"ผมไปด้วยได้ไหมครับ" ปูนปั้นถามอีกครั้งเพราะเห็นสีหน้าของหมิงดูลำบากใจแปลก ๆ
"เอ่อ~ คือพี่ก็ไม่ได้ไม่อยากให้น้องปูนปั้นไปนะแต่ว่าการจะเข้าใกล้ไอ้เทียนได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ขนาดพี่เนี่ยสนิทกับครอบครัวไอ้เทียนพี่ก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าไปแล้วจะได้เข้าเยี่ยมมันหรือเปล่า" หมิงตอบ "ผมอยากไปขอบคุณเขาเรื่องวันนั้นนะครับ เขาช่วยผมไว้เยอะเลยแต่ผมยังไม่ได้มีโอกาสขอบคุณเขาสักที" ปูนปั้นพูดแล้วทำหน้าเศร้าทันที หมิงเองก็อยากให้เขาไปเพราะรู้ว่าเพื่อนต้องดีใจมากแน่ ๆ แต่ถ้าเขาพาปูนปั้นไปหาเทียนแล้วเจอคนอื่นในครอบครัวของเทียนล่ะเขาจะอธิบายยังไงดีเพราะถ้าทุกคนรู้ว่าเทียนชอบปูนปั้น ชีวิตนี้ของปูนปั้นคงไม่มีทางสงบสุขอีกเป็นแน่ หมิงยืนคิดไตร่ตรองอยู่สักพักแล้วหันไปมองหน้าปูนปั้น "พี่พาไปก็ได้แต่ว่าน้องปูนปั้นต้องเชื่อฟังพี่ทุกอย่างนะไม่ว่าจะเจออะไรหรือเห็นอะไรก็ห้ามสงสัยอะไรเด็ดขาด เข้าใจไหม" หมิงพูดดักไว้ก่อนเพราะกลัวว่าถ้าปูนปั้นไปเจอคนของบ้านสิริยากรแล้วจะเกิดอาการสงสัยจนเผลอทำอะไรที่คนเหล่านั้นไม่ชอบ "ครับ" ปูนปั้นตอบ จริง ๆ แล้วปูนปั้นอยากไปเจอเทียนเพราะเขาอยากโขอโทษเทียนเรื่องที่เขาพูดจาไม่ดีใส่แ่ตอนนี้ที่ร้านยังไม่มีใครรู้ว่าเงินค่าซ่อมแซมร้านที่เสียไปไม่ใช่ของเขาแต่เป็นของเทียน ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ โรงพยาบาล "ไม่ได้จริง ๆ ครับคุณหมิง" ตอนนี้หมิงกำลังยืนขอร้องบอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องเพื่อขอเข้าไปพบเทียนแต่บอดี้การ์ดทุกคุณล้วนยืนกรานว่าไม่ว่ายังไงก็ให้หนิงเข้าพบเทียนไม่ได้ " ผมขอแค่แป๊บเดียวครับ" หมิงพูด "ผมเองก็ทำตามคำสั่งของคุณหล่งครับ" "ยิ่งคุณหลงพาคนนอกเข้ามาแบบนี้ด้วยผมยิ่งอนุญาตให้เข้าไปไม่ได้จริง ๆ ครับ" บอดี้การ์ดยังคงยืนยันคำเดิมว่าให้หมิงกับปูนปั้นเข้าไปเยี่ยมเทียนไม่ได้จริง ๆ ตอนนี้ในใจของปูนปั้นเองก็รู้สึกกลัวคนพวกนี้ไม่น้อยเลยเพราะทุกคนมีรูปร่างที่ใหญ่โตและสีหน้าที่ดูดุดันมากซึ่งมันต่างจากพายุที่ปูนปั้นเคยเห็นก่อนหน้านี้มาก "เสียงเอะอะอะไรว่ะธูป" เทียนถามน้องชายที่เอาแต่นอนเล่นเกมอยู่ " ไม่รู้ดิ แต่พี่เดี๋ยวผมออกไปดูเอง" ธูปลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูเพื่อดูว่าใครกำลังยืนทะเลาะกันอยู่หน้าห้องพักของเทียน " มีอะไรกัน" ธูปใช้น้ำเสียงที่ดูหงุดหงิดนิดหน่อยเพราะว่าทำให้เขาต้องลุกขึ้นและหยุดเล่นเกมกลางคัน "ธูป~" หมิงเรียกชื่อคนตรงหน้าเบา ๆ ทำให้ธูปต้องหันไปโฟกัสที่เขา " อ้าว~พี่หมิง" "พี่อยากเข้าไปเยี่ยมไอ้เทียนอ่ะให้พี่เข้าไปได้ป่ะ" หนิงไม่รอช้ารีบใช้โอกาสที่ธูปเดินออกมาขอร้องเขาให้พาเข้าไปพบเทียน "เอ่อ~" ธูปเองก็ลำบากใจที่จะปฏิเสธแต่ว่านี่เป็นคำสั่งของพ่อกับแม่ว่าไม่ให้คนนอกเข้าไปเยี่ยมเทียนเด็ดขาด "ใครว่ะธูป" เทียนถามหลังจากเห็นว่าธูปไม่ยอมเดินกลับมามาในห้องสักที ธูปเดินกลับเข้าไปหาเทียนเพื่อที่จะขอความเห็นเขา "พี่หมิงน่ะพี่" ธูปตอบ "ก็ให้มันเข้ามาดิ" "แต่ว่าพ่อกับแม่สั่งห้ามคนนอกไม่ใช่หรอ" "ไอ้หมิงมันไม่ทำอะไรฉันหรอก...แกก็รู้หนิ" "ครับ" ธูปตอบแล้วเดินกลับไปเปิดประตูให้หมิงเข้ามา "เดี๋ยวฉันจัดการเอง ห้ามใครรายงานเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่รู้เด็ดขาด" ธูปพูดกับบอดี้การ์ดทุกคนทำให้พวกนั้นจำเป็นต้องยอมปล่อยให้หมิงกับปูนปั้นเดินเข้าไป หมิงเดินเข้ามาให้ห้องแล้วแต่พอปูนปั้นจะเข้าไปธูปก็ยกแขนขึ้นมาขว้างไว้ซะงั้น "คุณเป็นใคร" ธูปถาม ปูนปั้นรู้สึกกลัวนิดหน่อยเพราะเหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก หมิงรีบหันมาดูทั้งสองคนทันที "เขามากับพี่ วางใจได้" หมิงพูด ธูปยืนคิดอยู่แป๊ปนึงก่อนจะเอาแขนลงแล้วปิดประตูห้อง "เชิญ" ธูปพูด หมิงพยักหน้าใส่ปูนปั้นแล้วเดินนำเขาไปหาเทียนที่เตียง "เป็นไงบ้างว่ะเพื่อน" หมิงเอ่ยทักทายเพื่อนชายที่มีสภาพดูหม่อนหมองปิดปกติ "เกือบตาย แล้วนี่--" เทียนหันไปเห็นปูนปั้นเดินถือถุงอาหารเข้ามาหาเขาช้า ๆ จึงสตั้นไปเพราะไม่คิดเลยว่าเขาจะมาหาตนเอง "เฮ้ยเดี๋ยว!!" ธูปเดินมาแย่งถุงในมือของปูนปั้นไปถือไว้จนปูนปั้นตกใจ "ขอตรวจดูก่อน" ธูปพูดแล้วก็เดินเอามันไปวางที่โต๊ะเพื่อเช็คดูทีละกล่องว่ามีอะไรผิดปกติไหม "อย่าเว่อร์หน่า~" เทียนหันไปพูดกับธูปที่เล่นใหญ่เกินไป "มึงโเคใช่ไหม" หมิงถามแล้วช่วยปรับเตียงให้เทียนขึ้นมานั่งดี ๆ "เออ ไม่เป็นไรมากแล้ว" เทียนตอบ ตลอดบทสนทนาเทียนและปูนปั้นแอบมองกันอยู่ตลอดแต่กลับไม่ได้คุยกันเลยสักคำเพราะต่างคนต่างไม่กล้า ส่วนธูปตอนนี้ก็ไม่สนใจอะไรแล้วเขาเอาแต่นั่งทานอาหารที่หมิงและปูนปั้นเตรียมมาให้เทียนอยู่อย่างเอร็ดอร่อย "ธูป~" เทียนหันไปเรียกธูปเพราะรู้สึกรำคาญที่เขาเอาแต่นั่งกินแล้วก็ค้นถุงอาหารเสียงดัง "ครับ" ธูปตอบทั้งที่ปากยังเต็มไปด้วยอาหาร "ไปอยู่เป็นเพื่อนไอ้พายุไป" เทียนพูด "ทำไมอ่ะ ผมมาเฝ้าพี่นะ" ธูปตอบ "เออไปเถอะหน่า! แกอยากกินอะไรแกก็หยิบไปด้วยเลย" เทียนพูด "อ่า ๆ ๆ ก็ได้" ธูปตอบแล้วก็ยิบเอากล่องอาหารที่อยู่ในถุงไปด้วย 2-3 อัน "ไว้พวกเขากลับแล้วผมค่อยมาอยู่เป็นเพื่อนพี่ใหม่นะ" ธูปพูด "เคี้ยวให้หมดก่อนค่อยพูดดิ่ว่ะ" เทียนดุน้องชายที่ทำตัวไม่มีมารยาทต่อหน้าแขกจากนั้นพอธูปเดินออกไปเขาก็หันไปมองปูนปั้นที่นั่งทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมอยู่มุมห้อง หมิงสังเกตเห็นได้ว่าทั้งคู่คงอยากคุยกันก็เลยจะขอแยกออกไปก่อน "ผงั้นเดี๋ยวก็ไปดูพายุบ้างดีกว่าไม่รู้ว่าป่านนี้คนอย่างมันจะโตขึ้นจนเลิกกลัวความเจ็บหรือยัง" หมิงพูด "เออ มันอยู่ห้องข้าง ๆ เนี่ยแหละ" เทียนตอบ หมิงพยักหน้ารับทราบแล้วก็ลุกเดินออกไป พอทุกคนออกไปแล้วห้องก็เงียบขึ้นมาทันทีปูนปั้นและเทียนหันหน้าไปมองกันต่างคนต่างไม่พูดอะไรจนสุดท้ายหมิงก็ลุกขึ้น "ลุง~ หิวไหม" ปูนปั้นถาม "ฮะ?" เทียนไม่คิดว่าคำแรกที่ปูนปั้นจะทักเขาจะเป็นการถามว่าหิวไหม ปูนปั้นไม่พูดอะไรเดินไปหยิบสเต็กเนื้อของโปรดขอวเทียนที่แพ็คใส่ถุงรักษาอุณหภูมิและใส่กล่องทับมาอีกทีขึ้นมา เขาเดินไปหยิบจานอย่างคล่องแคว้นแล้วลากโต๊ะสำหรับวางอาหารมาวางตรงหน้าเทียน "มันยังพอร้อน ๆ อยู่ลุงอยากให้ผมเอาไปอุ่นให้อีกหน่อยไหม" ปูนปั้นถาม "ไม่เป็นไร" เทียนตอน ปูนปั้นพยักหน้าแล้วหันมาแกะอาหารใส่จานให้เทียนและวางซ้อมวางมีดให้อย่างเรียบร้อย "ขอบใจ" เทียนตอบแล้วยกแขนขึ้นมาจับมีดแต่ปูนปั้นสังเกตเห็นได้ว่ามือของเขาบวมช้ำมากจนหยิบจับอะไรลำบากก็เลยรีบยื่นมือไปจับส้อมกับมีดก่อนเทียนจนเทียนงเลยเงยหน้าขึ้นมามองที่เขาด้วยความสงสัย "ผมทำให้เอง" ปูนปั้นพูดแล้วหั่นดนื้อสเต็กบาง ๆ แล้วใช้ส้อมจิ้มมันขึ้นมาป้อนเทียน เทียนอ้าปากรับแต่สายตาของเขาไม่ได้มองที่อาหารเลยทำเอาปูนปั้นรู้สึกเขินจนหน้าแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด "มาได้ไง" เทียนเริ่มบทสนทนาขึ้นเพราะรู้สึกว่าห้องมันเงียบเกินไป "มากับพี่หมิงไง" ปูนปั้นตอบ "อยากมาเยี่ยมฉันหรอ" ปูนปั้นหันไปสบตากับเทียนด้วยความรู้สึกสับสนแต่ตอนนั้นที่เขารู้ว่าเทียนเกิดอุบัติเหตุเขารู้สึกเป็นห่วงเทียนมากจริง ๆ ทั้งที่พวกเขาเองเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานแท้ ๆ "อยากมาขอโทษที่พูดจาไม่ดีด้วยวันนั้นอ่ะ" ปูนปั้นตอบ "หายโกรธแล้วเหรอ" เทียนถาม ปูนปั้นพยักหน้าแล้วยื่นมือไปเพื่อที่จะป้อมอาหารให้เทียนแต่เทียนดันยกมือขึ้นมาจับมือเขาไว้ซะงั้น "ขอกอดหน่อยได้ป่ะ" เทียนถามแล้วมองจ้องไปที่ปูนปั้นด้วยแววตาลึกซึ้งจนปูนปั้นอึ้งค้างไปเลย เทียนเห็นว่าปูนปั้นไม่ตอบจึงถือโอกาสดึงเข้าไปกอดที่เอวของเขาแล้วเอาหน้าซบลงตรงอกของปูนปั้นด้วยความคิดถึง ปูนปั้นทำตัวไม่ถูกเลยได้แต่อยู่นิ่ง ๆ ให้เทียนกอด "ทำไมหัวใจคุณเต้นแรงจัง" เทียนถามออกไปเมื่อรับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงของปูนปั้นอย่างไม่มีสาเหตุซึ่งปูนปั้นเองก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดีเพราะตอนนี้เขาเองก็สับสนเหมือนกันว่าที่เป็นแบบนี้มันเพราะอะไรปูนปั้นรู้สึกตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ เทียนก็เรียกแทนตัวเขาว่าคุณซึ่งปกติเทียนจะเรียกเขาว่านายไม่ก็ปูนปั้นตลอดพอถูกคนแบบเทียนเรียกว่าคุณ ปูนปั้นก็รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาเลย "พอได้แล้วมั้งลุง" ปูนปั้นพูดเพราะกลัวคนอื่นจะเข้ามาเห็น"ขออยู่แบบนี้อีกหน่อยนะ" เทียนตอบแล้วกระชับกอดให้แน่นขึ้น"คุณว่า---""เลิกเรียกผมว่าคุณเถอะหน่า กลับไปเรียกเหมือนเดิมนั่นแหละลุงทำแบบนี้ผมไม่ชินเลยนะ" ปูนปั้นพูด"ทำไมอ่ะ เรียกว่าคุณก็ดูให้เกียรติดีนะ" เทียนเงยหน้าขึ้นมามองปูนปั้น"ฟังดูเหมือนเมียท่านผู้นำดี" เทียนพูดแล้วยิ้มออกมาเหมือนต้องการหยอกล้อปูนปั้นเล่น"ลุง! ปล่อยเลย" ปูนปั้นตกใจรีบแกะแขนเทียนออกทันที "เบา ๆ สิเจ็บ" เทียนทำหน้างอแงเมื่อเห็นว่าปูนปั้นไม่ยอมให้เขากอดแล้ว"เรื่องของลุงสิ เอ้า~กินเองเลย" ปูนปั้นพูดแล้วดันจานอาหารไปให้เทียนดี ๆ"ไม่ป้อนแล้วเหรอ" เทียนถาม"ไม่" ปูนปั้นตอบแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงเทียน"กินสิ!" ปูนปั้นทำทีเป้นดุแก้เขินเพราะเทียนเแาแต่มองเขาแล้วยิ้มอยู่แบบนั้นจนน่าหมั่
ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่เทียนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปูนปั้นก็คอยเอาข้าวเอาน้ำมาส่งให้เขาตลอดทุกวันตามที่รับปากไว้แต่เขาจะมาเฉพาะช่วงที่ครอบครัวของเทียนไม่อยู่เท่านั้นโดยมีธูปคอยช่วยด้วยตามคำขอของเทียน"รีบกินเข้านะลุงวันนี้ผมอยู่นานไม่ได้นะเพราะที่ร้านคนเยอะ" ปูนปั้นพูดพร้อมจัดอาหารมาวางให้เทียน"อยู่ได้นานแค่ไหนอ่ะ" เทียนถาม"ครึ่งชั่วโมง" ปูนปั้นตอบ เทียนหันขวับไปมองเขาด้วยความไม่พอใจ"อะไรอ่า~ ปกติก็อยู่ได้ตั้ง 2 ชั่วโมงไม่ใช่เหรอ" เทียนพูด เขาอยากให้ปูนปั้นอยู่คุยเล่นเป็นเพื่อนเขาเหมือนทุกวันเพราะถึงแม้มันจะเป็นเวลาแค่ 2 ชั่วโมงแต่ก็เป็น 2 ชั่วโมงที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดของวันเลย"ก็ที่ร้านมันยุ่งจะให้ผมทิ้งร้านได้ไงเล่า ตอนนี้พนักงานก็ยิ่งมีน้อย ๆ อยู่" ปูนปั้นตอบ"ก็เปิดรับสมัครสิ" เทียนพูด"เปิดไปแล้วแต่ยังไม่มีใครมาสมัครเลย" ปูนปั้นตอบ"เลือกเยอะเองหรือเปล่า" เทียนพูด"มันก็ต้องคัดคุณสมบัติกันหน่อยป่ะ" ปูนปั้นตอบ"แล้วถ้าเป็นล่ะครับ" จู่ ๆ ก็มีเสียงชายคนนึงดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ห้องที
แนะนำตัวละคร ตระกูลสิริยากร เป็นครอบครัวนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน ลูกหลานทุกคนในตระกูลล้วนเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงแตกต่างกันไป ธุรกิจของตระกูลสิริยากรนั้นมีมากมาก อาทิ ธุรกิจโรงสี ธุรกิจนำเข้าและส่งออก อสังหาริมทรัพย์ ห้างค้าและโรงแรม แต่สิ่งที่ทำให้ครอบครัวนี้เป็นที่น่าเกรงขามก็คือเขาเป็นครอบครัวมาเฟียมากอิทธิพลที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครแต่ถ้าใครมีปัญหากับพวกเขาก็มักจะจบไม่สวยเลยสักคน ถ้าไม่ล้มละลายก็อาจจะหายไปเฉยๆ แบบไม่ทราบสาเหตุเลยก็ได้และถึงแม้ว่าทุกคนที่หายไปจะเคยมีปัญหากับครอบครัวของพวกเขามาก่อนแต่ตำรวจเองก็ยังไม่กล้าแตะต้องพวกเขาเลย 1.ซ่ง ชื่อจริง วัฒนา สิริยากร เป็นทายาทรุ่นที่ 6 ของตระกูลและเป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน 2.คุณหญิงหยาดทิพย์ ชื่อจริง หยาดพิรุณ สิริยากร เป็นภรรยาเอกของคุณซ่ง คุณปู่ของคุณหญิงหยาดทิพย์สืบเชื้อสายหม่อมเลยทำให้คุณหญิงหยาดทิพย์มีนิสัยเรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้แม้ปัจจุบันจะเป็นถึงภรรยาเอกของทายาทตระกูลมาเฟียก็ตาม คุณหญิงหยาดทิพย์เป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบมากๆ เธอดูแลงานในบ้านทุกอย่างได้เป็นอย่างดีจนคุณซ่งไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องในบ
"สวัสดีครับคุณเทียน" เวกัสเอ่ยทักทายลูกชายคนโตของเจ้านายทันทีที่เขาเดินมาถึงพร้อมกับเข้าไปช่วยยกกระเป๋าเดินทางของเทียนขึ้นรถให้ด้วยวันนี้เป็นวันแรกที่เทียนกลับประเทศไทยหลังจากที่เขาไปเที่ยวญี่ปุ่นมาถึง 3 เดือนเต็มๆ แต่การกลับมาครั้งนี้ดูเหมือนเทียนจะไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่นักเพราะหลายวันมานี้เขาติดต่อหมิงไม่ได้เลยจึงทำให้ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เทียนเดินไปเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากพยายามโทรหาหมิงเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่ลงเครื่องมาแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะโทรติดเลย"คุณเทียนจะกลับบ้านเลยไหมครับ" เวกัสถาม"ไม่อ่ะ คุณช่วยพาผมไปส่งที่คอนโด xx หน่อยนะ" เทียนตอบ"ไปหาคุณหมิงเหรอครับ" เวกัสถาม"ใช่" เทียนตอบ"ได้ครับ" เวกัสพูดแล้วเปิดประตูให้เทียนขึ้นไปนั่งบนรถก่อนที่ตัวเขาเองจะตามขึ้นไปแล้วรีบขับออกไปทันที"ช่วงที่ผมไม่อยู่หมิงเขาไปหาผมที่บ้านบ้างหรือเปล่า" เทียนถาม"ไม่นะครับ" เวกัสตอบ พอรู้ว่าอยู่ดีๆ เพื่อนก็หายไปอย่างไร้เหตุผลเขาก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงมากว่าเดิมเพราะว่าก่อนหน้าที่เขาจะบินไปญี่ปุ่นครั้งนี้เขาได้นัดรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนสนิทเพื่อมากินเลี้ยงสังสรรกันด้วยก่อนเนื่องจากครั้งนี้เข
"มีอะไรครับพี่ฝน" ปูนปั้นถาม"พอดีมีลูกค้ามาหลอกทานฟรีอีกแล้วค่ะ" น้ำฝนตอบ"อีกแล้วเหรอครับ...แล้วครั้งนี้ยอดกี่พันล่ะครับ" ปูนปั้นถาม"เห็นพี่เมย์บอกว่าเกือบสามหมื่นเลยค่ะ" น้ำฝนตก"ฮะ!" ปูนปั้นร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที"แล้วเขาไปหรือยังครับ...ได้ขอบัตรประชาชนไว้ไหม...รู้หรือเปล่าว่าเขาชื่ออะไร...มีใครโทรแจ้งตำรวจแล้วหรือยัง...ก่อนหน้านี้ทุกคนทำอะไรกันอยู่ครับทำไมไม่เห็นมีใครมาบอกผมเลยล่ะครับ" ปูนปั้นรัวคำถามออกไปด้วยความตื่นตกใจโดยที่ไม่เว้นช่องไฟให้น้ำฝนได้ตอบเลย"คือเราพยายามขอบัตรประชาชนจากเขาแล้วนะคะแต่ว่าเขาบอกว่ามันอยู่บนรถไม่ได้พกลงมาด้วย อ่อ! แต่เหมือนเขาจะบอกว่าชื่อ เทียน..." ทันทีที่ได้ยินชื่อเทียนหมิงก็หยุดนิ่งทันทีแล้วหันมามองน้ำฝนด้วยความสนใจ"เทียน...อะไรนะ เทียน~" น้ำฝนพยายามจะพูดออกมาแต่ก็พูดไม่ได้ มันเหมือนติดอยู่ที่ปากแต่พูดออกมาไม่ถูกเฉยๆ ตอนนี้ทั้งปูนปั้นและหมิงก็ต่างยืนลุ้นว่าเธอจะพูดว่าอะไรออกมา"อ่อ เทียน เมธัส สักอย่างเนี่ยแหละค่ะ" น้ำฝนพูดจบหมิงก็ถอดถุงมือสำหรับล้างจานออกแล้วรีบเดินผ่านทั้งสองคนออกจากห้องครัวไปเลย ปูนปั้นเห็นหมิงรีบผิ
ทันทีที่เทียนก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ก็มีบอดี้การ์ดวัยรุ่นคนนึงรีบเดินตรงมาหาเขา "คุณท่านรออยู่ข้างบนครับคุณเทียน" พายุพูด"ทำไมคุณปู่ถึงเรียกให้ฉันมาหาตอนนี้ล่ะ" เทียนถาม"พอดีคุณท่านกำลังจะบินไปฮ่องกงคืนนี้ครับเลยอยากจะพบคุณเทียนก่อน" พายุตอบ"บินตอนเนี่ยนะ" เทียนถาม"อีก 2 ชั่วโมงครับ" พายุตอบ"บอกฉันมาสิว่านี่มันเรื่องอะไรกัน" เทียนถามออกไปด้วยความสงสัยเพราะบรรยากาศในบ้านตอนนี้มันดูตึงผิดปกติ"สายของเรารายงานด่วนเข้ามาครับว่าพบตัวการที่แอบลักลอบขโมยข้อมูลคอนเนคชั่นของเราแล้ว" พายุตอบ"ก็แค่หนอนบ่อนไส้ตัวเดียวคุณปู่ต้องไปจัดการด้วยตัวเองเลยหรอ" เทียนถาม"เหมือนว่า...จะไม่ได้เป็นแค่หนอนบ่อนไส้ธรรมดานะครับ" พายุตอบออกมาอย่างไม่เต็มเสียง เทียนมองไปที่พายุด้วยความสับสนแต่ก็ไม่กล้าถามออกไปเพราะสีหน้าของพายุดูลำบากใจที่จะตอบคำถามเขาพอสมควร"คุณเทียนครับ" จู่ๆ ก็ก็มีเสียงทุ้มต่ำของชายคนนึงเอ่ยเรียกเทียนจากบนบันได พอเขาเงยหน้าขึ้นไปพบกับวิสุทธิ์ชายวัย 50 ปีที่มีหน้าที่ดูแลข้างกายของคุณซ่ง"คุณท่านรออยู่รีบขึ้นไปเถอะครับ" วิสุทธิ์พูด"รู้แล้ว" เทียนตอบแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปพบคุณซ่งปู่ของเขาทัน
ปูนปั้นเดินเข้ามาในบ้านแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง วันนี้เป็นอีกวันที่ร้านของเขาวุ่นวายมากไม่มีเวลาปลีกตัวออกมาดูหน้าร้านเลย จริงๆ ปูนปั้นไม่ได้มีหน้าที่ทำครัวหรอกแต่เพราะหลายวันมานี้ที่ร้านโดนคอมเพลนมาเยอะเรื่องอาหารออกช้าและไม่ได้คุณภาพ เขาเลยต้องเขาไปตรวจสอบและช่วยหยิบจับอะไรนิดหน่อยเพื่อให้อาหารออกเสิร์ฟได้ตลอดจะให้เขาโทษพนักงานครัวที่ทำช้าก็ไม่ได้เพราะพนักงานชุดนี้นอกจทกเชฟกุ๊กไก่แล้วก็ล้วนแต่เป็นพนักงานใหม่ทั้งหมด เลยอาจจะทำให้พวกเขายังไม่คุ้นชินกับเมนูและอุปกรณ์ของที่นี่อยู่บ้าง"แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ คงต้องวางแผนใหม่แล้ว" ปูนปั้นพูดแล้วหลับตาลงช้าๆ เขารู้สึกเหนื่อยและท้อมากๆ ที่ต้องมารับผิดชอบควบคุมดูแลร้านนี้ในวัยเพียง 23 ปีแถมยังไม่มีคนมาคอยให้คำปรึกษาเขาอีกทำให้เขาต้องลงมือทำจริงพร้อมกับเรียนรู้ทุกอย่างไปพร้อมกัน พอมันเกิดข้อผิดพลาดเขาก็แทบจะแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไม่ได้เลย ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~4 เดือนก่อน"สรุปแล้วพี่สาวผมเป็นอะไรครับหมอ" ปูนปั้นถามออกไปด้วยความตื่นตระหนก"ทางเราพบว่ามีความผิดปกติจริงๆ คนไข้มีอาการเจ็บแน่นที่หน้าอก รู้สึกเหนื่อยง่ายอ่อนเพลีย ปวดร้าวบ
ตอนนี้ภายในห้องรับรองบ้านใหญ่พวกบรรดาลูกหลานก็ต่างพากันมารวมตัวด้วยกันเต็มไปหมด มีทั้งคนร้องไห้ คนโวยวายเสียงดังเอ็ดตะโรไปหมดจนกระทั่งครอบครัวของเทียนเดินเข้ามา ทุกคนก็เงียบและหันมาสนใจพวกเขาทั้งที"พี่หล่ง นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะพี่" เอกรีบเดินเข้าถามด้วยความสงสัย"นั่นสิพี่ มีคนบอกว่าพ่อตายแล้วมันไม่จริงใช่ไหมพี่" มุกดาเข้ามาเขย่าตัวพี่ชายอย่างคนขาดสติจนเจสันต้องเข้ามาช่วยประคองมุกดาให้ถอยออก"ปล่อยนะ! ฉันคุยกับพี่ชายอยู่แกไม่เห็นหรือไง" มุกดาหันไปตวาดเจสันแล้วพลักเขาออกทันที"พี่หล่ง...ฮือ...พ่อยังไม่ตายใช่ไหมพี่...อึก...บอกฉันสิว่าบอดี้การ์ดพวกนี้มันรับสารมาผิดอ่ะ...ฮื้อ...ฮือ...พี่หล่ง" มุกดาพยายามเต้นเอาคำตอบจากพี่ชายทั้งที่ในใจเธอก็รู้ดีว่าคนของบ้านใหญ่ไม่มีทางเผยแผ่ข่าวสารที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน"นพ" คุณหล่งหันไปหาน้องเขยที่นั่งปลอบใจลูกสาวอยู่แล้วเรียกเขาด้วยน้ำเสียงดุดัน"ครับ" นพลุกขึ้นแล้วตอบทันที"มาพาเมียแกไปนั่งทีไป" คุณหล่งพูด"ครับ" นพตอบแล้วรีบเข้ามาพยุงมุกดาไปนั่งพักอยู่ข้างๆ ลูกสาว จากนั้นครอบครองของคุณหล่งก็เดินไปนั่งประจำที่เพื่อรอผู้นำหญิงทั้งสองออกมาพูดคุยเรื่องนี
ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่เทียนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปูนปั้นก็คอยเอาข้าวเอาน้ำมาส่งให้เขาตลอดทุกวันตามที่รับปากไว้แต่เขาจะมาเฉพาะช่วงที่ครอบครัวของเทียนไม่อยู่เท่านั้นโดยมีธูปคอยช่วยด้วยตามคำขอของเทียน"รีบกินเข้านะลุงวันนี้ผมอยู่นานไม่ได้นะเพราะที่ร้านคนเยอะ" ปูนปั้นพูดพร้อมจัดอาหารมาวางให้เทียน"อยู่ได้นานแค่ไหนอ่ะ" เทียนถาม"ครึ่งชั่วโมง" ปูนปั้นตอบ เทียนหันขวับไปมองเขาด้วยความไม่พอใจ"อะไรอ่า~ ปกติก็อยู่ได้ตั้ง 2 ชั่วโมงไม่ใช่เหรอ" เทียนพูด เขาอยากให้ปูนปั้นอยู่คุยเล่นเป็นเพื่อนเขาเหมือนทุกวันเพราะถึงแม้มันจะเป็นเวลาแค่ 2 ชั่วโมงแต่ก็เป็น 2 ชั่วโมงที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดของวันเลย"ก็ที่ร้านมันยุ่งจะให้ผมทิ้งร้านได้ไงเล่า ตอนนี้พนักงานก็ยิ่งมีน้อย ๆ อยู่" ปูนปั้นตอบ"ก็เปิดรับสมัครสิ" เทียนพูด"เปิดไปแล้วแต่ยังไม่มีใครมาสมัครเลย" ปูนปั้นตอบ"เลือกเยอะเองหรือเปล่า" เทียนพูด"มันก็ต้องคัดคุณสมบัติกันหน่อยป่ะ" ปูนปั้นตอบ"แล้วถ้าเป็นล่ะครับ" จู่ ๆ ก็มีเสียงชายคนนึงดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ห้องที
ปูนปั้นรู้สึกตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ เทียนก็เรียกแทนตัวเขาว่าคุณซึ่งปกติเทียนจะเรียกเขาว่านายไม่ก็ปูนปั้นตลอดพอถูกคนแบบเทียนเรียกว่าคุณ ปูนปั้นก็รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาเลย "พอได้แล้วมั้งลุง" ปูนปั้นพูดเพราะกลัวคนอื่นจะเข้ามาเห็น"ขออยู่แบบนี้อีกหน่อยนะ" เทียนตอบแล้วกระชับกอดให้แน่นขึ้น"คุณว่า---""เลิกเรียกผมว่าคุณเถอะหน่า กลับไปเรียกเหมือนเดิมนั่นแหละลุงทำแบบนี้ผมไม่ชินเลยนะ" ปูนปั้นพูด"ทำไมอ่ะ เรียกว่าคุณก็ดูให้เกียรติดีนะ" เทียนเงยหน้าขึ้นมามองปูนปั้น"ฟังดูเหมือนเมียท่านผู้นำดี" เทียนพูดแล้วยิ้มออกมาเหมือนต้องการหยอกล้อปูนปั้นเล่น"ลุง! ปล่อยเลย" ปูนปั้นตกใจรีบแกะแขนเทียนออกทันที "เบา ๆ สิเจ็บ" เทียนทำหน้างอแงเมื่อเห็นว่าปูนปั้นไม่ยอมให้เขากอดแล้ว"เรื่องของลุงสิ เอ้า~กินเองเลย" ปูนปั้นพูดแล้วดันจานอาหารไปให้เทียนดี ๆ"ไม่ป้อนแล้วเหรอ" เทียนถาม"ไม่" ปูนปั้นตอบแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงเทียน"กินสิ!" ปูนปั้นทำทีเป้นดุแก้เขินเพราะเทียนเแาแต่มองเขาแล้วยิ้มอยู่แบบนั้นจนน่าหมั่
"ผมไปด้วยได้ไหมครับ" ปูนปั้นถามอีกครั้งเพราะเห็นสีหน้าของหมิงดูลำบากใจแปลก ๆ"เอ่อ~ คือพี่ก็ไม่ได้ไม่อยากให้น้องปูนปั้นไปนะแต่ว่าการจะเข้าใกล้ไอ้เทียนได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ขนาดพี่เนี่ยสนิทกับครอบครัวไอ้เทียนพี่ก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าไปแล้วจะได้เข้าเยี่ยมมันหรือเปล่า" หมิงตอบ"ผมอยากไปขอบคุณเขาเรื่องวันนั้นนะครับ เขาช่วยผมไว้เยอะเลยแต่ผมยังไม่ได้มีโอกาสขอบคุณเขาสักที" ปูนปั้นพูดแล้วทำหน้าเศร้าทันที หมิงเองก็อยากให้เขาไปเพราะรู้ว่าเพื่อนต้องดีใจมากแน่ ๆ แต่ถ้าเขาพาปูนปั้นไปหาเทียนแล้วเจอคนอื่นในครอบครัวของเทียนล่ะเขาจะอธิบายยังไงดีเพราะถ้าทุกคนรู้ว่าเทียนชอบปูนปั้น ชีวิตนี้ของปูนปั้นคงไม่มีทางสงบสุขอีกเป็นแน่ หมิงยืนคิดไตร่ตรองอยู่สักพักแล้วหันไปมองหน้าปูนปั้น"พี่พาไปก็ได้แต่ว่าน้องปูนปั้นต้องเชื่อฟังพี่ทุกอย่างนะไม่ว่าจะเจออะไรหรือเห็นอะไรก็ห้ามสงสัยอะไรเด็ดขาด เข้าใจไหม" หมิงพูดดักไว้ก่อนเพราะกลัวว่าถ้าปูนปั้นไปเจอคนของบ้านสิริยากรแล้วจะเกิดอาการสงสัยจนเผลอทำอะไรที่คนเหล่านั้นไม่ชอบ"ครับ" ปูนปั้นตอบ จริง ๆ แล้วปูนปั้นอยากไปเจอเทียนเพราะเขาอยากโขอโทษ
"ตอนนี้คนไข้มีอาการยังไงบ้างครับ" หลังจากที่เทียนฟื้นขึ้นมาหมอก็รีบเข้ามาดูอาการของเขาทันที"ปวดหัวครับแล้วก็เจ็บแผลมาก ๆ" "ครับ เท่าที่หมอตรวจดูทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ดีแล้วแต่เดี๋ยวหมอจะให้ยาแก้ปวดเพิ่มก็แล้วกันนะครับ" "ขอบคุณครับ" หลังจากหมอเดินออกไปธูปก็รีบเข้ามานั่งข้างเตียงเทียนด้วยความเร็ว"พี่เทียน" "ฮะ" "เจ็บไหมพี่" "ลองไหมล่ะ" เทียนแทบอยากจะเขกหัวน้องชายของเขาสักทีที่เจ้าตัวถามอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระสิ้นดี"แล้วคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ" เทียนมีท่าทีที่ดูนิ่งขึ้นทันที"พี่เทียน..." ธูปเห็นว่าเทียนเงียบไปจึงลองเรียกอีกครั้ง ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นมันยังคงวนเวียนหลอกหลอนอยู่ตลอด"แล้วแกรู้มาว่าไงบ้างล่ะ" เทียนถาม"ผมรู้มาแค่ว่าพี่ไปงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายของคุณไพบูลย์แล้วก็เกิดอุบัติรถพุ่งชนเข้าที่เสาไฟฟ้าแค่นั้นเลย" "ระหว่างทางกลับบ้านฉันโดนกลุ่มคนตามประกบและไล่ยิงมาตลอด จำได้ว่าพวกมันมากันเยอะมากไม่รู้ว่าเป็นคนของแก๊งค์ไหน ไอ้พายุมันยังอ่อนประสบการณ์ได้ยินเสียงปืนนิดหน่อย
"คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ" ดารินพยายามบอกให้สามีของเธอควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ "ไอ้เจสันมึงไปบ้านใหญ่รายงานเรื่องนี้กับคุณแม่และแม่เล็กแต่มึงต้องจำไว้นะว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดยกเว้นพวกคุณแม่เท่านั้น""ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกกับพวกคุณผู้หญิงเอง" เจสันตอบแล้วก็เดินออกไป"ส่วนมึงไอ้เวกัส มึงไปตามสืบมาว่าบอดี้การ์ดอีกสองคนที่หายไปในคืนนี้พวกมันหายไปได้ยังไง ถ้ามันยังไม่ตายก็เอาพวกมันกลับมาให้ได้" "ครับคุณหล่ง" หลังจากรับคำสั่งเวกัสก็รีบออกไปทำงานของเขาทันทีเช่นกัน"ผมจะไม่ยอมให้ตาเทียนเจ็บตัวฟรีแน่" หล่งพูดกับดารินด้วยสีหน้าโกรธแค้นสุดๆ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ตอนนนี้หน้าห้องพัก VIP ของโรงพยาบาลที่ถูกจองเอาไว้สามห้องติดกันล้วนมีบอดี้การ์ดรูปร่างบึกบึนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจำนวนหลายคนเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เจสันได้สั่งให้คนตรวจค้นห้องพักทั้งสามห้องให้เรียบร้อยและยืนเฝ้าไว้ตลอดห้ามให้ใครมาเข้ามาวางกำดักหรือทำอะไรไม่ดีก่อนที่คนเจ็บจะถูกย้ายมาและแน่นอนว่าทุกครั้งที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้ามาปูเตียงหรือนำของอะไรมาวางคนข
ปัง!"โอ๊ย" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงของเทียนร้องขึ้นมาเนื่องจากเขาถูกกระสุนยิงเข้าที่แขนข้างซ้ายขณะกำลังพยายามช่วยยิงสะกัดคนร้ายที่ต้องการจะเอาชีวิตของเทียนอยู่แต่อาการเจ็บที่แขนทำให้เขาไม่สามารถประคองรถต่อไปได้จนทำให้รถล้มลงอย่างแรง บอดี้การ์ดอีกคนก็เห็นแล้วแต่ไม่สามารถหยุดรถช่วยได้เพราะอันตรายเกินไปแถมเขาเองยังต้องปกป้องเทียนอีก"โอ๊ย! เอาไงดีว่ะ เอาไงดี...ฮือ" พายุเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านกระจกจนทำให้เขาสติแตกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่"พายุ ไอ้พายุใจเย็นๆ" เทียนตะโกนใส่พายุเสียงดังเนื่องจากเจ้าตัวลนไปหมดแล้ว"ผมกลัวอ่ะคุณเทียน...ฮือ...ทำไงดีอ่ะครับ" พายุเริ่มงอแงออกมาตามประสาเด็กที่ไม่เคยผ่านเรื่องอันตรายและความเสี่ยงมาก่อน"มึงไปขับ! อย่าเบาคันเร่ง" "แม่งเอ้ย!" เทียนรู้สึกหงุดหงิดที่พายุไม่ได้ดั่งใจ เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ข้างหลังแป๊ปนึงก่อนจะรีบก้มหัวลงมาเหมือนเดิมเพราะมีกระสุนพุ่งมาอย่างแรงจนกระจกด้านหลังแตกกระจายซึ่งมันกระเด็นโดนหน้าเขาด้วยจนเกิดแผล"เฮ้ย!" พายุตกใจสะดุ้งต้องเผลอปล่อยพวงมาลัย"ไอ้พายุ!"
"เอ่อ~ตาเทียน" เอกแสร้งยิ้มแล้วหันไปหาเทียน"ครับ" เทียตอบ"อามีเรื่องงานที่อยากจะปรึกษาหน่อยน่ะ ออกไปคุยกันข้างนอกสักแป๊ปได้ไหม" เอกพูด"ตอนนี้เหรอครับ" เทียนถาม"ใช่" เอกตอบ"แหม่~คุณเอกค่ะนี้มันเวลาไหนแล้วเรื่องงานก็พักบ้างเถอะค่ะ" หญิงป่านนภาพูด"ใช่ครับ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ผมไม่รีบหรอก" เทียนตอบเพราะเขาไม่อยากออกไปกับใครตามลำพังในช่วงเวลาที่ไม่ปลอดภัยแบบนี้แถมพายุก็ยังไม่กลับมา"พอดีพรุ่งนี้อากับอาเอกต้องไปธุระที่ต่างจังหวัดกันหลายวันก็เลยกลัวจะไม่มีเวลาน่ะจ๊ะ" เหมยหลินพูด"ครับ" เทียนจำใจต้องตอบตกลงไปก่อนเพราะกลัวคนอื่นจะสงสัยหาว่าสิริยากรมีปัญหาภายใน เทียนลุกขึ้นเดินตามเอกออกไปหาที่หลบมุมคุยกัน ผ่านไปไม่ถึงนาทีพายุก็เดินเข้ามาพร้อมกับมองหาเทียนไปทั่วแต่ก็ไม่เจอเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ บิ๊กเพื่อสอบถามแต่ด้วยท่าทางยุกยิกๆ เหมือนเด็กน้อยของเขามันทำเอาเหมยหลินรำคาญไม่น้อยจนต้องหันไปถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจ พายุรีบก้มหัวขอโทษเหมยหลินทันทีเธอจึงได้ยอมหันกลับไปแล้วไม่เอาเรื่อง"พี่บิ๊กๆ พี่เห็นคุณเทียนบ้างไหมอ่ะ"
"ทุกคนรออยู่แถวนี้นะถ้ามีอะไรให้รีบรายงานทันที" พายุออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดทุกคนรออยู่บริเวณหน้างานและที่รถเพื่อดูความเรียบร้อยและป้องกันผู้แระสงค์แอบทำอะไรกับรถของเทียนหลังจากนั้นเขาก็รีบเดินตามเทียนเข้าไปในงาน"โอ้โห~คุณครับ...แน่ใจนะครับว่านี้แค่งานเลี้ยงต้อนรับลูกชายคุณไพบูลย์เฉยๆ ทำไมจัดใหญ่โตแถมเชิญแขกมามากมายขนาดนี้" พายุแอบกระซิบถามเทียนเบาๆ ด้วยความสงสันเพราะสเกลงานมันใหญ่มากจริงๆ แถมบุคคลที่มาร่วมงานก็มีแต่ตัวท็อปของแต่ละวงการทั้งนั้น"คุณไพบูลย์เป็นคนใหญ่คนโต มีอำนาจทางด้านการเงินไม่น้อยใครๆ ก็อยากผูกมิตรทั้งนั้น" เทียนตอบ"แล้วแบบนี้พวกเราควรจะเข้าไปหาคุณไพบูลย์ก่อนเลยไหมครับ" พายุถาม"ไม่ต้องหรอก พวกเรามาเป็นมารยาทไม่ได้มาเพื่อผูกสัมพันธ์การค้ากับใครและฉันก็เชื่อว่าต่อให้เราไม่เข้าหาใครมันก็จะมีคนอยากเข้าหาเราอยู่ดี" เทียนตอบแล้วกำลังจะเดินออกจากห้องโถงไปหาโต๊ะนั่งแต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนมีเรียกเขาไว้ซะงั้น"คุณเทียนครับ" เสียงของผู้ชายคนนั้นทำให้เทียนหันไปกลับหาเขาทันทีด้วยความรู้สึกคุ้นหู"พี่บิ๊ก" พายุเรียกคนตรงหน้าด้ว
"พี่ขอโทษนะ" หมิงรู้สึกผิดมากๆ เพราะจริงๆ ปูนปั้นเองก็เพิ่งมาดูแลร้านอาหารนี้ได้ไม่เท่าไหร่ ปูนปั้นยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอีกเยอะเพราะทุกอย่างมันใหม่ไปหมดสำหรับปูนปั้น ทุกครั้งที่พนักงานกลับบ้านกันหมดแล้วหมิงก็จะเห็นมีแต่ปูนปั้นเนี่ยแหละที่ยังอยู่ที่ร้านนั่งหน้าเครียดตรวจดูทุกอย่างเองคนเดียวทั้งหมดก่อนถึงจะกลับบ้าน ถึงจะบอกว่าเขาควรทำแบบนั้นในฐานะเจ้าของกิจการแต่มันก็หนักเกินไปจริงๆ สำหรับเด็กวัยรุ่นอย่างเขาเพราะนอกจากปัญหาที่ร้านจะมากมายก็ยังมีปัญหาพนักงานอีก ตอนที่หมิงมาทำงานแรกๆ เขามักจะได้ยินพนักงานแอบนินทาปูนปั้นอยู่บ่อยๆ พนักงานหลายคนไม่อต็มใจทำงานกับปูนปั้นแต่ที่ยังทนอยู่ก็เพราะที่ร้านของปูนปั้นให้เงินเดือนพนักงานสูงกว่าที่อื่นดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องอยู่ต่อเพื่อปากท้องของตัวเองแต่การทำงานก็ไม่ได้คุณภาพตามที่สมควรจะเป็น หมิงรู้สึกเห็นใจปูนปั้นมาตลอดเพราะปูนปั้นดีกับเขามากดังนั้นเขาเลยตั้งใจช่วยงานที่ร้านอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบแทนที่ปูนปั้นเห็นใจรับเขาเข้ามาอยู่ที่ร้านแต่วันนี้เขากลับนำภัยมาให้ปูนปั้นซะงั้นและอีกเรื่องที่หมิงเป็นห่วงก็คือการที่ปูนปั้นต้องอยู่ท