บทที่ 4 บรรณารักษ์หอสมุดแห่งชาติ
ก่อนพักกลางวัน
“ทุกคน ขออนุญาตครับ ผมขอรบกวนเวลาอันมีค่าของพวกท่านสักครู่ ผมมีข่าวจะแจ้ง ทางสำนักงานได้ส่งเอกสารมาให้ผมสักพักแล้ว แต่ตอนนี้ผมเห็นควรแล้วว่า เราจะแนะนำสมาชิกใหม่แต่ก็ไม่ใหม่เพิ่มาหนึ่งคน นั้นคือเอราเบล ลี จะเข้ามาเป็นบรรณารักษ์อย่างเต็มตัว (เสียงปรบมือ)” เธอยืนขึ้นเพื่อขอบคุณเสียงปรบมือ
“ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับเอราเบลบ้างไม่มากก็น้อย”
“แต่ว่าเป็นที่น่าหนักใจไม่น้อยสำหรับการจัดเอราเบลไปดูแลตำราแขนงอะไร ดังนั้นเรามารับน้องกันเถอะ5555” หลายคนต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุขเหมือนหลุดออกมาอีกโลก เมื่อกี้ยังทำหน้าเคร่งเครียดกันอยู่เลย
“รอนนี่ ทำไมพูดถึงรับน้องแล้วทำไมทุกคนดีใจขนาดนี้เเหรอ”
“ไม่! บอก!” รอนนี่ทำหน้าแบบเยาะเย้ยเธอ อารมณ์แบบเธอเสร็จแน่!
“เอาล่ะครับ ช่วงนี้เราจะทำการคัดเลือกน้องใหม่กัน ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมครับ อะไรที่สมควรพูดก็พูดแล้ว ดังนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผู้ชายคนนั้นได้จากไปแล้ว แล้วทุกคนหันมายอมให้เธอแบบมีเลศนัย รูสึกขนลุกอย่างไรก็ไม่รู้
“ไป เที่ยงล่ะ ไปกินข้าวกิน” รอนนี่ดึงสติเธอกลับมา
“ฉันลืมเอากระเป๋าตังมา มีมาแต่โทรศัพท์”
“เธอก็โอนให้ฉันสิ ทำไมซื่อบื้ออย่างนี้ ฮึย”
“อ่อ อ้อ เหรอ อืม” คือว่าฉันจะรหัสไม่ได้ไง ที่ผ่านมาใช้แสกนมาตลอด
ร้านอาหารที่รอนนี่พามาเป็นร้านอาหารฝรั่งเศส พวกเราเดินมาไม่ถึงสองร้อยก้าวนับตั้งแต่จากหอสมุด ถือว่าใกล้มาก
ภายในร้านตกแต่งได้สวย ข้างหน้าทางเข้าเป็นเหมือนร้านกาแฟพอเดินเข้ามาอีกภายในเป็นร้านอาหาร
“คุณผู้ชายรับอะไรดีครับ” ทำไมฉันรู้สึกว่ารอนนี่ดูฝืดๆนะ 555 สงสัยกล้ำกลืนฝืนทนน่าดูที่บริกรเรียกแบบนั้น
“เอาสเต็กที่เสริฟพร้อมไวน์ ที่หนึ่งครับ”
“ฉันขอออมเล็ตครีมสดกับชาจัสมินอย่างละหนึ่งค่ะ”
“มันเข้ากันเหรอ เธอไม่เหม็นชาจัสมินเหรอ”
“ ไม่นะ รสชาติออกจะดี” นางทำหน้าแหย่ๆใส่เธอ
เธอกับรอนนี่ทานอาหารเสร็จก็ทำการระเห็จตัวเองกลับมาที่หอสมุด โดยซื้อผลไม้มากินตรงกำแพงก่อนเข้าหอสมุด อืมม...ก็โตกันแล้วนะ แต่ก็ยังทำตัวแบบนี้ ว่าใครเค้าไม่ได้เพราะตัวเองก็เป็น
ช่วงบ่าย
เธอแยกกับรอนนี่แล้วกลับมาทำงานต่อ พอเห็นก็หนังสือแล้วระเหี่ยใจ เพราะคนที่ไม่ชอบหนังสือการทำใจให้อยู่ด้วยกันได้มันยากมาก เธออยากจะบ้าตาย รู้สึกว่าตัวเองกลืนเข็มเล็กๆเอาไว้ในคอ
อย่างแรกเธอใส่ถุงมือ หน้ากากอนามัย หมวกคลุมผม และไปเปิดห้องที่เอาไว้ซ่อมหนังสือพร้อมกับถือถังอันเล็กๆที่มีแปลงหลายขนาด หลากหลายความหยาบนุ่มของขนแปลง น้ำยาและผ้าเช็คหนังสือ
พอเธอ Set up อากาศในห้องเรียบร้อย ก็เดินไปขนหนังสือในกล่องลังอันใหญ่มากเข้ามาในห้อง รู้สึกดีที่กล่องนั้นถูกวางไว้บนรถเข็นตั้งแต่มาถึงเธอแล้ว จากนั้นหยิบหนังสือขึ้นมาทีละเล่ม ทำการจดบันทึกเอาไว้ในเอกสารและลงทะเบียนในระบบ หลังลงทะเบียนเสร็จ ก็ทำการถ่ายรูปหนังสือเพื่อเอาไปแปะในเอกสาร กว่าจะทำอะไรเสร็จก็ปาไปหนึ่งทุ่ม การใส่ถุงมือกับหน้ากากอนามัยตลอดเวลามันไม่สนุกเลยนะ ออกมาเธอแทบหมดแรง เธอไม่รู้แหล่ะว่าแกลลอนน้ำหกลิตรนี่เป็นของใคร แต่เธอจะกินมัน เธอรีบไปยกแกลอนกระดกเข้าไป อึก อึก อึก ชื่นใจจัง เดี๋ยวพรุ่นี้จะซื้อมาคืนให้นะ วันนี้ของหยิบแกลลอนนี้กลบบบ้านด้วยนะ โฮะๆๆ
“เอรา!! ทำไมหล่อนถึงมานั่งหมดสภาพตรงนี้ ไปๆเก็บของเตรียมตัวกลับ ฉันจะพาหล่อนไปกินข้าวๆ อ้าว ยัง..ยังไม่ลุกอีก นอกจากพาหล่อนไปกินข้าวฉันยังต้องแบกหล่อนไปด้วยเหรอ” เธอพยักหน้าแบบอ้อนสุดๆ แต่รอนนี่ทำหน้าหยะแหยงใส่เธอ (เธอโกรธได้ไหมเนี่ย แต่เอาเถอะพาไปเลี้ยงข้าวเดี่ยวก็หาย (หัวเราะ))
รอนนี่ยกเธอขึ้นหนีบกับเอวนางอารมณ์แบบอุ้มสุนัขชิวาว่าด้วยมือเดียว
“นั้นกระเป๋าหล่อนรีบไปเก็บซะสิ” รอนนี่เหวี่ยงเธอลง เธอลุกขึ้นมาแล้วเริ่มเก็บของ
“รอนนี่ไปรถฉันนะ”
“ย่ะ ไหนรถหล่อนย่ะ”
“คันนี้ๆ” พวกเราสองคนขึ้นรถออกไปจากหอสมุดเพื่อหาข้าวเย็นทาน แต่ไม่มีสักร้านที่จะเปิดส่วนใหญ่ปิดร้านหมดแล้ว ร้านอาหารแถวนี้ปิดประมาณสองทุ่มเราออกมาก็ทุ่มกว่าแล้ว สงสัยได้ยกยอดไปกินตอนเช้าแน่ๆ
“เอรา จอดๆๆๆ” รอนนี่บอกให้เธอจอดตรงข้างลานน้ำพุ ฉันงงมาก มันมีอะไรนะ พอเธอจอดเรียบร้อยรอนนี่วิ่งไปตรอกหนึ่งตรงนั้นมีมีเคบับขายอยู่ มื้อเย็นของเธอคือเคบับสินะ...เยี่ยมเลย
“นี่หล่อนกินเข้าไป พรุ่งนี้เช้าจะได้มีแรง” รอนนี่ยื่นเคบับให้เธอหนึ่งห่อ เราพากันมานั่งกินตรงฟุตบาตโดยมีวิวข้างหน้ามีลานน้ำพุ เธอก็ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าวันหนึ่จะมีโอกาสนั่งกินสตรีทฟู้ด ตอนเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เธอกินอาหารระดับมิชิลินตลอด พอได้กลับมากินอีกครั้งรู้สึกมีความสุขจัง
“นี่เอรา ฉันถามเธอหน่อยสิ ทำไมเธอไม่ค่อยคุยกับคนอื่นๆเลยล่ะ” ตอบองยากแหะ เธอไม่ใช่เอราเบลคนก่อนนี่
“ฉันอยากทุ่มเทกับสิ่งที่ฉันทำมากๆ บางครั้งฉันก็คิดอะไรเพลินๆบ้าง จริงจังบ้าง มันก็เลยมีบางครั้งที่เสียงพูดไม่ค่อยเข้าหูฉันน่ะ อีกอย่างฉันพูดไม่ค่อยเก่งด้วย”
“แล้วทำไมเธอถึงมาเป็นบรรณารักษ์ที่นี่ได้ล่ะ”
“ฉันชอบอ่านตั้งแต่เด็ก แล้วที่บ้านมีกิจการขายหนังสือด้วยก็เลยซึมซับมาตั้งแต่เด็กๆ” อยากจะตีปากตัวเองชะมัด เธอนี่เนี่ยนะโตมากับหนังสือ แค่เห็นหนังสือเธอก็ยื่นห่างสองเมตรแล้ว คิดแล้วสยิ้วกิ้ว วุ้ยย
“รอนนี่เธอล่ะ ทำไมถึงมาเป็นบรรณารักษ์ทีนี่ได้ล่ะ”
“ฉันเหรอ ช่วงนั้นฉันอกหักน่ะ ฉันอยากไปหาที่เงียบๆอยู่ ตอนนั้นฉันไม่รู้จะทำอะไรดี แล้วก็เห็นการรับสมัครบรรณารักษ์ฝึกหัดประจำปีก็เลยลองดู สุดท้ายผ่านได้ฝึกเป็นบรรณารักษ์ฝึกหัดประมาณหนึ่งปี”
“หลังจากนั้นฉันได้บรรจุเป็นบรรณารักษ์เต็มตัว ช่วงแรกที่เข้ามาทำงานนั้นมันแถบจะไม่เวลาให้เราฟุ้งซ่านเลย ทุกๆวันมันรีบเร่งตลอดเวลา ด้วยความที่เป็นหอสมุดแห่งชาติอ่ะเธอ มีหนังสือมากมายที่ขุดเจอเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์บ้าง หนังสืออาจารย์หรือคนได้รางวัลโนเบลตายไปบางคนทำเรื่องบริจาคหนังสือ”
“เราต้องทำการคัดเลือกหนังสือที่สำคัญเก็บไว้ที่นี่และส่งต่อหนังสือบางเล่มที่จำเป็นต่อการศึกษาหาความรู้ให้กับหอสมุดแต่ละพื้นที่เหล่านั้น มันหนักมากสำหรับองค์กรที่มีไม่ถึงห้าสิบคน มันก็อย่างนี้แหล่ะสุดท้ายทำไปทำมาจนเวลาล่วงเลยมา สิบปีได้แล้วมั้ง”
“แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะ อาการอกหักดีขึ้นบ้างรึยัง”
“ตอนนี้แถบจะไม่เหลือภาพจำอะไรเกี่ยวกับเขาแล้วล่ะ”
“นี่หล่อน เล่าเรื่องของหล่อนบ้างซิย่ะ”
“ไม่รู้จะเล่าอะไร”
“เล่ามา!!”
“ก็ได้ ครอบครัวฉัน(เอราเบล)มีด้วยกันห้าคน พี่ชายหนึ่งคนน้องชายหนึ่งคน ฉันเรียนวิศวกรรมการบินและอวกาศ แต่ว่าฉันอยากเรียนบรรณารักษ์มากกว่าก็เลยทำเรื่องขอเรื่องพร้อมกัน ไปๆมาๆฉันรู้สึกกว่า Data Science ก็น่าสนใจก็เลยขอมหาลัยทำเรื่องเรียนพร้อมกันอีกรอบนึง ตอนแรกมหาลัยจะไม่ยอม แต่ด้วยความกลเม็ดบางอย่างบวกกับความเป็นปีที่จะจบบรรณารักษ์แล้วก็เลยได้เรียน ส่วนวิศวกรรมการบินและอวกาศค่อยๆเรียนไปไม่รีบ สุดท้ายก็เรียนมา 7 ปีได้จบพร้อมกับ Data Science พอมองกลับไปก็ขำนะเอาจริงๆ ว่าทำไปได้ยังไง จนพ่อแม่เป็นห่วงมาก ขณะเรียนฉันไม่ได้บอกครอบครัวเรื่องเรียนสามคณะพร้อมกันนะ ”
“หล่อนนี่มันเหลือเกินจริงๆเล๊ยยย”
“แล้วนายล่ะรอนนี่”
“ฉันจบวิศวการบินและยานอวกาศ”
“จบที่ไหนล่ะ”
“AC Will”
“ฉันก็จบที่นั้น” เราสองคนมองหน้ากัน ด้วยความตกใจ ก่อนจะถามกันด้วยความดีใจ รอนนี่ถามนู่นี่นั้นเยอะมากแต่ด้วยความที่เธอไม่เคยไปที่นั้น บางครั้งก็ตอบอือ บางครั้งก็ตอบว่าลืมไปหมดแล้ว คืนความรู้อาจารย์ไปหมดแล้ว จนรอนนี่เปลี่ยนการเรียกฉันไหม
“น้องสาวเอราของพี่รอนนี่ ช่วยบอกพี่ทีสิว่าทำไมถึงใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย นี่หลอนไม่คิดจะหาเพื่อนรึไงย่ะ ตกลงตอนนี้เป็นไงมีเพื่อนบ้างไหม” ฉันหันไปยิ้มแล้วตอบว่า
“ก็พี่รอนนี่สุดสวยของหนูไงคะ” สกิลการประจบคนไว้ใจเธอ ไม่งั้นเธอคงไม่ตัวแทนรัฐทำงานเจรจาทางการทูตมานานเกือบยี่ปีเหรอก ไว้ใจได้ ฮ่าๆๆ
“หล่อนไม่ต้องชมฉันเลย ฉันรู้ตัว” รอนนี่สะบัดหน้าขึ้นแบบเชิดๆ
“แหม่พี่รอนนี่สุดสวย น้องสาวเอราคนนี้มีเรื่องอยากถาม ตกลงเรื่องรับน้องมันยังไงอ่ะ”
“ไม่บอก”
“พี่รอนนี่~~~~”
สุดท้ายรอนนี่ก็บอกได้บ้างส่วนก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย เรานั่งคุยแบบนั้นนานจนถึงเที่ยงคืนกว่าจะได้กลับบ้าน
.
.
.
“พึบ!!! สวัสดีน้องเอรา เดินตามพี่มาก่อนนะอย่าพึ่งแกะผ้าปิดตา”
“อ่า โอเค ยืนเฉยก่อนนะ ปุ! ปุ! ปุ! ” เสียงคล้ายพุดังขึ้นมา
“ยินดีต้อนรับน้องเอราเข้าพิธีรับน้องอย่างเป็นทางการจ้าแปะๆ แปะๆ แปะๆ”
“พี่สาวคนสวยคนนี้ชื่อลิเนนะคะ พี่จะบอกกติกาการับน้องให้ฟังนะคะ จะมีทั้งหมดห้าด่าน ที่น้องเอราจะต้องเล่น ~~~ และต้องเล่นผูกผ้าปิดตา ~~~ ไปตลอดสี่ด่านแรก ส่วนด่าน ~~~ สุดท้ายสามารถถอดผ้าปิดตาได้ค่ะ ขอเชิญพี่เจ้าของด่านแรกมารับน้องได้เลยค่ะ”
“สวัสดีจ้า น้องเอราพี่ชื่อเดซี่นะคะด่านแรก ~~~”
.
.
.
“ด่านที่ 2 ยินดีต้อนรับน้องเอรานะคะ พี่ชื่อหลินเหม่นะคะ ด่านนี้น้องเอราจะต้องปิดตาดมกลิ่นกระดาษว่าแต่ละชนิดคือกระดาษอะไร และเห็นได้จาก ~~~”
“ด่านที่ 3 พี่ชื่อแอร์เดล ด่านนี้ง่ายๆสบายๆให้น้องเอราทำแบบทดสอบ 20 ข้อ เป็นอักษรเบล มีเวลาให้ 10 นาที”
สุดท้ายการรับน้องก็ผ่านไป สองด่านสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาก แค่เข้าไปนั่งดูสารคดีอัตชีวประวัติของบุคลากรในห้องสมุดแต่ละคนไม่มีใครตายดีๆเล๊ยยย โดนระเบิดตายบ้างล่ะ โดนวางยาบ้างล่ะ มันควรเป็นอาชีพที่ห่างไกลเรื่องพวกนี้ไหม ฮึ
.
.
เธอได้ดูตำราในจักรวรรดิทางใต้แล้ว เนื่องจากผลการประเมินออกมาเธอมีความรู้ด้านนั้นดี แต่ประวัติการศึกษาของเธอไม่ได้มีบอกว่าเธอจบด้านนี้มาจึงทำให้ไม่สามารถการันตีได้เธอมีคุณสมบัติเต็มที่
ผู้อำนวยงานประชุมกับหลายๆฝ่ายมีความเห็นตรงกันที่จะส่งเธอมาทดลองงานก่อนสามเดือน และต้องกลับไปทำงานในโซนตำราการบินและอวกาศตามหน้าที่หลักของตัวเอง ดีนะว่ามีแค่นั้น ถ้ามี Data Science จบเห่แน่
โดยช่วงเย็นของทุกวันเธอต้องมาทำงานในโซนหนังสือจักรวรรดิทางใต้เสมอหลังจากเสร็จจากโซนการบินและอวกาศ ก็ผ่านมาได้ห้าวันแล้ว ทำเอาเหนื่อยลากไส้
ใช่...วันนี้ก็เหมือนกันหลังจากกรอกข้อมูลหนังสือเข้าระบบเสร็จก็เอามาเข้าตู้ตามสเต็ปเดิมใส่ถุงมือและหน้ากาก แล้วเข็นรถขนย้ายหนังสือใส่ตามตู้ไปเรื่อย ๆ
ตุ่บ…ตุ้บ…ตุ้บ…
เสียงหนังสือหล่นจากชั้นหนังสือ ฉันจึงรีบเลยเดินไปดู กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ
เด็กผู้ชาย…ผมสีน้ำตาลบลอนด์…คล้ายลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอสมัยหนุ่ม หล่อ…น่ารักกรุบกริบ…น่าเอ็นเสียจริง เด็กสมัยนี้ทำไมน่ารักแบบนี้!
พูดไปแล้วก็คิดถึงลูกชาย ถ้าเขามีโอกาสได้เติบโตเขาคงน่ารักไม่แพ้เด็กหนุ่มตรงหน้าเธอแน่
“หนูลูก..หนูมาทำอะไรตรงนี้คะ สนใจอยากได้หนังสือเล่มไหนให้มัม--พี่ช่วยไหมคะลูก” เกือบแล้ว เกือบไปแล้ว เด็กคนนั้นมองเธอด้วยความฉงนใจ
“ผมอยากได้หนังสือประวัติศาสตร์กวันซา”
“เอาไปทำรายงานเเหรอ”
“ครับ”
“น้อยคนนะที่จะสนใจประเทศในแถบนี้ เราอยากได้ด้านไหนเป็นพิเศษไหม”
“เศรษฐกิจการค้าครับ”เธอใช้บันไดขึ้นไปหยิบให้เด็กคนนั้น
“นี่จ้ะ เธออยากยืมไปเลยไหมฉันจะไปลงทะเบียนให้”
“ครับ”
“ฉันแนะนำอีกอย่างได้ไหม” เธอยื่นหนังสือชาติพันธ์ในกวันซาให้เด็กคนนั้น
“ในบางเรื่องอาจมีเรื่องที่ในหนังสือเศรษฐกิจของเธอไขข้อสงสัยให้เธอไม่ได้ อย่างน้อยเธออ่านเรื่องนี้ประกอบด้วยมันอาจจะช่วยเธอมากขึ้นก็ได้นะ”
“อย่างไรครับ”
“การที่เราเข้าใจภูมิหลังเขา จะได้รู้ว่าเราควรทำไง ทำอย่างไรถึงจะเข้ากับพวกเขาได้ และแสดงถึงการให้เกียรติพวกเขาว่าเรามีความใส่ใจและพยายามที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมพวกเขา มันก็คือการสร้างความประทับใจนั้นแหละหนู”
“ช่วยเล่าคร่าวๆได้ไหมครับ” เด็กคนนนั้นทำหน้าสนใจ
“อย่างแรกนะเศรษฐกิจของกวันซาขับเคลื่อนด้วยชาวซาเป็นส่วนใหญ่ส่วนอำนาจทางการเมืองจะเป็นของชาวกวันเพราะว่าคนมีมากกว่า เป็นชาวพื้นเมืองที่มีมาแต่ดั้งเดิม”
“ดังนั้นใครที่จะไปตั้งโรงงานก็คิดให้ดีว่าทำยังไง เพราะเนื่องด้วยชาวซาและชาวกวันไม่ถูกกัน ปัญหาชาติพันธ์มีทุกที่นั้นแหละ คนซามีอำนาจทางเศรษฐกิจก็จริง แต่ไม่ได้มีอำนาจทางกฎหมายเพราะถูกจำกัดไว้ตามรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ เวลาจะไปติดต่อค้าขายก็ต้องไตร่ตรองดีๆเพราะว่าเราค้าขายกับคนซาแต่ถ้าบางครั้งไม่ถูกใจรัฐบาลกฎหมายที่มีอาจจะถูกนำมาใช้นะ แต่ก็นะ ฟังหูไว้หูดีกว่านะลูก”
“คุณเจ้าหน้าที่มีความเข้าใจเรื่องนี้ลึกซึ่งจังเลยนะครับ” อ้าว เธอเป็นใคร นี่คืออดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเชียวนะ
“ไว้วันหลังมาใหม่นะหนุ่มน้อย”
**** ประเทศกวันซาไม่ได้มีแค่ 2 ชาติพันธุ์ เรื่องของชื่อประเทศยังเป็นที่ถกเถียงของประเทศนี้มาตลอดว่าควรเปลี่ยน เพราะชื่อคือการแบ่งแยกและเหยียดหยามคนที่ไม่ใช่สองชาติพันธุ์นี้จึงรู้สึกว่าถูกมองข้าม
Half part
ตกใจเหมือนกันที่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาเรียกเขาว่าหนู ทั้งที่ตัวของเขาเองอายุจะสามสิบหกแล้ว ยอมรับว่าหน้าเด็กแต่ไม่คิดว่ามีคนเข้าใจผิดขนาดนี้และอีกอย่างคนทั้งประเทศไม่มีใครไม่รู้จักเขา แต่คงมีแต่เธอเท่านั่นแหล่ะ
เธอน่าจะเป็นบรรณารักษ์ที่หอสมุดประจำโซนนั้นละมั้ง เธอค่อนข้างน่าสนใจมากทีเดียว ในจักรวรรดิของเราคนที่มีความรู้เฉพาะทางด้านนี้หาได้น้อยมาก การที่ประเทศอยู่ในสถานแบบนี้เมื่อมีเธออยู่ถือว่าเป็นของล้ำค่ามาก สงสัยต้องมาให้เธอช่วยบ่อยๆแล้วสิ
Arabell part
หลังจากที่เด็กคนนั้นกลับไปแล้วเธอกลับจัดการส่วนที่เหลือต่อให้เสร็จและเตรียมตัวกลับบ้าน เอราเบลเธอทำให้ฉันทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
เอราเบลเรียนวิศวกรรมการบินและอวกาศ พูดตามตรงเธอไม่มีความรู้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเรียนอะไรกัน จะไปสรรหาความรู้มาจากไหน การจะไปคุยกับรอนนี่นั้นกลัวโป๊ะแตกมาก ถ้าพูดอะไรออกไปทั้งที่ไม่รู้ มันแสดงออกถึงความไม่ตั้งใจเรียนของเจ้าตัว มันจะเหมือนเอราเบลไม่ค่อยเข้าเรียน ทำไมเธอต้องพยายามเป็นเอราเบลด้วยนะ มาใช้ชีวิตให้มันยากทำไม ‘นึกถึง A ทุกตัวในทรานสคริปว์!’
เธอว่าจะไป workshop ที่มหาลัยที่เอราเบลเรียนวิศวกรรมการบินและอวกาศ เพราะรอนนี่บอกว่าที่นั้นมีจัดงาน เธอจะไปสำรวจอะไรนิดหน่อยและไปหอสมุดที่นั้นและคณะด้วยไปเก็บความรู้เท่าที่ได้ก็แล้วกันและใช้ความเป็นนิสิตเก่ายืมหนังสือออกมาอ่าน แต่วันนี้เราไปทั่วมหาลัยที่เอราเบลเรียนผ่าน G****e Map กัน
เธอจะไปแบบไม่มีความรู้ไม่ได้!! เธอขนกล่องที่น่าจะเป็นกล่องที่เก็บหนังสือทั้งหมดเจ็ดใบของเอรา เพราะน่าจะมีอะไรที่เธออ่านได้บ้างและไปหยิบของส่วนตัว เช่น อุปกรณ์ไดอารี่นางมาอ่าน ‘ขออนุญาตนะเอราเบล มันจำเป็นจริงๆ’
เธอสงสัยมาตลอดว่าทำไมเอราเบลเรียนสาขานี้ทำไม เรียนทำไมนักหนา เข้ามาทำไมในเมื่อไม่ได้ชอบ
มองดูด้วยตากล่องเก็บของมันใหญ่มากเลยนะ เมื่อเปิดดูด้านในพบกับหนังสือบางเล่มสุดจะเวอร์วังอาลังการ ยกขึ้นมาทีทับเท้าคือเจ็บได้เลย ชีทเรียนเอย สมุดเลทเชอร์เอย ปากสี ไฮไลท์ต่างไป หลากหลายยี่ห้อและขนาด ถ้าไม่ระวังดีๆมีหกใส่เสื้อผ้าแน่ๆ คืนนี้ทั้งคืนเธอนอนบนกองหนังสือนี่แหละ เห้ยยย
อันดับแรกเธอรื้ออกมาให้หมดก่อนแล้วค่อยจัดเรียนเนื้อหาจากยาไปง่ายตามความเข้าใจของเธอจากที่อ่าน อะไรอ่านไม่เข้าใจไว้หลังสุด
30 นาทีผ่านไป
โห้ มันจะเยอะอะไรขนาดนี้ คัดแค่หนังสือที่คิดว่าง่ายนี้ปาไป 40-50 เล่มแล้ว บอกเลยคนไม่ชอบหนังสือแบบเธอ ดูรูปอย่างเดียวอย่าหวังว่าหางตาจะแตะตัวหนังสือ!! เธอว่าห้องทำงานน่าจะเก็บหนังสือไม่พอล่ะ เดี๋ยวเอาไปไว้ที่ห้องนอนดีกว่า
บทที่ 5 shopping ของคนรวยที่ชื่อเอราเบล7.00 น. ตี๊ดดดดดวันนี้ก็เหมือนทุกวัน ที่ตื่นมาต้องเช็คเมล ดื่มชามะนาว แซนวิชชิ้นหนึ่ง เธอกดเข้าในไอจี ในอดีตเธอเป็นเจ้าแม่แฟชั่นยังไงทุกวันนี้เธอก็เป็นอย่างนั้น แต่ส่วนใหญ่เวลาสั่งเธอจะให้พนักงานมาส่งให้ที่บ้าน แต่วันนี้เบื่อๆอาจจะเข้าไปรับเอง สองสามวันก่อนเธอเห็น กระเป๋ารุ่น BB เธอโทรสอบถามทางช็อป ว่ากระเป๋าใบเนี้ยเข้าที่ร้านไหม พนักงานบอกว่าอีกสองสามวันจะเข้า เธอบอกทางชอปว่าช่วยเก็บไว้ให้หน่อยได้ยินว่าของเข้าวันนี้ มีของเข้าชอปหลายอย่างเลย วันนี้วันหยุดว่าจะไปดูสักหน่อย อัพเดทไอเทม เธอสนใจกระเป๋าใบหนึ่งที่อยู่บนรันเวย์คือ caro bag (ที่ลายกระเป๋าเหมือนผ้ามัดย้อม)วันนี้เธอจะไปดูแบรนด์น้องใหม่จากนิตยสารแฟชั่นของประเทศนี้ เห็นว่ามีคนไปทำนายทายทักว่าจะขึ้นเป็นไฮเอนในอีกไปกี่ปี ไปดูหน่อยสิจริตเราจะตรงกันไหม ..The mall RHALoxxxxx “สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือกาแฟดีคะ” สามสิบนาทีผ่านไป“คุณวีร่าของที่ offer มาฉันเอาทั้งหมดเลยนะคะ.”“ค่ะ คุณท่าน”..Dixxxxxx“สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือน้ำส้มดีคะ” ยี่สิบนาทีผ่านไป“คุณเธอร์ ยังไงก็จัดส่
บทที่ 6 เยี่ยมเยือนบอกเลยว่าโต๊ะทำงานของเอราเบลเธอไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร มันดูทางการเกินไป ส่วนใหญ่เธอจะมานั่งทำงานที่ห้องครัวและถือเป็นห้องนอนไปเลย เพราะโต๊ะทานข้าวฝั่งหนึ่งเป็นโซฟาติดกำแพง เป็นที่ดึงดูดคนจริงๆ ดูดให้ง่วงนะ ส่วนอีกฝั่งเป็นเก้าอี้ที่นิ่มมากจำนวนสามตัว ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้นั่งเหรอก วางเอกสารเสียมากกว่า และไม่ต้องกลัวว่ามันจะรก เพราะแม่ของเอราเบลได้จัดการให้แม่บ้านที่คฤหาสน์มาทำความสะอาดประจำ เธอมีของไม่มากและจัดเก็บใส่กล่องเหมือนกล่องไปปิคนิกสองใบ ใบหนึ่งใส่เอกสาร อีกไปใส่เครื่องเขียนแล้วก็อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รับรองว่ามันไม่รกขนาดนั้น สภาพตอนนี้ไม่ต่างกับเด็กมหาลัยที่ชอบทำตัวเป็น one night miracle ดีหน่อยที่เอราเบลตัดแว่นแบบกรองแสงสีฟ้าไว้เยอะ ไม่งั้นได้สายตาสั้นและล้าแน่ ๆ ไหน ๆก็นอนดึกแล้ว ฉันคลิกที่หน้าเว็บไซต์มหาลัยเพื่อเข้าไปดูคณะการบินและอวกาศ อืมมม…. บางทีก็พูดไม่ออกกับมหาลัยนี้แฮะคณะนี้กินเนื้อที่แล้วไปครึ่งหนึ่งของมหาลัย เอาไปทำอะไรเยอะแยะ จากนั้นเข้ามาอ่านหระทู้(คล้ายกับกระทู้พันทิพย์บ้านเรา) เม้าว่า ความจริงแล้วมหาลัยนี้จะสร้างมาเพื่อผลิตคนที่
บทที่ 7 การพบกันที่ไม่เหมือนการพบกัน“ตาคุณแล้วครับ คุณคิดว่าไง”“โดยความคิดเห็นส่วนตัวของฉันนะคะ ถ้าพูดให้ถูกสมัยก่อนวรรณกรรมไม่ได้เป็นที่นิยมในจักรวรรดิทางใต้ แต่มีกลุ่มมหาอำนาจบางกลุ่มต้องการทรัพยากรเพื่อมาพยุงเศษฐกิจของประเทศตนเลยต้องมีการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบ ด้วยเหตุนี้จักรวรรดิซัมเซราเลยทำการล่าอาณานิคมฝั่งโซนตะวันออก เริ่มแรกมีการใช้กำลังทหารเข้ามาก่อน ต่อมาก็เริ่มมีการยัดเยียดวิถีชีวิตของตนเองให้ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคม” “วรรณกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น การเขียนเรื่องราวด้วยตัวหนังสือที่ยาวเป็นหน้าประเทศแถวนี้เขาไม่นิยมทำกันเหรอก วรรณกรรมนั้นเราอาจเห็นโดยทั่วๆไปว่าเป็นแนวสร้างสรรค์และบันเทิงที่เห็นได้ในปัจจุบัน แต่ว่านะช่วงสมัยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศเจ้าอาณานิคมนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของแต่ละฝ่าย ปลุกปั่นให้คนที่คิดเอนเอียงมาฝั่งเราลุกขึ้นสู้กับอีกฝั่ง โดยการบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในสมัยและช่วงเวลานั้น แน่นอนว่าวรรมกรรมบางเรื่องถูกควบคุมโดยรัฐบาลดังนั้นเนื้อหาที่มีค่อนข้างเชียร์รัฐบาล แต่ว่าในยุคของพวกเรา ต้องฟังหูไว้หู” “ถ้าคิดจะอ่านหนังสือของใครสักคนจริงๆ เกี่
บทที่ 8 นิคโคสัน ฮาฟ เอ็มไพร คือใคร?ครืนๆๆ“เชิญนั่ง”“เรื่องที่ให้ไปทำ ถึงไหนแล้ว”“ทางเราได้จัดหาคนที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้วพร้อมเดินทางในอีก สามเดือนข้างหน้าค่ะ”“นโยบายเอกสารข้อตกลง เตรียมเรียบร้อยแล้วครับ”“เพิ่มไปอีกคน” ทุกคนต่างทำหน้างง“ใครคะท่าน”“คนนี้” ฮาฟได้ยื่นเอกสารให้กับผู้ดูแล“แต่เธอไม่ได้ทำงานในส่วนของเรานะคะท่าน”“เธอมีความสำคัญกับการทำสัญญาครั้งนี้เป็นอย่างมาก เราไม่ได้ไปที่นั่นเรื่องความพันธ์ทางการทูตอย่างเดียว เราไปมากกว่านั้น…..”“ค่ะท่าน”...พักเที่ยง“เอรา คุณเข้ามาพบผมในห้องทำงานหน่อย”“ค่ะ ผอ.”“มีจดหมายด่วนจากทำเนียบประธานาธิบดี”“คะ?" 'เธองงมาก เอราเธอไปทำเรื่องอะไรไว้อีกแล้วใช่ไหม!' เธอรับจดหมายมาแล้วเปิดอ่าน เนื้อหาข้างในทำเธอตกใจแล้วตกใจอีก“ผอ. คะ คือฉันงงไปหมดแล้วค่ะ”“บอกตามตรงว่าผมเองก็งงเหมือนกับคุณ มีหนังสือแต่งตั้งคุณมาเรียบร้อยแล้วว่าให้คุณไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษร่วมกับคณะทูตที่จะเดินทางไปจักรวรรดิทางใต้เป็นการเฉพาะกิจ ผมได้เซ็นเอกสารอนุมัติให้คุณไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไงคุณก็เป็นคนของที่นี่ เสาร์อาทิตย์คุณมาทำงานที่หอสมุดตามเดิมพอทางนั้นเรียบร้อ
บทที่ 9 เพื่อบ้านข้างๆที่ชอบสร้าปัญหาเฮือก!!! ฝันหรอกเหรอ…ฝันสินะ…เป็นฝันที่ไม่ดีเลยจริงๆ… พวกสารเลว…“อ้าวเอราเพิ่งตื่นเหรอ เร็วเข้า คุณโจวเรียกประชุมแล้ว”“ค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” โธ่เอ้ย…สภาพดูไม่ได้เลย“มากันครบแล้วสินะ คุณชิกิประชุมได้เลย” คุณชิกิพูดเปิดประชุมไปเรื่อย ๆ ส่วนเธอขอนั่งตั้งสติสักครู่ เหมือนจะถอดสมองก่อนเข้าห้องประชุมแฮะ“ อย่างที่ทุกคนเห็นข่าวที่ออกมาตอนเช้าของวันที่ 8 เมษายน ผู้นำกวันซาได้เดินทางเยือนซิมบ์ในตอนนี้นานาชาติวิจารณ์การกระทำของผู้นำกวันซาที่ได้ไปเยือนซิมบ์ประเทศที่พึ่งทำรัฐประหารไป ” ทุกคนต่างตกอยู่ในสภาวะความกดดันโดยไม่รู้ตัว บรรยากาศเย็นๆเริ่มเข้ามาปะทะรอบๆตัวเรา“มีใครอยากจะเสนออะไรไหม”“ผมคิดว่าในช่วงนี้ยังไม่เหมาะเท่าไรที่ประเทศเราจะไปทำกิจการหรือลงทุนอะไรในซิมบ์”“ในมุมของผม ผมว่าเราไม่ควรตัดโอกาสขนาดนั้น เท่าที่ดูผมว่าซิมบ์ก่อนหน้าที่จะมีข่าวนี้ออกมา ซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก”ตอนนนี้หลาฝ่ายต่างหนักใจเพราะซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีอันดับต้นของทุกๆฝ่ายพอข่าวที่ออกมาทำให้เราทุกคนขยับตัวลำบาก แต่ถ้าเรากระโดดเข้าไปตอนนี้เลย จะเป็นเราที่
บทที่ 1 เอมมาริน เคิร์ก“บอกว่าอย่ามายุ่ง!!”“แต่คุณคะ--”เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!“อย่ามาให้เห็นหน้าอีก!! และเอาไอ้เด็กเวรนี่ออกไปด้วย”เธอไม่รู้ว่าสามีของตัวเองเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ เขาเริ่มมีพฤติกรรมรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่ลูกเกิด หมอบอกว่าอุบัติเหตุรอบทำร้ายตอนนั้น เขาสูญเสียความทรงจำไป ผ่านมา 10 ปี ลูกของเราโตขึ้นมาก คาเชนก็ยังจำพวกเราไม่ได้ เธอได้แต่หวังว่าเขาจะจำพวกเราได้โดยเร็ว เอมมาริน เคิร์ก เป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของโซเรลคนนั้นคือเธอ สามีของเธอคาเชน เคิร์ก ประธานาธิบดีโซเรล คาเชน ปกครองโซเรลมากว่าสามทศวรรษ หลายปีที่ผ่านมาเขาเปลี่ยนไปมาก...เขาเหมือนคนที่เธอไม่รู้จัก ผู้คนต่างเรียกเขาว่า 'เผด็จการ''เผด็จการ' ไม่มีใครชอบความหมายของมัน แต่เราต่างถูกยกย่องด้วยถ่อยคำนี้ เราเผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่างถูกกล่าวหาว่าคดโกงประเทศชาติ ขายชาติบ้างล่ะ‘ทั้งที่เป็นความจริงมันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น’ เบื้องหลังมีความจริงมากมายที่ถูกซ้อนเร้นอยู่‘แต่ใครจะสนกัน เขาสนแต่เรื่องฉาวโฉดของอีกฝ่ายกันทั้งนั้น’มีคนกล่าวหาว่าความฟุ้งเฟ้อของเธอมาจากการคอรัปชั่นของสามี...และใช่เธอรู้... แต่เพราะรักมาก
บทที่ 2 โลกใบใหม่ของเอมมาริน เคิร์ก-- จักรวรรดิเอเดน ย.ศ.2698 การประชุมสสมัชชา ในงาน SEEC (Southern Empire Economic Cooperation – SEEC) ครั้งที่ 49 –“Mr. President In the name of the Eden Empire. Our empire has been developing the space industry for a long time. Whether it's human resources or space technology. We have a great interest and desire to invest in your Southern Empire. When you have a cooperation policy open to investors. Our Empire welcomes and cooperates with the Southern Empire to develop its economy together. Thank you.”(เรียนท่านประธาน ในนามของจักรวรรดิเอเดนจักรวรรดิของเรามีการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านอวกาศมาเป็นเวลาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรคนหรือเทคโนโลยีอวกาศ ทางเรามีความสนใจและประสงค์อย่างยิ่งจะที่เข้าไปลงทุนในจักรวรรดิทางใต้ของพวกท่าน เมื่อพวกท่านมีนโยบายความร่วมมือเปิดรับนักลงทุน ทางจักรวรรดิของเรายินดีและจะให้ความร่วมมือกับจักรวรรดิทางใต้เพื่อพัฒนาเศรษกิจร่วมกัน ขอบคุณครับ)“And now I give the floor representative of Quanzaa ---”(ตอนไปผมจะให้พื้นที่นี้แก่ป
บทที่ 3 ตัวตนของเอราเบล ลีคุณแม่มาราลินชอบอ่าหนังสือมาก มีบริษัทสำนักพิมพ์เป็นของตนเอง ถ้าเอาชื่อสำนักพิมพ์ไปค้นพบว่ามีชื่อเสียงมากๆในประเทศนี้ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของสำนักพิมพ์นี้คือเด็กตั้งแต่อายุ 13-35 ปี หนังสือส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรม จิตวิทยา การพัฒนาตนเอง ที่อ่านง่ายมาก นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เอราเบลอยากไปเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดมั้งในความคิดเธอ ถ้าเอราเบลเรียนบรรณารักษ์ตั้งแต่แรกพ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ใช่เเหรอ ดูจากการใช้ชีวิตสปอยลูกขั้นสุดของครอบครัวนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะไม่อนุญาตให้เธอเรียน แล้วก็มีอีกธุรกิจหนึ่งที่คุณแม่เอราเบลทำไปควบคู่กับการเปิดสำนักพิมพ์คือการให้เช่าพื้นที่สำนักงานและห้องสมุดสาธารณะ สรุปแล้วตระกลูลีเป็นตระกุลราชนิกูลของประเทศนี้และรวยมาก เป็นตะกูลที่ดีงาม เอราเบลเป็นลูกคนที่สองของตระกูลนี้ แต่เท่าที่ดูไม่ค่อยมีข่าวหรือรูปเกี่ยวกับเธอในเน็ตเลยหรือเธอไม่ชอบ?‘เธอจะเป็นเอราเบลต่อไป จนกว่าจะหาคำตอบได้ว่าเธอต้องมาทำอะไรที่นี่ และทำไมต้องเป็นคนนี้’‘เธอต้องไปอยู่ในที่ ๆ พระเจ้าเห็นสมควรไม่ใช่หรือ’ เธอใช้ชีวิตกับคนที่มีความโลภมานับไม่ถ้วน สิ่งที
บทที่ 9 เพื่อบ้านข้างๆที่ชอบสร้าปัญหาเฮือก!!! ฝันหรอกเหรอ…ฝันสินะ…เป็นฝันที่ไม่ดีเลยจริงๆ… พวกสารเลว…“อ้าวเอราเพิ่งตื่นเหรอ เร็วเข้า คุณโจวเรียกประชุมแล้ว”“ค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” โธ่เอ้ย…สภาพดูไม่ได้เลย“มากันครบแล้วสินะ คุณชิกิประชุมได้เลย” คุณชิกิพูดเปิดประชุมไปเรื่อย ๆ ส่วนเธอขอนั่งตั้งสติสักครู่ เหมือนจะถอดสมองก่อนเข้าห้องประชุมแฮะ“ อย่างที่ทุกคนเห็นข่าวที่ออกมาตอนเช้าของวันที่ 8 เมษายน ผู้นำกวันซาได้เดินทางเยือนซิมบ์ในตอนนี้นานาชาติวิจารณ์การกระทำของผู้นำกวันซาที่ได้ไปเยือนซิมบ์ประเทศที่พึ่งทำรัฐประหารไป ” ทุกคนต่างตกอยู่ในสภาวะความกดดันโดยไม่รู้ตัว บรรยากาศเย็นๆเริ่มเข้ามาปะทะรอบๆตัวเรา“มีใครอยากจะเสนออะไรไหม”“ผมคิดว่าในช่วงนี้ยังไม่เหมาะเท่าไรที่ประเทศเราจะไปทำกิจการหรือลงทุนอะไรในซิมบ์”“ในมุมของผม ผมว่าเราไม่ควรตัดโอกาสขนาดนั้น เท่าที่ดูผมว่าซิมบ์ก่อนหน้าที่จะมีข่าวนี้ออกมา ซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก”ตอนนนี้หลาฝ่ายต่างหนักใจเพราะซิมบ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีอันดับต้นของทุกๆฝ่ายพอข่าวที่ออกมาทำให้เราทุกคนขยับตัวลำบาก แต่ถ้าเรากระโดดเข้าไปตอนนี้เลย จะเป็นเราที่
บทที่ 8 นิคโคสัน ฮาฟ เอ็มไพร คือใคร?ครืนๆๆ“เชิญนั่ง”“เรื่องที่ให้ไปทำ ถึงไหนแล้ว”“ทางเราได้จัดหาคนที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้วพร้อมเดินทางในอีก สามเดือนข้างหน้าค่ะ”“นโยบายเอกสารข้อตกลง เตรียมเรียบร้อยแล้วครับ”“เพิ่มไปอีกคน” ทุกคนต่างทำหน้างง“ใครคะท่าน”“คนนี้” ฮาฟได้ยื่นเอกสารให้กับผู้ดูแล“แต่เธอไม่ได้ทำงานในส่วนของเรานะคะท่าน”“เธอมีความสำคัญกับการทำสัญญาครั้งนี้เป็นอย่างมาก เราไม่ได้ไปที่นั่นเรื่องความพันธ์ทางการทูตอย่างเดียว เราไปมากกว่านั้น…..”“ค่ะท่าน”...พักเที่ยง“เอรา คุณเข้ามาพบผมในห้องทำงานหน่อย”“ค่ะ ผอ.”“มีจดหมายด่วนจากทำเนียบประธานาธิบดี”“คะ?" 'เธองงมาก เอราเธอไปทำเรื่องอะไรไว้อีกแล้วใช่ไหม!' เธอรับจดหมายมาแล้วเปิดอ่าน เนื้อหาข้างในทำเธอตกใจแล้วตกใจอีก“ผอ. คะ คือฉันงงไปหมดแล้วค่ะ”“บอกตามตรงว่าผมเองก็งงเหมือนกับคุณ มีหนังสือแต่งตั้งคุณมาเรียบร้อยแล้วว่าให้คุณไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษร่วมกับคณะทูตที่จะเดินทางไปจักรวรรดิทางใต้เป็นการเฉพาะกิจ ผมได้เซ็นเอกสารอนุมัติให้คุณไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไงคุณก็เป็นคนของที่นี่ เสาร์อาทิตย์คุณมาทำงานที่หอสมุดตามเดิมพอทางนั้นเรียบร้อ
บทที่ 7 การพบกันที่ไม่เหมือนการพบกัน“ตาคุณแล้วครับ คุณคิดว่าไง”“โดยความคิดเห็นส่วนตัวของฉันนะคะ ถ้าพูดให้ถูกสมัยก่อนวรรณกรรมไม่ได้เป็นที่นิยมในจักรวรรดิทางใต้ แต่มีกลุ่มมหาอำนาจบางกลุ่มต้องการทรัพยากรเพื่อมาพยุงเศษฐกิจของประเทศตนเลยต้องมีการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบ ด้วยเหตุนี้จักรวรรดิซัมเซราเลยทำการล่าอาณานิคมฝั่งโซนตะวันออก เริ่มแรกมีการใช้กำลังทหารเข้ามาก่อน ต่อมาก็เริ่มมีการยัดเยียดวิถีชีวิตของตนเองให้ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคม” “วรรณกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น การเขียนเรื่องราวด้วยตัวหนังสือที่ยาวเป็นหน้าประเทศแถวนี้เขาไม่นิยมทำกันเหรอก วรรณกรรมนั้นเราอาจเห็นโดยทั่วๆไปว่าเป็นแนวสร้างสรรค์และบันเทิงที่เห็นได้ในปัจจุบัน แต่ว่านะช่วงสมัยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศเจ้าอาณานิคมนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของแต่ละฝ่าย ปลุกปั่นให้คนที่คิดเอนเอียงมาฝั่งเราลุกขึ้นสู้กับอีกฝั่ง โดยการบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในสมัยและช่วงเวลานั้น แน่นอนว่าวรรมกรรมบางเรื่องถูกควบคุมโดยรัฐบาลดังนั้นเนื้อหาที่มีค่อนข้างเชียร์รัฐบาล แต่ว่าในยุคของพวกเรา ต้องฟังหูไว้หู” “ถ้าคิดจะอ่านหนังสือของใครสักคนจริงๆ เกี่
บทที่ 6 เยี่ยมเยือนบอกเลยว่าโต๊ะทำงานของเอราเบลเธอไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร มันดูทางการเกินไป ส่วนใหญ่เธอจะมานั่งทำงานที่ห้องครัวและถือเป็นห้องนอนไปเลย เพราะโต๊ะทานข้าวฝั่งหนึ่งเป็นโซฟาติดกำแพง เป็นที่ดึงดูดคนจริงๆ ดูดให้ง่วงนะ ส่วนอีกฝั่งเป็นเก้าอี้ที่นิ่มมากจำนวนสามตัว ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้นั่งเหรอก วางเอกสารเสียมากกว่า และไม่ต้องกลัวว่ามันจะรก เพราะแม่ของเอราเบลได้จัดการให้แม่บ้านที่คฤหาสน์มาทำความสะอาดประจำ เธอมีของไม่มากและจัดเก็บใส่กล่องเหมือนกล่องไปปิคนิกสองใบ ใบหนึ่งใส่เอกสาร อีกไปใส่เครื่องเขียนแล้วก็อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รับรองว่ามันไม่รกขนาดนั้น สภาพตอนนี้ไม่ต่างกับเด็กมหาลัยที่ชอบทำตัวเป็น one night miracle ดีหน่อยที่เอราเบลตัดแว่นแบบกรองแสงสีฟ้าไว้เยอะ ไม่งั้นได้สายตาสั้นและล้าแน่ ๆ ไหน ๆก็นอนดึกแล้ว ฉันคลิกที่หน้าเว็บไซต์มหาลัยเพื่อเข้าไปดูคณะการบินและอวกาศ อืมมม…. บางทีก็พูดไม่ออกกับมหาลัยนี้แฮะคณะนี้กินเนื้อที่แล้วไปครึ่งหนึ่งของมหาลัย เอาไปทำอะไรเยอะแยะ จากนั้นเข้ามาอ่านหระทู้(คล้ายกับกระทู้พันทิพย์บ้านเรา) เม้าว่า ความจริงแล้วมหาลัยนี้จะสร้างมาเพื่อผลิตคนที่
บทที่ 5 shopping ของคนรวยที่ชื่อเอราเบล7.00 น. ตี๊ดดดดดวันนี้ก็เหมือนทุกวัน ที่ตื่นมาต้องเช็คเมล ดื่มชามะนาว แซนวิชชิ้นหนึ่ง เธอกดเข้าในไอจี ในอดีตเธอเป็นเจ้าแม่แฟชั่นยังไงทุกวันนี้เธอก็เป็นอย่างนั้น แต่ส่วนใหญ่เวลาสั่งเธอจะให้พนักงานมาส่งให้ที่บ้าน แต่วันนี้เบื่อๆอาจจะเข้าไปรับเอง สองสามวันก่อนเธอเห็น กระเป๋ารุ่น BB เธอโทรสอบถามทางช็อป ว่ากระเป๋าใบเนี้ยเข้าที่ร้านไหม พนักงานบอกว่าอีกสองสามวันจะเข้า เธอบอกทางชอปว่าช่วยเก็บไว้ให้หน่อยได้ยินว่าของเข้าวันนี้ มีของเข้าชอปหลายอย่างเลย วันนี้วันหยุดว่าจะไปดูสักหน่อย อัพเดทไอเทม เธอสนใจกระเป๋าใบหนึ่งที่อยู่บนรันเวย์คือ caro bag (ที่ลายกระเป๋าเหมือนผ้ามัดย้อม)วันนี้เธอจะไปดูแบรนด์น้องใหม่จากนิตยสารแฟชั่นของประเทศนี้ เห็นว่ามีคนไปทำนายทายทักว่าจะขึ้นเป็นไฮเอนในอีกไปกี่ปี ไปดูหน่อยสิจริตเราจะตรงกันไหม ..The mall RHALoxxxxx “สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือกาแฟดีคะ” สามสิบนาทีผ่านไป“คุณวีร่าของที่ offer มาฉันเอาทั้งหมดเลยนะคะ.”“ค่ะ คุณท่าน”..Dixxxxxx“สวัสดีค่ะคุณท่าน รับชาหรือน้ำส้มดีคะ” ยี่สิบนาทีผ่านไป“คุณเธอร์ ยังไงก็จัดส่
บทที่ 4 บรรณารักษ์หอสมุดแห่งชาติก่อนพักกลางวัน“ทุกคน ขออนุญาตครับ ผมขอรบกวนเวลาอันมีค่าของพวกท่านสักครู่ ผมมีข่าวจะแจ้ง ทางสำนักงานได้ส่งเอกสารมาให้ผมสักพักแล้ว แต่ตอนนี้ผมเห็นควรแล้วว่า เราจะแนะนำสมาชิกใหม่แต่ก็ไม่ใหม่เพิ่มาหนึ่งคน นั้นคือเอราเบล ลี จะเข้ามาเป็นบรรณารักษ์อย่างเต็มตัว (เสียงปรบมือ)” เธอยืนขึ้นเพื่อขอบคุณเสียงปรบมือ“ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับเอราเบลบ้างไม่มากก็น้อย”“แต่ว่าเป็นที่น่าหนักใจไม่น้อยสำหรับการจัดเอราเบลไปดูแลตำราแขนงอะไร ดังนั้นเรามารับน้องกันเถอะ5555” หลายคนต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุขเหมือนหลุดออกมาอีกโลก เมื่อกี้ยังทำหน้าเคร่งเครียดกันอยู่เลย“รอนนี่ ทำไมพูดถึงรับน้องแล้วทำไมทุกคนดีใจขนาดนี้เเหรอ”“ไม่! บอก!” รอนนี่ทำหน้าแบบเยาะเย้ยเธอ อารมณ์แบบเธอเสร็จแน่!“เอาล่ะครับ ช่วงนี้เราจะทำการคัดเลือกน้องใหม่กัน ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมครับ อะไรที่สมควรพูดก็พูดแล้ว ดังนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผู้ชายคนนั้นได้จากไปแล้ว แล้วทุกคนหันมายอมให้เธอแบบมีเลศนัย รูสึกขนลุกอย่างไรก็ไม่รู้“ไป เที่ยงล่ะ ไปกินข้าวกิน” รอนนี่ดึงสติเธอกลับมา“ฉันลืมเอากระเป๋าตังมา มีมาแต่โทรศัพท
บทที่ 3 ตัวตนของเอราเบล ลีคุณแม่มาราลินชอบอ่าหนังสือมาก มีบริษัทสำนักพิมพ์เป็นของตนเอง ถ้าเอาชื่อสำนักพิมพ์ไปค้นพบว่ามีชื่อเสียงมากๆในประเทศนี้ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของสำนักพิมพ์นี้คือเด็กตั้งแต่อายุ 13-35 ปี หนังสือส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรม จิตวิทยา การพัฒนาตนเอง ที่อ่านง่ายมาก นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เอราเบลอยากไปเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดมั้งในความคิดเธอ ถ้าเอราเบลเรียนบรรณารักษ์ตั้งแต่แรกพ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ใช่เเหรอ ดูจากการใช้ชีวิตสปอยลูกขั้นสุดของครอบครัวนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะไม่อนุญาตให้เธอเรียน แล้วก็มีอีกธุรกิจหนึ่งที่คุณแม่เอราเบลทำไปควบคู่กับการเปิดสำนักพิมพ์คือการให้เช่าพื้นที่สำนักงานและห้องสมุดสาธารณะ สรุปแล้วตระกลูลีเป็นตระกุลราชนิกูลของประเทศนี้และรวยมาก เป็นตะกูลที่ดีงาม เอราเบลเป็นลูกคนที่สองของตระกูลนี้ แต่เท่าที่ดูไม่ค่อยมีข่าวหรือรูปเกี่ยวกับเธอในเน็ตเลยหรือเธอไม่ชอบ?‘เธอจะเป็นเอราเบลต่อไป จนกว่าจะหาคำตอบได้ว่าเธอต้องมาทำอะไรที่นี่ และทำไมต้องเป็นคนนี้’‘เธอต้องไปอยู่ในที่ ๆ พระเจ้าเห็นสมควรไม่ใช่หรือ’ เธอใช้ชีวิตกับคนที่มีความโลภมานับไม่ถ้วน สิ่งที
บทที่ 2 โลกใบใหม่ของเอมมาริน เคิร์ก-- จักรวรรดิเอเดน ย.ศ.2698 การประชุมสสมัชชา ในงาน SEEC (Southern Empire Economic Cooperation – SEEC) ครั้งที่ 49 –“Mr. President In the name of the Eden Empire. Our empire has been developing the space industry for a long time. Whether it's human resources or space technology. We have a great interest and desire to invest in your Southern Empire. When you have a cooperation policy open to investors. Our Empire welcomes and cooperates with the Southern Empire to develop its economy together. Thank you.”(เรียนท่านประธาน ในนามของจักรวรรดิเอเดนจักรวรรดิของเรามีการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านอวกาศมาเป็นเวลาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรคนหรือเทคโนโลยีอวกาศ ทางเรามีความสนใจและประสงค์อย่างยิ่งจะที่เข้าไปลงทุนในจักรวรรดิทางใต้ของพวกท่าน เมื่อพวกท่านมีนโยบายความร่วมมือเปิดรับนักลงทุน ทางจักรวรรดิของเรายินดีและจะให้ความร่วมมือกับจักรวรรดิทางใต้เพื่อพัฒนาเศรษกิจร่วมกัน ขอบคุณครับ)“And now I give the floor representative of Quanzaa ---”(ตอนไปผมจะให้พื้นที่นี้แก่ป
บทที่ 1 เอมมาริน เคิร์ก“บอกว่าอย่ามายุ่ง!!”“แต่คุณคะ--”เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!“อย่ามาให้เห็นหน้าอีก!! และเอาไอ้เด็กเวรนี่ออกไปด้วย”เธอไม่รู้ว่าสามีของตัวเองเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ เขาเริ่มมีพฤติกรรมรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่ลูกเกิด หมอบอกว่าอุบัติเหตุรอบทำร้ายตอนนั้น เขาสูญเสียความทรงจำไป ผ่านมา 10 ปี ลูกของเราโตขึ้นมาก คาเชนก็ยังจำพวกเราไม่ได้ เธอได้แต่หวังว่าเขาจะจำพวกเราได้โดยเร็ว เอมมาริน เคิร์ก เป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของโซเรลคนนั้นคือเธอ สามีของเธอคาเชน เคิร์ก ประธานาธิบดีโซเรล คาเชน ปกครองโซเรลมากว่าสามทศวรรษ หลายปีที่ผ่านมาเขาเปลี่ยนไปมาก...เขาเหมือนคนที่เธอไม่รู้จัก ผู้คนต่างเรียกเขาว่า 'เผด็จการ''เผด็จการ' ไม่มีใครชอบความหมายของมัน แต่เราต่างถูกยกย่องด้วยถ่อยคำนี้ เราเผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่างถูกกล่าวหาว่าคดโกงประเทศชาติ ขายชาติบ้างล่ะ‘ทั้งที่เป็นความจริงมันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น’ เบื้องหลังมีความจริงมากมายที่ถูกซ้อนเร้นอยู่‘แต่ใครจะสนกัน เขาสนแต่เรื่องฉาวโฉดของอีกฝ่ายกันทั้งนั้น’มีคนกล่าวหาว่าความฟุ้งเฟ้อของเธอมาจากการคอรัปชั่นของสามี...และใช่เธอรู้... แต่เพราะรักมาก