"คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ" ดารินพยายามบอกให้สามีของเธอควบคุมสติอารมณ์เอาไว้
"ไอ้เจสันมึงไปบ้านใหญ่รายงานเรื่องนี้กับคุณแม่และแม่เล็กแต่มึงต้องจำไว้นะว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดยกเว้นพวกคุณแม่เท่านั้น" "ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกกับพวกคุณผู้หญิงเอง" เจสันตอบแล้วก็เดินออกไป "ส่วนมึงไอ้เวกัส มึงไปตามสืบมาว่าบอดี้การ์ดอีกสองคนที่หายไปในคืนนี้พวกมันหายไปได้ยังไง ถ้ามันยังไม่ตายก็เอาพวกมันกลับมาให้ได้" "ครับคุณหล่ง" หลังจากรับคำสั่งเวกัสก็รีบออกไปทำงานของเขาทันทีเช่นกัน "ผมจะไม่ยอมให้ตาเทียนเจ็บตัวฟรีแน่" หล่งพูดกับดารินด้วยสีหน้าโกรธแค้นสุดๆ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ ตอนนนี้หน้าห้องพัก VIP ของโรงพยาบาลที่ถูกจองเอาไว้สามห้องติดกันล้วนมีบอดี้การ์ดรูปร่างบึกบึนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจำนวนหลายคนเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เจสันได้สั่งให้คนตรวจค้นห้องพักทั้งสามห้องให้เรียบร้อยและยืนเฝ้าไว้ตลอดห้ามให้ใครมาเข้ามาวางกำดักหรือทำอะไรไม่ดีก่อนที่คนเจ็บจะถูกย้ายมาและแน่นอนว่าทุกครั้งที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้ามาปูเตียงหรือนำของอะไรมาวางคนของเขาจะตามเข้าไปดูด้วยอย่างใกล้ชิดจนเจ้าหน้าที่รู้สึกอึดอัดไปหมดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะพวกเขาได้รับอนุญาตแล้ว คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณหน้าห้องพักที่ถูกตระกูลสิริยากรจองไว้ก็ล้วนแต่แปลกใจและหวาดกลัวกันทั้งนั้นเพราะถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ทำอะไรกับคนอื่นเลยแต่การมีชายแปลกหน้าใส่สูทรูปร่างสูงใหญ่ยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็งเอาไว้อยู่ในโซนห้องพักฟื้นมันก็ดูน่ากลัวเอามาก ๆ เหมือนกัน 3 ชั่วโมงต่อมา หล่งและดารินรีบลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นหมอเดินออกมาจากห้องผ่าตัด "คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงแล้วแต่เดี๋ยวต้องมารอดูหลังจากที่คนไข้ฟื้นแล้วอีกทีนึงว่าจะมีอาการอะไรแทรกซ้อนหรือเปล่า" "ลูกผมไม่เป็นอะไรแล้วแน่นะครับ" หล่งยังคงรู้สึกกังวลใจเพราะเห็นว่าเทียนใช้เวลาผ่าตัดไปค่อนข้างนาน "พ้นขีดอันตรายแล้วครับ" คุณหมอตอบ หล่งและดารินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันที "ขอบคุณนะครับคุณหมอ" "ขอบคุณที่ช่วยลูกฉันไว้นะคะ" "งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ" "ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะคุณหมอ" "เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วครับ" หมอพูดแล้วก็เดินจากไป หลังจากการผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีเทียนก็ถูกย้ายไปที่ห้องพักของเขาทันที หล่งและดารินค่อยเฝ้าอยู่ข้างเตียงไม่ห่างด้วยความเป็นห่วง สภาพของเทียนมีรอยบวมช้ำเต็มไปหมดจากการถูกกระแทกส่วนใบหน้าก็มีบาดแผลของเศษกระจกเต็มเลยเช่นกัน "คุณอยากกลับไปพักผ่อนที่บ้านไหมคะ" ดารินถามหล่งด้วยความเป็นห่วงเพราะตอนนี้สีหน้าของสามีเธอเต็มไปด้วยความเครียดและเป็นกังวลสุด ๆ "ผมกลับไปก็นอนไม่หลับหรอก" "งั้นคุณไปนอนที่เตียงนั้นเถอะค่ะเดี๋ยวฉันอยู่กับลูกเอง" ดารินพูดแล้วมองไปที่เตียงรับรองสำหรับญาติที่มาเฝ้าคนป่วย "คุณไปนอนเถอะผมอยู่เฝ้าลูกเอง" "คุณเองก็ไม่ค่อยดีตัวนะ ฉันไม่อยากเห็นคุณเป็นอะไรไปอีกคนหรอกนะคะ" หล่งหันมามองหน้าภรรยาแล้วก็รู้สึกเข้าใจถึงความเป็นห่วงของเธอได้ทันที เขาเลยไม่อยากทำให้ดารินต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ก็เลยยอมลุกขึ้นแล้วเดินไปนอนที่เตียงนั้นทันที ดารินเดินตามไปแล้วเอาผ้าห่มมาห่มให้หล่งก่อนจะเดินกลับมานอนลงที่โซฟาตัวเดิมที่พวกเขานั่งกันเมื่อกี้ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ เช้าวันต่อมา วันนี้ปูนปั้นมาร้านแต่เช้าเพราะเขาประกาศลงเพจไปว่าต่อไปนี้ร้าน Happy Time จะเลื่อนเวลาเปิดปิดร้านใหม่เป็น 10 โมงถึง 3 ทุ่มแทนเพราะเขาต้องการขายพวกเครื่องดื่มจำพวกกาแฟและเบเกอรี่เข้าไปดังนั้นจึงต้องเลื่อนเวลามาเปิดขายช่วงกลางวันด้วยจากที่ปกติจะเปิด 5 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนแม้ว่าพนักงานจะต้องทำงานจำนวนชั่วโมงมากขึ้นแต่ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยเพราะอย่างน้อยก็ได้มีเวลาช่วงกลางคืนอยู่กับครอบครัวมากยิ่งขึ้นแถมได้เงินมากขึ้นนิดหน่อยด้วย "น้องปูนปั้นสวัสดีค่ะ" พนักงานกล่าวทักทายปูนปั้นทันทีที่เขาเดินเข้ามาในร้าน "หยุดไปสองวันเป็นไงบ้างครับ" ปูนปั้นถาม "ก็ดีนะคะพี่นี่หลับเป็นตายเลย" ฝนตอบ ปูนปั้นหันมองไปรอบ ๆ ร้านแล้วรู้สึกว่าพนักงานน้อยแปลกๆ "พนักงานไปไหนกันหมดล่ะครับ...หรือว่าอยู่ที่ชั้นสอง" ปูนปั้นถาม ฝนเงยหน้าขึ้นมาแล้วทำหน้าอึดอัดใจที่จะตอบ "น้องปูนปั้นลองดูที่เคาน์เตอร์สิคะ" ฝนตอบ ปูนปั้นทำหน้างง ๆ แล้วเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์ ทันทีที่เขาเห็นซองสีขาวจำนวนมากมายวางอยู่บนนั้นหน้าของเขาก็เศร้าลงทันที "ทั้งหมดนี่เลยหรอครับ" ปูนปั้นหันไปถามฝนแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว "เรื่องที่มีคนมาทำลายร้านมันทำให้พนักงานหลายคนรู้สึกกลัวน่ะคะแล้วพนักงานส่วนใหญ่ของที่ร้านก็เป็นผู้หญิงด้วย พวกเธอกลัวว่ามันจะเกิดซ้ำรอยจนทำให้ตัวเองจะเดือดร้อนไปด้วยก็เลยชิงลาออกไปซะก่อน ตอนนี้พนักงานที่ร้านก็เหลืออยู่แค่นี้แหละค่ะ" ฝนตอบ "ครับ" ปูนปั้นตอบแล้วเดินไปนั่งที่เกาอี้แคชเชียร์ เขาหยิบซองขาวพวกนั้นขึ้นมาดูด้วยความท้อใจก่อนจะเก็บมันลงใส่ลิ้นชักแล้วถอนหายใจออกมา ในเวลาที่รู้สึกแย่แบบนี้จู่ ๆ ภาพของเทียนก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขาซะงั้น อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ที่เขามีปัญหาเทียนก็เป็นคนช่วยเขาเอาไว้ทั้งเรื่องร้านและเรื่องคนร้ายเลย "นี่ลุงหายไปไหนเนี่ย ยังไม่หายโกรธกันอีกเหรอ" ปูนปั้นฟุบตัวลงกับเคาน์เตอร์ "ไหนบอกว่าจะจีบกันไง โดนว่าไปแค่ทีเดียวก็หายไปเลยหรอ" ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ "พี่เทียนเป็นไงบ้างครับแม่" ธูปเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นของเทียนด้วยความเป็นห่วง สีหน้าของเขายังดูตกใจอยู่มาก "ก็ดีจ่ะ หมอก็เพิ่งออกไปได้ไม่นาน" ดารินตอบ "พี่เทียนยังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอครับ" "จ่ะ" "แล้วพ่อไปไหนล่ะครับ" "พ่อไปที่บริษัทน่ะ เราต้องทำทุกอย่างให้มันเหมือนเดิม จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าตาเทียนบาดเจ็บไม่งั้นหลังจากนี้คงมีคนอีกหลายแก๊งค์เลยที่จะถาโถมเข้ามาในช่วงนี้ที่ตระกูลขาดผู้นำ" "ต่อให้พี่เทียนบาดเจ็บความแข็งแกร่งของตระกูลเราก็ไม่มีทางลดลง คนของเราฝึกฝนมาเป็นอย่างดีต่อให้ใครหน้าไหนคิดจะโค่นสิริยากรลงมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว" "กันไว้ดีกว่าแก้นะลูก...เพราะบางทีศัตรูก็ไม่ได้มาในรูปแบบของคนนอกเสมอไป" ดารินตอบแล้วกันไปมองดูลูกชายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง "แม่กับพ่อจะไม่มีทางยอมให้ใครมาทำร้ายครอบครัวของเราแน่ รีบตื่นขึ้นมานะเทียน" ธูปเห็นดวงตาของแม่เริ่มแดงจึงเข้าไปกอดปลอบด้วยความเป็นห่วง "ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน" ธูปอยู่เฝ้าเทียนมาตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ก็บ่ายกว่าแล้วเทียนก็ยังไม่มีท่าทีจะฟื้น ก่อนหน้านี้ดารินถูกคุณผู้หญิงทั้งสองคนเรียกตัวไปพบเพื่อพูดคุยและสอบถามอาการของเทียนเพราะถ้าคุณหญิงทั้งสองคนออกจากบ้านพร้อมกันโดยไม่มีงานสังคมข้างนอกคงเป็นที่สงสัยของทุกคนแน่ดังนั้นจึงทำเป็นเรียกดารินไปคุยเล่นตามประสาเหมือนปกติ ธูปลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งข้างเตียงของเทียน เขานั่งจ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเทียน "ถ้าพี่ตื่นขึ้นมาดูแลผิวหน้าช้าผมรับรองเลยว่าหน้าพี่ได้มีแผลเป็นแน่" ธูปพูดแล้วทำหน้างอนใส่พี่ชายที่เอาแต่นอนไม่ยอมตื่นขึ้นมาสักที "พี่รู้ไหมว่าหมอเข้ามาดูอาการพี่กี่รอบแล้ว จะทำให้คุณหมอเขาลำบากไปถึงไหน รีบตื่นขึ้นมาเลยนะ!...เฮ่อ~ เมื่อคืนผมขัดคำสั่งพี่ออกไปแข่งรถอีกแล้วนะ พี่บอกว่าไม่อยากไปผมไปมั่วสุมกับคนพวกนั้นใช่ไหม ขอโทษนะที่ไม่ฟังพี่แต่เมื่อผมรู้แล้วไอ้พวกนั้นมันก็แค่เห็นว่าฝีมือผมไม่เอาไหนเลยอยากจะหลอกกินเงินผมไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาผมไม่รู้นะพี่แต่แค่เพิ่งเคยได้ยินเองกับหูครั้งแรกเฉย ๆ ก็เลยรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย...ผมสารภาพตรง ๆ เลยแล้วกัน" ธูปยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ หูของเทียน "เมื่อคืนผมโดนหลอกไป 5 ล้านเลย" ธูปพูดแล้วยิ้มออกมา ที่ผ่านมาเขาทำตัวเสเพลเที่ยวเล่นไปวัน ๆ ซึ่งเทียนก็ไม่เคยว่าอะไรแต่สิ่งเดียวที่เทียนขอเขาไว้ก็คืออย่าไปคบกับเพื่อนแก๊งค์แข่งรถแก๊งค์นั้นของเขาอีกเด็ดขาดเพราะครั้งแรกที่เขาลงสนามเทียนก็ไปให้กำลังใจแต่มารู้ที่หลังว่าหลังจากที่เขาแพ้ไปวันนั้นเขาต้องเสียเงินให้เพื่อน ๆ ในทีมเพราะตกลงกันไว้ว่าถ้าทีมยอมส่งเขาลงสนามเขาจะให้เงินสนับสนันทีม 2 แสนบาทแต่ถ้าเขาลงแข่งแล้วแพ้ด้วยเขาก็จะให้เงินเพื่อน ๆ ทีมอีกคนละ 1 แสนบาททำให้เพื่อนในทีมของเขาแอบตกลงกันแล้วไปฮั๊วกัับฝ่ายตรงข้ามว่าให้ส่งคนที่ฝีมือดีที่สุดแข่งลงเพื่อแลกกับเงินนิดหน่อยทำให้ครั้งนั้นธูปแพ้อย่างราบคาบซึ่งเขาเองแค่ชอบแข่งรถไม่ได้มีฝีมืออะไรดีเด่อยู่แล้วแต่เทียนก็ยังไปเชียร์เขา เทียนจะไม่โกรธเลยถ้าธูปแพ้เองอย่างยุติธรรมแต่นี่เขาโดนคนในทีมหลอกแถมยังแอบเล่นตุกติกกับรถของเขาอีกด้วย ดังนั้นหลอกจากเทียนทราบเรื่องเขาก็ยื่นเงินจำนวนก้อนหนึ่งให้ธูปเอาไปให้คนพวกนั้นตามตกลงโดยแลกกับการที่ธูปต้องเลิกยุ่งกับคนพวกนั้นอีกแต่ธูปก็ไม่ฟังเขาเพราะเพื่อนกลุ่มนั้นเป็นเพื่อนที่กิน เที่ยวและพูดคุยให้คำปรึกษากับเขาบ่อย ๆ เขาเลยปฏิเสธเทียนแต่ก็ไม่ไดทะเลาะกันนะเพราธูปเองก็รู้ว่าที่เทียนเตือนเป็นเพราะหวังดีกับเขาจริง ๆ อีกอย่างสำหรับเขามันก็แค่เป็นการเสียเงินแค่ไม่กี่บาทแลกกับการได้ลองแข่งรถเองจริง ๆ สักครั้งมันช่างเป็นอะไรที่คุ้มค่าซะเหลือเกินแต่เมื่อคืนก่อนที่เขาจะกลับบ้านเอาแอบได้ยินเพื่อน ๆ ตกลงแบ่งเงินกันพร้อมกับพูดจาดูถูกเขากับหูตัวเองครั้งแรกมันเลยทำให้เขารู้สึกเสียใจไม่น้อย จู่ ๆ เทียนก็เลื่อนมือมาแตะที่หลังมือของธูปเบาๆ เพราะมือของธูปวางอยู่บนเตียงอยู่แล้วเทียนเลยทำได้ง่ายหน่อย "เฮ้ย! พี่เทียน" ธูปตกใจรีบคว้ามือของเทียนมาจับไว้ทันที เทียนออกแรงบีบมือของธูปเพื่อให้เขารู้ว่าจัวเองรู้สึกตัวแล้ว ธูปรีบหันไปหยิบสายฉุกเฉินเรียกพยาบาลทันที รอไม่นานพยาบาลก็เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องพร้อมบอดี้การ์ดหนึ่งคน "พี่ชายผมรู้สึกตัวแล้วครับ" ธูปพูดออกมาด้วยความตื่นตระหนก พยาบาลรีบเข้ามาดูอาการของเทียนทันที "คนไข้ค่ะ...คนไข้" เทียนพยายามลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบากจนสุดท้ายเขาก็ลืมตาขึ้นมาได้ "พี่เทียน~ พี่เทียนฟื้นแล้วใช่ไหมพี่" ธูปกำมือของเทียนไว้แน่แล้วถามซ้ำไปซ้ำมาเหมือนอยากยืนยันให้ชัวร์ว่านี้เป็นเรื่องจริง "เบา...เสียงหน่อย...ได้ไหม" เทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบมาก ธูปยิ้มออกมาทันทีเพราะถ้าเป็นเทียนตัวจริงจะต้องดุเขาแบบนี้แหละแนะนำตัวละคร ตระกูลสิริยากร เป็นครอบครัวนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน ลูกหลานทุกคนในตระกูลล้วนเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงแตกต่างกันไป ธุรกิจของตระกูลสิริยากรนั้นมีมากมาก อาทิ ธุรกิจโรงสี ธุรกิจนำเข้าและส่งออก อสังหาริมทรัพย์ ห้างค้าและโรงแรม แต่สิ่งที่ทำให้ครอบครัวนี้เป็นที่น่าเกรงขามก็คือเขาเป็นครอบครัวมาเฟียมากอิทธิพลที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครแต่ถ้าใครมีปัญหากับพวกเขาก็มักจะจบไม่สวยเลยสักคน ถ้าไม่ล้มละลายก็อาจจะหายไปเฉยๆ แบบไม่ทราบสาเหตุเลยก็ได้และถึงแม้ว่าทุกคนที่หายไปจะเคยมีปัญหากับครอบครัวของพวกเขามาก่อนแต่ตำรวจเองก็ยังไม่กล้าแตะต้องพวกเขาเลย 1.ซ่ง ชื่อจริง วัฒนา สิริยากร เป็นทายาทรุ่นที่ 6 ของตระกูลและเป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน 2.คุณหญิงหยาดทิพย์ ชื่อจริง หยาดพิรุณ สิริยากร เป็นภรรยาเอกของคุณซ่ง คุณปู่ของคุณหญิงหยาดทิพย์สืบเชื้อสายหม่อมเลยทำให้คุณหญิงหยาดทิพย์มีนิสัยเรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้แม้ปัจจุบันจะเป็นถึงภรรยาเอกของทายาทตระกูลมาเฟียก็ตาม คุณหญิงหยาดทิพย์เป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบมากๆ เธอดูแลงานในบ้านทุกอย่างได้เป็นอย่างดีจนคุณซ่งไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องในบ
"สวัสดีครับคุณเทียน" เวกัสเอ่ยทักทายลูกชายคนโตของเจ้านายทันทีที่เขาเดินมาถึงพร้อมกับเข้าไปช่วยยกกระเป๋าเดินทางของเทียนขึ้นรถให้ด้วยวันนี้เป็นวันแรกที่เทียนกลับประเทศไทยหลังจากที่เขาไปเที่ยวญี่ปุ่นมาถึง 3 เดือนเต็มๆ แต่การกลับมาครั้งนี้ดูเหมือนเทียนจะไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่นักเพราะหลายวันมานี้เขาติดต่อหมิงไม่ได้เลยจึงทำให้ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เทียนเดินไปเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากพยายามโทรหาหมิงเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่ลงเครื่องมาแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะโทรติดเลย"คุณเทียนจะกลับบ้านเลยไหมครับ" เวกัสถาม"ไม่อ่ะ คุณช่วยพาผมไปส่งที่คอนโด xx หน่อยนะ" เทียนตอบ"ไปหาคุณหมิงเหรอครับ" เวกัสถาม"ใช่" เทียนตอบ"ได้ครับ" เวกัสพูดแล้วเปิดประตูให้เทียนขึ้นไปนั่งบนรถก่อนที่ตัวเขาเองจะตามขึ้นไปแล้วรีบขับออกไปทันที"ช่วงที่ผมไม่อยู่หมิงเขาไปหาผมที่บ้านบ้างหรือเปล่า" เทียนถาม"ไม่นะครับ" เวกัสตอบ พอรู้ว่าอยู่ดีๆ เพื่อนก็หายไปอย่างไร้เหตุผลเขาก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงมากว่าเดิมเพราะว่าก่อนหน้าที่เขาจะบินไปญี่ปุ่นครั้งนี้เขาได้นัดรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนสนิทเพื่อมากินเลี้ยงสังสรรกันด้วยก่อนเนื่องจากครั้งนี้เข
"มีอะไรครับพี่ฝน" ปูนปั้นถาม"พอดีมีลูกค้ามาหลอกทานฟรีอีกแล้วค่ะ" น้ำฝนตอบ"อีกแล้วเหรอครับ...แล้วครั้งนี้ยอดกี่พันล่ะครับ" ปูนปั้นถาม"เห็นพี่เมย์บอกว่าเกือบสามหมื่นเลยค่ะ" น้ำฝนตก"ฮะ!" ปูนปั้นร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที"แล้วเขาไปหรือยังครับ...ได้ขอบัตรประชาชนไว้ไหม...รู้หรือเปล่าว่าเขาชื่ออะไร...มีใครโทรแจ้งตำรวจแล้วหรือยัง...ก่อนหน้านี้ทุกคนทำอะไรกันอยู่ครับทำไมไม่เห็นมีใครมาบอกผมเลยล่ะครับ" ปูนปั้นรัวคำถามออกไปด้วยความตื่นตกใจโดยที่ไม่เว้นช่องไฟให้น้ำฝนได้ตอบเลย"คือเราพยายามขอบัตรประชาชนจากเขาแล้วนะคะแต่ว่าเขาบอกว่ามันอยู่บนรถไม่ได้พกลงมาด้วย อ่อ! แต่เหมือนเขาจะบอกว่าชื่อ เทียน..." ทันทีที่ได้ยินชื่อเทียนหมิงก็หยุดนิ่งทันทีแล้วหันมามองน้ำฝนด้วยความสนใจ"เทียน...อะไรนะ เทียน~" น้ำฝนพยายามจะพูดออกมาแต่ก็พูดไม่ได้ มันเหมือนติดอยู่ที่ปากแต่พูดออกมาไม่ถูกเฉยๆ ตอนนี้ทั้งปูนปั้นและหมิงก็ต่างยืนลุ้นว่าเธอจะพูดว่าอะไรออกมา"อ่อ เทียน เมธัส สักอย่างเนี่ยแหละค่ะ" น้ำฝนพูดจบหมิงก็ถอดถุงมือสำหรับล้างจานออกแล้วรีบเดินผ่านทั้งสองคนออกจากห้องครัวไปเลย ปูนปั้นเห็นหมิงรีบผิ
ทันทีที่เทียนก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ก็มีบอดี้การ์ดวัยรุ่นคนนึงรีบเดินตรงมาหาเขา "คุณท่านรออยู่ข้างบนครับคุณเทียน" พายุพูด"ทำไมคุณปู่ถึงเรียกให้ฉันมาหาตอนนี้ล่ะ" เทียนถาม"พอดีคุณท่านกำลังจะบินไปฮ่องกงคืนนี้ครับเลยอยากจะพบคุณเทียนก่อน" พายุตอบ"บินตอนเนี่ยนะ" เทียนถาม"อีก 2 ชั่วโมงครับ" พายุตอบ"บอกฉันมาสิว่านี่มันเรื่องอะไรกัน" เทียนถามออกไปด้วยความสงสัยเพราะบรรยากาศในบ้านตอนนี้มันดูตึงผิดปกติ"สายของเรารายงานด่วนเข้ามาครับว่าพบตัวการที่แอบลักลอบขโมยข้อมูลคอนเนคชั่นของเราแล้ว" พายุตอบ"ก็แค่หนอนบ่อนไส้ตัวเดียวคุณปู่ต้องไปจัดการด้วยตัวเองเลยหรอ" เทียนถาม"เหมือนว่า...จะไม่ได้เป็นแค่หนอนบ่อนไส้ธรรมดานะครับ" พายุตอบออกมาอย่างไม่เต็มเสียง เทียนมองไปที่พายุด้วยความสับสนแต่ก็ไม่กล้าถามออกไปเพราะสีหน้าของพายุดูลำบากใจที่จะตอบคำถามเขาพอสมควร"คุณเทียนครับ" จู่ๆ ก็ก็มีเสียงทุ้มต่ำของชายคนนึงเอ่ยเรียกเทียนจากบนบันได พอเขาเงยหน้าขึ้นไปพบกับวิสุทธิ์ชายวัย 50 ปีที่มีหน้าที่ดูแลข้างกายของคุณซ่ง"คุณท่านรออยู่รีบขึ้นไปเถอะครับ" วิสุทธิ์พูด"รู้แล้ว" เทียนตอบแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปพบคุณซ่งปู่ของเขาทัน
ปูนปั้นเดินเข้ามาในบ้านแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง วันนี้เป็นอีกวันที่ร้านของเขาวุ่นวายมากไม่มีเวลาปลีกตัวออกมาดูหน้าร้านเลย จริงๆ ปูนปั้นไม่ได้มีหน้าที่ทำครัวหรอกแต่เพราะหลายวันมานี้ที่ร้านโดนคอมเพลนมาเยอะเรื่องอาหารออกช้าและไม่ได้คุณภาพ เขาเลยต้องเขาไปตรวจสอบและช่วยหยิบจับอะไรนิดหน่อยเพื่อให้อาหารออกเสิร์ฟได้ตลอดจะให้เขาโทษพนักงานครัวที่ทำช้าก็ไม่ได้เพราะพนักงานชุดนี้นอกจทกเชฟกุ๊กไก่แล้วก็ล้วนแต่เป็นพนักงานใหม่ทั้งหมด เลยอาจจะทำให้พวกเขายังไม่คุ้นชินกับเมนูและอุปกรณ์ของที่นี่อยู่บ้าง"แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ คงต้องวางแผนใหม่แล้ว" ปูนปั้นพูดแล้วหลับตาลงช้าๆ เขารู้สึกเหนื่อยและท้อมากๆ ที่ต้องมารับผิดชอบควบคุมดูแลร้านนี้ในวัยเพียง 23 ปีแถมยังไม่มีคนมาคอยให้คำปรึกษาเขาอีกทำให้เขาต้องลงมือทำจริงพร้อมกับเรียนรู้ทุกอย่างไปพร้อมกัน พอมันเกิดข้อผิดพลาดเขาก็แทบจะแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไม่ได้เลย ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~4 เดือนก่อน"สรุปแล้วพี่สาวผมเป็นอะไรครับหมอ" ปูนปั้นถามออกไปด้วยความตื่นตระหนก"ทางเราพบว่ามีความผิดปกติจริงๆ คนไข้มีอาการเจ็บแน่นที่หน้าอก รู้สึกเหนื่อยง่ายอ่อนเพลีย ปวดร้าวบ
ตอนนี้ภายในห้องรับรองบ้านใหญ่พวกบรรดาลูกหลานก็ต่างพากันมารวมตัวด้วยกันเต็มไปหมด มีทั้งคนร้องไห้ คนโวยวายเสียงดังเอ็ดตะโรไปหมดจนกระทั่งครอบครัวของเทียนเดินเข้ามา ทุกคนก็เงียบและหันมาสนใจพวกเขาทั้งที"พี่หล่ง นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะพี่" เอกรีบเดินเข้าถามด้วยความสงสัย"นั่นสิพี่ มีคนบอกว่าพ่อตายแล้วมันไม่จริงใช่ไหมพี่" มุกดาเข้ามาเขย่าตัวพี่ชายอย่างคนขาดสติจนเจสันต้องเข้ามาช่วยประคองมุกดาให้ถอยออก"ปล่อยนะ! ฉันคุยกับพี่ชายอยู่แกไม่เห็นหรือไง" มุกดาหันไปตวาดเจสันแล้วพลักเขาออกทันที"พี่หล่ง...ฮือ...พ่อยังไม่ตายใช่ไหมพี่...อึก...บอกฉันสิว่าบอดี้การ์ดพวกนี้มันรับสารมาผิดอ่ะ...ฮื้อ...ฮือ...พี่หล่ง" มุกดาพยายามเต้นเอาคำตอบจากพี่ชายทั้งที่ในใจเธอก็รู้ดีว่าคนของบ้านใหญ่ไม่มีทางเผยแผ่ข่าวสารที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน"นพ" คุณหล่งหันไปหาน้องเขยที่นั่งปลอบใจลูกสาวอยู่แล้วเรียกเขาด้วยน้ำเสียงดุดัน"ครับ" นพลุกขึ้นแล้วตอบทันที"มาพาเมียแกไปนั่งทีไป" คุณหล่งพูด"ครับ" นพตอบแล้วรีบเข้ามาพยุงมุกดาไปนั่งพักอยู่ข้างๆ ลูกสาว จากนั้นครอบครองของคุณหล่งก็เดินไปนั่งประจำที่เพื่อรอผู้นำหญิงทั้งสองออกมาพูดคุยเรื่องนี
เทียนนั่งมองโรงศพของปู่เขาทุกวันตั้งแต่ที่ศพมาถึงประเทศไทยจนพรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้อยู่กับปู่เป็นวันสุดท้าย ยิ่งมองเรื่องราวความทรงจำในอดีตของเขากับปู่ก็ยิ่งผุดขึ้นมาในหัวเขา "ทำไมปู่ถึงทิ้งไปผมแบบนี้ล่ะครับ...ไหนปู่บอกว่าจะกลับมาฟังคำตอบจากผมไม่ใช่เหรอ" เทียนพูดออกมาทั้งน้ำตา ตอนนี้ทุกคนกลับไปพักหมดแล้วเหลือเพียงเขาคนเดียวที่ยังนั่งอยู่เป็นเพื่อนปู่ตรงนี้"พรุ่งนี้พวกเราก็ต้องแยกจากกันแล้ว ฮึก~งั้นผมขอตอบคำถามปู่ตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ...ฮือ...ผมทำไม่ได้ครับปู่...ฮึก...ฮือ...ผมทำไม่ได้ ผมแต่งงานกับผู้หญิงไม่ได้ครับ...ฮื้อ...ฮือ...ผมขอโทษ ผมทำให้ปู่ผิดหวังอีกแล้ว...ฮื้อ...ฮือ...ฮือ...ฮื้อ...ฮึก...ฮือ" เทียนนั่งร้องไห้จนตัวโยนด้วยความเสียใจ เขารู้สึกผิดมากที่ไม่สามารถทำตามความต้องการของปู่ได้แถมการที่ปู่จะจากไปเขายังได้ติดค้างคำตอบของปู่อีกเวกัสเดินเข้ามาดูเทียนที่นั่งร้องไห้ปานคนจะขาดใจ เขารู้ว่าเทียนกับคุณซ่งรักและสนิทกันมากแค่ไหนและก็รู้ว่าคงไม่มีคำปลอบโยนใดที่จะทำให้หัวใจของเทียนรู้สึกดีขึ้น เวกัสเดินเข้าไปแล้วย่อตัวนั่งลงข้างๆ เทียน เขาใช้มือทั้งสองข้างโอบไหล่ของเ
หลังจากแยกย้ายกันกลับบ้านดารินก็เข้ามาทำแผลให้ลูกชายด้วยความเป็นห่วง"เจ็บไหมลูก" ดารินถาม"นิดหน่อยครับแม่" เทียนตอบ"พี่เทียน ไอ้เมฆมันทำแบบนั้นจริงๆ เหรอพี่" ธูปถาม"คุณปู่บอกพี่แบบนั้นอ่ะ" เทียนตอบ"นี่พ่อไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนเงียบๆ เรียบร้อยดูไร้พิษสงอย่างไอ้เจ้าเมฆมันจะกล้าทำอะไรแบบนี้" หล่งพูดออกมาด้วยความหงุดหงิดเพราะเมื่อก่อนเขาเองก็รักและเอ็นดูเมฆเหมือนกับลูกชายคนนึงของตัวเองเหมือนกัน"ตอนผมได้ยินครั้งแรกก็ตกใจไม่ต่างจากทุกคนหรอกครับ" เทียนตอบ"แล้วนี่แกรู้เรื่องใหญ่โตนี้ก็ยังจะปิดบังพ่อกับแม่อีกนะ" หล่งหันมาดุเทียนที่ปิดบังเรื่องของเมฆกับตัวเองมาตั้งหลายวัน"คุณเทียนครับ พวกเราได้เอกสารทั้งหมดมาแล้วครับ" เจสันกับเวกัสเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มและสมุดบัญชีจำนวนมาก"เอาเข้าไปวางที่ห้องทำงานของฉันเลย" ดารินตอบ"ครับ" เจสันและเวกัสตอบก่อนจะเดินเอาของไปไว้ให้เจ้านาย"แต่แม่ครับ~" เทียนกำลังจะพูดแต่ดารินยื่นมือไปจับมือของลูกชายไว้ก่อน"เดี๋ยวแม่ช่วยเทียนเอง" ดารินพูด เทียนค่อยๆ ยิ้มออกมา"ครับ" เทียนตอบหลังจากมื้อเย็นเทียนและดารินก็ช่วยกับจัดการตรวจสอบบัญชีและเอกสารทั้งหมดด้วยกันโดยมี
"คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ" ดารินพยายามบอกให้สามีของเธอควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ "ไอ้เจสันมึงไปบ้านใหญ่รายงานเรื่องนี้กับคุณแม่และแม่เล็กแต่มึงต้องจำไว้นะว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดยกเว้นพวกคุณแม่เท่านั้น""ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกกับพวกคุณผู้หญิงเอง" เจสันตอบแล้วก็เดินออกไป"ส่วนมึงไอ้เวกัส มึงไปตามสืบมาว่าบอดี้การ์ดอีกสองคนที่หายไปในคืนนี้พวกมันหายไปได้ยังไง ถ้ามันยังไม่ตายก็เอาพวกมันกลับมาให้ได้" "ครับคุณหล่ง" หลังจากรับคำสั่งเวกัสก็รีบออกไปทำงานของเขาทันทีเช่นกัน"ผมจะไม่ยอมให้ตาเทียนเจ็บตัวฟรีแน่" หล่งพูดกับดารินด้วยสีหน้าโกรธแค้นสุดๆ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ตอนนนี้หน้าห้องพัก VIP ของโรงพยาบาลที่ถูกจองเอาไว้สามห้องติดกันล้วนมีบอดี้การ์ดรูปร่างบึกบึนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจำนวนหลายคนเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เจสันได้สั่งให้คนตรวจค้นห้องพักทั้งสามห้องให้เรียบร้อยและยืนเฝ้าไว้ตลอดห้ามให้ใครมาเข้ามาวางกำดักหรือทำอะไรไม่ดีก่อนที่คนเจ็บจะถูกย้ายมาและแน่นอนว่าทุกครั้งที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้ามาปูเตียงหรือนำของอะไรมาวางคนข
ปัง!"โอ๊ย" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงของเทียนร้องขึ้นมาเนื่องจากเขาถูกกระสุนยิงเข้าที่แขนข้างซ้ายขณะกำลังพยายามช่วยยิงสะกัดคนร้ายที่ต้องการจะเอาชีวิตของเทียนอยู่แต่อาการเจ็บที่แขนทำให้เขาไม่สามารถประคองรถต่อไปได้จนทำให้รถล้มลงอย่างแรง บอดี้การ์ดอีกคนก็เห็นแล้วแต่ไม่สามารถหยุดรถช่วยได้เพราะอันตรายเกินไปแถมเขาเองยังต้องปกป้องเทียนอีก"โอ๊ย! เอาไงดีว่ะ เอาไงดี...ฮือ" พายุเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านกระจกจนทำให้เขาสติแตกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่"พายุ ไอ้พายุใจเย็นๆ" เทียนตะโกนใส่พายุเสียงดังเนื่องจากเจ้าตัวลนไปหมดแล้ว"ผมกลัวอ่ะคุณเทียน...ฮือ...ทำไงดีอ่ะครับ" พายุเริ่มงอแงออกมาตามประสาเด็กที่ไม่เคยผ่านเรื่องอันตรายและความเสี่ยงมาก่อน"มึงไปขับ! อย่าเบาคันเร่ง" "แม่งเอ้ย!" เทียนรู้สึกหงุดหงิดที่พายุไม่ได้ดั่งใจ เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ข้างหลังแป๊ปนึงก่อนจะรีบก้มหัวลงมาเหมือนเดิมเพราะมีกระสุนพุ่งมาอย่างแรงจนกระจกด้านหลังแตกกระจายซึ่งมันกระเด็นโดนหน้าเขาด้วยจนเกิดแผล"เฮ้ย!" พายุตกใจสะดุ้งต้องเผลอปล่อยพวงมาลัย"ไอ้พายุ!"
"เอ่อ~ตาเทียน" เอกแสร้งยิ้มแล้วหันไปหาเทียน"ครับ" เทียตอบ"อามีเรื่องงานที่อยากจะปรึกษาหน่อยน่ะ ออกไปคุยกันข้างนอกสักแป๊ปได้ไหม" เอกพูด"ตอนนี้เหรอครับ" เทียนถาม"ใช่" เอกตอบ"แหม่~คุณเอกค่ะนี้มันเวลาไหนแล้วเรื่องงานก็พักบ้างเถอะค่ะ" หญิงป่านนภาพูด"ใช่ครับ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ผมไม่รีบหรอก" เทียนตอบเพราะเขาไม่อยากออกไปกับใครตามลำพังในช่วงเวลาที่ไม่ปลอดภัยแบบนี้แถมพายุก็ยังไม่กลับมา"พอดีพรุ่งนี้อากับอาเอกต้องไปธุระที่ต่างจังหวัดกันหลายวันก็เลยกลัวจะไม่มีเวลาน่ะจ๊ะ" เหมยหลินพูด"ครับ" เทียนจำใจต้องตอบตกลงไปก่อนเพราะกลัวคนอื่นจะสงสัยหาว่าสิริยากรมีปัญหาภายใน เทียนลุกขึ้นเดินตามเอกออกไปหาที่หลบมุมคุยกัน ผ่านไปไม่ถึงนาทีพายุก็เดินเข้ามาพร้อมกับมองหาเทียนไปทั่วแต่ก็ไม่เจอเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ บิ๊กเพื่อสอบถามแต่ด้วยท่าทางยุกยิกๆ เหมือนเด็กน้อยของเขามันทำเอาเหมยหลินรำคาญไม่น้อยจนต้องหันไปถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจ พายุรีบก้มหัวขอโทษเหมยหลินทันทีเธอจึงได้ยอมหันกลับไปแล้วไม่เอาเรื่อง"พี่บิ๊กๆ พี่เห็นคุณเทียนบ้างไหมอ่ะ"
"ทุกคนรออยู่แถวนี้นะถ้ามีอะไรให้รีบรายงานทันที" พายุออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดทุกคนรออยู่บริเวณหน้างานและที่รถเพื่อดูความเรียบร้อยและป้องกันผู้แระสงค์แอบทำอะไรกับรถของเทียนหลังจากนั้นเขาก็รีบเดินตามเทียนเข้าไปในงาน"โอ้โห~คุณครับ...แน่ใจนะครับว่านี้แค่งานเลี้ยงต้อนรับลูกชายคุณไพบูลย์เฉยๆ ทำไมจัดใหญ่โตแถมเชิญแขกมามากมายขนาดนี้" พายุแอบกระซิบถามเทียนเบาๆ ด้วยความสงสันเพราะสเกลงานมันใหญ่มากจริงๆ แถมบุคคลที่มาร่วมงานก็มีแต่ตัวท็อปของแต่ละวงการทั้งนั้น"คุณไพบูลย์เป็นคนใหญ่คนโต มีอำนาจทางด้านการเงินไม่น้อยใครๆ ก็อยากผูกมิตรทั้งนั้น" เทียนตอบ"แล้วแบบนี้พวกเราควรจะเข้าไปหาคุณไพบูลย์ก่อนเลยไหมครับ" พายุถาม"ไม่ต้องหรอก พวกเรามาเป็นมารยาทไม่ได้มาเพื่อผูกสัมพันธ์การค้ากับใครและฉันก็เชื่อว่าต่อให้เราไม่เข้าหาใครมันก็จะมีคนอยากเข้าหาเราอยู่ดี" เทียนตอบแล้วกำลังจะเดินออกจากห้องโถงไปหาโต๊ะนั่งแต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนมีเรียกเขาไว้ซะงั้น"คุณเทียนครับ" เสียงของผู้ชายคนนั้นทำให้เทียนหันไปกลับหาเขาทันทีด้วยความรู้สึกคุ้นหู"พี่บิ๊ก" พายุเรียกคนตรงหน้าด้ว
"พี่ขอโทษนะ" หมิงรู้สึกผิดมากๆ เพราะจริงๆ ปูนปั้นเองก็เพิ่งมาดูแลร้านอาหารนี้ได้ไม่เท่าไหร่ ปูนปั้นยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอีกเยอะเพราะทุกอย่างมันใหม่ไปหมดสำหรับปูนปั้น ทุกครั้งที่พนักงานกลับบ้านกันหมดแล้วหมิงก็จะเห็นมีแต่ปูนปั้นเนี่ยแหละที่ยังอยู่ที่ร้านนั่งหน้าเครียดตรวจดูทุกอย่างเองคนเดียวทั้งหมดก่อนถึงจะกลับบ้าน ถึงจะบอกว่าเขาควรทำแบบนั้นในฐานะเจ้าของกิจการแต่มันก็หนักเกินไปจริงๆ สำหรับเด็กวัยรุ่นอย่างเขาเพราะนอกจากปัญหาที่ร้านจะมากมายก็ยังมีปัญหาพนักงานอีก ตอนที่หมิงมาทำงานแรกๆ เขามักจะได้ยินพนักงานแอบนินทาปูนปั้นอยู่บ่อยๆ พนักงานหลายคนไม่อต็มใจทำงานกับปูนปั้นแต่ที่ยังทนอยู่ก็เพราะที่ร้านของปูนปั้นให้เงินเดือนพนักงานสูงกว่าที่อื่นดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องอยู่ต่อเพื่อปากท้องของตัวเองแต่การทำงานก็ไม่ได้คุณภาพตามที่สมควรจะเป็น หมิงรู้สึกเห็นใจปูนปั้นมาตลอดเพราะปูนปั้นดีกับเขามากดังนั้นเขาเลยตั้งใจช่วยงานที่ร้านอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบแทนที่ปูนปั้นเห็นใจรับเขาเข้ามาอยู่ที่ร้านแต่วันนี้เขากลับนำภัยมาให้ปูนปั้นซะงั้นและอีกเรื่องที่หมิงเป็นห่วงก็คือการที่ปูนปั้นต้องอยู่ท
"น่าหงุดหงิดจริงๆ" เทียนขับรถกลับบ้านด้วยความน้อยใจ "ที่ฉันทำไปเพราะตัวเองหรือยังไง...ที่ทำไปก็เพราะหวังดีทั้งนั้น ถ้าไม่ชอบก็น่าจะบอกกันดีๆ สิทำไมต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นด้วย" เทียนนั่งบ่นคนเดียวตลอดทางอย่างกับคนบ้า เห็นใครขับรถปาดหรือขับรถไม่ดีก็ตะโกนด่าอยู่คนเดียวในรถตลอด ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ "ลั้ลลา ลั้ลลา~" พายุเดินเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์ดีเพราะว่าภารกิจแรกของเขาผ่านพ้นไปด้วยดีแม้จะไม่ใช่ฝีมือของเขาทั้งหมดก็เถอะ เจสันเห็นพายุเดินเข้ามบ้านมาก็รีบเดินมาหาเขาทันที "พายุ" เจสันเรียก "ครับ" พายุหยุดนิ่งแล้วยืนตรงตอบเขาอย่างกับทหารเจอครูฝึกอย่างงั้นแหละ "คุณเทียนสั่งไว้ว่าถ้านายมาแล้วให้ขึ้นไปหาที่ห้องทันที" เจสันพูด "รับทราบครับ" พายุตอบแล้วตะเบ๊ะใส่เจสันไปหนึ่งทีก่อนจะรีบเดินขึ้นบันไดไปหาเทียนที่ห้องนอนตามคคำสั่ง เจสันมองตามพายุด้วยสีหน้างงๆ "นี่มันคิดว่าตัวเองอยู่ในคค่ายทหารหรือไงว่ะ" เจสันพูดแล้วส่่ายหัวให้กับความเด๋อด๋าของพายุ ก๊อกๆๆ
ตอนนี้พายุมพาคนร้ายมานึงอยู่ที่เก้าอี้แล้วดึงผ้าคลุมสีดำออก "ต้องปิดปากเขาไว้ด้วยเหรอ" ปูนปั้นถามเพราะเห็นว่ามีเทปปิดปากของเขาไว้อยู่ "ตลอดทางมานี้ไอ้นี่มันร้องโวยวายตลอดเลยครับ พวกผมรำคาญก็เลยเอาเทปแปะไว้ก่อน" พายุตอบ ปูนปั้นถอนห่ยใจออกมาแล้วเดินเข้าไปแกะเทปออกให้เขา "พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ! ประเทศนี้มันมีกฎหมายนะเว้ย คอยดูเถอะผมจะไปแจ้งตำรวจมาจับพวกคุณให้หมดเลย" ผู้ชายคนนั้นต่อว่าทุกคนออกมาอย่างเสียงดังโดยไม่มีความสำนึกอะไรเลย "คุณทำแบบนั้นทำไม" ปูนปั้นถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาโกรธมากนะยิ่งรู้ว่าคนที่อยู่ตรวหน้าเป็นคนมำให้ร้านของเขาเสียหายเขายิ่งรู้สึกโกรธแต่ด้วยความที่เขาอยากเจรจาสอบถามเหตุผลกับคนตรงนั้นเขาเลยต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ก่อน "ผมทำอะไร" ชายคนนั้นตอบตาใสเหมือนกับตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ "คุณมาพ่นสีที่ร้านผมทำไม" ปูนปั้นถาม สีหน้าของเขาดูตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะหลบตาปูนปั้น "ผมสีอะไร~ ผมไม่ได้" คนร้ายยังคงปฏิเสธทุกอย่างอย่างหน้าตาเฉย "ไม่ได้ทำบ้าอะไร คิดว
"พวกเราได้ภาพคนร้ายมาจากกล้องวงจรปิดน่ะครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ "เป็นไปไม่ได้ คุณเทียนบอกผมมาแล้วว่ากล้องวงจรปิดที่ร้านมันเสียแล้วแบบนี้พวกคุณจะไปเอามาได้ยังไง" พายุพูด "พวกผมก็ไปเอามาจากบ้านของคนในระแวกไงครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ "ใช่ครับ กล้องที่ร้านเสียพวกเราเลยไปไล่ขอคลิปจากกล้องวงจรปิดจากชาวบ้านแถวนี้แทนแล้วก็ให้ค่าตอบแทนพวกเขาไปนิดหน่อย ลองเอาภาพจากกล้องวงจรปิดของทุกบ้านมารวมกันก็พบเห็นชายต้องสงสัยที่ใส่ชุดดำทั้งตัวเดินออกมาจากทางร้าน Happy Time ช่วงเวลาประมาณตี 3 กว่าๆ จากนั้นเขาก็เดินเอาถุงอะไรบ้างอย่างไปทิ้งที่หน้าตึกร้างที่อยู่ห่างไปอีก 3 ซอยพอพวกเราไปตรวจสอบดูก็พบว่าในนั้นมีอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับพ่นสี ถุงมือ มีดและกระป๋องสเปรย์อีกจำนวนมากเลยครับอุปกรณ์" บอดี้การ์ดคนที่สองตอบ หน้าของพายุดูอึ้งไปทันทีเขาไม่คิดว่าทุกคนจะฉลาดกันขนาดนี้เพราะตัวเขาเองคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ถ้าสองคนนี้ไม่พบหลักฐานอะไรป่านนี้เขาก็ยังคงเดินไล่ถามชาวบ้านต่อไปเรื่อยๆ จนหมดวันแน่ "เหรอ~ แล้วรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร"
"คุณเทียนมีเรื่องอะไรอยากจะคุยกับผมหรอครับ" พายุถาม"ฉันมีคนรู้จักอยู่คนนึงเขาเป็นเจ้าร้านที่นี่" เทียนตอบแล้วยื่นโทรศัพท์ให้พายุดูซึ่งมันเป็นรูปหน้าร้านของปูนปั้นที่มีทั้งตอนปกติและตอนที่เกิดปัญหา"ร้าน Happy Time หรอครับ" พายุพูด"นายรู้จักเหรอ" เทียนถาม"ครับ ผมเคยไปหาเพื่อนแถวนั้นอยู่ 2-3 ครั้งแต่ไม่เคยเข้าไปทานหรอกนะครับ" พายุตอบ"ตอนนี้ที่นี่กำลังถูกคุกคาม มีคนเอาสีสเปรย์ไปพ่นที่หน้าร้านนี้จนดูไม่ได้ ฉันอยากให้นายไปสืบมาหน่อยว่าใครเป็นคนทำแต่นายห้ามบอกเรื่องนี้ให้คนที่บ้านรู้เด็ดขาด เข้าใจไหม" เทียนพูด"ได้ครับคุณเทียน" พายุตอบ"นายสามารถเอาคนไปใช้ได้ 2-3 คนแต่ต้องกำชับพวกนั้นให้ดีว่าอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ไม่งั้นคนที่จะเดือดร้อนก็คือนายเอง" เทียนพูด"ครับ" พายุตอบ"นี่เป็นงานแรกที่ฉันมอบให้นายทำ...อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะ" เทียนพูด"ผมจะทำให้เต็มที่ครับ...เอ่อ~ว่าแต่คุณเทียนมีเวลากำหนดให้ผมไหมครับ" พายุถาม "เร็วที่สุด" เทียนตอบ "ครับ" พายุตอบ"กลับไปพักผ่อนได้แล้วไปพรุ่งนี้จะได้มีแรงไปทำงานให้ฉัน" เทียนพูด"ได้เลยครับคุณเทียน รับรองพรุ่งนี้งานเดินผ่านฉลุยแน่นอน" พายุตอบแล้วยกนิ้ว