บทที่ 6 เยี่ยมเยือน
บอกเลยว่าโต๊ะทำงานของเอราเบลเธอไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร มันดูทางการเกินไป ส่วนใหญ่เธอจะมานั่งทำงานที่ห้องครัวและถือเป็นห้องนอนไปเลย เพราะโต๊ะทานข้าวฝั่งหนึ่งเป็นโซฟาติดกำแพง เป็นที่ดึงดูดคนจริงๆ ดูดให้ง่วงนะ ส่วนอีกฝั่งเป็นเก้าอี้ที่นิ่มมากจำนวนสามตัว ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้นั่งเหรอก วางเอกสารเสียมากกว่า
และไม่ต้องกลัวว่ามันจะรก เพราะแม่ของเอราเบลได้จัดการให้แม่บ้านที่คฤหาสน์มาทำความสะอาดประจำ เธอมีของไม่มากและจัดเก็บใส่กล่องเหมือนกล่องไปปิคนิกสองใบ ใบหนึ่งใส่เอกสาร อีกไปใส่เครื่องเขียนแล้วก็อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รับรองว่ามันไม่รกขนาดนั้น
สภาพตอนนี้ไม่ต่างกับเด็กมหาลัยที่ชอบทำตัวเป็น one night miracle ดีหน่อยที่เอราเบลตัดแว่นแบบกรองแสงสีฟ้าไว้เยอะ ไม่งั้นได้สายตาสั้นและล้าแน่ ๆ
ไหน ๆก็นอนดึกแล้ว ฉันคลิกที่หน้าเว็บไซต์มหาลัยเพื่อเข้าไปดูคณะการบินและอวกาศ อืมมม…. บางทีก็พูดไม่ออกกับมหาลัยนี้แฮะ
คณะนี้กินเนื้อที่แล้วไปครึ่งหนึ่งของมหาลัย เอาไปทำอะไรเยอะแยะ จากนั้นเข้ามาอ่านหระทู้(คล้ายกับกระทู้พันทิพย์บ้านเรา) เม้าว่า ความจริงแล้วมหาลัยนี้จะสร้างมาเพื่อผลิตคนที่ทำสายนี้เท่านั้นแต่ผู้ร่วมลงทุนหลายคนไม่ยอม สุดท้ายมติก็คือเอาไปครึ่งนึง แล้วก็ส่วนทำการทดลองในต่างพื้นที่ต้องมีสภาพแวดคล้ายกับบนอวกาศนั้นจะเป็นแคมปัสอีกที่นึง แต่ก็เถียงไม่ได้นะ ว่าคนที่จบจากนี่จะไม่ใช่ระดับมันสมอง และด้วยความที่คณะนี้กินเนื้อที่ครึ่งหนึ่งของมหาลัยมีคนเรียน 100 คน ก็เหมือนเป็นคณะร้างแล้วยิ่งช่วงทำการทดลองต้องพากันทดลองอีกแคมปัสนึง มีคนเรียนไม่ถึง 20 คนมั้งน่ะ
ถ้าเป็นคณะเล็กๆคงไม่มีใครใส่ใจเหรอก แต่นี่เล่นครึ่งนึงของมหาลัย เหมือนอารมณ์แบบไม่ได้อยากทำตัวเด่น แต่มันเด่นเอง ด้วยความที่หมาลัยใหญ่มาก เด็กทุกคนที่นี่จะได้รับสิทธิพิเศษในการได้รับจักรยานคนละ 1 คัน แต่คณะเอราเบลชอบทำตัวไม่เหมือนใคร ทางคณะมีรถกอล์ฟคนละ 1 คันให้นักศึกษาคณะนี้
และอีกแหล่ะอันนี้ไปค้นพบในไดอารี่ส่วนตัวของเอราเบล ความลับของคณะนี้เยอะมาก ทำให้นักศึกษาทุกต้องกลายสภาพเป็นพนักงานบริษัท เข้าออกต้องมีการแลกบัตรและสแกนนิ้วเข้าตึก ยิ่งตึกไหนพิเศษมาก จะมีการตรวจสอบถึงที่รัดกุมกว่านี้รวมถึงการให้คนเซ็นรับรองการเขาออกด้วย ถ้าคนรับรองไม่มีความน่าเชื่อถือพอก็ไม่ให้เข้า แม้แต่อาจารย์ถ้าคณะกรรมการพิจารณาว่าไม่มีสิทธิก็คือไม่มีสิทธิ
ส่วนใหญ่ที่จะเซ็นรับรองได้จะเป็นอดีตนักบินอวกาศ ผู้บัญชาการทหารอากาศ หรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเป็นต้น และบางตึกจำกัดคนเข้า ถ้าไม่มีรายชื่อในระบบความปลอดภัยในตึกนี้ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าตึก เช่น ตึก ATT-1 ตึกที่เก็บความลับเยอะสุด จะมีแค่ประธานรุ่นและเฉพาะกรณีพิเศษเท่านั้นที่จะเข้ามาได้
มีเอกสารมากมายจากการทดลองของนิสิตทุกระดับชั้นปีเอกสารที่อยู่ที่นี่ไม่อนุญาตให้ทำลายทิ้งเพราะทุกชิ้นคือประการณ์อันมีค่าของพวกเขา แน่นอนว่างานยากและลำบากจะตกอยู่ที่ประธานรุ่นและตำแหน่งพิเศษที่ต้องเก็บเอกสารเหล่าด้วยตัวคนเดียวทั้งหมด คิดแยกตามหมวดหมู่ ซึ่งมันเยอะมาก ทุกคนอาจคิดว่ามันคือห้องเก็บเอกสารเป็นชั้นวางให้วาง
แต่เธออย่าลืมกันนะ มันไม่ได้มีแค่เอกสาร แต่รวมอุปกรณ์เทคโนโลยี ไฟล์งานต่าง บางชิ้นมันค่อนข้างอ่อนไหว ทำให้ผู้เป็นประธานต้องออกแบบการจัดวางเองของชั้นปีตัวเอง เพื่อไม่ให้กระทบกับของเก่าที่มี และตำแหน่งพิเศษนี้แหล่ะมีไว้เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยก่อนและหลังสร้าง มีการหมุนเวียนตรวจทุกปีว่าเอกสารเหล่านี้มีอะไรหายไปไหม ตามลิสการ
‘ถามว่าเธอรู้ได้ไง? ก็เอราเบลเขียนและวาดไว้ในไดอารี่อ่ะ’
เธอก็ว่าอยู่ว่าทำไมไดอารี่เล่มเดียวถึงได้อยู่ในตู้เซฟนิระภัยที่ใหญ่ขนาดนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความซับซ้อนในการใส่รหัส เพราะเธอเองก็จำไม่ได้แล้ว แล้วก็อีกอย่างเมื่อเข้าตึกไปแล้ว ทุกคนต้องเปลี่ยนชุดไปใส่ชุดสำหรับการเข้าแลปเพื่อความสะดวกและเพื่อชีวิตเราเอง(มันอันตราย) จะมีเสื้อกาว รองเท้าครอส บัตรประจำตัว ยูนิฟอร์ม แล้วก็อีกชุดหนึ่งคือชุดที่ออกภาคสนามใส่ทดลองแลปนอกสถานที่หรืออยู่ในพื้นที่โล่งขนาดใหญ่เป็นชุดแบบนักซ่อมบำรุง และมีหมวกเซฟตี้สีเหลือง เธอจะบอกว่าเธอชอบชุดนี้มันเท่มากๆ แต่น่าเสียดายที่เอราเบลไม่มีรูปถ่ายให้ดู
...
วันเสาร์ 5.00 น.
ไหน ๆ ก็อยู่จนถึงขนาดนี้แล้วไปต่อเลยก็แล้วกัน ไปนอนไงล่ะ อย่างน้อยก็ขอนอนก่อนจะไปโทรมๆแบบนี้ไม่ได้ เธอจะฟังดนตรีคลาสสิกก่อนนอน เพราะมันช่วยให้ฉันจิตใจสงบลงบ้าง การที่คนเรานอนไม่พอก็ทำให้ขาดสติได้เช่นกัน วันนี้น่าจะสบายๆนะ แต่งตัวเป็นเด็กมหาลัยดีไหมนะ
.
.
.
ณ มหาลัย AC Will
สุดท้ายก็มาในลุคก์สบายๆมินิมอล เป็นกระโปรงยาวสีดำแหวกข้างถึงเข่า และเสื้อเชิตตัวใหญ่ๆสีฟ้า วันนี้เธอปล่อยผมและติดกิ๊ฟของแชแนลนิดหน่อย
‘เธอมั่นใจว่าตัวเองสวยมาก’ เธอเลือกแหวนเม็ดสีเขียวมรกตที่ ใส่ทั้งข้างซ้ายและขวาเลยก็แล้วกัน ป้องกันไว้ก่อน ตอนนี้เธอไม่พร้อมที่จะมีใคร ด้วยความที่คอเสื้อกว้างมาก เธอถมเลยจ้ะ ถมใส่สร้อยเป็นเป็นแผงเลยสร้อยคอมือก็อย่าน้อยหน้า จัดให้เข้าเซ็ทเดียวกับคอไปเลยย
‘ลุคก์นี้มันก็ไม่ได้ดูสบายๆเลยแฮะ เหมือนคุณแม่มาดูมหาลัยให้ลูกมากว่า’
การเข้างานจะมีคิวอาร์โค้ดที่เราได้รับหลังจากลงทะเบียนออนไลน์ เอามาสแกนตามจุดที่ให้บริการ ตอนนี้เธอยืนอยู่หน้าเครื่องสแกน พอเสร็จจะมีใบยาวๆหรือแทปยื่นออกมาให้เราติดที่ข้อมือเพื่อเข้างาน ตามจุดต่างๆจะมีบูทธแจกแผนที่ผังกิจกรรมต่างๆถ้าเราอยากได้ แต่มีจะเป็นไฟล์ให้มาอยู่แล้วตอนที่ลงทะเบียน
“กริ่งๆ ๆ..... ฮัลโหล ว่าไง”
“น้องสาววววว ถึงไหนแล้วย่ะ”
“เข้ามาในงานแล้วค่ะ”
“โอเค เดี๋ยวฉันตามไป ฉันขอวนหาที่จอดรถก่อน”
เธอว่าจะเดินไปรอใต้คณะของเอราเบลสักหน่อย รอบทางมีบรรยายกาศร่มรื่นมาก เดินมาถึงจุดที่เข้าแถวเข้าไปข้างในคณะ
“นี่หล่อน แถวนี้เขาให้คนที่มาดูงานเข้า เราสองคนอ่ะศิษย์เก่าโน่นไปแสกนนิ้วเข้าระบบตรงโน้นโน่น ลืมหมดสิ้นแล้วเเหรอห้ะ” มาถึงก็ใส่ใหญ่เลยน้าา
“อ่อ เเหรอ” ใครจะไปรู้ว่ะ ไม่ใช่เอราเบลค่าาา
“เพื่อนสาว เธอจะเข้าไปดูข้างในไหม”
“ไม่อ่ะ ไม่อยากเปลี่ยนชุด”
“หล่อนนี่นะ”
“งั้นหล่อนก็เดินอะไรรอบๆก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวฉันจะเข้าไปดูข้างในก่อน”
“ค่ะ พี่สาวววว”
“ดีมาก น้องสาววว”
วันนี้เธอเอาบัตรประจำนิสิตที่ใช้ได้ตลอดชีพพกมาด้วย คล้องคอไว้จะได้ไม่หลงลืม นับตั้งแต่เข้ามาคณะนี้มีตนไม้อยู่เยอะมาก เธอคิดว่าที่นี่คงไม่ต่างจากอเมซอนแน่ ๆ เดินไปเดินมาสุดท้ายก็มาหยุดที่บูธทำหนังสือเกี่ยวกับการบินและอวกาศเบื้องต้นให้ฟรี เธอเดินเข้าไป เพราะคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์
“ขอดูหน่อยได้ไหมคะ”
“นี่ครับ/นี่ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ทำได้น่าสนใจนะ เข้าใจง่ายดี ตัวหนังสือก็อ่านสบายตา ภาพประกอบถือว่าใส่ใจเลือกมา
“สนใจเรียนวิศวะการบินและอวกาศไหมครับ ที่นี่ครอบครัวเราอบอุ่นนะครับ รวมทั้งคณะมีไม่ถึงหนึ่งร้อยคน”
เดี๋ยว...เด็กคนนั้นไม่เห็นสายคล้องที่เสียบบัตรที่เธอใส่อยู่เเหรอ เด็กคนที่นี่ขายของเหมือนกันนะแต่ขายขำมากกว่า เพราะคนส่วนใหญ่มาเรียนวิศวกรรมการบินและอวกาศได้ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการที่ไม่ใช่คนของมหาลัย
เมื่อผ่านแล้วพวกเขาจะออกหนังสือเชิญเข้ามาศึกษาที่นี่ ปีนึงตั้งร้อยว่าคน แต่เด็กส่วนใหญ่จะตอบกลับจริงๆมีน้อยมาก เพราะเด็กแต่ละคนต่างมีทางของเขา และคณะนี้ไม่มีการสอบเข้า ดังนั้นจะเข้าได้คือต้องถูกเชิญเท่านั้นจ้ะ
โดยวิธีของการนางคือเสาะหาไปทั่วประเทศ แต่อาจจะแปลกนิดหน่อยตรงที่ AC Will สามารถเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราฎและได้รับการยกเว้นในกรณีพิเศษตามกฎหมายที่ 88 หน้าที่ 2208 วรรคที่ 32 ว่า
‘กิจกรรมใดที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีอวกาศต้องผ่านการรับรองจากประธานาธิบดีและประธานาธิบดีต้องเป็นผู้เก็บเอกสารทั้งหมดที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและอวกาศ ถือเป็นการยกเว้นทุกกรณี’
ดังนั้นสถาบันอวกาศของที่นี่เลยสามารถเข้าถึงของมูลของทุกคนได้อย่างเต็มที่ แต่รัฐบาลเขาไม่ได้ให้ใช้ง่ายๆ เพราะมีคนของรัฐมาตรวจสอบอีกทีและรายชื่อเหล่านี้จะถูกส่งไปยังสำนักประธานาธิบดี และถูกจัดเก็บไว้อย่างแน่หนาที่สุด คงไม่ต้อพูดถึงว่าคนที่จบออกไปเอกสารประจำตัวของพวกเขาถูกผนึกไว้แน่นหนาแค่ไหนในการจัดเก็บนี้
“คุณเอราเบล สวัสดีค่ะ นี่เฟลอมองสามีฉันค่ะ”
"สวัสดีครับ เห็นเทกตินบอกว่าคุณน่าจะเป็นรุ่นน้องผมที่นี่" ฉันหันไปมองหน้าเทกตินเล็กน้อย
“ค่ะ ใช่ค่ะ ฉันเป็นรุ่นที่ 88 แล้วคุณเฟลอมองล่ะคะ”
“เรียกพี่ว่าพี่เฟลอมองดีกว่านะครับ ไหนก็เป็นรุ่นน้องพี่แล้ว ”
“ค่ะพี่เฟลอมอง”
“เอรา!!! เธอเข้าไปข้างในกับฉัน เร็วไปเปลี่ยนชุด”
“พี่รอน แปปนึงพี่”
“อ้าวพี่เฟลอ สวัสดีพี่ เป็นไง สบายดีไหม” รอนเดินเข้ามากอดละทักทายสามีของเทกติน เธอ?! ฉันเห็นรอนนี่กลายร่างเป็นชายแท้
“เออ ดีเว้ย แกล่ะเป็นไง”
“ดีพี่ได้น้องสาวคนนึง”
“ใช่เอรารึเปล่ารอน”
“พี่รู้จักเอราด้วยเหรอ”
“รู้จักเมื่อกี้ เทกตินแนะนำน่ะ”
“แต่พี่ไม่คุ้นหน้าเราเลยนะ”
“ฉันว่าเราไปหาที่นั่งดีว่าค่ะ” เทกตินกล่าวขึ้น จากนั้นรอนนี่เล่าเรื่องราวทุกอย่าง เอาเสียเธอหน้าแห้งเลย ‘ก็คนมันไม่เคยเรียนจะตอบอะไรได้ห้ะ’
"พี่ไม่แปลกใจนะถ้าคนอื่นจะทำแบบนี้ แต่กับคณะเรา คนของเราก็เหนื่อยกันแล้ว ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเหรอก เรานี่นะยอดมนุษย์จริงๆ" จริงค่ะ เธอยังคิดเลยว่าเอราเบลคิดอะไรอยู่ถึงบ้าได้ขนาดนี้
"ช่วงนั้นน่าจะชอบความท้าทายมั้งคะ “
"ถึงว่าล่ะ ไม่ค่อยคุ้นน่าเลย พี่ถามหน่อยพี่รหัสเราคือใคร"
"พูดตามตรงนะคะ หนูจำไม่ได้ทั้งพี่และน้องสายหนูเลยค่ะ รู้สึกนับไม่ถูกตั้งเจ็ดปี"
"ฉันว่าจะไปหอสมุดค่ะ มีใครจะไปกับฉันไหมคะ" เทกตินถามขึ้นมา
"ฉันค่ะ"
"โอเค งั้นคุณไปกับเอราก่อนนะ เดี๋ยวผมกับรอนจะตามไปทีหลัง"
หลังจากที่เอราเบลและเทกตินเดินออกไปแล้ว เฟลอมองและรอนพบกับฮาฟ ฮาฟเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับเฟลอมอง ทั้งสองคนได้ทักทายกัน ในตอนนั้นฮาฟเห็นเอราเบลเดินคู่มากับเทกติน
“อ้าว ฮาฟมานี่ได้ไง”
“มีงานแถวนี่อ่ะ เลยแวะมานิดหน่อย”
“นั้นเทกตินอยู่กับใคร”
“น้องคณะเราไง เอราเบล ทำงานในหอสมุดที่มึงชอบไปประจำ”
“มึงอย่ามาทำหน้าแปลกใจ กูยังแปลกใจเลย”
“แล้วนี่มึงจะอยู่อีกต่อหรือกลับเลย”
Half part
เธอเรียนคณะวิศวกรรมการบินและอวกาศ? แต่เธอทำงานอยู่ที่หอสมุด? ทั้งสองชีพแทบเป็นคู่ขนานกัน เธอนี่มันทำให้เขาปล่อยเธอไปไม่ได้แล้ว
หอสมุดมหาวิทยาลัย
“งั้นเราแยกกันตรงนี้นะคะ ฉันจะไปดูเกี่ยวกับดาราศาสตร์หน่อยน่ะค่ะ”
“อ๋อ งั้นฉันไปหาน้อง ๆที่บูทก่อนนะคะ ถ้ายังไงเชิญนะคะ”
‘เอาตามตรงนะ เอาแค่ขั้นพื้นฐานพอบางเรื่องไม่ต้องเข้าใจหมดก็ได้ หาอะไรที่มันอ่านง่ายไป แล้วก็มีภาพเยอะๆ ๆ’
“อ้าวหนุ่มน้อย เธอเป็นนักศึกษาที่นี่เเหรอ” ฮาฟรู้สึกเหมือนมีมาอุดที่ปากเขา
“ป่าวครับ ผมจบมา 14 ปีแล้ว” ‘อือ...!!เพล้ง! เพล้ง! (ทุกโคนนนมีเศษกระจกตรงนี้ด้วยล่ะ~~) ’
“ขออนุญาตเสียมารยาทนะคะ คุณอายุเท่าไหร่คะ”
“ 35 ครับ” ตายล่ะ ดันไปเรียกเขาว่าหนู ว่าลูก ว่าหนุ่มน้อย โอ๊ยยย ความแก่ชราของฉันนนน!!
“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆค่ะ ใบหน้าของคุณดูอ่อนเยาว์ราวเด็กมาก เลยคิดไปเองว่าคุณยังเด็กอยู่ขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆค่ะ” เธอบอกขอโทษพร้อมกับก้มหัวโค้งคำนับ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเจอแบบนี้เป็นปกติ แต่คุณไปไกลกว่าทุกคนผมก็เลยทำตัวไม่ถูก ”
“ผมฮาฟครับ พี่สาวคนสวยเอรา”
“ขอโทษ -”
“เลิกขอโทษเถอะครับ ผมต้องพึ่งคุณอีกเยอะหลังจากนี้”
“ค่ะ อ่านอะไรอยู่เเหรอคะ” เธอเสียงหง่อยขึ้นมาทันที ‘ฉัน…ฉันทำใจไม่ได้!! แงงงงง!!’ ต้องเรียกคนที่หน้าอ่อนกว่าอายุอ่อนกว่าพี่เเหรอ เธอแก่จะเจ็ดสิบแล้วนะ เธอรับการเปลี่ยนแปลงไม่ไหว~~
“สงครามกลางเมือง 3100 กรุงเซ ครับ” เขายิ้มอย่างมีเลศนัย “พี่สาวคนสวยเอรา เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ไหม”
“เรียกเอราเฉยๆก็ได้ค่ะ คุณฮาฟอย่าทำให้ฉันเขินไปมากกว่านี้เลยนะคะ ฉันเคยอ่านค่ะ"
“ครับๆ ได้ครับ” ฮาฟโผลอกมาพร้อมยิ้มอย่างกรู้มกริ่ม
“คุณคิดว่าไงครับ”
“แล้วคุณฮาฟล่ะค่ะ”
“อย่าสุภาพนักเลย ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณนะ” แต่น้ำเสียงดูทรงจะไปทางล้อเลียนนะ?
“ฉันไม่กล้าเหรอกค่ะ คุณคิดว่าสงครามกรุงเซเป็นยังไงบ้างคะ” เธอยิ้มกรู้มกริ่มพร้อมตอบกลับไปกลายๆว่า ‘ไม่เกรงใจแล้วน้าาาา’
“ไหนบอกว่าผมหน้าเด็กไม่ใช้เเหรอ เรียกผมแบบเดิมก็ได้นะ” อุ้ย! เข้าทางพอดีย์~~~
“โอเคๆ ฉันจะเรียนคุณว่าฮาฟ พอใจแล้วใช่ไหมคะ”
“ครับ ผมคิดว่าคนเขียนมีอคติกับอีกฝ่ายมากเกินไป เริ่มแรกเหมือนเธอให้ข้อมูลเราไม่ผ่านการปรุงแต่งซักพักเธอเริ่มชี้ประเด็นเยอะมาก จนทำให้ผู้คนที่อ่านสับสนไปหมด มันทำให้ผู้อ่านต้องตีความเอง ทุกอย่างล้วนอยู่ที่การตีความ การที่เราอ่านไม่จบ เราจะไม่รู้เลยว่าเธอต้องการให้เรื่องเดินไปทางไหน นอกเสียจากเราจะติดตามจนจบ เท่าที่อ่านมาเกินครึ่งเรื่องนักเขียนเขียนโจมตีอีกฝ่าย บอกถึงความยากลำบากของผู้คนที่ประสบพบเจอมา รับรู้ได้ถึงอารมณ์ ความเจ็บปวดทรมาน ที่สะท้อนออกมาจากตัวหนังสือ”
บทที่ 7 การพบกันที่ไม่เหมือนการพบกัน“ตาคุณแล้วครับ คุณคิดว่าไง”“โดยความคิดเห็นส่วนตัวของฉันนะคะ ถ้าพูดให้ถูกสมัยก่อนวรรณกรรมไม่ได้เป็นที่นิยมในจักรวรรดิทางใต้ แต่มีกลุ่มมหาอำนาจบางกลุ่มต้องการทรัพยากรเพื่อมาพยุงเศษฐกิจของประเทศตนเลยต้องมีการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบ ด้วยเหตุนี้จักรวรรดิซัมเซราเลยทำการล่าอาณานิคมฝั่งโซนตะวันออก เริ่มแรกมีการใช้กำลังทหารเข้ามาก่อน ต่อมาก็เริ่มมีการยัดเยียดวิถีชีวิตของตนเองให้ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคม” “วรรณกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น การเขียนเรื่องราวด้วยตัวหนังสือที่ยาวเป็นหน้าประเทศแถวนี้เขาไม่นิยมทำกันเหรอก วรรณกรรมนั้นเราอาจเห็นโดยทั่วๆไปว่าเป็นแนวสร้างสรรค์และบันเทิงที่เห็นได้ในปัจจุบัน แต่ว่านะช่วงสมัยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศเจ้าอาณานิคมนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของแต่ละฝ่าย ปลุกปั่นให้คนที่คิดเอนเอียงมาฝั่งเราลุกขึ้นสู้กับอีกฝั่ง โดยการบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในสมัยและช่วงเวลานั้น แน่นอนว่าวรรมกรรมบางเรื่องถูกควบคุมโดยรัฐบาลดังนั้นเนื้อหาที่มีค่อนข้างเชียร์รัฐบาล แต่ว่าในยุคของพวกเรา ต้องฟังหูไว้หู” “ถ้าคิดจะอ่านหนังสือของใครสักคนจริงๆ เกี่
บทที่ 8 นิคโคสัน ฮาฟ เอ็มไพร คือใคร?ครืนๆๆ“เชิญนั่ง”“เรื่องที่ให้ไปทำ ถึงไหนแล้ว”“ทางเราได้จัดหาคนที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้วพร้อมเดินทางในอีก สามเดือนข้างหน้าค่ะ”“นโยบายเอกสารข้อตกลง เตรียมเรียบร้อยแล้วครับ”“เพิ่มไปอีกคน” ทุกคนต่างทำหน้างง“ใครคะท่าน”“คนนี้” ฮาฟได้ยื่นเอกสารให้กับผู้ดูแล“แต่เธอไม่ได้ทำงานในส่วนของเรานะคะท่าน”“เธอมีความสำคัญกับการทำสัญญาครั้งนี้เป็นอย่างมาก เราไม่ได้ไปที่นั่นเรื่องความพันธ์ทางการทูตอย่างเดียว เราไปมากกว่านั้น…..”“ค่ะท่าน”...พักเที่ยง“เอรา คุณเข้ามาพบผมในห้องทำงานหน่อย”“ค่ะ ผอ.”“มีจดหมายด่วนจากทำเนียบประธานาธิบดี”“คะ?" 'เธองงมาก เอราเธอไปทำเรื่องอะไรไว้อีกแล้วใช่ไหม!' เธอรับจดหมายมาแล้วเปิดอ่าน เนื้อหาข้างในทำเธอตกใจแล้วตกใจอีก“ผอ. คะ คือฉันงงไปหมดแล้วค่ะ”“บอกตามตรงว่าผมเองก็งงเหมือนกับคุณ มีหนังสือแต่งตั้งคุณมาเรียบร้อยแล้วว่าให้คุณไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษร่วมกับคณะทูตที่จะเดินทางไปจักรวรรดิทางใต้เป็นการเฉพาะกิจ ผมได้เซ็นเอกสารอนุมัติให้คุณไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไงคุณก็เป็นคนของที่นี่ เสาร์อาทิตย์คุณมาทำงานที่หอสมุดตามเดิมพอทางนั้นเรียบร้อ
บทที่ 9 เพื่อบ้านข้างๆที่ชอบสร้าปัญหาเฮือก!!! ฝันหรอกเหรอ…ฝันสินะ…เป็นฝันที่ไม่ดีเลยจริงๆ… พวกสารเลว…“อ้าวเอราเพิ่งตื่นเหรอ เร็วเข้า คุณโจวเรียกประชุมแล้ว”“ค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” โธ่เอ้ย…สภาพดูไม่ได้เลย“มากันครบแล้วสินะ คุณชิกิประชุมได้เลย” คุณชิกิพูดเปิดประชุมไปเรื่อย ๆ ส่วนเธอขอนั่งตั้งสติสักครู่ เหมือนจะถอดสมองก่อนเข้าห้องประชุมแฮะ“ อย่างที่ทุกคนเห็นข่าวที่ออกมาตอนเช้าของวันที่ 8 เมษายน ผู้นำกวันซาได้เดินทางเยือนซิมบ์ในตอนนี้นานาชาติวิจารณ์การกระทำของผู้นำกวันซาที่ได้ไปเยือนซิมบ์ประเทศที่พึ่งทำรัฐประหารไป ” ทุกคนต่างตกอยู่ในสภาวะความกดดันโดยไม่รู้ตัว บรรยากาศเย็นๆเริ่มเข้ามาปะทะรอบๆตัวเรา“มีใครอยากจะเสนออะไรไหม”“ผมคิดว่าในช่วงนี้ยังไม่เหมาะเท่าไรที่ประเทศเราจะไปทำกิจการหรือลงทุนอะไรในซิมบ์”“ในมุมของผม ผมว่าเราไม่ควรตัดโอกาสขนาดนั้น เท่าที่ดูผมว่าซิมบ์ก่อนหน้าที่จะมีข่าวนี้ออกมา ซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก”ตอนนนี้หลาฝ่ายต่างหนักใจเพราะซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีอันดับต้นของทุกๆฝ่ายพอข่าวที่ออกมาทำให้เราทุกคนขยับตัวลำบาก แต่ถ้าเรากระโดดเข้าไปตอนนี้เลย จะเป็นเราที่
บทที่ 1 เอมมาริน เคิร์ก“บอกว่าอย่ามายุ่ง!!”“แต่คุณคะ--”เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!“อย่ามาให้เห็นหน้าอีก!! และเอาไอ้เด็กเวรนี่ออกไปด้วย”เธอไม่รู้ว่าสามีของตัวเองเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ เขาเริ่มมีพฤติกรรมรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่ลูกเกิด หมอบอกว่าอุบัติเหตุรอบทำร้ายตอนนั้น เขาสูญเสียความทรงจำไป ผ่านมา 10 ปี ลูกของเราโตขึ้นมาก คาเชนก็ยังจำพวกเราไม่ได้ เธอได้แต่หวังว่าเขาจะจำพวกเราได้โดยเร็ว เอมมาริน เคิร์ก เป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของโซเรลคนนั้นคือเธอ สามีของเธอคาเชน เคิร์ก ประธานาธิบดีโซเรล คาเชน ปกครองโซเรลมากว่าสามทศวรรษ หลายปีที่ผ่านมาเขาเปลี่ยนไปมาก...เขาเหมือนคนที่เธอไม่รู้จัก ผู้คนต่างเรียกเขาว่า 'เผด็จการ''เผด็จการ' ไม่มีใครชอบความหมายของมัน แต่เราต่างถูกยกย่องด้วยถ่อยคำนี้ เราเผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่างถูกกล่าวหาว่าคดโกงประเทศชาติ ขายชาติบ้างล่ะ‘ทั้งที่เป็นความจริงมันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น’ เบื้องหลังมีความจริงมากมายที่ถูกซ้อนเร้นอยู่‘แต่ใครจะสนกัน เขาสนแต่เรื่องฉาวโฉดของอีกฝ่ายกันทั้งนั้น’มีคนกล่าวหาว่าความฟุ้งเฟ้อของเธอมาจากการคอรัปชั่นของสามี...และใช่เธอรู้... แต่เพราะรักมาก
บทที่ 2 โลกใบใหม่ของเอมมาริน เคิร์ก-- จักรวรรดิเอเดน ย.ศ.2698 การประชุมสสมัชชา ในงาน SEEC (Southern Empire Economic Cooperation – SEEC) ครั้งที่ 49 –“Mr. President In the name of the Eden Empire. Our empire has been developing the space industry for a long time. Whether it's human resources or space technology. We have a great interest and desire to invest in your Southern Empire. When you have a cooperation policy open to investors. Our Empire welcomes and cooperates with the Southern Empire to develop its economy together. Thank you.”(เรียนท่านประธาน ในนามของจักรวรรดิเอเดนจักรวรรดิของเรามีการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านอวกาศมาเป็นเวลาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรคนหรือเทคโนโลยีอวกาศ ทางเรามีความสนใจและประสงค์อย่างยิ่งจะที่เข้าไปลงทุนในจักรวรรดิทางใต้ของพวกท่าน เมื่อพวกท่านมีนโยบายความร่วมมือเปิดรับนักลงทุน ทางจักรวรรดิของเรายินดีและจะให้ความร่วมมือกับจักรวรรดิทางใต้เพื่อพัฒนาเศรษกิจร่วมกัน ขอบคุณครับ)“And now I give the floor representative of Quanzaa ---”(ตอนไปผมจะให้พื้นที่นี้แก่ป
บทที่ 3 ตัวตนของเอราเบล ลีคุณแม่มาราลินชอบอ่าหนังสือมาก มีบริษัทสำนักพิมพ์เป็นของตนเอง ถ้าเอาชื่อสำนักพิมพ์ไปค้นพบว่ามีชื่อเสียงมากๆในประเทศนี้ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของสำนักพิมพ์นี้คือเด็กตั้งแต่อายุ 13-35 ปี หนังสือส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรม จิตวิทยา การพัฒนาตนเอง ที่อ่านง่ายมาก นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เอราเบลอยากไปเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดมั้งในความคิดเธอ ถ้าเอราเบลเรียนบรรณารักษ์ตั้งแต่แรกพ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ใช่เเหรอ ดูจากการใช้ชีวิตสปอยลูกขั้นสุดของครอบครัวนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะไม่อนุญาตให้เธอเรียน แล้วก็มีอีกธุรกิจหนึ่งที่คุณแม่เอราเบลทำไปควบคู่กับการเปิดสำนักพิมพ์คือการให้เช่าพื้นที่สำนักงานและห้องสมุดสาธารณะ สรุปแล้วตระกลูลีเป็นตระกุลราชนิกูลของประเทศนี้และรวยมาก เป็นตะกูลที่ดีงาม เอราเบลเป็นลูกคนที่สองของตระกูลนี้ แต่เท่าที่ดูไม่ค่อยมีข่าวหรือรูปเกี่ยวกับเธอในเน็ตเลยหรือเธอไม่ชอบ?‘เธอจะเป็นเอราเบลต่อไป จนกว่าจะหาคำตอบได้ว่าเธอต้องมาทำอะไรที่นี่ และทำไมต้องเป็นคนนี้’‘เธอต้องไปอยู่ในที่ ๆ พระเจ้าเห็นสมควรไม่ใช่หรือ’ เธอใช้ชีวิตกับคนที่มีความโลภมานับไม่ถ้วน สิ่งที
บทที่ 4 บรรณารักษ์หอสมุดแห่งชาติก่อนพักกลางวัน“ทุกคน ขออนุญาตครับ ผมขอรบกวนเวลาอันมีค่าของพวกท่านสักครู่ ผมมีข่าวจะแจ้ง ทางสำนักงานได้ส่งเอกสารมาให้ผมสักพักแล้ว แต่ตอนนี้ผมเห็นควรแล้วว่า เราจะแนะนำสมาชิกใหม่แต่ก็ไม่ใหม่เพิ่มาหนึ่งคน นั้นคือเอราเบล ลี จะเข้ามาเป็นบรรณารักษ์อย่างเต็มตัว (เสียงปรบมือ)” เธอยืนขึ้นเพื่อขอบคุณเสียงปรบมือ“ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับเอราเบลบ้างไม่มากก็น้อย”“แต่ว่าเป็นที่น่าหนักใจไม่น้อยสำหรับการจัดเอราเบลไปดูแลตำราแขนงอะไร ดังนั้นเรามารับน้องกันเถอะ5555” หลายคนต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุขเหมือนหลุดออกมาอีกโลก เมื่อกี้ยังทำหน้าเคร่งเครียดกันอยู่เลย“รอนนี่ ทำไมพูดถึงรับน้องแล้วทำไมทุกคนดีใจขนาดนี้เเหรอ”“ไม่! บอก!” รอนนี่ทำหน้าแบบเยาะเย้ยเธอ อารมณ์แบบเธอเสร็จแน่!“เอาล่ะครับ ช่วงนี้เราจะทำการคัดเลือกน้องใหม่กัน ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมครับ อะไรที่สมควรพูดก็พูดแล้ว ดังนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผู้ชายคนนั้นได้จากไปแล้ว แล้วทุกคนหันมายอมให้เธอแบบมีเลศนัย รูสึกขนลุกอย่างไรก็ไม่รู้“ไป เที่ยงล่ะ ไปกินข้าวกิน” รอนนี่ดึงสติเธอกลับมา“ฉันลืมเอากระเป๋าตังมา มีมาแต่โทรศัพท
บทที่ 5 shopping ของคนรวยที่ชื่อเอราเบล7.00 น. ตี๊ดดดดดวันนี้ก็เหมือนทุกวัน ที่ตื่นมาต้องเช็คเมล ดื่มชามะนาว แซนวิชชิ้นหนึ่ง เธอกดเข้าในไอจี ในอดีตเธอเป็นเจ้าแม่แฟชั่นยังไงทุกวันนี้เธอก็เป็นอย่างนั้น แต่ส่วนใหญ่เวลาสั่งเธอจะให้พนักงานมาส่งให้ที่บ้าน แต่วันนี้เบื่อๆอาจจะเข้าไปรับเอง สองสามวันก่อนเธอเห็น กระเป๋ารุ่น BB เธอโทรสอบถามทางช็อป ว่ากระเป๋าใบเนี้ยเข้าที่ร้านไหม พนักงานบอกว่าอีกสองสามวันจะเข้า เธอบอกทางชอปว่าช่วยเก็บไว้ให้หน่อยได้ยินว่าของเข้าวันนี้ มีของเข้าชอปหลายอย่างเลย วันนี้วันหยุดว่าจะไปดูสักหน่อย อัพเดทไอเทม เธอสนใจกระเป๋าใบหนึ่งที่อยู่บนรันเวย์คือ caro bag (ที่ลายกระเป๋าเหมือนผ้ามัดย้อม)วันนี้เธอจะไปดูแบรนด์น้องใหม่จากนิตยสารแฟชั่นของประเทศนี้ เห็นว่ามีคนไปทำนายทายทักว่าจะขึ้นเป็นไฮเอนในอีกไปกี่ปี ไปดูหน่อยสิจริตเราจะตรงกันไหม ..The mall RHALoxxxxx “สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือกาแฟดีคะ” สามสิบนาทีผ่านไป“คุณวีร่าของที่ offer มาฉันเอาทั้งหมดเลยนะคะ.”“ค่ะ คุณท่าน”..Dixxxxxx“สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือน้ำส้มดีคะ” ยี่สิบนาทีผ่านไป“คุณเธอร์ ยังไงก็จัดส่
บทที่ 9 เพื่อบ้านข้างๆที่ชอบสร้าปัญหาเฮือก!!! ฝันหรอกเหรอ…ฝันสินะ…เป็นฝันที่ไม่ดีเลยจริงๆ… พวกสารเลว…“อ้าวเอราเพิ่งตื่นเหรอ เร็วเข้า คุณโจวเรียกประชุมแล้ว”“ค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” โธ่เอ้ย…สภาพดูไม่ได้เลย“มากันครบแล้วสินะ คุณชิกิประชุมได้เลย” คุณชิกิพูดเปิดประชุมไปเรื่อย ๆ ส่วนเธอขอนั่งตั้งสติสักครู่ เหมือนจะถอดสมองก่อนเข้าห้องประชุมแฮะ“ อย่างที่ทุกคนเห็นข่าวที่ออกมาตอนเช้าของวันที่ 8 เมษายน ผู้นำกวันซาได้เดินทางเยือนซิมบ์ในตอนนี้นานาชาติวิจารณ์การกระทำของผู้นำกวันซาที่ได้ไปเยือนซิมบ์ประเทศที่พึ่งทำรัฐประหารไป ” ทุกคนต่างตกอยู่ในสภาวะความกดดันโดยไม่รู้ตัว บรรยากาศเย็นๆเริ่มเข้ามาปะทะรอบๆตัวเรา“มีใครอยากจะเสนออะไรไหม”“ผมคิดว่าในช่วงนี้ยังไม่เหมาะเท่าไรที่ประเทศเราจะไปทำกิจการหรือลงทุนอะไรในซิมบ์”“ในมุมของผม ผมว่าเราไม่ควรตัดโอกาสขนาดนั้น เท่าที่ดูผมว่าซิมบ์ก่อนหน้าที่จะมีข่าวนี้ออกมา ซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก”ตอนนนี้หลาฝ่ายต่างหนักใจเพราะซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีอันดับต้นของทุกๆฝ่ายพอข่าวที่ออกมาทำให้เราทุกคนขยับตัวลำบาก แต่ถ้าเรากระโดดเข้าไปตอนนี้เลย จะเป็นเราที่
บทที่ 8 นิคโคสัน ฮาฟ เอ็มไพร คือใคร?ครืนๆๆ“เชิญนั่ง”“เรื่องที่ให้ไปทำ ถึงไหนแล้ว”“ทางเราได้จัดหาคนที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้วพร้อมเดินทางในอีก สามเดือนข้างหน้าค่ะ”“นโยบายเอกสารข้อตกลง เตรียมเรียบร้อยแล้วครับ”“เพิ่มไปอีกคน” ทุกคนต่างทำหน้างง“ใครคะท่าน”“คนนี้” ฮาฟได้ยื่นเอกสารให้กับผู้ดูแล“แต่เธอไม่ได้ทำงานในส่วนของเรานะคะท่าน”“เธอมีความสำคัญกับการทำสัญญาครั้งนี้เป็นอย่างมาก เราไม่ได้ไปที่นั่นเรื่องความพันธ์ทางการทูตอย่างเดียว เราไปมากกว่านั้น…..”“ค่ะท่าน”...พักเที่ยง“เอรา คุณเข้ามาพบผมในห้องทำงานหน่อย”“ค่ะ ผอ.”“มีจดหมายด่วนจากทำเนียบประธานาธิบดี”“คะ?" 'เธองงมาก เอราเธอไปทำเรื่องอะไรไว้อีกแล้วใช่ไหม!' เธอรับจดหมายมาแล้วเปิดอ่าน เนื้อหาข้างในทำเธอตกใจแล้วตกใจอีก“ผอ. คะ คือฉันงงไปหมดแล้วค่ะ”“บอกตามตรงว่าผมเองก็งงเหมือนกับคุณ มีหนังสือแต่งตั้งคุณมาเรียบร้อยแล้วว่าให้คุณไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษร่วมกับคณะทูตที่จะเดินทางไปจักรวรรดิทางใต้เป็นการเฉพาะกิจ ผมได้เซ็นเอกสารอนุมัติให้คุณไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไงคุณก็เป็นคนของที่นี่ เสาร์อาทิตย์คุณมาทำงานที่หอสมุดตามเดิมพอทางนั้นเรียบร้อ
บทที่ 7 การพบกันที่ไม่เหมือนการพบกัน“ตาคุณแล้วครับ คุณคิดว่าไง”“โดยความคิดเห็นส่วนตัวของฉันนะคะ ถ้าพูดให้ถูกสมัยก่อนวรรณกรรมไม่ได้เป็นที่นิยมในจักรวรรดิทางใต้ แต่มีกลุ่มมหาอำนาจบางกลุ่มต้องการทรัพยากรเพื่อมาพยุงเศษฐกิจของประเทศตนเลยต้องมีการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบ ด้วยเหตุนี้จักรวรรดิซัมเซราเลยทำการล่าอาณานิคมฝั่งโซนตะวันออก เริ่มแรกมีการใช้กำลังทหารเข้ามาก่อน ต่อมาก็เริ่มมีการยัดเยียดวิถีชีวิตของตนเองให้ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคม” “วรรณกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น การเขียนเรื่องราวด้วยตัวหนังสือที่ยาวเป็นหน้าประเทศแถวนี้เขาไม่นิยมทำกันเหรอก วรรณกรรมนั้นเราอาจเห็นโดยทั่วๆไปว่าเป็นแนวสร้างสรรค์และบันเทิงที่เห็นได้ในปัจจุบัน แต่ว่านะช่วงสมัยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศเจ้าอาณานิคมนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของแต่ละฝ่าย ปลุกปั่นให้คนที่คิดเอนเอียงมาฝั่งเราลุกขึ้นสู้กับอีกฝั่ง โดยการบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในสมัยและช่วงเวลานั้น แน่นอนว่าวรรมกรรมบางเรื่องถูกควบคุมโดยรัฐบาลดังนั้นเนื้อหาที่มีค่อนข้างเชียร์รัฐบาล แต่ว่าในยุคของพวกเรา ต้องฟังหูไว้หู” “ถ้าคิดจะอ่านหนังสือของใครสักคนจริงๆ เกี่
บทที่ 6 เยี่ยมเยือนบอกเลยว่าโต๊ะทำงานของเอราเบลเธอไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร มันดูทางการเกินไป ส่วนใหญ่เธอจะมานั่งทำงานที่ห้องครัวและถือเป็นห้องนอนไปเลย เพราะโต๊ะทานข้าวฝั่งหนึ่งเป็นโซฟาติดกำแพง เป็นที่ดึงดูดคนจริงๆ ดูดให้ง่วงนะ ส่วนอีกฝั่งเป็นเก้าอี้ที่นิ่มมากจำนวนสามตัว ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้นั่งเหรอก วางเอกสารเสียมากกว่า และไม่ต้องกลัวว่ามันจะรก เพราะแม่ของเอราเบลได้จัดการให้แม่บ้านที่คฤหาสน์มาทำความสะอาดประจำ เธอมีของไม่มากและจัดเก็บใส่กล่องเหมือนกล่องไปปิคนิกสองใบ ใบหนึ่งใส่เอกสาร อีกไปใส่เครื่องเขียนแล้วก็อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รับรองว่ามันไม่รกขนาดนั้น สภาพตอนนี้ไม่ต่างกับเด็กมหาลัยที่ชอบทำตัวเป็น one night miracle ดีหน่อยที่เอราเบลตัดแว่นแบบกรองแสงสีฟ้าไว้เยอะ ไม่งั้นได้สายตาสั้นและล้าแน่ ๆ ไหน ๆก็นอนดึกแล้ว ฉันคลิกที่หน้าเว็บไซต์มหาลัยเพื่อเข้าไปดูคณะการบินและอวกาศ อืมมม…. บางทีก็พูดไม่ออกกับมหาลัยนี้แฮะคณะนี้กินเนื้อที่แล้วไปครึ่งหนึ่งของมหาลัย เอาไปทำอะไรเยอะแยะ จากนั้นเข้ามาอ่านหระทู้(คล้ายกับกระทู้พันทิพย์บ้านเรา) เม้าว่า ความจริงแล้วมหาลัยนี้จะสร้างมาเพื่อผลิตคนที่
บทที่ 5 shopping ของคนรวยที่ชื่อเอราเบล7.00 น. ตี๊ดดดดดวันนี้ก็เหมือนทุกวัน ที่ตื่นมาต้องเช็คเมล ดื่มชามะนาว แซนวิชชิ้นหนึ่ง เธอกดเข้าในไอจี ในอดีตเธอเป็นเจ้าแม่แฟชั่นยังไงทุกวันนี้เธอก็เป็นอย่างนั้น แต่ส่วนใหญ่เวลาสั่งเธอจะให้พนักงานมาส่งให้ที่บ้าน แต่วันนี้เบื่อๆอาจจะเข้าไปรับเอง สองสามวันก่อนเธอเห็น กระเป๋ารุ่น BB เธอโทรสอบถามทางช็อป ว่ากระเป๋าใบเนี้ยเข้าที่ร้านไหม พนักงานบอกว่าอีกสองสามวันจะเข้า เธอบอกทางชอปว่าช่วยเก็บไว้ให้หน่อยได้ยินว่าของเข้าวันนี้ มีของเข้าชอปหลายอย่างเลย วันนี้วันหยุดว่าจะไปดูสักหน่อย อัพเดทไอเทม เธอสนใจกระเป๋าใบหนึ่งที่อยู่บนรันเวย์คือ caro bag (ที่ลายกระเป๋าเหมือนผ้ามัดย้อม)วันนี้เธอจะไปดูแบรนด์น้องใหม่จากนิตยสารแฟชั่นของประเทศนี้ เห็นว่ามีคนไปทำนายทายทักว่าจะขึ้นเป็นไฮเอนในอีกไปกี่ปี ไปดูหน่อยสิจริตเราจะตรงกันไหม ..The mall RHALoxxxxx “สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือกาแฟดีคะ” สามสิบนาทีผ่านไป“คุณวีร่าของที่ offer มาฉันเอาทั้งหมดเลยนะคะ.”“ค่ะ คุณท่าน”..Dixxxxxx“สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือน้ำส้มดีคะ” ยี่สิบนาทีผ่านไป“คุณเธอร์ ยังไงก็จัดส่
บทที่ 4 บรรณารักษ์หอสมุดแห่งชาติก่อนพักกลางวัน“ทุกคน ขออนุญาตครับ ผมขอรบกวนเวลาอันมีค่าของพวกท่านสักครู่ ผมมีข่าวจะแจ้ง ทางสำนักงานได้ส่งเอกสารมาให้ผมสักพักแล้ว แต่ตอนนี้ผมเห็นควรแล้วว่า เราจะแนะนำสมาชิกใหม่แต่ก็ไม่ใหม่เพิ่มาหนึ่งคน นั้นคือเอราเบล ลี จะเข้ามาเป็นบรรณารักษ์อย่างเต็มตัว (เสียงปรบมือ)” เธอยืนขึ้นเพื่อขอบคุณเสียงปรบมือ“ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับเอราเบลบ้างไม่มากก็น้อย”“แต่ว่าเป็นที่น่าหนักใจไม่น้อยสำหรับการจัดเอราเบลไปดูแลตำราแขนงอะไร ดังนั้นเรามารับน้องกันเถอะ5555” หลายคนต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุขเหมือนหลุดออกมาอีกโลก เมื่อกี้ยังทำหน้าเคร่งเครียดกันอยู่เลย“รอนนี่ ทำไมพูดถึงรับน้องแล้วทำไมทุกคนดีใจขนาดนี้เเหรอ”“ไม่! บอก!” รอนนี่ทำหน้าแบบเยาะเย้ยเธอ อารมณ์แบบเธอเสร็จแน่!“เอาล่ะครับ ช่วงนี้เราจะทำการคัดเลือกน้องใหม่กัน ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมครับ อะไรที่สมควรพูดก็พูดแล้ว ดังนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผู้ชายคนนั้นได้จากไปแล้ว แล้วทุกคนหันมายอมให้เธอแบบมีเลศนัย รูสึกขนลุกอย่างไรก็ไม่รู้“ไป เที่ยงล่ะ ไปกินข้าวกิน” รอนนี่ดึงสติเธอกลับมา“ฉันลืมเอากระเป๋าตังมา มีมาแต่โทรศัพท
บทที่ 3 ตัวตนของเอราเบล ลีคุณแม่มาราลินชอบอ่าหนังสือมาก มีบริษัทสำนักพิมพ์เป็นของตนเอง ถ้าเอาชื่อสำนักพิมพ์ไปค้นพบว่ามีชื่อเสียงมากๆในประเทศนี้ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของสำนักพิมพ์นี้คือเด็กตั้งแต่อายุ 13-35 ปี หนังสือส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรม จิตวิทยา การพัฒนาตนเอง ที่อ่านง่ายมาก นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เอราเบลอยากไปเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดมั้งในความคิดเธอ ถ้าเอราเบลเรียนบรรณารักษ์ตั้งแต่แรกพ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ใช่เเหรอ ดูจากการใช้ชีวิตสปอยลูกขั้นสุดของครอบครัวนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะไม่อนุญาตให้เธอเรียน แล้วก็มีอีกธุรกิจหนึ่งที่คุณแม่เอราเบลทำไปควบคู่กับการเปิดสำนักพิมพ์คือการให้เช่าพื้นที่สำนักงานและห้องสมุดสาธารณะ สรุปแล้วตระกลูลีเป็นตระกุลราชนิกูลของประเทศนี้และรวยมาก เป็นตะกูลที่ดีงาม เอราเบลเป็นลูกคนที่สองของตระกูลนี้ แต่เท่าที่ดูไม่ค่อยมีข่าวหรือรูปเกี่ยวกับเธอในเน็ตเลยหรือเธอไม่ชอบ?‘เธอจะเป็นเอราเบลต่อไป จนกว่าจะหาคำตอบได้ว่าเธอต้องมาทำอะไรที่นี่ และทำไมต้องเป็นคนนี้’‘เธอต้องไปอยู่ในที่ ๆ พระเจ้าเห็นสมควรไม่ใช่หรือ’ เธอใช้ชีวิตกับคนที่มีความโลภมานับไม่ถ้วน สิ่งที
บทที่ 2 โลกใบใหม่ของเอมมาริน เคิร์ก-- จักรวรรดิเอเดน ย.ศ.2698 การประชุมสสมัชชา ในงาน SEEC (Southern Empire Economic Cooperation – SEEC) ครั้งที่ 49 –“Mr. President In the name of the Eden Empire. Our empire has been developing the space industry for a long time. Whether it's human resources or space technology. We have a great interest and desire to invest in your Southern Empire. When you have a cooperation policy open to investors. Our Empire welcomes and cooperates with the Southern Empire to develop its economy together. Thank you.”(เรียนท่านประธาน ในนามของจักรวรรดิเอเดนจักรวรรดิของเรามีการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านอวกาศมาเป็นเวลาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรคนหรือเทคโนโลยีอวกาศ ทางเรามีความสนใจและประสงค์อย่างยิ่งจะที่เข้าไปลงทุนในจักรวรรดิทางใต้ของพวกท่าน เมื่อพวกท่านมีนโยบายความร่วมมือเปิดรับนักลงทุน ทางจักรวรรดิของเรายินดีและจะให้ความร่วมมือกับจักรวรรดิทางใต้เพื่อพัฒนาเศรษกิจร่วมกัน ขอบคุณครับ)“And now I give the floor representative of Quanzaa ---”(ตอนไปผมจะให้พื้นที่นี้แก่ป
บทที่ 1 เอมมาริน เคิร์ก“บอกว่าอย่ามายุ่ง!!”“แต่คุณคะ--”เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!“อย่ามาให้เห็นหน้าอีก!! และเอาไอ้เด็กเวรนี่ออกไปด้วย”เธอไม่รู้ว่าสามีของตัวเองเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ เขาเริ่มมีพฤติกรรมรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่ลูกเกิด หมอบอกว่าอุบัติเหตุรอบทำร้ายตอนนั้น เขาสูญเสียความทรงจำไป ผ่านมา 10 ปี ลูกของเราโตขึ้นมาก คาเชนก็ยังจำพวกเราไม่ได้ เธอได้แต่หวังว่าเขาจะจำพวกเราได้โดยเร็ว เอมมาริน เคิร์ก เป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของโซเรลคนนั้นคือเธอ สามีของเธอคาเชน เคิร์ก ประธานาธิบดีโซเรล คาเชน ปกครองโซเรลมากว่าสามทศวรรษ หลายปีที่ผ่านมาเขาเปลี่ยนไปมาก...เขาเหมือนคนที่เธอไม่รู้จัก ผู้คนต่างเรียกเขาว่า 'เผด็จการ''เผด็จการ' ไม่มีใครชอบความหมายของมัน แต่เราต่างถูกยกย่องด้วยถ่อยคำนี้ เราเผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่างถูกกล่าวหาว่าคดโกงประเทศชาติ ขายชาติบ้างล่ะ‘ทั้งที่เป็นความจริงมันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น’ เบื้องหลังมีความจริงมากมายที่ถูกซ้อนเร้นอยู่‘แต่ใครจะสนกัน เขาสนแต่เรื่องฉาวโฉดของอีกฝ่ายกันทั้งนั้น’มีคนกล่าวหาว่าความฟุ้งเฟ้อของเธอมาจากการคอรัปชั่นของสามี...และใช่เธอรู้... แต่เพราะรักมาก