"เสี่ยวหลินรู้ดีว่าตำแหน่งไท่จือเฟยสำคัญกับพี่สาวเพียงใด ท่านแม่บอกข้าว่า ท่านแม่...ของพี่สาวลงโทษพี่สาว ข้าเสี่ยวหลินรู้สึกผิดยิ่งนัก แต่ไม่ใช่ข้าที่เป็นผู้กะเกณฑ์เรื่องนี้ หากไม่ใช่ประสงค์ของไท่จือแต่ก็อีกนั่นแหละ ข้าเป็นไท่จือเฟยแล้วเป็นคนของไท่จือแล้ว ข้ารู้ว่าพี่สาวไม่ยอมรามือแน่ ข้ารู้จักท่านดี หากว่าท่านจะแค้นเคืองโปรดให้เป็นเสี่ยวหลินเถิด"
ถอนหายใจเบือนหน้าหนี
เจี้ยนหลิงลุกขึ้นยืนกอดอก ความจริงเมื่อฝ่าบาทมอบตำแหน่งองครักษ์หญิงให้กับเจี้ยนหลิง ความบาดหมางเบาบางลงไป หากเสี่ยวหลินไม่มาพูดอะไรทำนองนี้อีก ตำแหน่งสำคัญนี้คงพอกู้หน้าให้กับมารดาของเจี้ยนหลิงได้
"ข้าไม่รับปาก"
ด้วยนิสัยของเจี้ยนหลิงจะยอมง่ายๆ ไม่ใช่เจี้ยนหลิงแต่น้องสาวไม่ได้ผิดอะไร
หันมาจับไหล่บางของเสี่ยวหลินให้ลุกขึ้นแม้จากปากแข็งเพียงใดแต่เมื่อเป็นเสี่ยวหลินเจี้ยนหลิงมักจะยอมใจอ่อนเสมอ
"ข้าไม่ลุก จนกว่าท่านจะยอมรับปากว่าจะไม่แค้นเคืองไท่จือ"
เหมือนเข้ามานั่งในใจ หรือต้องการอวดความภักดีที่มีต่อไท่จือ
"ความจริงเป็นเจ้าที่สับปลับในตอนนั้น เป็นเจ้าที่บอกข้าว่าไม่อยากรับตำแหน่งไท่จือเฟย ข้าจึงคาดหวังและทุ่มเท หากเจ้าไม่พูดเช่นนั้นยอมรับเสียว่าอยากเป็นไท่จือเฟยข้าคงไม่ต้องลงแรง ถึงคราวนี้จะมาบอกว่าให้ข้ารามือ จะไม่ง่ายไปหน่อยหรือไท่จือเฟย"
"พี่สาวไท่จือเป็นสามีข้าและข้าก็ ..ก็รักไท่จือ เราสองคนพี่น้องไม่ว่าใครเป็นไท่จือเฟย ก็ล้วนแต่เชิดชูตระกูลหลินท่านใจคอคับแคบเช่นนี้ ข้าก็คงจะต้องยืนยันว่าข้าจะคุกเข่าอยู่แบบนี้"
เจี้ยนหลิงหันหลังเดินหนีไม่อยากเห็นแววตาเศร้าสร้อยของเสี่ยวหลินเกรงว่าจะอดใจอ่อนกับนางเสียไม่ได้
เสี่ยวหลินคลานเข่า ตามเจี้ยนหลิงยื้อยุดไม่ให้เจี้ยนหลิงไป
"พี่สาวท่านกำลังโกรธ ท่านไม่ยอมฟังเหตุผลของข้า"เสี่ยวหลินยื้อชายเสื้อของเจี้ยนหลิงไว้
"เจ้าอยู่ที่นี่ในตำแหน่งไท่จือเฟย ทำหน้าที่ของเจ้า ส่วนข้าก็จะทำหน้าที่ของข้าให้ดีเช่นกัน"
สะบัดมือดึงชายเสื้อคลุมด้วยความรำคาญ เสี่ยวหลินกับเซถลาด้วยแรงน้อยและไม่ทันระวังตัวหรือวาเสแสร้งไม่อาจดูออก ล้มลงกับพื้น เพียงพริบตาหยางฟงฉีมาจากไหนไม่รู้เข้าถึงตัวผลักเจี้ยนหลิงจนเซถลาไปอีกทางพยุงร่างบางของเสี่ยวหลินให้ลุกขึ้น
"เจ้า เจ้ามาตามราวีเสี่ยวหลินถึงนี่เลยหรือ ข้าคิดไว้ไม่มีผิดเจ้ามันช่างร้ายยิ่งนัก ร้ายสมกับคำร่ำลือ"
แววตาเกลียดชังของหยางฟงฉี ทำเอาเจี้ยนหลิงถึงกับยิ้มมุมปาก แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครกล้าด่าว่าเจี้ยนหลิงนอกจากมารดา
พุ่งตัวเข้าใส่ ตั้งใจซัดฝ่ามือเข้าที่อกของไท่จืออย่างแรง แต่ทว่าเสี่ยวหลินเหมือนจะรู้ทันความคิดของเจี้ยนหลิงพลิกตัวขวางไว้ ฝ่ามือของเจี้ยนหลิงซัดเข้าที่แผ่นหลังของเสี่ยวหลินเต็มเปาทั้งๆ ที่ยั้งมือไว้
"เจ้า"
หยางฟงฉีผลักเจี้ยนหลิงอีกครั้ง
"อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก อย่าได้อาศัยอำนาจและกำลังของเจ้ามารังแกไท่จือเฟยของข้า แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือน"
เจี้ยนหลิงกำลังตกใจที่เผลอซัดฝ่ามือด้วยความโมโหใส่เสี่ยวหลินร้อยวันพันปีเจี้ยนหลิงไม่เคยลงมือกับเสี่ยวหลินมาก่อน
"ออกไปจากตำหนักบูรพาของข้าได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า"
เจี้ยนหลิงยิ้มหยัน คิดหรือว่าเจี้ยนหลิงอยากมาที่นี่ คงคิดว่าเจี้ยนหลิงอยากเป็นไท่จือเฟยจนตัวสั่น คิดผิดแล้วหากไม่มีความคาดหวังของมารดา เจี้ยนหลิงไม่มีทางลงแรง ก้าวเดินออกจากตำหนักบูรพาด้วยความรู้สึกว่าวันนี้ไม่ใช่วันของเจี้ยนหลิง
"เจ้าเจ็บตรงไหน ใครก็ได้ตามหมอหลวง"
เสียงของหยางฟงฉียังตามมาหลอกหลอน เจี้ยนหลิงยิ้มหยันเป็นเช่นนี้จึงดี จะได้รู้ดำรู้แดงกันไป
ใต้เท้าหลิน กับฮูหยินรองตระกูลหลิน
“ท่านพี่ เสี่ยวหลินไม่ได้มีเจตนาแย่งชิง”
“ข้ารู้แล้ว เจ้ากับลูกอยู่อย่างเจียมตัวมาตลอด ครั้งนี้เป็นที่ข้าและซูหลานที่คาดหวังในตัวของ เจี้ยนหลิงมากไป”
“ท่านพี่ ข้าสงสารคุณหนูใหญ่ นางถูกพี่หญิงเฆี่ยนตี ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า เสี่ยวหลินมีความสุขในตำแหน่งไท่จือเฟย คุณหนูใหญ่ที่ถูกเคี่ยวเข็ญมาตลอดกับต้องแบกรับความอัปยศไม่สู้เลี้ยงนางให้อ่อนหวานต้องตาบุรุษเช่นเสี่ยวหลิน ดีที่ฝ่าบาทมอบตำแหน่งองครักษ์ให้ปลอบใจ”
“ซูหลานเป็นถึงองค์หญิงมาก่อนเรื่องการเลี้ยงดูเจี้ยนหลิงข้าไม่อาจก้าวก่าย”
“ท่านพี่เช่นนั้นพี่หญิงก็จะคอยเฆี่ยนตีคุณหนูใหญ่อยู่แบบนั้น”
“เจ้าก็คอยปกป้องนางอยู่แล้วมิใช่หรือ เป็นเจ้าที่ตามใจนางยิ่งกว่าซูหลาน”ฃ
หลินลี่หลินหลบตาซ่อนความจริงในใจ
“ครั้งนี้ ฝ่าบาทประทานตำแหน่งพิเศษให้พี่หญิงคงจะพอใจไม่น้อย อย่างน้อยก็ลบคำครหาจากชาวบ้าน”
“ฝ่าบาทคิดอะไรข้าไม่อาจคาดเดาได้ ตำแหน่งของเจี้ยนหลิงไม่ธรรมดา นางสามารถใช้คำพูดของตัวเองต่างคำบัญชาฝ่าบาทได้ อำนาจนี้แม้แต่ไท่จือกับฮองเฮายังไม่อาจเอื้อม” หลินลี่หลินซ่อนความรู้สึกริษยา แกล้งยิ้มหวานกลบเกลื่อน“นางเป็นหญิงแม้จะมีอำนาจแต่หากเหล่าขุนนางไม่ให้ความย้ำเกรงก็ ไม่อาจคลุมคนได้”“เกรงว่าเป็นฝ่าบาทที่จะสั่งสอนเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์โดยการยกย่องเจี้ยนหลิงและจะต้องมีใครสักคนเป็นตัวอย่างให้ขุนนางคร่ำครึเหล่านั้นรู้ว่า เจี้ยนหลิงมีอำนาจในมือจริงไม่ควรค่อนแคะนินทานาง”"ท่านพี่เสี่ยวหลินจำเป็นต้องมีสาวใช้ติดตามที่รู้ใจคอยรับใช้ใกล้ชิดอยู่ที่ตำหนักบูรพาจะต้องไม่ให้ใครค่อนแคะได้ว่าไท่จือเฟยเป็นเพียงลูกอนุ""ส่งสาวใช้ในบ้านให้นางเสียสองคน คัดเอาคนที่สนิทชิดเชื้อกับ เสี่ยวหลินจึงดี"หลินลี่หลินยิ้มพราวเพ่ยตงเดินกอดกระบี่ตามเจี้ยนหลิงในตลาดที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน"นั่นอย่างไรเล่า บุตรีคนโตของบ้านหลิน ท่าดีทีเหลว ในครั้งแรกที่เห็นยิ่งใหญ่เหนือใครแต่สุดท้ายน้องสาวจากเมียอนุของใต้เท้าหลินก็รั้งตำแหน่งไท่จือเฟย"เจี้ยนหลิงยิ้มก้าวเข้าหาคนพูด"เจ้าพูดถึงข้าใช้ไหม""ชะชะใช้ เจ้าจะทำไม"ยัยป้าร
หยุดเดินแต่ไม่ยอมหันมาเผชิญหน้าเจี้ยนหลิง"อย่าเรียกข้าแบบนั้น สิ่งนี่เป็นความอัปยศที่สุดในชีวิตข้า""ไม่จริงหรอก เช่นนั้นองค์ชายจะอ้างความเป็นองค์ชายห้าทำไมกัน""เจ้าเคยเห็นคนขลาดเขลา เวลาเอาตัวรอดหรือไม่ คิดเรื่องใดไม่ออกมักจะอ้างสิ่งที่คิดว่าจะทำให้คนอื่นกลัว"เจี้ยนหลิงยิ้ม รู้ดีว่าคนผู้นี้มิได้ขลาดเขลา"เชิญองค์ชาย เจี้ยนหลิงหวังว่าโอกาสหน้าจะได้พบกันอีก"หยางฟงเกาก้าวขาจากไป"ไม่น่าต้องชักกระบี่ ปกติเพ่ยตงไม่ชักกระบี่ง่ายๆ ""กลัวว่าคุณหนูจะเป็นอันตราย ข้าประเมินพวกมันสูงไปหน่อย"กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เจี้ยนหลิงอมยิ้มส่ายหน้าไปมาตำหนักบูรพาเสี่ยวหลินขยำเทียบเชิญในมือปาลงกับพื้น"ไท่จือเฟย เพ่ยตงส่งเทียบเชิญ"สาวใช้ที่ฮ่องเต้ประทานมาเอ่ยออกมาอย่างนอบน้อม เสี่ยวหลินหันมายิ้มอ่อนหวาน"เตรียมของฝากให้พี่สาว ข้าจะเลือกของที่ดีหน่อย เจ้ายกหีบเครื่องบรรณาการของไท่จือที่ต่างแคว้นนำมาถวายให้ข้าเลือกที คงต้องใช้เวลาเลือกเสียนานหน่อย สำหรับพี่สาวเจี้ยนหลิงจะต้องเป็นของที่คู่ควร"สาวใช้จากไปเสี่ยวหลินเปลี่ยนสีหน้าเป็นกังวลใจยิ่งนัก"นางตั้งใจเอาคืน"เกี้ยวของตำหนักบูรพาหยุดนิ่งหน้าตระ
ใต้เท้าหลินตัดบท เจี้ยนหลิงย่อกาย นี่แค่เพียงตักเตือนรู้ดีว่าจากนี้ไปต่างหาก คือของจริง"ท่านพ่อ แม่ใหญ่ท่านแม่แล้วก็พี่สาวข้าเตรียมของกำนัลให้พวกท่านมากมาย" สาวใช้ยื่นส่งของกำนัลใส่ในมือให้เสึ่ยวหลินแจกจ่ายแก่ทุกคน“พี่สาวนี่ของท่านข้าเสี่ยวหลินเลือกเองกับมือ เพื่อระลึกถึงความสัมพันธ์ของเราหวังว่าพี่สาวจะรับมันไว้”เจี้ยนหลิงรับกล่องโลหะมาคลี่ออกดูข้างในนั้นเป็นน้ำตาลก้อน กับเก้าห่วงปริศนา (เก้าห่วงปริศนา (九连环) ถือเป็นของเล่นที่ได้รับความนิยมและมีความซับซ้อนมากกว่า โดยผู้เล่นต้องขบคิดหาวิธีนำห่วงทั้งเก้าที่คล้องเกี่ยวกันอยู่นั้นย้ายขึ้นและปลดลงให้ได้ ดังนั้น การเล่นและแก้เกมเก้าห่วงปริศนานี้จึงถือว่าช่วยเสริมสร้างทักษะให้กับเด็กได้เป็นอย่างดี)“พี่สาวถูกใจหรือไม่ จำได้ไหมครั้งนั้นข้าเคยแอบหยิบของเล่นของท่านไปด้วยความอยากลองเล่นตามประสาเด็กๆ ท่านกลับสั่งให้ข้ายืนคาบเก้าห่วงอันนั้นจนถึงยามเช้าข้าเพียงแค่ระลึกถึงความหลัง ของชิ้นนี้เป็นหนึ่งใบบรรณาการของไท่จือจากต่างแคว้น ข้าจึงเลือกหยิบมาให้พี่สาว”เจี้ยนหลิงยิ้ม“ของของข้า ก็คือของข้าของชิ้นไหนที่ไม่ใช่ของข้า ข้าไม่เคยคิดแย่งชิงมันจากผู
ร้องโอดโอ๊ย ก่อนจะหมดสติไปในอ้อมแขนของหยางฟงฉี“องครักษ์ ส่งคนไปจับตัว เจี้ยนหลิงนางวางยาไท่จือเฟย”วังหลวง สามวันต่อมาหลังจากที่ เสี่ยวหลิน เพิ่งจะฟื้นคืนสติด้วยการรักษาอย่างสุดกำลังของหมอหลวง“ตรวจไม่พบพิษ ไม่มีหลักฐาน ไท่จือเจ้ายังกล้ากล่าวหานาง”“ท่านพ่อ เป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อ….”“ในเมื่ออะไรกัน ครั้งนั้นเจ้าเองก็ให้ขันทีตรวจสอบพิษแล้ว”หยางฟงฉี ถอนหายใจ ในเมื่อเขาเองสับเปลี่ยนจานขนมและยังให้สั่งให้เสี่ยวหลินทำแบบเดียวกับเขา จะเป็นไปได้อย่างไรที่นางจะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมเขาหากเป็นเช่นนั้นนางก็ต้องจงใจใส่พิษไว้ในจานถัดมาเสมออย่างนั้นหรือ นับว่านางอ่านใจเขาได้แต่แทบจะไม่มีทางจะเป็นไปได้ใครกันจะคิดได้แบบนั้น“เสด็จพ่อลูกไร้คำแก้ตัว”พิษชนิดนั้นคือพิษใดกันแน่แม้แต่ขันทียังตรวจสอบพิษไม่ได้ ทั้งๆที่หมอหลวงบอกว่าเสี่ยวหลินต้องพิษอย่างแน่นอน พิษนั้นทำร้ายช่องท้องของนางจะเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่อาจตรวจสอบพิษได้ มีพิษชนิดนั้นอยู่ด้วยหรือ แต่เมื่อไร้ซึ่งหลักฐานเขาแค่เพียงต้องประเมินหลินเจี้ยนหลิงคนนี้ให้สูงขึ้นกว่าเดิม คนเช่นไรจึงจะ สามารถปรุงยาพิษชนิดที่ไม่อาจตรวจสอบพิษได้“เจ้าส่งคนจับตัวนาง
"หากเป็นเรื่องนั้น คงไม่ต้องให้ขันทีเข้าไปที่บ้านหลิน ป่านนี้เจี้ยนหลิงคงถูกคมกระบี่จ่อที่คอ เพราะเหล่าองครักษ์คงแห่กันไปที่ตระกูลหลินอย่างพร้อมเพรียง"ฮ่องเต้พยักหน้า มิใช่เพียงหญิงงามแต่นางฉลาดจนคาดไม่ถึง คำพูดจาไม่เผยจุดอ่อนแต่สามารถพูดให้คนคล้อยตามได้ง่าย"นั่นสินะ ข้าน่าจะส่งองครักษ์ไปแสร้งให้เจ้าหวาดกลัว""เจี้ยนหลิงก็คงสู้ตายเช่นเคย""อืมไร้ความผิด ไร้การกล่าวโทษ จึงต้องสู้ตายสินะ หรือว่าเป็นความไม่ยอมใครของเจ้า บางทีไท่จือเฟยนางอาจป่วยไข้หรือหมอหลวงอาจวินิจฉัยผิดไป"ชี้ช่องเสียเองเพื่อป้องเจี้ยนหลิงต่อไปเรื่องที่คนอื่นพูดก็คงเป็นแนวทางเดียวกันกับที่หยางฟงหยางพูด"เพคะ"แต่เพียงย่อกาย"เจี้ยนหลิงข้ามีบางอย่างจะไหว้วานเจ้า"เจี้ยนหลิงประสานมือ"เจี้ยนหลิงพร้อมรับบัญชา"น้ำเสียงจริงจังยิ่งนักตำหนักบูรพา"คุณหนู ต่อไปนี้ต้องระวังให้มาก""พี่สาวเจี้ยนหลิง ทำเช่นนี้เท่ากับจงใจเป็นศัตรูกับข้า กัวเปาเจ้าไปสืบดูตอนนี้นางตั้งใจจะทำสิ่งใดอีก"ร่างสูงของบุรุษหนุ่มที่เสี่ยวหลินมักเรียกหาเขาเมื่อต้องการใช้สอย"คุณหนู กัวเปากลับมาเพราะเห็นว่าคุณหนูเพลี่ยงพล่ำแต่เดิมเป็นคุณหนูเสี่ยวหลินที่ชาญฉล
"โอ๊ย จะช่วยก็ให้มันเบามือหน่อยได้ไหม ..ฟงฉี"เอ่ยนามชัดเจน นายท่านหอสุริยันถึงกับหูผึ่ง"อย่าได้เอ่ยนาม ไปกับข้า"ฉุดกระชากลากร่างสูงของฟงเกาที่ถูกมัดมือไว้ทะยานออกนอกหน้าต่างสูงหายวับไปกับตา"ฟงฉี ฟงฉี หยางฟงฉีไม่น่าเป็นไปได้"นายท่านหอสุริยันทวนคำไปมา"นายท่านร่างสัญญา การจ่ายเงินระหว่างไท่จือกับหอสุริย้นหายไป"บ่าวในหอสุริยันวิ่งหน้าตื่นเข้ามา"ไท่จือ ท่านหลักแหลมยิ่งนักส่งคนมาขโมยร่างสัญญาไปเพื่อไม่ให้มีหลักฐานจะได้ไม่ต้องสาวถึงตัวในคราวหลัง"กัดฟันกรอดๆด้วยความเจ็บใจตระกูลหยางเดิม"เป็นพวกเจ้านี่เอง""องค์ชาย"เจี้ยนหลิงประสานมือพร้อมกับเพ่ยตง"มาทันเวลาพอดี ช้าอีกหน่อยข้าคงต้องถูกทำร้ายใบหน้าหล่อเหลาคงมีบาดแผล ว่าแต่เจ้าใช้เคล็ดวิชาใดในการจัดการคนพวกนั้น ข้ายังไม่ทันกระพริบตา"เจี้ยนหลิงยิ้ม เพ่ยตงถอนหายใจ"เคล็ดวิชาตระกูลหยาง ท่านห้าเองก็ไม่น่าไม่เคยเห็นมัน""ข้าเกิดมาร่างกายอ่อนแอไม่เคยร่ำเรียนวิชากระบี่"เพ่ยตงส่ายหน้าไม่ร่ำเรียนกระบี่แต่กลยุทธ์ต่างๆมีเพียงองค์ชายห้าผู้นี้ที่ไร้เทียมทาน"ขอบใจเจ้าเพ่ยตง"หันมาทางเพ่ยตง เจี้ยนหลิงขมวดคิ้วไปสนิทชิดเชื้อกันตอนไหน"เพ่ยตงกับข้าเรา
“ครั้งก่อนปฏิเสธที่จะแต่งงานในครั้งนี้ฟงเกา ยังมีหน้ามาบอกว่ามีหญิงที่หมายปอง”“เสด็จพ่อ ลูกกำลังคิดว่า การทำให้ใครสักคนรักและยอมแต่งกับเราเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่ง หากเราแค่เพียงใช้อำนาจที่มีอยู่บังคับให้หญิงที่เราหมายปอง ต้องแต่งกับเราด้วยความจนใจ นั้นไม่ได้ต่างอะไรกับการขืนใจ”“ความจริงหญิงงามที่ข้าหาไว้ให้เจ้านางเองก็เป็นคนที่ค่อนข้างดื้อรั้นเช่นกัน คงไม่ต่างอะไรกับเจ้าห้าฟงเกา หากอยู่กินกันไปไม่แคล้วต้องประลองยุทธ์กันในทุกวัน”“เสด็จพ่อ คงไม่ห้ามหากลูกจะลองหาทางที่จะชนะใจหญิงที่ลูกหมายปอง ส่วนการแต่งงานที่เสด็จพ่อตั้งใจปูทางไว้ให้ลูกนั้น ลูกคงต้องปฏิเสธอีกครั้ง”หยางฟงหยางถอนหายใจยาวอีกครั้ง“ครั้งก่อนแสร้งบาดหมางครั้งนี้หากขืนบังคับไปเกรงว่าจะต้องบาดหมางกันจริงๆ เพียงแค่ไม่แต่งหญิงคณิกา ก็พอแล้ว”พูดดักทางไว้“รอให้ลูกพิชิตใจนางได้ จึงจะพานางมาพบเสด็จพ่อ แต่คงต้องใช้เวลาไม่น้อย นางเองก็คงจะไม่ใช่หญิงที่รับรักใครง่ายดาย”ตำหนักบูรพา"บัดซบที่สุด แต่เดิมเป็นข้าที่กุมบังเหียนไว้ในมือมาบัดนี้กลับต้องมาหาทางเอาตัวรอด""ไท่จือโปรดระงับโทสะ""ฟงเกาฉลาดล้ำลึก แสร้งบาดหมางกับเสด็จพ่อ ออ
“คุณหนูอยากรู้ไหมว่านางพูดอะไรกับเพ่ยตง”สบตานิ่งกลมโตของเจี้ยนหลิงทั้งที่ปกติ เพ่ยตงจะไม่มีทางล่วงเกินไม่ว่าจะอย่างไร เจี้ยนหลิงอมยิ้ม“บุรุษโดยแท้ไม่เอาความลับของหญิงอื่นมาเปิดเผยให้หญิงอีกคนฟัง”“สำหรับเพ่ยตงมีเพียงคุณหนูเท่านั้นที่มีความหมายกับเพ่ยตงคนอื่นล้วนแค่เพียงมีค่าแค่คนคุ้นเคยมิได้สำคัญไปกว่าคุณหนู อีกอย่างสำหรับเพ่ยตงคนอื่นก้คือคนอื่นหาใช่หญิงอื่น”แสร้งยิ้มไม่ยอมสบตาคม“ไม่เอา แล้วข้าไม่พูดกับเจ้าดีกว่า เพ่ยตง กัวเปาสองสามวันมานี่กลับมาที่บ้านหลิน ข้าอยากให้เจ้ากำจัดเขาเสีย มีเขาเสี่ยวหลินจึงเหิมเกริมอีกอย่างกัวเปาเป็นคนข้างกายเสี่ยวหลินที่ยอมตายเพื่อเสี่ยวหลินได้ ตัดมือตัดเท้าเสี่ยวหลินเสียจึงดี จัดการนางกับไท่จือจึงง่ายขึ้นแผนการของเราจะต้องไม่มี กัวเปามาขัดขว้าง”เพ่ยตงประสานมือ“คุณหนูใหญ่ องค์ชายห้าให้เชิญท่านที่ตำหนักเมฆา”สาวใช้ย่อกาย เพ่ยตงขมวดคิ้ว“อืม ข้ากำลังจะไปหารือเรื่องสำคัญกับองค์ชายห้าพอดี เจ้าก็ไปทำตามแผนการได้แล้ว”เพ่ยตงเดินเอามือไพล่หลัง เจี้ยนหลิงก้าวขาออกจากบ้านหลินเพ่ยตงตามไปติดๆ“อ้าว ไม่ไปทำงานของเจ้าที่ข้าสั่ง”“ข้าลืมไปว่า วันนี้องค์ชายห้าชวนข้า
ฟงเกาฝืนยิ้มทั้งๆ ที่เจ็บปวดไปทั่วสรรพร่าง“นั่นอย่างไรเล่าข้าจึงต้องตายอย่างน้อยก็รู้ว่า เจี้ยนหลิงเจ็บปวดต่อการจากไปของข้า”เจี้ยนหลิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา กลืนมันลงในอก“ท่านห้า ข้าไม่ให้ท่านไปไหน เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันไม่มีใครไปไหน”เพ่ยตงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“ข้าก็อยากจะอยู่กับเจ้าอยากยืนเคียงข้างเจ้าในวันเสกสมรส อยากเปิดผ้าคลุมหน้าอยากยิ้มกับเจ้าแต่.. คงไม่มีวันนั้นแล้ว”“องค์ชายหยุดพูดหยุดพูดเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น…”เจี้ยนหลิงกลืนก้อนแข็งๆ ลงในลำคอสะกดกลั้นอาการสะอื้นไห้“ 555ข้าชอบเจ้าเวลาโกรธชอบเจ้าเวลาทำท่าทางขึงขัง เจ้ารองแม่ทัพเพ่ยตงปราบพยศคุณหนูของเจ้าแทนข้า แต่ข้าว่าเจ้าจะโดนเจี้ยนหลิงปราบเสียมากกว่า เอาอย่างนี้ดูแลนาง ปกป้องนาง ตามใจนางเหมือนที่ข้าอยากทำ”เพ่ยตงแหงนหน้ามองฟ้า สะกดกลั้นหยาดน้ำตาที่ไหลรินเช่นกัน“ข้าไม่รับปากท่านจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไรสำคัญเท่าการที่ท่านจะอยู่กับพวกเราที่นี่ไม่มีใครต้องจากไป” ฟงเกายิ้มเศร้าๆ เอื้อมมือสั่นเทาคว้ามือของเจี้ยนหลิงวางบนมือเพ่ยตง“ข้าพยายามแล้วแต่คิดว่าคงไม่อาจกระทำข้าเจ็บเหลือเกินตอนนี้”“ท่านห้าท่านเก่งเกินใครเรื่องเล็
"บัดนี้ การสถาปนาฮ่องเต้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หยางฟงฉีฮ่องเต้ทรงพระเจริญ"ขันทีอัญเชิญตราประทับหยก ตรงหน้าหยางฟงฉีเอื้อมมือคว้าตราประทับเสี่ยวหลินยิ้มสุขสม ทว่าเพ่ยตงทะยานผ่านหน้าคว้าตราประทับไว้ในมือ"องครักษ์มีผู้ชิงตราประทับ"ขันทีตะโกนก้อง ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าขุนนาง ฟงฉีและเสี่ยวหลิน เพ่ยตงดึงเกราะออกเปิดเผยใบหน้า"เพ่ยตงบังอาจนัก องครักษ์ฆ่าเขาเสีย"เพ่ยตงกระโจนทะยานไปบนศีรษะของเหล่าองครักษ์ที่กรูกันเข้ามา ข้ามไปยังเบื้องหน้าลานกว้างที่บัดนี้ หยางฟงหยางยืนอยู่ เพ่ยตงย่อกายส่งมอบตราประทับให้กับหยางฟงหยางทั้งขุนนางและคนที่มาร่วมงานต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นหยางฟงหยางชูตราประทับขึ้นสูงสุด"เสด็จพ่อ"หยางฟงฉีพึมพำเบาๆ"ฟงฉี เจ้าลูกชั่ววางยาทำร้ายข้าแล้วยังใส่ร้ายผู้อื่นทหารจับตัวฟงฉีไว้เดี๋ยวนี้"องครักษ์หันหน้าหันหลัง"ทหารจับตัวกบฏหยางฟงฉี"เสียงใต้เท้าหลิน ที่นำกำลังทหารฝ่ายใต้การนำของใต้เท้ากุ้ยและใต้เท้าหลินในตำแหน่งแม่ทัพ เข้ามาล้อมลานพิธีไว้"ท่านพ่อ ทำไมทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ลูกกับท่านพี่กำลังจะได้นั่งบนบัลลังก์แล้วแท้ๆ "เสี่ยวหลินตัดพ้อใต้เท้าหลิน"ข้าไม่เคยมีลูกเช่นเจ้า ลูกของ
ฟงเกา ตวัดคมกระบี่เข้าห้ำหั่นเหล่าองครักษ์และมือสังหารล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงแต่กลับเหมือนยิ่งล้มตายยิ่งเพิ่มเข้ามาไม่หยุดหย่อน ฟงเกาแทบจะทรงกายไว้ไม่ไหว มือสังหารได้ใจไม่ยอมให้ได้หยุดพัก ใช้กระบี่คมกริบในมือฟาดฟัน แผ่นหลังเป็นแผลยาวเลือดไหลซึมออกมา ฟงเกาทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นแต่ทว่ามือยังกำกระบี่ไว้แน่น มือสังหารอีกคนพุ่งตรงเข้าใส่ จ้วงกระบี่ เข้าใส่แผ่นหลังหมายปลิดชีพเสีย จวนตัวจนไม่อาจจะหนีพ้น ฟงฉานถลาเข้าเอาตัวบังร่างของฟงเกาไว้เสียงคมกระบี่เสียบเข้าที่ยอดอกของฟงฉานชัดเจนเลือดสดสดไหลออกจากปากดวงตาเหลือกถลนล้มลงกับพื้น ฟงเกาอ้าปากค้างหันมากอดรวบเอาร่างโชกเลือดของฟงฉานไว้ในอ้อมแขน“พี่ใหญ่”ฟงฉานยิ้มน้อยๆ เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด“พี่ใหญ่ไม่ ไม่ไม่ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร”“หนีไป เจ้าห้าหนีไปเสีย”“ข้าจะต้องช่วยท่านออกไปให้ได้”ผุดลุกขึ้นกวัดแกว่งกระบี่ในมือย่างบ้าคลั่งแม้จะบาดเจ็บ องครักษ์กับมือสังหารล้มตายดาษดื่นด้วยแรงโทสะสามารถทำให้องครักษ์และมือสังหารมากมายพ่ายแพ้ย่อยยับ หันกลับมาที่ร่างอ่อนแรงเสียงหายใจรวยริน“พี่ใหญ่..พี่ใหญ่ออกไปไปหาจูจิวนางรอเราอยู่ที่นั่นข้างนอกนั่น”พยุงร่า
“องค์ชายเรื่องราวมากมายวกวน ล้วนมีทั้งสุขและทุกข์องค์ชายอย่าได้กังวล คิดเสียว่าทุกอย่าง มาถึงเวลาอันควรแล้ว”“พี่รองนับวันยิ่งเหิมเกริมอาศัยอำนาจทำเรื่องชั่วช้า ไม่เกรงกลัวบาปกรรม”“คนเช่นนี้จะต้องจัดการให้เข็ดหลาบ ไม่เปิดโอกาสให้ได้มีทางแก้ตัวได้”“เจี้ยนหลิง ตอนนี้ทุกอย่างกำลังบีบรัดข้าอยากได้กำลังใจจากเจ้าเสียจริง”“กำลังใจแบบไหนกัน” ขยับเข้าหาเจี้ยนหลิงมือไวเท่าความคิดคว้าร่างบางมากอดแนบแน่น“องค์ชาย หาใช่เวลาที่จะ..จะ อุ๊ป”แก้มเนียนถูกขโมยดอมดมกลิ่นหอม จมูกโด่งเป็นสันกดเข้าที่พวงแก้ม สุดแรง“องค์ชาย”“ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้ใกล้เจ้าแบบนี้เจี้ยนหลิง อย่าใจร้ายกับข้านักเลย” เจี้ยนหลิงหลบตาเขินอาย“องค์ชาย ไปที่แห่งใดเจี้ยนหลิงไปที่นั่น ต่อไปก็จะต้องใกล้ชิดกัน ข้าหาได้คิดที่จะปล่อยให้องค์ชายต้องเผชิญเรื่องราวทุกข์เข็ญเพียงลำพังในเมื่อเรามีชะตากรรมเดียวกันถือว่าเป็นวสรรค์ที่ ให้เราทั้งหมดได้พานพบ”กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น สูดดมความหอมจากเรือนผม“ขอบใจเจ้าจริงๆ ขอบใจที่ทำให้รู้ว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้าแบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย ต่อไปไม่ว่าจะเกิด
“จูจิว”เจี้ยนหลิงกล่าวทักทายด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าคนที่พบจะเป็นจูจิว ทั้งๆ ที่ส่งข่าวให้สาวใช้ที่เป็นคนของเจี้ยนหลิงไปบอกกล่าวคำพูดปริศนากับองค์ชายใหญ่ เพื่อส่งข่าว“พี่สาวเจี้ยนหลิง ท่านปลอดภัยดีไหม ข้าเพิ่งจะเข้าใจเมื่อพบหน้าท่าน องค์ชายใหญ่รอบคอบยิ่งนักไม่ยอมมาด้วยตัวเอง คนของไท่จือจับตามององค์ชายใหญ่ตลอดเวลาข้ายินดีส่งข่าวให้พวกท่านกับองค์ชายใหญ่เอง”“ขอบคุณแม่นางจูจิว” ฟงเกาเอ่ยออกมาบ้าง“องค์ชายตอนนี้ ไท่จือทรงกริ้วอย่างมาก การที่ท่านหนีออกมาแบบนี้ ส่งมือสังหารไล่ล่า”“ไม่หนีก็ไม่ควรจะอยู่ ลมเปลี่ยนทิศอำนาจเปลี่ยนมือ”“ฝ่าบาทตอนนี้ถูกรับมาดูแลที่ตำหนักปลายฟ้า”“แปลกจริงทำไมถึงยอมให้องค์ชายใหญ่รับเอาฝ่าบาทไปดูแลง่ายดาย ไม่ได้การแล้ว”เจี้ยนหลิงลุกขึ้นจากท่านั่ง“คุณหนูท่านหมายความว่าอย่างไร”เพ่ยตงผู้ที่รู้ใจเจี้ยนหลิงที่สุด“หากต้องการอำนาจไว้ในมือไท่จือ จะต้องรับเอาฝ่าบาทไว้ดูแลเองไม่ต้องการให้ใครไปยุ่งเกี่ยว ที่ทำแบบนี้เพราะๆ ..ได้ทุกอย่างไว้ในกำมือแล้วหรือต้องการ... ให้ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ในมือขององค์ชายใหญ่เพื่อจะป้ายความผิดให้กับองค์ชายใหญ่”จูจิว ถอยหลังกรูด“เราจะทำ
"เพ่ยตง เจ้าจะทิ้งข้าไปไหนอีก เพราะไม่มีเจ้าไม่อยู่ท่านแม่จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้" เพ่ยตงประสานมือตรงหน้าสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างกัน"ไม่ได้ ข้าว่าข้าเคยห้ามเจ้าแล้วนะเพ่ยตรง"ฟงเกาช่วยห้ามอีกแรง"องค์ชายไม่ได้เป็นเพ่ยตงองค์ชายไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่าท่านน้าสำคัญกับข้าเพ่ยตงแค่ไหน""จะบอกว่าเจ้าเจ็บแค้นคนเดียวหรือไร ฝ่าบาทตอนนี้ก็อยู่ในมือของพี่รองเป็นตายเท่ากัน คิดว่าข้าไม่ร้อนใจหรือไร""แล้วจะปล่อยคนชั่วไว้ทำไมกัน"“เจี้ยนหลิงเจ้าว่าอย่างไร”"ข้าตอนนี้แทบกระอักเลือด เสี่ยวหลินจะต้องชดใช้เรื่องที่นางทำกับท่านแม่ข้าไม่มีทางอภัยให้นาง แต่ไม่ใช่ตอนนี้หากทำการวู่วามไปนอกจากจะไม่ได้แก้แค้นบางทีกลัวว่าจะไม่อาจรักษาชีวิตไว้”“เราทั้งสามเข้าตาจน ตอนนี้คงต้องเร้นกายที่นี่แต่กลัวเหลือเกินว่าจะทำให้เยว่เหนียงได้รับความเดือดร้อน” เพ่ยตงกล่าวขึ้น“ท่านรองแม่ทัพไม่ต้องกังวล ที่นี่มีห้องลับมากมาย อีกอย่างโรงเตี๊ยมของเยว่เหนียงห่างไกลจากวังหลวง คงไม่มีใครให้ความสนใจหรือหากจะมีใครมาค่ายกลที่สร้างไว้ก็พร้อมที่จะเปิดใช้งาน”“รบกวนแม่นางเยว่เหนียงแล้ว”ฟงเกาประสานมือตรงหน้าเยว่เหนียง“ไม่อาจรับไว้ได้ เยว่เหน
ชักกระบี่ออกจากอก เลือดสีแดงพุ่งดั่งเขื่อนแตก ซูหลานกำอาภรณ์ไว้แน่น เสี่ยวหลิน สะบัดตัวปล่อยร่างของซูหลานฟุบลงกับพื้น ใต้เท้าหลินถลาเข้าหอบร่างของซูหลานไว้แนบอกน้ำตาไหลริน“ข้าขอโทษข้าขอโทษ ซูหลานข้าขอโทษ”“ท่านพี่ ปกป้องเจี้ยนหลิงให้ข้าด้วย ปกป้องลูกของเราด้วย” กระอักเลือดสดสดออกมาก่อนที่จะสิ้นลมไปต่อหน้าต่อตาใต้เท้าหลินตำหนักม่านฟ้า องครักษ์กรูกันเข้ามาล้อมฟงเกาที่นั่งไขว่ห้างแสร้งจิบชาสบายอารมณ์ทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น“พวกเจ้ารับบัญชาไท่จือ จงใจเป็นศัตรูกับข้าใช่หรือไม่”“องค์ชาย ไท่จือให้กักบริเวณองค์ชายให้อยู่แต่ในตำหนักม่านฟ้า”“คิดว่าจะกักขังข้าได้หรือ” ลุกขึ้นยืนคว้ากระบี่ที่ซ่อนไว้ใต้โต๊ะเครื่องเสวย ชักมันออกจากฝักง่ายดาย องค์รักษ์ต่างตกตะลึงเพราะไม่มีใครรู้ว่าฟงเกาเชี่ยวชาญวรยุทธ์มาก่อน“เข้ามา พร้อมกันข้าจะได้เลือกว่าจะฆ่าใครก่อน”องครักษ์มองหน้ากันเลิกลักก่อนจะ พุ่งทะยานเข้าใส่ ฟงเกาด้วยคิดว่าเป็นต่อ กระบี่ในมือถูกสะบัดไปในอากาศ เพียงพริบตาเดียวเหล่าองครักษ์ต่างล้มลงกับพื้นโอดโอยบ้างก็หนีตายบ้างก็ทรุดกายลงด้วยยอมจำนน“คิดจะกักขังข้า ไม่มีทางเจ้าคิดผิดแล
"ฝ่าบาททรงพระประชวรอย่างหนัก เพียงชั่วข้ามคืน"ซูหลานกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ท่านแม่ คงเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก""ระหว่างนี้เจ้าต้องระวังตัวเมื่อเข้าไปในวังหลวง พวกเรายังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด”"ลูกทราบแล้ว ขอบคุณท่านแม่ที่ห่วงใยองค์ชายรองรีบรุดอาสาดูแลฝ่าบาท ลูกกลัวเหลือเกินว่านี่จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนมือ""เพ่ยตงมาลา"ลอบมองสีหน้าของเจี้ยนหลิง"ลา ในยามนี้เขาทิ้งเรา ร่ำลาไปที่แห่งใดกัน"ใต้เท้าหลินสาวเท้าเข้ามาในห้อง"ฝ่าบาทมีบัญชาแต่งตั้งองค์ชายรองในตำแหน่งไท่จือทันที"ใต้เท้าหลินเองก็มีสีหน้ากังวลไม่น้อยไปกว่าสองคนแม่ลูกในเมื่ออำนาจเปลี่ยนมือฝ่าบาทประชวรคนที่มีอำนาจสั่งการทั้งหมดจะต้องเป็นไท่จือ"ท่านพี่ฝ่าบาททรงพระประชวร เช่นไรจึงเร่งรีบแต่งตั้งเพียงนี้""อ้างว่า ไร้คนบัญชาการเรื่องราวต่างๆ ในวังหลวง จึงต้องมีการตัดสินใจในทันที มีทั้งตราประทับ และร่างอักษรในการแต่งตั้งไท่จือที่เป็นลายพระหัตถ์ของฝ่าบาทนัยว่าร่างไว้นานแล้วแต่ยังไม่ได้บัญชาออกไป"ซูหลานสบตากับเจี้ยนหลิง"เจ้าไปเสียก่อน เจี้ยนหลิงออกไปจากเขตวังหลวงเรื่องราวสงบลงเมื่อไหร่ค่อยกลับมา"ดึงตัวเจี้ยนหลิงให้ลุกขึ้น"เจ้ากังวลเก
เสี่ยวหลินยิ้มหยัน อยู่ตรงหน้า"ทานรองแม่ทัพ ยอมจำนนแล้วหรือเจี้ยนหลิง คนที่หมายปองนางสูงศักดิ์อีกทั้งยังเหนือกว่าไม่ยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ เกรงว่าจะต้องเป็นท่านที่ต้องยอมแพ้เสียก่อน ""ข้าไม่เคยยอมจำนนที่จะภักดีกับคุณหนูตลอดไป"เสี่ยวหลินสีหน้าสลดลงลงทันทีสิ่งที่ไม่อาจตัดทิ้งไปได้คือความรู้สึกที่มีต่อเพ่ยตง"เสี่ยวหลินเอาใจช่วย ให้ท่านสมหวังแม้ข้าจะไม่ชอบพี่สาวเท่าไหร่ก็ตาม"เพ่ยตงสาวเท้าจากไปไม่อยากมองภาพบาดตาตรงหน้า"ปล่อยข้านะ"เจี้ยนหลิงผลักร่างสูงออกห่างแต่กลับถูกแขนอุ่นดึงรั้งร่างบางเข้าหาตัว เจี้ยนหลิงเบือนหน้าหนีอีกคนเชยคางมนให้สบตาคม"เจ้า ถึงจะบอกว่าไม่ชอบข้ารังเกียจข้า แต่ให้รู้ไว้ว่าฟงเกาคนนี้ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายดาย”“องค์ชาย เร่งรัดเจี้ยนหลิงมากไป”“เสด็จพ่อมีพระประสงค์ประทานงานแต่งงานให้เราสองคน แต่ข้าขอเวลากับเสด็จพ่อว่าไม่อยากหักหาญน้ำใจเจ้าให้เจ้ามายินยอมด้วยตัวเอง ในการที่จะแต่งกับข้า”เจี้ยนหลิงถอนหายใจยาว“อย่างที่บอกข้าไม่มีทางยอม แม้เจ้าจะบอกว่าไม่ชอบข้าก็ตามสักวันข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่า ข้าปรารถนาดีกับเจ้าที่สุด”ปล่อยมืออกช้าๆ เจี้ยนหลิงก้มหน้าด้วยภายในใจ ไม่อาจบรรยายออ