“พี่สาวข้าไม่อยากแต่งกับไท่จือ”
หลินเสี่ยวหลิน ทำสีหน้าเศร้าสร้อย เหมือนกับจะตายดับลงตรงหน้า
“ท่านพ่อหมายมั่นให้เจ้าจะต้องแต่งกับไท่จือ”
หลินเจี้ยนหลิงเอ่ยเรื่องจริงที่ถูกวางไว้แล้วไม่มีทางเป็นอื่นก็ในเมื่อมันเป็นเช่นนั้นและจะเป็นเช่นนั้น
“ท่านพ่อคงเห็นว่าข้าไร้ซึ่งปากเสียง ต่างจากท่านที่มักจะเก่งกาจเกินหญิง ท่านมีความสามารถรอบด้าน มีคนนับหน้าถือตามากมายอีกทั้งยังกล้าที่จะต่อคำท่านพ่อ ชีวิตท่านจึงไม่ต้องถูก ….กดดันเช่นข้า”น้ำเสียงตัดพ้อจนน่าสงสารหลินเจี้ยนหลิงก็ยังคงสงสารนางเช่นเดิมสินะ
“เจ้าดีกว่าข้ามากนักเสี่ยวหลิน อย่างน้อยมารดาของเจ้าก็ไม่บังคับให้เจ้าทำเรื่องที่หนักเกินไป ข้าแต่เดิมต้องอ่านหนังสือจนดึกดื่น ตื่นตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่อที่จะมาท่องตำราแล้วยังต้องเก่งเหนือใคร ส่วนเจ้ามารดาของเจ้าแม่เล็กแค่เพียงให้เจ้าเย็บถุงหอม ทำน้ำอบก็เท่านั้น"
“แล้วทำไมต้องเป็นข้า เดิมข้าอยู่แบบนี้ก็มีความสุขแล้ว ไม่เคยได้ออกไปเที่ยวเล่นผิดกับท่านที่วันๆ ขี่ม้าล่าสัตว์ฝึกกระบี่ ยิงธนูล้วนมีแต่เรื่องที่สนุกสนาน”
“เสี่ยวหลินกว่าข้าจะได้มีชีวิตอิสระเจ้ารู้หรือไม่ข้าต้องผ่านอะไรมาบ้าง เคยถูกท่านแม่ตีจนปางตาย ถูกท่านพ่อเคี่ยวเข็ญจนจะกลายเป็นยอดคน หากเปลี่ยนกันได้ข้าขอเป็นเจ้าดีกว่า แม่เล็กรักเจ้าดูแลทะนุถนอม ท่านพ่อก็ไม่เคยให้เจ้าทำเรื่องที่เกินกำลังด้วยเห็นว่าสุขภาพเจ้าไม่สู้ดีนัก”
“พี่สาวนั่นอย่างไรเล่าท่านจึงได้กล้าแกร่งไม่กลัวใคร อีกทั้งยังสามารถจัดการเรื่องหนักเบาได้หมดจด”เสี่ยวหลินพูดเรื่องที่ใครๆต่างรู้ดี
“เอาน่า เจ้าแต่งเป็นไท่จือเฟยข้าก็จะได้อาศัยเจ้าเข้าไปเที่ยวชมวังหลวงบ้าง ท่านพ่อร้อยวันพันปีไม่เคยบังคับเจ้า มาครั้งนี้ท่านพ่อคงมีเหตุผลไม่น้อย"
“พี่สาวข้าขออยู่กับท่านอย่างนี้กว่า อย่างน้อยท่านก็พอได้เป็นที่พึ่งช่วยเหลือยามยาก”
น้ำเสียงอ่อนหวานออดอ้อนเหมือนที่เคยทำประจำเวลาที่นางอยากจะได้สิ่งใดทาง
เดียวที่นางทำคืออดอ้อน
“คุณหนูใหญ่เจี้ยนหลิง ฮูหยินใหญ่เรียกหาท่าน”
หลินเจี้ยนหลิงยิ้มให้น้องสาวต่างมารดา ด้วยรอยยิ้มปลอบประโลม
“เฮ้อ... เห็นไหมอย่างน้อยเจ้าก็ไม่ถูกแม่เล็กเรียกหาบ่อยๆ เหมือนที่ท่านแม่เรียกหาข้า ”
ก้าวขาออกจากห้องไปที่ห้องนอนของมารดาหรือฮูหยินใหญ่ของบ้านหลิน
“เจี้ยนหลิง นั่งลงสิ เจ้าออกไปปิดประตูให้ข้าด้วย”
ท้ายประโยคหันไปหาสั่งสาวใช้ สาวใช้ให้ออกจากห้องไป หลินเจี้ยนหลิง วางกระบี่ข้างกายแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ต่างระดับลงมาจากที่ฮูหยินหลินนั่งอยู่
“เจ้ารู้ไหม เมื่อคืนข้าเฝ้าครุ่นคิดกังวลนอนไม่หลับทั้งคืน”
พูดด้วยน้ำเสียงปกติไม่มีการทอดเสียงให้ดูอ่อนโยนเหมือนมารดาพึงกระทำกับบุตรี
“ท่านแม่มีเรื่องใดกังวล”เอ่ยปากถามด้วยท่าทีนอบน้อมเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
“เจ้า ไม่กังวลอย่างนั้นหรือ ปีนี้เจ้าสิบแปดยังไร้คนมาสู่ขอ อีกทั้งไท่จือสู่ขอเสี่ยวหลินท่านพ่อตัดสินใจยกเสี่ยวหลินให้แต่งเป็นไท่จือเฟย”
เจี้ยนหลิงก้มหน้ารู้ดีว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นหากมีสิ่งใดที่ฮูหยินใหญ่ผู้เป็นมารดาไม่พอใจ
“ลูกเข้าใจแล้ว”พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
“ดีมาก เจ้า จ้าวแผนการอีกทั้งกลยุทธ์มากมาย ใช้ความสามารถของเจ้าให้ได้นั่งบนบัลลังก์ในตำหนักบูรพาเคียงข้างไท่จือ ข้าจึงจะสบายใจ”
หลายปีมานี้ เจี้ยนหลิงมีหน้าที่เพียงทำให้มารดาสบายใจ แต่ตัวเองสบายใจหรือไม่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิด
“ลูกจะพยายาม”น้ำเสียงหนักแน่นดุจหินผา
“ดีข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง"
วังหลวง
“ฝ่าบาทในเมื่อตัดสินใจไม่ได้ เช่นนั้นไม่สู้รับทั้งสองคนมาเป็นไท่จือเฟยและเซ่อฝูจิ้น ไปพร้อมกัน”
“คิดว่าใต้เท้าหลินจะยินยอมอย่างนั้นหรือ”
“อย่างนั้น คงต้องใช้วิธีเสี่ยงดวง”ขันทีข้างกายออกความเห็น
“หลินฮูหยิน เดิมเป็นถึงองค์หญิงสาม เรื่องนี้นางก็คงไม่มีทางยอม ที่จะให้บุตรีของนางเป็นรองบุตรีของอนุเช่นกัน"น้ำเสียงแสดงออกหนักใจไม่น้อย
"แต่ผู้ที่ส่งฎีกาฉบับนี้มา จงใจที่จะให้ฝ่าบาทต้องทบทวนเรื่องที่ไท่จือทรงตัดสินใจไท่จือไม่ยอมแต่งบุตรีคนโต แต่ไปสู่ขอบุตรีคนรอง”
ขันทีข้างกายตั้งข้อสังเกตไท่จือจงใจทำสิ่งใดกันแน่
ตระกูลหลิน
“มีคนถวายฎีกากับฝ่าบาทให้มีการทบทวนเรื่องการแต่งตั้งไท่จือเฟย ข้าคิดว่าคงไม่ใช่เจ้าใช่ไหม ซูหลาน”
ใต้เท้าหลินเอ่ยปากถาม ฮูหยินใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ข้าเช่นไรจะกล้าทำเรื่องเช่นนั้นไท่จือตัดสินใจไปแล้ว”
ใต้เท้าหลิน เหลือบตามองหลินซูหลานภรรยาที่ร่วมทุกขืร่วมสุขกันมา
“เจ้าไม่ทำก็มีเพียง ..เจี้ยนหลิงเท่านั้นที่จะทำเรื่องนี้ เจี้ยนหลิงนางเป็นหนึ่งมาตลอด อีกทั้งในตระกูลหลินใครบ้างจะไม่ยอมลงให้เจี้ยนหลิง ข้าเองยังต้องอาศัยลูกคนนี้ในการวางกลยุทธ์การรบ ดีเช่นนั้นข้าก็ไม่หวงห้ามนางจะทำอะไรก็ตามใจเพียงแต่จะคอยดูว่านางจะพลิกสถานการณ์มาได้เปรียบได้หรือไม่”
“ตบปากนางร้อยที โบยนางร้อยไม้”เสียงตวาดลั่นจากปากของ
หลินเจี้ยนหลิงที่เพียงแค่ได้ยินเสียงซุบซิบ ว่าคุณหนูใหญ่ ต้องการจะเป็นไท่จือเฟย แย่งชิงแม้กระทั่งโชควาสนาของคุณหนูรอง สาวใช้ต่างหดหัวหนีหายใครบ้างจะกล้ากับคุณหนูใหญ่ เห็นได้ชัดว่าคุณหนูใหญ่ไม่เคยเกรงกลัวใครนอกจาก ฮูหยินกับใต้เท้าหลิน
“นางขาดใจตายแล้วคุณหนู”
เจี้ยนหลิง ใช้มีดปอกลูกท้อยัดใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ ไม่ได้สนใจคำบอกกล่าวนั้นแม้แต่น้อย โยนมีดสั้นให้ปักลงบนโต๊ะ สาวใช้สะดุ้งรีบคุกเข่า
"รออะไรหรือว่ารอจะเห็นสีหน้าสำนึกผิดของข้าบอกไว้ก่อน ไม่มีใครจะได้เห็นมัน”“เจี้ยนหลินฝ่าบาทให้เจ้ากับเสี่ยวหลินประลองฝีมือกัน เพื่อตำแหน่งไท่จือเฟย”“ลูกเข้าใจแล้ว”ใต้เท้าหลิน ส่ายหน้าจากไปวันประลอง“คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยเตรียมกระบี่เนื้อดี คมที่สุดไว้ให้แล้ว”หยางเพ่ยตง รองแม่ทัพเพ่ยตงส่งกระบี่ในมือให้กับเจี้ยนหลิงอย่างนอบน้อม แม้ท่าทีองอาจของเขาจะไม่เหมาะแก่การนอบน้อมก็ตาม แต่หากเป็นคนอื่นก็คงไม่ได้เห็นท่าทีเช่นนี้ของเขามีเพียงเจี้ยนหลิงที่ได้เห็นมัน“เพ่ยตงข้าควรออมมือหรือไม่”“คุณหนูคุณหนูรู้ดีข้อนี้ ข้าน้อยไม่ควรออกความเห็น”“ดี ..ไปกันเถอะ”“พี่สาว” เพ่ยตงถอยหลังไปยืนห่างๆ เมื่อ เสี่ยวหลินก้าวขาเข้ามาขวางหน้าไว้“ท่าน ..กับข้า เราจะต้องประลองกันจริงๆ หรือ”น้ำเสียงหวานปนเศร้า เพ่ยตงเบือนหน้าหนีเสีย เจี้ยนหลิงยิ้มบางๆ“เสี่ยวหลินเจ้าเป็นน้องสาวของข้า อย่างไรก็ไม่อาจเป็นอื่น เราสองคนยังเป็นพี่น้องกัน ไปกันเถอะทุกอย่างจะได้จบลงเสียที”ตัดสินใจแน่วแน่“เดี๋ยว” ฮูหยินใหญ่ส่งเสียงมาแต่ไกล เสี่ยวหลินย่อกาย ก้าวเดินสวนทางกับฮูหยินใหญ่ด้วยความเกรงขาม“ท่านแม่”เจี้ยนหลิงประสานมือพร้อมกับก
"ต่อไปเป็นการประลองเพลงกระบี่ ครั้งนี้คุณหนูทั้งสองจะต้องประลองฝีมือด้านการต่อสู้ ใครทำกระบี่หลุดมือเสียก่อนนับว่าพ่ายแพ้แก่คนที่สามารถถือกระบี่ไว้ในมือ เตรียมพร้อม"เสี่ยวหลินหันหน้าหันหลังหลายปีมานี้แม้จะได้ร่ำเรียนเพลงกระบี่หลังจากที่เจี้ยนหลิงขอร้องให้เสี่ยวหลินออกมาฝึกวิชากระบี่ไว้เพื่อป้องกันตัวแต่หาได้คืบหน้าไม่ ไม่เกินสามกระบวนท่าต้องพ่ายแพ้ให้กับเจี้ยนหลิงอย่างแน่นอน"ฝ่าบาท เจี้ยนหลิงรู้ดีว่าน้องสาวเสี่ยวหลินไม่อาจเอาชนะเจี้ยนหลิงได้ ซึ่งการประลองเพลงกระบี่ครั้งนี้จึงไม่เป็นการยุติธรรม น้องเดิมปักผ้าเย็บถุงหอมไม่เคยได้ออกไปไหน ผิดกับเจี้ยนหลิงที่พอจะเคยมีโอกาสได้ถือกระบี่บ้างเป็นครั้งคราวอีกอย่างเสี่ยวหลินอ่อนแอตั้งแต่เด็กๆ นางแค่ถือกระบี่ยังไม่มีแรงเช่นนั้นการประลองครั้งนี้ขอเป็นเจี้ยนหลิงที่ต้องประลองกับ.กับ....ไท่จือ"ฮ่องเต้เลิกคิ้วสูงหันไปกระซิบกระซาบกับขันที่ข้างกาย“ได้ ตามไท่จือที่ลานประลอง”องครักษ์ประสานมือออกจากลานประลองไปในทันที เสี่ยวหลินยืนก้มหน้าอยากจะคัดค้านแต่อีกใจกับคิดว่าเป็นการดี หากเสี่ยวหลินแพ้ถึงสองครั้งทั้งเพลงกระบี่และารปักผ้า ก็คงหน้าอายไม่น้อยแต่หา
แววตาปีติบังเกิดขึ้นในดวงตาของเสี่ยวหลินในทันที เสียงราษฎรและขุนนางที่มาชมการประลองต่างอื้ออึงด้วย ทั้งสองช่างหล่อเหลาและงดงามสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก“ช่างเป็นคู่สวรรค์สร้างเสียจริง นางอ่อนหวานน่าเอ็นดูต่างจากหลินเจี้ยนหลิงคนนั้น ที่นางช่างร้ายกาจ ในสายตาพวกเรา”เสียงพูดนี้มีหรือเจี้ยนหลิงจะไม่ได้ยิน ในเมื่อเจี้ยนหลิงสร้างผลงานไว้มากมาย ที่ทำให้ผู้คนเกลียดชัง หากเป็นที่ตระกูลหลิน เจี้ยนหลิงคงสั่งตบปากคนพูดไปแล้ว แต่นี่แค่เพียงเดินหนีเสียการประลองครั้งนี้ เจี้ยนหลิงชนะสองในสามทั้งงานฝีมือและการประลองปัญญาในแบบที่ไม่ใช้กลโกง บิดากับเพ่ยตงรู้ดีแก่ใจว่าเจี้ยนหลิงมักใช้เล่ห์เหลี่ยมและกลโกง ในทุกครั้งที่บิดาออกรบและทำให้ ใต้เท้าหลินรบชนะทุกครั้งไปเจี้ยนหลิง ก้าวขาออกจากวังหลวงแทบจะทันทีเมื่อการประลองเสร็จสิ้นลง“คุณหนูเช่นไรท่านจึงยอมอ่อนข้อให้กับไท่จือเห็นได้ชัดว่าท่านรับมือเขาได้สบาย”“เจ้าคิดหรือว่าหากข้าชนะแล้วจะได้เป็นไท่จือเฟย มีใครบ้างจะชอบใจหากไท่จือเฟยจะเก่งกว่าไท่จือที่มีโอกาสนั่งบนบัลลังก์มังกรนั่น”เพ่ยตงพยักหน้ายิ้มๆ“แต่ถึงกระนั้นคุณหนูก็ยังชนะการประลองอยู่ดี การแต่งตั้งไท่จื
ทางเดินทอดยาว กลางตลาดที่คราคล่ำไปด้วยผู้คนเสี่ยวหลิน ถือไม้เสียบผลซานซาเชื่อมสีแดงน่ากิน แต่เจี้ยนหลิงกับยกมือข้นลูบคลำมีดสั้นที่เพิ่งจะจ่ายเงินซื้อมา“พี่สาวเราสองคนหากมีใครสักคนที่ จะต้องแต่งออกไป”“ก็ต้องเป็นเจ้าที่แต่งออกไปก่อนข้าแน่นอน น้องสาวของข้างดงามอ่อนหวาน”เสี่ยวหลินเหลือบตามองเพ่ยตง ยิ้มเศร้าๆ“เพ่ยตงท่านเล่าคิดเห็นอย่างไร”เจี้ยนหลิงหันไปถามความเห็นของเพ่ยตงที่กอดอกนิ่ง“เพ่ยตงไร้ความเห็น คุณหนูของเพ่ยตงแม้จะไม่อ่อนหวานแต่ทว่ามีความเป็นตัวของตัวเองมิได้สิ่งใดเคลือบแฝงไว้ด้วยบางอย่าง”เสี่ยวหลินหน้าเง้ารู้ดีว่าเพ่ยตงพูดถึงตัวเอง“เพ่ยตงท่านว่ากล่าวข้าหรือไร”“คนเราล้วนมีอุปนิสัยต่างกัน บางคนมีเรื่องราวภายในใจมากมายแต่เก็บงำไว้ ยิ่งน่ากลัว แต่บางคนเปิดเผยชัดเจน ต่างคนต่างใจต่างความคิด”“แล้วเจ้าชอบแบบไหนเพ่ยตง”เจี้ยนหลิงถามยิ้มๆ“เพ่ยตรงก็ย่อมต้องชอบคนที่เปิดเผยชัดเจน”เจี้ยนหลิงอมยิ้มเสี่ยวหลินหน้าเง้า อิจฉา ชในสิ่งที่เจี้ยนหลิงเป็น พยายามจะทำให้ได้เช่นเดียวกับเจี้ยนหลิงแต่ด้วยถูกสั่งสอนให้งดงามอ่อนหวานจึง ไม่มีทางที่เสี่ยวหลินจะเหมือนกันกับเจี้ยนหลิงได้ เจี้ยนหลิงหลิงคว้
ทางเดินทอดยาว กลางตลาดที่คราคล่ำไปด้วยผู้คนเสี่ยวหลิน ถือไม้เสียบผลซานซาเชื่อมสีแดงน่ากิน แต่เจี้ยนหลิงกับยกมือข้นลูบคลำมีดสั้นที่เพิ่งจะจ่ายเงินซื้อมา“พี่สาวเราสองคนหากมีใครสักคนที่ จะต้องแต่งออกไป”“ก็ต้องเป็นเจ้าที่แต่งออกไปก่อนข้าแน่นอน น้องสาวของข้างดงามอ่อนหวาน”เสี่ยวหลินเหลือบตามองเพ่ยตง ยิ้มเศร้าๆ“เพ่ยตงท่านเล่าคิดเห็นอย่างไร”เจี้ยนหลิงหันไปถามความเห็นของเพ่ยตงที่กอดอกนิ่ง“เพ่ยตงไร้ความเห็น คุณหนูของเพ่ยตงแม้จะไม่อ่อนหวานแต่ทว่ามีความเป็นตัวของตัวเองมิได้สิ่งใดเคลือบแฝงไว้ด้วยบางอย่าง”เสี่ยวหลินหน้าเง้ารู้ดีว่าเพ่ยตงพูดถึงตัวเอง“เพ่ยตงท่านว่ากล่าวข้าหรือไร”“คนเราล้วนมีอุปนิสัยต่างกัน บางคนมีเรื่องราวภายในใจมากมายแต่เก็บงำไว้ ยิ่งน่ากลัว แต่บางคนเปิดเผยชัดเจน ต่างคนต่างใจต่างความคิด”“แล้วเจ้าชอบแบบไหนเพ่ยตง”เจี้ยนหลิงถามยิ้มๆ“เพ่ยตรงก็ย่อมต้องชอบคนที่เปิดเผยชัดเจน”เจี้ยนหลิงอมยิ้มเสี่ยวหลินหน้าเง้า อิจฉา ชในสิ่งที่เจี้ยนหลิงเป็น พยายามจะทำให้ได้เช่นเดียวกับเจี้ยนหลิงแต่ด้วยถูกสั่งสอนให้งดงามอ่อนหวานจึง ไม่มีทางที่เสี่ยวหลินจะเหมือนกันกับเจี้ยนหลิงได้ เจี้ยนหลิงหลิงคว้
แววตาปีติบังเกิดขึ้นในดวงตาของเสี่ยวหลินในทันที เสียงราษฎรและขุนนางที่มาชมการประลองต่างอื้ออึงด้วย ทั้งสองช่างหล่อเหลาและงดงามสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก“ช่างเป็นคู่สวรรค์สร้างเสียจริง นางอ่อนหวานน่าเอ็นดูต่างจากหลินเจี้ยนหลิงคนนั้น ที่นางช่างร้ายกาจ ในสายตาพวกเรา”เสียงพูดนี้มีหรือเจี้ยนหลิงจะไม่ได้ยิน ในเมื่อเจี้ยนหลิงสร้างผลงานไว้มากมาย ที่ทำให้ผู้คนเกลียดชัง หากเป็นที่ตระกูลหลิน เจี้ยนหลิงคงสั่งตบปากคนพูดไปแล้ว แต่นี่แค่เพียงเดินหนีเสียการประลองครั้งนี้ เจี้ยนหลิงชนะสองในสามทั้งงานฝีมือและการประลองปัญญาในแบบที่ไม่ใช้กลโกง บิดากับเพ่ยตงรู้ดีแก่ใจว่าเจี้ยนหลิงมักใช้เล่ห์เหลี่ยมและกลโกง ในทุกครั้งที่บิดาออกรบและทำให้ ใต้เท้าหลินรบชนะทุกครั้งไปเจี้ยนหลิง ก้าวขาออกจากวังหลวงแทบจะทันทีเมื่อการประลองเสร็จสิ้นลง“คุณหนูเช่นไรท่านจึงยอมอ่อนข้อให้กับไท่จือเห็นได้ชัดว่าท่านรับมือเขาได้สบาย”“เจ้าคิดหรือว่าหากข้าชนะแล้วจะได้เป็นไท่จือเฟย มีใครบ้างจะชอบใจหากไท่จือเฟยจะเก่งกว่าไท่จือที่มีโอกาสนั่งบนบัลลังก์มังกรนั่น”เพ่ยตงพยักหน้ายิ้มๆ“แต่ถึงกระนั้นคุณหนูก็ยังชนะการประลองอยู่ดี การแต่งตั้งไท่จื
"ต่อไปเป็นการประลองเพลงกระบี่ ครั้งนี้คุณหนูทั้งสองจะต้องประลองฝีมือด้านการต่อสู้ ใครทำกระบี่หลุดมือเสียก่อนนับว่าพ่ายแพ้แก่คนที่สามารถถือกระบี่ไว้ในมือ เตรียมพร้อม"เสี่ยวหลินหันหน้าหันหลังหลายปีมานี้แม้จะได้ร่ำเรียนเพลงกระบี่หลังจากที่เจี้ยนหลิงขอร้องให้เสี่ยวหลินออกมาฝึกวิชากระบี่ไว้เพื่อป้องกันตัวแต่หาได้คืบหน้าไม่ ไม่เกินสามกระบวนท่าต้องพ่ายแพ้ให้กับเจี้ยนหลิงอย่างแน่นอน"ฝ่าบาท เจี้ยนหลิงรู้ดีว่าน้องสาวเสี่ยวหลินไม่อาจเอาชนะเจี้ยนหลิงได้ ซึ่งการประลองเพลงกระบี่ครั้งนี้จึงไม่เป็นการยุติธรรม น้องเดิมปักผ้าเย็บถุงหอมไม่เคยได้ออกไปไหน ผิดกับเจี้ยนหลิงที่พอจะเคยมีโอกาสได้ถือกระบี่บ้างเป็นครั้งคราวอีกอย่างเสี่ยวหลินอ่อนแอตั้งแต่เด็กๆ นางแค่ถือกระบี่ยังไม่มีแรงเช่นนั้นการประลองครั้งนี้ขอเป็นเจี้ยนหลิงที่ต้องประลองกับ.กับ....ไท่จือ"ฮ่องเต้เลิกคิ้วสูงหันไปกระซิบกระซาบกับขันที่ข้างกาย“ได้ ตามไท่จือที่ลานประลอง”องครักษ์ประสานมือออกจากลานประลองไปในทันที เสี่ยวหลินยืนก้มหน้าอยากจะคัดค้านแต่อีกใจกับคิดว่าเป็นการดี หากเสี่ยวหลินแพ้ถึงสองครั้งทั้งเพลงกระบี่และารปักผ้า ก็คงหน้าอายไม่น้อยแต่หา
"รออะไรหรือว่ารอจะเห็นสีหน้าสำนึกผิดของข้าบอกไว้ก่อน ไม่มีใครจะได้เห็นมัน”“เจี้ยนหลินฝ่าบาทให้เจ้ากับเสี่ยวหลินประลองฝีมือกัน เพื่อตำแหน่งไท่จือเฟย”“ลูกเข้าใจแล้ว”ใต้เท้าหลิน ส่ายหน้าจากไปวันประลอง“คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยเตรียมกระบี่เนื้อดี คมที่สุดไว้ให้แล้ว”หยางเพ่ยตง รองแม่ทัพเพ่ยตงส่งกระบี่ในมือให้กับเจี้ยนหลิงอย่างนอบน้อม แม้ท่าทีองอาจของเขาจะไม่เหมาะแก่การนอบน้อมก็ตาม แต่หากเป็นคนอื่นก็คงไม่ได้เห็นท่าทีเช่นนี้ของเขามีเพียงเจี้ยนหลิงที่ได้เห็นมัน“เพ่ยตงข้าควรออมมือหรือไม่”“คุณหนูคุณหนูรู้ดีข้อนี้ ข้าน้อยไม่ควรออกความเห็น”“ดี ..ไปกันเถอะ”“พี่สาว” เพ่ยตงถอยหลังไปยืนห่างๆ เมื่อ เสี่ยวหลินก้าวขาเข้ามาขวางหน้าไว้“ท่าน ..กับข้า เราจะต้องประลองกันจริงๆ หรือ”น้ำเสียงหวานปนเศร้า เพ่ยตงเบือนหน้าหนีเสีย เจี้ยนหลิงยิ้มบางๆ“เสี่ยวหลินเจ้าเป็นน้องสาวของข้า อย่างไรก็ไม่อาจเป็นอื่น เราสองคนยังเป็นพี่น้องกัน ไปกันเถอะทุกอย่างจะได้จบลงเสียที”ตัดสินใจแน่วแน่“เดี๋ยว” ฮูหยินใหญ่ส่งเสียงมาแต่ไกล เสี่ยวหลินย่อกาย ก้าวเดินสวนทางกับฮูหยินใหญ่ด้วยความเกรงขาม“ท่านแม่”เจี้ยนหลิงประสานมือพร้อมกับก
“พี่สาวข้าไม่อยากแต่งกับไท่จือ”หลินเสี่ยวหลิน ทำสีหน้าเศร้าสร้อย เหมือนกับจะตายดับลงตรงหน้า“ท่านพ่อหมายมั่นให้เจ้าจะต้องแต่งกับไท่จือ”หลินเจี้ยนหลิงเอ่ยเรื่องจริงที่ถูกวางไว้แล้วไม่มีทางเป็นอื่นก็ในเมื่อมันเป็นเช่นนั้นและจะเป็นเช่นนั้น“ท่านพ่อคงเห็นว่าข้าไร้ซึ่งปากเสียง ต่างจากท่านที่มักจะเก่งกาจเกินหญิง ท่านมีความสามารถรอบด้าน มีคนนับหน้าถือตามากมายอีกทั้งยังกล้าที่จะต่อคำท่านพ่อ ชีวิตท่านจึงไม่ต้องถูก ….กดดันเช่นข้า”น้ำเสียงตัดพ้อจนน่าสงสารหลินเจี้ยนหลิงก็ยังคงสงสารนางเช่นเดิมสินะ“เจ้าดีกว่าข้ามากนักเสี่ยวหลิน อย่างน้อยมารดาของเจ้าก็ไม่บังคับให้เจ้าทำเรื่องที่หนักเกินไป ข้าแต่เดิมต้องอ่านหนังสือจนดึกดื่น ตื่นตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่อที่จะมาท่องตำราแล้วยังต้องเก่งเหนือใคร ส่วนเจ้ามารดาของเจ้าแม่เล็กแค่เพียงให้เจ้าเย็บถุงหอม ทำน้ำอบก็เท่านั้น"“แล้วทำไมต้องเป็นข้า เดิมข้าอยู่แบบนี้ก็มีความสุขแล้ว ไม่เคยได้ออกไปเที่ยวเล่นผิดกับท่านที่วันๆ ขี่ม้าล่าสัตว์ฝึกกระบี่ ยิงธนูล้วนมีแต่เรื่องที่สนุกสนาน”“เสี่ยวหลินกว่าข้าจะได้มีชีวิตอิสระเจ้ารู้หรือไม่ข้าต้องผ่านอะไรมาบ้าง เคยถูกท่านแม่ตีจนปางต