ห้องคณบดี
ทันทีที่เดินเข้าไปชายหนุ่มถึงกับชะงัก เมื่อคนที่มานั่งรอไม่ใช่แค่พ่อและแม่เลี้ยงเหมือนที่คิด หากแต่มีคุณย่าที่เป็นแม่ของพ่อมาด้วย ซึ่งคุณย่าก็ไม่ได้ชอบขี้หน้าเขาเท่าไหร่นัก ท่านรักและเลี้ยงดูเนสมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะเนสเป็นเด็กขี้ประจบเอาใจปากหวาน ทำให้ท่านทั้งรักทั้งหลงหลานชายคนกลางมากกว่าหลานคนโตและคนเล็กของบ้าน
"ไอ้มาร์ค ไอ้หลานจังไร แกกล้าดียังไงมาทำร้ายหลานฉัน...!" คุณย่าเอ่ยขึ้นเสียงดังทันทีที่มาร์คเดินเข้าประตูไป
"คุณย่าสวัสดีครับ คุณพ่อ น้านารถ ท่านคณบดี สวัสดีครับ" มาร์คกล่าวทักทายพร้อมกับยกมือไหว้อย่างนอบน้อมแล้วยืนอยู่หน้าประตูไม่เดินเข้าไปข้างใน
"กองไว้ตรงนั้นแหละ หลานอย่างแกอย่ามาไหว้ฉันให้อายุสั้นเลย" คุณย่ากล่าวขึ้นเหยียด ๆ
"แม่ครับ ผมว่าแม่จะมากเกินไปแล้วนะครับ นี่มันเรื่องในครอบครัวของผม" พ่อของมาร์คเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งถอนหายใจหนัก ๆ กับความเบื่อหน่ายของการรักหลานไม่เท่ากันของคุณย่า
"ทำไม ฉันว่ามันไม่ได้เลยนะไอ้ลูกกำพร้าเนี่ย" คุณย่าว่าขึ้นอย่างเหยียด ๆ ทำให้ชายหนุ่มกัดฟันจนเป็นสันนูนอย่างพยายามระงับอารมณ์
"มันจะมากไปแล้วนะครับแม่ ถ้ายังไม่หยุดผมจะไปส่งแม่บ้านพักคนชราเหมือนเดิมซะ นี่มันเรื่องในครอบครัวผม ผมไปรับแม่มาเพราะเห็นว่าแม่ลำบากไม่อยากอยู่ที่นั่นหรือแม่จะกลับไปอยู่บ้านพักคนชราอีกรอบดีมั้ย ปากทำให้ครอบครัวแตกแยกแบบนี้ไง น้องมันถึงไม่ฟังน่ะ" ลูกชายกล่าวกับผู้เป็นแม่อย่างเหลืออด วันนี้เขากับภรรยาเข้ามารับแม่ที่บ้านพักคนชราย่านบางแคตั้งแต่เช้า เพราะท่านโทรไปร่ำไห้คร่ำครวญต่าง ๆ นานา อย่างน่าสงสารและเมื่อเขาโทรไปหาน้องสาวถึงได้รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมท่านถึงได้ไปอยู่ที่นั่น ท่านทำของท่านเองเรียกรถมารับไปเองแล้วบอกคนข้างในและคนอื่นว่าลูกสาวไล่ออกจากบ้าน ซึ่งแท้จริงแล้วสาเหตุที่ท่านงอนเพราะลูกสาวไม่ยอมเลิกกับสามีที่เป็นเพียงนายธนาคารเล็ก ๆ แล้วไปแต่งงานกับชาวต่างชาติรวย ๆ ที่ท่านหาให้ แล้วตอนนี้ลูกสาวก็กำลังท้องเลยทำให้ท่านไม่พอใจมากถึงขั้นหนีไปอยู่บ้านพักคนชรา แล้วโทรให้ตนมารับกลับไปอยู่ด้วย ตนจึงมาแล้วพี่ชายลูกพี่ลูกน้องโทรหาว่าลูกชายคนกลางสร้างเรื่องท่านจึงได้มามหาลัยในเที่ยงวันนี้
"หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะตามนต์" "แม่นั่นแหละหยุดพูด แล้วฟังได้แล้ว เด็ก ๆ จะได้กลับไปสอบกัน มาร์คเข้ามานั่งข้างในสิลูก" เสี่ยมนตราเรียกลูกชายคนโตให้เข้าไปหาซึ่งมาร์คก็กำลังจะขยับขาเข้าไปหาพ่อตามที่เรียก...
"ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ อย่ามาใกล้หลานฉัน ไอ้นอกคอก" คุณย่าเอ่ยออกมาทันทีพร้อมทั้งโอบกอดเนสไว้อย่างหวงแหน
"แม่ครับ ถ้าไม่หยุดผมจะเรียกรถบ้านพักคนชรามารับตอนนี้" ลูกชายเอ่ยสวนขึ้นทันที
"เอ่อ...ผมว่ามีอะไรก็พูดเลยดีกว่าครับคุณพ่อ น้านารถ ท่านคณบดี ผมมีสอบบ่ายครับ" มาร์คเอ่ยขึ้นเสียงสุภาพ
"ไล่มันออก!" "แม่ครับ ผมบอกว่าให้เงียบ!" เสี่ยมนตราตะคอกแม่เสียงดังลั่นห้องทันที "ถ้าพูดออกมาอีกคำ ผมจะสั่งวิทูรไปส่งแม่ซะ นี่มันครอบครัวของผม ผมแก้เองได้อย่ามาทำครอบครัวผมแตกแยกเหมือนครอบครัวแม่" ลูกชายเอ่ยขึ้นอย่างเอาเรื่อง แล้วหันไปหาลูกชายตัวเองที่ยืนกุมมืออยู่หน้าประตู
"มีอะไรจะพูดกับพ่อมั้ย?" เสียงทุ้มเอ่ยถามลูกชายพร้อมกับมองสบตาอย่างคิดถึง มาร์คไม่ได้กลับไปเยี่ยมท่านที่บ้านเป็นเดือนแล้ว ถึงแม้ว่าบ้านจะไม่ได้ห่างจากที่นี่มากนัก แต่ท่านก็พอจะรู้สาเหตุว่าทำไมลูกชายคนโตถึงไม่กลับบ้านแต่เขาเลือกที่จะโทรหาแม่เลี้ยงและไปพบท่านที่โรงพยาบาลเวลาหมอนัดแทน
"ผมต่อยไอ้เนสจริงครับ" มาร์คเอ่ยขึ้นพร้อมกับสบตาเนสอย่างโกรธแค้น คำที่เนสแช่งพ่อบังเกิดเกล้าลอยเข้ามาในหัวทำให้ชายหนุ่มกัดฟันกำมือแน่นอย่างลืมตัว
"เห็นมั้ยครับพ่อ ไอ้มาร์คมันยอมรับ" เนสได้ทีสวนขึ้นทันที
"แต่มึงแช่งพ่อกู ไอ้เนส" "มึงมีหลักฐานเหรอ..." เนสพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
"ลุงมี" ท่านคณบดีกล่าวขึ้นเสียงนิ่งพร้อมกับวางมือถือที่อัดคลิปเสียงของเนสตอนที่ทะเลาะกับมาร์คไว้ตั้งแต่ต้น ลงบนโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วเปิดลำโพงจนสุดมองหน้าหลานชายคนกลางนิ่ง ๆ
"มีอะไรจะแก้ตัวว่าไม่ได้พูดมั้ย" ท่านคณบดีกล่าวขึ้น
"ผม...." "ทำไมแกพูดแบบนี้ล่ะเนส แม่เคยสอนให้แกพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่พ่อแกนะ" นงนารถเอ่ยกับลูกชายอย่างเดือนดาล
"ผมก็แค่พูดประชดไอ้มาร์คมันเฉย ๆ นะแม่ แม่ดูสิมันสนใจพ่อที่ไหน มีแต่แม่ดูแลมันก็ออกมาอยู่คนเดียวสบายใจแล้วทำไมพ่อถึงซื้อคอนโดให้แต่ไอ้มาร์คมันละ ผมก็ลูกพ่อเหมือนกันทำไมพ่อไม่ให้" เนสว่าขึ้นอย่างเอาแต่ใจ
"นั่นสิตามนต์ ทำไมไม่ซื้อให้ลูกเหมือน ๆ กัน" คุณย่ารับลูกหลานชายทันที
"หยุดทั้งแม่ทั้งหลาน! คอนโดนั่นมันเป็นสมบัติของแม่มาร์คเค้า ไม่ใช่เงินผมซื้อ" เสี่ยมนตราเอ่ยออกมาเสียงดัง จนภรรยารีบเข้ามาลูบแขนอย่างปลอบโยนพร้อมกับมองสบตากันอย่างเข้าใจ เธอเป็นคนเสนอสมบัติชิ้นนี้ให้มาร์คเอง ด้วยเงินประกันชีวิตก้อนสุดท้ายของแม่มาร์คและเงินเก็บบางส่วนที่เธอและสามีเก็บไว้ เพราะเธอก็เห็นมาตลอดว่าแม่สามีเธอจงเกลียดจงชังหลานชายคนโตมากแค่ไหนและสอนให้ลูกชายคนโตของเธอเกลียดพี่ไปด้วย ตลอดเวลาที่มาร์คอยู่ที่บ้าน มาร์คจะโดนย่าหลานจิกหัวใช้เยี่ยงทาสตอนที่สามีเธอไม่อยู่ และเมื่อมาร์คเข้ามหาลัยเธอจึงขอให้สามีใช้เงินประกันก้อนสุดท้ายที่ทีแรกตั้งใจจะเก็บเอาไว้เป็นทุนการศึกษาให้มาร์คได้เรียนมหาลัยและเงินเก็บ มาซื้อคอนโดให้มาร์คแทนและจะหาเงินส่งมาร์คเรียนเหมือนน้อง ๆ แต่มาร์คเป็นคนขอหาเงินจ่ายค่าเล่าเรียนเองตั้งแต่ปี 1 และยังช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟภายในบ้านด้วยการหักจากบัญชีของเขาในทุก ๆ เดือนอีกด้วย
"สมบัติแม่มัน?" คุณย่าพึมพำอยากพูดเหลือเกินว่ามันจะเหลือได้ยังไงในเมื่อท่านขายสมบัติทุกชิ้นของลูกสะใภ้คนแรกไปหมด ตั้งแต่ที่ท่านเซ็นดูแลแทนมาร์คตั้งแต่เป็นผู้เยาว์แล้ว และท่านก็นำเงินมาใช้เข้าบ่อนจนเกือบหมดแล้วเหมือนกัน "มันจะเหลือได้ไงในเมื่อ..."
"ครับ มันจะไม่เหลือถึงมาร์คแน่ ๆ ถ้าแม่รู้" เสี่ยมนตราพูดขึ้นเสียงห้วน
"เพราะแบบนี้ไงครับแม่ถึงรู้ไม่ได้ แล้วผมก็รู้ด้วยว่าค่าน้ำค่าไฟที่บ้าน ที่มาร์คเป็นคนจ่ายแม่ทำกับลูกผมยังไง มาร์คไม่เคยขอเงินเลยตั้งแต่เรียนมหาลัย แล้วไอ้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่แม่อยากได้นักหนาที่บอกใครต่อใครว่าเจ้าเนสซื้อให้นั่นก็เงินเจ้ามาร์คมัน มันอยากให้แม่สบายแต่กลัวแม่ไม่ใช้ คนทำดีแล้วได้แบบนี้ ใครมันจะอยากอยู่ทำด้วยครับแม่ หยุดวุ่นวายซะทีเถอะครับ ผมขอ" เสี่ยมนตราพูดขึ้นยืดยาวอย่างเหลืออดพร้อมทั้งมองหน้าผู้เป็นแม่อย่างไม่เกรงใจอีก
"ไม่รู้แหละ ยังไงแม่ก็ไม่ชอบมัน" คุณย่าตะแบงขึ้นอย่างไม่ยอม
"ไม่เป็นไรครับคุณย่า ไหน ๆ ก็ไหนแล้วครับ ผมขอกล่าววันนี้ละกันต่อหน้าผู้ใหญ่ที่เคารพทุกคนนะครับ ผมรู้ว่าย่าเกลียดผมเพราะย่ากลัวว่าผมจะทวงสมบัติแม่ที่ย่าขายทั้งหมดคืน ไม่ต้องห่วงหรอกนะครับผมไม่ทวงคืนหรอก ผมมีมือหาเองได้ถ้าจงเกลียดจงชังขนาดนั้นผมจะไปใช้นามสกุลของแม่แทนก็ได้ครับ ทุกอย่างผมจะไม่เกี่ยวข้องอีก ส่วนค่าใช้จ่ายที่บ้านเคยหักยังไงก็หักเหมือนเดิม คุณพ่อผมก็จะไปหาไปจ่ายค่ารักษาที่โรงพยาบาลให้เหมือนเดิม น้านารถผมก็เคารพเหมือนเดิมครับ ถ้าคุณย่าอยากได้คอนโดผมนักก็ซื้อผมให้เนส มันสิครับผมพร้อมย้ายออกทันทีเลยแต่ย่าอย่ามายุ่งกับผมอีก ผมลาแล้วครับ สวัสดีครับ" มาร์คเอ่ยออกมายืดยาวอย่างอัดอั้นตันใจ ตลอดหลายปีตั้งแต่จำความได้เขาเกรงทุกคนในบ้านเพราะคุณย่าเป่าหูเขามาตลอดว่าเขาเป็นคนนอกครอบครัว เด็กกาลกิณีที่ทำแม่คลอดแล้วตาย มีแต่พ่อและน้านารถ (น้านารถเป็นเพื่อนรักของแม่) ที่คอยให้กำลังใจและคอยปลอบคอยสอนสิ่งดี ๆ ให้เขา เขาจึงรักและเคารพคนทั้ง 2 มากยอมโดนด่าโดนจิกกัดเพื่อให้ได้ดูแลช่วยงาน แต่เมื่อถึงขั้นนี้เขาคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องอยู่ตรงนั้นอีก
ชายหนุ่มยกมือไหว้คุณย่าปลายนิ้วชี้จรดจมูกแล้วก้มลงเล็กน้อยเหมือนไหว้คนอายุเท่ากันแล้วเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าลงที่หน้าผู้เป็นพ่อกราบลงที่ตัก 1 ครั้งแล้วหันไปทำแบบเดียวกันกับภรรยาใหม่ของพ่อด้วยความเคารพ ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตานิ่งแล้วถอยหลังลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปหาเพื่อนที่รออยู่ด้านนอกทันที "มาร์คลูก ..." คนเป็นพ่อเรียกลูกชายคนโตน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้ ทั้งที่เสาร์ที่จะถึงนี้เป็นวันเกิดครบ 21 ปีของมาร์คท่านตั้งใจอยากให้ลูกชายกลับบ้านเพื่อฉลองกันเล็ก ๆ ในครอบครัวเหมือนทุกปี"หึ ให้มันรอดเถอะ ปล่อยมันไปจะอาลัยอาวรณ์มันทำไม" คุณย่าเอ่ยขึ้นอย่างเหยียด ๆ ท่านสบายใจอย่างน้อยมาร์คก็พูดออกมาแล้วว่าจะไม่ทวงอะไรกับท่านอีก"ผมบอกให้หยุดพูดไงแม่ วิทูรพาแม่กลับไปบ้านพักคนชราซะ กูจะกลับแท็กซี่เอง" เสี่ยมนตรากล่าวขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้าท่านคณบดีที่นั่งนิ่งอยู่โต๊ะทำงาน"พี่จะบอกว่าจากเหตุการณ์แบบนี้ที่เกิดขึ้น ตามกฎมหาลัยพี่จำเป็นต้องให้เนสพักการเรียนในเทอมนี้และเทอมหน้า" ท่านคณบดีกล่าวเสียงทุ้มพร้อมกับมองหน้าน้องชาย"จะบ้าเหรอศักดิ์ หลานกำลังสอบอยู่นะ" คุณย่าแหวขึ้นแทนหลานทันทีพร้อมทั้งล
"มาร์คมึงไปไหนมา พวกกูยืนรออยู่นานแล้วเนี่ยแล้วบอกว่ารออยู่หน้าร้าน" เทนพูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนชายเดินมาจากทางด้านข้างของร้าน "ไปไหว้ศาลมา" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ "ฮะ! นี่มึงสายมูตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย" โรมอุทานขำ ๆ ศาลพระภูมิข้างร้านพี่เขาก็มีแต่พวกพนักงานที่พากันไหว้ขอพรขอหวยไม่คิดว่ามาร์คจะเอากับเขาด้วย"ไม่ใช่ พอดีเมื่อกี้เห็นน้องตัวเล็ก ๆ มาขายพวงมาลัยเลยซื้อช่วย ก็เลยไหว้" ชายหนุ่มให้เหตุผล เพื่อนก็พยักหน้าเข้าใจ พวกเขารู้นิสัยมาร์คดีว่าชอบช่วยเหลือคนอื่นแบบนี้เสมอ "แล้วไอ้ศิล่ะ" ถามหาเพื่อนชายที่หายไปอีกคน"ไปรับแมรี่มั้ง เห็นว่าจะย้ายคอนโดแยกจากเพื่อนอยากมาขอเช่าคอนโดไอ้ศิมัน" โรมพูดขึ้นพร้อมกับเหยียดปาก "วุ๊! ทำเป็นขอเช่า จะขออยู่ฟรีก็ว่ามาเถอะ ไอ้ศิก็ใจดีเกิน" เทนว่าเพื่อนอย่างไม่พอใจ"เหอะน่า ช่างหัวมันสิวะ คอนโดมันจะให้ใครอยู่เราก็ไม่ได้จ่ายน้ำค่าไฟกับมันนี่ ไป... เข้าร้าน" มาร์คว่าขำ ๆ พลางตบหลังเพื่อนเดินเข้าไปข้างในด้วยกัน"แล้วมึงโอเคเปล่าเนี่ยมาร์ค เรื่องเมื่อกลางวัน" เทนเอ่ยขึ้นอย่างห่วงความรู้สึกเพื่อน"สบาย กูชินแล้วเป็นแบบนี้ตั้งแต่กูจำความได้แล้ว ก็ดีนะ กูจะได้ไม่ต้อ
ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาล มือถือของชายหนุ่มสั่นรัว ๆ นับ 10 สายจากเบอร์โทรเข้าแค่เบอร์เดียว ทำให้ชายหนุ่มจำเป็นต้องแวะปั๊มน้ำมันเติมน้ำมันและกดรับสาย"ครับน้านารถ"(มาร์ค ถึงไหนแล้วลูก) เสียงนงนารถสั่นเครือมาตามสาย"แวะปั๊มครับ อีก 7 กิโลก็ถึงครับน้าแค่นี้นะครับผมจะรีบไป" ว่าจบชายหนุ่มก็รีบวางสายแล้วบึ่งออกไปทันทีแบบไม่รอเงินทอน เขาจับน้ำเสียงของแม่เลี้ยงได้ว่าพ่ออาการน่าจะไม่ดีเท่าไหร่นัก.........//..........ณ โรงพยาบาลรถมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่วิ่งเข้ามาจอดตรงที่จอดรถชั่วคราว ชายหนุ่มรีบถอดหมวกกันน็อกวางที่เบาะแล้วถอดกุญแจวิ่งไปที่หน้าห้องฉุกเฉินที่เห็นหลังของแม่เลี้ยงไว ๆ อยู่ตรงนั้น "น้านารถครับ พ่อเป็นไงมั่งครับ" ชายหนุ่มวิ่งไปถึงหน้าห้องฉุกเฉินพร้อมกับถามแม่เลี้ยงเสียงรัว "พ่ออยู่ข้างในลูก หมอกำลัง... กำลัง...ฮือ" นงนารถตอบลูกเลี้ยงเสียงสั่นพร้อมกับร้องไห้โฮเสียงดัง"กำลังอะไรครับ น้า..." มาร์คจับมือแม่เลี้ยงเขย่าถามน้ำตาคลอ พอดีกลับประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกมาคุณหมอเดินออกมาหาญาติคนไข้ด้วยใบหน้าสงบ มาร์ครีบปล่อยมือแม่เลี้ยงแล้วคว้าแขนของหมอเขย่าถามรัวทันที"หมอ พ่อผมเป็นไงค
"จริงเหรอแม่ นี่ย่าขายบ้านของผมเหรอ?" เนสเอ่ยขึ้นอึ้ง ๆ พร้อมกับขยับตัวออกห่างจากผู้เป็นย่า"ใช่ ย่าเนสขายบ้านเนสไปก่อนวันเกิดเนสลูก พวกเรากะจะเซอร์ไพรส์ลูกกัน กลัวลูกจะน้อยใจที่พี่มาร์คได้ไปอยู่คอนโด แล้วเนสขับรถไปกลับไกล ๆ พ่อเป็นห่วงเนสมากนะลูก พี่มาร์คเขาก็ทำงานเพิ่มเก็บเงินซื้อเฟอร์นิเจอร์ให้ตั้งหลายอย่าง (ว่าพลางขยิบตาให้ลูกเลี้ยงพลาง) แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้วลูกเพราะย่าที่เนสรักขายไปหมดแล้ว" คุณนงนารถว่าเสียงเครือพร้อมกับทำท่าสะอื้นจนตัวสั่นอย่างน่าสงสาร ตอนนี้บรรดาแขกเหรื่อต่างซุบซิบนินทากันอย่างหนาหูถึงการกระทำของแม่คนตายที่ขายสมบัติลูกหลานจนหมด"แม่บอกเนสหลายครั้งเนสไม่เคยเชื่อแม่ คอนโดพี่มาร์คนั่นเป็นเงินของแม่ดาราเขาลูก ค่าเทอมพี่มาร์คก็หาเองทั้งหมด ค่ารักษาพ่อพี่มาร์คก็ช่วยมาตลอด เราไม่เคยได้จ่าย ค่าน้ำค่าไฟก็พี่เค้า ที่เค้าไม่ค่อยได้กลับบ้านเพราะเค้าทำงานด้วยเรียนด้วยไงลูก ลำพังแค่สวนผลไม้ตอนนี้มันไม่ได้ออกทั้งปีเหมือนตอนที่พ่อแข็งแรงแล้วนะ ลูกดูถูกพี่เค้ามาตลอด เห็นดีเห็นงามกับคำพูดของคุณย่าแต่เนสรู้มั้ยคนที่เนสเกลียดที่สุด เขารักและห่วงเนสแค่ไหน พี่มาร์คต้องทำเรื่องขอผ่อน
"เอาล่ะ สรุปกันได้แล้วหรือยังลูกจะถึงเวลาแล้วนะ" ท่านคณบดีผู้มีศักดิ์เป็นลุงเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าพี่น้องคุยกันค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจและตอนนี้พระก็เริ่มทยอยมากันแล้ว "ครับ ลุง!" 2 พี่น้องต่างแม่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน"งั้นก็เตรียมได้แล้วลูก มาร์ค เนส นิค มานั่งกับลุง" คนเป็นลุงพูดขึ้นทำให้ทั้ง 3 เดินไปนั่งข้าง ๆ ลุงอย่างว่าง่าย แล้วพิธีต่าง ๆ ก็ดำเนินการไปจนเสร็จสิ้นทุกอย่างรวมถึงทำบุญผ้าป่ากับเงินส่วนที่เหลือในงานจนหมดตามที่คุณนงนารถว่าไว้และตอนนี้ทุกคนก็เตรียมแยกกันเพื่อไปดำเนินชีวิตต่อ โดยที่บรรดาเพื่อนของมาร์คที่อยู่ช่วยงานจนแล้วเสร็จนั้นต้องเดินทางกลับก่อนเพราะศิลาต้องไปต่างประเทศกับคุณปู่ โรมต้องไปเฝ้าร้านแทนพี่ชายที่ภรรยาเพิ่งคลอด ส่วนเทนนั้นเขาสนใจที่จะเปิดบริษัทส่งออกของตัวเองเมื่อเรียนจบจึงเริ่มเข้าไปศึกษางานที่บริษัทของพี่เขยตั้งแต่เนิ่น ๆ "มาร์ค มึงจะผ่อนบ้านจริง ๆ ดิ" เนสพูดขึ้นขณะที่กำลังนั่งทานข้าวกัน 4 คนแม่ลูก มาร์คเงยขึ้นสบตากับแม่เลี้ยงอย่างขอคำปรึกษา คุณนงนารถก็ขยิบตาเล็ก ๆ ให้ชายหนุ่มเล่นละครต่อ "อือ...มึงจะได้ไม่ต้องขับรถไกลไงแล้วมันก็เป็นความต้องการของพ่อตั้งแต่ทีแร
สี่แยกใหญ่ที่การจราจรแสนหนึบหนับกลางเมืองหลวง รถมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่ (แต่ค่อนไปทางเก่า) วิ่งขึ้นมาจอดที่ริมฟุตบาทไม่ห่างจากกล่องพวงมาลัยกล่องเล็กคุ้นตามากนัก ชายหนุ่มตั้งขาตั้งรถถอดหมวกกันน็อกแล้วกวาดตามองหาแม่ค้าตัวน้อยที่ตั้งใจเก็บมะม่วงกับมะยงชิดมาฝากเต็มตะกร้ามอเตอร์ไซค์ และมีเค้กโบราณหน้ารวมติดมาด้วยอีกกล่อง"มาซื้อมาลัยหรือพ่อหนุ่ม" เสียงตาแก่ที่ถือไม้แขวนพวงมาลัยดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้มาร์คหันกลับไปมองอย่างสงสัย"เอ่อ... ผมมาหาแม่ค้าพวงมาลัยตัวเล็ก ๆ ที่น้องขายอยู่ตรงนี้น่ะครับตา" ชายหนุ่มเอ่ยตอบพลางมองชายดังกล่าว แกเป็นคนแก่อายุน่าจะมากกว่า 60 ผิวน้ำตาลกร้านแดด ผมเผ้าหวีเรียบร้อย ที่สำคัญคือเสื้อผ้าที่ใส่ถึงจะเก่าแต่ก็ดูสะอาดสะอ้านมาก ขาด้านขวาแกโดนตัดขึ้นเหนือเข่ายืนถือไม้ค้ำยันมองหน้าเขายิ้ม ๆ "อ๋อ... เจ้าน้ำหวานน่ะเหรอ วันนี้ไปฟังผลสอบน่ะกลับมาก็น่าจะเที่ยงโน่นแหละ ขอไปกินไอติมที่ตลาดกับเพื่อนเขาด้วย พ่อหนุ่มมีอะไรล่ะจะสั่งพวงมาลัยหรือลูก" ตาน้อยเอ่ยถามพลางมองสำรวจชายหนุ่มยิ้ม ๆ "ครับตา วันนี้วันพระผมเลยจะแวะสั่งมาลัยให้น้องไปส่งตอนเย็นน่ะครับ แล้วพอดีกลับบ้านม
"แหม พูดถึงนี่ยิ้มเลยนะครับนะแต่กูก็ว่าน้องเค้าน่ารักนะ เลี้ยงต้อยซัก 7-8 ปีคงใช้งานได้" เทนว่ายิ้ม ๆ"มึงนี่ก็ คิดอะไรบาปไปนะไอ้เทน กูแค่เอ็นดูน้องเค้า ตัวแค่นี้รู้จักทำมาหากิน แล้วพูดเก่งมากกูว่าถ้ามีน้องสาวแบบนี้คงจะหนวกหูดี ดีกว่าอยู่เงียบ ๆ" มาร์คว่าขำ ๆ ตามความคิดของตัวเอง"อ่อ... อยากเป็นพี่ชาย น้องมัน?"โรมเลิกคิ้วถาม"เออ... กูว่ามันน่าจะดีกว่าน้องชายปากหมา ๆ อย่างไอ้เนส กับใจร้อนอย่างไอ้นิคว่ะ" มาร์คบอกเพื่อนพลางกระดกเบียร์หมดกระป๋องแล้วจะคว้ากระป๋องใหม่มาเปิด"ของกู" เทนรีบคว้าก่อนทำให้ได้รับค้อนวงน้อย ๆ จากเพื่อนก่อนที่มาร์คจะลุกขึ้นไปหยิบมาใหม่อีก 3 กระป๋อง"กูว่าเราสั่งข้าวมากินกันเถอะจะบ่ายละ นอนซักพักกูต้องออกไปร้าน เมื่อคืนพวกเมาแล้วตีกันเละเทะฉิบหาย" โรมว่าพลางเปิดแอปสั่งอาหาร"อือ ดี กูก็เพลีย ๆ ว่ะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พวกมึงต้องไปดูบ้านกับกูนะ เฟอร์บางส่วนกูจะขนออกมาเก็บหลังร้านก่อนแล้วค่อยทยอยขนไปเดือนละอย่าง 2 อย่าง มีเยอะเดี๋ยวไอ้เนสมันสงสัย" มาร์คบอกความคิดกับเพื่อน ใจเขาคิดว่าเมื่อบอกว่าซื้อบ้านมือสอง หลุดจำนองมัน
"เฮ้ย ... มึงดูถูกไอ้มาร์คมันไปนะไอ้เนส มันนี่หลานรักคุณปู่ไอ้ศิเลยนะเว้ย บ้านแบบนี้ขอฟรียังได้นับอะไรกับขอผ่อนวะ" โรมว่าแทรกเข้ามาในเครื่อง"ใช่โรม มึงเตรียมมาทำความสะอาดก่อนขึ้นบ้านใหม่เลยไอ้เนส ถ้าไอ้มาร์คมันกู้ไอ้ศิไม่ได้ กูซื้อให้มันผ่อนกับกูเอง" เทนว่าพลางเดินมากอดคอเพื่อนแล้วยักคิ้วให้กล้อง"ตามนี้นะเนส มึงพูดแล้วนะว่าจะมาทำความสะอาดเองน่ะ" มาร์คว่ากับน้องชายต่างแม่ยิ้ม ๆ"แล้วมึงไม่ช่วย?" เนสสวนมาทันที"กูต้องทำงานเว้ย กลับบ้านไปเงินเก็บกูหมดทุกบาท อีกไม่กี่วันก็ค่าน้ำค่าไฟค่าเทอมกูแล้วเทอมนี้มึงแค่รักษาสถานภาพไม่กี่พันกูนี่เป็นแสนเลยนะ มึงก็มาทำเองแล้วกัน เออ...ถ้าน้านารถจะให้ตังค์มาซื้อของก็โอนมาละกัน แล้วบอกว่าจะซื้ออะไรให้มึงมั่งกูจะได้สั่งร้านเขาเอามาส่ง มึงมาจะได้มีใช้" มาร์คให้เหตุผลที่น่าสงสารของตัวเอง จนเพื่อนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลั้นขำ"เออ... ให้มันได้จริง ๆ เหอะไม่ใช่ให้แม่ดีใจเก้อ จะให้ลงไปทำเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกันแล้วมึงจะไม่ซื้อของมึงล่ะ" เนสว่าพลางหลบสายตาพี่ชายต่างแม่ทั้งยังรู้สึกละอายใจที่ผ่านมาเขาได้ใช้เงินแบบสบาย
"หันมากอดพี่หน่อย" ชายหนุ่มเอ่ยขอเสียงเหนื่อยอ่อนจนเธอสงสารยอมหันมานอนหนุนแขนแกร่งแบบที่เขาเคยให้นอนประจำ มือบางโอบกอดเอวหนาไว้หลวม ๆ แล้วซุกหน้าลงที่ซอกคอแกร่งอย่างว่าง่าย"ขอบคุณครับ" เสียงทุ้มเอ่ยเบา ๆ พร้อมกับกระชับท่อนแขนแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างเร็วด้วยความเหนื่อยล้า จนหญิงสาวขมวดคิ้วแต่ก็ไม่กล้าขยับก่อนจะหลับตาลงแล้วหลับตามชายหนุ่มไปท่ามกลางเสียงฝนและเสียงฟ้าร้องด้านนอกอย่างน่ากลัว..........//..........กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นในตอนเช้าปลุกชายหนุ่มให้ลืมตาตื่นพลางควานหาคนที่นอนกอดอยู่เมื่อคืนจนทั่วที่นอน"ตัวเล็ก..." "คะ พี่มาร์คจะเอาอะไรคะ" คนตัวเล็กขานรับพลางเดินเข้ามาในห้องพร้อมแก้วกาแฟในมือ"พี่นึกว่าไปไหน" เสียงทุ้มว่าพลางลุกขึ้นนั่งตบที่ท้ายทอยตัวเองเบา ๆ"กาแฟค่ะ" ยื่นแก้วกาแฟให้แล้วทำท่าจะเดินออกจากห้อง"ตัวเล็ก" "คะ?" น้ำหวานหันมาเลิกคิ้วถามแต่ไม่ได้เดินเข้ามาใกล้"มาหาพี่หน่อย" ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบก่อนจะหันเอาไปวางบนหัวเตียงแล้วยื่นมือมาดึงแขนหญิงสาวให้เดินเข้าไปหา"พี่มาร์คจะเอาอะไรคะ เดี๋ยวหวานจะไ
ตลอดทั้งสัปดาห์มาร์คต้องลงเตรียมจัดงานประมูลให้กับคุณอันทิกาด้วยตัวเอง ประจวบกับการเตรียมการสอบของนักศึกษาเขาต้องตรวจงานของนักศึกษาที่ส่งมาเก็บคะแนนก่อนสอบและงานออฟฟิศ ซึ่งกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปวันใหม่ของอีกวันหรือบางวันก็แทบจะไม่ได้นอน เลยทำให้ชายหนุ่มแทบจะไม่มีเวลาได้จับโทรศัพท์ทั้งยังไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเกรงว่าถ้าพูดออกไปแล้วคนตัวเล็กจะโกรธ เลยคิดว่าน่าจะหาเวลาคุยกันจริงจังแค่ 2 คนกับเธอก่อน แล้วเขาก็ไม่ได้เข้ามานอนที่ห้องของเธออีกเลย แต่ละวันเขาก็ได้แต่แอบมองเธอทางกล้องวงจรปิดของห้องทำงานเพื่อดูว่าหญิงสาวเป็นอย่างไรบ้างแต่ตอนเช้าต้องฝืนร่างกายมาทานข้าวอย่างปกติเพื่อไม่อยากให้หญิงสาวเป็นห่วงครืด....ครืด....เสียงเรียกเข้ามือถือเครื่องบาง ทำให้เจ้าของเครื่องคว้ามากดรับสายแบบไม่ได้ดูสายเรียกเข้า"ฮัลโหล"(ตัวเล็ก)"ค่ะพี่มาร์ค"(นอนหรือยังครับ)"ค่ะ หวานนอนแล้ว" คนตัวเล็กตอบทั้งที่นั่งพิงหัวเตียงดูซีรีส์เรื่องโปรดอยู่(พรุ่งนี้วันเสาร์ตอนเช้าเราไปหอศิลป์กันดีมั้ย) เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางหลับตา
"ฮะ! ท้องเหรอ"(เออ...ท้อง เพราะเอายาคุมฉุกเฉินให้แกกินน่ะแหละ ฉันเลยลืมกินกว่าจะนึกได้ ท้องเลยเนี่ย)"กรี๊ด ฉันจะมีหลาน หวานจะมีไข่น้อยแล้ว ฮ่า ๆ พี่หมอสุดยอดเลย เก่งกว่าพี่โรมอีกว่ะ แล้วคลอดเมื่อไหร่ ผู้หญิงผู้ชาย แล้ว...แล้วมุกแพ้มั้ยอะ แล้ว...แล้ว"(โอ๋ย... พรสิตา มีใครบอกเธอมั้ยว่าพูดมากเนี่ย แล้วฉันชื่อไข่มุก ลูกต้องชื่อมุกน้อย ไม่ใช่ไข่น้อย โวะ! ชื่ออะไรน่าเกลียด) เสียงไข่มุกโวยมาตามสาย"แฮ่ ก็หวานดีใจอะ หวานจะมีหลาน หวานอยากเล่น ลูกเฮียเทนก็โดนอากงอาม่าพาไปเลี้ยงที่เชียงใหม่นู่น... รอลูกพี่โรมก็ไม่รู้จะมีน้ำยาหรือเปล่า" คนตัวเล็กว่าพลางทำหน้าย่น น้ำหวานเป็นคนที่ชอบเด็กมากเมื่อตอนที่ลูกของเทนคลอดใหม่ ๆ ทั้งน้ำหวานและของขวัญเห่อกันมาก ไปหาทุกสัปดาห์แต่พอหย่านมแล้วคุณปู่คุณย่ามารับไปเลี้ยงที่เชียงใหม่พวกเธอจึงไม่ได้ไปเล่นด้วย ตอนนี้ก็รอลูกของโรมซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีอีกนั่นแหละ(ดีใจขนาดนี้ไม่ท้องเองเลยล่ะคะ ผัวก็มีจริง ๆ แล้วนี่) คนปลายสายดักขึ้นทำเอาน้ำหวานตาโตอย่างนึกได้"เออ...ใช่ มัวแต่แช่น
"ครั้งก่อน? ครั้งไหน" ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามยิ้ม ๆ"ก็ครั้งหวานเมาไง หวานไม่เห็นเหนื่อยเลย ไม่เจ็บเลยด้วย" คนตัวเล็กเริ่มออกอาการงอแงอย่างน่ามันเขี้ยว*เออ...ถึงว่าถึงยอมกูง่าย ๆ เพราะคิดว่าครั้งก่อนไม่เจ็บนี่เอง เฮ้อ...ครับ ต้องหาคำอธิฐานบทไหนมาสวดให้น้องคิดแล้วถามมากกว่าเออออเองบ้างเนี่ย โรคนี้มันติดทางอากาศจากน้องขวัญหรือไงวะ ...* ชายหนุ่มคิดในใจพลางถอนหายใจเบา ๆ"หวานเมา หวานจะเหนื่อยได้ไง พี่ไม่ได้ทำอะไรหวานนี่ครับ" คนตัวโตว่ายิ้ม ๆ "ฮะ!" หญิงสาวอุทานตาโตพร้อมทั้งลุกขึ้นเอามือค้ำหน้าอกแกร่งมองหน้าชายหนุ่มอึ้ง ๆ"ซี้ด...ลุกเบา ๆ เดี๋ยวก็หักใช้งานไม่ได้พอดี" ชายหนุ่มว่าพลางสูดปากเบา ๆ เมื่อคนคิดจะลุกก็ลุกแล้วอาจจะลืมไปว่าตอนนี้ทั้งคู่ยังประสานกันอยู่"พี่พูดแบบนี้ แล้ว ๆ คืนนั้นเลือดบนผ้าปูมันมาจากไหน พี่รู้มั้ยหวานเครียดมากเลยนะ แล้วพี่ไปโผล่ที่มหาลัยด้วยหวานทำหน้าไม่ถูกเลย หวานเครียดตั้งหลายวัน แล้วยังขู่หวานเรื่อย ๆ อีก ทำไมพี่แกล้งหวานแบบนี้ล่ะ พี่มาร์คใจร้าย อิยักษ์โหด..." คนตัวเล็กโวยวายทุบอกแกร่งรัว ๆ จนชายหนุ่มต้องรวบมือเธอไว้แล
ลิ้นอุ่น ๆ ลากเลื้อยฝากรอยจูบประทับเป็นทางยาวจากซอกคอหอมกรุ่นของหญิงลงหาร่องอกตีตราความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน แล้วเงยหน้าสบตาคนตัวเล็กหยาดเยิ้มจนหญิงสาวต้องอึ้งราวกับต้องมนต์สะกด ปากหนาก้มลงครอบครองจุกสวยสีระเรื่อดูดเม้มเสียงดังจนเจ้าตัวสะดุ้ง มือหนาอีกข้างลูบไล้ทั่วแผ่นหลังจนร่างบางสยิวขนลุกซู่อย่างประหลาด "อือ.. พิ พี่มาร์ค อูย อย่าเม้ม" หญิงสาวพูดตะกุกตะกักขาดห้วงพลางสูดปากยาว เมื่อจุกสวยถูกปากสีเข้มเม้มดูดแรง ๆแล้วเลื่อนมาอีกข้างอย่างเสมอภาค "หวานดีจัง ถ้ามีลูก ลูกต้องชอบ 2 เต้านี้แน่ ๆ" ชายหนุ่มว่าพลางสบตาหวานเยิ้ม "บ้า... พี่พูดอะไร ใครจะมีลูก โอ๊ะ!" หญิงสาวถามอาย ๆ แล้วต้องอุทานตกใจ เมื่อจู่ ๆ คนที่นอนอยู่ลุกขึ้นจับเธอพลิกนอนหงายตั้งแขนทั้ง 2 คร่อมร่างเธอเอาไว้ แล้วสบตายิ้มกรุ้มกริ่ม"ก็หนูไง พี่ท้องเองไม่ได้หรอก" เสียงทุ้มว่าพลางส่งสายตาหวานเยิ้มจนคนตัวเล็กหน้าแดงตัวแดงขึ้นต้องหลบตา"บ้า... ปล่อยหวานเลยพี่มาร์คจะเกินเส้นมากไปแล้วนะ สว่างแล้วด้วยอีกเดี๋ยวน้องขวัญก็มา" คนตัวเล็กหาข้ออ้างพลางเอามือทาบที่อกแกร่งแล้วดันออกห่างตัวเบา ๆ *รู้หรอกเว้ยว่าไม่ใ
มือหนาสอดเข้าในผ้าห่มแล้วยกชายเสื้อนอนแขนยาวตัวใหญ่ของหญิงสาวขึ้นค่อย ๆ ยกถอดออกทางหัว ดึงออกจากแขนโยนลงพื้นลุกขึ้นนั่งมองคนหลับที่ขยับเปลี่ยนท่านอนขำ ๆ "เรื่องซ้อมตายไว้ใจหวานเลยจริง ๆ" ชายหนุ่มพึมพำแล้วล้มตัวลงนอนก่อนจะสอดมือไปจับที่ขอบกางเกงนอนของหญิงสาวค่อย ๆ ดึงลงเบา ๆ แล้วใช้เท้าช่วยเลื่อนกางเกงนอนตัวใหญ่ออกไปจนพ้นตัวพร้อมกับชั้นในตัวจิ๋วของเธอหลุดติดไปด้วย แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นมาหาผ้าขนหนูของหญิงสาวมาพันรอบเอวตัวเองถอดเกงกางวอร์มของตัวเองออกแล้วกลับไปนอนลงที่เดิม ก่อนจะรั้งร่างบางเข้ามากอดจนแนบชิด"เฮ้อ... ใครแกล้งใครวะเนี่ย กูทำกูเองอีกแล้วนะไอ้มาร์ค เป็นคนอื่นกูใส่จนพรุนไปแล้วแต่ไอ้ตัวเล็กนี่กลับเริ่มไม่ได้ซะงั้น" ชายหนุ่มพึมพำมองคนที่รั้งเข้ามากอดอย่างใช้ความคิด ก่อนจะค่อย ๆ ก้มลงประกบจูบปากบางเบา ๆ แล้วเลื่อนตัวขึ้นมากดหัวเธอซุกอกแกร่งของตัวเอง จับมือบางมาวางพาดที่เอวของตัวเองลูบหลังคนในอ้อมกอดเบา ๆ "เฮ้อ... ทำไม่ได้ว่ะ แม่ง..." ชายหนุ่มถอนหายใจพลางก้มลงจูบที่เรือนผมสวยแล้วข่มตานอนอย่างยากลำบาก "กู๊ดไนท์ นะตัวเล็ก"……….//……&he
"โอ๊ย!! เคยเจอที่ไหนล่ะคะ บอสกับโปรเฟสเซอร์ไม่เคยควงใครค่ะ เคยแต่ควงกันเองไปไหนมาไหนกัน 2 คน เวลาประชุมที ถ้าโปรเฟสเซอร์ว่ายังไงบอสก็เออออ หรือบอสว่าอะไรโปรเฟสเซอร์ก็เออออกะหนุงกะหนิงยิ่งกว่าอะไรซะอีก แล้วผู้หญิงหนึ่งเดียวที่ใกล้บอสก็คุณโรซี่นั่นแหละจนคนในออฟฟิศคิดว่านางเป็นแฟนบอสเลยไม่มีใครกล้าฉะกับนาง คิดจะไล่ใครออกก็ไล่ บางคนนางไล่ออกโปรเฟสเซอร์ก็ให้คนไปตามกลับมาทำงานก็มีนางนี่วี้ด ๆๆ เป็นหมาโดนน้ำมันเลยจ้า" โอปอล์ได้เพื่อนคุยก็ร่ายยาวอย่างคันปากคันคอทันที"แล้วบอสไม่ว่าอะไรเธอเลยหรือคะ เธอทำแบบนั้น" หญิงสาวเท้าคางถามอย่างสงสัย"จะว่าอะไรล่ะเห็นมีคนเคยพูดว่านางเคยช่วยบอสตอนที่บอสมาจากไทยใหม่ ๆ เลยถือเป็นบุญคุณกันล่ะมั้ง ทีแรกนางก็ทำฝ่ายการตลาดนี่แหละแต่นางไม่เอาใคร บอสเลยสั่งให้ย้ายเก็บเข้ากรุไปเป็นเลขาเหมือนต่อขาให้นางน่ะ ยืดคอสูงไปใหญ่ คิดจะชี้ใช้ใครก็ชี้จะไม่กล้าก็แค่กับโปรเฟสเซอร์เท่านั้นแหละ""แล้ว พิ...เอ้อ โปรเฟสเซอร์เค้าใจดีมั้ยคะ""มาก... ค่ะหนู คุณมาร์คคือนักสันถวไมตรีผู้สยบทุกอย่างบนโลกเคเอสของเราจ่ะ ใจดี ใจเย็น อ่อนน้อม น่
"เอ่อ ..." "หืม? มีอะไร" ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม เด็กที่กำลังนั่งอ้าปากหวออยู่ข้างหน้า"ไม่มีอะไรค่ะ หวานง่วง..." ว่าพลางปิดปากหาวหวอดขึ้นมาทันที"ง่วงก็ไปนอนก่อนไป" ชายหนุ่มสั่งในขณะที่ตายังอ่านเอกสารในมือ"แล้วพี่มาร์คไม่กลับห้องล่ะ หวานจะได้ปิดไฟ""พี่นอนนี่" คนตัวโตพูดเสียงนิ่งทำเอาเจ้าของห้องอ้าปากหวอ กระพริบตาปริบ ๆ "ฮะ!""ก็บอกว่าไปนอนก่อนเลยหรือจะให้พี่พาไปนอน งั้น ปะ" ว่าแล้วปิดแฟ้มในมือทำท่าจะลุกขึ้น"เดี๊ยว... พี่มาร์คไม่กลับห้องล่ะ" คนตัวเล็กเบรกยาวถามประโยคเดิมอีกรอบ"ก็บอกว่า พี่นอนนี่" มาร์คตอบเสียงนิ่งเหมือนปกติแต่แอบกลั้นขำเด็กงงอย่างสุดฤทธิ์"ไม่ได้หวานไม่ให้พี่มาร์คนอน" หญิงสาวว่าขึ้นเตรียมจะลุกหนีเข้าห้อง แต่ไม่ไวเท่าคนตัวโตที่คว้าแขนเอาไว้แล้วดึงลงมานั่งที่ตักตัวเองแบบง่าย ๆ"จะไปไหน" "ไปนอนค่ะ หวานง่วง" น้ำหวานตอบหน้าบึ้ง *ห้องตัวเองก็มีมั้ยวะ จะมานอนเพื่อ*"งั้นไปนอนกันพี่ก็ง่วง" พูดจบลุกขึ้นช้อนร่างบางเดินเข้าห้องหญิงสาวทันที"พี่มาร์ค ปล่อยหวานก่อน" น้ำหวานโวยวายทุบอกแกร่งไม
"พี่มาร์คกลับไปทำงานเถอะค่ะเดี๋ยวหวานจะเก็บของแล้ว" น้ำหวานเอ่ยขึ้นเบา ๆ พร้อมกับวางกระเป๋าสะพายตัวเองไว้ที่โต๊ะกลางก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องตัวเองเพื่อไปเก็บของแต่โดนมือใหญ่รวบกอดจากทางด้านหลังแล้วรั้งร่างบางเข้าไปแนบอก"จะไปไหน?""ก็กลับไทยไงคะ น้องขวัญไม่อยู่หวานจะอยู่ยังไง แล้วประธานศิลาคงไม่ให้หวานอยู่ต่อแน่ถ้าน้องขวัญไม่อยู่" เสียงเศร้าปนสะอื้นเบา ๆ ดังออกมาอย่างน่าสงสาร"ฟังพี่นะ (ว่าพลางจับคนตัวเล็กหันมาสบตา) ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหวานต้องได้ฝึกงานอยู่ที่นี่จนจบ เรื่องที่เกิดขึ้นหวานกับน้องขวัญไม่ผิดพี่จะไม่ยอมให้การตัดสินใจของมันทำลายอนาคตของหวานได้ พี่สัญญานะ" ชายหนุ่มว่าเสียงทุ้มพลางเช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วรั้งร่างบางเข้ามากอดแนบอก"แล้วพี่มาร์คจะค้านประธานศิลาได้หรือคะ ถ้าเขาไม่ให้หวานฝึกต่อ...""หวานเป็นเด็กทุนของคุณปู่นี่ไม่ใช่เด็กทุนของไอ้ศิมันซักหน่อย แล้วถ้าฝึกจบมันไม่ให้ทำงานต่อ พี่ฝากหวานเข้าทำงานในมหาลัยได้" ชายหนุ่มปลอบใจเสียงทุ้ม"แล้วหวานต้องทำไงต่อคะ หวาน..." "หวานก็ไปทำกับข้าวมากินกันไง นี่บ่ายแล้วนะ