"ตอนนี้คนไข้มีอาการยังไงบ้างครับ" หลังจากที่เทียนฟื้นขึ้นมาหมอก็รีบเข้ามาดูอาการของเขาทันที
"ปวดหัวครับแล้วก็เจ็บแผลมาก ๆ" "ครับ เท่าที่หมอตรวจดูทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ดีแล้วแต่เดี๋ยวหมอจะให้ยาแก้ปวดเพิ่มก็แล้วกันนะครับ" "ขอบคุณครับ" หลังจากหมอเดินออกไปธูปก็รีบเข้ามานั่งข้างเตียงเทียนด้วยความเร็ว "พี่เทียน" "ฮะ" "เจ็บไหมพี่" "ลองไหมล่ะ" เทียนแทบอยากจะเขกหัวน้องชายของเขาสักทีที่เจ้าตัวถามอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระสิ้นดี "แล้วคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ" เทียนมีท่าทีที่ดูนิ่งขึ้นทันที "พี่เทียน..." ธูปเห็นว่าเทียนเงียบไปจึงลองเรียกอีกครั้ง ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นมันยังคงวนเวียนหลอกหลอนอยู่ตลอด "แล้วแกรู้มาว่าไงบ้างล่ะ" เทียนถาม "ผมรู้มาแค่ว่าพี่ไปงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายของคุณไพบูลย์แล้วก็เกิดอุบัติรถพุ่งชนเข้าที่เสาไฟฟ้าแค่นั้นเลย" "ระหว่างทางกลับบ้านฉันโดนกลุ่มคนตามประกบและไล่ยิงมาตลอด จำได้ว่าพวกมันมากันเยอะมากไม่รู้ว่าเป็นคนของแก๊งค์ไหน ไอ้พายุมันยังอ่อนประสบการณ์ได้ยินเสียงปืนนิดหน่อยก็สติแตกควบคุมตัวเองไม่อยู่จากนั้นรถก็เลยพุ่งชนเข้าอย่างจังแล้วกูก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย" เทียนพยายามนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเล่าให้ธูปฟัง "แล้วทำไมคนของเราถึงสะกัดพวกนั้นไว้ไม่ได้ล่ะไปกันตั้ง 4 คนไม่ใช่เหรอหรือว่าพี่ไปงานนอกทั้งทีแต่เลือกเอาเฉพาะพวกมือใหม่ไป" "ไม่ใช่ ที่พวกมันดูแลฉันไม่ได้ก็เพราะคนของเราหายไปในงาน 2 คนทำให้เราเหลือคนน้อยเกินไปเลยสู้พวกมันไม่ได้" "ในงานไม่มีอะไรผิดปกติเลยเหรอ" "ไม่มี" "ไม่ใช่สิ! พี่ไปอยู่ในงานไม่ได้ทะเลาะกับใครแน่นะ" คำพูดของธูปทำให้เทียนคิดถึงตอนที่เขากับเอกเริ่มพูดจาแซะกันไปมาจนทำให้เอกไม่พอใจและเกือบมีปากเสียงกันกลางงาน "ไม่มี" เทียนเลือกที่จะโกหกเพราะกลัวว่าน้องชายจะกระโตกกระตากไปเอาเรื่องเขาถึงบ้านทั้งที่ไม่มีหลักฐานจนทำให้เกิดสงครามภายในขึ้น "แน่ใจนะ" "แน่ใจ" "เออ" เทียนตอบออกไปแบบปัดรำคาญจนธูปรู้แล้วว่าเขาไม่อยากคุยเรื่องนี้ค่อก็เลยไม่ถาม "อ่ะ ๆ ๆ งั้นเดี๋ววผมไปโทรบอกแม่ก่อนนะว่าพี่ฟื้นแล้วอ่ะ" "ไม่ต้อง!" เทียนรีบห้ามธูปทันทีเมื่อเห็นเขาลุกขึ้น ธูปมองหน้าพี่ชายอย่างงง ๆ เพราะไม่เข้าใจว่าพี่ชายเป็นอะไรไปทำไมถึงทำตัวแปลกขนาดนี้ "เดี๋ยวเสร็จธุระแม่ก็กลับมาเองแหละ แกนั่งลงก่อนสิฉันมีอะไรอยากจะคุยด้วย" "ว่ามาสิ" "เมื่อคืนคนที่ไปกับฉันเป็นไงบ้าง" เทียนรู้สึกเป็นห่วงพวกลูกน้องของเขาเพราะเขาจำได้ว่าตอนที่เขาแอบหัรไปดูเขาเห็นโอมถูกยิงจนรถล้มไปส่วนเจ๋งที่คอยสะกัดคนร้ายให้เขาก็หายไปตอนไหนก็ไม่รู้ไหนจะพายุที่อยู่บนรถกับเขาอีก "สามคนนั้นยังไม่ตายใช่ไหม" เทียนถามด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจ ธูปเปลี่ยนสีหน้าเป็นเศร้าลงทันทีจนทำให้เทียนตกใจ "พวกมันตายหมดเลยเหรอ" เทียนถาม ธูปก้มหน้าลงเหมือนไม่อยากจะตอบ "ไอ้ธูป...ธูป!" "แฮร่~" ธูปเงยหน้าขึ้นมาเพื่อเฉลยว่าแค่แกล้งเขาเล่นจนถูกเทียนตบหัวไปทีนึง "มันใช่เรื่องเล่นไหมเนี่ย" "เจ๋งไม่ได้เป็นอะไรมากแค่มีแผลถลอกนิดหน่อยเพราะรถล้มส่วนโอมโดนยิงที่แขนแต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วพักอีก 2-3 วันหมอก็ให้กลับ...แต่คนที่เป็นหนักเลยก็คือไอ้พายุ" ธูปถอนหายใจออกมาแล้วมองหน้าเทียน "มันเป็นไงบ้าง" เทียนถาม "กระดูกมันหักหลายที่เลย หมอฝ่าตัดด้ามเหล็กแล้วก็ใส่เฝือกให้มันหมดแล้วแต่คงขยับไม่ได้ไปอีกหลายเดือน ก่อนที่พี่จะฟื้นผมก็ไปเยี่ยมมันมานะ แม่ง~เอาแต่นอนร้องไห้แล้วก็ถามถึงพี่ตลอดเลย" ธูปพูด เทียนไม่ได้โกรธพายุเลยที่ตัวเองเป็นแบบนี้เพราะในตอนนั้นพายุเองก็พยายามอย่างสุดความสามารถแล้วเหมือนกันเพื่อพาเขาหนี "มันเป็นคนกลัวเจ็บมาตั้งแต่เด็ก ไม่ง่ายเลยที่มันจะทนผ่านช่วงทรมานร่างกายในตอนนี้" ปกติแล้วพายุเป็นเด็กที่กลัวเจ็บกลัวเข็มมาก ๆ เขาไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใครเลยในช่วงเป็นนักเรียน ถ้าไม่นับตอนป่วยแล้วต้องฉีดยาความเจ็บเดียวที่เขาเคยได้รับก็คือความเจ็บจากการฝึกฝนร่างกายกับบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ในตระกูลแต่ถึงแม้จะเป็นคนกลัวเจ็บแค่ไหนพายุก็ยังคงมีความฝันเหมือนเดิมก็คือการได้ออกปฏิบัติงานดูแลความปลอดภัยให้กับเจ้านายของเขาพร้อมกับคนอื่น ๆ แต่ก็นั่นแหละคุณซ่งเองก็ไม่เคยให้เขาทำงานอะไรเลยนอกจากดูแลงานในบ้าน "มันคงขวัญเสียกับเรื่องนี้มากแน่ ๆ เพราะเมื่อเช้าก่อนที่พ่อจะออกไปทำงานพ่อก็เขาไปต่อว่ามันยกใหญ่เลย" ธูปพูด "อย่าไปด่ามันเลย มันทำเต็มที่แล้วถ้าเมื่อวานฉันเอาคนไปเยอะกว่านี้คงไม่มีทางบาดเจ็บแบบนี้หรอก" เทียนตอบ "พี่ไม่โกรธ ผมไม่โกรธก็ใช่ว่าพ่อจะไม่โกรมันหนิ ยังไงซะก็เป็นความผิดมันอยู่ดีที่ไม่รอบคอบจัดเตรียมคนไปไม่พร้อม ดีนะที่พี่ไม่เป็นอะไรถ้าเมื่อคืนพี่ไม่รอดผมว่าป่านนี้พ่อเอามันตายไปแล้ว" "ไว้เดี๋ยวฉันจะคุยกับพ่อเอง" ธูปพยักหน้าแล้วเดินไปนอนเล่นที่โซฟา ระหว่างที่นอนพักผ่อนพ่อนอยู่เทียนเกิดรู้สึกเบื่อ ๆ ที่ไม่มีอะไรทำ เทียนเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ขึ้นมาแล้วเข้าไปที่เพจของร้าน Happy Time จากนั้นเขาก็ลองโทรไปที่เบอร์ร้านดู ตืด ตืด ตืด "สวัสดีค่ะร้าน Happy Time ค่ะ" รอสายไม่นานก็มีพนักงานรับสายแล้ว "สวัสดีครับ ผมขอสายคุณหมิงหน่อยได้ไหมครับ" "ฮะ? ลูกค้าไม่ได้จะจองโต๊ะหรือว่าสั่งอาหารหรอกเหรอคะ" พนักงานรู้สึกงงนิดหน่อยที่คนที่โทรเข้ามาไม่ได้จะใช้บริการร้านของเธอ "ผมจะสั่งอาหารครับแต่ขอสั่งกับคุณหมิงได้ไหมครับ" เทียนพูด "มีอะไรกันครับ" ปูนปั้นเดินออกมาจากครัวแล้วเห็นว่าฝนกำลังยืนทำหน้างง ๆ อยู่ก็เลยถามดู "พอดีมีคนโทรมาน่ะค่ะ" ฝนตอบ "สั่งอาหารหรอครับเดี๋ยวผมจัดการเอง" ปูนปั้นตอบแล้วยื่นมือมาขอโทรศัพท์จากฝน "ไม่ใช่ค่ะ...เขาบอกว่าอยากคุยกับคุณหมิง" ปูนปั้นนิ่งไปด้วยความสงสัยเพราะนี่มันเบอร์ร้านทำไมปลายสายถึงโทรเข้ามาเพราะเรื่องอื่นล่ะแต่พอคิดได้ว่าคนเดียวที่จะโทรมาเพราะอยากคุยกับหมิงคงไม่ใช่ใครอื่นเลยรีบเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์แล้วขอโทรศัพท์จากฝนทันที "พี่ฝนไปดูลูกค้าให้ผมทีนะครับเดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง" ปูนปั้นพูด "อ๋อ~ ค่ะ" ฝนตอบแล้วก็ส่งโทรศัพท์ให้ปูนปั้นจากนั้นเธอก็เดินออกไปเลย ปูนปั้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู "ฮัลโหล~" เสียงของปูนปั้นทำให้เทียนอึ้งไปเลย ก่อนหน้านี้พวกเขาทะเลาะกันนิดหน่อยเลยไม่ได้คุยอะไรกันอีกแต่ในใจของเทียนเขาอยากจะเจอปูนปั้นอยู่แล้วแค่มีฟอร์มนิดหน่อยเลยไม่ได้ไปเคลียร์ให้มันชัดเจน "ฮัลโหล" ปูนปั้นเห็นอีกฝ่ายเงียบไปในใจก็รู้สึกเฟลอยู่หน่อย ๆ นะเพราะคิดว่าเขายังไม่หายโกรธ "หมิงอยู่ไหม" เทียนถามออกไปหลังจากที่เงียบไปสักพักซึ่งเวลาขนาดนั้นถ้าเป็นคนอื่นคงวางสายไปแล้วแต่ปูนปั้นกลับยังคงถือสายไว้เพื่อรอให้เทียนพูด "อยู่" ปูนปั้นตอบ "ผมขอคุยกับเขาหน่อยได้ไหม" "ได้สิ" ปูนปั้นตอบแล้วหันไปบอกเด็กในร้านให้ไปตามหมิงมาหาเขาหน่อย "ลุง~" ระหว่างที่รอหมิงมาปูนปั้นก็ใช้ความกล้าเอ่ยเรียกเขาเพราะอยากจะขอโทษเขา "หื้ม" เทียนตอบ "ผม--" "เรียกพี่มามีอะไรหรือเปล่าครับ" หมิงมาถึงก่อนที่เขาจะได้พูดออกไปพอดี เขาก็เลยหยุดแล้วรีบยื่นโทรศัพท์ให้หมิง "ครับ?" หมิงทำหน้างง ๆ "เพื่อนพี่หมิงเขาอยากคุยด้วยน่ะครับ" ปูนปั้นตอบ "อ๋อ~" หมิงตอบแล้วก็รับโทรศัพท์จากปูนปั้นมา "ว่าไงว่ะ" ระหว่างที่หมิงคุยกับเทียนปูนปั้นก็ยืนมองดูอยู่ตลอดจนเขาเห็นว่าสีหน้าของหมิงเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนดูเครียดมาก "แล้วนี่มึงอยู่ไหน" หมิงถาม "ได้" หมิงตอบแล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้ปูนปั้นด้วยท่าทางตื่นตกใจ "วันนี้พี่ขอหยุดหนึ่งวันได้ไหมครับ" หมิงถาม สีหน้าท่าทางของหมิงดูไม่ดีเท่าไหร่จนปูนปั้นเริ่มใจคอไม่ดี "มีอะไรหรือเปล่าครับ" ปูนปั้นถาม "ไอ้เทียนเกิดอุบัติเหตุตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล" คำตอบของหมิงทำเอาปูนปั้นตกใจช็อคไปเลย "ละ แล้วเขาเป็นยังไงบ้างครับ" ปูนปั้นถาม "ปลอดภัยแล้วแต่พี่ขอไปหาเพื่อนพี่หน่อยนะ" หมิงตอบ "ดะ ได้ครับ" หมิงกดสมุดโน๊ตออกมาเขียนเมนูอาหารไป 2 อย่างแล้วส่งให้ปูนปั้น "ฝากปูนปั้นส่งรายการอาหารเข้าห้องครัวด้วย พี่ขอไปจัดการงานของตัวเองแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะเดี๋ยวพี่มาเอา" หมิงพูดแล้วรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ปูปั้นหยิบขึ้นมาดูก็จำได้ทันทีว่าเป็นเนื้อสเต็กแบบเดียวกับที่เทียนสั่งทานไปวันนั้นที่เขาพบกันวันแรก เหตุที่จำได้เพราะเทียนสั่งสเต็กแบบนี้ไปทานคนเดียวทั้งหมด 6 ที่เลยก็เลยจำได้แม่นเพราะมันไม่เคยมีใครทำ ปูนปั้นรีบคีย์ข้อมูลเข้าห้องครัวแล้วเดินไปเร่งว่าให้ทำให้เร็วที่สุด หมิงใช้เวลาไม่นานในการเก็บของและเปลี่ยนเสื้อจากนั้นเขาก็เดินออกมาหาปูนปั้นเพื่อนที่จะจ่ายเงินแต่ปูนปั้นก็ไม่รับโดยอ้างว่าอาหารมื้อนี้เป็นการตอบแทนที่เทียนช่วยเขาตามหาคนร้ายจนเจอแต่หมิงก็เกรงใจอยู่ดี ยื้อกันไปมาฝนก็เดินเอาอาหารที่มาวางให้ "ฮะ!?" หมิงอุทานออกมาด้วยความตกใจเพราะอาหารที่อยู่ตรงหน้าน่าจะมีมากกว่า 10 อย่างเลย "นี่มันอะไรกันครับน้องปูนปั้น" หมิงถาม "ผมสั่งไปเองแหละ" ปูนปั้นตอบ "แบบนี้พี่จ่ายไม่ไหวหรอกนะครับ" หมิงพูด "ผมก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องจ่าย" ปูนปั้นตอบ "แต่ว่า~" "พี่หมิงให้ผมไปด้วยนะครับ" อยู่ดี ๆ ปูนปั้นก็ขอหมิงไปเยี่ยมเทียนด้วยจนหมิงตกใจ "ฮะ!""ผมไปด้วยได้ไหมครับ" ปูนปั้นถามอีกครั้งเพราะเห็นสีหน้าของหมิงดูลำบากใจแปลก ๆ"เอ่อ~ คือพี่ก็ไม่ได้ไม่อยากให้น้องปูนปั้นไปนะแต่ว่าการจะเข้าใกล้ไอ้เทียนได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ขนาดพี่เนี่ยสนิทกับครอบครัวไอ้เทียนพี่ก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าไปแล้วจะได้เข้าเยี่ยมมันหรือเปล่า" หมิงตอบ"ผมอยากไปขอบคุณเขาเรื่องวันนั้นนะครับ เขาช่วยผมไว้เยอะเลยแต่ผมยังไม่ได้มีโอกาสขอบคุณเขาสักที" ปูนปั้นพูดแล้วทำหน้าเศร้าทันที หมิงเองก็อยากให้เขาไปเพราะรู้ว่าเพื่อนต้องดีใจมากแน่ ๆ แต่ถ้าเขาพาปูนปั้นไปหาเทียนแล้วเจอคนอื่นในครอบครัวของเทียนล่ะเขาจะอธิบายยังไงดีเพราะถ้าทุกคนรู้ว่าเทียนชอบปูนปั้น ชีวิตนี้ของปูนปั้นคงไม่มีทางสงบสุขอีกเป็นแน่ หมิงยืนคิดไตร่ตรองอยู่สักพักแล้วหันไปมองหน้าปูนปั้น"พี่พาไปก็ได้แต่ว่าน้องปูนปั้นต้องเชื่อฟังพี่ทุกอย่างนะไม่ว่าจะเจออะไรหรือเห็นอะไรก็ห้ามสงสัยอะไรเด็ดขาด เข้าใจไหม" หมิงพูดดักไว้ก่อนเพราะกลัวว่าถ้าปูนปั้นไปเจอคนของบ้านสิริยากรแล้วจะเกิดอาการสงสัยจนเผลอทำอะไรที่คนเหล่านั้นไม่ชอบ"ครับ" ปูนปั้นตอบ จริง ๆ แล้วปูนปั้นอยากไปเจอเทียนเพราะเขาอยากโขอโทษ
ปูนปั้นรู้สึกตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ เทียนก็เรียกแทนตัวเขาว่าคุณซึ่งปกติเทียนจะเรียกเขาว่านายไม่ก็ปูนปั้นตลอดพอถูกคนแบบเทียนเรียกว่าคุณ ปูนปั้นก็รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาเลย "พอได้แล้วมั้งลุง" ปูนปั้นพูดเพราะกลัวคนอื่นจะเข้ามาเห็น"ขออยู่แบบนี้อีกหน่อยนะ" เทียนตอบแล้วกระชับกอดให้แน่นขึ้น"คุณว่า---""เลิกเรียกผมว่าคุณเถอะหน่า กลับไปเรียกเหมือนเดิมนั่นแหละลุงทำแบบนี้ผมไม่ชินเลยนะ" ปูนปั้นพูด"ทำไมอ่ะ เรียกว่าคุณก็ดูให้เกียรติดีนะ" เทียนเงยหน้าขึ้นมามองปูนปั้น"ฟังดูเหมือนเมียท่านผู้นำดี" เทียนพูดแล้วยิ้มออกมาเหมือนต้องการหยอกล้อปูนปั้นเล่น"ลุง! ปล่อยเลย" ปูนปั้นตกใจรีบแกะแขนเทียนออกทันที "เบา ๆ สิเจ็บ" เทียนทำหน้างอแงเมื่อเห็นว่าปูนปั้นไม่ยอมให้เขากอดแล้ว"เรื่องของลุงสิ เอ้า~กินเองเลย" ปูนปั้นพูดแล้วดันจานอาหารไปให้เทียนดี ๆ"ไม่ป้อนแล้วเหรอ" เทียนถาม"ไม่" ปูนปั้นตอบแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงเทียน"กินสิ!" ปูนปั้นทำทีเป้นดุแก้เขินเพราะเทียนเแาแต่มองเขาแล้วยิ้มอยู่แบบนั้นจนน่าหมั่
ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่เทียนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปูนปั้นก็คอยเอาข้าวเอาน้ำมาส่งให้เขาตลอดทุกวันตามที่รับปากไว้แต่เขาจะมาเฉพาะช่วงที่ครอบครัวของเทียนไม่อยู่เท่านั้นโดยมีธูปคอยช่วยด้วยตามคำขอของเทียน"รีบกินเข้านะลุงวันนี้ผมอยู่นานไม่ได้นะเพราะที่ร้านคนเยอะ" ปูนปั้นพูดพร้อมจัดอาหารมาวางให้เทียน"อยู่ได้นานแค่ไหนอ่ะ" เทียนถาม"ครึ่งชั่วโมง" ปูนปั้นตอบ เทียนหันขวับไปมองเขาด้วยความไม่พอใจ"อะไรอ่า~ ปกติก็อยู่ได้ตั้ง 2 ชั่วโมงไม่ใช่เหรอ" เทียนพูด เขาอยากให้ปูนปั้นอยู่คุยเล่นเป็นเพื่อนเขาเหมือนทุกวันเพราะถึงแม้มันจะเป็นเวลาแค่ 2 ชั่วโมงแต่ก็เป็น 2 ชั่วโมงที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดของวันเลย"ก็ที่ร้านมันยุ่งจะให้ผมทิ้งร้านได้ไงเล่า ตอนนี้พนักงานก็ยิ่งมีน้อย ๆ อยู่" ปูนปั้นตอบ"ก็เปิดรับสมัครสิ" เทียนพูด"เปิดไปแล้วแต่ยังไม่มีใครมาสมัครเลย" ปูนปั้นตอบ"เลือกเยอะเองหรือเปล่า" เทียนพูด"มันก็ต้องคัดคุณสมบัติกันหน่อยป่ะ" ปูนปั้นตอบ"แล้วถ้าเป็นล่ะครับ" จู่ ๆ ก็มีเสียงชายคนนึงดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ห้องที
แนะนำตัวละคร ตระกูลสิริยากร เป็นครอบครัวนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน ลูกหลานทุกคนในตระกูลล้วนเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงแตกต่างกันไป ธุรกิจของตระกูลสิริยากรนั้นมีมากมาก อาทิ ธุรกิจโรงสี ธุรกิจนำเข้าและส่งออก อสังหาริมทรัพย์ ห้างค้าและโรงแรม แต่สิ่งที่ทำให้ครอบครัวนี้เป็นที่น่าเกรงขามก็คือเขาเป็นครอบครัวมาเฟียมากอิทธิพลที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครแต่ถ้าใครมีปัญหากับพวกเขาก็มักจะจบไม่สวยเลยสักคน ถ้าไม่ล้มละลายก็อาจจะหายไปเฉยๆ แบบไม่ทราบสาเหตุเลยก็ได้และถึงแม้ว่าทุกคนที่หายไปจะเคยมีปัญหากับครอบครัวของพวกเขามาก่อนแต่ตำรวจเองก็ยังไม่กล้าแตะต้องพวกเขาเลย 1.ซ่ง ชื่อจริง วัฒนา สิริยากร เป็นทายาทรุ่นที่ 6 ของตระกูลและเป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน 2.คุณหญิงหยาดทิพย์ ชื่อจริง หยาดพิรุณ สิริยากร เป็นภรรยาเอกของคุณซ่ง คุณปู่ของคุณหญิงหยาดทิพย์สืบเชื้อสายหม่อมเลยทำให้คุณหญิงหยาดทิพย์มีนิสัยเรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้แม้ปัจจุบันจะเป็นถึงภรรยาเอกของทายาทตระกูลมาเฟียก็ตาม คุณหญิงหยาดทิพย์เป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบมากๆ เธอดูแลงานในบ้านทุกอย่างได้เป็นอย่างดีจนคุณซ่งไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องในบ
"สวัสดีครับคุณเทียน" เวกัสเอ่ยทักทายลูกชายคนโตของเจ้านายทันทีที่เขาเดินมาถึงพร้อมกับเข้าไปช่วยยกกระเป๋าเดินทางของเทียนขึ้นรถให้ด้วยวันนี้เป็นวันแรกที่เทียนกลับประเทศไทยหลังจากที่เขาไปเที่ยวญี่ปุ่นมาถึง 3 เดือนเต็มๆ แต่การกลับมาครั้งนี้ดูเหมือนเทียนจะไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่นักเพราะหลายวันมานี้เขาติดต่อหมิงไม่ได้เลยจึงทำให้ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เทียนเดินไปเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากพยายามโทรหาหมิงเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่ลงเครื่องมาแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะโทรติดเลย"คุณเทียนจะกลับบ้านเลยไหมครับ" เวกัสถาม"ไม่อ่ะ คุณช่วยพาผมไปส่งที่คอนโด xx หน่อยนะ" เทียนตอบ"ไปหาคุณหมิงเหรอครับ" เวกัสถาม"ใช่" เทียนตอบ"ได้ครับ" เวกัสพูดแล้วเปิดประตูให้เทียนขึ้นไปนั่งบนรถก่อนที่ตัวเขาเองจะตามขึ้นไปแล้วรีบขับออกไปทันที"ช่วงที่ผมไม่อยู่หมิงเขาไปหาผมที่บ้านบ้างหรือเปล่า" เทียนถาม"ไม่นะครับ" เวกัสตอบ พอรู้ว่าอยู่ดีๆ เพื่อนก็หายไปอย่างไร้เหตุผลเขาก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงมากว่าเดิมเพราะว่าก่อนหน้าที่เขาจะบินไปญี่ปุ่นครั้งนี้เขาได้นัดรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนสนิทเพื่อมากินเลี้ยงสังสรรกันด้วยก่อนเนื่องจากครั้งนี้เข
"มีอะไรครับพี่ฝน" ปูนปั้นถาม"พอดีมีลูกค้ามาหลอกทานฟรีอีกแล้วค่ะ" น้ำฝนตอบ"อีกแล้วเหรอครับ...แล้วครั้งนี้ยอดกี่พันล่ะครับ" ปูนปั้นถาม"เห็นพี่เมย์บอกว่าเกือบสามหมื่นเลยค่ะ" น้ำฝนตก"ฮะ!" ปูนปั้นร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที"แล้วเขาไปหรือยังครับ...ได้ขอบัตรประชาชนไว้ไหม...รู้หรือเปล่าว่าเขาชื่ออะไร...มีใครโทรแจ้งตำรวจแล้วหรือยัง...ก่อนหน้านี้ทุกคนทำอะไรกันอยู่ครับทำไมไม่เห็นมีใครมาบอกผมเลยล่ะครับ" ปูนปั้นรัวคำถามออกไปด้วยความตื่นตกใจโดยที่ไม่เว้นช่องไฟให้น้ำฝนได้ตอบเลย"คือเราพยายามขอบัตรประชาชนจากเขาแล้วนะคะแต่ว่าเขาบอกว่ามันอยู่บนรถไม่ได้พกลงมาด้วย อ่อ! แต่เหมือนเขาจะบอกว่าชื่อ เทียน..." ทันทีที่ได้ยินชื่อเทียนหมิงก็หยุดนิ่งทันทีแล้วหันมามองน้ำฝนด้วยความสนใจ"เทียน...อะไรนะ เทียน~" น้ำฝนพยายามจะพูดออกมาแต่ก็พูดไม่ได้ มันเหมือนติดอยู่ที่ปากแต่พูดออกมาไม่ถูกเฉยๆ ตอนนี้ทั้งปูนปั้นและหมิงก็ต่างยืนลุ้นว่าเธอจะพูดว่าอะไรออกมา"อ่อ เทียน เมธัส สักอย่างเนี่ยแหละค่ะ" น้ำฝนพูดจบหมิงก็ถอดถุงมือสำหรับล้างจานออกแล้วรีบเดินผ่านทั้งสองคนออกจากห้องครัวไปเลย ปูนปั้นเห็นหมิงรีบผิ
ทันทีที่เทียนก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ก็มีบอดี้การ์ดวัยรุ่นคนนึงรีบเดินตรงมาหาเขา "คุณท่านรออยู่ข้างบนครับคุณเทียน" พายุพูด"ทำไมคุณปู่ถึงเรียกให้ฉันมาหาตอนนี้ล่ะ" เทียนถาม"พอดีคุณท่านกำลังจะบินไปฮ่องกงคืนนี้ครับเลยอยากจะพบคุณเทียนก่อน" พายุตอบ"บินตอนเนี่ยนะ" เทียนถาม"อีก 2 ชั่วโมงครับ" พายุตอบ"บอกฉันมาสิว่านี่มันเรื่องอะไรกัน" เทียนถามออกไปด้วยความสงสัยเพราะบรรยากาศในบ้านตอนนี้มันดูตึงผิดปกติ"สายของเรารายงานด่วนเข้ามาครับว่าพบตัวการที่แอบลักลอบขโมยข้อมูลคอนเนคชั่นของเราแล้ว" พายุตอบ"ก็แค่หนอนบ่อนไส้ตัวเดียวคุณปู่ต้องไปจัดการด้วยตัวเองเลยหรอ" เทียนถาม"เหมือนว่า...จะไม่ได้เป็นแค่หนอนบ่อนไส้ธรรมดานะครับ" พายุตอบออกมาอย่างไม่เต็มเสียง เทียนมองไปที่พายุด้วยความสับสนแต่ก็ไม่กล้าถามออกไปเพราะสีหน้าของพายุดูลำบากใจที่จะตอบคำถามเขาพอสมควร"คุณเทียนครับ" จู่ๆ ก็ก็มีเสียงทุ้มต่ำของชายคนนึงเอ่ยเรียกเทียนจากบนบันได พอเขาเงยหน้าขึ้นไปพบกับวิสุทธิ์ชายวัย 50 ปีที่มีหน้าที่ดูแลข้างกายของคุณซ่ง"คุณท่านรออยู่รีบขึ้นไปเถอะครับ" วิสุทธิ์พูด"รู้แล้ว" เทียนตอบแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปพบคุณซ่งปู่ของเขาทัน
ปูนปั้นเดินเข้ามาในบ้านแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง วันนี้เป็นอีกวันที่ร้านของเขาวุ่นวายมากไม่มีเวลาปลีกตัวออกมาดูหน้าร้านเลย จริงๆ ปูนปั้นไม่ได้มีหน้าที่ทำครัวหรอกแต่เพราะหลายวันมานี้ที่ร้านโดนคอมเพลนมาเยอะเรื่องอาหารออกช้าและไม่ได้คุณภาพ เขาเลยต้องเขาไปตรวจสอบและช่วยหยิบจับอะไรนิดหน่อยเพื่อให้อาหารออกเสิร์ฟได้ตลอดจะให้เขาโทษพนักงานครัวที่ทำช้าก็ไม่ได้เพราะพนักงานชุดนี้นอกจทกเชฟกุ๊กไก่แล้วก็ล้วนแต่เป็นพนักงานใหม่ทั้งหมด เลยอาจจะทำให้พวกเขายังไม่คุ้นชินกับเมนูและอุปกรณ์ของที่นี่อยู่บ้าง"แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ คงต้องวางแผนใหม่แล้ว" ปูนปั้นพูดแล้วหลับตาลงช้าๆ เขารู้สึกเหนื่อยและท้อมากๆ ที่ต้องมารับผิดชอบควบคุมดูแลร้านนี้ในวัยเพียง 23 ปีแถมยังไม่มีคนมาคอยให้คำปรึกษาเขาอีกทำให้เขาต้องลงมือทำจริงพร้อมกับเรียนรู้ทุกอย่างไปพร้อมกัน พอมันเกิดข้อผิดพลาดเขาก็แทบจะแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไม่ได้เลย ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~4 เดือนก่อน"สรุปแล้วพี่สาวผมเป็นอะไรครับหมอ" ปูนปั้นถามออกไปด้วยความตื่นตระหนก"ทางเราพบว่ามีความผิดปกติจริงๆ คนไข้มีอาการเจ็บแน่นที่หน้าอก รู้สึกเหนื่อยง่ายอ่อนเพลีย ปวดร้าวบ
ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่เทียนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปูนปั้นก็คอยเอาข้าวเอาน้ำมาส่งให้เขาตลอดทุกวันตามที่รับปากไว้แต่เขาจะมาเฉพาะช่วงที่ครอบครัวของเทียนไม่อยู่เท่านั้นโดยมีธูปคอยช่วยด้วยตามคำขอของเทียน"รีบกินเข้านะลุงวันนี้ผมอยู่นานไม่ได้นะเพราะที่ร้านคนเยอะ" ปูนปั้นพูดพร้อมจัดอาหารมาวางให้เทียน"อยู่ได้นานแค่ไหนอ่ะ" เทียนถาม"ครึ่งชั่วโมง" ปูนปั้นตอบ เทียนหันขวับไปมองเขาด้วยความไม่พอใจ"อะไรอ่า~ ปกติก็อยู่ได้ตั้ง 2 ชั่วโมงไม่ใช่เหรอ" เทียนพูด เขาอยากให้ปูนปั้นอยู่คุยเล่นเป็นเพื่อนเขาเหมือนทุกวันเพราะถึงแม้มันจะเป็นเวลาแค่ 2 ชั่วโมงแต่ก็เป็น 2 ชั่วโมงที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดของวันเลย"ก็ที่ร้านมันยุ่งจะให้ผมทิ้งร้านได้ไงเล่า ตอนนี้พนักงานก็ยิ่งมีน้อย ๆ อยู่" ปูนปั้นตอบ"ก็เปิดรับสมัครสิ" เทียนพูด"เปิดไปแล้วแต่ยังไม่มีใครมาสมัครเลย" ปูนปั้นตอบ"เลือกเยอะเองหรือเปล่า" เทียนพูด"มันก็ต้องคัดคุณสมบัติกันหน่อยป่ะ" ปูนปั้นตอบ"แล้วถ้าเป็นล่ะครับ" จู่ ๆ ก็มีเสียงชายคนนึงดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ห้องที
ปูนปั้นรู้สึกตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ เทียนก็เรียกแทนตัวเขาว่าคุณซึ่งปกติเทียนจะเรียกเขาว่านายไม่ก็ปูนปั้นตลอดพอถูกคนแบบเทียนเรียกว่าคุณ ปูนปั้นก็รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาเลย "พอได้แล้วมั้งลุง" ปูนปั้นพูดเพราะกลัวคนอื่นจะเข้ามาเห็น"ขออยู่แบบนี้อีกหน่อยนะ" เทียนตอบแล้วกระชับกอดให้แน่นขึ้น"คุณว่า---""เลิกเรียกผมว่าคุณเถอะหน่า กลับไปเรียกเหมือนเดิมนั่นแหละลุงทำแบบนี้ผมไม่ชินเลยนะ" ปูนปั้นพูด"ทำไมอ่ะ เรียกว่าคุณก็ดูให้เกียรติดีนะ" เทียนเงยหน้าขึ้นมามองปูนปั้น"ฟังดูเหมือนเมียท่านผู้นำดี" เทียนพูดแล้วยิ้มออกมาเหมือนต้องการหยอกล้อปูนปั้นเล่น"ลุง! ปล่อยเลย" ปูนปั้นตกใจรีบแกะแขนเทียนออกทันที "เบา ๆ สิเจ็บ" เทียนทำหน้างอแงเมื่อเห็นว่าปูนปั้นไม่ยอมให้เขากอดแล้ว"เรื่องของลุงสิ เอ้า~กินเองเลย" ปูนปั้นพูดแล้วดันจานอาหารไปให้เทียนดี ๆ"ไม่ป้อนแล้วเหรอ" เทียนถาม"ไม่" ปูนปั้นตอบแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงเทียน"กินสิ!" ปูนปั้นทำทีเป้นดุแก้เขินเพราะเทียนเแาแต่มองเขาแล้วยิ้มอยู่แบบนั้นจนน่าหมั่
"ผมไปด้วยได้ไหมครับ" ปูนปั้นถามอีกครั้งเพราะเห็นสีหน้าของหมิงดูลำบากใจแปลก ๆ"เอ่อ~ คือพี่ก็ไม่ได้ไม่อยากให้น้องปูนปั้นไปนะแต่ว่าการจะเข้าใกล้ไอ้เทียนได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ขนาดพี่เนี่ยสนิทกับครอบครัวไอ้เทียนพี่ก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าไปแล้วจะได้เข้าเยี่ยมมันหรือเปล่า" หมิงตอบ"ผมอยากไปขอบคุณเขาเรื่องวันนั้นนะครับ เขาช่วยผมไว้เยอะเลยแต่ผมยังไม่ได้มีโอกาสขอบคุณเขาสักที" ปูนปั้นพูดแล้วทำหน้าเศร้าทันที หมิงเองก็อยากให้เขาไปเพราะรู้ว่าเพื่อนต้องดีใจมากแน่ ๆ แต่ถ้าเขาพาปูนปั้นไปหาเทียนแล้วเจอคนอื่นในครอบครัวของเทียนล่ะเขาจะอธิบายยังไงดีเพราะถ้าทุกคนรู้ว่าเทียนชอบปูนปั้น ชีวิตนี้ของปูนปั้นคงไม่มีทางสงบสุขอีกเป็นแน่ หมิงยืนคิดไตร่ตรองอยู่สักพักแล้วหันไปมองหน้าปูนปั้น"พี่พาไปก็ได้แต่ว่าน้องปูนปั้นต้องเชื่อฟังพี่ทุกอย่างนะไม่ว่าจะเจออะไรหรือเห็นอะไรก็ห้ามสงสัยอะไรเด็ดขาด เข้าใจไหม" หมิงพูดดักไว้ก่อนเพราะกลัวว่าถ้าปูนปั้นไปเจอคนของบ้านสิริยากรแล้วจะเกิดอาการสงสัยจนเผลอทำอะไรที่คนเหล่านั้นไม่ชอบ"ครับ" ปูนปั้นตอบ จริง ๆ แล้วปูนปั้นอยากไปเจอเทียนเพราะเขาอยากโขอโทษ
"ตอนนี้คนไข้มีอาการยังไงบ้างครับ" หลังจากที่เทียนฟื้นขึ้นมาหมอก็รีบเข้ามาดูอาการของเขาทันที"ปวดหัวครับแล้วก็เจ็บแผลมาก ๆ" "ครับ เท่าที่หมอตรวจดูทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ดีแล้วแต่เดี๋ยวหมอจะให้ยาแก้ปวดเพิ่มก็แล้วกันนะครับ" "ขอบคุณครับ" หลังจากหมอเดินออกไปธูปก็รีบเข้ามานั่งข้างเตียงเทียนด้วยความเร็ว"พี่เทียน" "ฮะ" "เจ็บไหมพี่" "ลองไหมล่ะ" เทียนแทบอยากจะเขกหัวน้องชายของเขาสักทีที่เจ้าตัวถามอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระสิ้นดี"แล้วคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ" เทียนมีท่าทีที่ดูนิ่งขึ้นทันที"พี่เทียน..." ธูปเห็นว่าเทียนเงียบไปจึงลองเรียกอีกครั้ง ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นมันยังคงวนเวียนหลอกหลอนอยู่ตลอด"แล้วแกรู้มาว่าไงบ้างล่ะ" เทียนถาม"ผมรู้มาแค่ว่าพี่ไปงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายของคุณไพบูลย์แล้วก็เกิดอุบัติรถพุ่งชนเข้าที่เสาไฟฟ้าแค่นั้นเลย" "ระหว่างทางกลับบ้านฉันโดนกลุ่มคนตามประกบและไล่ยิงมาตลอด จำได้ว่าพวกมันมากันเยอะมากไม่รู้ว่าเป็นคนของแก๊งค์ไหน ไอ้พายุมันยังอ่อนประสบการณ์ได้ยินเสียงปืนนิดหน่อย
"คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ" ดารินพยายามบอกให้สามีของเธอควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ "ไอ้เจสันมึงไปบ้านใหญ่รายงานเรื่องนี้กับคุณแม่และแม่เล็กแต่มึงต้องจำไว้นะว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดยกเว้นพวกคุณแม่เท่านั้น""ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกกับพวกคุณผู้หญิงเอง" เจสันตอบแล้วก็เดินออกไป"ส่วนมึงไอ้เวกัส มึงไปตามสืบมาว่าบอดี้การ์ดอีกสองคนที่หายไปในคืนนี้พวกมันหายไปได้ยังไง ถ้ามันยังไม่ตายก็เอาพวกมันกลับมาให้ได้" "ครับคุณหล่ง" หลังจากรับคำสั่งเวกัสก็รีบออกไปทำงานของเขาทันทีเช่นกัน"ผมจะไม่ยอมให้ตาเทียนเจ็บตัวฟรีแน่" หล่งพูดกับดารินด้วยสีหน้าโกรธแค้นสุดๆ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ตอนนนี้หน้าห้องพัก VIP ของโรงพยาบาลที่ถูกจองเอาไว้สามห้องติดกันล้วนมีบอดี้การ์ดรูปร่างบึกบึนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจำนวนหลายคนเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เจสันได้สั่งให้คนตรวจค้นห้องพักทั้งสามห้องให้เรียบร้อยและยืนเฝ้าไว้ตลอดห้ามให้ใครมาเข้ามาวางกำดักหรือทำอะไรไม่ดีก่อนที่คนเจ็บจะถูกย้ายมาและแน่นอนว่าทุกครั้งที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้ามาปูเตียงหรือนำของอะไรมาวางคนข
ปัง!"โอ๊ย" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงของเทียนร้องขึ้นมาเนื่องจากเขาถูกกระสุนยิงเข้าที่แขนข้างซ้ายขณะกำลังพยายามช่วยยิงสะกัดคนร้ายที่ต้องการจะเอาชีวิตของเทียนอยู่แต่อาการเจ็บที่แขนทำให้เขาไม่สามารถประคองรถต่อไปได้จนทำให้รถล้มลงอย่างแรง บอดี้การ์ดอีกคนก็เห็นแล้วแต่ไม่สามารถหยุดรถช่วยได้เพราะอันตรายเกินไปแถมเขาเองยังต้องปกป้องเทียนอีก"โอ๊ย! เอาไงดีว่ะ เอาไงดี...ฮือ" พายุเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านกระจกจนทำให้เขาสติแตกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่"พายุ ไอ้พายุใจเย็นๆ" เทียนตะโกนใส่พายุเสียงดังเนื่องจากเจ้าตัวลนไปหมดแล้ว"ผมกลัวอ่ะคุณเทียน...ฮือ...ทำไงดีอ่ะครับ" พายุเริ่มงอแงออกมาตามประสาเด็กที่ไม่เคยผ่านเรื่องอันตรายและความเสี่ยงมาก่อน"มึงไปขับ! อย่าเบาคันเร่ง" "แม่งเอ้ย!" เทียนรู้สึกหงุดหงิดที่พายุไม่ได้ดั่งใจ เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ข้างหลังแป๊ปนึงก่อนจะรีบก้มหัวลงมาเหมือนเดิมเพราะมีกระสุนพุ่งมาอย่างแรงจนกระจกด้านหลังแตกกระจายซึ่งมันกระเด็นโดนหน้าเขาด้วยจนเกิดแผล"เฮ้ย!" พายุตกใจสะดุ้งต้องเผลอปล่อยพวงมาลัย"ไอ้พายุ!"
"เอ่อ~ตาเทียน" เอกแสร้งยิ้มแล้วหันไปหาเทียน"ครับ" เทียตอบ"อามีเรื่องงานที่อยากจะปรึกษาหน่อยน่ะ ออกไปคุยกันข้างนอกสักแป๊ปได้ไหม" เอกพูด"ตอนนี้เหรอครับ" เทียนถาม"ใช่" เอกตอบ"แหม่~คุณเอกค่ะนี้มันเวลาไหนแล้วเรื่องงานก็พักบ้างเถอะค่ะ" หญิงป่านนภาพูด"ใช่ครับ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ผมไม่รีบหรอก" เทียนตอบเพราะเขาไม่อยากออกไปกับใครตามลำพังในช่วงเวลาที่ไม่ปลอดภัยแบบนี้แถมพายุก็ยังไม่กลับมา"พอดีพรุ่งนี้อากับอาเอกต้องไปธุระที่ต่างจังหวัดกันหลายวันก็เลยกลัวจะไม่มีเวลาน่ะจ๊ะ" เหมยหลินพูด"ครับ" เทียนจำใจต้องตอบตกลงไปก่อนเพราะกลัวคนอื่นจะสงสัยหาว่าสิริยากรมีปัญหาภายใน เทียนลุกขึ้นเดินตามเอกออกไปหาที่หลบมุมคุยกัน ผ่านไปไม่ถึงนาทีพายุก็เดินเข้ามาพร้อมกับมองหาเทียนไปทั่วแต่ก็ไม่เจอเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ บิ๊กเพื่อสอบถามแต่ด้วยท่าทางยุกยิกๆ เหมือนเด็กน้อยของเขามันทำเอาเหมยหลินรำคาญไม่น้อยจนต้องหันไปถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจ พายุรีบก้มหัวขอโทษเหมยหลินทันทีเธอจึงได้ยอมหันกลับไปแล้วไม่เอาเรื่อง"พี่บิ๊กๆ พี่เห็นคุณเทียนบ้างไหมอ่ะ"
"ทุกคนรออยู่แถวนี้นะถ้ามีอะไรให้รีบรายงานทันที" พายุออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดทุกคนรออยู่บริเวณหน้างานและที่รถเพื่อดูความเรียบร้อยและป้องกันผู้แระสงค์แอบทำอะไรกับรถของเทียนหลังจากนั้นเขาก็รีบเดินตามเทียนเข้าไปในงาน"โอ้โห~คุณครับ...แน่ใจนะครับว่านี้แค่งานเลี้ยงต้อนรับลูกชายคุณไพบูลย์เฉยๆ ทำไมจัดใหญ่โตแถมเชิญแขกมามากมายขนาดนี้" พายุแอบกระซิบถามเทียนเบาๆ ด้วยความสงสันเพราะสเกลงานมันใหญ่มากจริงๆ แถมบุคคลที่มาร่วมงานก็มีแต่ตัวท็อปของแต่ละวงการทั้งนั้น"คุณไพบูลย์เป็นคนใหญ่คนโต มีอำนาจทางด้านการเงินไม่น้อยใครๆ ก็อยากผูกมิตรทั้งนั้น" เทียนตอบ"แล้วแบบนี้พวกเราควรจะเข้าไปหาคุณไพบูลย์ก่อนเลยไหมครับ" พายุถาม"ไม่ต้องหรอก พวกเรามาเป็นมารยาทไม่ได้มาเพื่อผูกสัมพันธ์การค้ากับใครและฉันก็เชื่อว่าต่อให้เราไม่เข้าหาใครมันก็จะมีคนอยากเข้าหาเราอยู่ดี" เทียนตอบแล้วกำลังจะเดินออกจากห้องโถงไปหาโต๊ะนั่งแต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนมีเรียกเขาไว้ซะงั้น"คุณเทียนครับ" เสียงของผู้ชายคนนั้นทำให้เทียนหันไปกลับหาเขาทันทีด้วยความรู้สึกคุ้นหู"พี่บิ๊ก" พายุเรียกคนตรงหน้าด้ว
"พี่ขอโทษนะ" หมิงรู้สึกผิดมากๆ เพราะจริงๆ ปูนปั้นเองก็เพิ่งมาดูแลร้านอาหารนี้ได้ไม่เท่าไหร่ ปูนปั้นยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอีกเยอะเพราะทุกอย่างมันใหม่ไปหมดสำหรับปูนปั้น ทุกครั้งที่พนักงานกลับบ้านกันหมดแล้วหมิงก็จะเห็นมีแต่ปูนปั้นเนี่ยแหละที่ยังอยู่ที่ร้านนั่งหน้าเครียดตรวจดูทุกอย่างเองคนเดียวทั้งหมดก่อนถึงจะกลับบ้าน ถึงจะบอกว่าเขาควรทำแบบนั้นในฐานะเจ้าของกิจการแต่มันก็หนักเกินไปจริงๆ สำหรับเด็กวัยรุ่นอย่างเขาเพราะนอกจากปัญหาที่ร้านจะมากมายก็ยังมีปัญหาพนักงานอีก ตอนที่หมิงมาทำงานแรกๆ เขามักจะได้ยินพนักงานแอบนินทาปูนปั้นอยู่บ่อยๆ พนักงานหลายคนไม่อต็มใจทำงานกับปูนปั้นแต่ที่ยังทนอยู่ก็เพราะที่ร้านของปูนปั้นให้เงินเดือนพนักงานสูงกว่าที่อื่นดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องอยู่ต่อเพื่อปากท้องของตัวเองแต่การทำงานก็ไม่ได้คุณภาพตามที่สมควรจะเป็น หมิงรู้สึกเห็นใจปูนปั้นมาตลอดเพราะปูนปั้นดีกับเขามากดังนั้นเขาเลยตั้งใจช่วยงานที่ร้านอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบแทนที่ปูนปั้นเห็นใจรับเขาเข้ามาอยู่ที่ร้านแต่วันนี้เขากลับนำภัยมาให้ปูนปั้นซะงั้นและอีกเรื่องที่หมิงเป็นห่วงก็คือการที่ปูนปั้นต้องอยู่ท