“พี่ไผ่ค่า...สู้ๆ ”
พอได้ยินประโยคนี้ ที่ออกมาจากริมฝีปากสวยของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างสนามมันก็ทำให้ร่างกายของผมชะงักค้าง ทั้งที่ผมกำลังจะยิงประตูให้กับทีมของตัวเอง ประโยคสั้นๆ แค่นั้นส่งผลต่อร่างกายของผมเหลือเกิน ไม่เข้าใจตัวเองเลย...ว่าทำไม ผมต้องรู้สึกตกใจขนาดนั้น เมื่อผมเสียสมาธิในการเล่นก็ทำให้ไอ้ไผ่ชิงจังหวะตัดลูกฟุตบอลไปได้และมันก็ไม่พลาดที่จะยิงประตูทำให้ทีมของพวกมันเป็นฝ่ายชนะไป แต่ผมนี้สิยังยืนมึนงงอยู่ที่เดิม “มึงอ่อนให้กูเหรอ” มารู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่อไอ้ไผ่เดินมาคุยกับผม “มึงชอบต้าหนิงจริงไหม” ผมเงยหน้าขึ้นมาจ้องตากับมัน “กูถึงได้พนันกับพวกมึงไง กูชอบต้าหนิง” ไอ้ไผ่ก็จ้องตาผมกลับเหมือนกัน “ดี” “สรุปมึงอ่อนให้กูจริงๆ ใช่ไหม” มันยังคาใจอยู่สินะ “เปล่า กูแค่ฝากไว้ก่อน ถ้ากูพร้อมเมื่อไร กูจะมาเอาคืน..” ผมใช้สายตากลิ้งไปทางที่ต้าหนิงนั่งอยู่ บอกเป็นนัยๆ ว่าของที่ฝากไว้คืออะไร... ไอ้ไผ่หันไปมองตามสายตาของผม และมันก็น่าจะเดาออกแล้วด้วย “กูไม่คืน” ไอ้ไผ่หันกลับมาตอบผม “แต่กูจะเอา..” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินหนีมันไปทันที ซ่า................ น้ำเย็นๆ ปะทะผิวกายที่เปียกชุ้มไปด้วยเหงือทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง ผมยืนนิ่งให้น้ำจากฝักบัวไหลรดตั้งแต่หัวลงมา ประโยคที่ต้าหนิงตะโกนเชียร์ไอ้ไผ่ยังดังก้องอยู่ในหัวของผมอยู่เลย ยัยนั้นชอบไอ้หน้าตี๋จริงๆ เหรอว่ะ.... “ไอ้เรซ! มึงเป็นเชี้ยไรว่ะ!” เสียงหมาออกจากปากแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้ ไอ้โต้ง ชัวร์ “กูขอโทษแล้วกัน” ผมตะโกนบอกมัน “ถ้ามึงอยากให้กูยกโทษให้ละก็...เลี้ยงเหล้าพวกกูเดี๋ยวนี้” สมกับเป็นเพื่อนกูจริงๆ เห็นแก่กินจัง ไอ้เพื่อนเชี้ย... “เออๆ ๆ ” ผมตะโกนตอบมันไป “แล้วมึงจะขัดสีฉวีวรรณอีกนานไหม” เสียงไอ้เลโอถาม “พวกมึงไปรอที่ร้านกาแฟก่อน เดี๋ยวกูตามไป” “เร็วๆ ละ” เสียงบิ๊กไบค์บอก แล้วผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินออกไป พอเพื่อนไปแล้วผมก็กลับมาจมอยู่กับความคิดของตัวเองต่อ สักพักก็มีเสียงหวานใสเรียกชื่อผม “พี่ราเรซ” ผมปิดก๊อกน้ำฝักบัวทันที ต้าหนิงเหรอ...มาทำไม เมื่อกี้เธอเรียกชื่อผมด้วยนิ มาหาผมงั้นเหรอ... ผมหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัวอย่างลวกๆ แล้วก็หยิบกางเกงนักเรียนมาใส่กำลังจะหยิบเสื้อนักเรียน แต่พอนึกอะไรสนุกๆออกก็เลยไม่ใส่ดีกว่า... ผมเปิดประตูห้องอาบน้ำออกมา ยืนพิงที่ขอบประตูใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมไปด้วย สายตาของต้าหนิงจ้องมองซิกแพคของผมอย่างอึ้งๆ พร้อมกับรอบกลืนน้ำลายเสียงดัง “เซ็กซี่ล่ะสิ” ผมจ้องใบหน้าหวานที่ตอนนี้แก้มขาวเนียนของต้าหนิงกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงอมชมพูอย่างน่ารัก “ก็...ไม่เท่าไร” ต้าหนิงตอบ เธอเบือนหน้าหนีไปอีกทาง บอกว่าไม่เท่าไร แต่ทำไมต้องหลบตากันด้วย หึ...ยัยเด็กน้อยเอ๊ย... “แล้วมีอะไร” ผมหยุดเช็ดผมของตัวเองแล้วยืนกอดอกจ้องมองใบหน้าหวานของต้าหนิง ผิวเนียนจริงๆ ถ้าเกิดว่ามีอะไรมาโดนผิวนิดๆ หน่อยๆ คงจะเกิดรอยแดงได้ง่ายๆ เลยนะเนี้ย “พี่คิดอะไรอยู่” ต้าหนิงถามขึ้น “ตอนนี้นะเหรอ ก็...คิดอะไรดีล่ะ ในห้องอาบน้ำแบบนี้..” ผมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งไปให้ต้าหนิง พร้อมกับใช้มือลูบคางปอยๆ ชวนให้คิดลึก ตากลมโตจ้องมองผมอย่างตะลึงงัน เธอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างหวาดระแวง “ต้าหมายถึงตอนที่พี่อยู่ในสนาม อยู่ดีๆ พี่ก็หยุดเล่นซะงั้น ทำแบบนั้นทำไม” ผมรู้อยูแล้วล่ะ ว่าเธอจะถามเรื่องนี้ “ก็ไม่ได้คิดไรนิ ก็แค่ทีมนั้นเขาเก่งกว่า” ผมเดินเลี่ยงมานั่งที่ม้านั่งหน้าห้องอาบน้ำ แล้วต้าหนิงก็เดินตามมานั่งลงข้างๆผม กลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนดอกกุหลาบแรกแยมปั่นหัวผมได้ดีจริง ต้าหนิงทำหน้าฮึกฮักอย่างหงุดหงิดที่ผมไม่ยอมตอบคำถามเธอตามตรง “ชั่งเหอะ ว่าแต่..พี่คุยอะไรกับพี่ไผ่ เขาถึงได้หันหน้ามามองต้าแปลกๆ ” คงจะสงสัยมากสินะ ถึงได้เข้ามาถามถึงในห้องอาบน้ำนี้ เด็กน้อเด็ก... ชั่งอยากรู้ไปซะทุกเรื่องจริงๆ “อยากรู้จริงเหรอ” ผมหันไปถามต้าหนิง เธอพยักหน้าหงึกๆ อยู่สองครั้งอย่างรัวๆ ต่อมความอยากรู้ของคนเราไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ เลย “เช็ดผมให้พี่ก่อน เดี๋ยวบอก” ผมต่อรอง “หลอกใช้กันนี่นา” ต้าหนิงโวย “ก็แล้วแต่นะ...” “เอามานี่” แล้วมือบางของต้าหนิงก็เอื้อมมาหยิบผ้าขนหนูที่ค้องอยู่บนคอหนาของผม ผมหันตัวไปนั่งคร่องม้านั่งเพื่อให้ต้าหนิงเช็ดผมได้ถนัด มือเล็กยี่ผมไปมาอย่างเบามือ ผมแอบมองใบหน้าหวานไม่วางตา ทำไมยิ่งโตยิ่งตารักขนาดนี้นะ เพราะแบบนี้เองที่ทำให้ไอ้โต้งตามหวงอยู่ไม่ห่าง ผู้ชายคนไหนได้เห็นหน้าหวานๆ บวกกับรอยยิ้มที่สดใสของต้าหนิงเป็นต้องหลงเธอซะทุกราย “มองอะไรคะ” ต้าหนิงขึงตาใส่อย่างดุๆ รู้ตัวซะได้ แต่มีเหรอที่คนอย่างราเรซจะกลัว ผมนั่งยิ้มหวานส่งไปให้ต้าหนิง “แล้วจะบอกได้รึยัง” ต้าหนิงถามขึ้น เมื่อเธอเช็ดผมจนเกือบแห้งสนิท “ขยับมาใกล้ๆสิ” ผมบอกต้าหนิง และเธอก็บอกง่ายซะด้วย ต้าหนิงขยับตัวเข้ามานั่งเกือบชิดตัวผมพร้อมกับเอียงหูมาเพื่อรอฟังสิ่งที่ผมจะพูด “ความลับ..” ผมกระซิบบอกและก็แอบฉวยโอกาสไปด้วย ฟอด........ ผมหอมแก้มต้าหนิงไปหนึ่งที ก็มันอดไม่ได้จริงๆอ่ะ น่ารักขนาดนี้ ใครมันจะไปอดใจไหว “พี่เรซ!” ต้าหนิงจ้องมองผมอย่างตกใจ มือบางยกขึ้นมาลูบแก้มข้างที่โดนผมขโมยหอมไป “ครับ” ผมขานรับ นั่งยิ้มหน้าระรื่นอย่างชอบใจที่ได้เห็นแก้มเนียนๆเป็นสีแดง “คนฉวยโอกาส!” เพี๊ยะ! หน้าของผมหันไปตามแรงตบจากฝีมือของคนตัวเล็ก มือหนักใช้ได้เลยนะเนี้ย ผมค่อยๆหันกลับมาใช่ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างกวนๆ เหมือนไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยสักนิด แต่ที่จริงก็รู้สึกแสบอยู่หน่อยๆแหละ แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่เจ็บ จะเสียมาดลูกผู้ชายอกสามศอกไม่ได้ “ต้า..” เธอดูตกใจกับการกระทำของตัวเอง แต่ก็นะ... ผมเคยเห็นในละครบ่อยๆ เมื่อโดนผู้หญิงตบ ผู้ชายอย่างเราก็ต้องตบคืนเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ ผู้ชายนั้นใช้ปากตบ... ผมเอื้อมมือทั้งสองข้างของตัวเองไปล็อกใบหน้างามของต้าหนิงไว้แน่น กันเธอหันหน้าหนี ผมโฉบริมฝีปากของตัวเองบดจูบริมฝีปากบางอย่างบ้าคลั่ง ต้าหนิงแม้มปากไว้แน่นไม่ยอมให้ผมรุกล่ำเข้าไปได้ ผมใช้แขนข้างหนึ่งเอื้อมไปรัดเอวบางแล้วก็ยกตัวเธอขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง ทำให้ต้าหนิงตกใจเผลอเปิดปากออกทำให้ผมแทรกปลายลิ้นรุกล้ำเข้าไปได้ ผมกวาดไปทั่วโพรงปากเล็กเพื่อควานหาน้ำหวาน “อื้อ..” ผมพึมพำอย่างพอใจ หวานจริงๆ อยากจะชิมไปซะทุกจุดแต่ก็คงได้แค่นี้แหละ เพราะกำปั้นเล็กระดมทุบที่อกแกร่งไม่หยุด ก็เริ่มจะจุกนิดๆ แล้วเหมือนกัน ผมถอดริมฝีปากออกจ้องมองใบหน้าหวาน ตากลมโตจ้องมองผมอย่างโกรธเคือง น้ำตาเริ่มก่อตัวไหลออกมาตามหางตาข้างหนึ่ง พอได้เห็นน้ำตาของต้าหนิงแล้ว ใจของผมมันก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา ผมทำให้เธอร้องไห้ ผมเอื้อมมือขึ้นหวังจะเช็ดน้ำตาให้แต่กลับโดนมือบางปัดออกไปซะก่อน ต้าหนิงรีบเด้งตัวออกจากตักของผมแล้ววิ่งออกไปจากห้องอาบน้ำอย่างรวดเร็วต้าหนิงฉันรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง ดีนะ ระหว่างทางที่วิ่งมาไม่มีใครเห็นไม่งั้นคงได้ตอบคำถามยาวเป็นหางว่าวแน่ ฉันทิ้งตัวลงนอนกับเตียงนุ่มนิ่มอย่างอ่อนแรง ภายในใจของฉันตอนนี้มันว้าวุ่นไปหมด ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงกล้าทำแบบนั้นกับฉันทั้งที่เราสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้แล้ว...ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆใจก็เต้นแรงไม่หยุด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นี่ฉันคงไม่ได้หวั่นไหวไปหรอกนะ ที่ใจเต้นแรงแบบนี้ต้องเป็นเพราะ...ฉันตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้แน่ๆ เลย ใช่..มันต้องเป็นแบบนั้น ฉันจะรู้สึกหวั่นไหวกับคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วไม่ได้ เพราะพี่เขา..มีแฟนอยู่แล้วคลื่น......คลื่น......(098765xxxx)เอ๊ะ! เบอร์ใครนะ ไม่เห็นจะคุ้นเลยฉันกำลังลังเลอยู่ ว่าจะรับสายหรือไม่รับสายดี... รับดีกว่า เผื่อเป็นเพื่อนของฉันที่อาจจะเอาเบอร์คนอื่นโทรมา เพราะไม่มีใครมีเบอร์ของฉันนอกจากเพื่อนแล้วก็คนในครอบครัว“ฮัลโลค่ะ”ฉันกดรับสายกรอกเสียงพูดลงไป“ใช่เบอร์ของน้องต้าหนิงหรือเปล่าครับ”เสียงผู้ชายด้วย แถมยังรู้ชื่อฉันอีกต่างหาก“ใครคะ แล้วเอาเบอร์นี้มาได้ยังไง”ฉันถามกลับ โดยที่ไม่ตอบคำถามเขา“
ราเรซผมกำลังยืนมองดูคู่รักคู่หนึ่ง ซึ่งกำลังพลอดรักกันอยู่ในรถหรูอย่างไม่อายฟ้าอายดิน นี่กลางวันแดดจ้าแบบนี้ก็ยังไม่มีความละอายแก่ใจกันบ้างเลยผมเดินกลับเข้าในห้องนอนของโต้ง ก็เจอกับบิ๊กไบค์กำลังนั่งสะบัดหัวไปมาอยู่ที่ปลายเตียง“ตื่นนานแล้วเหรอ” บิ๊กไบค์ถามผม“อือ กูจะกลับล่ะ” ผมตอบเพื่อน ซึ่งบิ๊กไบค์ก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจแล้วมันก็ล้มตัวลงนอนต่อ แล้วมันจะตื่นมาเพื่อ...ผมเดินลงมายังชั้นล่างก็เจอกับมาม๊าของเพื่อน“สวัสดีครับม๊า”“อ้าว เมื่อคืนนอนนี้เหรอลูก” มาม๊าถาม พร้อมกับยิ้มให้อย่างใจดี“ครับ”“แล้วโต้งล่ะ ตื่นหรือยัง” ม๊าถามต่อ“ยังครับ นอนอยู่กับบิ๊กไบค์แล้วก็เลโอแหละครับ”“แล้วเรซจะกลับแล้วเหรอ ทานข้าวเช้าก่อนไหม” ม๊าถามอย่างใจดีเพราะแบบนี้ไง ถึงบอกว่า...ถ้าได้เป็นลูกเขยบ้านนี้...มันจะดีนะ“ไม่เป็นไรครับม๊า ขอบคุณครับ”ผมยกมือไหว้มาม๊าอีกครั้ง แล้วท่านก็ยิ้มให้อย่างใจดีเหมือนเคยLay Musicพอผมเดินเข้ามาในตึก ผู้คนที่เดินผ
สามเดือนต่อมา....วันนี้เป็นวันปัจฉิมของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่หก น้องๆ มอสี่และมอห้าได้เตรียมจัดงานให้แก่รุ่นพี่มอหกที่จบการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นซุ้มต่างๆ เพื่อให้รุ่นพี่ที่เรียนจบได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และยังมีสิ่งของมอบให้แทนใจและคำพูดว่ามิตรภาพนี้ไม่มีวันจางหายหลังจากเสร็จพิธีรับประกาศนียบัตรของนักเรียนชั้นมอหกแล้ว ผมกับสหายทั้งสามก็พากันมาถ่ายรูปที่หน้าซุ้มต่างๆ ตามแรงจู่จากสาวๆ ทั้งหลายที่ต่างก็มารอถ่ายรูปกับพวกผม“ไอ้ไบค์ มึงไปเรียกสองคนนั้นมาถ่ายรูปดิ” ผมหันไปกระซิบบอกบิ๊กไบค์บิ๊กไบค์ไม่รอช้า มันเดินเข้าไปหาต้าหนิงกับแก้มใสอย่างรู้งาน“น้องต้าหนิงน้องแก้มใสครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยดิ อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะ”แล้วสองสาวก็เดินตามบิ๊กไบค์มาอย่างว่าง่าย ต้าหนิงกับแก้มใสเดินมายืนตรงกลางผมรีบเดินไปยืนที่ด้านหลังของต้าหนิงส่วนบิ๊กไบค์ก็เดินไปยืนด้านหลังแก้มใส ผมกับบิ๊กไบค์มองตากันอย่างเข้าใจ ไอ้โต้งก็ยืนอยู่ข้างผมแหละ เลโอก็ยืนอยู่ข้างบิ๊กไบค์ ผมแกล้งเดินเข้าไปให้อกแกร่งชิดที่หลังของต้าหนิงทำให้เธอหันหน้ามาทำตาดุใส่ ผมยืนอมยิ้มอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ทำให้แก้มเนียนๆ ของ
ต้าหนิงหลังจากวันนั้นที่ฉันไปดูหนังกับพี่ไผ่ ความสัมพันธ์ของเราก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น อันที่จริงพี่ไผ่เขาก็ขอคบกับฉันแล้วล่ะ แต่ฉันยังไม่ทันตอบตกลง ขอเวลามาคิดดูอีกสักหน่อย ซึ่งพี่ไผ่ก็เข้าใจไม่ได้เร่งรัดอะไรฉัน เฮียโต้งก็ชั่งรักษาคำพูดดีจริง เพราะเฮียไม่เคยเข้ามาขัดขว้างหรือวุ่นวายเลย แต่เวลาฉันจะออกไปไหน เฮียมักจะระแวงแล้วก็พูดว่า “ไปกับไอ้หน้าตี๋ใช่ไหม” ทั้งที่ฉันเดินไปแค่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ บ้านนี่เองวันนี้เป็นวันปัจฉิมของพี่มอหก ซึ่งมอสี่อย่างพวกฉันก็ต้องมาดูคอยศึกษางานและช่วยจัดงานให้กับพวกพี่ๆ เพราะปีหน้าพอฉันขึ้นมอห้า พวกฉันก็ต้องมาจัดงานให้กับพวกพี่ๆ มอหกรุ่นต่อไป“น้องต้าหนิงน้องแก้มใสครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยดิ อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะ”พี่บิ๊กไบค์เดินมาเรียกฉันกับแก้มให้ไปถ่ายรูปกับพวกพี่ๆ เขา ฉันกับแก้มใสเดินตามพี่บิ๊กไบค์ไปยังซุ่มถ่ายรูป ที่ยอมมาง่ายๆ ก็เพราะฉันเห็นว่าพี่ชายฉันก็อยู่ด้วยหรอกนะ ฉันเดินไปยืนตรงกลางระหว่างพวกเขาเพื่อถ่ายรูป และฉันก็รู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังฉันนั้นพยายามเข้าใกล้ฉันเหลือเกิน จนฉันต้องหัน
บิ๊กไบค์ผมเดินนำหน้าแก้มใสมายังตันไม้ใหญ่ข้างๆ อาคารเรียน ผมพยายามรวบรวมความกล้าอยู่นาน กว่าจะกล้าเอ่ยปากบอกกับแก้มใส ยังไงวันนี้ผมก็ต้องบอกกับแก้มใสให้ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไร“มีอะไรคะ” แก้มใสถามขึ้น“คือว่า...พี่..”น่าขายหน้าที่สุดเลย พอถึงเวลาจริงๆ กลับพูดไม่ออกซะงั้น“ไม่มีอะไรแก้มไปนะคะ” แก้มใสหันหลังเตรียมจะเดินกลับ“พี่ชอบแก้มใส..” พูดออกไปแล้ว“อะไรนะคะ..”แก้มใสหันหน้ากลับมาถามด้วยสีหน้างุนงง“พี่ชอบแก้มใส ชอบตั้งแต่วันแรกที่เรามาเรียนที่นี่แล้ว” ผมสารภาพออกไป“แต่แก้มไม่ได้ชอบพี่ค่ะ..” แก้มใสตอบอย่างไร้เยื่อใยผมก้มหน้าลงอย่างสลด ที่ต้องมาผิดหวังตั้งแต่ครั้งแรกยังไม่ได้เริ่มอะไรด้วยซ้ำ“พี่ก็ดีนะ แต่ว่าแก้มมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”ผมเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าเรียวได้รูป“มันเป็นใคร” ผมถามด้วยอารมณ์หงุดหงิดนิดๆ“พี่อยากรู้จริงๆ เหรอ...” แก้มใสยืนกอดอกจ้องหน้าผม“ใช่..”“แก้มชอบพี่โต้งค่ะ”นี่แก้มใสชอบไอ้โต
ST ผับDraw me my picture I’ ll draw your picture And we’ ll move the furnitures in the motel room Sing me a lullaby And kiss me goodnight Like everything’ s still fine in that motel roomวาดภาพฉันสิ และฉันจะวาดภาพเธอ แล้วเราจะย้ายเฟอร์นิเจอร์ในห้องโมเต็ลนี้ ร้องเพลงกล่อมให้ฉัน และจูบราตรีสวัสดิ์ฉัน เหมือนทุกๆ อย่างยังปกติดีในห้องโมเต็ลนั้นWe knew this has to end And we could only pretend Cause our love only leads to dead endเรารู้ว่าเรื่องนี้มันต้องจบลง และเราทำได้แต่แสร้งทำว่ามันยังดีอยู่ เพราะความรักของเรามันมุ่งสู่ทางตันLet’ s just drive out of town Let’ s runaway Let’ s get high Forget the world Forget everythingมาขับรถออกไปจากเมืองนี้กันเถอะ มาวิ่งหนีไปด้วยกัน มามีความสุขด้วยกัน ลืมโลกนี้ไป ลืมทุกๆ อย่าง ไปให้หมดDon’ t worry about this crowd No one you know is around We can do anything we wantไม่ต้องกังวลเรื่องผู้คนเหล่านี้หรอก ไม่มีคนที่เธอรู้จักอยู่หรอกนะ เราอยากทำอะไร
สามปีผ่านไป...06:00 AMต้าหนิงฉันยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ข้างสนามหลังจากวิ่งรอบสนามฟุตบอลครบสามรอบ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของการก้าวเข้าสู่รัวมหาลัยของฉัน ฉันสอบติดคณะเดียวกับเฮียโต้ง คณะบริหารธรุกิจฉันไม่ได้เจอเฮียโต้งหลายเดือนแล้ว เฮียไม่ค่อยกลับบ้านเลยช่วงสามปีที่ผ่านมา โทรไปหาก็ไม่ค่อยว่างเฮียโต้งย้ายไปอยู่ที่คอนโดหลังจากที่เรียนจบมัธยมปลาย ตอนแรกป๊ากับม๊าก็ไม่ยอมหรอก แต่เฮียให้เหตุผลว่ามันสะดวกต่อการไปเรียน เพราะจากบ้านไปมหาลัยก็ไกลพอสมควรพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยฉันก็เดินลงมายังชั้นล่างเพื่อมาทานอาหารเช้าที่ม๊าเตรียมไว้ให้“สวัสดีครับม๊า”เสียงคนขับรถประจำตัวฉันมาแล้ว พี่ไผ่ ฉันคบกับพี่ไผ่มาสามปีแล้ว เราคบกันแบบเรียบง่าย พี่ไผ่เขาเป็นสุภาพบุรุษมากไม่เคยล่วงเกินฉันเลยสักครั้ง ช่วงหลังๆ มานี้ พี่ไผ่ค่อนข้างจะยุ่งๆ เพราะพี่เขาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติเหมือนกับเพื่อนๆ ของเขา ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา แต่ฉันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แบบนี้มันก็โอเครดี.. และวันนี้พี่เขาว่างพอดีก็เลยอาสาจะไปส่งฉันที่มหาลัย“ทานข้าวเช้ามาหรือยังล่ะลูก ทานกับน้องไหม” เสียงมาม๊าชวนพี่ไผ่อย่างใจดี“เรียบร้อยแล้วค
ตั้งแต่วันนั้น...ที่โรงเรียน ฉันก็ไม่ได้เจอพี่ราเรซอีกเลย แล้วก็เหมือนว่าพอเฮียโต้งไม่อยู่ พวกพี่ๆ เขาก็ไม่มาเตะบอลกันอย่างเคย ฉันเลยไม่รู้ว่าแต่ล่ะคนเป็นอย่างไรกันบ้างฉันไม่มีความกล้าพอที่จะเงยขึ้นไปมองหน้าเขา ฉันก้มหน้ามองเพียงแค่รองเท้า Converse ของเขาสลับกับรองเท้าผ้าใบของตัวเอง“ไปไหนมาค่ะ” เสียงหวานใสพูดขึ้นรองเท้าส้นสูงสีแดงเดินมาหยุดอยู่ข้างรองเท้า Converse ของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ถ้าฉันเดาไม่ผิดนะ เจ้าของรองเท้าสีแดงคู่นี้คือ พี่ซินดี้ฉันขยับตัวเดินเลี่ยงๆ พวกเขาทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ ใจฉันมันอยากจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาแทบตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ร่างกายมันไม่ยอมทำตามที่ใจต้องการ“เอาล่ะครับ เมื่อน้องปีหนึ่งลงชื่อกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินต่อแถวกันไปยังหอประชุมเลยครับ จะได้เริ่มกิจกรรมต่อไป” เสียงรุ่นพี่ผู้ชายคนเดิมที่ถือไมค์อยู่ประกาศบอก ฉันชำเลืองไปมองที่ป้ายชื่อของพี่เขาเขียนว่า P’ บาสหอประชุม...“เอาล่ะครับน้องๆ ให้น้องปีหนึ่งแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มล่ะหกคนนะครับ ขาดเกินอย่างไรเดี๋ยวพี่ดูให้ เริ่ม
“ถอดมือเดียวได้ที่ไหนล่ะ มือพี่ไม่ว่าง” ผมส่งยิ้มกวนๆไปให้พร้อมกับยกมือข้างที่กำบราสีหวานไว้อยู่ ให้ต้าหนิตะลึงงันดูว่ามือผมไม่ว่างจริงๆ แล้วต้าหนิงก็ทำหน้าง้อบูดบึ้งกลับมาต้าหนิงขยับตัวเข้ามาใกล้ เธอยื่นมือข้างหนึ่งมาเพื่อแกะกระดุมเสื้อให้ผม แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน เพราะใช้แค่มือเดียว“แกะมือเดียวมันก็แกะไม่ได้นะสิ” ผมแกล้งพูดท้วงไป ทำให้ใบหน้างามชักสีหน้าใส่อย่างหงุดหงิด“หลับตาก่อนสิ” ต้าหนิงต่อรอง“ทำไมต้องหลับตา” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานจนจมูกโด่งชิดกับจมูกเชิดงอนของต้าหนิง“ต้าไม่ใช่พี่เรซนิ จะได้เปลือยร่างกายต่อหน้าคนอื่นโดยที่ไม่รู้สึกอะไร” นี่แอบด่าว่าผมหน้าด้านอยู่ใช่ไหมเนี้ย ร้ายจริงๆ“คนอื่นที่ไหน นี่ก็ผะ...”“พี่เรซ..”“ครับ” ผมยิ้มหน้าระรื่นอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสีหน้าดุของต้าหนิง“หลับตาสิคะ” ต้าหนิงสั่งอีกครั้ง ผมค่อยๆหลับตาลงตามที่ต้าหนิงบอก เดี๋ยวจะนอยไปมากกว่านี้ ยอมๆให้หน่อยก็แล้วกันมือบางที่แกะกระดุมเสื้ออยู่มีอาการสั่นหน่อยๆ ตื่นเต้นล่ะสิ เห็นบ่อยแล้วนะยังไม่
“ต้าเจ็บ อึก...อือ..” ในที่สุดฉันก็ร้องไห้ออกมาจนได้พี่ราเรซหยุดการกระทำแล้วหันมาจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันใช้หลังมือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ พยายามไม่สนใจหยดน้ำใสที่ไหลออกมาตามหางตาราเรซ“ต้าเจ็บ อึก...อือ..”ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ออกมาจากริมฝีปากหวาน มันก็ทำให้ผมได้สติขึ้นมา ผมเผลอทำรุนแรงกับต้าหนิงเพราะความโมโหที่เห็นต้าหนิงอยู่กับผู้ชายคนอื่น และโมโหที่เธอดื้อกับผม“เจ็บมากไหม...” ผมจ้องมองใบหน้าหวานที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา พอได้เห็นน้ำตาของต้าหนิงทีไร มันก็ทำให้ผมปวดหัวใจทุกที“คนใจร้าย”“ก็อยากดื้อกับพี่ทำไมล่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“มายุ่งกับต้าทำไม ทำแบบนี้กับต้าทำไม ผู้หญิงของพี่ก็มีตั้งเยอะ ไปทำกับผู้หญิงของพี่สิ” คำพูดเหมือนน้อยใจเลยแฮะ“พี่อยากทำกับต้านิ” ต้าหนิงมองค้อนให้หนึ่งทีก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น“พี่ขอโทษ ที่รุนแรงกับต้า ก็พี่โมโหอ่ะ” ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนสุดๆ“โมโหอะไรคะ ต้าต่างหากที่ต้องโมโห” ต้าหนิงหันกลับมามองหน้าผมอย่างโกรธเคือง“แล้วต
“ต้าหนิง”เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อฉัน พร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตะลึงงัน คงจะตกใจมากล่ะสิที่ได้เห็นหน้าฉัน ไหนบอกฉันว่างานยุ่งไง แต่ที่เห็นในตอนนี้นี่มันคืออะไร... ไอ้ยุ่งๆ ที่ว่าก็คงจะเป็นเรื่องนี้สินะ เขามันไม่เคยพอเลยจริงๆผู้หญิงที่นั่งขนาบข้างพี่ราเรซกับพี่เลโอหันมาหลับตาชังใส่ฉันหนึ่งที แล้วก็หันไปเล้าโลมผู้ชายในมือของหล่อนต่อ พวกนั้นคือพริตตี้ที่ถูกจ้างมาในงานวันนี้เพราะเจอกันในห้องแต่งตัว ฉันจำพวกหล่อนได้“อ้าว พวกเฮียๆ มาทำอะไรกันในห้องนี้ครับ ที่เช่จ้องให้มันอีกห้องหนึ่งนิ ห้องนี้เช่จะไว้ดูการแข่งสองคนกับสาวสวยของเช่นะ” ปอร์เช่เดินเข้ามายืนข้างฉันแล้วพูดขึ้น เด็กนี่ตัวสูงเป็นบ้าเลย“มึงว่าไงนะ ไอ้เช่” พี่ราเรซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดโมโห“เราจะดูการแข่งรถในห้องนี้สองคนค่ะ”ฉันสอดมือเข้าไปคล้องแขนหนาของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างฉันในตอนนี้ ปอร์เช่เลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าฉันอย่าง งงๆ แต่ก็แค่แป๊บเดียว หนุ่มน้อยก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉันเปลี่ยนมาโอบรอบเอวฉันแทน เด็กนี่ร้ายชะมัด ฉันทำเป็นยิ้มรับอย่างเต็มใจ ทั้งที่ความจริงไม่ได้รู
“มึงเคลียร์นานไปนะ” พอเดินขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า เฮียโต้งก็ทักขึ้นทันที“มึงก็เลยส่งไอ้เลโอลงไปตามว่างั้น” พี่ราเรซเอียงคอถามอย่างกวนทีน...“เปล่า กูใช้มันไปเอาน้ำแข็งเฉยๆ” เฮียโต้งตอบพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ เหมือนกัน“ไงมึง ไปเจอช็อตเด็ดมาล่ะสิ” พี่บิ๊กไบค์ถามพี่เลโอ เมื่อพี่เลโอเดินขึ้นมา“สรุปยังไง ไอ้เลโอ” พี่ราเรซหันไปเอาเรื่องพี่เลโอต่อ“ไอ้โต้งมันใช้กูไปขวางมึงนั่นแหละ”“ไอ้เลโอ!!” แล้วพี่เลโอก็โดนเฮียโต้งตะคอก แต่ก็ไม่ได้โมโหจริงจัง เหมือนจะหยอกล้อกันมากกว่า“เฮีย ขอคุยด้วยหน่อย”ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งเฮียก็เดินเข้ามากอดคอฉันให้เดินไปคุยกับที่ขอบระเบียงดาดฟ้า แล้วพี่ราเรซก็เดินตามมาด้วย แถมยังเอื้อมมือมาโอบเอวฉันอีกต่างหากฟุบ!!! แล้วก็โดนเฮียโต้งเหวี่ยงมือหนาไปใส่หัวหนึ่งที แต่พี่ราเรซกลับหลบได้ซะก่อน“อย่าเยอะไอ้เรซ กูไม่เห็นไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำให้กูเห็น เดี๋ยวมึงได้แดกตีนกูแทนข้าว” เฮียโต้งหันไปขู่พี่ราเรซ ซึ่งรายนั้นก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น“ไงเรา มีอะไรจะ
“พวกเพื่อนพี่ชายของต้ามานอนที่บ้านบ่อยเหรอ” พี่ไผ่ถามขึ้นหลังจากที่พวกเฮียโต้งไปกันหมดแล้ว“เมื่อก่อนก็บ่อยล่ะคะ แต่ช่วงหลังๆ มาก็ไม่ค่อยมาเท่าไร”“แล้วในบรรดาพวกเพื่อนของพี่ชายต้า มีใครทำอะไรไม่ดีกับต้าหรือเปล่า..” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ไผ่อย่าง งงๆ นี่เขาอยากจะถามอะไรฉัน“พี่หมายถึง แบบว่า มีใครที่นิสัยไม่ดี ชอบมาวุ่นวายกับต้า อะไรประมาณนี้”ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่มีหรอก แต่ตอนนี้.. ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน“ไม่นี่ค่ะ พวกเขาไม่ค่อยมาวุ่นวายกับต้าหรอก” ฉันจำต้องตอบพี่ไผ่ไปแบบนั้น“ถ้ามีอะไร ก็บอกพี่ได้นะ” พี่ไผ่ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี“ค่ะ”“น้องต้าครับ พี่ขอน้ำแข็งสักสองถังหน่อยสิ พวกพี่จะตั้งวงกันบนดานฟ้า” พี่บิ๊กไบค์โผล่หน้าจากทางขึ้นบันไดบ้านมาบอกกับฉัน“จะดื่มกันแต่ตั้งหัววันเลยเหรอคะ” ฉันถามพี่บิ๊กไบค์“ครับ พอดีว่าไอ้เรซมันกำลังเฮิร์ทนะ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็เป็นหมาหงอยซะงั้น”คำพูดของพี่บิ๊กไบค์ มันทำให้ฉันใจหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ คงไม่ได้เป็นเพราะฉันหรอกนะ“ป่ะ ไอ้ไบค์ ไ
“ฉันเด็ดกว่าแฟนนายเยอะ นายก็รู้”แล้วฉันก็ได้ยินเสียงที่ไม่คาดคิด ดังขึ้นอยู่ด้านนอกนั้น พี่ไผ่กับพี่ซินดี้“อ๊ะ..ไผ่”“แรงอีก อ๊ะ..” เสียงเก้าอี้นั่งดัง เอี๊ยด อ๊าด ทำให้ฉันแสบแก้วหู“อ่า..ซินดี้..” เสียงพี่ไผ่ครางต่ำฉันถึงหน้าแดงขึ้นมาอย่างกั้นไม่อยู่ พวกเขาทำอะไรกัน แสลงหูที่สุดเลย แต่ที่หนักกว่าด้านนอกก็คงจะเป็นพี่ราเรซในตอนนี้ สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเก็บกดอะไรสักอย่าง ฉันรับรู้ถึงบางอย่างที่แข็งขึงกำลังจ่ออยู่ที่หน้าท้องของฉัน“พี่ไม่ไหวแล้วต้า..” เสียงพี่ราเรซกระซิบแหบพร่าชิดริมหู เรียกขนในกายให้รุกชันอย่างซาบซ่านพี่ราเรซจับเสื้อยืดฉันถอดขึ้นออกทางศีรษะ มือหนาปลดตะขอบราออกในทันที แขนแกร่งข้างหนึ่งรั้งเอวบางฉันเข้าไปชิดตัว ริมฝีปากหนาก้มลงมาครอบครองยอดอกดูดเม้มอย่างรุนแรง มืออีกข้างก็เลื่อนต่ำลงเข้าไปในกางเกงชั้นใน ส่งนิ้วเรียวเข้าไปสะกิดกับจุดอ่อนไหวกลางกาย พี่ราเรซง้อข้อมือเข้าออกอย่างรัวเร็ว เรียวขางามเริ่มสั่นนิดๆ ทรงตัวไม่อยู่ เพราะโดนพี่ราเรซเล้าโลมทั้งบนและล่างอย่างจาบจ้วง เมื่อพี่ราเรซถอด
“เราเป็น..” พี่ซินดี้กำลังจะตอบ“เพื่อนสมัยมัธยมพี่นะ” แต่พี่ไผ่กลับชิ่งตอบซะก่อน แล้วพี่ซินดี้ก็หันมามองหน้าพี่ไผ่แปลกๆ“แล้วสองคนรู้จักกันได้ไง” พี่ซินดี้หันมาถามฉัน“เราเป็นแฟนกัน” พี่ไผ่ตอบแทน“จริงเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะหาแฟนได้น่ารักขนาดนี้” พี่ซินดี้หันไปคุยกับพี่ไผ่“ทำไมล่ะ ฉันจะมีแฟนน่ารักๆ ไม่ได้หรือไง”“งั้นก็ดูแลเขาให้ดีๆล่ะ ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายเอาใจใส่”“ต้าหนิงไม่ใช่คนเรื่องมาก และฉันก็เอาใจใส่แฟนฉันอยู่แล้ว”ทำไมฉันรู้สึกเหมือนสองคนนี้กำลังเถียงกันโดยทางอ้อมนะ ใบหน้าที่กำลังปั้นยิ้มใส่กันนั่นอีก“ต้าอิ่มแล้วค่ะ” ฉันพูดโพล่ขึ้น เมื่อพวกเขาไม่ยอมเลิกจิกกัดกันด้วยสายตาสักที“กลับบ้านกัน เพื่อนพี่น่าจะไปรอที่สนามแล้วล่ะ” พี่ไผ่บอก“จะไปไหนกันต่อเหรอ” พี่ซินดี้ถามขึ้น“ออ ที่บ้านต้ามีสนามหญ้าเทียมให้เช่านะคะ พี่ไผ่นัดกับเพื่อนๆ ไว้ว่าจะไปเตะฟุตบอลกัน” ฉันพูดกระจายต่อมความอยากรู้ให้พี่ซินดี้ฟัง“ขอไปด้วยสิ คือซินดี้อยากไปเที่ยวบ้านน้องต้าหนิงอ่ะ ไปได้ไ
“พี่ไผ่มารับกลับบ้านไปแล้วค่ะ”ทันทีที่ได้ยินคำตอบ มันก็ทำให้รอยยิ้มบนหน้าผมหายวับไปในพริบตา ทำไมมันต้องมีมารมาขัดขว้างตลอดเลยว่ะ แก้มใสยืนมองหน้าผมอย่างหวาดหวั่น สงสัยกลัวผมจะอารมณ์เสียใส่ล่ะมั้ง“ขอบคุณครับ ที่มาบอกพี่” ผมยิ้มให้แก้มใสอีกครั้ง“ค่ะ พี่ราเรซอย่างโกรธต้าหนิงเลยนะคะ ที่จริงต้ามันก็มานั่งรอตามที่พี่ราเรซบอก แต่ว่า...”“ไม่เป็นไรครับ แล้วเรากลับยังไงล่ะ”“กลับรถเมล์ค่ะ”“เดี๋ยวพี่ไปส่ง ห้ามปฏิเสธ”ผมแค่อยากตอบแทนที่แก้มใสเดินมาบอก ไม่งั้นผมคงจะโกรธคนตัวเล็กไปแล้ว เพราะคิดว่าเธอไม่มารอตามนัด และการที่แก้มใสเดินมาบอกผมแบบนี้แสดงว่าเธอกำลังเชียร์ผมอยู่“แก้มใสกับต้าหนิงสนิทกันมากเลยเหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อขับรถออกมาจากมหาลัยได้สักพัก“ค่ะ ตั้งแต่อนุบาลเลย แก้มไม่ค่อยมีเพื่อนนะคะ ตอนเด็กๆ แก้มมักจะโดนเพื่อนแกล้งและก็โดนล้อว่าไม่มีพ่ออยู่เป็นประจำ ต่างกับต้าหนิงรายนั้นนะเพื่อนเยอะ มีแต่คนรุมรอบ คริๆ เพราะต้าหนิงน่ารักและสดใสอยู่ตลอดเวลา” เธอเล่าไปขำไป“ฮอตตั้งแต่เด็กเลยเหรอ ยัยเด
ราเรซผมลืมตาตื่นขึ้นมาหันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงนอน เช้าแล้วเหรอ... ผมหันกลับมามองความอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของผมทั้งคืน ยังไม่ตื่นเลย... สงสัยจะเพลียมาก เพราะโดนผมจัดหนักไปหลายรอบ ก็ไม่อยากจะหักโหมมากหรอก ผมแค่กลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอต้าหนิงอีก กลัวเธอจะหนีไปเหมือนเมื่อวันก่อน ก็เลยต้องจัดหนักให้หมดแรงกันไปข้าง จะได้ไม่มีแรงลุกหนีผมไปไหนได้อีกผมเลื่อนจมูกโด่งชิดแก้มเนียนถูวนไปมา แล้วมือน้อยๆ ของต้าหนิงก็ยกขึ้นมาผลักหน้าผมออก ทำให้ผ้าห่มที่คลุมช่วงบนอยู่เปิดออก เผยให้เห็นดอกบัวคู่งามที่มีรอยแดงเป็นจ้ำเต็มไปหมด ผมรู้ว่าวันนี้ต้าหนิงมีเรียนก็เลยไม่ทำรอยที่ลำคอ เดี๋ยวผมจะโดนไอ้โต้งลากไปกระทืบอีก ผมก็เลยมาทำใต้ร่มผ้าแทนพอยกมือขึ้นมาปัดหน้าผม ต้าหนิงก็หลับต่อ ยังไม่รู้ตัวอีก... เล่นล่อตากันแต่เช้าแบบนี้ พี่ก็อดไม่ไหวนะผมเลือนริมฝีปากลงไปครอบครองยอดอกของต้าหนิง ซึ่งตอนแรกมันก็สงบนิ่งดีอยู่หรอก แต่พอโดนปลายลิ้นเขี่ยเข้าให้ก็ชูชันขึ้นมาทันที พร้อมกันเจ้าของที่ลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าผมด้วยความตกใจ“พี่เรซ.. เล่นอะไรเนี้ย หยุดนะ”