ข้าผิดอะไร แค่ร้ายไปหน่อยเท่านั้นเอง ไม่สิไม่ใช่แค่ร้ายไปหน่อยแค่ไม่ชอบให้ใครเอาเปรียบจำต้องทวงคืน
View More"เพ่ยตง เจ้าจะทิ้งข้าไปไหนอีก เพราะไม่มีเจ้าไม่อยู่ท่านแม่จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้" เพ่ยตงประสานมือตรงหน้าสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างกัน"ไม่ได้ ข้าว่าข้าเคยห้ามเจ้าแล้วนะเพ่ยตรง"ฟงเกาช่วยห้ามอีกแรง"องค์ชายไม่ได้เป็นเพ่ยตงองค์ชายไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่าท่านน้าสำคัญกับข้าเพ่ยตงแค่ไหน""จะบอกว่าเจ้าเจ็บแค้นคนเดียวหรือไร ฝ่าบาทตอนนี้ก็อยู่ในมือของพี่รองเป็นตายเท่ากัน คิดว่าข้าไม่ร้อนใจหรือไร""แล้วจะปล่อยคนชั่วไว้ทำไมกัน"“เจี้ยนหลิงเจ้าว่าอย่างไร”"ข้าตอนนี้แทบกระอักเลือด เสี่ยวหลินจะต้องชดใช้เรื่องที่นางทำกับท่านแม่ข้าไม่มีทางอภัยให้นาง แต่ไม่ใช่ตอนนี้หากทำการวู่วามไปนอกจากจะไม่ได้แก้แค้นบางทีกลัวว่าจะไม่อาจรักษาชีวิตไว้”“เราทั้งสามเข้าตาจน ตอนนี้คงต้องเร้นกายที่นี่แต่กลัวเหลือเกินว่าจะทำให้เยว่เหนียงได้รับความเดือดร้อน” เพ่ยตงกล่าวขึ้น“ท่านรองแม่ทัพไม่ต้องกังวล ที่นี่มีห้องลับมากมาย อีกอย่างโรงเตี๊ยมของเยว่เหนียงห่างไกลจากวังหลวง คงไม่มีใครให้ความสนใจหรือหากจะมีใครมาค่ายกลที่สร้างไว้ก็พร้อมที่จะเปิดใช้งาน”“รบกวนแม่นางเยว่เหนียงแล้ว”ฟงเกาประสานมือตรงหน้าเยว่เหนียง“ไม่อาจรับไว้ได้ เยว่เหน
ชักกระบี่ออกจากอก เลือดสีแดงพุ่งดั่งเขื่อนแตก ซูหลานกำอาภรณ์ไว้แน่น เสี่ยวหลิน สะบัดตัวปล่อยร่างของซูหลานฟุบลงกับพื้น ใต้เท้าหลินถลาเข้าหอบร่างของซูหลานไว้แนบอกน้ำตาไหลริน“ข้าขอโทษข้าขอโทษ ซูหลานข้าขอโทษ”“ท่านพี่ ปกป้องเจี้ยนหลิงให้ข้าด้วย ปกป้องลูกของเราด้วย” กระอักเลือดสดสดออกมาก่อนที่จะสิ้นลมไปต่อหน้าต่อตาใต้เท้าหลินตำหนักม่านฟ้า องครักษ์กรูกันเข้ามาล้อมฟงเกาที่นั่งไขว่ห้างแสร้งจิบชาสบายอารมณ์ทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น“พวกเจ้ารับบัญชาไท่จือ จงใจเป็นศัตรูกับข้าใช่หรือไม่”“องค์ชาย ไท่จือให้กักบริเวณองค์ชายให้อยู่แต่ในตำหนักม่านฟ้า”“คิดว่าจะกักขังข้าได้หรือ” ลุกขึ้นยืนคว้ากระบี่ที่ซ่อนไว้ใต้โต๊ะเครื่องเสวย ชักมันออกจากฝักง่ายดาย องค์รักษ์ต่างตกตะลึงเพราะไม่มีใครรู้ว่าฟงเกาเชี่ยวชาญวรยุทธ์มาก่อน“เข้ามา พร้อมกันข้าจะได้เลือกว่าจะฆ่าใครก่อน”องครักษ์มองหน้ากันเลิกลักก่อนจะ พุ่งทะยานเข้าใส่ ฟงเกาด้วยคิดว่าเป็นต่อ กระบี่ในมือถูกสะบัดไปในอากาศ เพียงพริบตาเดียวเหล่าองครักษ์ต่างล้มลงกับพื้นโอดโอยบ้างก็หนีตายบ้างก็ทรุดกายลงด้วยยอมจำนน“คิดจะกักขังข้า ไม่มีทางเจ้าคิดผิดแล
"ฝ่าบาททรงพระประชวรอย่างหนัก เพียงชั่วข้ามคืน"ซูหลานกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ท่านแม่ คงเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก""ระหว่างนี้เจ้าต้องระวังตัวเมื่อเข้าไปในวังหลวง พวกเรายังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด”"ลูกทราบแล้ว ขอบคุณท่านแม่ที่ห่วงใยองค์ชายรองรีบรุดอาสาดูแลฝ่าบาท ลูกกลัวเหลือเกินว่านี่จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนมือ""เพ่ยตงมาลา"ลอบมองสีหน้าของเจี้ยนหลิง"ลา ในยามนี้เขาทิ้งเรา ร่ำลาไปที่แห่งใดกัน"ใต้เท้าหลินสาวเท้าเข้ามาในห้อง"ฝ่าบาทมีบัญชาแต่งตั้งองค์ชายรองในตำแหน่งไท่จือทันที"ใต้เท้าหลินเองก็มีสีหน้ากังวลไม่น้อยไปกว่าสองคนแม่ลูกในเมื่ออำนาจเปลี่ยนมือฝ่าบาทประชวรคนที่มีอำนาจสั่งการทั้งหมดจะต้องเป็นไท่จือ"ท่านพี่ฝ่าบาททรงพระประชวร เช่นไรจึงเร่งรีบแต่งตั้งเพียงนี้""อ้างว่า ไร้คนบัญชาการเรื่องราวต่างๆ ในวังหลวง จึงต้องมีการตัดสินใจในทันที มีทั้งตราประทับ และร่างอักษรในการแต่งตั้งไท่จือที่เป็นลายพระหัตถ์ของฝ่าบาทนัยว่าร่างไว้นานแล้วแต่ยังไม่ได้บัญชาออกไป"ซูหลานสบตากับเจี้ยนหลิง"เจ้าไปเสียก่อน เจี้ยนหลิงออกไปจากเขตวังหลวงเรื่องราวสงบลงเมื่อไหร่ค่อยกลับมา"ดึงตัวเจี้ยนหลิงให้ลุกขึ้น"เจ้ากังวลเก
เสี่ยวหลินยิ้มหยัน อยู่ตรงหน้า"ทานรองแม่ทัพ ยอมจำนนแล้วหรือเจี้ยนหลิง คนที่หมายปองนางสูงศักดิ์อีกทั้งยังเหนือกว่าไม่ยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ เกรงว่าจะต้องเป็นท่านที่ต้องยอมแพ้เสียก่อน ""ข้าไม่เคยยอมจำนนที่จะภักดีกับคุณหนูตลอดไป"เสี่ยวหลินสีหน้าสลดลงลงทันทีสิ่งที่ไม่อาจตัดทิ้งไปได้คือความรู้สึกที่มีต่อเพ่ยตง"เสี่ยวหลินเอาใจช่วย ให้ท่านสมหวังแม้ข้าจะไม่ชอบพี่สาวเท่าไหร่ก็ตาม"เพ่ยตงสาวเท้าจากไปไม่อยากมองภาพบาดตาตรงหน้า"ปล่อยข้านะ"เจี้ยนหลิงผลักร่างสูงออกห่างแต่กลับถูกแขนอุ่นดึงรั้งร่างบางเข้าหาตัว เจี้ยนหลิงเบือนหน้าหนีอีกคนเชยคางมนให้สบตาคม"เจ้า ถึงจะบอกว่าไม่ชอบข้ารังเกียจข้า แต่ให้รู้ไว้ว่าฟงเกาคนนี้ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายดาย”“องค์ชาย เร่งรัดเจี้ยนหลิงมากไป”“เสด็จพ่อมีพระประสงค์ประทานงานแต่งงานให้เราสองคน แต่ข้าขอเวลากับเสด็จพ่อว่าไม่อยากหักหาญน้ำใจเจ้าให้เจ้ามายินยอมด้วยตัวเอง ในการที่จะแต่งกับข้า”เจี้ยนหลิงถอนหายใจยาว“อย่างที่บอกข้าไม่มีทางยอม แม้เจ้าจะบอกว่าไม่ชอบข้าก็ตามสักวันข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่า ข้าปรารถนาดีกับเจ้าที่สุด”ปล่อยมืออกช้าๆ เจี้ยนหลิงก้มหน้าด้วยภายในใจ ไม่อาจบรรยายออ
ฟงเกาถามขึ้น เจี้ยนหลิงพยักหน้าช้าๆ"มิน่าล่ะพี่ใหญ่ถึงบอกให้ข้าช่วยปกป้องพระสนม พี่ใหญ่รู้ดีว่ามีคนตั้งใจเล่นงานพี่ใหญ่และพระสนม""เจ้าบอกว่ามีสองผืน"หยางฟงหยางถามขึ้น เจี้ยนหลิงล้วงเอากล้องไม้ที่ใส่ ผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อขันทีชรารับมามอบให้หยางฟงหยาง ที่เปิดมันออกช้าๆ"ผ้าผืนนั้นคือผ้าเช็ดหน้าที่พระสนมตั้งใจมอบให้องค์ชายแต่แรก"ฮ่องเต้หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาพิศดูกลิ่นหอมของดอกฉางชุนฮวา (ดอกกุหลาบ) หมายถึงความสุขสดชื่นตลอดสี่ฤดูของจีน ในตอนแรกเจี้ยนหลิงรู้สึกหนักอึ้งกับการที่สนมจูจิวกับผ้าเช็ดหน้าไว้อย่างดีและยังมีกลิ่นหอมเหมือนกับตั้งใจทะนุถนอมของสิ่งนี้ด้วยความรักแต่เมื่อลองคิดดูจากกลิ่นหอมของฉางชุนฮวาจึงได้เข้าใจความหมายชัดเจนจึงกล้าที่จะนำเสนอความจริงต่อหน้าฮ่องเต้ ดอกกุหลาบแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจมิได้เคลือบแฝงแค่อยากให้ผู้รับมีความสุข"ข้าตัดสินใจแล้ว ว่าจะประทานงานแต่งให้กับสนมจูจิวและฟงฉานเสีย ข้าเองก็อายุมากแล้ว ควรเลิกที่จะให้มีการคัดเลือกสนมในปีต่อไป""ฮ่องเต้ ผิดธรรมเนียมยิ่งนัก เพราะเหตุใดถึงได้ละเว้นธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้""เสด็จแม่ ลูกแค่รู้สึกว่าฟงฉานกว่าจะหาคนที่ด
"องค์ชายใหญ่ผู้รัดกุมแต่ใจอ่อน คงเสียใจไม่น้อยที่ไม่อาจช่วยสนมจูจิวได้แล้วตัวเองยังต้องมาถึงคราวซวยด้วย”ไทเฮายิ้ม“เสด็จย่า มือสังหารหนีไปได้คนหนึ่งอีกคนถูกฆ่าตาย” ไทเฮา ส่ายหน้าไปมา“ข้าส่งคนตามตัวมือสังหารอีกคนให้พบโดยเร็ว เรื่องนี้จะให้แพร่งพรายไม่ได้เด็ดขาด”“เจ้ารองแม่ทัพเพ่ยตง ยื่นมือเข้ามาช่วยความจริงข้าควรจะรับความดีความชอบไปเพียงลำพัง ให้เสด็จพ่อเห็นว่าข้าพร้อมพลีชีพเพื่อเสด็จพ่อ”“แค่นี้ฮ่องเต้ก็เมตตาเจ้าขึ้นมาไม่น้อย เดิมฮ่องเต้ก็รักเจ้ากว่าองค์ชายคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว เกิดเรื่องเช่นนี้ยิ่งจะทำให้เจ้าได้ใจฝ่าบาท”“คิดไม่ถึงว่า เจ็บตัวเพียงนิดก็ทำให้เสด็จพ่อ กลับมามองข้าเสียใหม่”กระหยิ่มยิ้มย่อง“ต่อไปทำสิ่งใดต้องระวังให้มากก่อนหน้านั้นเจ้าทำตัวตามใจจนทำให้ตำแหน่งไท่จือหลุดมือไปได้ คราวนี้หากได้ตำแหน่งไท่จือคืนมาจะต้องแนบเนียนกว่านี้ อย่าได้ทำตามใจเหมือนครั้งก่อน”ตำหนักฮ่องเต้“ฟงเกาถวายพระพรเสด็จพ่อ”“ เพ่ยตงถวายพระพรฝ่าบาท”“อ่อ เจ้าห้า เพ่ยตง อย่าบอกนะว่าพร้อมใจกันมา ขอร้องข้าเรื่องเจ้าใหญ่”“เสด็จพ่อ ลูกเรื่องนี้ไม่ยุ่งแต่มีเรื่องหนึ่ง ที่รู้ว่ามันไม่ถูกต้องจึงจำต้องมาช่วย
“โบยนาง โบยจนกว่านางจะรับสารภาพ ว่าเป็นคนส่งผ้าเช็ดหน้านั้นให้องค์ชายใหญ่ด้วยมีใจปฏิพัทธ์ต่อองค์ชายใหญ่”“ไทเฮา จูจิวไม่เคยทำเรื่องเช่นนั้นได้โปรดเมตตา”จูจิวถูกดึงตัวไปนอน คว่ำหน้าแผ่นหลังถูกฟาดลงด้วย ท่อนไม้ในมือขันทีสุดแรง“วังหลวงไร้ฮองเฮาข้าเป็นคนดูแลวังหลังเจ้าทำผิดข้าสั่งลงทัณฑ์ ยังจะขอความเมตตาอย่างนั้นใครทำผิดก็ขอความเมตตา เรื่องที่เจ้าทำต่ำช้ายิ่งนักไม่อาจอภัยให้ได้ โบยนาง”“ไทเฮาได้โปรด ผ้าเช็ดหน้าอันนั้น เป็นข้าน้อยที่ปักเองกับมือพระสนมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”ออกรับแทน จูจิวด้วยความสงสาร“โกหกเจ้าอย่าได้มาใช้คำโกหกของเจ้าปกป้องนาง ข้าเคยถามเจ้าแล้วว่าใครกันที่เป็นผู้ปักลวดลายลงบนผ้าเจ้ากลับบอกว่าเป็นพระสนมจูจิว”“ลวดลายบนผ้าไม่ได้มีรูปนกหยวนหยางคู่ ต้องมีใครเล่นตลก”ตั้งข้อสงสัย“เจ้าคิดว่าข้าใส่ร้ายเจ้าหรือไร โบยนางด้วยอีกคน บังอาจใส่ความข้า”เสียงตวาดลั่นของไทเฮาไม้ท่อนถูกโบยลงบนหลังของสนมจูจิวแต่ละไม้ ส่งผลให้เลือดไหลซึม เพียงสิบไม้นางก็สลบไสล“ไทเฮาเพคะ พระสนมสิ้นสติไปแล้ว”ยิ้มมุมปาก“ดี โบยจนกว่านางจะฟื้นยอมรับผิดเรื่องที่ ทำ”เจี้ยนหลิงรีบสาวเท้าเข้ามาขว้างไว้ทันที“หยุด
หยางฟงหยางถอนหายใจ องค์ชายใหญ่ก้าวขาเข้ามาข้างใน“น้องรองเป็นอย่างไรบ้าง”"สาหัสยิ่งนักเจ้าใหญ่ เห็นหรือไม่น้องต้องลำบากเพียงใด แต่เจ้ากับเอาเวลาไปไล่จับกระต่ายสบายใจ”ไทเฮาพูดขึ้นดังๆ “เสด็จย่า หลานนั่งอ่านฎีกาแทนเสด็จพ่อ ไม่ได้เอาเวลาไปจับกระต่าย อะไรที่เสด็จย่าพูดถึง”“ฮึฮึ ก่อนหน้านั่นใครบ้างจะไม่รู้ว่า องค์ชายใหญ่กับตำหนักปงเปียงความสัมพันธ์ แนบแน่นเพียงใด”“เสด็จย่าหลานมาเพราะห่วงน้อง หากเสด็จย่าจะพูดเรื่องนี้ให้หลานเสียหาย เกรงว่า เสด็จพ่อจะเข้าใจหลานผิดไปอีกคน เห็นทีฟงฉานคงต้องทูลลา”ไทเฮาหน้าเง้า ดึงผ้าเช็ดหน้าที่ปักลวดลายดอกท้อฝีมือของจูจิวออกมายื่นส่งให้หยางฟงหยาง“เสด็จแม่นี่คือ”“เป็นผ้าเช็ดหน้าที่สนมคนใหม่ของเจ้าส่งให้กับองค์ชายใหญ่ฟงฉานแทนคำขอบคุณที่เขาจับกระต่ายของนางไปคืนยังตำหนักปงเปียง”ฮ่องเต้คลี่ผ้าเช็ดหน้าออกดู ลวดลายดอกท้องดงาม แต่ด้านล่างมีนกหยวนหยางคู่ เคียงข้างฟงฉาน ทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น“เสด็จพ่อโปรดไตร่ตรองมีคนใส่ความพระสนม ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ลูกส่งคืนนางไม่อาจรับไว้แต่นั่นเป็นเพียงลวดลายดอกท้อหาได้มีลวดลายนกหยวนหยางไม่” ฮ่องเต้ปาผ้าเช็ดหน้าบนใบหน้าของฟงฉ
“ฆ่า”กระบี่ในมือมือสังหารหันคมกระบี่พุ่งเข้าใส่หยางฟงหยางฟงฉี ยกมือขึ้นกางกั้นหยางฟงหยางไว้ มือสังหารกระโดดเข้าประชิดตัวเสียงคมกระบี่ปะทะเข้ากับของแข็งดังลั่น ฟงฉีนั่นเองที่ชักกระบี่ออกมาต่อกรกับมือสังหาร ทั้งสองคน กันขันทีชรากันหยางฟงหยางออกจากที่นั่น ปะปนไปกับฝูงชนที่วิ่งหนีแตกตื่น ฟงฉีตวัดกระบี่เข้าใส่มือสังหารสองสามครั้ง ก่อนที่คมกระบี่จะลิ้มรสเลือดเนื้อของฟงฉีแขนข้างซ้ายถูกคมกระบี่เป็นทางยาว หยางฟงหยางถลาเข้าใส่ฟงฉีที่ล้มลงทั้งยืนเสียงวิ่งพร้อมเพรียงของเหล่าองครักษ์และทหารยามโดยการนำของเพ่ยตง“จับตัวคนร้าย อย่าให้หนีรอดไปได้”เพ่ยตงชักกระบี่วิ่งเข้าใส่มือสังหาร องครักษ์และทหารยามวิ่งเข้ามาประคองฟงฉีที่เลือดสดสดไหลหยดเป็นทาง หยางฟงหยางขมวดคิ้ว“มือสังหารพวกนี้มาได้อย่างไร”ขันทีส่ายหน้าไปมา หน้าซีดเผือด“ถวายพระพรฝ่าบาท”เหล่าหทารยามและองครักษ์ต่างทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นไม่คิดว่าจะเป็นหยางฟงหยางเพ่ยตงทะยานตามติดมือสังหารที่หนี ลัดเลาะไปบนหลังคาอย่างไม่ลดละ“พวกเจ้ามาทันเวลาพอดี”เอ่ยปากกับองค์รักษ์แต่มองตามเพ่ยตง“ข้าน้อย สังกัดท่านรองแม่ทัพเพ่ยตออกลาดตะเวณ ในยามค่ำคืน พอดีมาป
“พี่สาวข้าไม่อยากแต่งกับไท่จือ”หลินเสี่ยวหลิน ทำสีหน้าเศร้าสร้อย เหมือนกับจะตายดับลงตรงหน้า“ท่านพ่อหมายมั่นให้เจ้าจะต้องแต่งกับไท่จือ”หลินเจี้ยนหลิงเอ่ยเรื่องจริงที่ถูกวางไว้แล้วไม่มีทางเป็นอื่นก็ในเมื่อมันเป็นเช่นนั้นและจะเป็นเช่นนั้น“ท่านพ่อคงเห็นว่าข้าไร้ซึ่งปากเสียง ต่างจากท่านที่มักจะเก่งกาจเกินหญิง ท่านมีความสามารถรอบด้าน มีคนนับหน้าถือตามากมายอีกทั้งยังกล้าที่จะต่อคำท่านพ่อ ชีวิตท่านจึงไม่ต้องถูก ….กดดันเช่นข้า”น้ำเสียงตัดพ้อจนน่าสงสารหลินเจี้ยนหลิงก็ยังคงสงสารนางเช่นเดิมสินะ“เจ้าดีกว่าข้ามากนักเสี่ยวหลิน อย่างน้อยมารดาของเจ้าก็ไม่บังคับให้เจ้าทำเรื่องที่หนักเกินไป ข้าแต่เดิมต้องอ่านหนังสือจนดึกดื่น ตื่นตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่อที่จะมาท่องตำราแล้วยังต้องเก่งเหนือใคร ส่วนเจ้ามารดาของเจ้าแม่เล็กแค่เพียงให้เจ้าเย็บถุงหอม ทำน้ำอบก็เท่านั้น"“แล้วทำไมต้องเป็นข้า เดิมข้าอยู่แบบนี้ก็มีความสุขแล้ว ไม่เคยได้ออกไปเที่ยวเล่นผิดกับท่านที่วันๆ ขี่ม้าล่าสัตว์ฝึกกระบี่ ยิงธนูล้วนมีแต่เรื่องที่สนุกสนาน”“เสี่ยวหลินกว่าข้าจะได้มีชีวิตอิสระเจ้ารู้หรือไม่ข้าต้องผ่านอะไรมาบ้าง เคยถูกท่านแม่ตีจนปางต...
Comments