โรงพยาบาล N
ร่างสูงของธามไทเดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยความเหนื่อยล้า วันนี้เขาทำหน้าที่ควงเวรผ่าตัดแทนหมอเพลิงกัลป์ ที่หนีไปสวีตกับภรรยาอย่างคุณพยาบาลลูกพีชที่กำลังงอนสามีขั้นสุด โดยทิ้งงานผ่าตัดเอาไว้ให้เขา ผู้ชายที่ยังโสดแต่ไม่ซิงทำเอาธามไทถอนหายใจแรง ๆ อย่างเหน็ดเหนื่อยตลอดการทำหน้าที่แทนเพื่อนที่ว่าง่าย ๆ ก็คือหนีงานไปง้อเมียนั่นแหละ
แต่ก็นะเรื่องแค่นี้สำหรับเพื่อนสนิทอย่างเพลิงกัลป์แล้ว เขาพร้อมที่จะช่วยเหลือเสมอ เพราะในยามที่เขาแฮงก์เอาต์จนไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงนอนมาทำงานได้ ก็ได้คุณหมอเพลิงกัลป์ที่กำลังนอนกอดเมียในวันหยุดนี่แหละ ที่ต้องแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาเข้าเวรแทนเขาเช่นกัน
หึ ๆ ทีใครทีมันอะเนอะ แต่ศีลเสมอกันแบบนี้แหละถึงคบกันได้นาน
“เพื่อนเวร เมียงอนทีไรลำบากกูทุกที เหนื่อยจะตายห่าอยู่แล้วเนี่ย”
ธามไทบ่นเบา ๆ เพียงลำพัง คุณหมอร่างสูงในชุดผ่าตัดเดินตบไหล่ด้วยความเมื่อยขบผ่านเคาน์เตอร์พยาบาลสาว ๆ ที่ต่างพากันมองเขายิ้ม ๆ แต่ธามไทกลับไม่สนใจใครเลยสักนิด
อ่า ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจผู้หญิงนะ ก็แหมเขาน่ะมันเสือตัวพ่อ แต่ที่นี่มันสถานที่ทำงานยังไงล่ะ ตามจรรณยาบรรณแพทย์แล้วคงไม่ดีหากมีปัญหาเรื่องชู้สาวในที่ทำงาน
อีกอย่างถ้าให้คบใครเป็นตัวเป็นตนคงต้องโบกมือลา แต่ถ้าชั่วคราวทีละหลาย ๆ คนแบบนั้น ธามไทคนนี้พร้อมเสมอครับ
ปึก
“โอ๊ย!!”
เมื่อเดินมาถึงทางเลี้ยว จู่ ๆ ก็มีไม้เท้าปริศนาฟาดลงบนหลังของคุณหมอธามไทอย่างแรงจนสะดุ้งสุดตัว ทั้งยังเผลอส่งเสียงร้องดัง ๆ ออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะไม้เท้าที่ฟาดลงมานั้นแรงไม่ใช่เล่น ราวกับว่าคนฟาดตั้งใจหวดหลังเขาเต็มที่อย่างไรอย่างนั้นเลย
“เจ็บนะตาแก่บ้า”
ธามไทตวัดเสียงใส่ท่านประธานโรงพยาบาลด้วยความโกรธเคือง ตาคู่คมตวัดมองผู้อาวุโสที่มาเล่นซ่อนแอบตีเขาทีเผลอ ในขณะที่ท่านประธานอย่างคุณหมอกฤษฎิ์ก็เตรียมเงื้อไม้เท้าขึ้นสูงเตรียมตีคุณหมอหน้าหล่อซ้ำอีกรอบ
แต่คราวนี้คุณหมอหนุ่มรู้ทัน จึงรีบวิ่งหนีไม้เท้ากายสิทธิ์วนไปวนมา ทำเอาผู้อาวุโสเกือบหน้ามืดเลยทีเดียว
เมื่อหมดแรงจะรังแกคุณหมอหนุ่มตัวแสบ ท่านประธานกฤษฎิ์จึงพักเอาแรงไปหยุดยืนนิ่ง ๆ แล้วหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ
“แกเป็นหมอนะเจ้าไทม์ ไม่รู้กฎระเบียบของโรง’บาลเหรอฮะ อธิบายมาว่าสีผมนี้มันยังไง!”
กฤษฎิ์ชี้หน้าด่าคุณหมอหนุ่มที่มีศักดิ์เป็นหลานชายด้วยความโมโห เมื่อคุณหมอสุดหล่อแต่ปากหมาคู่หูของหมอเพลิงกัลป์ ที่เขาตั้งฉายาให้ว่าไอ้แฝดหมอปากหมา เพราะนอกจากจะเป็นคุณหมอปากแซ่บประจำโรงพยาบาลแล้ว ยังเป็นพวกนอกรีตทำอะไรไม่เคยถูกกฎระเบียบเลยสักครั้ง
ไม่รู้พวกมันเรียนจบหมอมาได้ยังไง ทำอะไรไม่เคยอยู่กับร่องกับรอยขนาดนี้ก็ยังอุตส่าห์เรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากโรงเรียนแพทย์ในต่างประเทศต่างที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลกอีก
“ก็สีนี้มันสวยอะลุงไทม์ชอบ”
ธามไทตอบคำถามผู้เป็นลุงอย่างกวน ๆ ตามสไตล์เขา ส่วนคุณหมอกฤษฎิ์น่ะได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ แล้วยกมือขึ้นชี้หน้าหลานชายด้วยความโมโห
แหกทุกคอก แหกทุกกฎ ไม่รู้ตอนเกิดมามันกินนมผิดหรือเปล่า โตมาถึงได้ดื้อเหมือนวัวเหมือนควาย ที่บอกไม่รู้จักฟังยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหกับวีรกรรมความแสบของเด็กคนนี้ เพราะหลายครั้งมันทำเอากฤษฎิ์หัวจะปวดไม่เว้นแต่ละวัน ยังดีหน่อยที่ผลงานการผ่าตัดนั้นถือว่าเป็นเลิศ ก็ยังพอทดแทนกันได้จนเขาต้องยอมลงให้ในบางเรื่อง
“แต่มันผิดกฎระเบียบของโรงพยาบาล มีหมอที่ไหนเขาทำผมสีนี้มาทำงานบ้าง ธามแกลองแหกตาดูรอบ ๆ ตัวแกดูสิ ไม่ใช่ว่ามีแค่แกคนเดียวเหรอที่แหกคอกบอกไม่รู้จักฟัง”
“โถ่ ลุงหมอครับ ผมยังวัยรุ่นอยู่เลย อีกอย่างผมสีนี้ก็ออกจะเข้ากับเบ้าหน้าหล่อ ๆ ของผมนี่นา สาว ๆ มองแล้วโคตรแจ่มว้าวเลย”
“แจ่มแมวน่ะสิไม่ว่าไอ้หมอขี้ดื้อ โอ๊ย ความดันจะขึ้น นี่ตกลงแกย้ายมาทำงานหรือมาสร้างปัญหาให้ฉันกันแน่นะเจ้าไทม์ เฮ้อ”
กฤษฎิ์ทั้งว่าทั้งถอนหายใจให้หลานชายตัวแสบที่ไหวไหล่น้อย ๆ ด้วยความทะเล้น แต่ก็มิได้นำพาเพราะหลานชายตัวดีกลับสบโอกาสตอนที่คุณลุงเผลอ รีบใส่เกียร์หมาวิ่งหางจุกตูดกลับไปที่ห้องทำงานทันที
คุณหมอกฤษฎิ์มองภาพนั้นอย่างนึกปวดหัว ได้แต่ยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงด้วยความหัวเสียกับความเจ้าเล่ห์ของธามไท
คนแก่อย่างเขาตามไอ้เด็กบ้าที่มีศักดิ์เป็นหลานไม่เคยทันสักที
“ฝากไว้ก่อนเถอะ อย่าให้เจออีกนะพ่อจะหยุมหัวโขกกำแพงให้ดู”
ผู้อาวุโสพึมพำเสียงเบาแล้วหันหลังเดินกลับห้องทำงานของตัวเอง ไปเคลียร์งานที่คั่งค้างให้เสร็จภายในวันนี้ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ความจริงเขาควรต้องเลิกงานกลับไปหาเมียที่สุดที่รักได้แล้ว แต่ก็นะนี่คือโรงพยาบาลของเขานี่ จะให้ผู้บริหารกลับไปนอนตากแอร์สบาย ๆ มันก็คงไม่ใช่
ผับ
เมื่อหลุดออกจากความวุ่นวายในห้องผ่าตัดตลอดวันก็ได้เวลาสังสรรค์ ธามไทสลัดเสื้อกาวน์ทิ้งแล้วหันมาสวมชุดหล่อที่ดึงดูดสายตาสาว ๆ นักท่องราตรีในค่ำคืนนี้ได้เป็นอย่างดี
ร่างกำยำที่มาพร้อมความสูงเกนิมาตรฐานชายไทย เดินเข้าผับประจำเข้ามาด้วยความคุ้นเคย ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาในมุมโปรด รอไม่นานบริกรหนุ่มก็เข้ามารับออเดอร์
เขาเลือกสั่งเครื่องดื่มที่ค่อนข้างแรงกว่าปกติ เพราะตั้งใจเอาไว้แล้วว่าคืนนี้จะไม่กลับไปนอนที่คอนโด แน่นอนว่าเหนื่อยมาทั้งวัน นักท่องราตรีอย่างเขาคงไม่กลับไปนอนเฉา เพื่อนอนสักตื่นแล้วออกไปทำงานต่อหรอก เพราะที่นี่มีสิ่งน่าสนใจมากกว่าการกลับไปนอนเหงา ๆ คนเดียวที่คอนโดเสียอีก
ธามไทนั่งดื่มไปเรื่อย ๆ อยู่ในโลกส่วนตัว โดยไม่สนใจสาว ๆ ที่กำลังมองเขาอย่างเชิญชวน หรือแม้แต่สาว ๆ ที่ทำใจกล้าเดินมาขอชนแก้วเขาถึงโต๊ะ
ตอนนี้เขาแค่อยากนั่งดื่มเงียบ ๆ คนเดียวตามความตั้งใจแรก แต่ดื่มเสร็จเมื่อไหร่ก็ค่อยว่ากันอีกที เพราะจุดประสงค์ของการมาที่นี่ไม่ใช่แค่มาดื่มเพียงอย่างเดียวแน่นอน หากแต่เขาต้องการมาปลดปล่อยความต้องการทางร่างกายที่ไร้พันธะนี้ด้วยต่างหาก
อีกทางด้านหนึ่ง
“ไอ แกไม่ลองดื่มหน่อยเหรอ”
“นั่นสิไอ ค็อกเทลของที่นี่รสชาติละมุนลิ้นมากแก รับรองแกได้ลองแล้วจะติดใจ”
อันดากับแนนสองเพื่อนซี้สายปาร์ตี้เอ่ยชวนเพื่อนสาวคนใหม่ ที่มีใบหน้าสวยราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ส่วนคนที่ถูกชวนได้แต่ส่ายหน้าไปมาช้า ๆ พร้อมกับมองไปรอบ ๆ ผับด้วยความไม่คุ้นเคย
นี่คือครั้งแรกที่ไออุ่นมาเหยียบสถานที่อโคจรแห่งนี้ ตามคำชวนของสองสาวเพื่อนใหม่ที่ไออุ่นเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน หลังจากที่ย้ายโรงเรียนใหม่
เหตุผลที่สามสาวออกมายังผับวันนี้ ก็เพราะไออุ่นกำลังมีปัญหากับบิดาทำให้เธอเลือกที่จะประชดเขา ด้วยการหนีออกจากบ้านมาพักอยู่กับอันดาชั่วคราว
จะเรียกว่าหนีออกจากบ้านก็เรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะว่าบิดาของเธอก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า เธอมาพักอยู่กับใครเพราะอันดาเองก็ชอบไปนอนค้างที่บ้านของไออุ่นบ่อย ๆ พอ ๆ กับที่ไออุ่นเองนั้นก็เข้านอกออกในบ้านของอันดาเป็นประจำเช่นกัน
“อันดา แนน พวกแกอย่าดื่มเยอะสิ เดี๋ยวก็เมาหรอก”
ไออุ่นเตือนเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอสามคนเพิ่งจะอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกเอง แน่นอนว่านี่คือการหนีเที่ยว โดยเด็กมอปลายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ที่พวกเธอเข้ามาเที่ยวยังสถานที่แห่งนี้ได้ เป็นเพราะบอสแฟนของอันดาเป็นคนพาเข้ามา เพราะเขารู้จักกับคนที่ทำงานอยู่ที่นี่ พวกเธอทั้งสามคนก็เลยเข้ามาได้โดยไม่ต้องถูกตรวจบัตร ทั้งที่ความเป็นจริงนักท่องราตรีที่เข้ามาในนี้จะต้องถูกตรวจบัตรประชาชน แล้วก็ต้องมีอายุ 22 ปีขึ้นไปเท่านั้น
“เมาแล้วยังไง อันดามีพี่บอสอยู่ด้วยทั้งคน แนนเองก็มีพี่อิฐ ยังไงพวกเราก็กลับบ้านได้อยู่แล้วไอไม่ต้องห่วง เมาแค่ไหนก็ถึงบ้านแน่นอนอันดารับประกัน”
อันดาบอกไออุ่นอย่างไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจสักนิด เพราะเธอมาเที่ยวที่นี่กับแนนเป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าเมาก็แค่นอนค้างที่นี่หรือไม่ก็ไปนอนค้างที่คอนโดแฟนของพวกเธอแค่นั้นเองไม่เห็นจะยาก
แต่ในขณะเดียวกันไออุ่นเริ่มนั่งไม่ติดที่ ด้วยความที่ออกนอกลู่นอกทางครั้งแรก ตอนนี้ยิ่งรู้สึกอยากกลับบ้านเต็มทน เพราะเธอไม่ค่อยชอบสายตาของพี่บอสและพี่อิฐที่มองเธอเลยสักนิด
“น้องไอจะไม่ลองชิมหน่อยเหรอครับอร่อยนะ มันไม่ได้ขมอย่างที่ใครเขาว่าหรอก ไม่อย่างนั้นอันดากับแนนก็คงไม่สั่งมาดื่มหลายแก้วขนาดนี้”
บอสเอ่ยชวนไออุ่นด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เธอเห็นมันชัดเจนจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ สุดท้ายก็เป็นอันดาที่ยื่นแก้วเหล้ามาตรงหน้าเธออีกอยู่ดี ทั้งยังมองเพื่อนใหม่ด้วยสายตาไม่ชอบใจ
ไออุ่นไม่เข้าใจ...ในเมื่อเธอปฏิเสธไปแล้วทุกคนก็น่าจะเข้าใจแล้วว่าเธอไม่อยากดื่มสิ แต่นี่ทำไมอันดาถึงยังดื้อรั้นยื่นแก้วมาตรงหน้าเธออีก
“ลองหน่อยนะไอมันอร่อยจริง ๆ แกเชื่อเราสิ นี่อะค็อกเทลผลไม้ผสมเหล้าแค่นิดเดียวเอง ลองดู ๆ มันหวาน หอม อร่อยมาก นี่ยกให้เป็นเมนูโปรดของอันดากับแนนเอง น่านะ ลองหน่อยนะไอ น้าเพื่อนรักจ๋า”
อันดายังคงคะยั้นคะยอให้ไออุ่นดื่มค็อกเทลให้ได้ ดวงตากลมโตของเธอพยายามอ้อนไออุ่นสุดฤทธิ์ จนคนที่ไม่เคยคิดลองสุราหรือของมึนเมามาก่อนต้องยอมยื่นมือไปรับแก้วค็อกเทลเจ้าปัญหามาถือไว้ ท่ามกลางความพึงพอใจของเพื่อน ๆ และบอสกับอิฐที่หันมาสบตากันอย่างเจ้าเล่ห์
ไออุ่นค่อย ๆ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มด้วยมือที่สั่นระริก เพราะเธอไม่ได้เต็มใจดื่มเลยสักนิด หากแต่เธอทนแรงรบเร้าจากเพื่อนไม่ไหวต่างหากล่ะ จึงจำใจต้องรับมาดื่มเพื่อตัดรำคาญ
แต่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าค็อกเทลแก้วนี้ แฝงไปด้วยอันตรายบางอย่างที่เธอไม่อาจรับรู้ได้เลย
“หมดแก้ว หมดแก้ว หมดแก้ว”
เสียงปรบมือมาพร้อมกับเสียงเชียร์จากอันดาและแนน รวมไปถึงบอสกับอิฐเองที่ก็ปรบมือเชียร์ให้ไออุ่นที่กำลังทำหน้าพะอืดพะอม เพราะไม่คุ้นเคยกับรสชาติของเครื่องดื่มมึนเมาแก้วนี้
ไหนว่าอร่อยไง แล้วทำไมถึงได้มีรสขมแบบนี้เล่า!
ทว่าหลังจากอึกแรกผ่านไปความขมต้น ๆ ก็กลับกลายเป็นหวานติดปลายลิ้นเสียอย่างนั้น จนกระทั่งไออุ่นกลั้นใจดื่มมันจนหมดแก้ว ทุกคนก็พากันปรบมือเสียงดังให้ราวกับว่าเธอทำมิชชันบางอย่างผ่าน
ทว่าในความเป็นจริงแล้ว มันคือเรื่องที่ไม่สมควรทำของเด็กสาววัยเพียงสิบแปดปีอย่างเธอด้วยซ้ำ
“แกเก่งมากเลยไอ เป็นไงอร่อยเหมือนที่ทุกคนบอกไหมล่ะ”
แนนถามไออุ่นที่ส่ายหน้าไปมารัว ๆ พลางยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำเปล่าตรงหน้าขึ้นดื่ม เพื่อกลบความขมที่ยังคงมีอยู่ให้ค่อย ๆ จางหายไป พร้อมกับความรู้สึกมึนที่ศีรษะเล็กน้อยที่เริ่มเข้ามาทักทายเธอ ทำให้ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวใบหน้าของเพื่อน ๆ เริ่มบิดเบี้ยวตามการมองเห็นที่ลดลง
“หึ คออ่อนเสียจริงนะแม่สาวน้อยไร้เดียงสา”
แนนพึมพำเสียงเบาด้วยความหมั่นไส้คนที่กำลังสะบัดศีรษะไปมาเพื่อไล่ความมึน ดวงตาที่เคยเป็นมิตรบัดนี้ฉายแววเกลียดชังคนตรงหน้า
แท้ที่จริงแล้วเธอกับอันดาไม่ได้อยากมีไออุ่นเป็นเพื่อนเลยสักนิด แต่ที่พวกเธอเข้ามาตีสนิทกับหญิงสาว นั่นเป็นเพราะเธอกำลังหาโอกาสกลั่นแกล้งไออุ่นต่างหากล่ะ
ก่อนหน้าที่ไออุ่นจะย้ายมา อันดากับแนนคือรุ่นพี่ที่รุ่นน้องชายหญิงต่างก็ชื่นชมว่าสวยและน่ารักมากที่สุดของระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แต่พอไออุ่นย้ายเข้ามาเท่านั้นแหละ ทุกคนต่างก็พากันหันไปชื่นชมไออุ่นว่าสวยน่ารักและเรียนเก่งกว่าพวกเธอ ที่เคยถูกชื่นชมว่าเป็นนักเรียนหัวกะทิของโรงเรียน
เมื่อมีคนที่โดดเด่นและเก่งกว่าเข้ามา คนที่เคยเป็นที่หนึ่งอย่างอันดากับแนนจึงรู้สึกไม่พอใจ และกลายเป็นเกลียดชังไออุ่น ที่เจ้าตัวไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลยสักนิด
อันดากับแนนเข้ามาตีสนิทกับไออุ่นจนได้รับความไว้วางใจ เธอยกให้ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง ด้วยความไร้เดียงสาและมองโลกสวยตลอด
และเธอไม่เคยรู้เลยว่าแผลในใจที่กำลังเกิดขึ้นนั้น มาจากฝีมือของคนที่เธอเรียกว่าเพื่อนสนิทและยกความไว้วางใจทั้งหมดให้
“เมาแล้วมั้งนั่น”
อิฐมองเพื่อนของแฟนสาวที่เอนตัวไปมา ไออุ่นเริ่มเมาจนไม่สามารถประคองตัวเองให้นั่งนิ่งได้
อันดายกยิ้มมุมปากด้วยความสะใจเมื่อเห็นภาพนั้น ในที่สุดเวลาที่เธอรอคอยก็มาถึงสักที หึ
แม้ลึก ๆ จะรู้ว่าไออุ่นไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่ความสวยและความเก่งของเธอต่างหากที่ผิด เป็นเพราะอันดาถูกสอนมาให้เป็นที่หนึ่งเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนที่ถึงแม้ว่าเธอจะชอบเที่ยว แต่ก็ทำมันออกมาได้ดีเสมอ
แต่พอไออุ่นเข้ามา ทุกอย่างที่เคยเป็นของเธอก็ถูกแย่งไป ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่หนึ่งของชั้นเรียน หรือความสวยที่อันดามั่นใจในตัวเองมาตลอดว่าเธอสวยและน่ารักที่สุด แต่ไออุ่นกลับมาแย่งมันไปอย่างง่ายดาย
ในขณะที่เธอพยายามแทบตาย เพื่อเป็นที่หนึ่งให้มารดาภูมิใจและเป็นที่ยอมรับของคนทั้งโรงเรียน
ที่หนึ่งของโรงเรียนต้องเป็นของเธอเท่านั้น คอยดูเถอะถ้าไออุ่นเจอเรื่องที่ไม่คาดฝันเข้าไป เธอจะยังกล้ามาโรงเรียนอีกไหม
“จัดการเลยค่ะพี่บอส”
อันดาหันมาบอกแฟนหนุ่มที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ชายหนุ่มลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาคนรู้จักที่มีหน้าที่คล้ายกับแม่เล้า เธอคนนั้นมีหน้าที่คอยหาเด็กส่งให้แขกที่มาเที่ยวที่นี่...และวันนี้ไออุ่นจะเป็นคนที่ว่านั่น
“แพงไปเปล่าวะบอสสามหมื่นเนี่ย ก็แค่เด็กมัธยมดูทรงแล้วจืด ๆ มีดีแค่ยังเอ๊าะ ๆ อยู่แค่นั้นเอง ไม่ได้มีดีไปกว่าเด็กของเจ้ที่ลีลาเด็ด ๆ ตรงไหนเลย”
มินตรามองภาพสาวน้อยหน้าตาน่ารักบนหน้าจอโทรศัพท์ของเพื่อนรุ่นน้อง บอสยิ้มออกมาเล็กน้อย เมื่อรู้ว่ามินตราต้องการต่อรองราคาให้ลดลงมาอีก ถึงไออุ่นจะเด็กแต่ก็เด็ดตรงที่ยังซิงนี่ ข้อนี้นี่แหละที่จะทำให้เขาได้เงินตามที่ตกลงกับเจ้มินไว้
“ถึงน้องมันจะไม่เด็ดเท่าพี่ ๆ เขา แต่น้องมันซิงนะเว้ยเจ้ ใครบ้างจะไม่ชอบสาวซิง ๆ บอสเองยังอยากเปิดซิงน้องมันเลย ติดแค่ว่าน้องมันเป็นเพื่อนอันดาแฟนบอสแค่นั้นเอง นะเจ้...น้องมันร้อนเงิน มันเพิ่งหนีออกมาจากบ้านตัวเปล่าถือว่าช่วย ๆ เด็กมันไปนะเจ้นะ”
บอสปรุงแต่งคำพูดขึ้นมาเพื่อให้ไออุ่นดูน่าสงสาร ซึ่งมินตราเองที่พอได้ยินว่าที่ไออุ่นต้องทำเรื่องแบบนี้เพราะไม่มีเงิน ก็เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาในทันที แต่อีกใจหนึ่งก็เกิดความรู้สึกโลภ เธอคิดไว้แล้วว่าจะเอาไออุ่นไปต่อรองราคากับแขกในวันนี้ จึงพยายามต่อรองราคาให้ต่ำลง
ซิง ๆ แบบนี้ขายให้แขกแสนสองแสนคงไม่มีใครว่าแพงหรอก
“ก็ได้ๆ สามหมื่นเจ้ดีล เดี๋ยวเจ้ขอหาแขกก่อน ถ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวค่อยพาน้องขึ้นไปรอแขกที่ห้อง”
มินตรายอมตอบตกลงเพราะถูกความโลภครอบงำในที่สุด ชายหนุ่มเจ้าเล่ห์พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม เขารับเงินจากมินตราแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะทันที
“เรียบร้อยจ้ะคนสวยของพี่”
บอสยื่นหน้าไปกระซิบชิดใบหูของอันดาพลางขบเม้มเบา ๆ จนเด็กสาวขนลุกชันด้วยความสยิว ใบหน้าเล็กค่อย ๆ หันมากดจูบลงเบา ๆ ที่มุมปากของแฟนหนุ่ม ไหนจะมือซุกซนที่ยกขึ้นไปลูบไล้แผงอกแกร่งเบา ๆ อย่างยั่วยวน
“พี่บอสของอันดาน่ารักที่สุดเลย เดี๋ยวคืนนี้อันดาจะพาทัวร์สวรรค์ให้ฉ่ำปอดไปเลยค่ะ”
เสียงเล็กกระซิบบอกแฟนหนุ่มด้วยรอยยิ้มหวาน ทั้งคู่คลอเคลียจูบกันอย่างตะบี้ตะบัน มือก็เริ่มล้วงหายเข้าไปในเสื้อของกันและกัน ทำเอาไออุ่นที่นั่งอยู่ตรงข้ามตัวชาวาบด้วยคิดไม่ถึงว่า เพื่อนสาวของเธอจะกล้าทำประเจิดประเจ้อกับแฟนต่อหน้าต่อตาเธอ ซึ่งแม้จะอยากลุกหนีแต่เป็นเพราะกำลังรู้สึกมึนหัวจนแทบลุกไม่ขึ้น ทำให้ต้องจำใจมองภาพน่าอายตรงหน้าต่อไป
เธอตัดสินใจค่อย ๆ เบือนหน้าหนีไปด้านข้าง ทว่าข้างกายเธอกลับแทบช็อกยิ่งกว่า เพราะแนนกับพี่อิฐเองก็ไม่ได้ต่างจากคู่ของอันดาเลยสักนิด
เธอเห็นคนทั้งคู่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม สองมือก็ล้วงจับกันอย่างเปิดเผยไม่รู้สึกแคร์หรืออายเธอเลยสักนิด
อยู่ ๆ ความรู้สึกไว้วางใจในตัวคนที่เธอเรียกว่าเพื่อนสนิทก็ค่อย ๆ หายไป เกิดเป็นความกลัวเข้ามาแทนที่จนเริ่มน้ำตาคลอ ในชั่วขณะจู่ ๆ ร่างกายเธอก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นไออุ่นก็ทำได้เพียงนั่งกระสับกระส่ายด้วยความรู้สึกกลัวจับใจ
“เรียบร้อยครับคุณไทม์ นี่กุญแจห้องครับ”
วัตรเด็กในผับที่คุ้นเคยและสนิทสนมกับธามไทเป็นอย่างดีเดินเอากุญแจห้องพักมาให้เขา ร่างสูงของคุณหมอที่สลัดคราบมาเป็นหนุ่มฮอตยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกจนหมดแก้ว แล้วเดินช้า ๆ ขึ้นไปบนห้องที่กำลังจะกลายเป็นสนามรักชั่วคราวของเขาในไม่อีกกี่นาทีข้างหน้าทันที
“ไอแกเมามากแล้ว เดี๋ยวอันดาพาไปนอนพักนะ”
เมื่อเจ้มินตราเดินเข้ามาบอกให้ส่งไออุ่นไปให้แขกได้แล้ว อันดาก็รีบเข้ามาประคองกอดเพื่อนสาว ที่กำลังนั่งมึนจนไม่สามารถประคองสติได้ อีกทั้งอาการกระสับกระส่ายที่เกิดขึ้นทำให้ไออุ่นรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ อย่างบอกไม่ถูก
“อันดา ไออยากกลับบ้าน”
ไออุ่นเงยหน้าขึ้นบอกเพื่อนที่ส่งยิ้มหวานเคลือบยาพิษให้ ก่อนที่อันดาจะแสร้งพยักหน้ารับแล้วหันไปเรียกแนนให้มาช่วยเธอประคองไออุ่นขึ้นไปส่งแขกที่ชั้นบน
“โอเคจ้ะไอ แต่ก่อนกลับไอไปนอนพักก่อนนะ เดี๋ยวอันดากับแนนดื่มเสร็จแล้วจะรีบขึ้นไปรับไอกลับบ้านเลย”
อันดาบอกไออุ่นเสียงหวาน ก่อนที่เด็กสาวทั้งสองคนจะรีบช่วยกันประคองไออุ่นขึ้นไปที่ห้องของแขกที่เจ้มินตราบอกมา
เมื่อเดินขึ้นมาจนถึงหน้าประตูห้อง แนนก็เคาะประตูห้องสามครั้งส่งสัญญาณให้คนด้านในรับรู้ ประตูที่ปิดสนิทก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังประตู ทำเอาอันดากับแนนยืนนิ่งอึ้งไปอย่างตะลึงกับความหล่อของคนตรงหน้า
ธามไทขมวดคิ้วมุ่นมองเด็กสาวทั้งสองคนที่กำลังประคองอีกคนที่คอพับคออ่อนอยู่ด้วยความสงสัย เพราะปกติแล้วสาว ๆ ที่เขาเสียเงินดีลมาจะเดินขึ้นมาเพียงลำพัง แต่สาวน้อยคนนี้มีสภาพราวกับคนเมาที่ดื่มเข้าไปมากจนเพื่อนต้องหิ้วปีกขึ้นมาส่ง
เอ๊ะ หรือเด็ก ๆ พวกนี้จะเคาะประตูผิดห้องกันนะ
“อะ เอ่อ พวกหนูพาเพื่อนมาส่งค่ะ เจ้มินบอกให้พวกหนูพาไอมาส่งที่ห้อง เอ่อ ห้อง 906 ค่ะ”
แนนรีบบอกพี่ผู้ชายหน้าตาดีที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนที่อันดาจะผลักไออุ่นเข้าสู่อ้อมกอดของชายหนุ่ม ท่าทางจะล้มแหล่มิล้มแหล่ของเด็กสาวทำให้เขาต้องรีบอ้าแขนไปรับด้วยกลัวว่าเธอจะล้มหน้าทิ่มไปก่อน
“อื้อ อันดาพาไอกลับบ้านที ไออยากกลับบ้าน”
ไออุ่นที่อยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของชายแปลกหน้าร้องขึ้นมาเสียงเบา จนแนนกับอันดาที่มีชนักติดหลังรีบหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ เพราะกลัวเพื่อนจะได้สติขึ้นมาโวยวายจนแผนของพวกเธอล่มไม่เป็นท่า
“เอ่อ พวกเราฝากเพื่อนด้วยนะคะพี่ พอดีเป็นครั้งแรกไอก็เลยดื่มย้อมใจจนเมา ยังไงก็ขอให้พี่มีความสุขกับเพื่อนพวกหนูคืนนี้นะคะ บายค่ะ”
เป็นอันดาที่รีบชิงพูดก่อนที่ไออุ่นจะเผลอพูดอะไรมากไปกว่านี้ เด็กสาวทั้งคู่รีบก้มหัวให้ชายหนุ่มแล้วจูงแขนพากันหนีลงมายังชั้นล่างทันที โดยไม่ได้นึกห่วงคนที่ตัวเองเรียกว่าเพื่อนที่อยู่กับผู้ชายแปลกหน้าเลยสักนิด
ลับหลังสองสาวที่พากันวิ่งลงไปข้างล่างแล้ว ธามไทก็ตวัดแขนอุ้มร่างบอบบางของหญิงสาวตัวเล็กขึ้นแล้วจัดการอุ้มเธอมาวางลงบนเตียง
เส้นผมที่ปรกใบหน้าของเด็กสาวเอาไว้ ทำให้ธามไทรู้สึกขัดใจไม่น้อยจนต้องยื่นมือมาเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าเนียนของคนที่พยายามลืมตาขึ้น
เหี้ย น่ารักฉิบหาย
ร่างสูงเอ่ยอุทานในใจด้วยความตกตะลึง เด็กสาวคนนี้มีใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มชวนสะกดใจ ไหนจะตาแป๋ว ๆ ที่ลืมตามองเขานั่นอีก เหมือนโดนความน่ารักจู่โจมเข้าเต็มเปา
แต่ไออุ่นที่เริ่มมีสติ หลังลืมตามองภาพตรงหน้าได้สักระยะก็เริ่มออกแรงดิ้นไปมาอย่างกระสับกระส่าย เธอรู้สึกไม่สบายตัว มันเหมือนมีบางอย่างที่ไออุ่นเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกำลังร้อนรุ่มอยู่ภายใน
“ร้อน อื้อ ไออุ่นร้อน”
เสียงเล็กพึมพำเบา ๆ ฟังแทบไม่ได้ศัพท์ ไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มงงนาน จู่ ๆ สองมือน้อย ๆ ก็ค่อย ๆ ดึงทึ้งเสื้อกล้ามตัวเล็กออกจากตัวอย่างทุลักทุเล
แน่นอนว่าพ่อเสืออย่างธามไทที่กำลังมองอยู่ ย่อมให้ความร่วมมือช่วยมือน้อย ๆ ถอดปราการอันเกะกะออกจากตัว เพียงเขากระชากทีเดียว เสื้อกล้ามที่มองว่ามันคือเศษผ้าก็หลุดออกจากร่างบอบบางอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นเต้าอวบใหญ่กลมกลึงสะกดสายตาหื่นกระหาย
คุณหมอหนุ่มลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก จู่ ๆ ลำคอก็แห้งผากด้วยความกระหายใคร่อยากสัมผัสความเย้ายวนตรงหน้า
“อื้อ อ๊า ไออุ่นร้อน ฮือ ร้อน”เมื่อเสื้อตัวบางหลุดออกไปจากร่างขาวผ่อง ไออุ่นก็ยังคงรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วสรรพางค์กาย ดวงตาฉ่ำหวานเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างธามไท ราวกับกำลังอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่ได้รับกลับตรงกันข้าม เมื่อธามไททิ้งตัวลงมาทาบทับร่างบางเอาไว้จนทำให้เธอไม่สามารถขยับตัวได้ ทำได้เพียงนอนรอสัมผัสอันวาบหวามของเขา“หึ เดี๋ยวฉันจะทำให้เธอหายร้อนเองสาวน้อย”เสียงทุ้มกระซิบชิดแก้มเนียนหอมกรุ่น ทำเอาไออุ่นชะงักไปเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำความเข้าใจกับความหมายของเขา ริมฝีปากอวบอิ่มก็ถูกประกบจูบอย่างเร่าร้อนโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวเสียงหอบหายใจของสองร่างที่กำลังแลกลมหายใจอย่างดูดดื่มดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ราวกับเสียงระฆังปลุกสติของหญิงสาว จากที่กำลังรู้สึกทรมานจากความร้อนผ่าวที่แล่นไปทั่วร่าง กลับกลายเป็นความตกใจและรู้สึกกลัวเมื่ออยู่ ๆ จูบแรกของเธอก็ถูกผู้ชายคนนี้ช่วงชิงไปอย่างอุกอาจ“อื้อ อ่อย ไออุ่น อ๊ะ”เสียงเล็กครางอู้อี้อยู่ในลำคอ แต่ตอนนี้ธามไทไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาสนเพียงความหอมหวานจากริมฝีปากอวบอิ่ม ที่เมื่อได้สัมผัสอย่างจาบจ้วงก็เกิดติดใจ ทำเอาผ
เช้าวันต่อมา“ฮึก ฮือ ฮือ”ธามไทลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เมื่อเสียงสะอื้นไห้ของใครบางคนปลุกเขาให้ตื่นจากห้วงฝันแสนหวาน ร่างสูงผุดลุกขึ้นพร้อมกับสะบัดศีรษะไปมาเพื่อเรียกสติ ก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับร่างบางที่กำลังนั่งคุดคู้อยู่บนพื้น โดยมีผ้าห่มผืนใหญ่พันร่างกายเอาไว้ดวงตากลมโตของเธอฉ่ำวาวไปด้วยหยาดน้ำตา มองดูแล้วก็นึกสงสารอยู่ไม่น้อย แต่แล้วอย่างไรเล่าถึงเธอจะบริสุทธิ์ไร้มลทิน ทว่าเขาก็ตอบแทนความบริสุทธิ์ของเธอไปแล้วด้วยความสุขสมไม่ใช่หรือ เช่นนั้นแล้วก็ไม่จำเป็นต้องสงสารเธอสักนิดเขาได้ความบริสุทธิ์ของเธอ ส่วนเธอก็ได้เงินจากเขา ข้อตกลงนี้ถือว่าวินวินกันทั้งสองฝ่าย เขาไม่เห็นว่าจะมีใครได้เปรียบเสียเปรียบนี่ธามไทไม่ได้ให้ความสนใจร่างเล็กที่นั่งร้องไห้เงียบ ๆ อีกต่อไป เขาลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยเนื้อตัวเปล่าเปลือย ทำเอาคนที่เหลือบมาเห็นใบหน้าขึ้นสีแดงอย่างห้ามไม่อยู่ แต่เมื่อตั้งสติได้ก็รีบหันหน้าหนีไปทางอื่นทันทีเมื่อเสียงประตูห้องน้ำปิดลง ไออุ่นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาอันดากับแนน แต่ไม่ว่าจะกดโทรออกกี่สาย กลับได้ยินแต่เสียงบริการรอสาย ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่า
สวนสาธารณะธามไทค่อย ๆ ใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผลให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ เมื่อเห็นคนเจ็บชักมือหลบ ก็จับมือบางไว้แล้วเป่าเบา ๆ ลงบนแผล ราวกับกำลังปลอบประโลมคนที่เอาแต่นั่งร้องไห้ตอนนี้ให้หายเจ็บแผลตั้งแต่ที่เขาพาเธอมาที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ กับที่เกิดเหตุ เด็กสาวก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้ไม่สนใจโลกจนเขาเหนื่อยแทนไม่รู้ว่าที่ร้องไห้นั้นเพราะกำลังเจ็บแผล หรือว่าเสียใจที่โดนเพื่อนรักหักหลัง แต่ดูจากน้ำตาที่ไหลราวกับเขื่อนแตก สงสัยจะเป็นอย่างหลังมากกว่าไออุ่นมองผู้ชายที่กำลังทำแผลให้เธอด้วยดวงตาพร่ามัว ดวงตาคู่กลมเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา สักพักหยดน้ำใส ๆ ก็ค่อย ๆ รินไหลกระทบลงบนแขนของธามไทคุณหมอที่กำลังพันแผลให้คนไข้เฉพาะกิจชะงักไปเล็กน้อย เงยหน้ามองเธอแวบหนึ่งแล้วผละมาทำแผลให้จนเสร็จเรียบร้อย ก่อนลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ เธอบนม้านั่ง“นี่กะจะร้องไห้ทั้งวันเลยหรือไง ตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้เธอยังไม่หยุดร้องไห้เลยนะสาวน้อย สงสัยคงอยากได้ถ้วยสินะ”คุณหมอเอ่ยพูดติดตลกทำลายบรรยากาศอึมครึมรอบตัว คนที่กำลังร้องไห้อยู่หยุดคิดตามคำพูดของเขาชั่วครู่ เธอเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตามองหน้าอีกฝ่ายด้วยความงุนงงใบห
คอนโดธามไทไออุ่นมองเสื้อผ้าที่ตอนนี้กลายเป็นเศษผ้าในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า มือบางค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบเสื้อผ้าออกมาทีละชุด สักพักหยดน้ำตาก็กลิ้งหล่นลงบนพวงแก้มเนียนด้วยความเสียใจ เมื่อชุดนักเรียนและชุดไปรเวทของเธอเต็มไปด้วยรอยตัดจากกรรไกรจนขาดวิ่นธามไทมองไหล่บอบบางที่สั่นสะท้านด้วยความรู้สึกเห็นใจไม่น้อย มือใหญ่ค่อย ๆ เอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้เด็กสาวด้วยความสงสาร ทำเอาคนที่กำลังร้องไห้อยู่ชะงักไปด้วยความตกใจ ด้วยไม่คิดว่าผู้ชายที่ชวนเธอมาพักอยู่ด้วยชั่วคราวจะอ่อนโยนถึงเพียงนี้อยู่ ๆ ใจดวงน้อยก็เต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกหวั่นไหวที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นภายในใจโดยที่ไออุ่นไม่รู้ตัว“ร้องไห้ไปก็เท่านั้น ช่างมันเถอะ เสื้อผ้าขาดแล้วก็แล้วไป ฉันพาเธอไปซื้อใหม่ก็ได้ ไม่เห็นต้องเสียดายเลยนี่”ธามไทบอกอีกคนที่ยิ่งเศร้าใจหนักไปกว่าเดิม เพราะตอนนี้แม้แต่เงินติดตัวเธอยังไม่มีสักบาท จะให้โทรไปขอความช่วยเหลือจากน้าญาดาน้องสาวของมารดาที่ล่วงลับไปก็รู้สึกเกรงใจเป็นเพราะตอนที่เธอออกจากบ้านมา น้าญาดาก็โอนเงินมาให้เธอไว้ใช้จ่ายตั้งห้าหมื่นบาทแล้ว แต่ตอนนี้เงินก้อนนั้นหายไปพร้อม ๆ กับกระเป
ธามไทเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยกมือขึ้นมาขยี้ตาอย่างงัวเงีย ร่างเล็กไม่ตอบในทันทีแต่ค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นด้วยความรู้สึกง่วงซึมและรู้สึกเจ็บที่ก้น แต่ถึงอย่างนั้นความง่วงก็ทำให้เธอเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนโดยไม่สนใจร่างสูงของธามไทเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังมีใจส่งเสียงงัวเงียเอ่ยตอบธามไทกลับไป“ประตูไม่ได้ล็อกค่ะไอก็เลยเปิดเข้ามา ห้องนั้นน่ากลัวไอไม่กล้านอนคนเดียว”ไออุ่นตอบกลับธามไททั้ง ๆ ที่ยังคงหลับตาอยู่ ส่วนมือบางก็เอื้อมไปดึงผ้าห่มผืนใหญ่มาห่มแล้วนอนหลับอย่างสบายใจ โดยไม่ได้สนใจธามไทที่ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความงุนงงเลยแม้แต่น้อยเขากำลังนึกคิดว่าเธอเข้ามาห้องของเขาตอนไหน เพราะเขาไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด แล้วเมื่อครู่ยังคว้าเธอเข้ามากอดราวกับเป็นหมอนข้างอีก สักพักภาพในหัวของชายหนุ่มก็ตัดมาตอนที่กำลังนอนหลับฝันดี จู่ ๆ ก็สะดุ้งตัวตื่นจากฝันร้ายจนเผลอถีบคนตัวเล็กจนตกเตียงอีก“แต่นี่มันเช้าแล้ว กลับไปนอนที่ห้องของเธอได้แล้ว”ธามไทบอกไออุ่นที่ยังคงนอนหลับสบาย ร่างกำยำค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ ๆ เธอแล้วเขย่าที่ไหล่บางเบา ๆ เพื่อปลุกให้เธอกลับไปนอนที่ห้อง ทว่ากลับไร้การตอบสนองใด ๆ จากคนที่กำลังนอนหลับด้วยค
“นี่ไปเดินห้างนะไม่ได้ไปเที่ยวผับ”ธามไทท้วงไออุ่นอย่างรู้สึกขัดตาและขัดใจ เมื่อกระโปรงที่เธอสวมมันสั้นจนแทบโชว์แก้มก้นอยู่แล้ว ส่วนเสื้อก็ตัวเล็กเกินไปจนปิดหน้าอกของคนตัวเล็กแทบไม่มิดกลับกันไออุ่นได้แต่ทำหน้างง ๆ เพราะชุดที่เธอกำลังใส่อยู่ ธามไทเป็นคนสั่งมาให้เธอเองเพื่อให้เธอมีชุดใส่บ้าง แต่พอเธอใส่ออกมาเขากลับบอกว่าเหมือนชุดไปเที่ยวผับเสียอย่างนั้น...เอาใจไม่ถูกแล้วนะ“แต่พี่เป็นคนสั่งมาให้ไอเองนะคะ” คำพูดของเด็กสาวทำเอาคิ้วที่กำลังขมวดมุ่นด้วยความขัดใจคลายลงทันตาเห็น คนขี้เก๊กที่ถูกช็อตฟีลกะพริบตาปริบ ๆ แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขึ้นมาทันที กลายเป็นไออุ่นเองที่เริ่มรู้สึกหมั่นไส้กับอาการที่คล้ายจะเป็นไบโพลาร์ของเขา“ฉันสั่งมาสองชุดนี่ งั้นไปเปลี่ยนอีกชุดสิ น่าจะเรียบร้อยมากกว่านี้”คนหน้ามึนบอกไออุ่นด้วยใบหน้าเรียบเฉย เด็กสาวย่นจมูกใส่คนเอาแต่ใจด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ยอมหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อเปลี่ยนชุดตามคำสั่งของเขาชุดเอี๊ยมกระโปรงสีครีมน่ารักสมวัยเป็นตัวที่ถูกเลือก ก็นับว่าเขาเป็นคนมีสไตล์คนหนึ่งที่เลือกเสื้อผ้าถูกใจเธอรอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าของเด็กสาว เธอเอื้อมไ
“ฮ่า อิ่มจังเลย ขอบคุณนะคะที่ให้ยืมเงินซื้อเสื้อผ้า แถมยังใจดีเลี้ยงชาบูไออีก พี่ป๋าจัง...”ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มทันทีที่กลับถึงคอนโด แล้วหันมายกมือไหว้ขอบคุณคนที่เธอเรียกว่าป๋าอย่างขำ ๆ ริมฝีปากอิ่มฉีกยิ้มกว้างให้เขาด้วยความจริงใจจนตาหยี ในขณะที่คนรับบทป๋าสายเปย์ทำเพียงฉีกยิ้มตอบกลับเธอเพียงแวบเดียวเท่านั้น สักพักก็กลับไปทำหน้านิ่งเหมือนเดิม เมื่อย้อนคิดไปถึงวีรกรรมที่แสนแสบของคนตัวเล็กเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาภาพเด็กสาวที่บอกว่าตัวเองเป็นคนง่าย ๆ แต่ตอนนั้นกำลังงอแงอยากกินชาบูทั้งยังรุงรังกอดแขนเขาไม่ยอมปล่อย แถมยังทำท่าจะร้องไห้อยู่ที่หน้าร้านจนคนผ่านไปผ่านมามองเขาด้วยสายตาตำหนิไม่อาจรู้ได้ว่ามองด้วยสายตาแบบไหน แต่ที่ได้ยินลอย ๆ ผ่านหูมาคือทุกคนเข้าใจว่าเขาคือพี่ชายใจร้ายที่ไม่ยอมตามใจน้องสาวที่อยากกินชาบู และแน่นอนว่าต่อให้ธามไทจะบอกว่าตัวเองหน้าหนาขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วคนที่ไม่ชอบกินชาบูอย่างเขา ก็จำใจยอมให้ไออุ่นควงแขนลากเข้าร้านด้วยรอยยิ้ม ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเบะปากน้ำตาจะเล็ดอยู่เลยเฮอะ เอารางวัลออสการ์ไปเลยเถอะ ถ้าจะเปลี่ยนอารมณ์ไวจนเขาตามไม่ทันแบบนี้“ใจดีหรือจำ
เช้าวันจันทร์ไออุ่นที่อยู่ในชุดนักเรียนค่อย ๆ เปิดประตูเดินออกมาจากห้องนอนแล้วมานั่งลงบนโต๊ะทานข้าว พลางชำเลืองมองไปทางห้องครัวเป็นระยะ ๆ ด้วยความหิว เพราะปกติแล้วเธอจะทานมื้อเช้าเวลาหกโมงครึ่ง แต่วันนี้พ่อครัวของเธอยังปรุงข้าวต้มหมูไม่เสร็จเลย“พี่ไทม์ขา หนูไอหิวข้าวแล้วนะคะ”สรรพนามเรียกขานเขาที่เปลี่ยนไปพร้อม ๆ กับคำแทนตัวเองที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู ทำเอามือที่กำลังคนข้าวต้มในหม้ออ่อนแรงจนแทบทำตะหลิวหลุดมือเพราะตั้งแต่ที่เขาให้ไออุ่นมาอาศัยอยู่ด้วย เธอมักจะเรียกเขาด้วยคำว่าคุณในช่วงแรกไม่ก็เรียกพี่เฉย ๆ มาตลอด แต่มาเช้านี้เธอกลับเรียกเขาว่าพี่ไทม์ด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย ฟังแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้ากับเขาสักเท่าไหร่นักเราไม่ได้เป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาสักหน่อย จะมาเรียกพี่อะไรกันล่ะยัยหนู แต่ห่างกันตั้ง 9 ปีขนาดนี้เรียกเฮียไทม์ยังน่าฟังกว่าตั้งเยอะ“เสร็จแล้ว ๆ เร่งกันขนาดนี้มาทำเองเลยไหมยัยหนูไอ”ถึงตัวจะอยู่ในครัว แต่ธามไทก็ยังตอบโต้ด้วยประโยคที่คนฟังอยากจะบึนปากใส่อย่างงอน ๆทำมาเป็นแขวะเธอ ที่จริงเขานั่นแหละตื่นสายจนทำให้มื้อเช้าของเธอต้องเลื่อนเวลาออกไปรอไม่นานร่างสูงของธามไทจก