บทที่ 9 เพื่อบ้านข้างๆที่ชอบสร้าปัญหา
เฮือก!!!
ฝันหรอกเหรอ…ฝันสินะ…เป็นฝันที่ไม่ดีเลยจริงๆ… พวกสารเลว…
“อ้าวเอราเพิ่งตื่นเหรอ เร็วเข้า คุณโจวเรียกประชุมแล้ว”
“ค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” โธ่เอ้ย…สภาพดูไม่ได้เลย
“มากันครบแล้วสินะ คุณชิกิประชุมได้เลย” คุณชิกิพูดเปิดประชุมไปเรื่อย ๆ ส่วนเธอขอนั่งตั้งสติสักครู่ เหมือนจะถอดสมองก่อนเข้าห้องประชุมแฮะ
“ อย่างที่ทุกคนเห็นข่าวที่ออกมาตอนเช้าของวันที่ 8 เมษายน ผู้นำกวันซาได้เดินทางเยือนซิมบ์ในตอนนี้นานาชาติวิจารณ์การกระทำของผู้นำกวันซาที่ได้ไปเยือนซิมบ์ประเทศที่พึ่งทำรัฐประหารไป ” ทุกคนต่างตกอยู่ในสภาวะความกดดันโดยไม่รู้ตัว บรรยากาศเย็นๆเริ่มเข้ามาปะทะรอบๆตัวเรา
“มีใครอยากจะเสนออะไรไหม”
“ผมคิดว่าในช่วงนี้ยังไม่เหมาะเท่าไรที่ประเทศเราจะไปทำกิจการหรือลงทุนอะไรในซิมบ์”
“ในมุมของผม ผมว่าเราไม่ควรตัดโอกาสขนาดนั้น เท่าที่ดูผมว่าซิมบ์ก่อนหน้าที่จะมีข่าวนี้ออกมา ซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก”ตอนนนี้หลาฝ่ายต่างหนักใจเพราะซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีอันดับต้นของทุกๆฝ่ายพอข่าวที่ออกมาทำให้เราทุกคนขยับตัวลำบาก แต่ถ้าเรากระโดดเข้าไปตอนนี้เลย จะเป็นเราที่ถูกเพ่งเล็งแทน
“คุณล่ะเอราเบล”
“เราทั้งสามฝ่ายได้พูดคุยกันไปบ้างแล้ว ลงความเห็นกันว่ากวันซาที่สุด ซิมบ์ และนาวเกสตามลำดับ ทุกฝ่ายต่างลงความเห็นว่ากวันซาเป็นประเทศที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการของเรา แต่ที่นั้นมีปัญหาเรื้อรังกันมานานระหว่างกลุ่มนายทุนและผู้ใช้แรงงาน เราจึงเลือกซิม์วางเป็นหลักและเราสามารถพูดเกริ่นกับทางกวันซาไว้ก่อนเผื่อเราจะขอให้ทางนั้นช่วยแจงข้อมูลเพื่มเติมเพื่อสร้างความมั่นใจแก่เรา จุดตรงนี้เราสามารถเรียกร้องอะไรบางอย่างได้เล็กน้อย แต่ถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นเราอาจจะต้องชะลอความร่วมมือกับกวันซาออกไปก่อน ”
“ในความเห็นของผมซิมบ์ก็ยังน่าลงทุนแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ยังไงพวกนักการเมืองเหล่านั้นไม่ปฏิเสธเงินที่เราเอาไปให้เหรอก อีกอย่างประเทศที่วิจารณ์ซิมบ์หรือการเกิดข้อพิพาทต่างกับซิมบ์ที่เชื่อมโยงกับประเทศโน่นประเทศนี้ พวกนั้นไม่ได้มาเดือดร้อนเหมือนกับเรา (โทษนะ เราอยู่คนละทวีปกับเขา) ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นประเทศข้างเคียงจะได้รับผลกระทบหนักสุด ผมก็ยังยืนยันว่าผมเห็นด้วยกับการลงทุนในซิมบ์” เมื่อความคิดแตกเป็นหลายฝ่าย บรรยากาศในห้องเหมือนรู้สึกกดทับลงมาบนตัวพวกเรา การเลือกข้างผิดจะทำให้เราเสียหายมหาศาล พูดในฐานะของคนอยู่มานาน มันไม่ได้ล้มทีเดียวเหรอก แต่มันจะค่อยๆเซาะที่รากฐานไปเรื่อย ๆ
“ฉันไม่เห็นว่าปัญหาระหว่างกลุ่มนายทุนและผู้ใช้แรงงานจะเป็นปัญหาเท่าไรเลย เรื่องนี้เป็นปัญหาที่รัฐบาลนั้นต้องเคลียร์เอง เราไปลงทุน สร้างโรงงาน สร้างรายได้แก่คนที่นั้น พวกเขาสิต้องเต็มใจต้อนรับเรา”
“ฉันเข้าใจที่คุณกำลังสื่อค่ะคุณเมีย แต่ว่าถ้ามันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นคล้ายกับประเทศอื่นๆในโลกนี้ ฉันคงบอกได้เลยว่าคุณคงคิดอะไรตกไป” เธอกล่าวต่อ
“ปัญหาที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีสาเหตุแค่ในแง่ของเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่มันยังอาจถูกเชื่อมโยงไปถึงฐานะหรือชนชั้นทางสังคม ชาติพันธุ์ การเมืองความขัดแย้งภายในของคนชนชั้นนำซึ่งมันยังไม่จบ”
“ทุกคนน่าจะรู้ว่ากวันซาไม่ได้มีแค่ชาวกวันและชาวซา แต่ยังมีซาบิค กรันธา เซียง และอื่นๆ มีอยู่รัฐบาลหนึ่งของกวันซาที่มาจากการทำรัฐประหารต่อต้านการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ได้มีคำสั่งกวาดล้างชาวซาบิค การกวาดล้างครั้งนี้มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อกวันซาถ้าเศรษฐกิจไม่ล้ม เนื่องจากชาวซาบิคเป็นผู้ขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แม้ชาวพื้นเมืองจะไม่พอใจที่ชาวซาบิคที่เข้ามาทำมาหากินในประเทศของพวกเขา แต่ยังน้อยมันก็ดีกว่าการยากจน ไม่มีงานทำ ปัญหาปากท้องสำคัญเสมอไม่ว่ายุคสมัยใด ยอมรับซะเถอะว่าปัญหาเหล่านี้มันมีอยู่ในทุกสาเหตุที่ยกมาเป็นข้ออ้างในการทำสงคราม สิ่งที่ฉันกำลังจะสื่อคือพวกเขาพึ่งผ่านความบอบช้ำมา การที่เราเข้าไปอาจจะเป็นการจุดชนวน”
“เธอกังวลมากไปรึเปล่า ถ้าคิดเยอะเกินไปจะเป็นเรานะที่เสียผลประโยชน์” อเล็กซานเกรย์พูดถามเธออย่างตรงไปตรงมา “อย่าลืมสิ ยังมีประเทศอื่นๆที่พร้อมจะใช้ประโยชน์จากเราถ้าเราพลาด” เธอพูดตอบกลับทันที
“เรามองข้ามเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะคะ เพราะถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนของเราจะว่าไง? และปัญหาเหล่านี้อาจเป็นข้ออ้างให้กองทัพทำรัฐประหารต่อรัฐบาลพลเรือนนะคะ ยิ่งชาวพื้นเมืองไม่ชอบคนต่างชาติและถ้าผู้นำรัฐบาลมีทิฐิต่อคนต่างชาติแบบยอมไม่ได้ มันอาจตอบได้ยากที่เราจะพูดว่าประสบความสำเร็จกับการลงทุนในประเทศนี้และในความคิดเห็นส่วนตัวฉัน เดาว่ารัฐประหารจะเกิดขึ้นไม่เกินสองเดือนนี้ ฉันคิดว่าหน่วยข่าวกรองในทำเนียบรัฐบาลน่าจะทำงานได้เร็วกว่าระบบประมวลความคิดของฉันนะคะ”
“…ถ้าคุณไม่เชื่อ…กฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศนี้มีกฎอยู่ข้อหนึ่งที่เปิดประตูต้อนรับกองทัพได้อย่างชัดเจน ฉันจะไม่พูดมากหรอกนะ พวกคุณน่าจะผ่านหูผ่านตามาบ้าง แต่ประเทศนี้ยังดีที่หัวหน้ารัฐบาลเป็นคนแข็งแกร่งมาก ยังต้านได้อยู่ เมื่อไหร่ก็ตามที่คณะทีมงานของเขามีแรงจูงใจทำให้ถูกเปิดประตูต้อนรับกองทัพ...มันพังแน่...”
“งานนี้ไม่มีพระเอกขี่ม้าขาวหรือเทพร่อนลงมาช่วยเหรอกนะ เท่าที่ทราบมาจากคุณซุนมูลค่าที่เราลงทุนไปไม่ใช่น้อยๆนะคะ ถ้าเกิดการก่อจลาจล ความไม่สงบ และถ้ารุนแรงไปถึงบุกสำนักงานกงสุลล่ะดังตัวอย่างในอดีต”
“คุณกล้าไหมล่ะ…” เธอสงสัยสายตาท้าทายไป เธออยากเห็นทิฐิของคนมันจะขึ้นและลงได้มากแค่ไหน
“คุณจะบอกผลกระทบนี้ต่อประธานาธิบดีประเทศเราอย่างไรคุณลาน่า เมีย คุณรับผิดชอบไหวเหรอ ช่วยตอบให้ฉันได้ชื่นใจหน่อยสิ” ไม่มีใครพูดอะไรออกมา บางคนมองหน้าเธอแล้วส่งสายตาที่จ้องมองมาเหมือนกำลังบอกฉันว่า เธอมันแน่มาก ส่วนบางคนบอกว่าพูดมากไปแล้ว
“ถึงยังไงก็ตาม นโยบาย HGG ของรัฐบาลก่อนของกวันซาได้กำหนดข้อกฎหมายโดยสิทธิส่วนใหญ่จะเป็นชาวพื้นเมือง การเป็นเจ้าของที่ดิน การเข้ารับราชการ สิทธิขั้นพื้นฐานอย่างการเข้ารักษาพยาบาล การศึกษาให้สิทธิ์แก่ชาวพื้นเมืองเป็นอันดับแรกๆ ตอบฉันหน่อยสิเอราเบล คุณคิดว่าการไม่เข้าไปลงทุนในครั้งนี้ จะทำให้ปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานยุติลงเพียงแค่เราบอกรัฐบาลนั้นว่าเราอยากลงทุนในประเทศเขา แล้วปัญหาทุกอย่างจะหายไปแบบเสกได้เหรอ หึ คิดน้อยจังนะ” ลาน่า เมีย ดูเหมือนเธอจะมีปัญหากับฉันนะ
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น เพียงแต่เราชะลอการดำเนินการก่อน เราแค่ต้องคุยเบิกทางไว้ก่อน เพื่อผลประโยชน์อันสูงสุดของประเทศเรา”
“โครงการของเราตอนนี้แทบจะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับชาวบ้านในท้องที่เลย คุณกังวลผิดประเด็นรึเปล่าเอรา” อเล็กซ์พูดขึ้นมา
“ใช่ ผมเห็นด้วยกับอเล็กซาน คุณทำหน้าที่ของพวกคุณให้ดีเถอะ การเจรจาหรือการประมูลของปทานไม่ใช่หน้าที่ของพวกผม มันเป็นหน้าที่ของพวกคุณ ไม่งั้นคุณคงไม่นั่งอยู่ตรงนี้” พรู๊ฟพูดจาไม่รื่นหูเลย ฟังแล้วอยากเปลี่ยนหูใหม่
“เอาล่ะ เท่าที่ฉันฟังทั้งสามประเทศมีสิ่งที่เราต้องการดังนั้น ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปปปรึกษาท่านอีกที ส่วนพวกเธอก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป เอาล่ะ เลิกประชุมได้ คุณเอราเบล คุณอยู่ก่อน”
“ค่ะ ผอ.” ทุกคนต่างรีบทยอยกันออกไปอย่างรวดเร็ว
“ฉันจะถามคุณ สิ่งที่คุณพูดมาคุณมั่นใจแค่ไหน” ขอการันตีด้วยความอาวุโส
“100 % ค่ะ” คุณโจวมองหน้าเธออยู่นานมาก ก่อนเธอจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ๆ
“ฉันจะนำสิ่งที่คุณพูดมาในวันนี้เข้าที่ประชุม ฉันอยากให้คุณทำแผนงานของโครงการส่งมาให้ฉันภายในสองชั่วโมง”
“ค่ะ ผอ.”
.
.
.
ณ ห้องประชุมเล็ก มีเสียงเอ่ะอ่ะโวยวายของเหล่านักการทูตและเหล่าที่ปรึกษา
“มันก็ถูกแล้วนิ ใครมีความสามารถก็ได้ไป” ลาน่า เมีย พูดขึ้นมา
“แต่มันไม่ได้ไงชาวพื้นเมืองเขาไม่พอใจกับผู้อพยพ ส่วนผู้อพยพคิดว่าตนเป็นคนของแผ่นดินนี้ไม่ได้เป็นคนที่อื่น” ลาน่า เมียทะเลาะกับคนอื่นที่ไม่ใช่เธอเหมือนกัน แฮะ เวลานี้เธอขอเป็นผู้ชมอย่างเดียวดีกว่า
“แต่ชาวพื้นเมืองไม่ยอมรับไง”
“นโยบายของประเทศนี้มันล้าสมัยไปแล้วที่เอาแต่สนับสนุนคนพื้นเมือง เราควรมองถึงความเท่าเทียมความเสมอภาค ไม่เกี่ยวกับสัญชาติหรือเชื้อชาติ ความสามารถเท่านั้นคือพื้นฐานที่เท่าเทียมเพราะนั้นคือคุณสมบัติที่เท่าเทียมต่อการแข่งขันกันในชีวิต ความสามารถไม่ได้แบ่งแยกเพศ วรรณะ รวยจนและไม่เคยทรยศเรา” แต่ความสามารถถูกขัดเกลาขึ้นมาจากผู้ที่มีปัจจัยพร้อมนะ เธอได้แต่เถียงอยู่ในใจ
“แต่เรื่องพวกนี้มันไม่เกี่ยวกับพวกเรา ให้รัฐบาลประเทศนั้นจัดการกันเองสิ” ในนี้คนที่วางตัวได้ดีที่สุดคงจะเป็นคุณชิกิ สมกับความเจนสนาม
ในฐานะคนเคยทำงานด้านนี้มาก่อนเขามีเสน่ห์มาก เวลาเขาพูดอะไรใครๆก็อยากฟังเขาเหมือนโดนมนตร์สะกด ถ้าเทียบกับสามคนนั้นล่ะกันตำแหน่งนักการทูตคงจะเป็นเรื่องที่เธอจะขอเห็นต่าง นิสัยตอนนี้อาจจะไม่น่ารักสำหรับใครหลายคนแต่เมื่อถึงหน้างานแล้วเราต้องไปวัดความสามารถของพวกเขากัน
“คุณทำผมพูดไม่ออกจริงๆ” จินเป็นคนเอ่ย
“คุณจะพูดอย่างไร ฉันไม่สนใจหรอกนะ แต่ผลประโยชน์ชาติสำคัญที่สุดและต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง อย่ามาใช้แนวคิดฮิวแมนไรตส์[1]กับฉัน”พอจินได้ฟังแบบนั้นเขาถึงกลับเถียงไม่ออก
เธอขอถอนคำพูดในตอนต้นที่กล่าวหาลาน่าเมียแบบนั้น ในเรื่องนี้เธอเห็นด้วยกับสิ่งที่ลาน่าเมียกล่าว แม้ระหว่างเราจะมีเรื่องให้จิกกัดตลอดแต่เรื่องของประเทศชาติต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง
‘ลาน่าเมียเธอสมควรได้รับการขัดเกลา’
ขณะสังเกตพวกเราหลายคนในห้องสี่เหลี่ยมที่ต้องมาอยู่ร่วมยี่สิบสี่ชั่วโมงเธอเห็นความเป็นนักสู้ของลาน่าเมียแต่มีดด้ามนี้มันทู่เสียเหลือเกิน
ตอนแรกเธอไม่อยากใส่ใจกับพวกเขาเพราะไม่อยากมีปัญหา แต่ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกว่าภายภาคหน้าพวกเขาจะถูกขัดเกลาเป็นอะไร เป็นจิ้งจอก? เป็นนักวางเพลิง? เป็นคนวางยาพิษ? หรือเป็นนักบุญ? หึ ๆ ไม่มีใครรู้เลย คนที่จับสามคนนี้มาอยู่ด้วยกันต้องเก๋าเกมส์มาก เธอเองเกือบจะเสียรู้ซะแล้วสิ ฮ่า ๆ ๆ ๆ
“ฉันเห็นด้วยกับลาน่า เมีย และอีกอย่างเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ให้พวกเขาจัดการปัญหาของพวกเขาไปเถอะ ไปเถอะจิน ไท่ซุน”
“เหอะ อย่ามาทำตัวเป็นแม่พระแถวนี้เลย” เธอกะว่าจะหมุนตัวออกากห้องประชุมเงียบๆ
“ทัศนคติของเธอดูมีปัญหานะ ว่าไหม? ก๊อก ๆ ๆ ” เธอเคาะกับโต๊ะเพื่อเรียกสติอีกฝ่าย “แยกแยะหน่อย ถึงเราจะไม่ชอบกัน ‘ผลประโยชน์ของชาติต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง’ สิ่งที่เธอพูดอย่าลืมมันซะล่ะ” เอราเบลเหยียดยิ้มมองข้างใส่ลาน่า เมีย ก่อจะเดินจากไป
หลังจากที่ไม่ได้นอนสองอาทิตย์ เธอไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนแอบฟังพวกเราประชุมกัน
.
.
.
" เธอกล้าดียังไงมาสั่งสอนฉัน ตำแหน่งที่ปรึกษาไม่ได้มีอำนาจสั่งพวกเราขนาดนั้น" ลาน่า เมีย มีสีหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยอารมณ์โกรธ
" ฉันก็เห็นว่าเอราเบลพูดผิดตรงไหน เป็นเธอด้วยซ้ำที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่เป็น" ชิกิ ไดจิ ผู้ซึ่งผ่านมาทุกสนาม
“เข้าข้างกันจังนะ สงสัยเสียจริงว่าผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี” ลาน่า เมีย แค่นเสียงเล็ดลอดรายฟันออกมาพูดใส่ชิกิ ไดจิ
“เธอยังไม่ได้อ่านประวัติเอราเบลใช่ไหม”ชิกิ ไดจิ เลิกคิ้วสงสัยแบบเธอพลาดได้ไงเนี่ย
"ทำไม กะอีแค่เด็กเส้น" สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามเอราเบล
"ใช่ เส้นใหญ่ด้วยนะ" ไท่ซุนที่ยังไม่ได้ลุกออกไปไหนพูดออกอย่างจริงจัง
“อ้าวยังไปไม่อีกเหรอ”
“ยัง อยากเห็นหน้าตลกๆของใครบางคน”ลาน่า เมียที่เห็นความจริงจังของไท่ซุนเริ่มเกิดอาการขุ่นเคืองชั่วแวบนึงใจของเธอวิตกเกิดลังเลกับความความจริงจังนั่น
"เส้นของเธอมีหลายสายด้วยนะ" อเล็กซ์พูดเสริมทัพไท่ซุนด้วยน้ำเสียงติดเล่น
"อย่างแรก เธอไม่สงสัยจริงๆเหรอ นามสกุลเอราเบลน่ะ" ชิกิ ไดจิ ถามอีกครั้งก่อนถอนหายใจเล่าประวัติเอราเบล
"เอราเบล ลี ที่เป็นลีเดียวกันกับซามูเอล มาราริน ฟาร์ลิน ลี คราวนี้เธอเข้าใจรึยัง ตระกูลลีที่ต้นตระกูลสั่งห้ามลูกหลานเข้ายุ่งเรื่องการเมืองมาถึงห้าร้อยปี แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้ยอม...”ชิกิ ไดจิ เว้นจังหวะให้หยุดหายใจก่อนจะกล่าวต่อ
“เพราะคนข้างบนสุดสั่งมาไงล่ะ ถ้าท่านมองว่าเรื่องนี้มันสำคัญถึงขนาดหาคนแทนไม่ได้ท่านคงไม่สั่ง" ลาน่า เมีย คิดมาตลอดว่าเป็นลีธรรมดาทั่วไป แต่ไม่คิดว่าจะเป็นลีที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ ความโกรธทำให้เธอประมาท มันน่ากระโดดน้ำให้ตายจริงๆ
"และเส้นที่ใหญ่ไม่แพ้กันคือคนที่สั่งให้เอราเบลเข้ามาทำตำแหน่งที่ปรึกษาคือปธนฯ. ท่านออกคำสั่งเอง เธอจะทำอะไรก็คิดให้ดีล่ะ แตะเกล็ดย้อนศรระวังจะไม่แก่ตายและอีกอย่างเอราเบลทำงานที่หอสมุดที่นั้นเก็บความลับไว้เยอะมาก ตัวตนของเธอเสี่ยงมากอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องมาทำงานเบื้องหน้าแบบนี้” พรู๊ฟ หยาง ชายหนุ่มที่เอมารินให้นิยามว่าชายปากมีสุนัข ลักษณะคำพูดคำจาดูเป็นอันธพาลมากกว่านักการทูต
“เอราเบลน่ะมีเส้นสายมากกว่าเธอจะคาดถึงนะ อ้อ แถมอีกอย่าง เอราเบลเป็นรุ่นน้องของปธนฯด้วยนะ ไม่ใช่แค่มหาลัยเดียวกันแต่เป็นคณะเดียวกัน เธอเข้าใจรึยังว่าตัวตนของเธอเหมาะสมกับงานนี้ที่สุดแล้ว" ลาน่า เมียกักเก็บสีหน้าของตัวเองไม่หยุดแม้เธอจะทำเคร่งขรึมขนาดไหนก็ตาม ดวงหน้าไร้เลือดฝาด มือสั่นขาสั่นไม่สามารถปกปิดคนที่อยู่ในห้องนี้ได้หรอก
“พวกนายรู้กันหมดแล้วเหรอ แล้วทำไมมีฉันคนเดียวที่ไม่รู้?” ทุกคนพากันส่ายหัว
“เสียแรงที่เป็นนักการทูต เรื่องแค่นี้เธอไม่รอบคอบได้ยังไงกันลาน่า พวกต่างกันมีวิธีสืบหาอยู่แล้ว เขาว่ารู้เขารู้เขานะก่อนจะไปเป็นศัตรูกับใคร อีกอย่างฉันก็ได้ขอมูลมาไม่หมดหรอก แต่เพียงข้อมูลนิดเดียวนั้นก็สามารถเดาเบื้องหลังของเอราเบลได้แล้ว ถึงจะจไม่รู้ทั้งหมดแต่ไม่เป็นศัตรูกันจะดีกว่า”
ลาน่า เมียได้แต่คิดว่าครั้งนี้เธอพลาดไปแล้วจริงๆ
***นโยบาย Benefit Behaviour Economic-BBE ผลประโยชน์ทางเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ของพรรค People's Economic Party - PEP พรรคเศรษฐกิจเพื่อประชาชน (เป็นสิ่งที่เราคิดขึ้นมาเองนะ ไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริงใดๆถ้าไปซ้ำกับอะไรแจ้งเราได้นะคะ)
*** นักการทูตจริงพี่ๆเขาน่ารักนะคะทุกคน แต่แค่ในนิยายตรงข้ามกับพวกเขาเฉยๆนะคะ
บทที่ 1 เอมมาริน เคิร์ก“บอกว่าอย่ามายุ่ง!!”“แต่คุณคะ--”เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!“อย่ามาให้เห็นหน้าอีก!! และเอาไอ้เด็กเวรนี่ออกไปด้วย”เธอไม่รู้ว่าสามีของตัวเองเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ เขาเริ่มมีพฤติกรรมรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่ลูกเกิด หมอบอกว่าอุบัติเหตุรอบทำร้ายตอนนั้น เขาสูญเสียความทรงจำไป ผ่านมา 10 ปี ลูกของเราโตขึ้นมาก คาเชนก็ยังจำพวกเราไม่ได้ เธอได้แต่หวังว่าเขาจะจำพวกเราได้โดยเร็ว เอมมาริน เคิร์ก เป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของโซเรลคนนั้นคือเธอ สามีของเธอคาเชน เคิร์ก ประธานาธิบดีโซเรล คาเชน ปกครองโซเรลมากว่าสามทศวรรษ หลายปีที่ผ่านมาเขาเปลี่ยนไปมาก...เขาเหมือนคนที่เธอไม่รู้จัก ผู้คนต่างเรียกเขาว่า 'เผด็จการ''เผด็จการ' ไม่มีใครชอบความหมายของมัน แต่เราต่างถูกยกย่องด้วยถ่อยคำนี้ เราเผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่างถูกกล่าวหาว่าคดโกงประเทศชาติ ขายชาติบ้างล่ะ‘ทั้งที่เป็นความจริงมันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น’ เบื้องหลังมีความจริงมากมายที่ถูกซ้อนเร้นอยู่‘แต่ใครจะสนกัน เขาสนแต่เรื่องฉาวโฉดของอีกฝ่ายกันทั้งนั้น’มีคนกล่าวหาว่าความฟุ้งเฟ้อของเธอมาจากการคอรัปชั่นของสามี...และใช่เธอรู้... แต่เพราะรักมาก
บทที่ 2 โลกใบใหม่ของเอมมาริน เคิร์ก-- จักรวรรดิเอเดน ย.ศ.2698 การประชุมสสมัชชา ในงาน SEEC (Southern Empire Economic Cooperation – SEEC) ครั้งที่ 49 –“Mr. President In the name of the Eden Empire. Our empire has been developing the space industry for a long time. Whether it's human resources or space technology. We have a great interest and desire to invest in your Southern Empire. When you have a cooperation policy open to investors. Our Empire welcomes and cooperates with the Southern Empire to develop its economy together. Thank you.”(เรียนท่านประธาน ในนามของจักรวรรดิเอเดนจักรวรรดิของเรามีการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านอวกาศมาเป็นเวลาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรคนหรือเทคโนโลยีอวกาศ ทางเรามีความสนใจและประสงค์อย่างยิ่งจะที่เข้าไปลงทุนในจักรวรรดิทางใต้ของพวกท่าน เมื่อพวกท่านมีนโยบายความร่วมมือเปิดรับนักลงทุน ทางจักรวรรดิของเรายินดีและจะให้ความร่วมมือกับจักรวรรดิทางใต้เพื่อพัฒนาเศรษกิจร่วมกัน ขอบคุณครับ)“And now I give the floor representative of Quanzaa ---”(ตอนไปผมจะให้พื้นที่นี้แก่ป
บทที่ 3 ตัวตนของเอราเบล ลีคุณแม่มาราลินชอบอ่าหนังสือมาก มีบริษัทสำนักพิมพ์เป็นของตนเอง ถ้าเอาชื่อสำนักพิมพ์ไปค้นพบว่ามีชื่อเสียงมากๆในประเทศนี้ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของสำนักพิมพ์นี้คือเด็กตั้งแต่อายุ 13-35 ปี หนังสือส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรม จิตวิทยา การพัฒนาตนเอง ที่อ่านง่ายมาก นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เอราเบลอยากไปเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดมั้งในความคิดเธอ ถ้าเอราเบลเรียนบรรณารักษ์ตั้งแต่แรกพ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ใช่เเหรอ ดูจากการใช้ชีวิตสปอยลูกขั้นสุดของครอบครัวนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะไม่อนุญาตให้เธอเรียน แล้วก็มีอีกธุรกิจหนึ่งที่คุณแม่เอราเบลทำไปควบคู่กับการเปิดสำนักพิมพ์คือการให้เช่าพื้นที่สำนักงานและห้องสมุดสาธารณะ สรุปแล้วตระกลูลีเป็นตระกุลราชนิกูลของประเทศนี้และรวยมาก เป็นตะกูลที่ดีงาม เอราเบลเป็นลูกคนที่สองของตระกูลนี้ แต่เท่าที่ดูไม่ค่อยมีข่าวหรือรูปเกี่ยวกับเธอในเน็ตเลยหรือเธอไม่ชอบ?‘เธอจะเป็นเอราเบลต่อไป จนกว่าจะหาคำตอบได้ว่าเธอต้องมาทำอะไรที่นี่ และทำไมต้องเป็นคนนี้’‘เธอต้องไปอยู่ในที่ ๆ พระเจ้าเห็นสมควรไม่ใช่หรือ’ เธอใช้ชีวิตกับคนที่มีความโลภมานับไม่ถ้วน สิ่งที
บทที่ 4 บรรณารักษ์หอสมุดแห่งชาติก่อนพักกลางวัน“ทุกคน ขออนุญาตครับ ผมขอรบกวนเวลาอันมีค่าของพวกท่านสักครู่ ผมมีข่าวจะแจ้ง ทางสำนักงานได้ส่งเอกสารมาให้ผมสักพักแล้ว แต่ตอนนี้ผมเห็นควรแล้วว่า เราจะแนะนำสมาชิกใหม่แต่ก็ไม่ใหม่เพิ่มาหนึ่งคน นั้นคือเอราเบล ลี จะเข้ามาเป็นบรรณารักษ์อย่างเต็มตัว (เสียงปรบมือ)” เธอยืนขึ้นเพื่อขอบคุณเสียงปรบมือ“ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับเอราเบลบ้างไม่มากก็น้อย”“แต่ว่าเป็นที่น่าหนักใจไม่น้อยสำหรับการจัดเอราเบลไปดูแลตำราแขนงอะไร ดังนั้นเรามารับน้องกันเถอะ5555” หลายคนต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุขเหมือนหลุดออกมาอีกโลก เมื่อกี้ยังทำหน้าเคร่งเครียดกันอยู่เลย“รอนนี่ ทำไมพูดถึงรับน้องแล้วทำไมทุกคนดีใจขนาดนี้เเหรอ”“ไม่! บอก!” รอนนี่ทำหน้าแบบเยาะเย้ยเธอ อารมณ์แบบเธอเสร็จแน่!“เอาล่ะครับ ช่วงนี้เราจะทำการคัดเลือกน้องใหม่กัน ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมครับ อะไรที่สมควรพูดก็พูดแล้ว ดังนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผู้ชายคนนั้นได้จากไปแล้ว แล้วทุกคนหันมายอมให้เธอแบบมีเลศนัย รูสึกขนลุกอย่างไรก็ไม่รู้“ไป เที่ยงล่ะ ไปกินข้าวกิน” รอนนี่ดึงสติเธอกลับมา“ฉันลืมเอากระเป๋าตังมา มีมาแต่โทรศัพท
บทที่ 5 shopping ของคนรวยที่ชื่อเอราเบล7.00 น. ตี๊ดดดดดวันนี้ก็เหมือนทุกวัน ที่ตื่นมาต้องเช็คเมล ดื่มชามะนาว แซนวิชชิ้นหนึ่ง เธอกดเข้าในไอจี ในอดีตเธอเป็นเจ้าแม่แฟชั่นยังไงทุกวันนี้เธอก็เป็นอย่างนั้น แต่ส่วนใหญ่เวลาสั่งเธอจะให้พนักงานมาส่งให้ที่บ้าน แต่วันนี้เบื่อๆอาจจะเข้าไปรับเอง สองสามวันก่อนเธอเห็น กระเป๋ารุ่น BB เธอโทรสอบถามทางช็อป ว่ากระเป๋าใบเนี้ยเข้าที่ร้านไหม พนักงานบอกว่าอีกสองสามวันจะเข้า เธอบอกทางชอปว่าช่วยเก็บไว้ให้หน่อยได้ยินว่าของเข้าวันนี้ มีของเข้าชอปหลายอย่างเลย วันนี้วันหยุดว่าจะไปดูสักหน่อย อัพเดทไอเทม เธอสนใจกระเป๋าใบหนึ่งที่อยู่บนรันเวย์คือ caro bag (ที่ลายกระเป๋าเหมือนผ้ามัดย้อม)วันนี้เธอจะไปดูแบรนด์น้องใหม่จากนิตยสารแฟชั่นของประเทศนี้ เห็นว่ามีคนไปทำนายทายทักว่าจะขึ้นเป็นไฮเอนในอีกไปกี่ปี ไปดูหน่อยสิจริตเราจะตรงกันไหม ..The mall RHALoxxxxx “สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือกาแฟดีคะ” สามสิบนาทีผ่านไป“คุณวีร่าของที่ offer มาฉันเอาทั้งหมดเลยนะคะ.”“ค่ะ คุณท่าน”..Dixxxxxx“สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือน้ำส้มดีคะ” ยี่สิบนาทีผ่านไป“คุณเธอร์ ยังไงก็จัดส่
บทที่ 6 เยี่ยมเยือนบอกเลยว่าโต๊ะทำงานของเอราเบลเธอไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร มันดูทางการเกินไป ส่วนใหญ่เธอจะมานั่งทำงานที่ห้องครัวและถือเป็นห้องนอนไปเลย เพราะโต๊ะทานข้าวฝั่งหนึ่งเป็นโซฟาติดกำแพง เป็นที่ดึงดูดคนจริงๆ ดูดให้ง่วงนะ ส่วนอีกฝั่งเป็นเก้าอี้ที่นิ่มมากจำนวนสามตัว ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้นั่งเหรอก วางเอกสารเสียมากกว่า และไม่ต้องกลัวว่ามันจะรก เพราะแม่ของเอราเบลได้จัดการให้แม่บ้านที่คฤหาสน์มาทำความสะอาดประจำ เธอมีของไม่มากและจัดเก็บใส่กล่องเหมือนกล่องไปปิคนิกสองใบ ใบหนึ่งใส่เอกสาร อีกไปใส่เครื่องเขียนแล้วก็อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รับรองว่ามันไม่รกขนาดนั้น สภาพตอนนี้ไม่ต่างกับเด็กมหาลัยที่ชอบทำตัวเป็น one night miracle ดีหน่อยที่เอราเบลตัดแว่นแบบกรองแสงสีฟ้าไว้เยอะ ไม่งั้นได้สายตาสั้นและล้าแน่ ๆ ไหน ๆก็นอนดึกแล้ว ฉันคลิกที่หน้าเว็บไซต์มหาลัยเพื่อเข้าไปดูคณะการบินและอวกาศ อืมมม…. บางทีก็พูดไม่ออกกับมหาลัยนี้แฮะคณะนี้กินเนื้อที่แล้วไปครึ่งหนึ่งของมหาลัย เอาไปทำอะไรเยอะแยะ จากนั้นเข้ามาอ่านหระทู้(คล้ายกับกระทู้พันทิพย์บ้านเรา) เม้าว่า ความจริงแล้วมหาลัยนี้จะสร้างมาเพื่อผลิตคนที่
บทที่ 7 การพบกันที่ไม่เหมือนการพบกัน“ตาคุณแล้วครับ คุณคิดว่าไง”“โดยความคิดเห็นส่วนตัวของฉันนะคะ ถ้าพูดให้ถูกสมัยก่อนวรรณกรรมไม่ได้เป็นที่นิยมในจักรวรรดิทางใต้ แต่มีกลุ่มมหาอำนาจบางกลุ่มต้องการทรัพยากรเพื่อมาพยุงเศษฐกิจของประเทศตนเลยต้องมีการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบ ด้วยเหตุนี้จักรวรรดิซัมเซราเลยทำการล่าอาณานิคมฝั่งโซนตะวันออก เริ่มแรกมีการใช้กำลังทหารเข้ามาก่อน ต่อมาก็เริ่มมีการยัดเยียดวิถีชีวิตของตนเองให้ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคม” “วรรณกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น การเขียนเรื่องราวด้วยตัวหนังสือที่ยาวเป็นหน้าประเทศแถวนี้เขาไม่นิยมทำกันเหรอก วรรณกรรมนั้นเราอาจเห็นโดยทั่วๆไปว่าเป็นแนวสร้างสรรค์และบันเทิงที่เห็นได้ในปัจจุบัน แต่ว่านะช่วงสมัยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศเจ้าอาณานิคมนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของแต่ละฝ่าย ปลุกปั่นให้คนที่คิดเอนเอียงมาฝั่งเราลุกขึ้นสู้กับอีกฝั่ง โดยการบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในสมัยและช่วงเวลานั้น แน่นอนว่าวรรมกรรมบางเรื่องถูกควบคุมโดยรัฐบาลดังนั้นเนื้อหาที่มีค่อนข้างเชียร์รัฐบาล แต่ว่าในยุคของพวกเรา ต้องฟังหูไว้หู” “ถ้าคิดจะอ่านหนังสือของใครสักคนจริงๆ เกี่
บทที่ 8 นิคโคสัน ฮาฟ เอ็มไพร คือใคร?ครืนๆๆ“เชิญนั่ง”“เรื่องที่ให้ไปทำ ถึงไหนแล้ว”“ทางเราได้จัดหาคนที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้วพร้อมเดินทางในอีก สามเดือนข้างหน้าค่ะ”“นโยบายเอกสารข้อตกลง เตรียมเรียบร้อยแล้วครับ”“เพิ่มไปอีกคน” ทุกคนต่างทำหน้างง“ใครคะท่าน”“คนนี้” ฮาฟได้ยื่นเอกสารให้กับผู้ดูแล“แต่เธอไม่ได้ทำงานในส่วนของเรานะคะท่าน”“เธอมีความสำคัญกับการทำสัญญาครั้งนี้เป็นอย่างมาก เราไม่ได้ไปที่นั่นเรื่องความพันธ์ทางการทูตอย่างเดียว เราไปมากกว่านั้น…..”“ค่ะท่าน”...พักเที่ยง“เอรา คุณเข้ามาพบผมในห้องทำงานหน่อย”“ค่ะ ผอ.”“มีจดหมายด่วนจากทำเนียบประธานาธิบดี”“คะ?" 'เธองงมาก เอราเธอไปทำเรื่องอะไรไว้อีกแล้วใช่ไหม!' เธอรับจดหมายมาแล้วเปิดอ่าน เนื้อหาข้างในทำเธอตกใจแล้วตกใจอีก“ผอ. คะ คือฉันงงไปหมดแล้วค่ะ”“บอกตามตรงว่าผมเองก็งงเหมือนกับคุณ มีหนังสือแต่งตั้งคุณมาเรียบร้อยแล้วว่าให้คุณไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษร่วมกับคณะทูตที่จะเดินทางไปจักรวรรดิทางใต้เป็นการเฉพาะกิจ ผมได้เซ็นเอกสารอนุมัติให้คุณไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไงคุณก็เป็นคนของที่นี่ เสาร์อาทิตย์คุณมาทำงานที่หอสมุดตามเดิมพอทางนั้นเรียบร้อ
บทที่ 9 เพื่อบ้านข้างๆที่ชอบสร้าปัญหาเฮือก!!! ฝันหรอกเหรอ…ฝันสินะ…เป็นฝันที่ไม่ดีเลยจริงๆ… พวกสารเลว…“อ้าวเอราเพิ่งตื่นเหรอ เร็วเข้า คุณโจวเรียกประชุมแล้ว”“ค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” โธ่เอ้ย…สภาพดูไม่ได้เลย“มากันครบแล้วสินะ คุณชิกิประชุมได้เลย” คุณชิกิพูดเปิดประชุมไปเรื่อย ๆ ส่วนเธอขอนั่งตั้งสติสักครู่ เหมือนจะถอดสมองก่อนเข้าห้องประชุมแฮะ“ อย่างที่ทุกคนเห็นข่าวที่ออกมาตอนเช้าของวันที่ 8 เมษายน ผู้นำกวันซาได้เดินทางเยือนซิมบ์ในตอนนี้นานาชาติวิจารณ์การกระทำของผู้นำกวันซาที่ได้ไปเยือนซิมบ์ประเทศที่พึ่งทำรัฐประหารไป ” ทุกคนต่างตกอยู่ในสภาวะความกดดันโดยไม่รู้ตัว บรรยากาศเย็นๆเริ่มเข้ามาปะทะรอบๆตัวเรา“มีใครอยากจะเสนออะไรไหม”“ผมคิดว่าในช่วงนี้ยังไม่เหมาะเท่าไรที่ประเทศเราจะไปทำกิจการหรือลงทุนอะไรในซิมบ์”“ในมุมของผม ผมว่าเราไม่ควรตัดโอกาสขนาดนั้น เท่าที่ดูผมว่าซิมบ์ก่อนหน้าที่จะมีข่าวนี้ออกมา ซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก”ตอนนนี้หลาฝ่ายต่างหนักใจเพราะซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีอันดับต้นของทุกๆฝ่ายพอข่าวที่ออกมาทำให้เราทุกคนขยับตัวลำบาก แต่ถ้าเรากระโดดเข้าไปตอนนี้เลย จะเป็นเราที่
บทที่ 8 นิคโคสัน ฮาฟ เอ็มไพร คือใคร?ครืนๆๆ“เชิญนั่ง”“เรื่องที่ให้ไปทำ ถึงไหนแล้ว”“ทางเราได้จัดหาคนที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้วพร้อมเดินทางในอีก สามเดือนข้างหน้าค่ะ”“นโยบายเอกสารข้อตกลง เตรียมเรียบร้อยแล้วครับ”“เพิ่มไปอีกคน” ทุกคนต่างทำหน้างง“ใครคะท่าน”“คนนี้” ฮาฟได้ยื่นเอกสารให้กับผู้ดูแล“แต่เธอไม่ได้ทำงานในส่วนของเรานะคะท่าน”“เธอมีความสำคัญกับการทำสัญญาครั้งนี้เป็นอย่างมาก เราไม่ได้ไปที่นั่นเรื่องความพันธ์ทางการทูตอย่างเดียว เราไปมากกว่านั้น…..”“ค่ะท่าน”...พักเที่ยง“เอรา คุณเข้ามาพบผมในห้องทำงานหน่อย”“ค่ะ ผอ.”“มีจดหมายด่วนจากทำเนียบประธานาธิบดี”“คะ?" 'เธองงมาก เอราเธอไปทำเรื่องอะไรไว้อีกแล้วใช่ไหม!' เธอรับจดหมายมาแล้วเปิดอ่าน เนื้อหาข้างในทำเธอตกใจแล้วตกใจอีก“ผอ. คะ คือฉันงงไปหมดแล้วค่ะ”“บอกตามตรงว่าผมเองก็งงเหมือนกับคุณ มีหนังสือแต่งตั้งคุณมาเรียบร้อยแล้วว่าให้คุณไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษร่วมกับคณะทูตที่จะเดินทางไปจักรวรรดิทางใต้เป็นการเฉพาะกิจ ผมได้เซ็นเอกสารอนุมัติให้คุณไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไงคุณก็เป็นคนของที่นี่ เสาร์อาทิตย์คุณมาทำงานที่หอสมุดตามเดิมพอทางนั้นเรียบร้อ
บทที่ 7 การพบกันที่ไม่เหมือนการพบกัน“ตาคุณแล้วครับ คุณคิดว่าไง”“โดยความคิดเห็นส่วนตัวของฉันนะคะ ถ้าพูดให้ถูกสมัยก่อนวรรณกรรมไม่ได้เป็นที่นิยมในจักรวรรดิทางใต้ แต่มีกลุ่มมหาอำนาจบางกลุ่มต้องการทรัพยากรเพื่อมาพยุงเศษฐกิจของประเทศตนเลยต้องมีการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบ ด้วยเหตุนี้จักรวรรดิซัมเซราเลยทำการล่าอาณานิคมฝั่งโซนตะวันออก เริ่มแรกมีการใช้กำลังทหารเข้ามาก่อน ต่อมาก็เริ่มมีการยัดเยียดวิถีชีวิตของตนเองให้ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคม” “วรรณกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น การเขียนเรื่องราวด้วยตัวหนังสือที่ยาวเป็นหน้าประเทศแถวนี้เขาไม่นิยมทำกันเหรอก วรรณกรรมนั้นเราอาจเห็นโดยทั่วๆไปว่าเป็นแนวสร้างสรรค์และบันเทิงที่เห็นได้ในปัจจุบัน แต่ว่านะช่วงสมัยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศเจ้าอาณานิคมนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของแต่ละฝ่าย ปลุกปั่นให้คนที่คิดเอนเอียงมาฝั่งเราลุกขึ้นสู้กับอีกฝั่ง โดยการบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในสมัยและช่วงเวลานั้น แน่นอนว่าวรรมกรรมบางเรื่องถูกควบคุมโดยรัฐบาลดังนั้นเนื้อหาที่มีค่อนข้างเชียร์รัฐบาล แต่ว่าในยุคของพวกเรา ต้องฟังหูไว้หู” “ถ้าคิดจะอ่านหนังสือของใครสักคนจริงๆ เกี่
บทที่ 6 เยี่ยมเยือนบอกเลยว่าโต๊ะทำงานของเอราเบลเธอไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร มันดูทางการเกินไป ส่วนใหญ่เธอจะมานั่งทำงานที่ห้องครัวและถือเป็นห้องนอนไปเลย เพราะโต๊ะทานข้าวฝั่งหนึ่งเป็นโซฟาติดกำแพง เป็นที่ดึงดูดคนจริงๆ ดูดให้ง่วงนะ ส่วนอีกฝั่งเป็นเก้าอี้ที่นิ่มมากจำนวนสามตัว ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้นั่งเหรอก วางเอกสารเสียมากกว่า และไม่ต้องกลัวว่ามันจะรก เพราะแม่ของเอราเบลได้จัดการให้แม่บ้านที่คฤหาสน์มาทำความสะอาดประจำ เธอมีของไม่มากและจัดเก็บใส่กล่องเหมือนกล่องไปปิคนิกสองใบ ใบหนึ่งใส่เอกสาร อีกไปใส่เครื่องเขียนแล้วก็อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รับรองว่ามันไม่รกขนาดนั้น สภาพตอนนี้ไม่ต่างกับเด็กมหาลัยที่ชอบทำตัวเป็น one night miracle ดีหน่อยที่เอราเบลตัดแว่นแบบกรองแสงสีฟ้าไว้เยอะ ไม่งั้นได้สายตาสั้นและล้าแน่ ๆ ไหน ๆก็นอนดึกแล้ว ฉันคลิกที่หน้าเว็บไซต์มหาลัยเพื่อเข้าไปดูคณะการบินและอวกาศ อืมมม…. บางทีก็พูดไม่ออกกับมหาลัยนี้แฮะคณะนี้กินเนื้อที่แล้วไปครึ่งหนึ่งของมหาลัย เอาไปทำอะไรเยอะแยะ จากนั้นเข้ามาอ่านหระทู้(คล้ายกับกระทู้พันทิพย์บ้านเรา) เม้าว่า ความจริงแล้วมหาลัยนี้จะสร้างมาเพื่อผลิตคนที่
บทที่ 5 shopping ของคนรวยที่ชื่อเอราเบล7.00 น. ตี๊ดดดดดวันนี้ก็เหมือนทุกวัน ที่ตื่นมาต้องเช็คเมล ดื่มชามะนาว แซนวิชชิ้นหนึ่ง เธอกดเข้าในไอจี ในอดีตเธอเป็นเจ้าแม่แฟชั่นยังไงทุกวันนี้เธอก็เป็นอย่างนั้น แต่ส่วนใหญ่เวลาสั่งเธอจะให้พนักงานมาส่งให้ที่บ้าน แต่วันนี้เบื่อๆอาจจะเข้าไปรับเอง สองสามวันก่อนเธอเห็น กระเป๋ารุ่น BB เธอโทรสอบถามทางช็อป ว่ากระเป๋าใบเนี้ยเข้าที่ร้านไหม พนักงานบอกว่าอีกสองสามวันจะเข้า เธอบอกทางชอปว่าช่วยเก็บไว้ให้หน่อยได้ยินว่าของเข้าวันนี้ มีของเข้าชอปหลายอย่างเลย วันนี้วันหยุดว่าจะไปดูสักหน่อย อัพเดทไอเทม เธอสนใจกระเป๋าใบหนึ่งที่อยู่บนรันเวย์คือ caro bag (ที่ลายกระเป๋าเหมือนผ้ามัดย้อม)วันนี้เธอจะไปดูแบรนด์น้องใหม่จากนิตยสารแฟชั่นของประเทศนี้ เห็นว่ามีคนไปทำนายทายทักว่าจะขึ้นเป็นไฮเอนในอีกไปกี่ปี ไปดูหน่อยสิจริตเราจะตรงกันไหม ..The mall RHALoxxxxx “สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือกาแฟดีคะ” สามสิบนาทีผ่านไป“คุณวีร่าของที่ offer มาฉันเอาทั้งหมดเลยนะคะ.”“ค่ะ คุณท่าน”..Dixxxxxx“สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือน้ำส้มดีคะ” ยี่สิบนาทีผ่านไป“คุณเธอร์ ยังไงก็จัดส่
บทที่ 4 บรรณารักษ์หอสมุดแห่งชาติก่อนพักกลางวัน“ทุกคน ขออนุญาตครับ ผมขอรบกวนเวลาอันมีค่าของพวกท่านสักครู่ ผมมีข่าวจะแจ้ง ทางสำนักงานได้ส่งเอกสารมาให้ผมสักพักแล้ว แต่ตอนนี้ผมเห็นควรแล้วว่า เราจะแนะนำสมาชิกใหม่แต่ก็ไม่ใหม่เพิ่มาหนึ่งคน นั้นคือเอราเบล ลี จะเข้ามาเป็นบรรณารักษ์อย่างเต็มตัว (เสียงปรบมือ)” เธอยืนขึ้นเพื่อขอบคุณเสียงปรบมือ“ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับเอราเบลบ้างไม่มากก็น้อย”“แต่ว่าเป็นที่น่าหนักใจไม่น้อยสำหรับการจัดเอราเบลไปดูแลตำราแขนงอะไร ดังนั้นเรามารับน้องกันเถอะ5555” หลายคนต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุขเหมือนหลุดออกมาอีกโลก เมื่อกี้ยังทำหน้าเคร่งเครียดกันอยู่เลย“รอนนี่ ทำไมพูดถึงรับน้องแล้วทำไมทุกคนดีใจขนาดนี้เเหรอ”“ไม่! บอก!” รอนนี่ทำหน้าแบบเยาะเย้ยเธอ อารมณ์แบบเธอเสร็จแน่!“เอาล่ะครับ ช่วงนี้เราจะทำการคัดเลือกน้องใหม่กัน ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมครับ อะไรที่สมควรพูดก็พูดแล้ว ดังนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผู้ชายคนนั้นได้จากไปแล้ว แล้วทุกคนหันมายอมให้เธอแบบมีเลศนัย รูสึกขนลุกอย่างไรก็ไม่รู้“ไป เที่ยงล่ะ ไปกินข้าวกิน” รอนนี่ดึงสติเธอกลับมา“ฉันลืมเอากระเป๋าตังมา มีมาแต่โทรศัพท
บทที่ 3 ตัวตนของเอราเบล ลีคุณแม่มาราลินชอบอ่าหนังสือมาก มีบริษัทสำนักพิมพ์เป็นของตนเอง ถ้าเอาชื่อสำนักพิมพ์ไปค้นพบว่ามีชื่อเสียงมากๆในประเทศนี้ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของสำนักพิมพ์นี้คือเด็กตั้งแต่อายุ 13-35 ปี หนังสือส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรม จิตวิทยา การพัฒนาตนเอง ที่อ่านง่ายมาก นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เอราเบลอยากไปเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดมั้งในความคิดเธอ ถ้าเอราเบลเรียนบรรณารักษ์ตั้งแต่แรกพ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ใช่เเหรอ ดูจากการใช้ชีวิตสปอยลูกขั้นสุดของครอบครัวนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะไม่อนุญาตให้เธอเรียน แล้วก็มีอีกธุรกิจหนึ่งที่คุณแม่เอราเบลทำไปควบคู่กับการเปิดสำนักพิมพ์คือการให้เช่าพื้นที่สำนักงานและห้องสมุดสาธารณะ สรุปแล้วตระกลูลีเป็นตระกุลราชนิกูลของประเทศนี้และรวยมาก เป็นตะกูลที่ดีงาม เอราเบลเป็นลูกคนที่สองของตระกูลนี้ แต่เท่าที่ดูไม่ค่อยมีข่าวหรือรูปเกี่ยวกับเธอในเน็ตเลยหรือเธอไม่ชอบ?‘เธอจะเป็นเอราเบลต่อไป จนกว่าจะหาคำตอบได้ว่าเธอต้องมาทำอะไรที่นี่ และทำไมต้องเป็นคนนี้’‘เธอต้องไปอยู่ในที่ ๆ พระเจ้าเห็นสมควรไม่ใช่หรือ’ เธอใช้ชีวิตกับคนที่มีความโลภมานับไม่ถ้วน สิ่งที
บทที่ 2 โลกใบใหม่ของเอมมาริน เคิร์ก-- จักรวรรดิเอเดน ย.ศ.2698 การประชุมสสมัชชา ในงาน SEEC (Southern Empire Economic Cooperation – SEEC) ครั้งที่ 49 –“Mr. President In the name of the Eden Empire. Our empire has been developing the space industry for a long time. Whether it's human resources or space technology. We have a great interest and desire to invest in your Southern Empire. When you have a cooperation policy open to investors. Our Empire welcomes and cooperates with the Southern Empire to develop its economy together. Thank you.”(เรียนท่านประธาน ในนามของจักรวรรดิเอเดนจักรวรรดิของเรามีการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านอวกาศมาเป็นเวลาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรคนหรือเทคโนโลยีอวกาศ ทางเรามีความสนใจและประสงค์อย่างยิ่งจะที่เข้าไปลงทุนในจักรวรรดิทางใต้ของพวกท่าน เมื่อพวกท่านมีนโยบายความร่วมมือเปิดรับนักลงทุน ทางจักรวรรดิของเรายินดีและจะให้ความร่วมมือกับจักรวรรดิทางใต้เพื่อพัฒนาเศรษกิจร่วมกัน ขอบคุณครับ)“And now I give the floor representative of Quanzaa ---”(ตอนไปผมจะให้พื้นที่นี้แก่ป
บทที่ 1 เอมมาริน เคิร์ก“บอกว่าอย่ามายุ่ง!!”“แต่คุณคะ--”เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!“อย่ามาให้เห็นหน้าอีก!! และเอาไอ้เด็กเวรนี่ออกไปด้วย”เธอไม่รู้ว่าสามีของตัวเองเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ เขาเริ่มมีพฤติกรรมรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่ลูกเกิด หมอบอกว่าอุบัติเหตุรอบทำร้ายตอนนั้น เขาสูญเสียความทรงจำไป ผ่านมา 10 ปี ลูกของเราโตขึ้นมาก คาเชนก็ยังจำพวกเราไม่ได้ เธอได้แต่หวังว่าเขาจะจำพวกเราได้โดยเร็ว เอมมาริน เคิร์ก เป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของโซเรลคนนั้นคือเธอ สามีของเธอคาเชน เคิร์ก ประธานาธิบดีโซเรล คาเชน ปกครองโซเรลมากว่าสามทศวรรษ หลายปีที่ผ่านมาเขาเปลี่ยนไปมาก...เขาเหมือนคนที่เธอไม่รู้จัก ผู้คนต่างเรียกเขาว่า 'เผด็จการ''เผด็จการ' ไม่มีใครชอบความหมายของมัน แต่เราต่างถูกยกย่องด้วยถ่อยคำนี้ เราเผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่างถูกกล่าวหาว่าคดโกงประเทศชาติ ขายชาติบ้างล่ะ‘ทั้งที่เป็นความจริงมันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น’ เบื้องหลังมีความจริงมากมายที่ถูกซ้อนเร้นอยู่‘แต่ใครจะสนกัน เขาสนแต่เรื่องฉาวโฉดของอีกฝ่ายกันทั้งนั้น’มีคนกล่าวหาว่าความฟุ้งเฟ้อของเธอมาจากการคอรัปชั่นของสามี...และใช่เธอรู้... แต่เพราะรักมาก