ตุ้บ!
“อะไรเนี่ย!”
เด็กสาววัยสิบสองขวบกรีดร้องด้วยความตกใจระคนโมโหที่จู่ ๆ ก็มีลูกบอลปริศนาร่วงลงมากลางโต๊ะขนมหวานของตัวเอง ส่งผลให้เธอซึ่งกำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลา Afternoon Tea ถึงกับอารมณ์เสีย
ใบหน้าอ่อนหวานหันซ้ายหันขวามองรอบทิศทางเพื่อหาที่มาของลูกบอลดังกล่าว จนกระทั่งไปเห็นเด็กผู้ชายหน้าตาลูกครึ่งผ่านช่องของกำแพงเข้าพอดี
เธอคิดว่ามันต้องเป็นฝีมือของเด็กคนนี้แน่นอน!
“เธอโยนลูกบอลมาเหรอ”
“ขะ…ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ” ต้นเสียงของเด็กชายสั่นระริกราวกับคนใกล้จะร้องไห้ แค่เห็นสีหน้าถมึงทึงของผู้หญิงตรงหน้าก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว
เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอไม่พอใจเลย แต่เผลอโยนลูกบอลแรงเกินไปจนกระเด็นไปบ้านตรงข้ามเท่านั้นเอง
เมื่อเห็นหยาดน้ำตาเริ่มหลั่งรินลงมาอาบผิวแก้มแดงระเรื่อ แซนด์ หนึ่งเม็ดทราย ก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก เธอไม่ได้ตั้งใจจะดุเด็กคนนี้ แต่คงเผลอชักสีหน้าใส่ไปอย่างไม่รู้ตัว
“นี่ ๆ ไม่ต้องร้องเลย พี่ไม่ได้ดุเราสักหน่อย”
“ฮึก…ฮือ…” มือเล็กเปื้อนคราบดินพยายามเช็ดน้ำตาบนใบหน้าตนเอง แต่กลายเป็นว่าเศษดินเหล่านั้นเลอะบนหน้าตาจนมอมแมม
“พี่บอกให้หยุดร้องไง เป็นผู้ชายอย่ามาร้องไห้นะ”
“ยะ…หยุดแล้ว”
แซนด์หันมองไปข้างหลังเพื่อมองว่าพี่เลี้ยงอยู่บริเวณนี้หรือเปล่า เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่จึงปีนขึ้นไปบนกำแพงบ้าน ส่งผลให้เด็กชายจำต้องแหงนหน้ามองเธอ
“เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอ”
“เปล่า”
“อ้าว แล้วทำไมพี่ไม่เคยเห็นเธอเลยล่ะ”
“ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาเล่นข้างนอก”
เธอคิดว่าบ้านข้าง ๆ เป็นบ้านร้างด้วยซ้ำ ไม่เคยเห็นใครอยู่เลยสักคน ซ้ำยังเป็นครั้งแรกที่เห็นเด็กผู้ชายคนนี้ด้วย
“อ้อ แล้วเธอชื่ออะไร”
“คลื่น”
“พี่ชื่อแซนด์นะ อยู่ป. หกแล้ว เธอล่ะ”
“ป. สอง”
“นี่พูดจากับผู้ใหญ่ต้องมีหางเสียงด้วยสิ ต้องพูดครับด้วย เข้าใจมั้ย” แซนด์ถือโอกาสสั่งสอนน้องชายข้างบ้าน เพราะเขาพูดจากับเธอไม่น่ารักเลย นี่ถ้าแม่ของเธอมาได้ยินเข้าจะเกลียดคลื่นไปเลยก็ได้
“ครับ” คลื่นกะพริบตามองพี่สาวข้างบ้านทั้งน้ำตา แพขนตางอนทำให้เขากลายเป็นเด็กผู้ชายหน้าหวาน ใครเห็นก็บอกว่าหล่อตั้งแต่เด็ก
“คุณหนูลงมาจากกำแพงเดี๋ยวนี้เลยนะคะ!” เสียงพี่เลี้ยงที่โผล่มาตอนไหนไม่รู้ ทำให้แซนด์จำเป็นต้องรีบกระโดดลงจากกำแพง แล้วหยิบลูกบอลโยนคืนกลับไปในคลื่น
“ไว้เจอกันใหม่นะคลื่น พี่เลี้ยงมาแล้ว”
นัยน์ตาสีฟ้าแอบมองพี่สาวข้างบ้านเพียงแวบเดียว ก่อนจะรีบอุ้มลูกบอลกลับเข้ามาในบ้านตัวเองทันที เพราะเขาก็กลัวว่าพี่เลี้ยงจะจับได้ว่าเขาหนีออกมาเล่นนอกบ้านเหมือนกัน
วันเวลาวันไปหลายปีจวบจนทั้งสองคนเติบโตจนเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว แถมยังเรียนอยู่ไฮสกูลที่เดียวกัน ปัจจุบันแซนด์ศึกษาอยู่มัธยมปลายชั้นปีที่หก ส่วนคลื่นอยู่มัธยมต้นชั้นปีที่สอง
“ไอ้คลื่น พี่แซนด์มารับมึงแล้ว”
เจ้าของชื่อรีบโยนลูกบาสเกตบอลให้เพื่อน กุลีกุจอมาหยิบกระเป๋านักเรียนแล้ววิ่งไปหาแซนด์ที่ยืนรออยู่หน้าโรงยิมของโรงเรียน
“เอ้า! พี่ซื้อสปอนเซอร์มาให้”
“ขอบคุณครับ” คลื่นรับขวดน้ำดื่มมากระดกรวดเดียวจนหมดขวด หยดน้ำปากส่วนที่ไม่เข้าปากก็ไหลลงมาที่เสื้อทีมบาสเกตบอลของเขา
“นี่! กินให้มันดี ๆ หน่อยสิ”
“คลื่นหิวน้ำอะ”
“เดี๋ยวก็จุกหรอก” หญิงสาวส่ายหัวน้อย ๆ อย่างเหนื่อยใจ แล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าสีชมพูให้เขา “เอาไปเช็ด เดี๋ยวเหนียวตัว”
“พี่แซนด์จะไปเรียนพิเศษรึเปล่า”
“ไม่ไป วันนี้วันเกิดพี่จำไม่ได้เหรอ”
“คลื่นจำได้อยู่แล้ว”
“โม้เปล่า ของขวัญพี่ล่ะ”
คลื่นตีมือบอบบางที่ยื่นมาขอของขวัญจากเขาอย่างไม่ได้แรงมากนัก “รีบจังอะ อยู่ที่บ้านนู่น”
“งั้นก็กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวรถติด”
ตั้งแต่คลื่นเข้าเรียนที่เดียวกับแซนด์ ทั้งสองคนก็ใช้บริการรถแท็กซี่กลับบ้านด้วยกันเกือบทุกวัน เนื่องจากแซนด์รับปาก ‘ครองขวัญ’ แม่ของคลื่นว่าจะดูแลลูกชายของหล่อนเป็นอย่างดี
แซนด์แยกย้ายกับน้องชายข้างบ้านกลับมาที่บ้านตนเอง ระหว่างนี้สาวรับใช้ในบ้านก็กำลังจัดงานฉลองวันเกิดครบรอบสิบแปดปีให้เธอตามคำสั่งของพี่ชายต่างแม่
งานฉลองวันเกิดดำเนินไปอย่างราบรื่น แม้ว่าครอบครัวของแซนด์จะมาเพื่อมอบของขวัญให้เพียงอย่างเดียว ซึ่งเธอก็ไม่อาจตัดพ้อหรือแสดงท่าทีน้อยใจอะไรได้ เพราะรู้ว่าทุกคนมีงานสำคัญต้องทำมากกว่า
บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านของตระกูล ‘อัครวัฒนะกุล’ จึงเหลือเพียงแค่เจ้าของวันเกิด และคลื่นน้องชายข้างบ้านที่มาร่วมงานทุกปี
“พี่แซนด์”
“ว่าไง”
“คลื่นมีของขวัญจะให้”
แซนด์มองกล่องของขวัญขนาดเท่าฝ่ามือที่คลื่นหยิบออกมาจากเสื้อฮูด มองด้วยตาเปล่าก็เดาได้ว่าของข้างในคืออะไร เพราะมันมีไม่กี่อย่างที่จะใส่กล่องเล็ก ๆ แบบนี้ได้
“ห่อของขวัญเองด้วยใช่มั้ยเนี่ย”
“คลื่นอยากลองทำดูน่ะ มันอาจจะไม่สวยเท่าไหร่”
“พี่ไม่ซีหรอก” ทั้งที่แซนด์เป็นคนเก็บทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่กระดาษห่อของขวัญ แต่ก็ยังให้กำลังใจน้องชาย
“คะ…คือคลื่นมีอะไรอยากบอกพี่แซนด์ด้วย”
“ว่ามาสิ พี่รอฟังอยู่”
เด็กหนุ่มตื่นเต้นจนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก แต่อย่างไรก็ต้องบอกความรู้สึกตนมีต่อพี่สาวข้างบ้านคนนี้ให้ได้ เพราะคิดว่า…เธอน่าจะรู้สึกเหมือนกับเขา
คลื่นเป่าปากเบา ๆ แล้วสารภาพความในใจออกมาหลังจากตัดสินใจได้แล้ว “คลื่น…รักพี่แซนด์”
แซนด์ชะงักไปเล็กน้อยกับคำสารภาพรักของคลื่น แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับไปคลื่นก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“เป็นแฟนกับคลื่นนะ”
ความลำบากใจขับกล่อมให้หญิงสาวแสดงออกมาทางสีหน้า เธอไม่เคยคิดเกินเลยกับคลื่นเลยแม้แต่นิดเดียว หากสิ่งที่เธอทำมันเป็นการให้ความหวัง…เธอจำเป็นต้องพูดตามความจริง
“พี่…ขอโทษนะคลื่น แต่พี่ไม่เคยคิดแบบนั้นกับคลื่นเลย พี่เป็นแฟนกับคลื่นไม่ได้หรอก”
หลังจากปฏิเสธน้องชายข้างบ้านไปตรง ๆ เขาก็หลบหน้าเธอมาตลอด ความสัมพันธ์ของเธอกับคลื่นไม่เหมือนเดิมแล้ว…
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ
ด้วยรู้ว่าไม่มีใครอยากเจอหน้าคนที่หักอกตนเองหรอก
ดวงตาสีอ่อนมองทัศนียภาพของประเทศบ้านเกิดจากมุมสูง หลังจากเธอไม่ได้กลับประเทศไทยจริง ๆ จัง ๆ มาเป็นเวลาสิบหกปี นับตั้งแต่ตัดสินใจไปเรียนปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษมีครั้งเดียวที่เธอกลับมาก็คือตอนที่ผู้เป็นพ่อและแม่จากโลกใบนี้ไปพร้อมกัน นับว่าเป็นการสูญเสียที่เธอตั้งรับไม่ทันเลยทีเดียวปัจจุบัน แซนด์ อายุสามสิบสี่ปี เรียนจบปริญญาเอกมาหมาด ๆ เพียงแต่สาเหตุที่ทำให้เธอจำใจต้องกลับไทยไม่ใช่เพราะเรียน แต่เป็นเพราะถูกแฟนหนุ่มที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ในอีกหนึ่งเดือนนอกใจเธอจับได้คาหนังคาเขา เพราะผู้ชายคนนั้นพาชู้มาเริงรักกันในเพนต์เฮาส์ซึ่งเป็นเรือนหอของทั้งคู่ และที่สำคัญ...ชู้ของว่าที่สามีเป็นผู้ชายก่อนหน้านี้แซนด์แทบไม่เข้าใจว่าทำไมแฟนหนุ่มถึงไม่แตะต้องตัวเธอเลย เข้าใจผิดมาตลอดว่าเพราะให้เกียรติกัน เนื่องจากเขาเป็นคนไทยอาจจะเคารพขนบธรรมเนียมประเพณี แต่ภาพบาดตาเหล่านั้นทำให้เธอเข้าใจทุกอย่างได้ในทันทียอมทิ้งความเจ็บช้ำไว้ที่ประเทศอังกฤษ แล้วกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่บ้านเกิดตนเอง เธอตั้งใจจะเข้าทำงานที่บริษัทของครอบครัวเพื่อแบ่งเบาภาระพี่ชายต่างแม่ ซึ่งหลังจากผู้เป็นพ่อเสียชีวิตเขาก็รับหน้าท
“แซนด์สามารถเข้าไปทำงานที่บริษัทได้เลยรึเปล่าคะ”“ตอนนี้บริษัทกำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง กำลังจะเลย์ออฟพนักงานออกจำนวนหนึ่ง พี่ว่าแกยังไม่ควรเข้ามาตอนนี้”ขาดทุนงั้นเหรอ...แซนด์ทวนคำพูดของพี่ชายในใจสถานการณ์ของบริษัทมันย่ำแย่ขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน ในเมื่อเธอยังเห็นพี่ชายกับพี่สะใภ้ใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบายอยู่เลย เที่ยวแทบจะทุกเดือน ไหนจะกระเป๋าแบรนด์เนมต่าง ๆ ที่แขไขโพสต์ลงโซเชียลมีเดียนั่นอีก“ทำไมพี่ภูไม่บอกเรื่องสำคัญขนาดนี้กับแซนด์เลยล่ะคะ”“บอกแล้วแกจะช่วยอะไรได้รึไง”“ยังไงแซนด์ก็ต้องหาทางช่วยอยู่แล้วรึเปล่าคะ นี่มันเป็นบริษัทที่คุณพ่อทิ้งไว้ให้เราสองคนนะ ถ้าแซนด์เมินเฉยก็คงเป็นลูกอกตัญญูแล้ว” หญิงสาวตั้งใจลงหลักปักฐานที่ประเทศอังกฤษก็จริง แต่ตัวเธอยังมีหุ้นและทรัพย์สมบัติส่วนหนึ่งที่ได้มาจากมรดกของผู้เป็นแม่“ก่อนหน้านี้แกคิดจะอยู่ที่อังกฤษถาวรไม่ใช่รึไง แล้วทำไมตอนนี้ถึงคิดจะมาสนใจบริษัท”“ตอนนี้แซนด์ก็กลับมาแล้วนี่ไงคะ แล้วแซนด์ก็ตั้งใจจะกอบกู้บริษัทของเราด้วย”“ถ้าแกอยากช่วยก็ไปหาเงินหนึ่งร้อยล้านมาสิ”“หนึ่งร้อยล้านเลยเหรอคะ” แซนด์ยกมือทาบอกด้วยความตกใจ เงินมหาศาลแบบนั้
เมื่อได้เห็นเอกสารที่ต้องการจริง ๆ หญิงสาวแทบจะยกเท้าก่ายหน้าผากตนเอง ตอนนี้บริษัทกำลังขาดสภาพคล่องอย่างที่พี่ชายกล่าว แต่แซนด์ไม่คิดว่ามันจะหนักหนาถึงขั้นอาจจะล้มละลายเร็ว ๆ นี้เธอได้มีการหารือกับภูธเนศอย่างเคร่งเครียดจึงได้รู้ว่าบริษัทประสบปัญหานี้มาตั้งแต่พ่อยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ท่านพยายามประคองบริษัทให้ตลอดรอดฝั่ง โดยการกู้เงินจากคนรู้จักของท่าน หรือที่เรียกว่าเงินกู้นอกระบบตอนที่ภูวสิษฏ์มีชีวิตอยู่ก็ส่วนหนึ่ง แต่เมื่อเสียชีวิตไปหนี้สินจึงตกมาอยู่ที่ทายาท มรดกในส่วนที่ภูธเนศได้รับก็นำไปใช้หนี้สินดังกล่าวจนหมดแล้วแม้หนี้สินจะหมดไปแต่บริษัทก็ยังระส่ำระสาย เพราะอย่างนั้นภูธเนศจึงเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาวิธีการเดียวกับภูวสิษฏ์อีกครั้ง“เฮ้อ…” หญิงสาวถอนหายใจเสียงดังอย่างคิดไม่ตก พลางโยนเอกสารในมือลงบนโต๊ะในร้านกาแฟ“แกถอนหายใจร้อยรอบแล้วนะแซนด์ เป็นไรเนี่ย” น้ำหวาน เพื่อนสนิทของแซนด์ถามอย่างนึกสงสัย หล่อนเห็นเพื่อนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตั้งแต่เจอหน้า ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบห้าปี ล่าสุดพบกันตอนน้ำหวานไปเที่ยวอังกฤษ“มีเรื่องให้คิดน่ะ”“ไหนบอกว่าไม่ได้คิดเรื่องว่าที่สามีแกแล้วไง”“ก็ไม
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา…“Ladies and Gentleman, Welcome to Suvarnabhumi airport…”เมื่อได้ยินเสียงประกาศของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เจ้าของร่างสูงจึงพับเก็บแท็บเล็ตแล้วส่งให้กับเลขานุการสาวซึ่งนั่งอยู่ข้างกัน แม้ว่าจะนั่งเครื่องบินเป็นเวลาหลายชั่วโมง แต่กลับไม่แสดงท่าทีใด ๆ ออกมาเลยสักนิดเดียวเจ้าตัวเพิ่งกลับมาจากการไปตรวจดูโรงแรมสาขาใหม่ในเครือ The Sphinx ที่ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีมูลค่าเป็นอันดับสองของธุรกิจทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การบริหารของ ‘คิมหันต์ โรมาโน’ หรือที่รู้จักกันในนามเจ้าชายแห่งวงการธุรกิจคลื่นเป็นหนึ่งในผู้ชายวัยสามสิบที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในขณะนี้ นอกจากจะมีโรงแรมที่เป็นธุรกิจอันดับสอง เขายังเป็นเจ้าของบริษัท The Pegasus ผู้ผลิตชิ้นรถยนต์รายใหญ่ของประเทศแน่นอนว่าเขาเป็นที่หมายปองของสาว ๆ มากหน้าหลายตา แต่ทว่าเขากลับไม่เคยคบหากับใครอย่างจริงจัง และไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับใครเลยด้วยซ้ำ“ท่านประธานจะเข้าบริษัทหรือจะกลับไปพักผ่อนดีคะ?” จีน่า เอ่ยถามเจ้านายของตนก่อนจะเคลื่อนรถยนต์ออกจากสนามบินผู้ถูกถามหลุบสายตามองนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือเล็กน้อย แล้วจึงตอบคำ
เป็นอีกครั้งที่คลื่นให้ความสนใจคนอื่นมากเกินความจำเป็น แทบไม่รู้ตัวเลยว่าครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาลอบมองชายหญิงคู่นั้นไปกี่รอบแล้ว สักพักเจ้าของร่างบอบบางก็ลุกจากเก้าอี้ เดินนวยนาดผ่านหลังเขาแล้วเลี้ยวไปทางห้องน้ำของเลานจ์ ขณะนั้นเขาก้มหัวลงเพื่อไม่ให้เธอสังเกตเห็นว่าคนที่แอบมองเธอนั่งอยู่ตรงนี้ เมื่อชายหนุ่มตัดสินใจว่าจะเลิกสนใจคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตตน จึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมทั้งหยิบธนบัตรจำนวนหนึ่งในกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาจ่ายเงินค่าเครื่องดื่ม ทว่าหางตาดันเผลอไปเห็นการกระทำบางอย่างที่ลูกค้าโต๊ะใหม่กำลังแอบทำอย่างน่ารังเกียจ คลื่นถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วเดินออกมานั่งบริเวณเก้าอี้รับรองหน้าเลานจ์ ก้มมองนาฬิกาบนข้อมือเป็นระยะจนกระทั่งเข็มนาทีเคลื่อนมาถึงเลขสิบเอ็ด จากนั้นก็หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาต่อสายหาเลขานุการคนสนิทมีความจำเป็นต้องผิดคำพูด และตามตัวจีน่ามาหาอย่างเร่งด่วน เขารอสายไม่กี่วินาทีอีกฝ่ายก็รับสายด้วยน้ำเสียงที่บอกให้รู้ว่ากำลังรออยู่ (สวัสดีค่ะท่านประธาน) “ผมไม่ได้โทรไปรบกวนคุณใช่มั้ย” (ดิฉันยังไม่ได้นอนค่ะ อยากได้อะไรรึเปล่าคะ) “คุณช่วยมาหาผมที่เลานจ์หน่อย ตอนน
“จะเอายังไงกับผู้หญิงคนนี้ดีคะ” จีน่าตั้งคำถามกับผู้เป็นเจ้านายขณะยื่นมองสาวสวยที่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงคิงไซซ์ ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำอะไรผิดแผกไปจากนิสัยส่วนตัวด้วยเพราะร่วมงานกันมานาน ส่งผลให้รู้จักนิสัยใจคอของเจ้านายหนุ่มเป็นอย่างดี ดีถึงขั้นที่รู้ว่าคลื่นไม่มีทางยื่นมือเข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่น ต่อให้จะสงสัยในการกระทำแค่ไหนก็ทำได้แค่เก็บมันไว้ในใจ แล้วทำตามคำสั่งอย่างเดียว“เธอไม่เหมือนคนเมาธรรมดาทั่วไปเลยนะคะ”“ก็ไม่ใช่นั่นแหละ” เขาเห็นกิตติภัทรหยอดยาบางอย่างใส่แก้วของผู้หญิงคนนี้ต่อหน้าต่อตา ดูเหมือนว่าเขาอาจจะต้องให้บทเรียนแก่ผู้คิดจะเหยียบหางเสือในพื้นที่ของเขา“ไม่ใช่ยาปลุกเซ็กซ์ใช่มั้ยคะ”“คงไม่” ดูจากอาการไม่น่าจะเป็นยารุนแรงเท่ายาปลุกเซ็กซ์ที่มีขายทั่วไป แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นยานอนหลับที่ทำให้ผู้ได้รับยาสลบไสลไม่ได้สติ“ให้ดิฉันตามหมอมาดูอาการเธอมั้ยคะ”“ไม่เป็นไร คุณไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”เลขานุการสาวเอียงคอมองเจ้านายด้วยสายตามีคำถาม ก่อนที่คนถูกมองกลับไปผ่านแววตาที่บอกให้รู้ว่าอย่าได้คิดคลางแคลงใจในการกระทำของเขา“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้นพรุ่งนี้ดิฉ
แซนด์เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างถ่องแท้ เมื่อผลตรวจระบุว่าในกระแสเลือดของเธอมีสารเสพติดปะปนอยู่ แต่เธอไม่เคยข้องเกี่ยวกับสิ่งนั้นมาก่อนเลยในชีวิต ดังนั้นคนที่น่าสงสัยมากสุดก็คือกิตติภัทรที่อยู่กับเธอเมื่อวานคำว่า ‘ช่วยเหลือ’ จากปากจีน่าบอกเป็นนัยว่าทุกอย่างไม่ใช่เพียงเรื่องบังเอิญ เธอไม่รู้ว่าตนพลาดตอนไหนถึงเปิดช่องว่างให้กิตติภัทรเอาเปรียบหญิงสาวโกรธจนตัวสั่นเทิ้มตั้งแต่โรงพยาบาลจนถึงบ้าน ตั้งใจจะบอกเรื่องนี้ให้ภูธเนศรับรู้ เพราะการกระทำของกิตติภัทรเลวร้ายมากจนไม่สามารถปล่อยผ่านได้“พี่ภู”ภูธเนศปรายตามองน้องสาวต่างแม่ที่จู่ ๆ ก็พรวดพราดเดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยสีหน้าถมึงทึง “แกเพิ่งกลับมา?”แซนด์ไม่ได้ตอบอะไรภูธเนศกลับไป แต่เลือกเดินนำผลตรวจเลือดไปวางไว้บนโต๊ะอาหารตรงหน้าเขา ภูธเนศดึงสายตากลับมาที่ซองเอกสาร ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาเปิดดู“แกเล่นยาเหรอแซนด์” คนเป็นพี่ชายถามเสียงเข้ม“แซนด์ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับของต่ำแบบนั้น”“แล้วผลตรวจมันจะออกมาแบบนี้ได้ยังไง”“มันก็เพราะเพื่อนพี่ภูไง เมื่อคืนเขาวางยาแซนด์” น้ำเสียงแซนด์แข็งกร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แค่นึกถึงกิตติภัทรอารมณ์ก็เหมือนจ
หลายวันต่อมา…ประธานหนุ่มจิบกาแฟมองวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวงตอนเช้าผ่านห้องทำงานในบริษัทเดอะเพกาซัสอย่างผ่อนคลาย ดีที่วันนี้เขาเดินทางมาทำงานตั้งแต่เช้าทำให้ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาการจราจรติดขัดที่แก้ไม่มีวันหายต้องแลกมาด้วยการตื่นตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง ทว่ามันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของเขาอยู่แล้ว คลื่นเคยทดลองตื่นสายดูบ้าง ผลที่ได้คือมีอาการปวดหัว สมองเบลอตลอดทั้งวัน เลยไม่คิดจะฝืนธรรมชาติของตนเองอีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก~“เชิญครับ”“ขออนุญาตค่ะท่านประธาน”คลื่นเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างอีกรอบ เพื่อปล่อยให้เลขานุการคนสนิทแจ้งตารางงานของวันนี้เหมือนเช่นเคย“วันนี้ท่านประธานมีประชุมกับบอร์ดบริหารตอนสิบโมงเช้า คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง เมื่อทานข้าวเสร็จจะมีคนมาพบท่านตอนบ่ายโมงตรง จากนั้นต้องไปที่สนามบินเพื่อรอขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่นค่ะ” เมื่อจีน่ากล่าวรายละเอียดครบถ้วน จึงแฟ้มเอกที่เจ้านายหนุ่มต้องลงนามไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ “ส่วนอันนี้เป็นเอกสารที่ท่านต้องเซ็นด่วนค่ะ”คลื่นวางแก้วกาแฟลงบนจานรอง ก่อนจะเท้ามือบนโต๊ะพร้อมทั้งก้มตัวลงไปเปิดแฟ้มเอกสาร กวาดสายตาอ่านเนื้อความแล้วถึงจะ
หลายอาทิตย์ต่อมา...ปุ้ง!“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะคุณจีน่า” แซนด์ดึงพลุกระดาษพร้อมกับกล่าวอย่างสดใส ทำเอาจีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของคลื่นถึงกับสะดุ้งตกใจ“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแซนด์ แต่ขอบคุณนะคะ”นี่เป็นวันแรกของการกลับทำงานหลังจากที่หล่อนลาพักร้อนไปเกือบเก้าเดือน ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้านายหนุ่มที่ยอมให้คนรักตนเองทำอะไรเช่นนี้“วันนี้คุณจีน่ามาทำงาน แปลว่าฉันคงต้องลาออกแล้วล่ะค่ะ”“คุณแซนด์ทำงานต่อไปก็ได้นี่คะ ดิฉันว่าท่านประธานน่าจะอยากให้ทำแบบนั้น”“คุณคลื่นบอกว่าถ้าฉันอยากทำงานที่นี่ต่อก็จะไล่คุณจีน่าออก”จีน่าหันไปเลิกคิ้วมองผู้เป็นเจ้านายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงความสนใจกลับไปที่หญิงสาวอีกคน “ถ้างั้นเชิญคุณแซนด์เลยค่ะ”“คุณจีน่าจะออกเหรอคะ”“เชิญคุณแซนด์ไปลาออกกับเอชอาร์ตอนนี้เลยค่ะ ลูกดิฉันยังเล็ก”“ฮ่า ๆ” ประโยคนั้นทำเอาแซนด์ถึงหลุดหัวหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ ฉันทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีเท่าคุณจีน่าหรอก อีกอย่างฉันว่าจะกลับไปอังกฤษสักพักด้วย”พรึ่บ!“กลับไปทำไมครับ” คลื่นผุดลุกจากเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะเดินมาหาแฟนสาวของตนเอง “ตอบผมสิครับ”“พี่จะกล
เช้าวันต่อมา…หญิงสาวมีอาการเจ็ตแล็กจนเผลอหลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ ไม่อยากรบกวนแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับสบาย จึงพาตนเองมาล้างหน้าล้างตาแล้วถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงมาที่ห้องครัวเพราะมีใครบางคนเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเอาไว้ ทำให้แซนด์เดาว่าน่าจะมีคนตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน เธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกบ้าน“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”“อ๊ะ! คุณตา” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตน เป็นฟาบริโอที่เดินผ่านพุ่มไม้มาพร้อมกับกรรไกรตัดแต่งต้นไม้ “สวัสดีตอนเช้าค่ะ”“อืม เจ้าเด็กนั่นยังไม่ตื่นเรอะ”“ยังเลยค่ะ หนูนอนก่อนก็เลยตื่นก่อนค่ะ”“กินของไม่มีประโยชน์ตั้งแต่เช้า สุขภาพมันจะแย่เอา” ชายสูงวัยมองถ้วยบะหมี่บนโต๊ะเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเตือนแฟนสาวของหลานชายด้วยความหวังดี“หนูไม่แน่ใจว่าทำอะไรทานได้บ้างก็เลยคิดว่าบะหมี่น่าจะง่ายสุดค่ะ”“ที่นี่ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณตาจะไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”“ว่าจะเข้าไร่ไปเก็บองุ่นมาให้เจ้าคลื่นมันกินนั่นแหละ เด็กนั่นมันชอบ”“อ้อ หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ”
ครอบครัวของคลื่นอาศัยอยู่แทบชานเมืองเซียน่าในแคว้นทัสคานีของประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางจะสังเกตได้ว่าล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น ตัวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสไตล์อิตาลีการมาเยือนประเทศอิตาลีคราวนี้เป็นครั้งที่สองแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม แซนด์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคลื่นบอกครองขวัญไปแล้วหรือยังว่าตอนนี้เขากับเธอเป็นอะไรกันหญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งสิบกว่าปี ซึ่งท่านก็ออกอาการตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ“สวัสดีค่ะน้าครองขวัญ”“หนูแซนด์เหรอ…” ครองขวัญเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่บอกกล่าวเธอเลยว่าจะพาแซนด์มาด้วยกัน“ใช่ค่ะ”“โตเป็นสาวแล้วสวยเชียว” หญิงวัยห้าสิบปีคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้พบกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาโอบไหล่เด็กสาวรุ่นลูก “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะฮึ”“คลื่นยังไม่ได้บอกคุณน้าเหรอคะ”“เจ้าตัวดีมันบอกอะไรน้าที่ไหนกัน แถมยังจะยืนหน้ามึนอีก”“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วอ้อมรถยนต์มาหาแฟนสาวกับแม่ของตน แต่โน้มเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ให้ได้ยินกันสองคน “…ผมเอาลูกสะใภ้มาฝาก”“คล
“คนเก่งหันมายิ้มหน่อยครับ”“หือ…” เมื่อหันไปเห็นว่าแฟนหนุ่มถือสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มตามที่เขาต้องการ “ถ่ายสวยมั้ย”“นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ”ติ๊ง~K.Da : พี่หนึ่งกับพี่สองกำลังไปที่บ้านนะK.Da : แกยังอยู่ที่นั่นมั้ยคลื่นตอบข้อความของพี่สาวกลับไปแค่สั้น ๆ ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา“สวัสดีครับท่านทั้งสอง”“สวัสดีครับ”“กระผมชื่อโอลิวิเยร์ เป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ครับ”“คิมหันต์ครับ” คลื่นแนะนำตนเองกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส“อีกครู่หนึ่งจะมีคนนำของว่างและชามาเสิร์ฟนะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกระผมได้”“ขอบคุณครับ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ชายหนุ่มโคลงศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับมาหาแฟนสาวตนเองไม่นานสาวใช้ประจำปราสาทก็นำอาฟเตอร์นูนทีมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ ก่อนจะเดินออกไปยืนห่าง ๆ เพื่อให้สองชายหญิงดื่มด่ำกับบรรยากาศกันตามลำพังช่วงเย็นบริเวณสวนดังกล่าวถูกจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว พร้อมทั้งเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดน์นิงที่ส่งตรงมาจากเชฟมิชลินสตาร์เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คลื่นร่วมรับประทานอาหา
สองเดือนต่อมา…@ฝรั่งเศสคำขอร้องจากปากพี่สาวต่างแม่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของเธอ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังอยู่ในสถานะพูดคุยกันได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องเบื้องหน้าของเขาเป็นพิธีแต่งงานซึ่งจัดขึ้น ณ โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ในแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศส ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา แต่ลึก ๆ คลื่นก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในใจคราแรกคิดว่าตนเป็นสายเลือดคนเดียวที่มางาน แต่ที่ไหนได้กลับมีทั้งพี่ชายคนโตและคนรองมาด้วย คลื่นไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทาย ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่กล้าหันมาสบตาหลังพิธีจบลงอย่างเป็นทางการ ‘ดา ดลยา’ ผู้เป็นเจ้าสาวก็เดินมาหาน้องชายต่างแม่ของตน เพื่อชวนเขาไปร่วมถ่ายภาพด้วยกัน“คลื่นไปถ่ายรูปกับพี่สิ”“พี่ไปถ่ายเถอะ”“เร็ว ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก” ดลยาดึงแขนน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้ ในขณะที่แซนด์ก็ต้องลุกพร้อมกันเมื่อคลื่นดึงเธอไปด้วย “…แวงซ็องต์คะ นี่น้องชายคนเล็กของฉันค่ะ”“สวัสดีครับ” เจ้าบ่าวหันมาทักทายอย่างสุภาพ พลางยื่นมือไปตรงหน้าน้องชายของภรรยา“สวัสดีเช่นกันครับ” คลื่นโคลงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปเช็กแฮนด์ตาทมาร
“ลงมาจากโต๊ะครับ”แซนด์หย่อนปลายเท้าลงมายืนบนพื้น ก่อนจะหันหลังแล้วเอนกายไปด้านหน้า เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบบัตต์ปลั๊กอะลูมิเนียมที่มีกระดิ่งห้อยออกมาลิ้นชักโต๊ะทำงาน“เตรียมมาตรงนี้มาพร้อมแล้วเหรอครับ”“…ค่ะ” หลังจากวันนั้นที่คลื่นทำกับช่องทางด้านหลังเธอครั้งแรก เธอก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง“สมกับเป็นคนเก่งของผมจังนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้บั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบอย่างหลงใหล โดยใช้สองมือบีบไว้แน่น แล้วเริ่มตวัดปลายลิ้นเลียร่องตรงหน้าด้วยความนุ่มนวลเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเพอร์เฟกต์ได้เท่าแซนด์มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ชอบสีชมพู แต่กลับรู้สึกคลั่งไคล้เมื่อมันอยู่บนตัวเธอ มากไปกว่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจะดีมาก“คุณเลขาครับ”“ว่าไงคะ”“เรามีเวลาสักสิบห้านาทีมั้ย”“จะเสร็จทันก่อนสิบห้านาทีเหรอคะ”“น่าจะทันนะครับ”“ถ้าคิดว่าทันก็เอาเลยค่ะ” แซนด์ก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ต่างจากคนข้างหลัง อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เช้าจนป่านนี้บ่ายเข้าไปแล้ว แต่คลื่นก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้งเธอเสียที“แค่ถามตรงนี้ก็ไหลเยิ้มกว่าเดิมแล้วนะครับ ถ้าผมไม่สนอง คงไปร่านในห้องประชุมให้
“แกอย่าใช้อารมณ์สิแซนด์”“แซนด์ไม่ได้ใช้อารมณ์เลยพี่ภู ทั้งหมดที่แซนด์พูดมันเป็นความจริง แล้วมันก็ทำให้แซนด์รู้สึกเสียใจมากที่รู้ว่าพี่มองเห็นแซนด์เป็นตัวตลกในสายตา”“ถ้าแกไม่ช่วยฉันคราวนี้ ทุกอย่างมันจะพังหมดเลยนะ”“ทุกอย่างที่ว่าคืออะไรคะ ชีวิตพี่ ชีวิตเมีย อนาคตบริษัทเหรอ แล้วชีวิตแซนด์ล่ะ แซนด์ก็ต้องมีชีวิตของตัวเองเหมือนกันนะ” แซนด์ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างอัดอั้น “การช่วยเหลือครั้งนั้นคือครั้งสุดท้ายค่ะ แซนด์ไม่มีเงินให้ใครถลุงแล้ว เงินที่พี่ภูใช้ไปอย่างสุขสบายมันหมดไปพร้อมความไว้ใจของแซนด์นั่นแหละ”หญิงสาวยกมือไหว้ลาก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน เพราะคิดว่าตนเองพูดจบทั้งหมดทุกเรื่องแล้ว ภูธเนศสมควรได้รับบทเรียนราคาแพงเทียบเท่ากับเงินที่ได้จากเธอไปพรึ่บ!แซนด์สะดุ้งตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็มีลูกบอลโยนลงมาบนพื้น รีบหันมองหาที่มาของมัน ก่อนจะเห็นว่ามีคนยืนอยู่หลังกำแพงบ้านข้าง ๆ รู้สึกเหมือนเดจาวูแต่ต่างกันตรงที่คนนั้นไม่ได้มองเธอผ่านช่องของกำแพง“เล่นอะไรของคลื่นเนี่ย”“พี่มีผัวยังครับ”“ไดอะล็อกแปลก ๆ นะ”“พี่ชื่ออะไรครับ”เธอยิ้มก่อนจะตอบ “พี่ชื่อแซนด์ แล้วเราล่ะ”“ผมชื่อคลื่น อายุสามสิบ”“พี่สา
หนึ่งเดือนต่อมา…“เด็กแบเบาะนอนตลอดเวลาเลยเหรอคะคุณจีน่า”“ใช่ค่ะคุณแซนด์ กิน ร้อง ถ่าย มีแค่นี้เลย”“แก้มกลมจัง” แซนด์รู้สึกตกหลุมรักหนูน้อยตัวขาวผ่องในอ้อมแขนของจีน่า เพิ่งจะได้เห็นชัด ๆ ครั้งแรกหลังจากจีน่าคลอดเด็กน้อยออกมา ตอนไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลก็ได้แค่เห็นผ่านกระจกห้องอนุบาลเด็กทารก“คุณแซนด์ว่าหน้าเหมือนใครครับ ผมหรือจี”“แอบคล้ายทั้งคู่เลยค่ะ อาจจะต้องรอให้ตัวเล็กโตกว่านี้หน่อย”“เหลือมึงละไอ้คลื่น กูเถียงกับจีมาทั้งวันละ”คลื่นตอบ “ไม่เหมือนมึง”“มึงเข้าข้างจีป้ะ หน้าเหมือนกูขนาดนี้”“ลูกมึงเหรอ ลูกมันเหรอจี”“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนนั้นเมา ๆ ด้วย” จีน่าเออออตามคลื่นไป เพราะรู้ว่าเขาต้องการแกล้งสามีตน เวลาเห็นเจฟงอแงมันน่าเอ็นดูจะตายไป“ว่าแล้ว ก็ว่าไม่เหมือน”“จีทำไมพูดงี้ ไม่น่ารักเลย” คนถูกแกล้งทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่ภรรยาตนเอง ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนอีกที“อันนี้เป็นเพื่อนกันหมดเลยเหรอ” แซนด์เอ่ยถามด้วยความสงสัย ปกติจีน่าจะพูดเป็นทางการกับคลื่นมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนจะสนิทกันมากกว่าที่คิด“เจฟกับคลื่นเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมหา’ ลัยที่เม’ กาค่ะคุณแซนด์ พอเรียนจบก็ถูกดึงตัว
หลังจากเดินทางไปพบผู้กระทำความผิดอย่างอวัชที่สถานีตำรวจเสร็จเรียบร้อย คลื่นต้องกลับมาปรึกษาหารือกับแขกเรื่องการเยียวยาต่อ กว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดีก็มืดค่ำเข้าไปแล้ว เขาจึงตัดสินใจนอนที่ภูเก็ตหนึ่งคืน แล้วค่อยเดินทางกลับกรุงเทพในวันพรุ่งนี้ตอนเช้ากริ๊งงงงง กริ๊งงงงง~‘K.Da’“ว่าไงครับคุณดา” คลื่นรับสายพี่สาวต่างแม่ของตนอย่างสุภาพ(พี่เพิ่งได้ข่าวว่าสามมันสร้างเรื่องเหรอ)“ครับ”(แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนล่ะ สำนึกผิดรึยัง)“อยู่ในคุก ผมไม่ยอมความ”(ดีแล้วล่ะ สามมันจะได้โตสักที อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว เออว่าแต่พี่หนึ่งกับพี่สองติดต่อไปมั้ย)“ไม่ครับ น่าจะกลัวโดนหางเลขไปด้วย”(ทีแบบนี้ล่ะ ตัดหางปล่อยวัดมันเชียว)“มีเรื่องจะคุยแค่นี้ใช่มั้ย”(เปล่า พี่จะบอกว่าพี่กำลังจะแต่งงาน มาด้วยล่ะ)“แต่งงาน? มีคนเอาด้วยเหรอ” ไม่ได้สนิทสนมกับพี่สาวมากถึงขั้นรู้ว่าเธอมีผู้ชายที่กำลังคบหาถึงขั้นจะแต่งงาน(ไอ้เด็กนี่!)“ส่งการ์ดเชิญมาก็แล้วกัน ถ้าว่างผมจะไป”(คลื่นต้องมาให้ได้นะ พี่เหลือแกอยู่คนเดียวแล้ว)“ครับ” เขาตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะกดวางสาย แล้วหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่มพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างห้องพัก“เมื่อก