว่าชื่อ เทียน..." ทันทีที่ได้ยินชื่อเทียนหมิงก็หยุดนิ่งทันทีแล้วหันมามองน้ำฝนด้วยความสนใจ"เทียน...อะไรนะ เทียน~" น้ำฝนพยายามจะพูดออกมาแต่ก็พูดไม่ได้ มันเหมือนติดอยู่ที่ปากแต่พูดออกมาไม่ถูกเฉยๆ ตอนนี้ทั้งปูนปั้นและหมิงก็ต่างยืนลุ้นว่าเธอจะพูดว่าอะไรออกมา"อ่อ เทียน เมธัส สักอย่างเนี่ยแหละค่ะ" น้ำฝนพูดจบหมิงก็ถอดถุงมือสำหรับล้างจานออกแล้วรีบเดินผ่านทั้งสองคนออกจากห้องครัวไปเลย ปูนปั้นเห็นหมิงรีบผิ
ทันทีที่เทียนก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ก็มีบอดี้การ์ดวัยรุ่นคนนึงรีบเดินตรงมาหาเขา "คุณท่านรออยู่ข้างบนครับคุณเทียน" พายุพูด"ทำไมคุณปู่ถึงเรียกให้ฉันมาหาตอนนี้ล่ะ" เทียนถาม"พอดีคุณท่านกำลังจะบินไปฮ่องกงคืนนี้ครับเลยอยากจะพบคุณเทียนก่อน" พายุตอบ"บินตอนเนี่ยนะ" เทียนถาม"อีก 2 ชั่วโมงครับ" พายุตอบ"บอกฉันมาสิว่านี่มันเรื่องอะไรกัน" เทียนถามออกไปด้วยความสงสัยเพราะบรรยากาศในบ้านตอนนี้มันดูตึงผิดปกติ"สายของเรารายงานด่วนเข้ามาครับว่าพบตัวการที่แอบลักลอบขโมยข้อมูลคอนเนคชั่นของเราแล้ว" พายุตอบ"ก็แค่หนอนบ่อนไส้ตัวเดียวคุณปู่ต้องไปจัดการด้วยตัวเองเลยหรอ" เทียนถาม"เหมือนว่า...จะไม่ได้เป็นแค่หนอนบ่อนไส้ธรรมดานะครับ" พายุตอบออกมาอย่างไม่เต็มเสียง เทียนมองไปที่พายุด้วยความสับสนแต่ก็ไม่กล้าถามออกไปเพราะสีหน้าของพายุดูลำบากใจที่จะตอบคำถามเขาพอสมควร"คุณเทียนครับ" จู่ๆ ก็ก็มีเสียงทุ้มต่ำของชายคนนึงเอ่ยเรียกเทียนจากบนบันได พอเขาเงยหน้าขึ้นไปพบกับวิสุทธิ์ชายวัย 50 ปีที่มีหน้าที่ดูแลข้างกายของคุณซ่ง"คุณท่านรออยู่รีบขึ้นไปเถอะครับ" วิสุทธิ์พูด"รู้แล้ว" เทียนตอบแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปพบคุณซ่งปู่ของเขาทัน
ปูนปั้นเดินเข้ามาในบ้านแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง วันนี้เป็นอีกวันที่ร้านของเขาวุ่นวายมากไม่มีเวลาปลีกตัวออกมาดูหน้าร้านเลย จริงๆ ปูนปั้นไม่ได้มีหน้าที่ทำครัวหรอกแต่เพราะหลายวันมานี้ที่ร้านโดนคอมเพลนมาเยอะเรื่องอาหารออกช้าและไม่ได้คุณภาพ เขาเลยต้องเขาไปตรวจสอบและช่วยหยิบจับอะไรนิดหน่อยเพื่อให้อาหารออกเสิร์ฟได้ตลอดจะให้เขาโทษพนักงานครัวที่ทำช้าก็ไม่ได้เพราะพนักงานชุดนี้นอกจทกเชฟกุ๊กไก่แล้วก็ล้วนแต่เป็นพนักงานใหม่ทั้งหมด เลยอาจจะทำให้พวกเขายังไม่คุ้นชินกับเมนูและอุปกรณ์ของที่นี่อยู่บ้าง"แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ คงต้องวางแผนใหม่แล้ว" ปูนปั้นพูดแล้วหลับตาลงช้าๆ เขารู้สึกเหนื่อยและท้อมากๆ ที่ต้องมารับผิดชอบควบคุมดูแลร้านนี้ในวัยเพียง 23 ปีแถมยังไม่มีคนมาคอยให้คำปรึกษาเขาอีกทำให้เขาต้องลงมือทำจริงพร้อมกับเรียนรู้ทุกอย่างไปพร้อมกัน พอมันเกิดข้อผิดพลาดเขาก็แทบจะแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไม่ได้เลย ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~4 เดือนก่อน"สรุปแล้วพี่สาวผมเป็นอะไรครับหมอ" ปูนปั้นถามออกไปด้วยความตื่นตระหนก"ทางเราพบว่ามีความผิดปกติจริงๆ คนไข้มีอาการเจ็บแน่นที่หน้าอก รู้สึกเหนื่อยง่ายอ่อนเพลีย ปวดร้าวบ
ตอนนี้ภายในห้องรับรองบ้านใหญ่พวกบรรดาลูกหลานก็ต่างพากันมารวมตัวด้วยกันเต็มไปหมด มีทั้งคนร้องไห้ คนโวยวายเสียงดังเอ็ดตะโรไปหมดจนกระทั่งครอบครัวของเทียนเดินเข้ามา ทุกคนก็เงียบและหันมาสนใจพวกเขาทั้งที"พี่หล่ง นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะพี่" เอกรีบเดินเข้าถามด้วยความสงสัย"นั่นสิพี่ มีคนบอกว่าพ่อตายแล้วมันไม่จริงใช่ไหมพี่" มุกดาเข้ามาเขย่าตัวพี่ชายอย่างคนขาดสติจนเจสันต้องเข้ามาช่วยประคองมุกดาให้ถอยออก"ปล่อยนะ! ฉันคุยกับพี่ชายอยู่แกไม่เห็นหรือไง" มุกดาหันไปตวาดเจสันแล้วพลักเขาออกทันที"พี่หล่ง...ฮือ...พ่อยังไม่ตายใช่ไหมพี่...อึก...บอกฉันสิว่าบอดี้การ์ดพวกนี้มันรับสารมาผิดอ่ะ...ฮื้อ...ฮือ...พี่หล่ง" มุกดาพยายามเต้นเอาคำตอบจากพี่ชายทั้งที่ในใจเธอก็รู้ดีว่าคนของบ้านใหญ่ไม่มีทางเผยแผ่ข่าวสารที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน"นพ" คุณหล่งหันไปหาน้องเขยที่นั่งปลอบใจลูกสาวอยู่แล้วเรียกเขาด้วยน้ำเสียงดุดัน"ครับ" นพลุกขึ้นแล้วตอบทันที"มาพาเมียแกไปนั่งทีไป" คุณหล่งพูด"ครับ" นพตอบแล้วรีบเข้ามาพยุงมุกดาไปนั่งพักอยู่ข้างๆ ลูกสาว จากนั้นครอบครองของคุณหล่งก็เดินไปนั่งประจำที่เพื่อรอผู้นำหญิงทั้งสองออกมาพูดคุยเรื่องนี
"คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ" ดารินพยายามบอกให้สามีของเธอควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ "ไอ้เจสันมึงไปบ้านใหญ่รายงานเรื่องนี้กับคุณแม่และแม่เล็กแต่มึงต้องจำไว้นะว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดยกเว้นพวกคุณแม่เท่านั้น""ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกกับพวกคุณผู้หญิงเอง" เจสันตอบแล้วก็เดินออกไป"ส่วนมึงไอ้เวกัส มึงไปตามสืบมาว่าบอดี้การ์ดอีกสองคนที่หายไปในคืนนี้พวกมันหายไปได้ยังไง ถ้ามันยังไม่ตายก็เอาพวกมันกลับมาให้ได้" "ครับคุณหล่ง" หลังจากรับคำสั่งเวกัสก็รีบออกไปทำงานของเขาทันทีเช่นกัน"ผมจะไม่ยอมให้ตาเทียนเจ็บตัวฟรีแน่" หล่งพูดกับดารินด้วยสีหน้าโกรธแค้นสุดๆ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ตอนนนี้หน้าห้องพัก VIP ของโรงพยาบาลที่ถูกจองเอาไว้สามห้องติดกันล้วนมีบอดี้การ์ดรูปร่างบึกบึนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจำนวนหลายคนเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เจสันได้สั่งให้คนตรวจค้นห้องพักทั้งสามห้องให้เรียบร้อยและยืนเฝ้าไว้ตลอดห้ามให้ใครมาเข้ามาวางกำดักหรือทำอะไรไม่ดีก่อนที่คนเจ็บจะถูกย้ายมาและแน่นอนว่าทุกครั้งที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้ามาปูเตียงหรือนำของอะไรมาวางคนข
ปัง!"โอ๊ย" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงของเทียนร้องขึ้นมาเนื่องจากเขาถูกกระสุนยิงเข้าที่แขนข้างซ้ายขณะกำลังพยายามช่วยยิงสะกัดคนร้ายที่ต้องการจะเอาชีวิตของเทียนอยู่แต่อาการเจ็บที่แขนทำให้เขาไม่สามารถประคองรถต่อไปได้จนทำให้รถล้มลงอย่างแรง บอดี้การ์ดอีกคนก็เห็นแล้วแต่ไม่สามารถหยุดรถช่วยได้เพราะอันตรายเกินไปแถมเขาเองยังต้องปกป้องเทียนอีก"โอ๊ย! เอาไงดีว่ะ เอาไงดี...ฮือ" พายุเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านกระจกจนทำให้เขาสติแตกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่"พายุ ไอ้พายุใจเย็นๆ" เทียนตะโกนใส่พายุเสียงดังเนื่องจากเจ้าตัวลนไปหมดแล้ว"ผมกลัวอ่ะคุณเทียน...ฮือ...ทำไงดีอ่ะครับ" พายุเริ่มงอแงออกมาตามประสาเด็กที่ไม่เคยผ่านเรื่องอันตรายและความเสี่ยงมาก่อน"มึงไปขับ! อย่าเบาคันเร่ง" "แม่งเอ้ย!" เทียนรู้สึกหงุดหงิดที่พายุไม่ได้ดั่งใจ เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ข้างหลังแป๊ปนึงก่อนจะรีบก้มหัวลงมาเหมือนเดิมเพราะมีกระสุนพุ่งมาอย่างแรงจนกระจกด้านหลังแตกกระจายซึ่งมันกระเด็นโดนหน้าเขาด้วยจนเกิดแผล"เฮ้ย!" พายุตกใจสะดุ้งต้องเผลอปล่อยพวงมาลัย"ไอ้พายุ!"
"เอ่อ~ตาเทียน" เอกแสร้งยิ้มแล้วหันไปหาเทียน"ครับ" เทียตอบ"อามีเรื่องงานที่อยากจะปรึกษาหน่อยน่ะ ออกไปคุยกันข้างนอกสักแป๊ปได้ไหม" เอกพูด"ตอนนี้เหรอครับ" เทียนถาม"ใช่" เอกตอบ"แหม่~คุณเอกค่ะนี้มันเวลาไหนแล้วเรื่องงานก็พักบ้างเถอะค่ะ" หญิงป่านนภาพูด"ใช่ครับ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ผมไม่รีบหรอก" เทียนตอบเพราะเขาไม่อยากออกไปกับใครตามลำพังในช่วงเวลาที่ไม่ปลอดภัยแบบนี้แถมพายุก็ยังไม่กลับมา"พอดีพรุ่งนี้อากับอาเอกต้องไปธุระที่ต่างจังหวัดกันหลายวันก็เลยกลัวจะไม่มีเวลาน่ะจ๊ะ" เหมยหลินพูด"ครับ" เทียนจำใจต้องตอบตกลงไปก่อนเพราะกลัวคนอื่นจะสงสัยหาว่าสิริยากรมีปัญหาภายใน เทียนลุกขึ้นเดินตามเอกออกไปหาที่หลบมุมคุยกัน ผ่านไปไม่ถึงนาทีพายุก็เดินเข้ามาพร้อมกับมองหาเทียนไปทั่วแต่ก็ไม่เจอเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ บิ๊กเพื่อสอบถามแต่ด้วยท่าทางยุกยิกๆ เหมือนเด็กน้อยของเขามันทำเอาเหมยหลินรำคาญไม่น้อยจนต้องหันไปถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจ พายุรีบก้มหัวขอโทษเหมยหลินทันทีเธอจึงได้ยอมหันกลับไปแล้วไม่เอาเรื่อง"พี่บิ๊กๆ พี่เห็นคุณเทียนบ้างไหมอ่ะ"
"ทุกคนรออยู่แถวนี้นะถ้ามีอะไรให้รีบรายงานทันที" พายุออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดทุกคนรออยู่บริเวณหน้างานและที่รถเพื่อดูความเรียบร้อยและป้องกันผู้แระสงค์แอบทำอะไรกับรถของเทียนหลังจากนั้นเขาก็รีบเดินตามเทียนเข้าไปในงาน"โอ้โห~คุณครับ...แน่ใจนะครับว่านี้แค่งานเลี้ยงต้อนรับลูกชายคุณไพบูลย์เฉยๆ ทำไมจัดใหญ่โตแถมเชิญแขกมามากมายขนาดนี้" พายุแอบกระซิบถามเทียนเบาๆ ด้วยความสงสันเพราะสเกลงานมันใหญ่มากจริงๆ แถมบุคคลที่มาร่วมงานก็มีแต่ตัวท็อปของแต่ละวงการทั้งนั้น"คุณไพบูลย์เป็นคนใหญ่คนโต มีอำนาจทางด้านการเงินไม่น้อยใครๆ ก็อยากผูกมิตรทั้งนั้น" เทียนตอบ"แล้วแบบนี้พวกเราควรจะเข้าไปหาคุณไพบูลย์ก่อนเลยไหมครับ" พายุถาม"ไม่ต้องหรอก พวกเรามาเป็นมารยาทไม่ได้มาเพื่อผูกสัมพันธ์การค้ากับใครและฉันก็เชื่อว่าต่อให้เราไม่เข้าหาใครมันก็จะมีคนอยากเข้าหาเราอยู่ดี" เทียนตอบแล้วกำลังจะเดินออกจากห้องโถงไปหาโต๊ะนั่งแต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนมีเรียกเขาไว้ซะงั้น"คุณเทียนครับ" เสียงของผู้ชายคนนั้นทำให้เทียนหันไปกลับหาเขาทันทีด้วยความรู้สึกคุ้นหู"พี่บิ๊ก" พายุเรียกคนตรงหน้าด้ว
"พี่ขอโทษนะ" หมิงรู้สึกผิดมากๆ เพราะจริงๆ ปูนปั้นเองก็เพิ่งมาดูแลร้านอาหารนี้ได้ไม่เท่าไหร่ ปูนปั้นยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอีกเยอะเพราะทุกอย่างมันใหม่ไปหมดสำหรับปูนปั้น ทุกครั้งที่พนักงานกลับบ้านกันหมดแล้วหมิงก็จะเห็นมีแต่ปูนปั้นเนี่ยแหละที่ยังอยู่ที่ร้านนั่งหน้าเครียดตรวจดูทุกอย่างเองคนเดียวทั้งหมดก่อนถึงจะกลับบ้าน ถึงจะบอกว่าเขาควรทำแบบนั้นในฐานะเจ้าของกิจการแต่มันก็หนักเกินไปจริงๆ สำหรับเด็กวัยรุ่นอย่างเขาเพราะนอกจากปัญหาที่ร้านจะมากมายก็ยังมีปัญหาพนักงานอีก ตอนที่หมิงมาทำงานแรกๆ เขามักจะได้ยินพนักงานแอบนินทาปูนปั้นอยู่บ่อยๆ พนักงานหลายคนไม่อต็มใจทำงานกับปูนปั้นแต่ที่ยังทนอยู่ก็เพราะที่ร้านของปูนปั้นให้เงินเดือนพนักงานสูงกว่าที่อื่นดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องอยู่ต่อเพื่อปากท้องของตัวเองแต่การทำงานก็ไม่ได้คุณภาพตามที่สมควรจะเป็น หมิงรู้สึกเห็นใจปูนปั้นมาตลอดเพราะปูนปั้นดีกับเขามากดังนั้นเขาเลยตั้งใจช่วยงานที่ร้านอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบแทนที่ปูนปั้นเห็นใจรับเขาเข้ามาอยู่ที่ร้านแต่วันนี้เขากลับนำภัยมาให้ปูนปั้นซะงั้นและอีกเรื่องที่หมิงเป็นห่วงก็คือการที่ปูนปั้นต้องอยู่ท
"น่าหงุดหงิดจริงๆ" เทียนขับรถกลับบ้านด้วยความน้อยใจ "ที่ฉันทำไปเพราะตัวเองหรือยังไง...ที่ทำไปก็เพราะหวังดีทั้งนั้น ถ้าไม่ชอบก็น่าจะบอกกันดีๆ สิทำไมต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นด้วย" เทียนนั่งบ่นคนเดียวตลอดทางอย่างกับคนบ้า เห็นใครขับรถปาดหรือขับรถไม่ดีก็ตะโกนด่าอยู่คนเดียวในรถตลอด ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ "ลั้ลลา ลั้ลลา~" พายุเดินเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์ดีเพราะว่าภารกิจแรกของเขาผ่านพ้นไปด้วยดีแม้จะไม่ใช่ฝีมือของเขาทั้งหมดก็เถอะ เจสันเห็นพายุเดินเข้ามบ้านมาก็รีบเดินมาหาเขาทันที "พายุ" เจสันเรียก "ครับ" พายุหยุดนิ่งแล้วยืนตรงตอบเขาอย่างกับทหารเจอครูฝึกอย่างงั้นแหละ "คุณเทียนสั่งไว้ว่าถ้านายมาแล้วให้ขึ้นไปหาที่ห้องทันที" เจสันพูด "รับทราบครับ" พายุตอบแล้วตะเบ๊ะใส่เจสันไปหนึ่งทีก่อนจะรีบเดินขึ้นบันไดไปหาเทียนที่ห้องนอนตามคคำสั่ง เจสันมองตามพายุด้วยสีหน้างงๆ "นี่มันคิดว่าตัวเองอยู่ในคค่ายทหารหรือไงว่ะ" เจสันพูดแล้วส่่ายหัวให้กับความเด๋อด๋าของพายุ ก๊อกๆๆ
ตอนนี้พายุมพาคนร้ายมานึงอยู่ที่เก้าอี้แล้วดึงผ้าคลุมสีดำออก "ต้องปิดปากเขาไว้ด้วยเหรอ" ปูนปั้นถามเพราะเห็นว่ามีเทปปิดปากของเขาไว้อยู่ "ตลอดทางมานี้ไอ้นี่มันร้องโวยวายตลอดเลยครับ พวกผมรำคาญก็เลยเอาเทปแปะไว้ก่อน" พายุตอบ ปูนปั้นถอนห่ยใจออกมาแล้วเดินเข้าไปแกะเทปออกให้เขา "พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ! ประเทศนี้มันมีกฎหมายนะเว้ย คอยดูเถอะผมจะไปแจ้งตำรวจมาจับพวกคุณให้หมดเลย" ผู้ชายคนนั้นต่อว่าทุกคนออกมาอย่างเสียงดังโดยไม่มีความสำนึกอะไรเลย "คุณทำแบบนั้นทำไม" ปูนปั้นถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาโกรธมากนะยิ่งรู้ว่าคนที่อยู่ตรวหน้าเป็นคนมำให้ร้านของเขาเสียหายเขายิ่งรู้สึกโกรธแต่ด้วยความที่เขาอยากเจรจาสอบถามเหตุผลกับคนตรงนั้นเขาเลยต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ก่อน "ผมทำอะไร" ชายคนนั้นตอบตาใสเหมือนกับตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ "คุณมาพ่นสีที่ร้านผมทำไม" ปูนปั้นถาม สีหน้าของเขาดูตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะหลบตาปูนปั้น "ผมสีอะไร~ ผมไม่ได้" คนร้ายยังคงปฏิเสธทุกอย่างอย่างหน้าตาเฉย "ไม่ได้ทำบ้าอะไร คิดว
"พวกเราได้ภาพคนร้ายมาจากกล้องวงจรปิดน่ะครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ "เป็นไปไม่ได้ คุณเทียนบอกผมมาแล้วว่ากล้องวงจรปิดที่ร้านมันเสียแล้วแบบนี้พวกคุณจะไปเอามาได้ยังไง" พายุพูด "พวกผมก็ไปเอามาจากบ้านของคนในระแวกไงครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ "ใช่ครับ กล้องที่ร้านเสียพวกเราเลยไปไล่ขอคลิปจากกล้องวงจรปิดจากชาวบ้านแถวนี้แทนแล้วก็ให้ค่าตอบแทนพวกเขาไปนิดหน่อย ลองเอาภาพจากกล้องวงจรปิดของทุกบ้านมารวมกันก็พบเห็นชายต้องสงสัยที่ใส่ชุดดำทั้งตัวเดินออกมาจากทางร้าน Happy Time ช่วงเวลาประมาณตี 3 กว่าๆ จากนั้นเขาก็เดินเอาถุงอะไรบ้างอย่างไปทิ้งที่หน้าตึกร้างที่อยู่ห่างไปอีก 3 ซอยพอพวกเราไปตรวจสอบดูก็พบว่าในนั้นมีอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับพ่นสี ถุงมือ มีดและกระป๋องสเปรย์อีกจำนวนมากเลยครับอุปกรณ์" บอดี้การ์ดคนที่สองตอบ หน้าของพายุดูอึ้งไปทันทีเขาไม่คิดว่าทุกคนจะฉลาดกันขนาดนี้เพราะตัวเขาเองคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ถ้าสองคนนี้ไม่พบหลักฐานอะไรป่านนี้เขาก็ยังคงเดินไล่ถามชาวบ้านต่อไปเรื่อยๆ จนหมดวันแน่ "เหรอ~ แล้วรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร"
"คุณเทียนมีเรื่องอะไรอยากจะคุยกับผมหรอครับ" พายุถาม"ฉันมีคนรู้จักอยู่คนนึงเขาเป็นเจ้าร้านที่นี่" เทียนตอบแล้วยื่นโทรศัพท์ให้พายุดูซึ่งมันเป็นรูปหน้าร้านของปูนปั้นที่มีทั้งตอนปกติและตอนที่เกิดปัญหา"ร้าน Happy Time หรอครับ" พายุพูด"นายรู้จักเหรอ" เทียนถาม"ครับ ผมเคยไปหาเพื่อนแถวนั้นอยู่ 2-3 ครั้งแต่ไม่เคยเข้าไปทานหรอกนะครับ" พายุตอบ"ตอนนี้ที่นี่กำลังถูกคุกคาม มีคนเอาสีสเปรย์ไปพ่นที่หน้าร้านนี้จนดูไม่ได้ ฉันอยากให้นายไปสืบมาหน่อยว่าใครเป็นคนทำแต่นายห้ามบอกเรื่องนี้ให้คนที่บ้านรู้เด็ดขาด เข้าใจไหม" เทียนพูด"ได้ครับคุณเทียน" พายุตอบ"นายสามารถเอาคนไปใช้ได้ 2-3 คนแต่ต้องกำชับพวกนั้นให้ดีว่าอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ไม่งั้นคนที่จะเดือดร้อนก็คือนายเอง" เทียนพูด"ครับ" พายุตอบ"นี่เป็นงานแรกที่ฉันมอบให้นายทำ...อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะ" เทียนพูด"ผมจะทำให้เต็มที่ครับ...เอ่อ~ว่าแต่คุณเทียนมีเวลากำหนดให้ผมไหมครับ" พายุถาม "เร็วที่สุด" เทียนตอบ "ครับ" พายุตอบ"กลับไปพักผ่อนได้แล้วไปพรุ่งนี้จะได้มีแรงไปทำงานให้ฉัน" เทียนพูด"ได้เลยครับคุณเทียน รับรองพรุ่งนี้งานเดินผ่านฉลุยแน่นอน" พายุตอบแล้วยกนิ้ว