"เอาล่ะ สรุปกันได้แล้วหรือยังลูกจะถึงเวลาแล้วนะ" ท่านคณบดีผู้มีศักดิ์เป็นลุงเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าพี่น้องคุยกันค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจและตอนนี้พระก็เริ่มทยอยมากันแล้ว
"ครับ ลุง!" 2 พี่น้องต่างแม่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน
"งั้นก็เตรียมได้แล้วลูก มาร์ค เนส นิค มานั่งกับลุง" คนเป็นลุงพูดขึ้นทำให้ทั้ง 3 เดินไปนั่งข้าง ๆ ลุงอย่างว่าง่าย แล้วพิธีต่าง ๆ ก็ดำเนินการไปจนเสร็จสิ้นทุกอย่างรวมถึงทำบุญผ้าป่ากับเงินส่วนที่เหลือในงานจนหมดตามที่คุณนงนารถว่าไว้และตอนนี้ทุกคนก็เตรียมแยกกันเพื่อไปดำเนินชีวิตต่อ โดยที่บรรดาเพื่อนของมาร์คที่อยู่ช่วยงานจนแล้วเสร็จนั้นต้องเดินทางกลับก่อนเพราะศิลาต้องไปต่างประเทศกับคุณปู่ โรมต้องไปเฝ้าร้านแทนพี่ชายที่ภรรยาเพิ่งคลอด ส่วนเทนนั้นเขาสนใจที่จะเปิดบริษัทส่งออกของตัวเองเมื่อเรียนจบจึงเริ่มเข้าไปศึกษางานที่บริษัทของพี่เขยตั้งแต่เนิ่น ๆ
"มาร์ค มึงจะผ่อนบ้านจริง ๆ ดิ" เนสพูดขึ้นขณะที่กำลังนั่งทานข้าวกัน 4 คนแม่ลูก
มาร์คเงยขึ้นสบตากับแม่เลี้ยงอย่างขอคำปรึกษา คุณนงนารถก็ขยิบตาเล็ก ๆ ให้ชายหนุ่มเล่นละครต่อ "อือ...มึงจะได้ไม่ต้องขับรถไกลไงแล้วมันก็เป็นความต้องการของพ่อตั้งแต่ทีแรกด้วย อีกอย่างปีหน้านิคมันก็ต้องไปเรียนอีกอยู่ดีก็ดีกว่าเช่าเรียนจบกันหมดไม่มีใครอยู่กูก็ขายคืนไอ้ศิมันไป" มาร์คว่าพร้อมกับตักข้าวเข้าปาก
"แล้วมันผ่อนแพงมั้ยวะ" เนสว่าอย่างเป็นกังวล พร้อมกับตักข้าวเข้าปาก
"ก็ประมาณเกือบ ๆ 3 หมื่นแหละ มันเป็นบ้านเดี่ยวแล้วกูก็ไม่มีเงินดาวน์มากไง ไอ้ศิมันเลยช่วยคุยกับคุณปู่ให้ ผ่อนแบบตรงไม่ต้องผ่านธนาคาร" คำพูดของมาร์ค เนสได้ฟังเชื่อจริงจังมากเพราะเพื่อนรักของมาร์คเป็นถึงหลานชายคนเดียวของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของไทย ซึ่งเขาไปแอบเซิร์ชข้อมูลมาแล้วว่าใช่จริง ๆ
"แล้วมึงจะไหวเหรอวะ" เนสเลิกคิ้วถามพลางตักข้าวเข้าปากพลาง
"ที่ผ่านมึงว่ากูไหวมั้ยล่ะ ค่าเทอมมึงตั้งกี่บาทของกูอีก ค่ายาพ่อ ค่าน้ำค่าไฟบางเดือนย่ามาอยู่ค่าน้ำไฟเพิ่มหลายเท่ากูต้องหามาเข้าบัญชีให้มันตัดก่อนสิ้นเดือน น้ำไฟคอนโดกูค่าโทรศัพท์ก็ตัดไปก่อนดิ ไปนอนร้านเอาค่อยหาจ่ายทีหลัง" มาร์คพูดถึงค่าใช้จ่ายที่เขาต้องรับผิดชอบที่ผ่านมา
"โห...แล้วมึงไปหาจากไหนได้วะ เรียนก็ยังไม่จบเงินตั้งเยอะ บางเดือนแค่ค่าไฟก็เกือบ 2 หมื่นเลยนะ" เนสว่าเชิงปรึกษาเพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยทำงานเองเลย มีแต่ขอแม่หมดแล้วขอย่าวนลูปไปอยู่แค่นี้
"งานในกรุงเทพมันไม่ต้องรอเรียนจบก็ได้เว้ย อย่างวันไม่มีเรียนกูก็ตื่นแต่เช้ามาวิ่งส่งอาหาร บ่ายมันร้อนกูก็กลับมานอน เย็นกูก็ออกไปทำงานที่ร้านพี่ไอ้โรมมัน ถ้าวันไหนเรียนบ่ายกูก็วิ่งส่งอาหารเช้า เรียนเสร็จก็ไปร้าน เรียนเช้าเสร็จก็ไปร้านเลยกินข้าวเย็นที่ร้านเอา เขามีเลี้ยงเราก็กิน" มาร์คว่าอย่างสบาย ๆ เขาทำแบบนั้นจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำทุกวันเพราะรายได้ของเขาจากการเป็นนักร้องค่อนข้างดี วันไหนเขาเหนื่อยหรือเมาเขาก็ไม่ได้ไปส่งอาหารในตอนเช้าและคิดว่าต่อไปค่าใช้จ่ายเขาน้อยลงไม่มีค่ายา ค่าน้ำไฟที่ย่าเปิดเล่น เขาคงเหนื่อยน้อยลงและมีเวลาอ่านหนังสือและเก็บเงินไว้ต่อ ป.โทได้อีก
"โห...แล้วมันจะหาได้ถึงค่าผ่อนบ้านเดือนละ 3 หมื่นหรือวะ ค่าเทอมมึงอีกนะ" เนสว่าพลางขมวดคิ้ว
"มึงก็อย่าเบียดเบียนกูดิ ค่าเทอมมึงก็หาเอง กูก็จะได้มีเงินจ่ายค่าบ้านไงหรือไม่เอาก็ได้นะ มึงไปนอนกับกูมั้ยล่ะ แต่ปูเสื่อนอนข้างล่างนะเตียงกูเล็ก" มาร์คว่าสบาย ๆ แต่คนที่ฟังแล้วขำกลับเป็นแม่เลี้ยงของเขา และเธอก็แอบดีใจที่หลังจากศพสามีผ่านไปเนสยอมพูดดีกับมาร์คมากขึ้นซ้ำยังเป็นคนปฏิเสธไม่ให้ย่ามาอยู่ที่บ้านนี้ด้วย เพราะกลัวว่าตอนนี้ไม่มีพ่อแล้วย่าจะทำร้ายแม่และโกรธที่ย่าขายบ้านที่บอกว่าพ่อจะซื้อให้ตัวเอง
"ไม่อะ ถ้าจะนอนกองกันขนาดนั้นกูไปกลับเหมือนเดิมดีกว่า" เนสว่าพลางรวบช้อนยกน้ำขึ้นดื่ม
"แสดงว่าบ้านไม่เอา?" มาร์คเลิกคิ้วถาม
"แล้วแต่มึงเหอะ มึงผ่อนหนิ กูยังไม่รู้จะหาค่าเทอมเทอมหน้าได้หรือเปล่าเลย ขอย่าไม่ได้แล้วด้วย" เนสว่าพลางถอนหายใจแล้วลุกขึ้นหยิบจานตัวเองเข้าครัว
"จะเอายังไงล่ะพี่มาร์ค พี่จะซื้อบ้านจริงดิ" น้องชายคนเล็กเอ่ยถามเสียงเบา
"แล้วนิคไม่อยากมีบ้านในกรุงเทพเหรอ เวลาว่างก็พาน้านารถไปนอนที่นั่นด้วยกันไง" พี่ชายคนโตว่ากับน้องชายยิ้ม ๆ
"อยากมันก็อยาก แต่ตอนนี้บ้านเราไม่มีพ่อแล้วนะ แล้วไม่รู้ว่าย่าจะกลับรังควานอีกเมื่อไหร่ มาทีไรเปิดไฟทิ้งทั้งบ้านใครปิดก็ด่า ๆๆ ผมนี่อยากต่อยปากคนแก่ให้ฟันร่วง" น้องชายอารมณ์ร้อนว่าขึ้น
"ช่างเขาเถอะ ยังไงตอนนี้บ้านเราก็ไม่มีอะไรให้ขายแล้วนี่เหลือแต่สวน มันก็เป็นชื่อพี่ นิคก็อยู่ดูแลแม่ช่วงนี้ก็หาวิธีช่วยแม่เพิ่มรายได้ จะได้แบ่งเบาภาระแม่ไปด้วยเก็บเงินไว้เรียนด้วย" พี่ชายสอนน้องเล็กยิ้ม ๆ
"มาร์คจะกลับไปกรุงเทพเมื่อไหร่ลูก" แม่เลี้ยงเอ่ยถามลูกชายคนโตของสามีพร้อมกับมองหน้านิ่ง ๆ
"ว่าจะกลับพรุ่งนี้ครับน้านารถ ผมขาดงานมาหลายวันแล้วก็จะเข้าไปดูบ้านด้วยครับ ขาดเหลืออะไรจะได้หาเตรียม"
"แล้วคอนโดล่ะลูก" นงนารถยังเป็นห่วงลูกเลี้ยงหนุ่ม
"ก็ไว้งั้นแหละครับ อาจจะปล่อยให้เพื่อนกันเช่าห้องจะได้ไม่โทรม" ชายหนุ่มตอบตามตรง
"ตามใจละกันขาดเหลืออะไรก็บอกน้านะลูก" นงนารถยังพูดกับชายหนุ่มอย่างห่วงใย
"ไม่เป็นไรครับน้านารถ ผมดูแลตัวเองได้พรุ่งนี้ผมตื่นแล้วว่าจะไปเก็บมะม่วงกับมะยงชิดซักหน่อยแล้วออกไปเลยนะครับน้านารถจะได้ไม่ต้องปลุก" ชายหนุ่มว่าพลางบอกกำหนดการตัวเองยิ้ม ๆ เมื่อมองปฏิทินที่ติดอยู่ข้างผนังบอกว่า พรุ่งนี้วันพระ ตอนนี้สมองเขาคิดถึงหน้าตาจิ้มลิ้มของแม่ค้าตัวน้อยที่สอนเขาไหว้ศาลจนได้ทิปเกือบ 2 หมื่น และเขาตั้งใจว่าจะซื้อขนมไปให้เลยคิดว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าปีนเก็บมะม่วงหน้าบ้านกับมะยงชิดในสวนไปฝากที่แยกไฟแดงซักหน่อยดีกว่าแล้วสั่งให้เอาพวงมาลัยไปส่งที่ร้านในตอนเย็นด้วยน่าจะดี
"อ้าว ทำไมรีบล่ะลูก" นงนารถหน้าเสียทันทีที่ลูกเลี้ยงจะกลับไปเรียนต่อ
"ก็ผมเอามอเตอร์ไซค์มานี่ครับ ออกสายก็ร้อนสิ" มาร์คพูดยิ้ม ๆ
"เออ...ใช่ น้าว่าจะถามอยู่ มาร์คเปลี่ยนเป็นรถยนต์ดีมั้ยลูก คันนี้เอาไว้เข้าสวน" นงนารถหาข้ออ้างจะเปลี่ยนรถให้ชายหนุ่ม เพราะจริง ๆ ครอบครัวก็ไม่ได้ขัดสนอะไรถึงขั้นไม่มี เพราะนง
นารถเป็นคนประหยัดและเก็บออม เธอจึงมีเงินเก็บในบัญชีส่วนตัวที่สามีให้เปิดไว้หลายสิบล้าน แต่ที่ต้องอยู่กันแบบนี้เพราะไม่อยากให้แม่สามีมาวุ่นวายกับเธอและลูกเลยทำให้ลูก ๆ และคนภายนอกเข้าใจว่าครอบเธอขัดสนมากขึ้นเมื่อขาดผู้เป็นพ่อและเธอเพิ่งออกรถเก๋งคันใหม่ให้เนสเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่มาร์คยังขับมอเตอร์ไซค์คันเก่าที่พ่อซื้อให้ตั้งแต่ ม.ปลายอยู่เธอเลยอยากซื้อให้มาร์คด้วย"ไม่ครับน้านารถ รถเก๋งเสียดายตังค์เติมน้ำมัน วิ่งก็ช้า มอไซค์นี่แหละครับง่ายแล้วอีกอย่างผมก็วิ่งส่งอาหารด้วยมันหาเงินง่ายกว่า" มาร์คให้เหตุผลยิ้ม ๆ
"รีบแบบนี้ พี่มาร์คมีแฟนแล้วใช่ปะ" นิคที่นั่งกินขนมอยู่เงียบ ๆ เอ่ยแซวพี่ชายพร้อมทั้งชี้ส้อมใส่หน้าอย่างจับผิด
"มะเหงกหนิ เวลาจะนอนยังแทบไม่มีจะเอาเวลาไปจีบใครวะแล้วผู้หญิงที่ไหนจะอยากซ้อนท้ายว้าเหว่เก่า ๆ กันล่ะ เขาไปนั่งเกาะเอวบิ๊กไบก์กันหมดแล้ว" ชายหนุ่มพลางเอื้อมมือไปโยกหัวน้องชายคนเล็กอย่างเอ็นดู
"มาร์ค พรุ่งนี้มึงกลับพร้อมกูดิ เอารถไว้ให้นิคมันใช้" เนสที่เดินออกมาจากห้องครัวพูดขึ้น
"บ้าดิ กูบอกน้านารถแล้ว ไม่มีรถกูจะเอาไหนหากิน กูต้องส่งอาหาร ต้องทำงาน" มาร์คให้เหตุผลแล้วคุยกันเรื่องต่าง ๆ จนดึกจึงพากันแยกย้ายไปนอน....
..........//.........
สี่แยกใหญ่ที่การจราจรแสนหนึบหนับกลางเมืองหลวง รถมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่ (แต่ค่อนไปทางเก่า) วิ่งขึ้นมาจอดที่ริมฟุตบาทไม่ห่างจากกล่องพวงมาลัยกล่องเล็กคุ้นตามากนัก ชายหนุ่มตั้งขาตั้งรถถอดหมวกกันน็อกแล้วกวาดตามองหาแม่ค้าตัวน้อยที่ตั้งใจเก็บมะม่วงกับมะยงชิดมาฝากเต็มตะกร้ามอเตอร์ไซค์ และมีเค้กโบราณหน้ารวมติดมาด้วยอีกกล่อง"มาซื้อมาลัยหรือพ่อหนุ่ม" เสียงตาแก่ที่ถือไม้แขวนพวงมาลัยดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้มาร์คหันกลับไปมองอย่างสงสัย"เอ่อ... ผมมาหาแม่ค้าพวงมาลัยตัวเล็ก ๆ ที่น้องขายอยู่ตรงนี้น่ะครับตา" ชายหนุ่มเอ่ยตอบพลางมองชายดังกล่าว แกเป็นคนแก่อายุน่าจะมากกว่า 60 ผิวน้ำตาลกร้านแดด ผมเผ้าหวีเรียบร้อย ที่สำคัญคือเสื้อผ้าที่ใส่ถึงจะเก่าแต่ก็ดูสะอาดสะอ้านมาก ขาด้านขวาแกโดนตัดขึ้นเหนือเข่ายืนถือไม้ค้ำยันมองหน้าเขายิ้ม ๆ "อ๋อ... เจ้าน้ำหวานน่ะเหรอ วันนี้ไปฟังผลสอบน่ะกลับมาก็น่าจะเที่ยงโน่นแหละ ขอไปกินไอติมที่ตลาดกับเพื่อนเขาด้วย พ่อหนุ่มมีอะไรล่ะจะสั่งพวงมาลัยหรือลูก" ตาน้อยเอ่ยถามพลางมองสำรวจชายหนุ่มยิ้ม ๆ "ครับตา วันนี้วันพระผมเลยจะแวะสั่งมาลัยให้น้องไปส่งตอนเย็นน่ะครับ แล้วพอดีกลับบ้านม
"แหม พูดถึงนี่ยิ้มเลยนะครับนะแต่กูก็ว่าน้องเค้าน่ารักนะ เลี้ยงต้อยซัก 7-8 ปีคงใช้งานได้" เทนว่ายิ้ม ๆ"มึงนี่ก็ คิดอะไรบาปไปนะไอ้เทน กูแค่เอ็นดูน้องเค้า ตัวแค่นี้รู้จักทำมาหากิน แล้วพูดเก่งมากกูว่าถ้ามีน้องสาวแบบนี้คงจะหนวกหูดี ดีกว่าอยู่เงียบ ๆ" มาร์คว่าขำ ๆ ตามความคิดของตัวเอง"อ่อ... อยากเป็นพี่ชาย น้องมัน?"โรมเลิกคิ้วถาม"เออ... กูว่ามันน่าจะดีกว่าน้องชายปากหมา ๆ อย่างไอ้เนส กับใจร้อนอย่างไอ้นิคว่ะ" มาร์คบอกเพื่อนพลางกระดกเบียร์หมดกระป๋องแล้วจะคว้ากระป๋องใหม่มาเปิด"ของกู" เทนรีบคว้าก่อนทำให้ได้รับค้อนวงน้อย ๆ จากเพื่อนก่อนที่มาร์คจะลุกขึ้นไปหยิบมาใหม่อีก 3 กระป๋อง"กูว่าเราสั่งข้าวมากินกันเถอะจะบ่ายละ นอนซักพักกูต้องออกไปร้าน เมื่อคืนพวกเมาแล้วตีกันเละเทะฉิบหาย" โรมว่าพลางเปิดแอปสั่งอาหาร"อือ ดี กูก็เพลีย ๆ ว่ะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พวกมึงต้องไปดูบ้านกับกูนะ เฟอร์บางส่วนกูจะขนออกมาเก็บหลังร้านก่อนแล้วค่อยทยอยขนไปเดือนละอย่าง 2 อย่าง มีเยอะเดี๋ยวไอ้เนสมันสงสัย" มาร์คบอกความคิดกับเพื่อน ใจเขาคิดว่าเมื่อบอกว่าซื้อบ้านมือสอง หลุดจำนองมัน
"เฮ้ย ... มึงดูถูกไอ้มาร์คมันไปนะไอ้เนส มันนี่หลานรักคุณปู่ไอ้ศิเลยนะเว้ย บ้านแบบนี้ขอฟรียังได้นับอะไรกับขอผ่อนวะ" โรมว่าแทรกเข้ามาในเครื่อง"ใช่โรม มึงเตรียมมาทำความสะอาดก่อนขึ้นบ้านใหม่เลยไอ้เนส ถ้าไอ้มาร์คมันกู้ไอ้ศิไม่ได้ กูซื้อให้มันผ่อนกับกูเอง" เทนว่าพลางเดินมากอดคอเพื่อนแล้วยักคิ้วให้กล้อง"ตามนี้นะเนส มึงพูดแล้วนะว่าจะมาทำความสะอาดเองน่ะ" มาร์คว่ากับน้องชายต่างแม่ยิ้ม ๆ"แล้วมึงไม่ช่วย?" เนสสวนมาทันที"กูต้องทำงานเว้ย กลับบ้านไปเงินเก็บกูหมดทุกบาท อีกไม่กี่วันก็ค่าน้ำค่าไฟค่าเทอมกูแล้วเทอมนี้มึงแค่รักษาสถานภาพไม่กี่พันกูนี่เป็นแสนเลยนะ มึงก็มาทำเองแล้วกัน เออ...ถ้าน้านารถจะให้ตังค์มาซื้อของก็โอนมาละกัน แล้วบอกว่าจะซื้ออะไรให้มึงมั่งกูจะได้สั่งร้านเขาเอามาส่ง มึงมาจะได้มีใช้" มาร์คให้เหตุผลที่น่าสงสารของตัวเอง จนเพื่อนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลั้นขำ"เออ... ให้มันได้จริง ๆ เหอะไม่ใช่ให้แม่ดีใจเก้อ จะให้ลงไปทำเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกันแล้วมึงจะไม่ซื้อของมึงล่ะ" เนสว่าพลางหลบสายตาพี่ชายต่างแม่ทั้งยังรู้สึกละอายใจที่ผ่านมาเขาได้ใช้เงินแบบสบาย
เปิดเทอมวันแรกที่แสนจะวุ่นวายของภาคเรียนที่ 2 ของโรงเรียนขยายโอกาสไม่ไกลจากมหาลัยวิทยาลัยชื่อดังเท่าไหร่นัก เด็กหญิงพรสิตาวิ่งกระหืดกระหอบแก้มแดงเข้าโรงเรียนจนผมหน้าม้าฟูฟ่องเปิดหน้าผากมันแผล็บมาแต่ไกล แล้วไปหยุดก้มจับเข่าหอบแฮ่ก ๆ อยู่หน้าห้องเรียนที่เพื่อนกำลังช่วยกันจัดโต๊ะเรียนให้เข้าที่ สภาพเธอตอนนี้เสื้อนักเรียนคอบัวสีขาวที่เธอบรรจงรีดไว้อย่างดีเมื่อคืนถูกโคลนสาดจนกลายเป็นสีน้ำตาลเกินครึ่ง กระโปรงนักเรียนที่อัดกลีบจนมันมีน้ำสีน้ำตาลหยดที่ชายกระโปรงลงพื้นเป็นระยะ ดูแล้วมอมแมมจนครูประจำชั้นขมวดคิ้ว"พรสิตาไปทำอะไรมาลูก ทำไมสภาพเป็นแบบนั้นล่ะ" ครูประจำชั้นเอ่ยถามเด็กน้อยอย่างเป็นห่วงสภาพนี้เธอจะนั่งเรียนกับเพื่อนได้ยังไง"ตอนหนูวิ่งมา รถขนปลาเหยียบน้ำที่หน้าตลาดใส่ค่ะแต่หนูเห็นว่ามันจะสายแล้ว แล้วโรงเรียนก็ใกล้กว่าหนูเลยไม่กลับไปเปลี่ยนค่ะ เดี๋ยวมันก็แห้ง" เด็กน้อยว่าหงอย ๆ วันนี้เธอตั้งใจแต่งชุดสวยมาเปิดเรียนวันแรกแถมโบผูกผมอันใหม่ที่เธออยากได้ เธอกลั้นใจซื้อมาจากห้างก็เปื้อนไปด้วย"โถ่...แล้วจะนั่งเรียนยังไงล่ะลูก" คุณครูใจดีว่าอย่างสงสาร"หนูยืนตรงน
"มึงมีน้องสาวเหรอ?" ศิลาถามขึ้นนิ่ง ๆ"ไม่มี แค่เด็กขายพวงมาลัย กูเห็นน้องมันขายหน้าแดงหน้าดำกูเลยอุดหนุนไอ้พวกนี้ก็แซวแรงไป" มาร์คตอบเพื่อนรักตัดรำคาญ พร้อมทั้งนึกถึงหน้าใส ๆ แก้มแดง ๆ เมื่อเช้า ที่เขาพานั่งหน้ารถไปส่งที่บ้านแล้วพากลับไปส่งที่โรงเรียน เจ้าตัวไหว้สวยทั้งไปทั้งกลับ ถ้าตอนเย็นเจออีกก็คงจะไหว้อีกแน่ ๆ เมื่อคิดถึงตอนนั้นชายหนุ่มจึงเผลอยิ้มออกมา พร้อมทั้งส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างเอ็นดู"เคลิ้มครับ ยิ้มครับ พูดถึงแล้วหน้าบานไม่หุบ มึงบอกว่าน้องมันอยู่กับตา ไม่ไปขอมาเลี้ยงเองเลยล่ะ ตัวแค่นั้นไม่กินเปลืองอะไรหรอกมั้ง" โรมหันมาว่าเพื่อนขำ ๆ"ไอ้โรม น้ำหวานไม่ใช่หมากูจะได้ขอมาเลี้ยงเล่น มึงจะกลับบ้านก็ไปซะที ลากกูเข้าคุกอยู่นั่นแหละ" มาร์คว่าเสียงดังใส่เพื่อนไม่จริงจัง พร้อมกับลุกขึ้นถอดเสื้อเดินเข้าห้องส่วนตัวไป"มึงก็หยอกแรงไปไอ้โรม กูว่าไอ้มาร์คมันเอ็นดูน้องมันจริง ๆ นั่นแหละ ขนาดกูเจอครั้งเดียวยังถูกชะตาเลย หรือมึงไม่ถูกชะตาน้องมัน" เทนหันไปว่าเพื่อนด้วยกลัวว่าเพื่อนอีกคนจะโกรธจริง เพราะเขาก็ไม่เคยมีน้องผู้หญิง เขาเองก็คิดว่าน่าจะดีถ้าได้ยินเสียงแจ๋
"ไม่รบกวนหรอกลูก ถ้าไม่รังเกียจก็ทานด้วยกันถือว่าตาขอบใจที่พาเจ้าหวานมาส่ง" ตาน้อยว่าอย่างใจดี ท่านมองสายตาคนออกว่าแต่ละคนคิดกับหลานสาวท่านยังไงและมองออกว่าสายตาที่โรมกับมาร์คมองนั้นเหมือนสายตาที่ผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กมากกว่าจะมองไปถึงเรื่องชู้สาว"งั้นผมไม่เกรงใจนะครับตาแล้วเห็นน้องหวานบอกว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนนี่ครับ" โรมยังเอ่ยถามคำถามเดิมแต่ตอนนี้น้ำหวานหายไปแล้ว"อ๋อ...น้องเพลงหลานลุงกรณ์ข้างบ้านเรานี่แหละ เพื่อนเรียนด้วยกัน ป่วยเป็นมะเร็งก้านสมอง ตอนนี้หมอให้มารักษาที่บ้าน" ตาน้อยตอบพลางถอนหายใจเบา ๆ"ตาจ๋าหาข้าวเลยนะคะ เดี๋ยวจะเลยเวลากินยาแล้วเดี๋ยวกินเสร็จหนูจะเอาส้มไปฝากเพลงนะคะ หนูซื้อมาให้ตาด้วยนะ" เสียงแจ๋ว ๆ ว่ามาจากในครัว พร้อมกับร่างเล็กในชุดอยู่บ้านเป็นกางเกงสามส่วนเสมอเข่ากับเสื้อกีฬาตัวใหญ่ประคองถาดกับข้าวที่มี 2-3 อย่างเข้ามาด้วยแล้ววางบนโต๊ะเล็กก่อนจะเดินไปหยิบเสื่อกระจูดที่วางอยู่มุมห้องมาปูแล้วยกถาดมาวางด้านล่าง"บ้านเราไม่มีโต๊ะทานข้าวนะคะพี่โรม พี่เคยนั่งทานแบบนี้มั้ยคะ เดี๋ยวหนูแบ่งให้พี่นั่งทานบนโต๊ะเขียนหนังสือหนูนะคะ" คนตัวเล็กว่าอย่างเก
"อ่อ...ครับ พวกผมไม่มีน้องสาวกันครับ พอมาเจอเจ้าตัวเล็กนี่พูดจ๋อย ๆ ก็หนวกหูดีครับตา ดีกว่าไอ้พวกน้องชายหลานชายผมเยอะเลยครับ" โรมพูดออกมาขำๆ"โอ๊ย... เจ้านี่เค้าพูดมากเชียวล่ะ แต่ยายเค้าสอนให้พูดสุภาพ พูดให้เป็นมงคลปาก ยายเค้าสอนตั้งแต่จำความได้เชียว" ตาน้อยพูดถึงการอบรมหลานของภรรยายิ้ม ๆ"แบบนี้ผมขอมาเล่นกับน้องจะน่าเกลียดมั้ยครับตา ผมถูกชะตาน้องยิ่งไอ้มาร์คยิ่งชอบใจใหญ่ บ้านมันมีแต่น้องชายตีกันประจำ" โรมขออนุญาตตาของแม่ค้าตัวน้อยพร้อมทั้งพูดถึงมาร์คขำ ๆ"ถ้าพอดีไม่เกินงามก็ได้ลูก มีคนเอ็นดูดีกว่าคนนินทา แต่ก็พองาม" ตาน้อยเอ่ยอนุญาตพลางปรามไปในตัว"ขอบคุณครับตา งั้นวันนี้ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับตา" โรมกล่าวลาพร้อมกับยกมือไหว้แล้วเดินออกไปหารถที่จอดอยู่ข้างรั้วหน้าบ้านแล้วขับกลับไปที่ร้านหาเพื่อนและเมื่ออยู่กัน 3 คน โรม มาร์ค เทนโรมได้เล่าเรื่องของน้ำหวานให้เพื่อนรักทั้ง 2 ฟัง ซึ่งทั้ง 2 พอรู้ก็ยิ่งสงสารที่เด็กสาวตัวแค่นี้สู้ชีวิตขนาดนี้และไม่เคยเอ่ยถามหาพ่อแม่ให้ตาได้ยินเลยตั้งแต่เริ่มพูด ทั้งการทำอะไรที่เรีย
"เอ้อ...ไอ้นี่ก็เร่งน้อง เอาถุง 200 ถุงนึงครับแม่ค้า" โรมดุมาร์คพลางหันไปสั่งแม่ค้าพร้อมกับยิ้มหวานตามสไตล์คาสโนว่าตัวพ่อแห่งสรันบาร์จนแม่ค้าอายม้วนไปทันที"แต่หนูยังไม่ได้ตัดสินใจเลยนะคะพี่โรม" เสียงเล็กว่าขึ้นอย่างเกรงใจ ไม่ใช่ไม่อร่อยแต่โรมสั่งถุงละ 200 ซึ่งมันแพงไปสำหรับเธอ"อันนี้เขาเรียกว่ากับแกล้มครับอิหนู หวานกับตากินกับข้าวต้มหรือกินเล่นได้แต่พวกพี่กินกับเบียร์กับเหล้าครับ" โรมว่าพลางยื่นเงินให้แม่ค้า"แล้วกินกับเหล้ากับเบียร์นี่หวานชิมด้วยได้มั้ยคะ" คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นถามตาแป๋วแล้วยิ้มอย่างทะเล้น"ทะลึ่ง!!" 3 เสียงประสานกันจนคนที่มาตลาดหันมามอง "ตัวเท่าเมี่ยงจะกินเหล้ากินเบียร์ ไป กลับ เอาอะไรอีกมั้ยเดี๋ยวตะวันตกดินไม่ได้เล่นน้ำนะ" มาร์คหันมาดุคนตัวเล็กที่ยืนทำหน้ามุ่ยอยู่ตรงกลางกลุ่ม"ค่า... ดุจัง อย่าให้โตเต็มวัยนะ จะกินแข่งพี่มาร์คเลยแล้วหนูก็จะ 13 แล้วด้วยนะคะ ไม่ใช่เท่าเมี่ยง" คนตัวเล็กว่าเสียงหวาน แต่ปนความงอนงอแงนิด ๆ ถึงพวกเขาจะรู้จักกันแค่ไม่กี่เดือนแต่เธอก็สนิทใจมากพอที่จะกล้างอแงได้เพราะเห็นว่าพวกพี่ ๆ ใจดีและตาน้อยก็ไว้
3 ปีต่อมามหาบัณฑิตสาวสวยเดินหอบดอกไม้ช่อโตยิ้มร่าเข้ามาหาชายสูงวัยวันนี้ลุงปกรณ์มาตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับหญิงสาวเมื่อ 3 ปีก่อนเพื่อแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิตคนใหม่และเพื่อนรักอย่างของขวัญ ซึ่งการมาของลุงกรณ์ในครั้งนี้ไม่ได้มาคนเดียว แต่เป็นการมาครอบครัวใหญ่ประกอบไปด้วยครอบครัวของมาร์คที่มากันครบและพาคุณย่าวัย80 กว่ามาด้วยและที่เซอร์ไพรส์คืออามนตรีที่บินตรงจากอเมริกาเช่นกัน และยังมีครอบครัวของศิลาและของขวัญที่มีประมุขของบ้านมาแสดงความยินดีกับหลานสาวทั้ง 2 และที่ขาดไม่ได้คือพี่ชายทั้ง 2 ของ 2 สาวและครอบครัว และเพื่อนรักไข่มุกที่มาพร้อมสามีและลูกสาวตัวน้อยวัยกำลังพูดคุยที่มาร์คค่อนข้างจะหลงมากตั้งแต่แรกเห็น ทั้งขออุ้มขอหอมดูหวงและโอ๋สุดพลังจนพ่อเด็กกลัวว่าจะไม่ได้ลูกคืนโดยการมาครั้งนี้เป็นการจัดการ2 สามีของ 2 สาวที่เช่าเครื่องบินเหมาลำทั้งมาและกลับไทยเพื่อไปฉลองปริญญาที่บ้านเกิดอีกรอบ"ที่รัก เป็นอะไรครับทำไมหน้าซีด ๆ หนูนอนไม่พอรึป่าว" มาร์คเอ่ยข้างหูภรรยาคนสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่เครื่องบินกำลังเหินฟ้ามุ่งสู่ประเทศบ้านเกิด"หวานเวียนหัว
"ตายแล้ว นี่อะไรกันเนี่ย" น้ำหวานอุทานตาโตเมื่อเดินเข้ามาในห้องพักของตัวเองแล้วเห็นถุงสินค้าแบรนด์ดังเกือบ 20 ถุงวางอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น หญิงสาวรีบวางกระเป๋าแล้วเดินไปหยิบถุงที่เล็กที่สุดมาเปิดแล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อตรวจแล้วสินค้าทุกถุงถูกตัดป้ายราคาออกทั้งหมด ทำให้หญิงสาวต้องหอบของทุกถุงลงวางกับพื้นแล้วเปิดทีละถุงออกมากดดูราคาสินค้าทางช็อป"แปดแสน!" หญิงสาวอุทานตาโตกับราคากระเป๋าสะพายหนังอะไรซักอย่างสีดำใบกระทัดรัดที่เพียงพอแค่ใส่กระเป๋าสตางค์ใบสั้นของเธอกับมือถือหน้าจอ 6.7 นิ้ว ได้เท่านั้น"ตาย...ทำไมมันแพงขนาดนี้เนี่ย" หญิงสาวบ่นพึมพำแล้วเปิดกล่องรองเท้าผ้าใบที่คล้ายกันอยู่ 2 คู่เป็นของผู้ชายและของผู้หญิงแล้วเมื่อเช็คราคาและคำนวณเป็นเงินบาทไทยอย่างรวดเร็วก็ถึงกับหน้ามืด "คู่ละ 6 หมื่น! พี่มาร์คเป็นบ้าอะไรทำไมใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้เนี่ย" แล้วหยิบกล่องที่บรรจุสูทตัวแพงที่มีรุ่นติดอยู่ที่ฝากล่องออกมาเสิร์ชหาราคาพร้อมกับคำนวณเป็นเงินไทยแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะค่อย ๆ ปิดกล่องอย่างเบามือ"ตัวละ สะ สะ สี่แสนเลยเหรอ แล้ว ๆ ๆ มี 3 กล่อง คุณพระ! อิหวานจะเป็นลม ใส่แล้วมั
เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษร่างบางเดินหน้างอเข้ามากระแทกก้นสวยลงที่เก้าอี้ด้านหลังของโต๊ะทำงานในห้องผู้ช่วยท่านประธานสาขา แล้วชำเลืองมองคนที่กำลังทำท่าอ่านเอกสารอย่างขมักขเม้นเหมือนไม่ได้รู้สึกว่าเธอเดินเข้ามาในห้อง"โปรเฟสเซอร์คะ หวานขอลางานครึ่งวันค่ะ" เสียงหวานว่าขึ้นอย่างแง่งอน"ไม่อนุญาตครับ วันนี้คุณน้ำหวานยังไม่ช่วยผมทำงานซักบรรทัดเลยนะครับ" เจ้าของห้องว่าขึ้นนิ่ง ๆ"งั้นเอางานมาค่ะหวานจะทำ ไม่ใช่ให้มานั่งเป็นตุ๊กตาเสียกบาลอยู่แบบนี้""จะทำตอนนี้เลยหรือครับ" ชายหนุ่มหันมามองหน้าสายตากรุ้มกริ่ม แล้วจ้องหน้าอกคู่สวยที่ดันเชิ้ตผ้าลื่นสีหวานอย่างเปิดเผย"หันไปเดี๋ยวนี้โปรเฟสเซอร์ ตามข้อตกลงของเราคือหวานจะลงไปอยู่กับพวกพี่ข้างล่างได้วันที่โปรเฟสเซอร์มีสอนนะคะ" คนสวยออกคำสั่งแล้วพูดถึงข้อตกลงร่วมกันหน้าบึ้ง ๆ"แต่ตามข้อตกลงของเรา คุณผู้ช่วยจะต้องขึ้นมาถ้าผมอยู่ที่ห้องนี่ครับ" ชายหนุ่มหันมาพูดยิ้ม ๆ แล้ววางปากกาในมือก่อนจะหันเก้าอี้ทั้งตัวมามองหน้าหญิงสาว"พี่มาร์ค... หวานอยากฝึกการตลาดน่ะ นะ...นะ นะ..." คนตัวเล็กลุกขึ้
"เอ่อ...อาตรีมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือคะ พี่มีนาไปตามหาที่บ้านแม่นารถหลายรอบเลยค่ะ ไปตามที่ร้านพี่โรมถามหนูตั้งหลายรอบ" หญิงสาวเอ่ยถามในขณะที่แม่บ้านตักข้าวใส่จานให้และเธอก็เผลอยกมือไหว้อย่างไทยจนแม่บ้านแอบยิ้มกับความน่ารักแรกเห็น"ก็มาตั้งแต่มาร์คให้มานั่นแหละ อามาอยู่ที่นี่ได้ 3 ปีกว่าแล้วล่ะ" อามนตรีตอบหญิงสาวยิ้ม ๆ"พี่มาร์คให้มา?" หญิงสาวทวนคำพลางมองหน้ามาร์คอึ้ง ๆ"เผอิญว่าไร่องุ่นของพ่อเพื่อนพี่ที่นี่ อยากแบ่งขายพี่เลยซื้อให้อาตรีดูแลต่อ" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พลางตักอาหารวางใส่จานให้หญิงสาว"ซื้อไร่องุ่นที่นี่หรือคะ""ใช่ลูก มาร์คสร้างชีวิตใหม่ให้อาได้หลุดพ้นจากครอบครัวนั้น ตอนนี้อามีความสุขมากจนไม่อยากกลับไทยเลยล่ะ" อามนตรีตอบยิ้ม ๆ "แล้วพี่มีนอาเดือนล่ะคะ" "ก็ช่างเขาสิลูก 2 แม่ลูกนั่นไม่ได้เกี่ยวกับอาหรอก ลูกของอาจริง ๆ เป็นผู้ชายชื่อต้นกับตามเขาเสียตอนอนุบาลทั้งคู่ ส่วนมีนาเป็นลูกที่ติดท้องมาของเดือนแรม อามันก็แค่เด็กในไร่การศึกษาสูงที่สุดในตอนนั้นที่เจ้าของไร่บังคับให้แต่งงานกับลูกสาวเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองแล้วสวมหัวโขนให้อาทำงานเป็นลูกเขยทั้ง ๆ ที่จริง ๆ อามันก็แค่ลูกจ้างนั่
ช่วงบ่ายเกิดความโกลาหลกันขึ้น เพราะ 2 หลานสาวของคุณหญิงหายออกไปจากออฟฟิศ โดยไม่ได้ออกไปทานข้าวพร้อมกับคุณหญิง มาร์คไล่ดูกล้งวงจรปิดที่ออฟฟิศและของอพาร์ตเมนต์อย่างละเอียดเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าช่วงที่ตนไม่อยู่แล้วสั่งให้เลขาเพื่อนเช็คทะเบียนรถแท็กซี่ที่ 2 สาวขึ้นไปอย่างร้อนรน ช่วงบ่ายหลังจากที่รู้ว่าคนทั้ง 2 เดินทางไปที่ไหน ศิลาได้เรียกพนักงานที่อยู่ไหนเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุให้ของขวัญตัดสินใจกลับบ้านขึ้นมาพบทุกคน ชายหนุ่มสั่งให้เอ็ดเวิร์ดจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาไฟล์ตที่ด่วนที่สุด เพราะคนทั้งคู่ไม่ได้นำเอาสิ่งของอะไรติดตัวไปนอกจากกระเป๋าสตางค์และเอกสารการเดินทางทั้งมือถือยังถูกทิ้งไว้ที่โซฟาในห้องของน้ำหวานอย่างไม่ใยดี..........//..........เช้าตรู่ของประเทศสหรัฐอเมริการถลีมูซีนสนามบินวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านสีขาวหลังเล็กน่ารักที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่มากนัก2 คนก้าวลงจากรถแล้วเดินอาด ๆ เข้าบ้านอย่างคุ้นเคยเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงมาที่ครัวทำให้น้ำหวานเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่เพื่อนอย่างสงสัย"ใครมาแต่เช้าค่ะมี้"
Mark talkเมื่อคืนผมได้คุยกับผู้ร่วมทุนคนใหม่ของโครงการที่ฝรั่งเศสครับ ท่านบอกว่าผู้หญิงเขาไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบ เขาต้องการความรัก อันนี้มันเป็นสิ่งเกินคาดหมายของผมมากจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาผมจะคิดว่าการรับผิดชอบเป็นอะไรที่ทุกคนต้องการเสมอ ตอนที่ผมอยู่เมืองไทยการที่เราจะมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับผมคือการยื่นเงินเป็นตัวเลขให้แล้วจบกันตรงนั้นผมคิดว่าเป็นแค่การซื้อขายหรือความรับผิดชอบในทางธุรกิจที่จะไม่ผูกมัดหรือผูกพันอะไรกัน แต่เมื่อผมมีอะไรกับน้องในคืนนั้น ผมพยายามจะขอรับผิดชอบโดยอ้างสิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ยื่นจำนวนเงินหรือสิ่งที่เป็นตัวเลขให้ แต่ผมกลับนึกคำพูดหรือความหมายพวกนั้นไม่ออก จนได้มาคุยกับผู้ร่วมทุนท่านนี้ ท่านเหมือนเป็นผู้เขี่ยผงเล็ก ๆ ออกจากตาของผมทำให้เข้าใจว่าสิ่งที่ผมจะยื่นให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราอยากจะมีเขาอยู่ตลอดชีวิต มันไม่ใช่ความรับผิดชอบ แต่ สิ่งที่ผมควรยื่นให้เธอคือ ความรักแล้วท่านก็ใจดีมากครับที่ยอมให้เครื่องบินส่วนตัวมาส่งพวกผมเมื่อคืน ตลอดทางผมนึกหาคำพูดต่าง ๆ หาเหตุผลประกอบว่าทำไมน้องถึงไม่อยากให้ผมกล่าวถึงเรื่องนี้ จนผมได้คุยกับไอ้เทน ม
"ไม่เห็นว่าอะไรนี่ ท่านไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยนะ คงเป็นปกติของอเมริกันชนน่ะ เพื่อน ๆ ของน้องขวัญเขาก็มีเซ็กส์กันตั้งแต่ไฮสคูลเยอะแยะไป แต่กับศิลา น้องขวัญก็คงแค่คู่นอนตอนกลางคืนตอนกลางวันเราก็เป็นเจ้านายลูกน้องกันปกติ""จ่ะ เจ้านายลูกน้อง เรียกไปนอนกลางวันซะทุกวันขนาดนั้น แหนะ ๆๆ อย่าบอกนะว่าบอสหิวกลางวันด้วยน่ะ" หญิงสาวชี้หน้าถามเพื่อนอย่างล้อเลียน *พี่มาร์คก็คงคิดกับเราแบบนี้สินะ มากกว่าพี่แต่ไม่ใช่ผัว*"บ้า ~ ช่วงนั้นป่วยจริง นอนกลางวันจริงจ่ะ แต่ต่อไปก็ไม่ได้นอนแล้วไงก็มาฝึกงานกับหวาน เอ้อ... เห็นศิลาพูดว่าคุณปู่สั่งให้หวานขึ้นมาฝึกงานกับพี่มาร์คนี่ พี่มาร์คบอกหรือยัง?" ของขวัญตอบเพื่อนพร้อมกับถามอย่างนึกขึ้นได้"ก็เกริ่นเมื่อคืนนิดนึงนะแต่นิดเดียวจริง ๆ แต่ยังไม่รู้อะไรคงต้องรอผู้ใหญ่สั่งอีกทีล่ะมั้ง แต่หวานอยู่แผนกนี้ก็สนุกนะ พี่ ๆ น่ารักดี" น้ำหวานว่ายิ้ม ๆ *จะให้ไปทำไมวะแค่นี้ก็หายใจไม่ได้แล้วมั้ย*"เมื่อวานพี่โอปอล์กระซิบบอกว่าระวังเอริน่าแผนกต้อนรับ นางปลื้มพี่มาร์คมาก 2 วันนี้พี่มาร์คกับท่านประธานไม่อยู่ ระวังโดนหยุมหัว" ของขวัญยื่นหน้าพูดกับเ
4 ทุ่มของวันเดียวกัน ชายหนุ่ม 2 คนเดินออกจากลิฟต์ของ อพาร์ตเมนต์ ศิลาต้องขมวดคิ้วแล้วดึงแขนเพื่อนอย่างนึกได้"เดี๋ยวมาร์ค มึงบอกว่าวันนี้น้องขวัญกับน้ำหวานจะกลับมานี่" พูดขึ้นพลางขมวดคิ้วแล้วหันมองห้องตรงข้ามของมาร์ค"เออ~ ว่ะ แล้วจะมาตอนไหนไม่เห็นโทรบอกให้ไปรับวะ กูลืมน้อง ๆ ไปแล้วนะเนี่ย" ว่าจบมาร์คก็ล้วงมือถือมากดโทรหาน้ำหวานทันที ซึ่งเสียงมือถือก็ดังแว่ว ๆ ออกมาจากห้องของหญิงสาว"มาถึงแล้วไง" ศิลาเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปแตะคีย์การ์ดห้องตรงข้ามกับห้องของตัวเองเดินตรงเข้าไปในห้องนอนแล้วเดินออกมาที่หน้าห้องของน้ำหวานอีกครั้งก่อนจะแตะคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปอุ้มร่างบางเดินออกมาที่ห้องตัวเองผ่านหน้าเพื่อนชาย ซึ่งมาร์คก็ได้แต่ยืนยิ้มส่ายหน้าขำ ๆ"เฮ้อ...มึงก็มึนเกินศิลา ยังดีที่น้องขวัญไม่โกรธกูนี่สิ ขนาดมายังไม่บอกกูเลยเฮ้อ" ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองแล้วเดินเปิดประตูเข้าไปที่ห้องตัวเองอย่างหงอย ๆ "เอาเหอะ...พรุ่งนี้ค่อยคุย" .............//..........4 ทุ่มของอีกวันวันนี้ทั้งวันมาร์คต้องออกไปพบลูกค้ากับศิลาที่ต่างเมืองชายหนุ่
ครืด.... ครืด....เสียงมือถือดังขึ้นทำให้คนกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงกับสะดุ้งหันมาคว้ามือถือกดรับสายทันทีแบบไม่ได้ดูสายเรียกเข้า"สวัสดีค่ะ"(ตัวเล็ก)"คะ"(เป็นอะไรหรือเปล่า)"เปล่าค่ะ"(ศุกร์นี้ไปอเมริกากันนะ) เสียงปลายสายเอ่ยชวนพลางถอนหายใจเบา ๆ"ไปทำไมคะ"(น้องขวัญเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ) คำบอกเล่าทำให้น้ำหวานถึงกับลุกขึ้นนั่งชันเข่าทันที"น้องขวัญเป็นหนักหรือคะ" เสียงเครือปนสะอื้นดังลอดไปตามสาย(พี่ก็ไม่รู้หรอก วันศุกร์เลิกงานเราไปกันนะพี่จองตั๋วไว้แล้ว)"แต่หวาน..."(ไปเถอะพี่จองตั๋วไปแล้ว) มาร์คเอ่ยสวนขึ้นทันที"ค่ะ"(กินข้าวรึยัง ออกไปกินข้าวกับพี่มั้ย) ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องชวนคุย"เรียบร้อยแล้วค่ะ หวานจะนอนแล้ว แค่นี้นะคะ" ตื๊ด! ....mark talkตั้งแต่วันนั้นน้องก็พยายามหลบหน้าผมตลอดเลย คงงอนไปแล้วล่ะ ช่วงนี้ผมก็งานยุ่ง แต่จะว่ายุ่งแค่ช่วงนี้ก็ไม่ใช่ครับ เพราะงานผมก็แบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว ยิ่งช่วงนี้ศิลามันไม่อยู่น้องขวัญที่กลับบ้า