ร้องโอดโอ๊ย ก่อนจะหมดสติไปในอ้อมแขนของหยางฟงฉี“องครักษ์ ส่งคนไปจับตัว เจี้ยนหลิงนางวางยาไท่จือเฟย”วังหลวง สามวันต่อมาหลังจากที่ เสี่ยวหลิน เพิ่งจะฟื้นคืนสติด้วยการรักษาอย่างสุดกำลังของหมอหลวง“ตรวจไม่พบพิษ ไม่มีหลักฐาน ไท่จือเจ้ายังกล้ากล่าวหานาง”“ท่านพ่อ เป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อ….”“ในเมื่ออะไรกัน ครั้งนั้นเจ้าเองก็ให้ขันทีตรวจสอบพิษแล้ว”หยางฟงฉี ถอนหายใจ ในเมื่อเขาเองสับเปลี่ยนจานขนมและยังให้สั่งให้เสี่ยวหลินทำแบบเดียวกับเขา จะเป็นไปได้อย่างไรที่นางจะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมเขาหากเป็นเช่นนั้นนางก็ต้องจงใจใส่พิษไว้ในจานถัดมาเสมออย่างนั้นหรือ นับว่านางอ่านใจเขาได้แต่แทบจะไม่มีทางจะเป็นไปได้ใครกันจะคิดได้แบบนั้น“เสด็จพ่อลูกไร้คำแก้ตัว”พิษชนิดนั้นคือพิษใดกันแน่แม้แต่ขันทียังตรวจสอบพิษไม่ได้ ทั้งๆที่หมอหลวงบอกว่าเสี่ยวหลินต้องพิษอย่างแน่นอน พิษนั้นทำร้ายช่องท้องของนางจะเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่อาจตรวจสอบพิษได้ มีพิษชนิดนั้นอยู่ด้วยหรือ แต่เมื่อไร้ซึ่งหลักฐานเขาแค่เพียงต้องประเมินหลินเจี้ยนหลิงคนนี้ให้สูงขึ้นกว่าเดิม คนเช่นไรจึงจะ สามารถปรุงยาพิษชนิดที่ไม่อาจตรวจสอบพิษได้“เจ้าส่งคนจับตัวนาง
"หากเป็นเรื่องนั้น คงไม่ต้องให้ขันทีเข้าไปที่บ้านหลิน ป่านนี้เจี้ยนหลิงคงถูกคมกระบี่จ่อที่คอ เพราะเหล่าองครักษ์คงแห่กันไปที่ตระกูลหลินอย่างพร้อมเพรียง"ฮ่องเต้พยักหน้า มิใช่เพียงหญิงงามแต่นางฉลาดจนคาดไม่ถึง คำพูดจาไม่เผยจุดอ่อนแต่สามารถพูดให้คนคล้อยตามได้ง่าย"นั่นสินะ ข้าน่าจะส่งองครักษ์ไปแสร้งให้เจ้าหวาดกลัว""เจี้ยนหลิงก็คงสู้ตายเช่นเคย""อืมไร้ความผิด ไร้การกล่าวโทษ จึงต้องสู้ตายสินะ หรือว่าเป็นความไม่ยอมใครของเจ้า บางทีไท่จือเฟยนางอาจป่วยไข้หรือหมอหลวงอาจวินิจฉัยผิดไป"ชี้ช่องเสียเองเพื่อป้องเจี้ยนหลิงต่อไปเรื่องที่คนอื่นพูดก็คงเป็นแนวทางเดียวกันกับที่หยางฟงหยางพูด"เพคะ"แต่เพียงย่อกาย"เจี้ยนหลิงข้ามีบางอย่างจะไหว้วานเจ้า"เจี้ยนหลิงประสานมือ"เจี้ยนหลิงพร้อมรับบัญชา"น้ำเสียงจริงจังยิ่งนักตำหนักบูรพา"คุณหนู ต่อไปนี้ต้องระวังให้มาก""พี่สาวเจี้ยนหลิง ทำเช่นนี้เท่ากับจงใจเป็นศัตรูกับข้า กัวเปาเจ้าไปสืบดูตอนนี้นางตั้งใจจะทำสิ่งใดอีก"ร่างสูงของบุรุษหนุ่มที่เสี่ยวหลินมักเรียกหาเขาเมื่อต้องการใช้สอย"คุณหนู กัวเปากลับมาเพราะเห็นว่าคุณหนูเพลี่ยงพล่ำแต่เดิมเป็นคุณหนูเสี่ยวหลินที่ชาญฉล
"โอ๊ย จะช่วยก็ให้มันเบามือหน่อยได้ไหม ..ฟงฉี"เอ่ยนามชัดเจน นายท่านหอสุริยันถึงกับหูผึ่ง"อย่าได้เอ่ยนาม ไปกับข้า"ฉุดกระชากลากร่างสูงของฟงเกาที่ถูกมัดมือไว้ทะยานออกนอกหน้าต่างสูงหายวับไปกับตา"ฟงฉี ฟงฉี หยางฟงฉีไม่น่าเป็นไปได้"นายท่านหอสุริยันทวนคำไปมา"นายท่านร่างสัญญา การจ่ายเงินระหว่างไท่จือกับหอสุริย้นหายไป"บ่าวในหอสุริยันวิ่งหน้าตื่นเข้ามา"ไท่จือ ท่านหลักแหลมยิ่งนักส่งคนมาขโมยร่างสัญญาไปเพื่อไม่ให้มีหลักฐานจะได้ไม่ต้องสาวถึงตัวในคราวหลัง"กัดฟันกรอดๆด้วยความเจ็บใจตระกูลหยางเดิม"เป็นพวกเจ้านี่เอง""องค์ชาย"เจี้ยนหลิงประสานมือพร้อมกับเพ่ยตง"มาทันเวลาพอดี ช้าอีกหน่อยข้าคงต้องถูกทำร้ายใบหน้าหล่อเหลาคงมีบาดแผล ว่าแต่เจ้าใช้เคล็ดวิชาใดในการจัดการคนพวกนั้น ข้ายังไม่ทันกระพริบตา"เจี้ยนหลิงยิ้ม เพ่ยตงถอนหายใจ"เคล็ดวิชาตระกูลหยาง ท่านห้าเองก็ไม่น่าไม่เคยเห็นมัน""ข้าเกิดมาร่างกายอ่อนแอไม่เคยร่ำเรียนวิชากระบี่"เพ่ยตงส่ายหน้าไม่ร่ำเรียนกระบี่แต่กลยุทธ์ต่างๆมีเพียงองค์ชายห้าผู้นี้ที่ไร้เทียมทาน"ขอบใจเจ้าเพ่ยตง"หันมาทางเพ่ยตง เจี้ยนหลิงขมวดคิ้วไปสนิทชิดเชื้อกันตอนไหน"เพ่ยตงกับข้าเรา
“ครั้งก่อนปฏิเสธที่จะแต่งงานในครั้งนี้ฟงเกา ยังมีหน้ามาบอกว่ามีหญิงที่หมายปอง”“เสด็จพ่อ ลูกกำลังคิดว่า การทำให้ใครสักคนรักและยอมแต่งกับเราเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่ง หากเราแค่เพียงใช้อำนาจที่มีอยู่บังคับให้หญิงที่เราหมายปอง ต้องแต่งกับเราด้วยความจนใจ นั้นไม่ได้ต่างอะไรกับการขืนใจ”“ความจริงหญิงงามที่ข้าหาไว้ให้เจ้านางเองก็เป็นคนที่ค่อนข้างดื้อรั้นเช่นกัน คงไม่ต่างอะไรกับเจ้าห้าฟงเกา หากอยู่กินกันไปไม่แคล้วต้องประลองยุทธ์กันในทุกวัน”“เสด็จพ่อ คงไม่ห้ามหากลูกจะลองหาทางที่จะชนะใจหญิงที่ลูกหมายปอง ส่วนการแต่งงานที่เสด็จพ่อตั้งใจปูทางไว้ให้ลูกนั้น ลูกคงต้องปฏิเสธอีกครั้ง”หยางฟงหยางถอนหายใจยาวอีกครั้ง“ครั้งก่อนแสร้งบาดหมางครั้งนี้หากขืนบังคับไปเกรงว่าจะต้องบาดหมางกันจริงๆ เพียงแค่ไม่แต่งหญิงคณิกา ก็พอแล้ว”พูดดักทางไว้“รอให้ลูกพิชิตใจนางได้ จึงจะพานางมาพบเสด็จพ่อ แต่คงต้องใช้เวลาไม่น้อย นางเองก็คงจะไม่ใช่หญิงที่รับรักใครง่ายดาย”ตำหนักบูรพา"บัดซบที่สุด แต่เดิมเป็นข้าที่กุมบังเหียนไว้ในมือมาบัดนี้กลับต้องมาหาทางเอาตัวรอด""ไท่จือโปรดระงับโทสะ""ฟงเกาฉลาดล้ำลึก แสร้งบาดหมางกับเสด็จพ่อ ออ
“คุณหนูอยากรู้ไหมว่านางพูดอะไรกับเพ่ยตง”สบตานิ่งกลมโตของเจี้ยนหลิงทั้งที่ปกติ เพ่ยตงจะไม่มีทางล่วงเกินไม่ว่าจะอย่างไร เจี้ยนหลิงอมยิ้ม“บุรุษโดยแท้ไม่เอาความลับของหญิงอื่นมาเปิดเผยให้หญิงอีกคนฟัง”“สำหรับเพ่ยตงมีเพียงคุณหนูเท่านั้นที่มีความหมายกับเพ่ยตงคนอื่นล้วนแค่เพียงมีค่าแค่คนคุ้นเคยมิได้สำคัญไปกว่าคุณหนู อีกอย่างสำหรับเพ่ยตงคนอื่นก้คือคนอื่นหาใช่หญิงอื่น”แสร้งยิ้มไม่ยอมสบตาคม“ไม่เอา แล้วข้าไม่พูดกับเจ้าดีกว่า เพ่ยตง กัวเปาสองสามวันมานี่กลับมาที่บ้านหลิน ข้าอยากให้เจ้ากำจัดเขาเสีย มีเขาเสี่ยวหลินจึงเหิมเกริมอีกอย่างกัวเปาเป็นคนข้างกายเสี่ยวหลินที่ยอมตายเพื่อเสี่ยวหลินได้ ตัดมือตัดเท้าเสี่ยวหลินเสียจึงดี จัดการนางกับไท่จือจึงง่ายขึ้นแผนการของเราจะต้องไม่มี กัวเปามาขัดขว้าง”เพ่ยตงประสานมือ“คุณหนูใหญ่ องค์ชายห้าให้เชิญท่านที่ตำหนักเมฆา”สาวใช้ย่อกาย เพ่ยตงขมวดคิ้ว“อืม ข้ากำลังจะไปหารือเรื่องสำคัญกับองค์ชายห้าพอดี เจ้าก็ไปทำตามแผนการได้แล้ว”เพ่ยตงเดินเอามือไพล่หลัง เจี้ยนหลิงก้าวขาออกจากบ้านหลินเพ่ยตงตามไปติดๆ“อ้าว ไม่ไปทำงานของเจ้าที่ข้าสั่ง”“ข้าลืมไปว่า วันนี้องค์ชายห้าชวนข้า
"เสด็จพ่อ ลูกกับต๋วนปงเปียงเลิกติดต่อคบหา หลินเจี้ยนหลิงนำเขามาเพื่อตั้งใจกล่าวโทษลูกเสด็จพ่อต้องให้ความยุติธรรม นางแค้นเคืองที่ลูกไม่แต่งกับนาง"ยังคงคิดว่าเจี้ยนหลิงแค้นเคืองเรื่องที่เขาเลือกเสี่ยวหลินไม่เลือกเจี้ยนหลิงเจี้ยนหลิงยิ้ม"ใครกันคิดแบบนั้น ความมั่นใจของท่านช่างมากมายเหลือเกิน"เจี้ยนหลิงยิ้มหยัน"ท่านไม่แต่งกับนาง นางก็มีคนที่อยากจะแต่งกับนางมากมาย"ฟงเกาอดไม่ได้ที่จะพูด“เช่นนั้นยิ่งไม่เกี่ยวกับข้า”“ดีลากตัวต่วนปงเปียงไปทรมานเค้นความจริง”ฟงเกาส่งเสียงสั่งองครักษ์ดังๆ ต่วนปงเปียงหน้าถอดสี“ข้ากับหอสุริยันก็แค่เคยไปที่นั่นแค่คนรู้จัก อย่าได้อาศัยข้อนี้ใส่ความข้าเขาจะเป็นหรือตายไม่ต้องมาข่มขู่ข้า”"ไท่จือท่านจะพูดแบบนี้ไม่ได้ ข้าเพิ่งจะจ่ายค่าตอบแทนอีกทั้งนางงามชั้นหนึ่งในหอสุริยันยังยกให้ไท่จือฟรีๆ จะมาพูดเอาตัวรอดเพียงฝ่ายเดียวไม่ถูกทั้งๆที่เป็นไท่จือที่เก็บผลประโยชน์เป็นกอบเป็นกำ""อย่าพูดพล่อยๆ องครักษ์ปล่อยให้ต๋วนปงเปียงพ่นน้ำลายทำไมกัน ตบปากเขาให้ข้า"สิ้นคำของไท่จือ องครักษ์รุมล้อมต๋วนปงเปียง แสดงงว่าเชื่อฟังฟงฉีไม่น้อย"หยุด หากพูดความจริงเสียทั้งหมดข้าจะทูลขอประ
เสียงอื้ออึงในท้องพระโรงที่ต่างพูดถึงตำแหน่งไท่จือว่าจะเป็นใครในบรรดาองค์ชาย เจี้ยนหลิงส่ายหน้า ฮ่องเต้แม้จะไม่เข้าข้างคนผิดทว่าก็มีความรักและเอ็นดู หยางฟงฉีมากกว่าใคร เรื่องการปลดหยางฟงฉีจึงเป็นแค่การขู่บางทีอีกไม่นานก็จะคืนตำแหน่งไท่จือให้เสีย หากเห็นว่าต่อไปนี้หยางฟงฉีลดบทบาทตัวเองลงยอมอยู่สงบๆ เจี้ยนหลิงกำลังคิดเรื่องที่มารดาพูดในคืนนั้นกับเจี้ยนหลิง“ข้าเป็นองค์หญิงเพียงคนเดียวของฮ่องเต้องค์ก่อน ตำแหน่งองค์รัชทายาทจึงต้องยกให้กับหยางฟงหยางที่เป็นหลานของฮ่องเต้ ข้าเคยคิดว่าตัวเองทำไมไม่เกิดมาเป็นบุรุษเช่นนั้นจึงจะได้นั่งบัลลังก์ แต่พอเจ้าเกิดมาเป็นหญิงข้ายิ่งผิดหวังว่าทำไมเจ้าไม่เกิดมาเป็นบุรุษข้าจะช่วยเจ้าชิงบัลลังก์เสีย แต่พอเจ้าลงประลองเพื่อคัดเลือกเป็นไท่จือเฟยแล้วยอมอ่อนข้อให้ไท่จือผู้อ่อนปวกเปียกข้ากับคิดว่า ...น่าจะมีใครที่เหมาะกับเจ้าแล้วก็ขึ้นเป็นไท่จือมากกว่าหยางฟงฉีผู้ขลาดเขลาคนนั้น”“เจี้ยนหลิงขอบใจเจ้ายิ่งนัก”เจี้ยนหลิงทำสีหน้าเรียบเฉยเสีย“จริงๆนะเจี้ยนหลิงเป็นเพราะเจ้าทำให้ไท่จือได้รับโทษทัณฑ์”"โทษทัณฑ์ที่ได้รับ มันบางเบาดุจขนนก องค์ชายห้าคิดว่า ไม่มีโอกาสที่ไท่จื
“ไม่ได้ข้าไม่มีทางยอม บัลลังก์นี้จะเปลี่ยนมือได้อย่างไรในเมื่อมันอยู่ในมือของเราแล้ว แม้จะเป็นตระกูลหยางเช่นกัน แต่นั่นก็แค่เพียงตระกูลหยางปลายแถวข้าไม่มีทางให้บัลลังก์เปลี่ยนมืออย่างแน่นอน หลินซูหลานนางเองก็ไม่ธรรมดาคงต้องลงแรงกันหน่อย”หยางฟงฉีซ่อนยิ้ม ไทเฮาออกโรงเองฟงเกากับเจี้ยนหลิงเช่นไรจะรับมือไหว เขาเริ่มเบื่อเสี่ยวหลินที่เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย เสียใจกับการที่เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งไท่จือแล้วยังร้องไห้ฟูมฟายอายคนอื่นแล้วยังกลัวว่าเจี้ยนหลิงจะถากถาง กล่าวโทษเขาว่าเป็นเพราะเขาที่ไม่รอบคอบทำให้นางเป็นแบบนี้เจี้ยนหลิงเดินนำหน้า เพ่ยตงที่ยังคงเดินตามหลัง ไม่ห่าง“คุณหนู”“เพ่ยตง มีเรื่องใดเอ่ยออกมา ข้ารู้ว่าเจ้ามีเรื่องกังวล”“คุณหนูอย่าได้ใส่ใจ”“แล้วเรียกทำไม”“ขะขะข้า”“คราวหลังไม่ต้องเรียก หากว่าไม่มีเรื่องจะเอ่ยออกมา หรือเป็นที่เจ้าไม่กล้าเอ่ยออกมาเอง”หันหน้ามาอย่างรวดเร็วตั้งใจสบตาเพ่ยตงเพื่อค้นหาความจริงภายในสายตา แต่เพ่ยตงกับขืนตัวไว้ไม่ทัน ร่างสูงชนเข้ากับร่างบางของเจี้ยนหลิงเข้าเต็มเปา ร่างเล็กเซถลาเพ่ยตงยกมือขึ้นรวบร่างบางไว้แน่น แต่เมื่อนึกได้ก็เผลอปล่อยร่างบาง“โอ๊ย”เจี้
ฟงเกาฝืนยิ้มทั้งๆ ที่เจ็บปวดไปทั่วสรรพร่าง“นั่นอย่างไรเล่าข้าจึงต้องตายอย่างน้อยก็รู้ว่า เจี้ยนหลิงเจ็บปวดต่อการจากไปของข้า”เจี้ยนหลิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา กลืนมันลงในอก“ท่านห้า ข้าไม่ให้ท่านไปไหน เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันไม่มีใครไปไหน”เพ่ยตงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“ข้าก็อยากจะอยู่กับเจ้าอยากยืนเคียงข้างเจ้าในวันเสกสมรส อยากเปิดผ้าคลุมหน้าอยากยิ้มกับเจ้าแต่.. คงไม่มีวันนั้นแล้ว”“องค์ชายหยุดพูดหยุดพูดเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น…”เจี้ยนหลิงกลืนก้อนแข็งๆ ลงในลำคอสะกดกลั้นอาการสะอื้นไห้“ 555ข้าชอบเจ้าเวลาโกรธชอบเจ้าเวลาทำท่าทางขึงขัง เจ้ารองแม่ทัพเพ่ยตงปราบพยศคุณหนูของเจ้าแทนข้า แต่ข้าว่าเจ้าจะโดนเจี้ยนหลิงปราบเสียมากกว่า เอาอย่างนี้ดูแลนาง ปกป้องนาง ตามใจนางเหมือนที่ข้าอยากทำ”เพ่ยตงแหงนหน้ามองฟ้า สะกดกลั้นหยาดน้ำตาที่ไหลรินเช่นกัน“ข้าไม่รับปากท่านจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไรสำคัญเท่าการที่ท่านจะอยู่กับพวกเราที่นี่ไม่มีใครต้องจากไป” ฟงเกายิ้มเศร้าๆ เอื้อมมือสั่นเทาคว้ามือของเจี้ยนหลิงวางบนมือเพ่ยตง“ข้าพยายามแล้วแต่คิดว่าคงไม่อาจกระทำข้าเจ็บเหลือเกินตอนนี้”“ท่านห้าท่านเก่งเกินใครเรื่องเล็
"บัดนี้ การสถาปนาฮ่องเต้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หยางฟงฉีฮ่องเต้ทรงพระเจริญ"ขันทีอัญเชิญตราประทับหยก ตรงหน้าหยางฟงฉีเอื้อมมือคว้าตราประทับเสี่ยวหลินยิ้มสุขสม ทว่าเพ่ยตงทะยานผ่านหน้าคว้าตราประทับไว้ในมือ"องครักษ์มีผู้ชิงตราประทับ"ขันทีตะโกนก้อง ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าขุนนาง ฟงฉีและเสี่ยวหลิน เพ่ยตงดึงเกราะออกเปิดเผยใบหน้า"เพ่ยตงบังอาจนัก องครักษ์ฆ่าเขาเสีย"เพ่ยตงกระโจนทะยานไปบนศีรษะของเหล่าองครักษ์ที่กรูกันเข้ามา ข้ามไปยังเบื้องหน้าลานกว้างที่บัดนี้ หยางฟงหยางยืนอยู่ เพ่ยตงย่อกายส่งมอบตราประทับให้กับหยางฟงหยางทั้งขุนนางและคนที่มาร่วมงานต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นหยางฟงหยางชูตราประทับขึ้นสูงสุด"เสด็จพ่อ"หยางฟงฉีพึมพำเบาๆ"ฟงฉี เจ้าลูกชั่ววางยาทำร้ายข้าแล้วยังใส่ร้ายผู้อื่นทหารจับตัวฟงฉีไว้เดี๋ยวนี้"องครักษ์หันหน้าหันหลัง"ทหารจับตัวกบฏหยางฟงฉี"เสียงใต้เท้าหลิน ที่นำกำลังทหารฝ่ายใต้การนำของใต้เท้ากุ้ยและใต้เท้าหลินในตำแหน่งแม่ทัพ เข้ามาล้อมลานพิธีไว้"ท่านพ่อ ทำไมทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ลูกกับท่านพี่กำลังจะได้นั่งบนบัลลังก์แล้วแท้ๆ "เสี่ยวหลินตัดพ้อใต้เท้าหลิน"ข้าไม่เคยมีลูกเช่นเจ้า ลูกของ
ฟงเกา ตวัดคมกระบี่เข้าห้ำหั่นเหล่าองครักษ์และมือสังหารล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงแต่กลับเหมือนยิ่งล้มตายยิ่งเพิ่มเข้ามาไม่หยุดหย่อน ฟงเกาแทบจะทรงกายไว้ไม่ไหว มือสังหารได้ใจไม่ยอมให้ได้หยุดพัก ใช้กระบี่คมกริบในมือฟาดฟัน แผ่นหลังเป็นแผลยาวเลือดไหลซึมออกมา ฟงเกาทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นแต่ทว่ามือยังกำกระบี่ไว้แน่น มือสังหารอีกคนพุ่งตรงเข้าใส่ จ้วงกระบี่ เข้าใส่แผ่นหลังหมายปลิดชีพเสีย จวนตัวจนไม่อาจจะหนีพ้น ฟงฉานถลาเข้าเอาตัวบังร่างของฟงเกาไว้เสียงคมกระบี่เสียบเข้าที่ยอดอกของฟงฉานชัดเจนเลือดสดสดไหลออกจากปากดวงตาเหลือกถลนล้มลงกับพื้น ฟงเกาอ้าปากค้างหันมากอดรวบเอาร่างโชกเลือดของฟงฉานไว้ในอ้อมแขน“พี่ใหญ่”ฟงฉานยิ้มน้อยๆ เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด“พี่ใหญ่ไม่ ไม่ไม่ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร”“หนีไป เจ้าห้าหนีไปเสีย”“ข้าจะต้องช่วยท่านออกไปให้ได้”ผุดลุกขึ้นกวัดแกว่งกระบี่ในมือย่างบ้าคลั่งแม้จะบาดเจ็บ องครักษ์กับมือสังหารล้มตายดาษดื่นด้วยแรงโทสะสามารถทำให้องครักษ์และมือสังหารมากมายพ่ายแพ้ย่อยยับ หันกลับมาที่ร่างอ่อนแรงเสียงหายใจรวยริน“พี่ใหญ่..พี่ใหญ่ออกไปไปหาจูจิวนางรอเราอยู่ที่นั่นข้างนอกนั่น”พยุงร่า
“องค์ชายเรื่องราวมากมายวกวน ล้วนมีทั้งสุขและทุกข์องค์ชายอย่าได้กังวล คิดเสียว่าทุกอย่าง มาถึงเวลาอันควรแล้ว”“พี่รองนับวันยิ่งเหิมเกริมอาศัยอำนาจทำเรื่องชั่วช้า ไม่เกรงกลัวบาปกรรม”“คนเช่นนี้จะต้องจัดการให้เข็ดหลาบ ไม่เปิดโอกาสให้ได้มีทางแก้ตัวได้”“เจี้ยนหลิง ตอนนี้ทุกอย่างกำลังบีบรัดข้าอยากได้กำลังใจจากเจ้าเสียจริง”“กำลังใจแบบไหนกัน” ขยับเข้าหาเจี้ยนหลิงมือไวเท่าความคิดคว้าร่างบางมากอดแนบแน่น“องค์ชาย หาใช่เวลาที่จะ..จะ อุ๊ป”แก้มเนียนถูกขโมยดอมดมกลิ่นหอม จมูกโด่งเป็นสันกดเข้าที่พวงแก้ม สุดแรง“องค์ชาย”“ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้ใกล้เจ้าแบบนี้เจี้ยนหลิง อย่าใจร้ายกับข้านักเลย” เจี้ยนหลิงหลบตาเขินอาย“องค์ชาย ไปที่แห่งใดเจี้ยนหลิงไปที่นั่น ต่อไปก็จะต้องใกล้ชิดกัน ข้าหาได้คิดที่จะปล่อยให้องค์ชายต้องเผชิญเรื่องราวทุกข์เข็ญเพียงลำพังในเมื่อเรามีชะตากรรมเดียวกันถือว่าเป็นวสรรค์ที่ ให้เราทั้งหมดได้พานพบ”กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น สูดดมความหอมจากเรือนผม“ขอบใจเจ้าจริงๆ ขอบใจที่ทำให้รู้ว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้าแบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย ต่อไปไม่ว่าจะเกิด
“จูจิว”เจี้ยนหลิงกล่าวทักทายด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าคนที่พบจะเป็นจูจิว ทั้งๆ ที่ส่งข่าวให้สาวใช้ที่เป็นคนของเจี้ยนหลิงไปบอกกล่าวคำพูดปริศนากับองค์ชายใหญ่ เพื่อส่งข่าว“พี่สาวเจี้ยนหลิง ท่านปลอดภัยดีไหม ข้าเพิ่งจะเข้าใจเมื่อพบหน้าท่าน องค์ชายใหญ่รอบคอบยิ่งนักไม่ยอมมาด้วยตัวเอง คนของไท่จือจับตามององค์ชายใหญ่ตลอดเวลาข้ายินดีส่งข่าวให้พวกท่านกับองค์ชายใหญ่เอง”“ขอบคุณแม่นางจูจิว” ฟงเกาเอ่ยออกมาบ้าง“องค์ชายตอนนี้ ไท่จือทรงกริ้วอย่างมาก การที่ท่านหนีออกมาแบบนี้ ส่งมือสังหารไล่ล่า”“ไม่หนีก็ไม่ควรจะอยู่ ลมเปลี่ยนทิศอำนาจเปลี่ยนมือ”“ฝ่าบาทตอนนี้ถูกรับมาดูแลที่ตำหนักปลายฟ้า”“แปลกจริงทำไมถึงยอมให้องค์ชายใหญ่รับเอาฝ่าบาทไปดูแลง่ายดาย ไม่ได้การแล้ว”เจี้ยนหลิงลุกขึ้นจากท่านั่ง“คุณหนูท่านหมายความว่าอย่างไร”เพ่ยตงผู้ที่รู้ใจเจี้ยนหลิงที่สุด“หากต้องการอำนาจไว้ในมือไท่จือ จะต้องรับเอาฝ่าบาทไว้ดูแลเองไม่ต้องการให้ใครไปยุ่งเกี่ยว ที่ทำแบบนี้เพราะๆ ..ได้ทุกอย่างไว้ในกำมือแล้วหรือต้องการ... ให้ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ในมือขององค์ชายใหญ่เพื่อจะป้ายความผิดให้กับองค์ชายใหญ่”จูจิว ถอยหลังกรูด“เราจะทำ
"เพ่ยตง เจ้าจะทิ้งข้าไปไหนอีก เพราะไม่มีเจ้าไม่อยู่ท่านแม่จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้" เพ่ยตงประสานมือตรงหน้าสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างกัน"ไม่ได้ ข้าว่าข้าเคยห้ามเจ้าแล้วนะเพ่ยตรง"ฟงเกาช่วยห้ามอีกแรง"องค์ชายไม่ได้เป็นเพ่ยตงองค์ชายไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่าท่านน้าสำคัญกับข้าเพ่ยตงแค่ไหน""จะบอกว่าเจ้าเจ็บแค้นคนเดียวหรือไร ฝ่าบาทตอนนี้ก็อยู่ในมือของพี่รองเป็นตายเท่ากัน คิดว่าข้าไม่ร้อนใจหรือไร""แล้วจะปล่อยคนชั่วไว้ทำไมกัน"“เจี้ยนหลิงเจ้าว่าอย่างไร”"ข้าตอนนี้แทบกระอักเลือด เสี่ยวหลินจะต้องชดใช้เรื่องที่นางทำกับท่านแม่ข้าไม่มีทางอภัยให้นาง แต่ไม่ใช่ตอนนี้หากทำการวู่วามไปนอกจากจะไม่ได้แก้แค้นบางทีกลัวว่าจะไม่อาจรักษาชีวิตไว้”“เราทั้งสามเข้าตาจน ตอนนี้คงต้องเร้นกายที่นี่แต่กลัวเหลือเกินว่าจะทำให้เยว่เหนียงได้รับความเดือดร้อน” เพ่ยตงกล่าวขึ้น“ท่านรองแม่ทัพไม่ต้องกังวล ที่นี่มีห้องลับมากมาย อีกอย่างโรงเตี๊ยมของเยว่เหนียงห่างไกลจากวังหลวง คงไม่มีใครให้ความสนใจหรือหากจะมีใครมาค่ายกลที่สร้างไว้ก็พร้อมที่จะเปิดใช้งาน”“รบกวนแม่นางเยว่เหนียงแล้ว”ฟงเกาประสานมือตรงหน้าเยว่เหนียง“ไม่อาจรับไว้ได้ เยว่เหน
ชักกระบี่ออกจากอก เลือดสีแดงพุ่งดั่งเขื่อนแตก ซูหลานกำอาภรณ์ไว้แน่น เสี่ยวหลิน สะบัดตัวปล่อยร่างของซูหลานฟุบลงกับพื้น ใต้เท้าหลินถลาเข้าหอบร่างของซูหลานไว้แนบอกน้ำตาไหลริน“ข้าขอโทษข้าขอโทษ ซูหลานข้าขอโทษ”“ท่านพี่ ปกป้องเจี้ยนหลิงให้ข้าด้วย ปกป้องลูกของเราด้วย” กระอักเลือดสดสดออกมาก่อนที่จะสิ้นลมไปต่อหน้าต่อตาใต้เท้าหลินตำหนักม่านฟ้า องครักษ์กรูกันเข้ามาล้อมฟงเกาที่นั่งไขว่ห้างแสร้งจิบชาสบายอารมณ์ทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น“พวกเจ้ารับบัญชาไท่จือ จงใจเป็นศัตรูกับข้าใช่หรือไม่”“องค์ชาย ไท่จือให้กักบริเวณองค์ชายให้อยู่แต่ในตำหนักม่านฟ้า”“คิดว่าจะกักขังข้าได้หรือ” ลุกขึ้นยืนคว้ากระบี่ที่ซ่อนไว้ใต้โต๊ะเครื่องเสวย ชักมันออกจากฝักง่ายดาย องค์รักษ์ต่างตกตะลึงเพราะไม่มีใครรู้ว่าฟงเกาเชี่ยวชาญวรยุทธ์มาก่อน“เข้ามา พร้อมกันข้าจะได้เลือกว่าจะฆ่าใครก่อน”องครักษ์มองหน้ากันเลิกลักก่อนจะ พุ่งทะยานเข้าใส่ ฟงเกาด้วยคิดว่าเป็นต่อ กระบี่ในมือถูกสะบัดไปในอากาศ เพียงพริบตาเดียวเหล่าองครักษ์ต่างล้มลงกับพื้นโอดโอยบ้างก็หนีตายบ้างก็ทรุดกายลงด้วยยอมจำนน“คิดจะกักขังข้า ไม่มีทางเจ้าคิดผิดแล
"ฝ่าบาททรงพระประชวรอย่างหนัก เพียงชั่วข้ามคืน"ซูหลานกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ท่านแม่ คงเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก""ระหว่างนี้เจ้าต้องระวังตัวเมื่อเข้าไปในวังหลวง พวกเรายังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด”"ลูกทราบแล้ว ขอบคุณท่านแม่ที่ห่วงใยองค์ชายรองรีบรุดอาสาดูแลฝ่าบาท ลูกกลัวเหลือเกินว่านี่จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนมือ""เพ่ยตงมาลา"ลอบมองสีหน้าของเจี้ยนหลิง"ลา ในยามนี้เขาทิ้งเรา ร่ำลาไปที่แห่งใดกัน"ใต้เท้าหลินสาวเท้าเข้ามาในห้อง"ฝ่าบาทมีบัญชาแต่งตั้งองค์ชายรองในตำแหน่งไท่จือทันที"ใต้เท้าหลินเองก็มีสีหน้ากังวลไม่น้อยไปกว่าสองคนแม่ลูกในเมื่ออำนาจเปลี่ยนมือฝ่าบาทประชวรคนที่มีอำนาจสั่งการทั้งหมดจะต้องเป็นไท่จือ"ท่านพี่ฝ่าบาททรงพระประชวร เช่นไรจึงเร่งรีบแต่งตั้งเพียงนี้""อ้างว่า ไร้คนบัญชาการเรื่องราวต่างๆ ในวังหลวง จึงต้องมีการตัดสินใจในทันที มีทั้งตราประทับ และร่างอักษรในการแต่งตั้งไท่จือที่เป็นลายพระหัตถ์ของฝ่าบาทนัยว่าร่างไว้นานแล้วแต่ยังไม่ได้บัญชาออกไป"ซูหลานสบตากับเจี้ยนหลิง"เจ้าไปเสียก่อน เจี้ยนหลิงออกไปจากเขตวังหลวงเรื่องราวสงบลงเมื่อไหร่ค่อยกลับมา"ดึงตัวเจี้ยนหลิงให้ลุกขึ้น"เจ้ากังวลเก
เสี่ยวหลินยิ้มหยัน อยู่ตรงหน้า"ทานรองแม่ทัพ ยอมจำนนแล้วหรือเจี้ยนหลิง คนที่หมายปองนางสูงศักดิ์อีกทั้งยังเหนือกว่าไม่ยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ เกรงว่าจะต้องเป็นท่านที่ต้องยอมแพ้เสียก่อน ""ข้าไม่เคยยอมจำนนที่จะภักดีกับคุณหนูตลอดไป"เสี่ยวหลินสีหน้าสลดลงลงทันทีสิ่งที่ไม่อาจตัดทิ้งไปได้คือความรู้สึกที่มีต่อเพ่ยตง"เสี่ยวหลินเอาใจช่วย ให้ท่านสมหวังแม้ข้าจะไม่ชอบพี่สาวเท่าไหร่ก็ตาม"เพ่ยตงสาวเท้าจากไปไม่อยากมองภาพบาดตาตรงหน้า"ปล่อยข้านะ"เจี้ยนหลิงผลักร่างสูงออกห่างแต่กลับถูกแขนอุ่นดึงรั้งร่างบางเข้าหาตัว เจี้ยนหลิงเบือนหน้าหนีอีกคนเชยคางมนให้สบตาคม"เจ้า ถึงจะบอกว่าไม่ชอบข้ารังเกียจข้า แต่ให้รู้ไว้ว่าฟงเกาคนนี้ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายดาย”“องค์ชาย เร่งรัดเจี้ยนหลิงมากไป”“เสด็จพ่อมีพระประสงค์ประทานงานแต่งงานให้เราสองคน แต่ข้าขอเวลากับเสด็จพ่อว่าไม่อยากหักหาญน้ำใจเจ้าให้เจ้ามายินยอมด้วยตัวเอง ในการที่จะแต่งกับข้า”เจี้ยนหลิงถอนหายใจยาว“อย่างที่บอกข้าไม่มีทางยอม แม้เจ้าจะบอกว่าไม่ชอบข้าก็ตามสักวันข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่า ข้าปรารถนาดีกับเจ้าที่สุด”ปล่อยมืออกช้าๆ เจี้ยนหลิงก้มหน้าด้วยภายในใจ ไม่อาจบรรยายออ