บทที่ 5 shopping ของคนรวยที่ชื่อเอราเบล
7.00 น. ตี๊ดดดดด
วันนี้ก็เหมือนทุกวัน ที่ตื่นมาต้องเช็คเมล ดื่มชามะนาว แซนวิชชิ้นหนึ่ง เธอกดเข้าในไอจี ในอดีตเธอเป็นเจ้าแม่แฟชั่นยังไงทุกวันนี้เธอก็เป็นอย่างนั้น แต่ส่วนใหญ่เวลาสั่งเธอจะให้พนักงานมาส่งให้ที่บ้าน
แต่วันนี้เบื่อๆอาจจะเข้าไปรับเอง สองสามวันก่อนเธอเห็น กระเป๋ารุ่น BB เธอโทรสอบถามทางช็อป ว่ากระเป๋าใบเนี้ยเข้าที่ร้านไหม พนักงานบอกว่าอีกสองสามวันจะเข้า เธอบอกทางชอปว่าช่วยเก็บไว้ให้หน่อย
ได้ยินว่าของเข้าวันนี้ มีของเข้าชอปหลายอย่างเลย วันนี้วันหยุดว่าจะไปดูสักหน่อย อัพเดทไอเทม เธอสนใจกระเป๋าใบหนึ่งที่อยู่บนรันเวย์คือ caro bag (ที่ลายกระเป๋าเหมือนผ้ามัดย้อม)
วันนี้เธอจะไปดูแบรนด์น้องใหม่จากนิตยสารแฟชั่นของประเทศนี้ เห็นว่ามีคนไปทำนายทายทักว่าจะขึ้นเป็นไฮเอนในอีกไปกี่ปี ไปดูหน่อยสิจริตเราจะตรงกันไหม
.
.
The mall RHA
Loxxxxx
“สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือกาแฟดีคะ” สามสิบนาทีผ่านไป
“คุณวีร่าของที่ offer มาฉันเอาทั้งหมดเลยนะคะ.”
“ค่ะ คุณท่าน”
.
.
Dixxxxxx
“สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือน้ำส้มดีคะ” ยี่สิบนาทีผ่านไป
“คุณเธอร์ ยังไงก็จัดส่งตามที่อยู่เดิมได้เลยนะ”
“ได้ค่ะ คุณท่าน”
.
.
.
ร้านสุดท้ายที่เราจะแวะวันนี้คือ Dd&Ww พนักงานที่นี่ยิ้มแย้มแจ่มใส่ดี
“สวัสดีค่ะ คุณผู้หญิงสนใจชิ้นไหนเป็นพิเศษไหมคะ”
“ฉันขอเดินดูก่อนนะ” แบรนด์นี้น่าสนใจนะ อันที่ดึงดูดตาเธอมาสุดน่าจะเป็นรองเท้ากับกระเป๋ามันดูมีเอกลักษณ์ดี เธอเห็นไปยิ้มให้พนักงานคนเดิม
“คุณผู้หญิงสนใจใบไหนคะ”
“ฉันสนใจกระเป๋ากับรองเท้าในนิตยสารที่อยู่บนโต๊ะตรงนั้นค่ะ พอจะมีอยู่ไหมคะ”
“สักครู่นะคะ ขอดิฉันถามผู้จักการก่อนนะคะ”
“ค่ะ”
“คุณผู้หญิง ผู้จัดการถามว่าคุณผู้หญิงต้องการใบไหนหรือคู่ไหนคะ”
"ฉันจะเอาหมดเลย” พนักงานคนนั้นทำตกใจครู่เดียวก่อนจะกลับมาเป็นปกติ
“สักครู่นะคะ ดิฉันขอเรียนผู้จัดการสักครู่”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ฝากบอกผู้จักการหน่อยนะคะไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอะไรก็ตาม แต่ถ้ามีอยู่ในนิตยสารนั้น ฉันต้องการทั้งหมด นี่ค่ะ…คุณสามารถจัดการได้เลย” พนักงานคนนั้นดูจะตลึงไปเสียทุกอย่าง
“ค่ะ ได้ค่ะ”
“เอ๊ะ! ฉันบอกเรียกผู้จัดการมา! นี่เธอฟังไม่รู้เรื่องเหรอ!”มีผู้หญิงคนหนึ่งเอะอ่ะเสียงดัง ทำไมนะ ไปที่ไหนก็เจอแต่คนแบบนี้
“ผู้หญิงคนนั้นน่ารำคาญเนอะว่าไหม” มีผู้หญิงคนนึงพูดขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้แซ่บมาก คาแรคเตอร์นางร้ายชัดเจน
“ค่ะ เห็นด้วย”
“คุณมาแบรนด์นี้ครั้งแรกเเหรอ”
“ค่ะ”
“ฉันเห็นพนักงานเดินเข้าเดินออก หน้าตาเธอดูเคร่งเครียดมาก”
“ฉันอยากได้กระเป๋ากับรองเท้า”
“ก็ไม่น่าจะเคร่งเครียดขนาดนั้น” หญิงสาวคนนั้นเลิกคิ้วเชิงตั้งคำถาม
“ฉันจะเอาทั้งหมดในนั้นน่ะ” เธอชี้ไปที่นิตยสาร หญิงสาวทำหน้าแปลกใจและแปลกใจขึ้นไปอีก
“คุณสวยมาก ไม่น่ามีใครไม่รู้จักคุณ” ผู้หญิงคนนั้นชมเธอด้วย? หวังอะไรรึเปล่า
“ค่ะขอบคุณมาก คุณก็สวยมากเช่นกัน”
“ฉันเทกส์ตินค่ะ ทำงานเป็นผู้อำนวยการฝ่ายซอฟแวร์ บริษัทออกซินได”
“เอราเบลค่ะ เป็นบรรณารักษ์หอสมุดแห่งชาติค่ะ”
“ว้าว ที่นั้นขึ้นชื่อว่ารับคนยากเหมือนกันนะคะ คุณต้องเก่งมากแน่ๆ”
“ค่ะ ยากมาก แต่ก็ผ่านมันมาได้” อันนี้เธอพูดจากใจจริงๆ ไม่คิดจะถ่อมตัวทั้งนั้นเวลานี้ ยากก็คือยาก พูดมันออกไป!
“ฉันถูกชะตากับคุณจังเลย เสาร์นี้คุณว่างไหมคะ”
“คิดว่าไม่สะดวกค่ะ พอดีฉันมีนัดว่าจะไปดูงานworkshopของมหาลัยค่ะ”
“อย่าบอกนะว่าคุณเรียนที่ AC will น่ะ”
“ใช่ค่ะ” อะไรจะตกใจขนาดนั้น
“คุณเรียนที่เดียวกับฉันเลยค่ะ ฉันเรียนเศรษฐศาสตร์ แล้วคุณเอราเบลล่ะคะ” เธอแสลงปากทุกครั้งที่จะพูดอย่างนี้
“วิศวกรรมการบินและอวกาศค่ะ”
“โอ สุดยอดด แล้วอยู่ ๆถึงไปทำงานที่ห้องสมุดล่ะคะ”
“ชอบอยู่กับหนังสือค่ะ”
“พอดีเลยค่ะคุณเอราเบล คณะฉันมีกิจกรรมที่จัดหอสมุดมหาวิทยาลัยเราด้วย ไปด้วยกันนะคะ”
“จะดีเเหรอคะ”
“ดีสิคะ ขอเบอร์หรือไอจีคุณหน่อยได้ไหมคะ” ถ้ายื่นโทรศัพท์มาขนาดนี้ชะโงกหน้ามาดูพร้อมเลยไหม
“นี่ค่ะ” เธอพิมพ์ชื่อไอจีที่พึ่งสร้างได้ไม่นานกดส่งข้อความ เพราะเธอไม่รู้ว่าหญิงคนนี้อยากติดตามบัญชีของเธอรึเปล่า
“คุณท่านครับ ต้องขออภัยที่ให้รอนานนะครับ ผมผู้จัดการของสาขานี้ ของที่คุณท่านสั่งเป็นแบบ Make to order มีทุกแบบที่คุณท่านต้องการครับ แต่ต้องใช้เวลา 28 วันในการผลิต เมื่อเสร็จแล้วทางเราจะจัดส่งให้ตามที่คุณท่านได้ให้ไว้ครับ” ผู้จัดการร้านเดินเข้ามาหาเธอ.
“ขอบคุณค่ะ” เมื่อเสร็จธุระเธอจึงบอกลาเทกส์ติน
“คุณเทกส์ติน เจอกันวันงานนะคะ”
“ค่ะ ไว้เจอกันค่ะ”
Tectin part
เธอเดินเข้ามาในร้าน Dd&Ww เพื่อนของเธอที่เป็นเจ้าของแบรนด์นี้ แต่ทว่ากลับเจอผู้หญิงคนหนึ่งดึงดูดให้เข้าหา หญิงสาวคนนั้นวิเศษมาก ตัวตนของเธอดูเหมือนอยู่เหนือผู้คน บุคลิก บรรยากาศรอบตัวแบบนี้หายากจริงๆ ในวงการนี้มีใครบ้างที่ไม่รู้จักเธอทั้งแวดวงธุรกิจและไฮโซ
พอได้ทำความรู้จัก หญิงสาวคนนั้นมักทำให้เธอสนใจขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวน่าจะเหมือนนักธุรกิจมากกว่าบรรณารักษ์หอสมุดล เรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกับเรา คนที่มีบุคลิกน่ายกย่องขนาดนี้ ทำไมเธอถึงไม่รู้จัก ยิ่งอยู่คณะเดียวกับสามีเธอแล้ว เธอต้องเคยเห็นสิเพราะเธอไปหาสามีบ่อยๆ คณะนั้นมีอยู่คนไม่เกิน 100 คนด้วยซ้ำ วันนั้นไปน่าจะรู้มากกว่านี้ วันนี้กลับบ้านไปถามสามีดีกว่า
วันจันทร์อีกแล้วเหรอ…เห้ย...เคร๊…
หอสมุดแห่งชาติ
‘ขนมปังกับชามะนาว มีใครกินแปลกว่านี้อีกไหม สงสัยตอนเที่ยงคงไม่ได้ออกกินข้าวแหง่ๆ ซื้อน้ำทับทิมเก็บไว้กับแคลตาลูปดีกว่า’
“น้องหนูเอราเบลของเจ๊รอน หิ้วอะไรมาจ้ะ”
“ข้าวเที่ยง”
“อิ่มเเหรอ?”
“มันไม่มีเวลา ประทังชีวิตแบบนี้ไปก่อน ถ้าเสร็จทัน ตอนเย็นค่อยไปกินเอาอ่ะพี่สาวรอนนี่”
“อย่ากบอกว่าจะนอนค้างที่นี่นะ เอรา” ทำหน้าตกใจอะไรขนาดนั้น
“บ้าา ไม่ใช่”
“เหม็นๆๆ”
“หยุดเลยนะ รอนนี่จ้ะทำแบบนี้กับน้องนุ่งไม่ได้นะ”
“เหม็นๆๆๆ”
“หยุด…เลยยย….” เธอเดินหนีรอนนี่มาเลย ถ้าทุกคนยังจำได้ครั้งแรกที่มา เอราเบลนอนค้างที่นี่ มันค่อนข้างซกมกเลย… เอาเป็นว่าไม่ต้องจำมัน
วันนี้โซนเราได้หนังสือวรรณกรรมจากตะวันออก มันทำให้พี่ๆ(เหล่าเจ้าหน้าที่อาวุโส)ตื่นเต้นมาก เธอเองก็ตื่นเต้น เมื่อได้ข่าวจากAIYI (ไอไอ แอพพลิเคชั่นคล้ายกับWhatapp) เมื่อคืน
“พี่คะ เริ่มกันยังคะ”
“ยังเลย พี่ว่ารอพวกเรามาครบก่อนถึงจะเปิด”
“มาแล้วๆ ๆ”
“งั้นทุกคนใส่อุปกรณ์เลยนะ”
อุปกรณ์ที่เราใส่เหมือนเดิมทุกครั้ง ถุงมือ หน้ากากอนามัย คุถังเล็กที่มีแปรงปัดฝุ่น ซึ่งเป็นจะเป็นไอเทมแตกต่างกันไปของแต่ละคนที่ต่างต้องพกกันมาเอง
เล่มแรกๆที่พี่ๆหยิบกันออกมาเป็นขนาดฝ่ามือ ปกแข็ง สีน้ำเงิน และถูกส่งไปให้พี่แอร์เน่ทำความสะอาด แต่ละคน จะได้รับหนังสือไปทำสะอาดคนละเล่มในห้องตามจุดต่างๆ
เล่มที่เธอได้รับเป็นขนาดเอห้า ปกแข็ง ด้านนอกของปกหนังสือถูกห่อด้วยผ้าไหม มันดูแปลกยังไงก็ไม่รู้
18.00น.
“เอาล่ะทุกคน วันนี้พอแค่นี้ก่อน แล้วพรุ่งนี้เราค่อยมาต่อกันใหม่”
“ฉันรู้สึกว่าเลือดข้น”
“แต่ฉันรู้สึกว่าสมองกำลังจะขาดเลือด”
“ฉันหิวข้าว”
เธอที่ดื่มน้ำทับทิมอยู่ รู้สึกได้ถึงสายตาที่กำลังเพ็งมาที่เธอ เหมือนว่าจะต้องเสียอะไรบ้างอย่าง
“เอราน้องรักพี่ขอน้ำทับทิมสักขวดดิ”
“แฮะๆ นี่ค่ะ” เธอยื่นขวดสุดท้ายให้พวกพี่เขา พี่ๆเขาต่างรินใส่แก้วของตัวเอง
“อ่าา ชื่นใจๆ”
“ตาตื่นขึ้นมาหน่อย”
“น้ำทับทิมนี่เยี่ยมจริงๆ”
“ขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ” เธอเอ่ยขอตัวลา
“จะกลับแล้วเหรอ ให้พวกพี่ไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องเอารถมาค่ะ”
“งั้นกลับดีๆนะx3”
...
ถึงบ้านสักที วันนี้ในห้องทำความสะอาดหนังสืออึกอัดเป็นบ้า พอออกมาข้างนอกทำเอาเธอจะเป็นลม ถ้าไม่มีน้ำทับทิม เธอคงไม่รอดถึงบ้านแน่คงได้นอนค้างที่หอสมุดตามที่รอนนี่ได้พยากรณ์ไว้จริงๆ
“อาบดี ไม่อาบดี แช่น้ำดีกว่า ปวดไปทั่วตัวเลย”
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
เธอนอนแช่น้ำพร้อมกับนั่งดู N*****x ตอนที่เธอมาที่นี่ครั้งแรก โลกใบนนี้ล้ำหน้ากว่ายุคที่เธอจากมาอย่างมาก ตอนเธอตายพึ่งมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าไม่กี่อย่างเอง
พระเจ้าคงไม่ให้เธอใช้ชีวิตสุขสบายขนาดนี้เหรอก ทุกอย่างต้องมีเหตุและผล เห็นแบบนี้เป็นเด็กสายวิทย์นะวิทย์ปลายแถว ทุกอย่างต้องมีเหตุผล แต่อะไรละคือเหตุ หาเหตุไม่ได้จะเจอผลได้ยังไง… โลกใบนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีเหรอก…
รู้สึกเหนื่อยจู่โจมทันที ทำให้นึกถึงวันเก่าๆ ช่วงเวลาเก่าๆ มันมีแต่ความเจ็บปวด..
เธอเป็นคนที่เธอไม่เคยเป็น ถูกกรอบแห่งดีงามที่พวกเราสร้างขึ้นมากักขังตัวเองเอาไว้ เธอกล่อมจิตของตัวเองทุกวันว่า ‘จงใช้ชีวิตให้ดีx2’ ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าร่วมการแข่งขันชีวิตนี้กับเธอ เธอต้องไม่แพ้ แต่ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ก็ต้องไม่มีใครชนะ ไม่ว่าอะไรก็ตามเราทั้งคู่หรือทั้งหมดต้องมีชีวิตไม่ดีเหมือนกัน เธอจะบอกว่านั้นคือเธอเมื่อก่อน
การใช่ชีวิตเอาตัวรอดผ่านไปในแต่ละวันมาได้ มันเหนื่อยมากจริงๆ เธอไม่มีเวลามานั่งใส่ใจคนอื่นเหรอกนะ มันไร้สาระ เวลานอนแถบจะไม่มี
นี่สินะ...ที่เขาบอกว่ายิ่งโต..เราจะไม่แยแส่...ต่ออะไรมากขึ้นแม้กระทั่งเรื่องคนใกล้ตัว ตอนนั้นเธอทำอะไรลงไปนะ?
แต่ว่าการเพิกเฉยเป็นอะไรที่คนวัยเธอชอบทำมากที่สุด แต่ก็นะ…ทุกการกระทำมีเหตุผลของมัน สามารถเข้าใจ แต่ใช่ว่าจะยอมรับได้ เพราะว่ามันคนละเรื่องกัน
แน่นอนสมัยสาวๆตอนที่เป็นดาราเธอสวยที่สุดในประเทศ แต่ยังไม่ทันไรเธอก็เริ่มตัดสินใจแต่งงาน เธอแต่งงานกับคนแบบนั้นได้ยังไงกันนะ
พวกเขาพูดว่าเธอจะไปมีความสามารถอะไรที่จะไปช่วยเหลือหน้าที่การงานของสามี เป็นดาราน่ะสนับสนุนสามีไม่ได้เหรอกนะ เธอพยายามเรียนรู้และเข้าใจในสิ่งที่สามีทำ
เรียนรู้มากพอที่จะบอกว่าตัวเองเป็นคนเลวได้เต็มแบบรูป แบบไม่รู้สึกผิด การที่คนเราไม่เคยผัสนรกบนดิน คุณคงไม่เข้าใจความเจ็บปวดของพวกเขาและการได้รับความสุขกลับกลายเป็นเรื่องเพ้อฝันและตลก
มันอาจหล่อหลอมพวกเขาให้เดินทางผิดหรือกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวก็ได้ เธอเข้าใจนะเพราะเธอก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน สภาพแวดล้อมที่ไม่สามารถไว้ใจใครได้และต้องตื่นตัวตลอดเวลา ความเจ็บปวดทุกครั้งที่เธอได้รับ มันทำให้เธอเหนื่อยเหลือเกิน
วันพุธ 17.30 น.
“ขอโทษครับ รบกวนลงทะเบียนยืมหนังสือให้ผมหน่อยได้ไหมครับ บรรณารักษ์ข้างหน้าเหมือนจะปิดทำการแล้ว”
“ได้ค่ะ” เด็กคนที่ทำหนังสือตกจากชั้นนั้นนี่
“หนูลูก หนังสือเล่มนี้ไม่สามารถยืมออกจากห้องสมุดได้นะ มันเป็นหนังสืออ้างอิง เรารีบใช้ไหม เพราะนี่ห้องถ่ายเอกสารน่าจะปิดแล้ว เรามารับเอกสารพรุ่งนี้ไหมลูก” เด็กคนนั้นทำหน้าเครียด
“พอจะมีเล่มไหนแนะนำแทนเล่มนี้ไหมครับ”
“มีจ้ะ สักครู่นะ”
“ครับ”
“เล่มนั้นไปไหนแล้วนะ งั้นเล่มนี้ก็แล้วกัน”
“หนูลูก คือว่าเล่มที่พอจะแทนได้ มีคนยืมไปแล้วเช่นกัน แต่เล่มนี้ก็ได้เหมือนกัน แต่อ่านยากหน่อยเพราะเนื้อหาค่อนข้างคลาสสิกแล้วก็เพื่อทำความเข้าใจแบบแจ่มแจ้งแล้วละก็เอาอันนี้ไปด้วยนะ มันถือเป็นอุปกรณ์การอ่านที่ช่วยให้เข้าใจดีเชียวล่ะ”
“ขอบคุณครับ ตอนที่ยื่นหนังสือกับกล่องๆหนึ่งมาให้ผมก็งงนิดหน่อย”
“จ้ะ แล้วพรุ่งนี้จะมาเอาเอกสารอ้างอิงนี้ไหม”
“มาครับ”
“โอเคจ้ะ”
“ไปก่อนนะครับ”
“กลับดีๆนะ”
คฤหาสน์ของเอราเบล
กลับมาถึงก็นั่งพักเหนื่อยสักหน่อยแล้วค่อยไปหาอะไรกินแถวตลาดกลางคืนที่ถัดไปอีก 2 ช่วงตึก ด้วยความที่ว่าย่านนี้เป็นย่านคนรวย การมีอะไรแบบอยู่ใกล้ๆอาจทำอะไรให้คนเหล่านั้นไม่พอใจได้ สำหรับฉันนะ รู้สึกได้กลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง ที่พอเลิกเรียนจะออกมาเดินเที่ยวกับเพื่อน และเสพบรรยากาศจาก ร้านคาเฟ่กึ่งบาร์
เธอได้หม่าล่าทาโกยากิแปดลูก โอเลี้ยงหนึ่งแก้ว แล้วอัพสตอร์รี่ไอจีพร้อมกับเขียนว่า ความอ้วนคืออะไรเธอไม่รู้จัก ใส่สติ๊กเกอร์รูปหมีหัวเราะไปด้วย เธอนั่งกินเครปที่ได้มาสดๆร้อนๆ มานั่งตรงลานน้ำพุ เธอชอบตัวเองตอนนี้จัง เธอรู้สึกอบอุ่นจังที่ทุกๆที่ที่ไปไม่ใช่ปากเหวแต่มีหมอนนุ่มๆรองรับเธอเวลาเหนื่อย กลับบ้านไปนั่งดูดาวดีกว่า วันนี้ดาวสวยมาก
...
วันพฤหัสบดี 18.00 น.
“นี่จ้ะ”
“ขอบคุณครับ”
“เป็นไงบ้าง ข้อมูลที่ให้ไปพอใช้ได้ไหม”
“ได้ครับ คุณผู้หญิงรู้ได้ไงครับ”
“เรียกพี่สาวก็พอลูก พี่เป็นผู้ดูแลหนังสือโซนนี้โดยเฉพาะจ้ะ (แอ็บไปก่อนอีกไม่นานเดียวก็ได้เป็น) พี่สาวมีความสนใจด้านนี้อยู่แล้วเลยชอบที่จะศึกษาเพิ่มเติมอยู่เรื่อย ๆจ้ะ พี่สาวลืมแนะนำตัว พี่ชื่อเอราเบลนะจ้ะ มีอะไรสงสัยก็กับด้านนี้สอบถามพี่ได้เลยนะ”
“ครับ”
“ผมสามารถมาหาพี่ได้ตลอดเลยไหมครับ” เอาเถอะพี่ก็พี่ ผ่านไปสักพักค่อยบอกก็แล้วกัน
“ได้จ้ะ ถ้าว่างก็มานะ”
“ขอบคุณครับ”
วันศุกร์ 02.00 น.
เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นเด็กมหาลัยอีกครั้งที่ไม่รู้จักนอนให้เป็นเวลา รู้ทั้งรู้ว่าการพักผ่อนให้เพียงพอจำเป็นต่อความงามและสุขภาพดี ก็ยังทำร้ายตัวเองด้วยวิธีนี้
การมีตลาดนัดกลางคืนเป็นอะไรที่ยั่วยวนสุดๆ ตอนเที่ยงคืนเธอเดินออกไปหาอะไรกินระหว่างนั้นอ่านเอกสารความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอวกาศในโทรศัพท์ไปพลางๆ
ด้วยสภาพเสื้อยืดกางเกงวอร์มส่วนผมก็เอาปิ่นเสียบไว้ลวกๆ ตอนออกจากบ้านเธอลืมว่าต้องเปลี่ยนร้องเท้าเดินออกไปทั้งที่ใส่สลิปเปอร์รู้ตัวอีกทีก็ถึงบ้านแล้ว เธอจำใจต้องทิ้งมันเพื่อสุขอนามัยที่ดีของบ้านและตัวฉันเอง สงสัยต้องซื้ออันถูกๆเสียแล้ว หรือจะซื้อแบบขายส่งดี เพื่อจะเผลอทำอีกจะได้ไม่เสียดายเงินตอนจะทิ้ง
บทที่ 6 เยี่ยมเยือนบอกเลยว่าโต๊ะทำงานของเอราเบลเธอไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร มันดูทางการเกินไป ส่วนใหญ่เธอจะมานั่งทำงานที่ห้องครัวและถือเป็นห้องนอนไปเลย เพราะโต๊ะทานข้าวฝั่งหนึ่งเป็นโซฟาติดกำแพง เป็นที่ดึงดูดคนจริงๆ ดูดให้ง่วงนะ ส่วนอีกฝั่งเป็นเก้าอี้ที่นิ่มมากจำนวนสามตัว ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้นั่งเหรอก วางเอกสารเสียมากกว่า และไม่ต้องกลัวว่ามันจะรก เพราะแม่ของเอราเบลได้จัดการให้แม่บ้านที่คฤหาสน์มาทำความสะอาดประจำ เธอมีของไม่มากและจัดเก็บใส่กล่องเหมือนกล่องไปปิคนิกสองใบ ใบหนึ่งใส่เอกสาร อีกไปใส่เครื่องเขียนแล้วก็อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รับรองว่ามันไม่รกขนาดนั้น สภาพตอนนี้ไม่ต่างกับเด็กมหาลัยที่ชอบทำตัวเป็น one night miracle ดีหน่อยที่เอราเบลตัดแว่นแบบกรองแสงสีฟ้าไว้เยอะ ไม่งั้นได้สายตาสั้นและล้าแน่ ๆ ไหน ๆก็นอนดึกแล้ว ฉันคลิกที่หน้าเว็บไซต์มหาลัยเพื่อเข้าไปดูคณะการบินและอวกาศ อืมมม…. บางทีก็พูดไม่ออกกับมหาลัยนี้แฮะคณะนี้กินเนื้อที่แล้วไปครึ่งหนึ่งของมหาลัย เอาไปทำอะไรเยอะแยะ จากนั้นเข้ามาอ่านหระทู้(คล้ายกับกระทู้พันทิพย์บ้านเรา) เม้าว่า ความจริงแล้วมหาลัยนี้จะสร้างมาเพื่อผลิตคนที่
บทที่ 7 การพบกันที่ไม่เหมือนการพบกัน“ตาคุณแล้วครับ คุณคิดว่าไง”“โดยความคิดเห็นส่วนตัวของฉันนะคะ ถ้าพูดให้ถูกสมัยก่อนวรรณกรรมไม่ได้เป็นที่นิยมในจักรวรรดิทางใต้ แต่มีกลุ่มมหาอำนาจบางกลุ่มต้องการทรัพยากรเพื่อมาพยุงเศษฐกิจของประเทศตนเลยต้องมีการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบ ด้วยเหตุนี้จักรวรรดิซัมเซราเลยทำการล่าอาณานิคมฝั่งโซนตะวันออก เริ่มแรกมีการใช้กำลังทหารเข้ามาก่อน ต่อมาก็เริ่มมีการยัดเยียดวิถีชีวิตของตนเองให้ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคม” “วรรณกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น การเขียนเรื่องราวด้วยตัวหนังสือที่ยาวเป็นหน้าประเทศแถวนี้เขาไม่นิยมทำกันเหรอก วรรณกรรมนั้นเราอาจเห็นโดยทั่วๆไปว่าเป็นแนวสร้างสรรค์และบันเทิงที่เห็นได้ในปัจจุบัน แต่ว่านะช่วงสมัยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศเจ้าอาณานิคมนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของแต่ละฝ่าย ปลุกปั่นให้คนที่คิดเอนเอียงมาฝั่งเราลุกขึ้นสู้กับอีกฝั่ง โดยการบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในสมัยและช่วงเวลานั้น แน่นอนว่าวรรมกรรมบางเรื่องถูกควบคุมโดยรัฐบาลดังนั้นเนื้อหาที่มีค่อนข้างเชียร์รัฐบาล แต่ว่าในยุคของพวกเรา ต้องฟังหูไว้หู” “ถ้าคิดจะอ่านหนังสือของใครสักคนจริงๆ เกี่
บทที่ 8 นิคโคสัน ฮาฟ เอ็มไพร คือใคร?ครืนๆๆ“เชิญนั่ง”“เรื่องที่ให้ไปทำ ถึงไหนแล้ว”“ทางเราได้จัดหาคนที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้วพร้อมเดินทางในอีก สามเดือนข้างหน้าค่ะ”“นโยบายเอกสารข้อตกลง เตรียมเรียบร้อยแล้วครับ”“เพิ่มไปอีกคน” ทุกคนต่างทำหน้างง“ใครคะท่าน”“คนนี้” ฮาฟได้ยื่นเอกสารให้กับผู้ดูแล“แต่เธอไม่ได้ทำงานในส่วนของเรานะคะท่าน”“เธอมีความสำคัญกับการทำสัญญาครั้งนี้เป็นอย่างมาก เราไม่ได้ไปที่นั่นเรื่องความพันธ์ทางการทูตอย่างเดียว เราไปมากกว่านั้น…..”“ค่ะท่าน”...พักเที่ยง“เอรา คุณเข้ามาพบผมในห้องทำงานหน่อย”“ค่ะ ผอ.”“มีจดหมายด่วนจากทำเนียบประธานาธิบดี”“คะ?" 'เธองงมาก เอราเธอไปทำเรื่องอะไรไว้อีกแล้วใช่ไหม!' เธอรับจดหมายมาแล้วเปิดอ่าน เนื้อหาข้างในทำเธอตกใจแล้วตกใจอีก“ผอ. คะ คือฉันงงไปหมดแล้วค่ะ”“บอกตามตรงว่าผมเองก็งงเหมือนกับคุณ มีหนังสือแต่งตั้งคุณมาเรียบร้อยแล้วว่าให้คุณไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษร่วมกับคณะทูตที่จะเดินทางไปจักรวรรดิทางใต้เป็นการเฉพาะกิจ ผมได้เซ็นเอกสารอนุมัติให้คุณไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไงคุณก็เป็นคนของที่นี่ เสาร์อาทิตย์คุณมาทำงานที่หอสมุดตามเดิมพอทางนั้นเรียบร้อ
บทที่ 9 เพื่อบ้านข้างๆที่ชอบสร้าปัญหาเฮือก!!! ฝันหรอกเหรอ…ฝันสินะ…เป็นฝันที่ไม่ดีเลยจริงๆ… พวกสารเลว…“อ้าวเอราเพิ่งตื่นเหรอ เร็วเข้า คุณโจวเรียกประชุมแล้ว”“ค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” โธ่เอ้ย…สภาพดูไม่ได้เลย“มากันครบแล้วสินะ คุณชิกิประชุมได้เลย” คุณชิกิพูดเปิดประชุมไปเรื่อย ๆ ส่วนเธอขอนั่งตั้งสติสักครู่ เหมือนจะถอดสมองก่อนเข้าห้องประชุมแฮะ“ อย่างที่ทุกคนเห็นข่าวที่ออกมาตอนเช้าของวันที่ 8 เมษายน ผู้นำกวันซาได้เดินทางเยือนซิมบ์ในตอนนี้นานาชาติวิจารณ์การกระทำของผู้นำกวันซาที่ได้ไปเยือนซิมบ์ประเทศที่พึ่งทำรัฐประหารไป ” ทุกคนต่างตกอยู่ในสภาวะความกดดันโดยไม่รู้ตัว บรรยากาศเย็นๆเริ่มเข้ามาปะทะรอบๆตัวเรา“มีใครอยากจะเสนออะไรไหม”“ผมคิดว่าในช่วงนี้ยังไม่เหมาะเท่าไรที่ประเทศเราจะไปทำกิจการหรือลงทุนอะไรในซิมบ์”“ในมุมของผม ผมว่าเราไม่ควรตัดโอกาสขนาดนั้น เท่าที่ดูผมว่าซิมบ์ก่อนหน้าที่จะมีข่าวนี้ออกมา ซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก”ตอนนนี้หลาฝ่ายต่างหนักใจเพราะซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีอันดับต้นของทุกๆฝ่ายพอข่าวที่ออกมาทำให้เราทุกคนขยับตัวลำบาก แต่ถ้าเรากระโดดเข้าไปตอนนี้เลย จะเป็นเราที่
บทที่ 1 เอมมาริน เคิร์ก“บอกว่าอย่ามายุ่ง!!”“แต่คุณคะ--”เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!“อย่ามาให้เห็นหน้าอีก!! และเอาไอ้เด็กเวรนี่ออกไปด้วย”เธอไม่รู้ว่าสามีของตัวเองเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ เขาเริ่มมีพฤติกรรมรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่ลูกเกิด หมอบอกว่าอุบัติเหตุรอบทำร้ายตอนนั้น เขาสูญเสียความทรงจำไป ผ่านมา 10 ปี ลูกของเราโตขึ้นมาก คาเชนก็ยังจำพวกเราไม่ได้ เธอได้แต่หวังว่าเขาจะจำพวกเราได้โดยเร็ว เอมมาริน เคิร์ก เป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของโซเรลคนนั้นคือเธอ สามีของเธอคาเชน เคิร์ก ประธานาธิบดีโซเรล คาเชน ปกครองโซเรลมากว่าสามทศวรรษ หลายปีที่ผ่านมาเขาเปลี่ยนไปมาก...เขาเหมือนคนที่เธอไม่รู้จัก ผู้คนต่างเรียกเขาว่า 'เผด็จการ''เผด็จการ' ไม่มีใครชอบความหมายของมัน แต่เราต่างถูกยกย่องด้วยถ่อยคำนี้ เราเผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่างถูกกล่าวหาว่าคดโกงประเทศชาติ ขายชาติบ้างล่ะ‘ทั้งที่เป็นความจริงมันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น’ เบื้องหลังมีความจริงมากมายที่ถูกซ้อนเร้นอยู่‘แต่ใครจะสนกัน เขาสนแต่เรื่องฉาวโฉดของอีกฝ่ายกันทั้งนั้น’มีคนกล่าวหาว่าความฟุ้งเฟ้อของเธอมาจากการคอรัปชั่นของสามี...และใช่เธอรู้... แต่เพราะรักมาก
บทที่ 2 โลกใบใหม่ของเอมมาริน เคิร์ก-- จักรวรรดิเอเดน ย.ศ.2698 การประชุมสสมัชชา ในงาน SEEC (Southern Empire Economic Cooperation – SEEC) ครั้งที่ 49 –“Mr. President In the name of the Eden Empire. Our empire has been developing the space industry for a long time. Whether it's human resources or space technology. We have a great interest and desire to invest in your Southern Empire. When you have a cooperation policy open to investors. Our Empire welcomes and cooperates with the Southern Empire to develop its economy together. Thank you.”(เรียนท่านประธาน ในนามของจักรวรรดิเอเดนจักรวรรดิของเรามีการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านอวกาศมาเป็นเวลาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรคนหรือเทคโนโลยีอวกาศ ทางเรามีความสนใจและประสงค์อย่างยิ่งจะที่เข้าไปลงทุนในจักรวรรดิทางใต้ของพวกท่าน เมื่อพวกท่านมีนโยบายความร่วมมือเปิดรับนักลงทุน ทางจักรวรรดิของเรายินดีและจะให้ความร่วมมือกับจักรวรรดิทางใต้เพื่อพัฒนาเศรษกิจร่วมกัน ขอบคุณครับ)“And now I give the floor representative of Quanzaa ---”(ตอนไปผมจะให้พื้นที่นี้แก่ป
บทที่ 3 ตัวตนของเอราเบล ลีคุณแม่มาราลินชอบอ่าหนังสือมาก มีบริษัทสำนักพิมพ์เป็นของตนเอง ถ้าเอาชื่อสำนักพิมพ์ไปค้นพบว่ามีชื่อเสียงมากๆในประเทศนี้ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของสำนักพิมพ์นี้คือเด็กตั้งแต่อายุ 13-35 ปี หนังสือส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรม จิตวิทยา การพัฒนาตนเอง ที่อ่านง่ายมาก นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เอราเบลอยากไปเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดมั้งในความคิดเธอ ถ้าเอราเบลเรียนบรรณารักษ์ตั้งแต่แรกพ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ใช่เเหรอ ดูจากการใช้ชีวิตสปอยลูกขั้นสุดของครอบครัวนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะไม่อนุญาตให้เธอเรียน แล้วก็มีอีกธุรกิจหนึ่งที่คุณแม่เอราเบลทำไปควบคู่กับการเปิดสำนักพิมพ์คือการให้เช่าพื้นที่สำนักงานและห้องสมุดสาธารณะ สรุปแล้วตระกลูลีเป็นตระกุลราชนิกูลของประเทศนี้และรวยมาก เป็นตะกูลที่ดีงาม เอราเบลเป็นลูกคนที่สองของตระกูลนี้ แต่เท่าที่ดูไม่ค่อยมีข่าวหรือรูปเกี่ยวกับเธอในเน็ตเลยหรือเธอไม่ชอบ?‘เธอจะเป็นเอราเบลต่อไป จนกว่าจะหาคำตอบได้ว่าเธอต้องมาทำอะไรที่นี่ และทำไมต้องเป็นคนนี้’‘เธอต้องไปอยู่ในที่ ๆ พระเจ้าเห็นสมควรไม่ใช่หรือ’ เธอใช้ชีวิตกับคนที่มีความโลภมานับไม่ถ้วน สิ่งที
บทที่ 4 บรรณารักษ์หอสมุดแห่งชาติก่อนพักกลางวัน“ทุกคน ขออนุญาตครับ ผมขอรบกวนเวลาอันมีค่าของพวกท่านสักครู่ ผมมีข่าวจะแจ้ง ทางสำนักงานได้ส่งเอกสารมาให้ผมสักพักแล้ว แต่ตอนนี้ผมเห็นควรแล้วว่า เราจะแนะนำสมาชิกใหม่แต่ก็ไม่ใหม่เพิ่มาหนึ่งคน นั้นคือเอราเบล ลี จะเข้ามาเป็นบรรณารักษ์อย่างเต็มตัว (เสียงปรบมือ)” เธอยืนขึ้นเพื่อขอบคุณเสียงปรบมือ“ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับเอราเบลบ้างไม่มากก็น้อย”“แต่ว่าเป็นที่น่าหนักใจไม่น้อยสำหรับการจัดเอราเบลไปดูแลตำราแขนงอะไร ดังนั้นเรามารับน้องกันเถอะ5555” หลายคนต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุขเหมือนหลุดออกมาอีกโลก เมื่อกี้ยังทำหน้าเคร่งเครียดกันอยู่เลย“รอนนี่ ทำไมพูดถึงรับน้องแล้วทำไมทุกคนดีใจขนาดนี้เเหรอ”“ไม่! บอก!” รอนนี่ทำหน้าแบบเยาะเย้ยเธอ อารมณ์แบบเธอเสร็จแน่!“เอาล่ะครับ ช่วงนี้เราจะทำการคัดเลือกน้องใหม่กัน ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมครับ อะไรที่สมควรพูดก็พูดแล้ว ดังนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผู้ชายคนนั้นได้จากไปแล้ว แล้วทุกคนหันมายอมให้เธอแบบมีเลศนัย รูสึกขนลุกอย่างไรก็ไม่รู้“ไป เที่ยงล่ะ ไปกินข้าวกิน” รอนนี่ดึงสติเธอกลับมา“ฉันลืมเอากระเป๋าตังมา มีมาแต่โทรศัพท
บทที่ 9 เพื่อบ้านข้างๆที่ชอบสร้าปัญหาเฮือก!!! ฝันหรอกเหรอ…ฝันสินะ…เป็นฝันที่ไม่ดีเลยจริงๆ… พวกสารเลว…“อ้าวเอราเพิ่งตื่นเหรอ เร็วเข้า คุณโจวเรียกประชุมแล้ว”“ค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” โธ่เอ้ย…สภาพดูไม่ได้เลย“มากันครบแล้วสินะ คุณชิกิประชุมได้เลย” คุณชิกิพูดเปิดประชุมไปเรื่อย ๆ ส่วนเธอขอนั่งตั้งสติสักครู่ เหมือนจะถอดสมองก่อนเข้าห้องประชุมแฮะ“ อย่างที่ทุกคนเห็นข่าวที่ออกมาตอนเช้าของวันที่ 8 เมษายน ผู้นำกวันซาได้เดินทางเยือนซิมบ์ในตอนนี้นานาชาติวิจารณ์การกระทำของผู้นำกวันซาที่ได้ไปเยือนซิมบ์ประเทศที่พึ่งทำรัฐประหารไป ” ทุกคนต่างตกอยู่ในสภาวะความกดดันโดยไม่รู้ตัว บรรยากาศเย็นๆเริ่มเข้ามาปะทะรอบๆตัวเรา“มีใครอยากจะเสนออะไรไหม”“ผมคิดว่าในช่วงนี้ยังไม่เหมาะเท่าไรที่ประเทศเราจะไปทำกิจการหรือลงทุนอะไรในซิมบ์”“ในมุมของผม ผมว่าเราไม่ควรตัดโอกาสขนาดนั้น เท่าที่ดูผมว่าซิมบ์ก่อนหน้าที่จะมีข่าวนี้ออกมา ซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก”ตอนนนี้หลาฝ่ายต่างหนักใจเพราะซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีอันดับต้นของทุกๆฝ่ายพอข่าวที่ออกมาทำให้เราทุกคนขยับตัวลำบาก แต่ถ้าเรากระโดดเข้าไปตอนนี้เลย จะเป็นเราที่
บทที่ 8 นิคโคสัน ฮาฟ เอ็มไพร คือใคร?ครืนๆๆ“เชิญนั่ง”“เรื่องที่ให้ไปทำ ถึงไหนแล้ว”“ทางเราได้จัดหาคนที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้วพร้อมเดินทางในอีก สามเดือนข้างหน้าค่ะ”“นโยบายเอกสารข้อตกลง เตรียมเรียบร้อยแล้วครับ”“เพิ่มไปอีกคน” ทุกคนต่างทำหน้างง“ใครคะท่าน”“คนนี้” ฮาฟได้ยื่นเอกสารให้กับผู้ดูแล“แต่เธอไม่ได้ทำงานในส่วนของเรานะคะท่าน”“เธอมีความสำคัญกับการทำสัญญาครั้งนี้เป็นอย่างมาก เราไม่ได้ไปที่นั่นเรื่องความพันธ์ทางการทูตอย่างเดียว เราไปมากกว่านั้น…..”“ค่ะท่าน”...พักเที่ยง“เอรา คุณเข้ามาพบผมในห้องทำงานหน่อย”“ค่ะ ผอ.”“มีจดหมายด่วนจากทำเนียบประธานาธิบดี”“คะ?" 'เธองงมาก เอราเธอไปทำเรื่องอะไรไว้อีกแล้วใช่ไหม!' เธอรับจดหมายมาแล้วเปิดอ่าน เนื้อหาข้างในทำเธอตกใจแล้วตกใจอีก“ผอ. คะ คือฉันงงไปหมดแล้วค่ะ”“บอกตามตรงว่าผมเองก็งงเหมือนกับคุณ มีหนังสือแต่งตั้งคุณมาเรียบร้อยแล้วว่าให้คุณไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษร่วมกับคณะทูตที่จะเดินทางไปจักรวรรดิทางใต้เป็นการเฉพาะกิจ ผมได้เซ็นเอกสารอนุมัติให้คุณไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไงคุณก็เป็นคนของที่นี่ เสาร์อาทิตย์คุณมาทำงานที่หอสมุดตามเดิมพอทางนั้นเรียบร้อ
บทที่ 7 การพบกันที่ไม่เหมือนการพบกัน“ตาคุณแล้วครับ คุณคิดว่าไง”“โดยความคิดเห็นส่วนตัวของฉันนะคะ ถ้าพูดให้ถูกสมัยก่อนวรรณกรรมไม่ได้เป็นที่นิยมในจักรวรรดิทางใต้ แต่มีกลุ่มมหาอำนาจบางกลุ่มต้องการทรัพยากรเพื่อมาพยุงเศษฐกิจของประเทศตนเลยต้องมีการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบ ด้วยเหตุนี้จักรวรรดิซัมเซราเลยทำการล่าอาณานิคมฝั่งโซนตะวันออก เริ่มแรกมีการใช้กำลังทหารเข้ามาก่อน ต่อมาก็เริ่มมีการยัดเยียดวิถีชีวิตของตนเองให้ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคม” “วรรณกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น การเขียนเรื่องราวด้วยตัวหนังสือที่ยาวเป็นหน้าประเทศแถวนี้เขาไม่นิยมทำกันเหรอก วรรณกรรมนั้นเราอาจเห็นโดยทั่วๆไปว่าเป็นแนวสร้างสรรค์และบันเทิงที่เห็นได้ในปัจจุบัน แต่ว่านะช่วงสมัยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศเจ้าอาณานิคมนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของแต่ละฝ่าย ปลุกปั่นให้คนที่คิดเอนเอียงมาฝั่งเราลุกขึ้นสู้กับอีกฝั่ง โดยการบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในสมัยและช่วงเวลานั้น แน่นอนว่าวรรมกรรมบางเรื่องถูกควบคุมโดยรัฐบาลดังนั้นเนื้อหาที่มีค่อนข้างเชียร์รัฐบาล แต่ว่าในยุคของพวกเรา ต้องฟังหูไว้หู” “ถ้าคิดจะอ่านหนังสือของใครสักคนจริงๆ เกี่
บทที่ 6 เยี่ยมเยือนบอกเลยว่าโต๊ะทำงานของเอราเบลเธอไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร มันดูทางการเกินไป ส่วนใหญ่เธอจะมานั่งทำงานที่ห้องครัวและถือเป็นห้องนอนไปเลย เพราะโต๊ะทานข้าวฝั่งหนึ่งเป็นโซฟาติดกำแพง เป็นที่ดึงดูดคนจริงๆ ดูดให้ง่วงนะ ส่วนอีกฝั่งเป็นเก้าอี้ที่นิ่มมากจำนวนสามตัว ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้นั่งเหรอก วางเอกสารเสียมากกว่า และไม่ต้องกลัวว่ามันจะรก เพราะแม่ของเอราเบลได้จัดการให้แม่บ้านที่คฤหาสน์มาทำความสะอาดประจำ เธอมีของไม่มากและจัดเก็บใส่กล่องเหมือนกล่องไปปิคนิกสองใบ ใบหนึ่งใส่เอกสาร อีกไปใส่เครื่องเขียนแล้วก็อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รับรองว่ามันไม่รกขนาดนั้น สภาพตอนนี้ไม่ต่างกับเด็กมหาลัยที่ชอบทำตัวเป็น one night miracle ดีหน่อยที่เอราเบลตัดแว่นแบบกรองแสงสีฟ้าไว้เยอะ ไม่งั้นได้สายตาสั้นและล้าแน่ ๆ ไหน ๆก็นอนดึกแล้ว ฉันคลิกที่หน้าเว็บไซต์มหาลัยเพื่อเข้าไปดูคณะการบินและอวกาศ อืมมม…. บางทีก็พูดไม่ออกกับมหาลัยนี้แฮะคณะนี้กินเนื้อที่แล้วไปครึ่งหนึ่งของมหาลัย เอาไปทำอะไรเยอะแยะ จากนั้นเข้ามาอ่านหระทู้(คล้ายกับกระทู้พันทิพย์บ้านเรา) เม้าว่า ความจริงแล้วมหาลัยนี้จะสร้างมาเพื่อผลิตคนที่
บทที่ 5 shopping ของคนรวยที่ชื่อเอราเบล7.00 น. ตี๊ดดดดดวันนี้ก็เหมือนทุกวัน ที่ตื่นมาต้องเช็คเมล ดื่มชามะนาว แซนวิชชิ้นหนึ่ง เธอกดเข้าในไอจี ในอดีตเธอเป็นเจ้าแม่แฟชั่นยังไงทุกวันนี้เธอก็เป็นอย่างนั้น แต่ส่วนใหญ่เวลาสั่งเธอจะให้พนักงานมาส่งให้ที่บ้าน แต่วันนี้เบื่อๆอาจจะเข้าไปรับเอง สองสามวันก่อนเธอเห็น กระเป๋ารุ่น BB เธอโทรสอบถามทางช็อป ว่ากระเป๋าใบเนี้ยเข้าที่ร้านไหม พนักงานบอกว่าอีกสองสามวันจะเข้า เธอบอกทางชอปว่าช่วยเก็บไว้ให้หน่อยได้ยินว่าของเข้าวันนี้ มีของเข้าชอปหลายอย่างเลย วันนี้วันหยุดว่าจะไปดูสักหน่อย อัพเดทไอเทม เธอสนใจกระเป๋าใบหนึ่งที่อยู่บนรันเวย์คือ caro bag (ที่ลายกระเป๋าเหมือนผ้ามัดย้อม)วันนี้เธอจะไปดูแบรนด์น้องใหม่จากนิตยสารแฟชั่นของประเทศนี้ เห็นว่ามีคนไปทำนายทายทักว่าจะขึ้นเป็นไฮเอนในอีกไปกี่ปี ไปดูหน่อยสิจริตเราจะตรงกันไหม ..The mall RHALoxxxxx “สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือกาแฟดีคะ” สามสิบนาทีผ่านไป“คุณวีร่าของที่ offer มาฉันเอาทั้งหมดเลยนะคะ.”“ค่ะ คุณท่าน”..Dixxxxxx“สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือน้ำส้มดีคะ” ยี่สิบนาทีผ่านไป“คุณเธอร์ ยังไงก็จัดส่
บทที่ 4 บรรณารักษ์หอสมุดแห่งชาติก่อนพักกลางวัน“ทุกคน ขออนุญาตครับ ผมขอรบกวนเวลาอันมีค่าของพวกท่านสักครู่ ผมมีข่าวจะแจ้ง ทางสำนักงานได้ส่งเอกสารมาให้ผมสักพักแล้ว แต่ตอนนี้ผมเห็นควรแล้วว่า เราจะแนะนำสมาชิกใหม่แต่ก็ไม่ใหม่เพิ่มาหนึ่งคน นั้นคือเอราเบล ลี จะเข้ามาเป็นบรรณารักษ์อย่างเต็มตัว (เสียงปรบมือ)” เธอยืนขึ้นเพื่อขอบคุณเสียงปรบมือ“ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับเอราเบลบ้างไม่มากก็น้อย”“แต่ว่าเป็นที่น่าหนักใจไม่น้อยสำหรับการจัดเอราเบลไปดูแลตำราแขนงอะไร ดังนั้นเรามารับน้องกันเถอะ5555” หลายคนต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุขเหมือนหลุดออกมาอีกโลก เมื่อกี้ยังทำหน้าเคร่งเครียดกันอยู่เลย“รอนนี่ ทำไมพูดถึงรับน้องแล้วทำไมทุกคนดีใจขนาดนี้เเหรอ”“ไม่! บอก!” รอนนี่ทำหน้าแบบเยาะเย้ยเธอ อารมณ์แบบเธอเสร็จแน่!“เอาล่ะครับ ช่วงนี้เราจะทำการคัดเลือกน้องใหม่กัน ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมครับ อะไรที่สมควรพูดก็พูดแล้ว ดังนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผู้ชายคนนั้นได้จากไปแล้ว แล้วทุกคนหันมายอมให้เธอแบบมีเลศนัย รูสึกขนลุกอย่างไรก็ไม่รู้“ไป เที่ยงล่ะ ไปกินข้าวกิน” รอนนี่ดึงสติเธอกลับมา“ฉันลืมเอากระเป๋าตังมา มีมาแต่โทรศัพท
บทที่ 3 ตัวตนของเอราเบล ลีคุณแม่มาราลินชอบอ่าหนังสือมาก มีบริษัทสำนักพิมพ์เป็นของตนเอง ถ้าเอาชื่อสำนักพิมพ์ไปค้นพบว่ามีชื่อเสียงมากๆในประเทศนี้ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของสำนักพิมพ์นี้คือเด็กตั้งแต่อายุ 13-35 ปี หนังสือส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรม จิตวิทยา การพัฒนาตนเอง ที่อ่านง่ายมาก นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เอราเบลอยากไปเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดมั้งในความคิดเธอ ถ้าเอราเบลเรียนบรรณารักษ์ตั้งแต่แรกพ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ใช่เเหรอ ดูจากการใช้ชีวิตสปอยลูกขั้นสุดของครอบครัวนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะไม่อนุญาตให้เธอเรียน แล้วก็มีอีกธุรกิจหนึ่งที่คุณแม่เอราเบลทำไปควบคู่กับการเปิดสำนักพิมพ์คือการให้เช่าพื้นที่สำนักงานและห้องสมุดสาธารณะ สรุปแล้วตระกลูลีเป็นตระกุลราชนิกูลของประเทศนี้และรวยมาก เป็นตะกูลที่ดีงาม เอราเบลเป็นลูกคนที่สองของตระกูลนี้ แต่เท่าที่ดูไม่ค่อยมีข่าวหรือรูปเกี่ยวกับเธอในเน็ตเลยหรือเธอไม่ชอบ?‘เธอจะเป็นเอราเบลต่อไป จนกว่าจะหาคำตอบได้ว่าเธอต้องมาทำอะไรที่นี่ และทำไมต้องเป็นคนนี้’‘เธอต้องไปอยู่ในที่ ๆ พระเจ้าเห็นสมควรไม่ใช่หรือ’ เธอใช้ชีวิตกับคนที่มีความโลภมานับไม่ถ้วน สิ่งที
บทที่ 2 โลกใบใหม่ของเอมมาริน เคิร์ก-- จักรวรรดิเอเดน ย.ศ.2698 การประชุมสสมัชชา ในงาน SEEC (Southern Empire Economic Cooperation – SEEC) ครั้งที่ 49 –“Mr. President In the name of the Eden Empire. Our empire has been developing the space industry for a long time. Whether it's human resources or space technology. We have a great interest and desire to invest in your Southern Empire. When you have a cooperation policy open to investors. Our Empire welcomes and cooperates with the Southern Empire to develop its economy together. Thank you.”(เรียนท่านประธาน ในนามของจักรวรรดิเอเดนจักรวรรดิของเรามีการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านอวกาศมาเป็นเวลาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรคนหรือเทคโนโลยีอวกาศ ทางเรามีความสนใจและประสงค์อย่างยิ่งจะที่เข้าไปลงทุนในจักรวรรดิทางใต้ของพวกท่าน เมื่อพวกท่านมีนโยบายความร่วมมือเปิดรับนักลงทุน ทางจักรวรรดิของเรายินดีและจะให้ความร่วมมือกับจักรวรรดิทางใต้เพื่อพัฒนาเศรษกิจร่วมกัน ขอบคุณครับ)“And now I give the floor representative of Quanzaa ---”(ตอนไปผมจะให้พื้นที่นี้แก่ป
บทที่ 1 เอมมาริน เคิร์ก“บอกว่าอย่ามายุ่ง!!”“แต่คุณคะ--”เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!“อย่ามาให้เห็นหน้าอีก!! และเอาไอ้เด็กเวรนี่ออกไปด้วย”เธอไม่รู้ว่าสามีของตัวเองเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ เขาเริ่มมีพฤติกรรมรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่ลูกเกิด หมอบอกว่าอุบัติเหตุรอบทำร้ายตอนนั้น เขาสูญเสียความทรงจำไป ผ่านมา 10 ปี ลูกของเราโตขึ้นมาก คาเชนก็ยังจำพวกเราไม่ได้ เธอได้แต่หวังว่าเขาจะจำพวกเราได้โดยเร็ว เอมมาริน เคิร์ก เป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของโซเรลคนนั้นคือเธอ สามีของเธอคาเชน เคิร์ก ประธานาธิบดีโซเรล คาเชน ปกครองโซเรลมากว่าสามทศวรรษ หลายปีที่ผ่านมาเขาเปลี่ยนไปมาก...เขาเหมือนคนที่เธอไม่รู้จัก ผู้คนต่างเรียกเขาว่า 'เผด็จการ''เผด็จการ' ไม่มีใครชอบความหมายของมัน แต่เราต่างถูกยกย่องด้วยถ่อยคำนี้ เราเผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่างถูกกล่าวหาว่าคดโกงประเทศชาติ ขายชาติบ้างล่ะ‘ทั้งที่เป็นความจริงมันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น’ เบื้องหลังมีความจริงมากมายที่ถูกซ้อนเร้นอยู่‘แต่ใครจะสนกัน เขาสนแต่เรื่องฉาวโฉดของอีกฝ่ายกันทั้งนั้น’มีคนกล่าวหาว่าความฟุ้งเฟ้อของเธอมาจากการคอรัปชั่นของสามี...และใช่เธอรู้... แต่เพราะรักมาก