ปูนปั้นรู้สึกตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ เทียนก็เรียกแทนตัวเขาว่าคุณซึ่งปกติเทียนจะเรียกเขาว่านายไม่ก็ปูนปั้นตลอดพอถูกคนแบบเทียนเรียกว่าคุณ ปูนปั้นก็รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาเลย
"พอได้แล้วมั้งลุง" ปูนปั้นพูดเพราะกลัวคนอื่นจะเข้ามาเห็น "ขออยู่แบบนี้อีกหน่อยนะ" เทียนตอบแล้วกระชับกอดให้แน่นขึ้น "คุณว่า---" "เลิกเรียกผมว่าคุณเถอะหน่า กลับไปเรียกเหมือนเดิมนั่นแหละลุงทำแบบนี้ผมไม่ชินเลยนะ" ปูนปั้นพูด "ทำไมอ่ะ เรียกว่าคุณก็ดูให้เกียรติดีนะ" เทียนเงยหน้าขึ้นมามองปูนปั้น "ฟังดูเหมือนเมียท่านผู้นำดี" เทียนพูดแล้วยิ้มออกมาเหมือนต้องการหยอกล้อปูนปั้นเล่น "ลุง! ปล่อยเลย" ปูนปั้นตกใจรีบแกะแขนเทียนออกทันที "เบา ๆ สิเจ็บ" เทียนทำหน้างอแงเมื่อเห็นว่าปูนปั้นไม่ยอมให้เขากอดแล้ว "เรื่องของลุงสิ เอ้า~กินเองเลย" ปูนปั้นพูดแล้วดันจานอาหารไปให้เทียนดี ๆ "ไม่ป้อนแล้วเหรอ" เทียนถาม "ไม่" ปูนปั้นตอบแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงเทียน "กินสิ!" ปูนปั้นทำทีเป้นดุแก้เขินเพราะเทียนเแาแต่มองเขาแล้วยิ้มอยู่แบบนั้นจนน่าหมั่นไส้ "มีอาการนะ" "อาการอะไร รีบกินไปเลย" เทียนเริ่มทานอาหารต่อแม้ว่ามันจะเย็นหมดแล้วแต่เขาก็ยังทานมันอย่างเอร็ดอร่อย "แล้วนี่ไอ้เสี่ยชัชมันยังมารังควานอยู่อีกไหม" "ฮะ? อ๋อ~ ไม่มี" ปูนปั้นตอบปัด ๆ ไปเพราะไม่อยากให้เทียนถามเรื่องนี้ต่อเนื่องจากเขาสัญญากับหมิงไว้แล้วว่าจะไม่เล่าใ้เทียนฟังเด็ดขาด "แน่นะ" เทียนเห็นสีหน้าของปูนปั้นด็เลิ่กลั่กแปลก ๆ จึงถามอีกครั้งเพื่อความชัวร์ "แน่ใจ เขาแค่เห็นว่าร้านผมไปได้ดีก็เลยอิจฉาน่ะคงกลัวผมแย่งลูกค้าเขาไปหมดมั้ง" ปูนปั้นตอบ "แต่เสี่ยชัชมันไม่ได้ทำธุรกิจอาหารหนิแล้วจะแย่งลูกค้ากันได้ไง" เทียนถาม ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าปูนปั้นกำลังโกหกเขาอยู่ "ผมไม่รู้ เขาให้เหตุผลมาแบบนี้ผมก็พูดแบบนี้ไง" ปูนปั้นตอบ "ฉันไม่ชอบคนโกหก" เทียนพูดขึ้นมาลอย ๆ ระหว่างที่เขากำลังหั่นเนื้อสเต็กอยู่ ปูนปั้นรู้สึกจึกอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา "อย่าถามผมเลย" ปูนปั้นไม่สามารถพูดออกไปได้จริง ๆ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา "โอเค~ ถ้าลำบากใจก็ไม่ต้องตอบ" เทียนสังเกตเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ของปูนปั้นจึงเลือกที่จะไม่ซักไซ้เอาความอะไรกับเขาอีก "พรุ่งนี้คุณมาอีกได้ไหม" เทียนถาม "ที่ร้านค่อนข้างยุ่งมากผมคงมาไม่ได้" ปูนปั้นตอบ "มาได้ไหม" แววตาที่ของเทียนมันช่างทำให้ปูนปั้นรู้สึกสับสนยิ่งนัก เขาไม่อยากยอมรับว่ารู้สึกดีกับเทียนเพราะเพิ่งจะรู้จักกัรได้ไม่นานแถมเขายังไม่รู้จักเทียนดีเลยก็เลยไม่อยากให้ใจกับเขาเร็วเกินไป "ฉันอยากเจอนายนะ" เทียนพูด ปูนปั้นหลบสายตาเทียนแล้วแสร้งทำเป็นยกแขนขึ้นมาดูเวลา "ผมต้องกลับก่อนที่พ่อกับแม่ลุงจะมาใช่ไหม งั้นเดี๋ยว--" "ปูนปั้น" เทียนเรียกชื่อเขาเพราะเห็นเขากำลังจะหาทางหนีไป ปูนปั้นหยุดนิ่งแล้วค่อย ๆ หันกลับมาหาเทียน "จะหนีทำไมอ่ะ...นายชอบหรือไม่ชอบก็พูดมาตรง ๆ เลย" เทียนถาม ปูนปั้นถอนหายใจออกมา "มันเร็วไปอ่ะลุง เราเพิ่งจะรู้จักกันกี่วันเอง ผมยังไม่รู้เลยว่าลุงเป็นคนยังไงครอบครัวลุงทำอะไรบ้าง พวกเขาจะโอเคกับผมหรือเปล่าแล้วไหนจะช่องว่างระหว่างวัยของเราสองคนอีก ตอนนี้ผมเองก็สับสนนะไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่มันเป็นเพราะแค่รู้สึกดีหรือชอบกันแน่" ปูนปั้นตอบ "แล้วต้องคิดเยอะอะไรขนาดนั้นอ่ะยังไม่ได้ขอแต่งงานซะหน่อย ก็ชอบอ่ะเลยจีบแล้วเรื่องที่นายสงสัยอ่ะมันก็ไม่ใช่ว่าหาคำตอบไม่ได้ซะหน่อย อยากรู้ว่าฉันเป็นคนยังไงก็เปิดใจดิ อยากรู้ว่าบ้านฉันทำอะไรก็ถามได้หนิแล้วไอ้ช่องว่างระหว่างวัยที่นายพูดอ่ะก็มาศึกษาไปพร้อมกันไง มันจะไปยากตรงไหน" เทียนพูด "ลุงไม่ใช่ผมลุงก็พูดได้ดิ ผมไม่อยากผิดหวังกับอะไรแบบนี้อีกแล้วนะลุง พ่อแม่ผมก็ตายไปแล้วชีวิตผมตอนนี้นอกจากร้านก็เหลือแค่พี่สาวคนเดียวผมแบกรับความเจ็บปวดอีกไม่ไหวหรอก" "ก็มีฉันอยู่แล้วนายจะกลัวอะไร...พ่อแม่ฉันเขาจะฆ่านายตายหรือไง" เทียนถามอย่างหงุดหงิดเพราะไม่เข้าใจว่าปูนปั้นต้องการจะสื่ออะไรกันแน่แถมเหตุผลของเขามันก็ไม่ได้มากพอที่จะทำให้เทียนเข้าใจเขาได้เลย "นายกลัวว่าฉันจะหลอกนายใช่ไหม" ปูนปั้นนิ่งไปทันทีจนเทียนต้องถอนหายใจออกมา "ทำไมถึงคิดแบบนั้นอ่ะ" เทียนถาม "ผมแค่ไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้ลุงมาชอบคนอย่างสองผมได้ เราเจอกันครั้งแรกก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่พอเจอกันครั้งที่ลุงก็จีบผมแล้ว ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเจตนาของลุงคืออะไร" ปูนปั้นตอบ "ก็ชอบไง อยากได้เป็นเมียอ่ะเข้าใจยัง" ปูนปั้นตกใจยกมือขึ้นมาตีที่หน้าขาของเทียนทันที เพี๊ยะ! "โอ๊ย~" "ลุง! พูดบ้าอะไรเนี่ย" ปูนปั้นดุเทียนแต่เทียนกลับรู้สึกชอบใจซะงั้น "มันเจ็บนะ" เทียนตอบแล้วยกมือขึ้นไปลูบขาตัวเองเบา ๆ "ชอบพูดจาแบบนี้ตลอดเลย" ปูนปั้นทำหน้าไม่พอใจใส่เขา "เอ้า! พูดอ้อม ๆ ก็ไม่เชื่อหาว่าไม่จริงใจพอพูดตรง ๆ ก็ไม่ชอบอีกจะเอายังไงกันแน่เนี่ย" เทียนถาม "ก็พูดคำอื่นก็ได้หนิ" ปูนปั้นแสดงออกเหมือนคนหงุดหงิดแต่จริง ๆ แล้วเขารู้สึกเขินไม่น้อยทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดเมื่อครู่หายไปทันที "ลุง~" "ฮะ?" "เรื่องเงินซ่อมร้านที่ลุงจ่ายไปอ่ะผมขอทยอยคืนให้ได้ไหม" "ฉันไม่ได้อยากได้คืน" "ไม่ได้~ แต่ตอนนี้ผมจ่ายให้ลุงเป็นก้อนไม่ไหวหรอกเพราะที่ร้านยังต้องใช้หมุนอยู่ตลอด ผมขอผ่อนจ่ายนะ" "งั้นฉันขอเปลี่ยนจากคืนเงินเป็นอย่างอื่นแทนได้ป่ะ" ปูนปั้นทำหน้าสงสัยเพราะเขาเดาความคิดของเทียนไม่ออกเลย "หลังจากนนี้หนึ่งเดือนให้นายเอาอาอาหารที่ร้านมาส่งให้ฉันทุกวัน เมนูอะไรก็ได้แต่ต้องมีสเต็กแบบนี้ทุกครั้ง" เทียนตอบแล้วชี้ไปที่สเต็กที่วางอยู่ตรงหน้าเขา "ลุงสั่งเสต็กสักวันละ 10 ที่มันก็ยังไม่เท่ากับเงินที่ผมติดลุงหรอก" "ได้หรือเปล่าล่ะ" ปูนปั้นใช้เวลาคิดอยู่แป๊ปนึงแล้วพยักหน้าตอบ "ได้" เทียนยิ้มออกมาทันทีสายตาของเขาดูเจ้าเล่ห์สุด ๆ จนปูนปั้นเริ่มหวั่นใจแล้วว่าตัวเองคิดถูกไหม ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ "พี่ไปทำงานอยู่ที่ร้านนั้นได้ไงอ่ะพี่" ธูปถามหมิงด้วยความสงสัยเพราะที่ผ่านมาเขาไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรของหมิงเลยก็เลยงงว่าคนเก่ง ๆ อย่างหมิงทำไมถึงลาออกจากบริษัทใหญ่โตแบบนั้นเพื่อไปเป็นลูกจ้างในร้านอาหาร "พอดีออกจากที่เก่าก็เลยมาหางานใหม่ทำเฉย ๆ" หมิงตอบ เขายังไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังกลัวว่าธูปจะสงสารแล้วยื่นมือมาช่วยเขาแบบที่เทียนทำ "อยู่บริษัทใหญ่โตเงินเดือนครึ่งแสนไม่เอาแต่กลับออกมาทำงานที่ร้านอาหารเงินเดือนไม่ถึงสองหมื่นเนี่ยนะ" ธูปพูด "งานบริษัทปัญหาเยอะจะตายไหนจะลำดับขั้นที่ทำให้ต้องปวดหัวอีกแต่ที่ร้าน Happy Time ไม่เหมือนกันทุกคนอยู่กับแบบครอบครัว ช่วยเหลือกันตลอดแถมเจ้าของร้านก็ใจดีอีกต่างหาก" หมิงตอบ "แหนะ! อย่าบอกนะว่าพี่กับคนเมื่อกี้กำลัง..." ธูปพูดแล้วเอานิ้วมาถูกัน แววตาและรอยยิ้มแซว ๆ ของธูปทำเอาหมิงรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาทันที "ไม่ใช่เว้ย!" หมิงตอบ "ไม่ใช่แล้วร้อนตัวทำไมอ่ะ" ธูปถาม "ไม่ได้ร้อนตัว อย่าเอาไปพูดให้ใครฟังนะเดี๋ยวเขาจะเข้าใจพี่กับปูนปั้นผิด" หมิงเอ่ยเตือนเพราะรู้ดีว่าธูปเป็นพวกเก็บความลับไม่เก่งยิ่งว่าเมานะมีอะไรก็พูดออกมาหมด "อ่ะ ๆ ๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่" ธูปพูดแล้วหันกลับไปทานอาหารต่อ "อาหารที่ร้านพี่นี่มันอร่อยจริง ๆ นะเนี่ย" ธูปพูด "มันต้องอร่อยอยู่แล้วก็ทั้งหมดเนี่ยกุ๊กไก่ทำเองเลยนะ" หมิงตอบ พอดีปูนปั้นคีย์ออร์เดอร์เข้าไปในครัวพร้อมกับวิ่งไปกำชับอีกทีว่าขอเร็วที่สุดกุ๊กไก่ก็เลยบอกว่าจะทำเองเลยให้พนักงานครัวคนอื่น ๆ ทำออร์เดอร์ลูกค้าแทนส่วนเขาก็มาทำออร์เดอร์ของปูนปั้นเพราะคล่องแคล่วที่สุดแล้ว "กุ๊กไก่ ใครว่ะพี่" ธูปถาม "อ่อโทษทีลืมไปว่านายน่าจะไม่รู้จัก กุ๊กไก่เป็นเชฟของที่ร้านน่ะทำงานอยู่ที่ร้านมาเป็นสิบปีแล้วทำเป็นทั้งของคาวของหวานอาหารไทยอาหารยุโรป ฝีมือนี่ขึ้นเทพสุด ๆ ยิ่งเวลาลูกค้าเยอะ ๆ นะมือของเขานี่ไวจนพี่ยังตกใจเลยว่าทำทันได้ยังไง" หมิงตอบ เขาชื่นชมฝีมือแชะความสามารถของกุ๊กไก่มาโดยตลอดเพราะเวลาได้เข้าไปช่วยงานในครัวทีไรเขาก็มักจะรู้สึกทึ่งทุกครั้งที่เห็นกุ๊กไก่ทำอาหารพร้อมกับควบคุมการทำงานในครัวได้เป็นอย่างเดียว เพราะเอาจริง ๆ ตอนนี้ที่ร้านมีเชฟแค่คนเดียวนะเพราะคนอื่นที่อยู่ในครัวยังเป็นแค่ผู้ช่วยอยู่เลย "ขนาดนั้นเลยเหรอ" ธูปรู้สึกสงสัยแล้วว่าคนเรามันจะเก่งได้แบบที่หมิงพูดจริง ๆ เหรอแล้วยิ่งบอกว่าอยู่กับแบบครอบครัวเขาก็ยิ่งไม่เชื่อเพราะที่บ้านเขาก็มีคนเยอะแยะแต่ลูกน้องกับเจ้านายมันจะเป็นครอบครัวเดียวกันได้ยังไง "จริงสิ" หมิงตอบ ก๊อกๆๆ "ขออนุญาตครับ" บอดี้การ์ดเปิดประตูเข้ามาหาทั้งสองคนที่กำลังคุยกันอยู่ "มีอะไร" ธูปถาม "คนที่มากับคุณหมิงเขาฝากมาบอกว่าจะออกไปรอที่ล็อบบี้โรงพยาบาลนะครับ" บอดี้การ์ดตอบ "ขอบคุณครับ" หมิงตอบจากนั้นบอดี้การ์ดก็ออกไปพร้อมกับปิดประตู "พี่ไปก่อนนะไว้วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่" หมิงพูด "ครับ ขอบคุณมากนะพี่" ธูปตอบ "ไปก่อนนะพายุ" หมิงหันไปพูดกับพายุ "ครับ" พายุตอบแล้วจากนั้นหมิงก็เดินออกจากห้องไป "อยู่กันแบบครอบครัวเหรอ..." ธูปพูดออกมาเบา ๆ จนพายุได้ยินไม่ชัดว่าเขาคุยกับตัวเองหรือเปล่า "คุณธูปว่าอะไรนะครับ" พายุถาม ธูปเงยหน้าขึ้นไปมองพายุแล้วถอนหายใจออกมา "นอนไปเลย" ธูปตอบแล้วเก็บอาหารทั้งหมดขึ้นมาจากนั้นก็กลับไปที่ห้องของเทียน หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพ่อกับแม่ของเทียนก็กลับมาถึงที่โรงพยาบาลพอดีตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่เทียนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปูนปั้นก็คอยเอาข้าวเอาน้ำมาส่งให้เขาตลอดทุกวันตามที่รับปากไว้แต่เขาจะมาเฉพาะช่วงที่ครอบครัวของเทียนไม่อยู่เท่านั้นโดยมีธูปคอยช่วยด้วยตามคำขอของเทียน"รีบกินเข้านะลุงวันนี้ผมอยู่นานไม่ได้นะเพราะที่ร้านคนเยอะ" ปูนปั้นพูดพร้อมจัดอาหารมาวางให้เทียน"อยู่ได้นานแค่ไหนอ่ะ" เทียนถาม"ครึ่งชั่วโมง" ปูนปั้นตอบ เทียนหันขวับไปมองเขาด้วยความไม่พอใจ"อะไรอ่า~ ปกติก็อยู่ได้ตั้ง 2 ชั่วโมงไม่ใช่เหรอ" เทียนพูด เขาอยากให้ปูนปั้นอยู่คุยเล่นเป็นเพื่อนเขาเหมือนทุกวันเพราะถึงแม้มันจะเป็นเวลาแค่ 2 ชั่วโมงแต่ก็เป็น 2 ชั่วโมงที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดของวันเลย"ก็ที่ร้านมันยุ่งจะให้ผมทิ้งร้านได้ไงเล่า ตอนนี้พนักงานก็ยิ่งมีน้อย ๆ อยู่" ปูนปั้นตอบ"ก็เปิดรับสมัครสิ" เทียนพูด"เปิดไปแล้วแต่ยังไม่มีใครมาสมัครเลย" ปูนปั้นตอบ"เลือกเยอะเองหรือเปล่า" เทียนพูด"มันก็ต้องคัดคุณสมบัติกันหน่อยป่ะ" ปูนปั้นตอบ"แล้วถ้าเป็นล่ะครับ" จู่ ๆ ก็มีเสียงชายคนนึงดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ห้องที
แนะนำตัวละคร ตระกูลสิริยากร เป็นครอบครัวนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน ลูกหลานทุกคนในตระกูลล้วนเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงแตกต่างกันไป ธุรกิจของตระกูลสิริยากรนั้นมีมากมาก อาทิ ธุรกิจโรงสี ธุรกิจนำเข้าและส่งออก อสังหาริมทรัพย์ ห้างค้าและโรงแรม แต่สิ่งที่ทำให้ครอบครัวนี้เป็นที่น่าเกรงขามก็คือเขาเป็นครอบครัวมาเฟียมากอิทธิพลที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครแต่ถ้าใครมีปัญหากับพวกเขาก็มักจะจบไม่สวยเลยสักคน ถ้าไม่ล้มละลายก็อาจจะหายไปเฉยๆ แบบไม่ทราบสาเหตุเลยก็ได้และถึงแม้ว่าทุกคนที่หายไปจะเคยมีปัญหากับครอบครัวของพวกเขามาก่อนแต่ตำรวจเองก็ยังไม่กล้าแตะต้องพวกเขาเลย 1.ซ่ง ชื่อจริง วัฒนา สิริยากร เป็นทายาทรุ่นที่ 6 ของตระกูลและเป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน 2.คุณหญิงหยาดทิพย์ ชื่อจริง หยาดพิรุณ สิริยากร เป็นภรรยาเอกของคุณซ่ง คุณปู่ของคุณหญิงหยาดทิพย์สืบเชื้อสายหม่อมเลยทำให้คุณหญิงหยาดทิพย์มีนิสัยเรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้แม้ปัจจุบันจะเป็นถึงภรรยาเอกของทายาทตระกูลมาเฟียก็ตาม คุณหญิงหยาดทิพย์เป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบมากๆ เธอดูแลงานในบ้านทุกอย่างได้เป็นอย่างดีจนคุณซ่งไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องในบ
"สวัสดีครับคุณเทียน" เวกัสเอ่ยทักทายลูกชายคนโตของเจ้านายทันทีที่เขาเดินมาถึงพร้อมกับเข้าไปช่วยยกกระเป๋าเดินทางของเทียนขึ้นรถให้ด้วยวันนี้เป็นวันแรกที่เทียนกลับประเทศไทยหลังจากที่เขาไปเที่ยวญี่ปุ่นมาถึง 3 เดือนเต็มๆ แต่การกลับมาครั้งนี้ดูเหมือนเทียนจะไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่นักเพราะหลายวันมานี้เขาติดต่อหมิงไม่ได้เลยจึงทำให้ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เทียนเดินไปเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากพยายามโทรหาหมิงเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่ลงเครื่องมาแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะโทรติดเลย"คุณเทียนจะกลับบ้านเลยไหมครับ" เวกัสถาม"ไม่อ่ะ คุณช่วยพาผมไปส่งที่คอนโด xx หน่อยนะ" เทียนตอบ"ไปหาคุณหมิงเหรอครับ" เวกัสถาม"ใช่" เทียนตอบ"ได้ครับ" เวกัสพูดแล้วเปิดประตูให้เทียนขึ้นไปนั่งบนรถก่อนที่ตัวเขาเองจะตามขึ้นไปแล้วรีบขับออกไปทันที"ช่วงที่ผมไม่อยู่หมิงเขาไปหาผมที่บ้านบ้างหรือเปล่า" เทียนถาม"ไม่นะครับ" เวกัสตอบ พอรู้ว่าอยู่ดีๆ เพื่อนก็หายไปอย่างไร้เหตุผลเขาก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงมากว่าเดิมเพราะว่าก่อนหน้าที่เขาจะบินไปญี่ปุ่นครั้งนี้เขาได้นัดรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนสนิทเพื่อมากินเลี้ยงสังสรรกันด้วยก่อนเนื่องจากครั้งนี้เข
"มีอะไรครับพี่ฝน" ปูนปั้นถาม"พอดีมีลูกค้ามาหลอกทานฟรีอีกแล้วค่ะ" น้ำฝนตอบ"อีกแล้วเหรอครับ...แล้วครั้งนี้ยอดกี่พันล่ะครับ" ปูนปั้นถาม"เห็นพี่เมย์บอกว่าเกือบสามหมื่นเลยค่ะ" น้ำฝนตก"ฮะ!" ปูนปั้นร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที"แล้วเขาไปหรือยังครับ...ได้ขอบัตรประชาชนไว้ไหม...รู้หรือเปล่าว่าเขาชื่ออะไร...มีใครโทรแจ้งตำรวจแล้วหรือยัง...ก่อนหน้านี้ทุกคนทำอะไรกันอยู่ครับทำไมไม่เห็นมีใครมาบอกผมเลยล่ะครับ" ปูนปั้นรัวคำถามออกไปด้วยความตื่นตกใจโดยที่ไม่เว้นช่องไฟให้น้ำฝนได้ตอบเลย"คือเราพยายามขอบัตรประชาชนจากเขาแล้วนะคะแต่ว่าเขาบอกว่ามันอยู่บนรถไม่ได้พกลงมาด้วย อ่อ! แต่เหมือนเขาจะบอกว่าชื่อ เทียน..." ทันทีที่ได้ยินชื่อเทียนหมิงก็หยุดนิ่งทันทีแล้วหันมามองน้ำฝนด้วยความสนใจ"เทียน...อะไรนะ เทียน~" น้ำฝนพยายามจะพูดออกมาแต่ก็พูดไม่ได้ มันเหมือนติดอยู่ที่ปากแต่พูดออกมาไม่ถูกเฉยๆ ตอนนี้ทั้งปูนปั้นและหมิงก็ต่างยืนลุ้นว่าเธอจะพูดว่าอะไรออกมา"อ่อ เทียน เมธัส สักอย่างเนี่ยแหละค่ะ" น้ำฝนพูดจบหมิงก็ถอดถุงมือสำหรับล้างจานออกแล้วรีบเดินผ่านทั้งสองคนออกจากห้องครัวไปเลย ปูนปั้นเห็นหมิงรีบผิ
ทันทีที่เทียนก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ก็มีบอดี้การ์ดวัยรุ่นคนนึงรีบเดินตรงมาหาเขา "คุณท่านรออยู่ข้างบนครับคุณเทียน" พายุพูด"ทำไมคุณปู่ถึงเรียกให้ฉันมาหาตอนนี้ล่ะ" เทียนถาม"พอดีคุณท่านกำลังจะบินไปฮ่องกงคืนนี้ครับเลยอยากจะพบคุณเทียนก่อน" พายุตอบ"บินตอนเนี่ยนะ" เทียนถาม"อีก 2 ชั่วโมงครับ" พายุตอบ"บอกฉันมาสิว่านี่มันเรื่องอะไรกัน" เทียนถามออกไปด้วยความสงสัยเพราะบรรยากาศในบ้านตอนนี้มันดูตึงผิดปกติ"สายของเรารายงานด่วนเข้ามาครับว่าพบตัวการที่แอบลักลอบขโมยข้อมูลคอนเนคชั่นของเราแล้ว" พายุตอบ"ก็แค่หนอนบ่อนไส้ตัวเดียวคุณปู่ต้องไปจัดการด้วยตัวเองเลยหรอ" เทียนถาม"เหมือนว่า...จะไม่ได้เป็นแค่หนอนบ่อนไส้ธรรมดานะครับ" พายุตอบออกมาอย่างไม่เต็มเสียง เทียนมองไปที่พายุด้วยความสับสนแต่ก็ไม่กล้าถามออกไปเพราะสีหน้าของพายุดูลำบากใจที่จะตอบคำถามเขาพอสมควร"คุณเทียนครับ" จู่ๆ ก็ก็มีเสียงทุ้มต่ำของชายคนนึงเอ่ยเรียกเทียนจากบนบันได พอเขาเงยหน้าขึ้นไปพบกับวิสุทธิ์ชายวัย 50 ปีที่มีหน้าที่ดูแลข้างกายของคุณซ่ง"คุณท่านรออยู่รีบขึ้นไปเถอะครับ" วิสุทธิ์พูด"รู้แล้ว" เทียนตอบแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปพบคุณซ่งปู่ของเขาทัน
ปูนปั้นเดินเข้ามาในบ้านแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง วันนี้เป็นอีกวันที่ร้านของเขาวุ่นวายมากไม่มีเวลาปลีกตัวออกมาดูหน้าร้านเลย จริงๆ ปูนปั้นไม่ได้มีหน้าที่ทำครัวหรอกแต่เพราะหลายวันมานี้ที่ร้านโดนคอมเพลนมาเยอะเรื่องอาหารออกช้าและไม่ได้คุณภาพ เขาเลยต้องเขาไปตรวจสอบและช่วยหยิบจับอะไรนิดหน่อยเพื่อให้อาหารออกเสิร์ฟได้ตลอดจะให้เขาโทษพนักงานครัวที่ทำช้าก็ไม่ได้เพราะพนักงานชุดนี้นอกจทกเชฟกุ๊กไก่แล้วก็ล้วนแต่เป็นพนักงานใหม่ทั้งหมด เลยอาจจะทำให้พวกเขายังไม่คุ้นชินกับเมนูและอุปกรณ์ของที่นี่อยู่บ้าง"แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ คงต้องวางแผนใหม่แล้ว" ปูนปั้นพูดแล้วหลับตาลงช้าๆ เขารู้สึกเหนื่อยและท้อมากๆ ที่ต้องมารับผิดชอบควบคุมดูแลร้านนี้ในวัยเพียง 23 ปีแถมยังไม่มีคนมาคอยให้คำปรึกษาเขาอีกทำให้เขาต้องลงมือทำจริงพร้อมกับเรียนรู้ทุกอย่างไปพร้อมกัน พอมันเกิดข้อผิดพลาดเขาก็แทบจะแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไม่ได้เลย ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~4 เดือนก่อน"สรุปแล้วพี่สาวผมเป็นอะไรครับหมอ" ปูนปั้นถามออกไปด้วยความตื่นตระหนก"ทางเราพบว่ามีความผิดปกติจริงๆ คนไข้มีอาการเจ็บแน่นที่หน้าอก รู้สึกเหนื่อยง่ายอ่อนเพลีย ปวดร้าวบ
ตอนนี้ภายในห้องรับรองบ้านใหญ่พวกบรรดาลูกหลานก็ต่างพากันมารวมตัวด้วยกันเต็มไปหมด มีทั้งคนร้องไห้ คนโวยวายเสียงดังเอ็ดตะโรไปหมดจนกระทั่งครอบครัวของเทียนเดินเข้ามา ทุกคนก็เงียบและหันมาสนใจพวกเขาทั้งที"พี่หล่ง นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะพี่" เอกรีบเดินเข้าถามด้วยความสงสัย"นั่นสิพี่ มีคนบอกว่าพ่อตายแล้วมันไม่จริงใช่ไหมพี่" มุกดาเข้ามาเขย่าตัวพี่ชายอย่างคนขาดสติจนเจสันต้องเข้ามาช่วยประคองมุกดาให้ถอยออก"ปล่อยนะ! ฉันคุยกับพี่ชายอยู่แกไม่เห็นหรือไง" มุกดาหันไปตวาดเจสันแล้วพลักเขาออกทันที"พี่หล่ง...ฮือ...พ่อยังไม่ตายใช่ไหมพี่...อึก...บอกฉันสิว่าบอดี้การ์ดพวกนี้มันรับสารมาผิดอ่ะ...ฮื้อ...ฮือ...พี่หล่ง" มุกดาพยายามเต้นเอาคำตอบจากพี่ชายทั้งที่ในใจเธอก็รู้ดีว่าคนของบ้านใหญ่ไม่มีทางเผยแผ่ข่าวสารที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน"นพ" คุณหล่งหันไปหาน้องเขยที่นั่งปลอบใจลูกสาวอยู่แล้วเรียกเขาด้วยน้ำเสียงดุดัน"ครับ" นพลุกขึ้นแล้วตอบทันที"มาพาเมียแกไปนั่งทีไป" คุณหล่งพูด"ครับ" นพตอบแล้วรีบเข้ามาพยุงมุกดาไปนั่งพักอยู่ข้างๆ ลูกสาว จากนั้นครอบครองของคุณหล่งก็เดินไปนั่งประจำที่เพื่อรอผู้นำหญิงทั้งสองออกมาพูดคุยเรื่องนี
เทียนนั่งมองโรงศพของปู่เขาทุกวันตั้งแต่ที่ศพมาถึงประเทศไทยจนพรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้อยู่กับปู่เป็นวันสุดท้าย ยิ่งมองเรื่องราวความทรงจำในอดีตของเขากับปู่ก็ยิ่งผุดขึ้นมาในหัวเขา "ทำไมปู่ถึงทิ้งไปผมแบบนี้ล่ะครับ...ไหนปู่บอกว่าจะกลับมาฟังคำตอบจากผมไม่ใช่เหรอ" เทียนพูดออกมาทั้งน้ำตา ตอนนี้ทุกคนกลับไปพักหมดแล้วเหลือเพียงเขาคนเดียวที่ยังนั่งอยู่เป็นเพื่อนปู่ตรงนี้"พรุ่งนี้พวกเราก็ต้องแยกจากกันแล้ว ฮึก~งั้นผมขอตอบคำถามปู่ตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ...ฮือ...ผมทำไม่ได้ครับปู่...ฮึก...ฮือ...ผมทำไม่ได้ ผมแต่งงานกับผู้หญิงไม่ได้ครับ...ฮื้อ...ฮือ...ผมขอโทษ ผมทำให้ปู่ผิดหวังอีกแล้ว...ฮื้อ...ฮือ...ฮือ...ฮื้อ...ฮึก...ฮือ" เทียนนั่งร้องไห้จนตัวโยนด้วยความเสียใจ เขารู้สึกผิดมากที่ไม่สามารถทำตามความต้องการของปู่ได้แถมการที่ปู่จะจากไปเขายังได้ติดค้างคำตอบของปู่อีกเวกัสเดินเข้ามาดูเทียนที่นั่งร้องไห้ปานคนจะขาดใจ เขารู้ว่าเทียนกับคุณซ่งรักและสนิทกันมากแค่ไหนและก็รู้ว่าคงไม่มีคำปลอบโยนใดที่จะทำให้หัวใจของเทียนรู้สึกดีขึ้น เวกัสเดินเข้าไปแล้วย่อตัวนั่งลงข้างๆ เทียน เขาใช้มือทั้งสองข้างโอบไหล่ของเ
ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่เทียนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปูนปั้นก็คอยเอาข้าวเอาน้ำมาส่งให้เขาตลอดทุกวันตามที่รับปากไว้แต่เขาจะมาเฉพาะช่วงที่ครอบครัวของเทียนไม่อยู่เท่านั้นโดยมีธูปคอยช่วยด้วยตามคำขอของเทียน"รีบกินเข้านะลุงวันนี้ผมอยู่นานไม่ได้นะเพราะที่ร้านคนเยอะ" ปูนปั้นพูดพร้อมจัดอาหารมาวางให้เทียน"อยู่ได้นานแค่ไหนอ่ะ" เทียนถาม"ครึ่งชั่วโมง" ปูนปั้นตอบ เทียนหันขวับไปมองเขาด้วยความไม่พอใจ"อะไรอ่า~ ปกติก็อยู่ได้ตั้ง 2 ชั่วโมงไม่ใช่เหรอ" เทียนพูด เขาอยากให้ปูนปั้นอยู่คุยเล่นเป็นเพื่อนเขาเหมือนทุกวันเพราะถึงแม้มันจะเป็นเวลาแค่ 2 ชั่วโมงแต่ก็เป็น 2 ชั่วโมงที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดของวันเลย"ก็ที่ร้านมันยุ่งจะให้ผมทิ้งร้านได้ไงเล่า ตอนนี้พนักงานก็ยิ่งมีน้อย ๆ อยู่" ปูนปั้นตอบ"ก็เปิดรับสมัครสิ" เทียนพูด"เปิดไปแล้วแต่ยังไม่มีใครมาสมัครเลย" ปูนปั้นตอบ"เลือกเยอะเองหรือเปล่า" เทียนพูด"มันก็ต้องคัดคุณสมบัติกันหน่อยป่ะ" ปูนปั้นตอบ"แล้วถ้าเป็นล่ะครับ" จู่ ๆ ก็มีเสียงชายคนนึงดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ห้องที
ปูนปั้นรู้สึกตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ เทียนก็เรียกแทนตัวเขาว่าคุณซึ่งปกติเทียนจะเรียกเขาว่านายไม่ก็ปูนปั้นตลอดพอถูกคนแบบเทียนเรียกว่าคุณ ปูนปั้นก็รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาเลย "พอได้แล้วมั้งลุง" ปูนปั้นพูดเพราะกลัวคนอื่นจะเข้ามาเห็น"ขออยู่แบบนี้อีกหน่อยนะ" เทียนตอบแล้วกระชับกอดให้แน่นขึ้น"คุณว่า---""เลิกเรียกผมว่าคุณเถอะหน่า กลับไปเรียกเหมือนเดิมนั่นแหละลุงทำแบบนี้ผมไม่ชินเลยนะ" ปูนปั้นพูด"ทำไมอ่ะ เรียกว่าคุณก็ดูให้เกียรติดีนะ" เทียนเงยหน้าขึ้นมามองปูนปั้น"ฟังดูเหมือนเมียท่านผู้นำดี" เทียนพูดแล้วยิ้มออกมาเหมือนต้องการหยอกล้อปูนปั้นเล่น"ลุง! ปล่อยเลย" ปูนปั้นตกใจรีบแกะแขนเทียนออกทันที "เบา ๆ สิเจ็บ" เทียนทำหน้างอแงเมื่อเห็นว่าปูนปั้นไม่ยอมให้เขากอดแล้ว"เรื่องของลุงสิ เอ้า~กินเองเลย" ปูนปั้นพูดแล้วดันจานอาหารไปให้เทียนดี ๆ"ไม่ป้อนแล้วเหรอ" เทียนถาม"ไม่" ปูนปั้นตอบแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงเทียน"กินสิ!" ปูนปั้นทำทีเป้นดุแก้เขินเพราะเทียนเแาแต่มองเขาแล้วยิ้มอยู่แบบนั้นจนน่าหมั่
"ผมไปด้วยได้ไหมครับ" ปูนปั้นถามอีกครั้งเพราะเห็นสีหน้าของหมิงดูลำบากใจแปลก ๆ"เอ่อ~ คือพี่ก็ไม่ได้ไม่อยากให้น้องปูนปั้นไปนะแต่ว่าการจะเข้าใกล้ไอ้เทียนได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ขนาดพี่เนี่ยสนิทกับครอบครัวไอ้เทียนพี่ก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าไปแล้วจะได้เข้าเยี่ยมมันหรือเปล่า" หมิงตอบ"ผมอยากไปขอบคุณเขาเรื่องวันนั้นนะครับ เขาช่วยผมไว้เยอะเลยแต่ผมยังไม่ได้มีโอกาสขอบคุณเขาสักที" ปูนปั้นพูดแล้วทำหน้าเศร้าทันที หมิงเองก็อยากให้เขาไปเพราะรู้ว่าเพื่อนต้องดีใจมากแน่ ๆ แต่ถ้าเขาพาปูนปั้นไปหาเทียนแล้วเจอคนอื่นในครอบครัวของเทียนล่ะเขาจะอธิบายยังไงดีเพราะถ้าทุกคนรู้ว่าเทียนชอบปูนปั้น ชีวิตนี้ของปูนปั้นคงไม่มีทางสงบสุขอีกเป็นแน่ หมิงยืนคิดไตร่ตรองอยู่สักพักแล้วหันไปมองหน้าปูนปั้น"พี่พาไปก็ได้แต่ว่าน้องปูนปั้นต้องเชื่อฟังพี่ทุกอย่างนะไม่ว่าจะเจออะไรหรือเห็นอะไรก็ห้ามสงสัยอะไรเด็ดขาด เข้าใจไหม" หมิงพูดดักไว้ก่อนเพราะกลัวว่าถ้าปูนปั้นไปเจอคนของบ้านสิริยากรแล้วจะเกิดอาการสงสัยจนเผลอทำอะไรที่คนเหล่านั้นไม่ชอบ"ครับ" ปูนปั้นตอบ จริง ๆ แล้วปูนปั้นอยากไปเจอเทียนเพราะเขาอยากโขอโทษ
"ตอนนี้คนไข้มีอาการยังไงบ้างครับ" หลังจากที่เทียนฟื้นขึ้นมาหมอก็รีบเข้ามาดูอาการของเขาทันที"ปวดหัวครับแล้วก็เจ็บแผลมาก ๆ" "ครับ เท่าที่หมอตรวจดูทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ดีแล้วแต่เดี๋ยวหมอจะให้ยาแก้ปวดเพิ่มก็แล้วกันนะครับ" "ขอบคุณครับ" หลังจากหมอเดินออกไปธูปก็รีบเข้ามานั่งข้างเตียงเทียนด้วยความเร็ว"พี่เทียน" "ฮะ" "เจ็บไหมพี่" "ลองไหมล่ะ" เทียนแทบอยากจะเขกหัวน้องชายของเขาสักทีที่เจ้าตัวถามอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระสิ้นดี"แล้วคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ" เทียนมีท่าทีที่ดูนิ่งขึ้นทันที"พี่เทียน..." ธูปเห็นว่าเทียนเงียบไปจึงลองเรียกอีกครั้ง ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นมันยังคงวนเวียนหลอกหลอนอยู่ตลอด"แล้วแกรู้มาว่าไงบ้างล่ะ" เทียนถาม"ผมรู้มาแค่ว่าพี่ไปงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายของคุณไพบูลย์แล้วก็เกิดอุบัติรถพุ่งชนเข้าที่เสาไฟฟ้าแค่นั้นเลย" "ระหว่างทางกลับบ้านฉันโดนกลุ่มคนตามประกบและไล่ยิงมาตลอด จำได้ว่าพวกมันมากันเยอะมากไม่รู้ว่าเป็นคนของแก๊งค์ไหน ไอ้พายุมันยังอ่อนประสบการณ์ได้ยินเสียงปืนนิดหน่อย
"คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ" ดารินพยายามบอกให้สามีของเธอควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ "ไอ้เจสันมึงไปบ้านใหญ่รายงานเรื่องนี้กับคุณแม่และแม่เล็กแต่มึงต้องจำไว้นะว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดยกเว้นพวกคุณแม่เท่านั้น""ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกกับพวกคุณผู้หญิงเอง" เจสันตอบแล้วก็เดินออกไป"ส่วนมึงไอ้เวกัส มึงไปตามสืบมาว่าบอดี้การ์ดอีกสองคนที่หายไปในคืนนี้พวกมันหายไปได้ยังไง ถ้ามันยังไม่ตายก็เอาพวกมันกลับมาให้ได้" "ครับคุณหล่ง" หลังจากรับคำสั่งเวกัสก็รีบออกไปทำงานของเขาทันทีเช่นกัน"ผมจะไม่ยอมให้ตาเทียนเจ็บตัวฟรีแน่" หล่งพูดกับดารินด้วยสีหน้าโกรธแค้นสุดๆ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ตอนนนี้หน้าห้องพัก VIP ของโรงพยาบาลที่ถูกจองเอาไว้สามห้องติดกันล้วนมีบอดี้การ์ดรูปร่างบึกบึนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจำนวนหลายคนเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เจสันได้สั่งให้คนตรวจค้นห้องพักทั้งสามห้องให้เรียบร้อยและยืนเฝ้าไว้ตลอดห้ามให้ใครมาเข้ามาวางกำดักหรือทำอะไรไม่ดีก่อนที่คนเจ็บจะถูกย้ายมาและแน่นอนว่าทุกครั้งที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้ามาปูเตียงหรือนำของอะไรมาวางคนข
ปัง!"โอ๊ย" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงของเทียนร้องขึ้นมาเนื่องจากเขาถูกกระสุนยิงเข้าที่แขนข้างซ้ายขณะกำลังพยายามช่วยยิงสะกัดคนร้ายที่ต้องการจะเอาชีวิตของเทียนอยู่แต่อาการเจ็บที่แขนทำให้เขาไม่สามารถประคองรถต่อไปได้จนทำให้รถล้มลงอย่างแรง บอดี้การ์ดอีกคนก็เห็นแล้วแต่ไม่สามารถหยุดรถช่วยได้เพราะอันตรายเกินไปแถมเขาเองยังต้องปกป้องเทียนอีก"โอ๊ย! เอาไงดีว่ะ เอาไงดี...ฮือ" พายุเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านกระจกจนทำให้เขาสติแตกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่"พายุ ไอ้พายุใจเย็นๆ" เทียนตะโกนใส่พายุเสียงดังเนื่องจากเจ้าตัวลนไปหมดแล้ว"ผมกลัวอ่ะคุณเทียน...ฮือ...ทำไงดีอ่ะครับ" พายุเริ่มงอแงออกมาตามประสาเด็กที่ไม่เคยผ่านเรื่องอันตรายและความเสี่ยงมาก่อน"มึงไปขับ! อย่าเบาคันเร่ง" "แม่งเอ้ย!" เทียนรู้สึกหงุดหงิดที่พายุไม่ได้ดั่งใจ เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ข้างหลังแป๊ปนึงก่อนจะรีบก้มหัวลงมาเหมือนเดิมเพราะมีกระสุนพุ่งมาอย่างแรงจนกระจกด้านหลังแตกกระจายซึ่งมันกระเด็นโดนหน้าเขาด้วยจนเกิดแผล"เฮ้ย!" พายุตกใจสะดุ้งต้องเผลอปล่อยพวงมาลัย"ไอ้พายุ!"
"เอ่อ~ตาเทียน" เอกแสร้งยิ้มแล้วหันไปหาเทียน"ครับ" เทียตอบ"อามีเรื่องงานที่อยากจะปรึกษาหน่อยน่ะ ออกไปคุยกันข้างนอกสักแป๊ปได้ไหม" เอกพูด"ตอนนี้เหรอครับ" เทียนถาม"ใช่" เอกตอบ"แหม่~คุณเอกค่ะนี้มันเวลาไหนแล้วเรื่องงานก็พักบ้างเถอะค่ะ" หญิงป่านนภาพูด"ใช่ครับ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ผมไม่รีบหรอก" เทียนตอบเพราะเขาไม่อยากออกไปกับใครตามลำพังในช่วงเวลาที่ไม่ปลอดภัยแบบนี้แถมพายุก็ยังไม่กลับมา"พอดีพรุ่งนี้อากับอาเอกต้องไปธุระที่ต่างจังหวัดกันหลายวันก็เลยกลัวจะไม่มีเวลาน่ะจ๊ะ" เหมยหลินพูด"ครับ" เทียนจำใจต้องตอบตกลงไปก่อนเพราะกลัวคนอื่นจะสงสัยหาว่าสิริยากรมีปัญหาภายใน เทียนลุกขึ้นเดินตามเอกออกไปหาที่หลบมุมคุยกัน ผ่านไปไม่ถึงนาทีพายุก็เดินเข้ามาพร้อมกับมองหาเทียนไปทั่วแต่ก็ไม่เจอเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ บิ๊กเพื่อสอบถามแต่ด้วยท่าทางยุกยิกๆ เหมือนเด็กน้อยของเขามันทำเอาเหมยหลินรำคาญไม่น้อยจนต้องหันไปถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจ พายุรีบก้มหัวขอโทษเหมยหลินทันทีเธอจึงได้ยอมหันกลับไปแล้วไม่เอาเรื่อง"พี่บิ๊กๆ พี่เห็นคุณเทียนบ้างไหมอ่ะ"
"ทุกคนรออยู่แถวนี้นะถ้ามีอะไรให้รีบรายงานทันที" พายุออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดทุกคนรออยู่บริเวณหน้างานและที่รถเพื่อดูความเรียบร้อยและป้องกันผู้แระสงค์แอบทำอะไรกับรถของเทียนหลังจากนั้นเขาก็รีบเดินตามเทียนเข้าไปในงาน"โอ้โห~คุณครับ...แน่ใจนะครับว่านี้แค่งานเลี้ยงต้อนรับลูกชายคุณไพบูลย์เฉยๆ ทำไมจัดใหญ่โตแถมเชิญแขกมามากมายขนาดนี้" พายุแอบกระซิบถามเทียนเบาๆ ด้วยความสงสันเพราะสเกลงานมันใหญ่มากจริงๆ แถมบุคคลที่มาร่วมงานก็มีแต่ตัวท็อปของแต่ละวงการทั้งนั้น"คุณไพบูลย์เป็นคนใหญ่คนโต มีอำนาจทางด้านการเงินไม่น้อยใครๆ ก็อยากผูกมิตรทั้งนั้น" เทียนตอบ"แล้วแบบนี้พวกเราควรจะเข้าไปหาคุณไพบูลย์ก่อนเลยไหมครับ" พายุถาม"ไม่ต้องหรอก พวกเรามาเป็นมารยาทไม่ได้มาเพื่อผูกสัมพันธ์การค้ากับใครและฉันก็เชื่อว่าต่อให้เราไม่เข้าหาใครมันก็จะมีคนอยากเข้าหาเราอยู่ดี" เทียนตอบแล้วกำลังจะเดินออกจากห้องโถงไปหาโต๊ะนั่งแต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนมีเรียกเขาไว้ซะงั้น"คุณเทียนครับ" เสียงของผู้ชายคนนั้นทำให้เทียนหันไปกลับหาเขาทันทีด้วยความรู้สึกคุ้นหู"พี่บิ๊ก" พายุเรียกคนตรงหน้าด้ว
"พี่ขอโทษนะ" หมิงรู้สึกผิดมากๆ เพราะจริงๆ ปูนปั้นเองก็เพิ่งมาดูแลร้านอาหารนี้ได้ไม่เท่าไหร่ ปูนปั้นยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอีกเยอะเพราะทุกอย่างมันใหม่ไปหมดสำหรับปูนปั้น ทุกครั้งที่พนักงานกลับบ้านกันหมดแล้วหมิงก็จะเห็นมีแต่ปูนปั้นเนี่ยแหละที่ยังอยู่ที่ร้านนั่งหน้าเครียดตรวจดูทุกอย่างเองคนเดียวทั้งหมดก่อนถึงจะกลับบ้าน ถึงจะบอกว่าเขาควรทำแบบนั้นในฐานะเจ้าของกิจการแต่มันก็หนักเกินไปจริงๆ สำหรับเด็กวัยรุ่นอย่างเขาเพราะนอกจากปัญหาที่ร้านจะมากมายก็ยังมีปัญหาพนักงานอีก ตอนที่หมิงมาทำงานแรกๆ เขามักจะได้ยินพนักงานแอบนินทาปูนปั้นอยู่บ่อยๆ พนักงานหลายคนไม่อต็มใจทำงานกับปูนปั้นแต่ที่ยังทนอยู่ก็เพราะที่ร้านของปูนปั้นให้เงินเดือนพนักงานสูงกว่าที่อื่นดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องอยู่ต่อเพื่อปากท้องของตัวเองแต่การทำงานก็ไม่ได้คุณภาพตามที่สมควรจะเป็น หมิงรู้สึกเห็นใจปูนปั้นมาตลอดเพราะปูนปั้นดีกับเขามากดังนั้นเขาเลยตั้งใจช่วยงานที่ร้านอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบแทนที่ปูนปั้นเห็นใจรับเขาเข้ามาอยู่ที่ร้านแต่วันนี้เขากลับนำภัยมาให้ปูนปั้นซะงั้นและอีกเรื่องที่หมิงเป็นห่วงก็คือการที่ปูนปั้นต้องอยู่ท