เช้าวันต่อมา
“ฮึก ฮือ ฮือ”
ธามไทลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เมื่อเสียงสะอื้นไห้ของใครบางคนปลุกเขาให้ตื่นจากห้วงฝันแสนหวาน ร่างสูงผุดลุกขึ้นพร้อมกับสะบัดศีรษะไปมาเพื่อเรียกสติ ก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับร่างบางที่กำลังนั่งคุดคู้อยู่บนพื้น โดยมีผ้าห่มผืนใหญ่พันร่างกายเอาไว้
ดวงตากลมโตของเธอฉ่ำวาวไปด้วยหยาดน้ำตา มองดูแล้วก็นึกสงสารอยู่ไม่น้อย แต่แล้วอย่างไรเล่าถึงเธอจะบริสุทธิ์ไร้มลทิน ทว่าเขาก็ตอบแทนความบริสุทธิ์ของเธอไปแล้วด้วยความสุขสมไม่ใช่หรือ เช่นนั้นแล้วก็ไม่จำเป็นต้องสงสารเธอสักนิด
เขาได้ความบริสุทธิ์ของเธอ ส่วนเธอก็ได้เงินจากเขา ข้อตกลงนี้ถือว่าวินวินกันทั้งสองฝ่าย เขาไม่เห็นว่าจะมีใครได้เปรียบเสียเปรียบนี่
ธามไทไม่ได้ให้ความสนใจร่างเล็กที่นั่งร้องไห้เงียบ ๆ อีกต่อไป เขาลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยเนื้อตัวเปล่าเปลือย ทำเอาคนที่เหลือบมาเห็นใบหน้าขึ้นสีแดงอย่างห้ามไม่อยู่ แต่เมื่อตั้งสติได้ก็รีบหันหน้าหนีไปทางอื่นทันที
เมื่อเสียงประตูห้องน้ำปิดลง ไออุ่นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาอันดากับแนน แต่ไม่ว่าจะกดโทรออกกี่สาย กลับได้ยินแต่เสียงบริการรอสาย ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก ราวกับว่าเพื่อนสาวทั้งสองคนจงใจปิดเครื่องเพื่อตัดขาดการติดต่อกับเธอ
“อะ เอ่อ พวกหนูพาเพื่อนมาส่งค่ะ เจ้มินบอกให้พวกหนูพาไอมาส่งที่ห้อง เอ่อ ห้อง 906 ค่ะ”
“เอ่อ พวกเราฝากเพื่อนด้วยนะคะพี่ พอดีเป็นครั้งแรกไอก็เลยดื่มย้อมใจจนเมา ยังไงก็ขอให้พี่มีความสุขกับเพื่อนพวกหนูคืนนี้นะคะ บายค่ะ”
ประโยคของคนที่เธอเรียกว่าเพื่อนรักดังก้องขึ้นในหัว เมื่อรับรู้ความจริงที่โหดร้าย ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ เมื่อเพื่อนที่เธอรักและไว้ใจกล้าทำร้ายจิตใจกันถึงเพียงนี้
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เธอนึกไปถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เพื่อน ๆ ในห้องหลายคนพยายามบอกเธอว่าอันดากับแนนไม่ใช่คนดี แต่เธอกลับไม่เชื่อคำพูดของพวกเขาเลยสักนิด จนสุดท้ายแล้วเธอก็พลาดพลั้งเข้าจนได้ ความร้ายกาจที่เคยได้ยินมาไม่ผิดไปจากความจริงแม้แต่น้อย
เธอมันโง่เองที่รักและไว้ใจเพื่อนทั้งสองคนทุกอย่าง ถึงแม้บางครั้งจะได้ยินคำพูดที่เหน็บแนมอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเรื่องการเป็นที่หนึ่งทุกวิชาของเธอ แต่ด้วยความที่เธอเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ทำให้หลายครั้งก็ไม่ติดใจและปล่อยผ่านเรื่องพวกนั้นไป จนวันนี้ที่ไออุ่นรู้ซึ้งแล้วว่า ใจแลกใจใช้ไม่ได้กับทุกคน เพราะถ้าแลกกันได้จริง ๆ เธอคงไม่ต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้หรอก
แกรก
แอด
เสียงประตูห้องน้ำที่เปิดออกมาพร้อมกับร่างสูงของเขา ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ของเธอไป
ไออุ่นปรายตามองชายหนุ่มแปลกหน้าแค่เพียงเล็กน้อย คาดเดาว่าเขาน่าจะอายุมากกว่าเธออยู่หลายปี ร่างเล็กสูดลมหายใจแล้วยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าเนียน เสียงสูดน้ำมูกดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนที่กำลังหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมให้หยุดชะงัก
เสียงสูดน้ำมูกของเธอดูจะเป็นธรรมชาติเสียเหลือเกินนะสาวน้อย
ธามไทนึกขบขันในใจ เพราะในขณะที่ผู้หญิงหลายคนนั้นมักระวังการกระทำทุกครั้งที่อยู่ใกล้ชิดเขาเพราะรู้สึกเขินอาย แต่สาวน้อยคนนี้กลับกล้าสูดน้ำมูกต่อหน้าเขาเนี่ยนะซ้ำยังเสียงดังอีกด้วย
อืม เป็นผู้หญิงที่แปลกดีจริง ๆ
“สวยน่ารักแต่แปลกเหรอ หึ ๆ”
ธามไทพึมพำเสียงเบาคนเดียว แล้วหันไปจัดการตัวเอง เขาติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายเสร็จพอดี ระหว่างทั้งสองคนนั้นเงียบไร้เสียงสนทนา จนกระทั่งแต่งตัวเสร็จคุณหมอก็เตรียมตัวเดินออกไปจากห้อง แต่ยังไม่ทันที่สองขาจะก้าวเดินไปถึงหน้าประตู กลับมีมือบางมาคว้ามือใหญ่เอาไว้ก่อน จนเขาต้องหยุดรอแล้วหันไปเลิกคิ้วใส่เป็นเชิงถามสาวน้อยตรงหน้า
“เอ่อ...คือ คือว่า ไอขอติดรถไปด้วยได้ไหมคะ หมายถึงลงแถวไหนก็ได้ค่ะที่พี่สะดวก พอดีไอติดต่อเพื่อนไม่ได้เลย”
ไออุ่นเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า เผยให้เห็นดวงตากลมโตแดงช้ำจากการนั่งร้องไห้นานถึงสองชั่วโมง เธอเอ่ยขอร้องชายแปลกหน้าที่เธอไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขา แต่กลับถูกเขากระทำย่ำยีทั้งคืน
ซึ่งตามจริงแล้วเธอควรจะเกลียดเขาด้วยซ้ำที่เขาทำแบบนั้นกับเธอ แต่คิดอีกทีเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกิดจากเขาทั้งหมด หากแต่มันเกิดจากการกระทำที่แสนเลวทรามของเพื่อนทั้งสองคนของเธอต่างหาก
ถึงเธอจะเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้เธอจำเป็นต้องพึ่งพาเขา ถ้าจะให้พูดก็คือตอนนี้เธอไม่มีเงินสดติดตัวสักบาท ดูท่ากระเป๋าน่าจะอยู่ที่เพื่อนทรยศทั้งสอง อีกอย่างบัญชีเงินฝากของเธอก็ถูกบิดาอายัด ทำให้ไม่สามารถถอนเงินจากบัญชีเงินฝากออกมาได้เลย ตราบใดที่เธอยังไม่ยอมกลับบ้านตามที่บิดาลั่นวาจาเอาไว้
ทางเลือกเดียวของเธอตอนนี้คือการยอมหลับตาข้างเดียว แล้วร้องขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มตรงหน้า
“ถ้าจะติดรถไปด้วยก็รีบลุกขึ้นไปแต่งตัว ฉันไม่มีเวลารอเธอทั้งวันหรอกนะสาวน้อย”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คำพูดราวกับจิกกัดเล็ก ๆนั่นทำให้เธอรีบลุกขึ้นยืนโดยมีผ้าห่มผืนใหญ่พันร่างกายเอาไว้ รีบเดินไปหยิบเสื้อผ้าแล้วพาร่างเปลือยเปล่าเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยความทุลักทุเล เพราะผ้าห่มผืนใหญ่ที่พันร่างกายของเธออยู่ช่างเทอะทะสิ้นดี แต่จะปล่อยมันลงก็ทำไม่ได้ แม้มันจะค่อนข้างขัดขวางจังหวะการก้าวเดินให้สะดุดจนเกือบหกล้มก็ตาม
ภาพความเงอะงะตรงหน้า ทำให้คนที่นั่งรออยู่บนเตียงแอบหลุดยิ้มขำออกมาโดยไม่รู้ตัว
ไออุ่นแต่งตัวด้วยความเร่งรีบ แต่เมื่อเธอเห็นสภาพรอยแดงช้ำตามลำคอ ก็ทำเอาเธอรู้สึกอายจนไม่กล้าออกมาจากห้องน้ำเลย
คุณหมอที่นั่งรออยู่นานรู้สึกผิดสังเกต จึงเดินไปเคาะประตูเรียกอีกฝ่ายให้ออกมาจากห้องน้ำ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“นี่แม่สาวน้อย เธอกะจะเข้าไปนอนในนั้นต่อหรือยังไง นี่มันเกือบยี่สิบนาทีแล้วนะ มัวทำอะไรครับทำไมไม่ยอมออกมาสักที”
เสียงเคาะประตูจากด้านนอกทำไออุ่นสะดุ้งด้วยความตกใจ ไหนจะน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะไม่พอใจของเขาอีก
ไออุ่นยกมือขึ้นลูบบริเวณลำคอขาวผ่องที่เป็นรอยแดง ไหนจะรอยจ้ำทั่วร่างอีก แม้แต่โคนขาด้านในเขาก็ไม่เว้น เธอมองร่องรอยพวกนั้นด้วยความเศร้าใจ แล้วตัดสินใจเปิดประตูออกมาในจังหวะที่ธามไทกำลังยกมือเคาะประตูอีกครั้งพอดี
คุณหมอในชุดเที่ยวของเมื่อคืนลดมือลงอย่างเก้อ ๆ เขามองหน้าเธอครู่หนึ่ง แล้วเสสายตาเหลือบไปเห็นรอยแดงช้ำเป็นจ้ำ ๆ ตามลำคอของเด็กสาว แน่นอนว่ามันเกิดจากฝีมือของเขา นั่นยิ่งทำให้รู้สึกละอายใจไม่น้อย
ร่างสูงใช้เวลาประมวลผลครู่หนึ่ง เมื่อเห็นชุดเสื้อกล้ามตัวบางและกระโปรงยีนบนร่างของเด็กสาว ถ้าเธอกลับบ้านด้วยสภาพนี้ มันคงทำให้ใครต่อใครมองเธอไม่ดีอย่างแน่นอน
พึ่บ
ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีเสื้อหนังราคาแพงคลุมลงบนตัว เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ แต่ภายในใจนั้นกลับรู้สึกดีใจไม่น้อย เพราะหากให้เธอออกไปจากที่นี่ในสภาพนี้ คงได้รับสายตาแปลก ๆ จากคนรอบข้างแน่...อย่างน้อยเขาก็ยังมีน้ำใจ มั้ง...
“ถือว่าเป็นการรับผิดชอบที่ทำให้เธอช้ำไปทั้งตัวแล้วกัน”
จบประโยคธามไทก็หมุนตัวเดินนำหน้าออกไปจากห้องทันที ไออุ่นกำลังจะอ้าปากเรียกแต่ก็กลัวเขารำคาญ จึงรีบหันไปหยิบโทรศัพท์แล้วออกจากห้องเดินตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปเงียบ ๆ
ทุกจังหวะก้าวเดินไออุ่นรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ตรงนั้นไม่น้อย แต่เธอก็กัดฟันทนเดินตามเขาไปจนถึงรถซูเปอร์คาร์คันหรู อีกฝ่ายหันมามองเล็กน้อยแล้วเปิดประตูรถด้านข้างคนขับให้อย่างว่าง่าย เธอจึงรีบก้าวขึ้นรถไปอย่างไม่อิดออด
คุณหมอจัดการปิดประตูรถหลังจากที่ส่งร่างเล็กขึ้นไปนั่งแล้ว ขายาวเดินอ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่ง ไม่ลืมเอ่ยบอกให้เธอคาดเข็มขัดนิรภัย เสตามองเล็กน้อยเมื่อเธอจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็เร่งออกรถและมุ่งสู่ถนนใหญ่เพื่อเดินทางกลับคอนโด
ระหว่างการเดินทางไออุ่นพยายามกดโทรศัพท์โทรออกหาสองคนนั้นด้วยความกระวนกระวายใจ ใบหน้าสวยหวานในยามนี้ฉายแวววิตกกังวล ทำเอาคนที่ทำทีตั้งหน้าตั้งตาขับรถ แต่แอบชำเลืองมองสาวน้อยข้างกายเป็นระยะ อดไม่ได้ที่จะถามถึงที่อยู่ด้วยนึกสงสารที่ไม่มีใครรับสายเธอสักคน
“เธอพักที่ไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง”
เป็นอีกครั้งที่ธามไททำให้ไออุ่นแปลกใจ เธอแค่ขอเขาติดรถมาลงกลางทางแล้วจะหาทางกลับบ้านของอันดาเอง ด้วยไม่อยากรบกวนเขามาก ถึงแม้จะไม่มีเงินติดตัวสักบาทก็ตาม
“ฉันจำได้ว่าเมื่อคืนเธอร้องครางดังมากเลยนะ แล้วทำไมตอนนี้กลับใบ้กินแบบนี้ล่ะ”
ความเงียบของคนข้างกายช่างแสนขัดใจ แม้จะไร้เสียงตอบกลับไม่ถึงนาทีก็ตาม ทว่าคนปากแซ่บอย่างธามไทก็อดแซะสาวน้อยข้างกายไม่ได้ ทำเอาไออุ่นเผลอหันไปส่งค้อนให้อีกฝ่าย ราวกับว่าเธอกำลังงอนที่เขาว่าเธอเป็นใบ้
แต่ถามว่าคุณหมอปากแซ่บแคร์ไหม...บอกเลยว่าไม่ คิ้วเข้มเลิกขึ้นกดดันให้เธอเอ่ยตอบ จนไออุ่นยอมบอกทางไปบ้านของอันดากับเขา จนกระทั่งรถยนต์คันหรูหยุดลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่ของอันดา
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
ไออุ่นยกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่ายตามมารยาท แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ถูกมารดาสอนมาเป็นอย่างดี ร่างเล็กปลดล็อกเข็มขัดนิรภัย แล้วเดินลงจากรถและหายเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ดวงตาคู่คมไม่ละสายตาออกจากเธอสักเสี้ยววินาที เขายังคงมองตามเธอไปจนลับสายตา
แต่เมื่อเขากำลังจะออกรถ สายตาก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์เคสสีชมพูมุ้งมิ้งเข้า แน่นอนว่าไม่ใช่ของเขา คุณสารถีจำเป็นเผลอถอนหายใจออกมากับความไม่ระมัดระวังของคนตัวเล็ก
“ทำไมอันดาทำกับไอแบบนี้”
“มันสมควรแล้วนี่ ก็แกมาแย่งทุกอย่างไปจากฉัน ฉันเคยเป็นที่หนึ่งมาตลอด แต่แกกลับมาแย่งไป แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำไอ ฉันน่าจะจ้างคนไปรุมโทรมแก แล้วอัดคลิปให้อับอายคนทั้งโรงเรียนไปเลย”
เสียงคนกำลังทะเลาะกันดังมาจากภายในบ้าน ธามไทที่ถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเสียงทะเลาะแลดูจะรุนแรงขึ้น เขาจึงตัดสินใจเดินตามเสียงนั้นไป จนกระทั่งมาพบกับเข้ากับเด็กสาวที่เพิ่งลงจากรถเขาไป เธอกำลังยืนเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่เขาจำได้ว่า เป็นคนพาเธอมาส่งให้เขาเมื่อคืนนี้
“ไอไม่เคยคิดแย่งอะไรจากอันดาเลยสักนิด ไม่เคยคิดเลยนะ ไอก็แค่อยากตั้งใจเรียนให้คุณพ่อภูมิใจก็เท่านั้นเอง ทำไมอันดาถึงได้คิดอะไรแบบนั้นออกมา ไอไม่เข้าใจเลย”
“นังโง่นั่นแหละที่เขาเรียกว่าแย่ง พอแกมาฉันถึงต้องเป็นที่สองไง!”
“อันดา...เพราะเรื่องแค่นี้เธอเองเหรอ แค่เรื่องแบบนี้เหรออันดาถึงได้ทำร้ายเรา ฮือ ฮือ ไอเป็นเพื่อนอันดานะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ ฮือ”
“หึ เพื่อนเหรอ ขอโทษทีนะ ฉันไม่เคยคิดว่าแกคือเพื่อนเลยสักนิด จะบอกให้เป็นบุญแล้วกัน ที่ผ่านมาฉันก็แค่แกล้งทำดีให้แกตายใจเท่านั้นแหละ แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะ หึ ยังจะกล้าไปโรงเรียนอีกไหม ขายตัวมาไม่ใช่เหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า สนุกไหมจ๊ะไอจ๋า รอยเต็มคอขนาดนี้คงสนุกทั้งคืนล่ะสิ”
คำพูดของอันดาราวกับมีดกรีดลงกลางใจ ไออุ่นร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอไม่คิดเลยว่าอันดาจะเกลียดเธอถึงเพียงนี้
เธอคิดมาตลอดว่าอันดาคือเพื่อนที่ดีที่สุด เพราะตอนที่เธอย้ายเข้ามาใหม่ ๆ ไม่ค่อยมีใครเข้ามาพูดคุยกับเธอจนกลายเป็นคนไม่มีเพื่อน จนกระทั่งอันดากับแนนเข้ามาชวนเธอคุย แล้วหลังจากนั้นพวกเธอทั้งสามคนก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่คอยดูแลช่วยเหลือกันเสมอมา
“คำว่าเพื่อนรักมันไม่เคยมีอยู่จริงสินะ”
“ไม่เคยมีและไม่มีวันมี! ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับแก ออกไป๊!”
ไออุ่นทรุดตัวลงนั่งบนพื้นอย่างหมดแรง มือเรียวยกขึ้นปิดหน้าร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ
คุณหมอที่แอบฟังอยู่นานขบกรามแน่นด้วยความโกรธ แม้จะเป็นคนนอกแต่เมื่อได้ยินเรื่องเลวทรามที่ว่าก็แทบรับไม่ได้
ทว่าเมื่อยิ่งนึกคิดไตร่ตรองให้ดี ความสงสัยที่เกิดขึ้นเพียงชั่ววูบเมื่อคืนกลับกระจ่างชัด
แสดงว่าเรื่องเมื่อคืนเด็กสาวที่อยู่กับเขาทั้งคืน คงถูกเพื่อนหลอกมาขายตัวให้เขาสินะ
เพล้ง!!
“บอกให้ออกไปไง ไม่ได้ยินเหรอฮะ ออกไป๊”
เสียงแจกันตกกระทบพื้นจนเศษแก้วกระเด็นมาบาดมือไออุ่น เรียกความสนใจจากธามไทที่หลบอยู่ตรงมุมเสา ให้รีบเดินเข้ามาประคองร่างเล็กให้ลุกขึ้นท่ามกลางความตกใจของอันดา
เด็กสาวหน้าซีดเผือด ด้วยไม่คิดว่าผู้ชายที่เธอพาเพื่อนไปส่งให้ถึงห้องจะตามไออุ่นมาที่นี่ด้วย
“ไปน่ะไปแน่ไม่ต้องไล่ แต่จำใส่หัวสมองที่มีแต่ขี้เลื่อยเอาไว้ให้ดีนะยัยที่สอง ทำอะไรเอาไว้รับรองโดนเอาคืนอย่างสาสมแน่ เหอะ หัวสมองคิดแต่เรื่องบ้าบอแบบนี้สินะถึงได้เป็นรองคนอื่นเขาน่ะ ไร้สาระสิ้นดี”
คุณหมอปากแซ่บหันไปว่าเด็กสาวตรงหน้า ยิ่งมองหน้ายิ่งขัดใจกับการกระทำเลวทรามนั้น
เขาตัดสินใจช้อนอุ้มร่างเล็กขึ้นแนบอก ราวกับรู้จังหวะเด็กสาวซบหน้าลงบนอกกว้างแล้วร้องไห้อย่างที่พึ่งพิง
เธอไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีหรือคนเลว เพราะตอนนี้ไออุ่นแค่ต้องการใครสักคนที่เข้าใจเธอเท่านั้น
ขอแค่สักคน...เธอต้องการเพียงเท่านั้นจริง ๆ
สวนสาธารณะธามไทค่อย ๆ ใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผลให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ เมื่อเห็นคนเจ็บชักมือหลบ ก็จับมือบางไว้แล้วเป่าเบา ๆ ลงบนแผล ราวกับกำลังปลอบประโลมคนที่เอาแต่นั่งร้องไห้ตอนนี้ให้หายเจ็บแผลตั้งแต่ที่เขาพาเธอมาที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ กับที่เกิดเหตุ เด็กสาวก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้ไม่สนใจโลกจนเขาเหนื่อยแทนไม่รู้ว่าที่ร้องไห้นั้นเพราะกำลังเจ็บแผล หรือว่าเสียใจที่โดนเพื่อนรักหักหลัง แต่ดูจากน้ำตาที่ไหลราวกับเขื่อนแตก สงสัยจะเป็นอย่างหลังมากกว่าไออุ่นมองผู้ชายที่กำลังทำแผลให้เธอด้วยดวงตาพร่ามัว ดวงตาคู่กลมเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา สักพักหยดน้ำใส ๆ ก็ค่อย ๆ รินไหลกระทบลงบนแขนของธามไทคุณหมอที่กำลังพันแผลให้คนไข้เฉพาะกิจชะงักไปเล็กน้อย เงยหน้ามองเธอแวบหนึ่งแล้วผละมาทำแผลให้จนเสร็จเรียบร้อย ก่อนลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ เธอบนม้านั่ง“นี่กะจะร้องไห้ทั้งวันเลยหรือไง ตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้เธอยังไม่หยุดร้องไห้เลยนะสาวน้อย สงสัยคงอยากได้ถ้วยสินะ”คุณหมอเอ่ยพูดติดตลกทำลายบรรยากาศอึมครึมรอบตัว คนที่กำลังร้องไห้อยู่หยุดคิดตามคำพูดของเขาชั่วครู่ เธอเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตามองหน้าอีกฝ่ายด้วยความงุนงงใบห
คอนโดธามไทไออุ่นมองเสื้อผ้าที่ตอนนี้กลายเป็นเศษผ้าในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า มือบางค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบเสื้อผ้าออกมาทีละชุด สักพักหยดน้ำตาก็กลิ้งหล่นลงบนพวงแก้มเนียนด้วยความเสียใจ เมื่อชุดนักเรียนและชุดไปรเวทของเธอเต็มไปด้วยรอยตัดจากกรรไกรจนขาดวิ่นธามไทมองไหล่บอบบางที่สั่นสะท้านด้วยความรู้สึกเห็นใจไม่น้อย มือใหญ่ค่อย ๆ เอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้เด็กสาวด้วยความสงสาร ทำเอาคนที่กำลังร้องไห้อยู่ชะงักไปด้วยความตกใจ ด้วยไม่คิดว่าผู้ชายที่ชวนเธอมาพักอยู่ด้วยชั่วคราวจะอ่อนโยนถึงเพียงนี้อยู่ ๆ ใจดวงน้อยก็เต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกหวั่นไหวที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นภายในใจโดยที่ไออุ่นไม่รู้ตัว“ร้องไห้ไปก็เท่านั้น ช่างมันเถอะ เสื้อผ้าขาดแล้วก็แล้วไป ฉันพาเธอไปซื้อใหม่ก็ได้ ไม่เห็นต้องเสียดายเลยนี่”ธามไทบอกอีกคนที่ยิ่งเศร้าใจหนักไปกว่าเดิม เพราะตอนนี้แม้แต่เงินติดตัวเธอยังไม่มีสักบาท จะให้โทรไปขอความช่วยเหลือจากน้าญาดาน้องสาวของมารดาที่ล่วงลับไปก็รู้สึกเกรงใจเป็นเพราะตอนที่เธอออกจากบ้านมา น้าญาดาก็โอนเงินมาให้เธอไว้ใช้จ่ายตั้งห้าหมื่นบาทแล้ว แต่ตอนนี้เงินก้อนนั้นหายไปพร้อม ๆ กับกระเป
ธามไทเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยกมือขึ้นมาขยี้ตาอย่างงัวเงีย ร่างเล็กไม่ตอบในทันทีแต่ค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นด้วยความรู้สึกง่วงซึมและรู้สึกเจ็บที่ก้น แต่ถึงอย่างนั้นความง่วงก็ทำให้เธอเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนโดยไม่สนใจร่างสูงของธามไทเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังมีใจส่งเสียงงัวเงียเอ่ยตอบธามไทกลับไป“ประตูไม่ได้ล็อกค่ะไอก็เลยเปิดเข้ามา ห้องนั้นน่ากลัวไอไม่กล้านอนคนเดียว”ไออุ่นตอบกลับธามไททั้ง ๆ ที่ยังคงหลับตาอยู่ ส่วนมือบางก็เอื้อมไปดึงผ้าห่มผืนใหญ่มาห่มแล้วนอนหลับอย่างสบายใจ โดยไม่ได้สนใจธามไทที่ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความงุนงงเลยแม้แต่น้อยเขากำลังนึกคิดว่าเธอเข้ามาห้องของเขาตอนไหน เพราะเขาไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด แล้วเมื่อครู่ยังคว้าเธอเข้ามากอดราวกับเป็นหมอนข้างอีก สักพักภาพในหัวของชายหนุ่มก็ตัดมาตอนที่กำลังนอนหลับฝันดี จู่ ๆ ก็สะดุ้งตัวตื่นจากฝันร้ายจนเผลอถีบคนตัวเล็กจนตกเตียงอีก“แต่นี่มันเช้าแล้ว กลับไปนอนที่ห้องของเธอได้แล้ว”ธามไทบอกไออุ่นที่ยังคงนอนหลับสบาย ร่างกำยำค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ ๆ เธอแล้วเขย่าที่ไหล่บางเบา ๆ เพื่อปลุกให้เธอกลับไปนอนที่ห้อง ทว่ากลับไร้การตอบสนองใด ๆ จากคนที่กำลังนอนหลับด้วยค
“นี่ไปเดินห้างนะไม่ได้ไปเที่ยวผับ”ธามไทท้วงไออุ่นอย่างรู้สึกขัดตาและขัดใจ เมื่อกระโปรงที่เธอสวมมันสั้นจนแทบโชว์แก้มก้นอยู่แล้ว ส่วนเสื้อก็ตัวเล็กเกินไปจนปิดหน้าอกของคนตัวเล็กแทบไม่มิดกลับกันไออุ่นได้แต่ทำหน้างง ๆ เพราะชุดที่เธอกำลังใส่อยู่ ธามไทเป็นคนสั่งมาให้เธอเองเพื่อให้เธอมีชุดใส่บ้าง แต่พอเธอใส่ออกมาเขากลับบอกว่าเหมือนชุดไปเที่ยวผับเสียอย่างนั้น...เอาใจไม่ถูกแล้วนะ“แต่พี่เป็นคนสั่งมาให้ไอเองนะคะ” คำพูดของเด็กสาวทำเอาคิ้วที่กำลังขมวดมุ่นด้วยความขัดใจคลายลงทันตาเห็น คนขี้เก๊กที่ถูกช็อตฟีลกะพริบตาปริบ ๆ แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขึ้นมาทันที กลายเป็นไออุ่นเองที่เริ่มรู้สึกหมั่นไส้กับอาการที่คล้ายจะเป็นไบโพลาร์ของเขา“ฉันสั่งมาสองชุดนี่ งั้นไปเปลี่ยนอีกชุดสิ น่าจะเรียบร้อยมากกว่านี้”คนหน้ามึนบอกไออุ่นด้วยใบหน้าเรียบเฉย เด็กสาวย่นจมูกใส่คนเอาแต่ใจด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ยอมหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อเปลี่ยนชุดตามคำสั่งของเขาชุดเอี๊ยมกระโปรงสีครีมน่ารักสมวัยเป็นตัวที่ถูกเลือก ก็นับว่าเขาเป็นคนมีสไตล์คนหนึ่งที่เลือกเสื้อผ้าถูกใจเธอรอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าของเด็กสาว เธอเอื้อมไ
“ฮ่า อิ่มจังเลย ขอบคุณนะคะที่ให้ยืมเงินซื้อเสื้อผ้า แถมยังใจดีเลี้ยงชาบูไออีก พี่ป๋าจัง...”ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มทันทีที่กลับถึงคอนโด แล้วหันมายกมือไหว้ขอบคุณคนที่เธอเรียกว่าป๋าอย่างขำ ๆ ริมฝีปากอิ่มฉีกยิ้มกว้างให้เขาด้วยความจริงใจจนตาหยี ในขณะที่คนรับบทป๋าสายเปย์ทำเพียงฉีกยิ้มตอบกลับเธอเพียงแวบเดียวเท่านั้น สักพักก็กลับไปทำหน้านิ่งเหมือนเดิม เมื่อย้อนคิดไปถึงวีรกรรมที่แสนแสบของคนตัวเล็กเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาภาพเด็กสาวที่บอกว่าตัวเองเป็นคนง่าย ๆ แต่ตอนนั้นกำลังงอแงอยากกินชาบูทั้งยังรุงรังกอดแขนเขาไม่ยอมปล่อย แถมยังทำท่าจะร้องไห้อยู่ที่หน้าร้านจนคนผ่านไปผ่านมามองเขาด้วยสายตาตำหนิไม่อาจรู้ได้ว่ามองด้วยสายตาแบบไหน แต่ที่ได้ยินลอย ๆ ผ่านหูมาคือทุกคนเข้าใจว่าเขาคือพี่ชายใจร้ายที่ไม่ยอมตามใจน้องสาวที่อยากกินชาบู และแน่นอนว่าต่อให้ธามไทจะบอกว่าตัวเองหน้าหนาขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วคนที่ไม่ชอบกินชาบูอย่างเขา ก็จำใจยอมให้ไออุ่นควงแขนลากเข้าร้านด้วยรอยยิ้ม ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเบะปากน้ำตาจะเล็ดอยู่เลยเฮอะ เอารางวัลออสการ์ไปเลยเถอะ ถ้าจะเปลี่ยนอารมณ์ไวจนเขาตามไม่ทันแบบนี้“ใจดีหรือจำ
เช้าวันจันทร์ไออุ่นที่อยู่ในชุดนักเรียนค่อย ๆ เปิดประตูเดินออกมาจากห้องนอนแล้วมานั่งลงบนโต๊ะทานข้าว พลางชำเลืองมองไปทางห้องครัวเป็นระยะ ๆ ด้วยความหิว เพราะปกติแล้วเธอจะทานมื้อเช้าเวลาหกโมงครึ่ง แต่วันนี้พ่อครัวของเธอยังปรุงข้าวต้มหมูไม่เสร็จเลย“พี่ไทม์ขา หนูไอหิวข้าวแล้วนะคะ”สรรพนามเรียกขานเขาที่เปลี่ยนไปพร้อม ๆ กับคำแทนตัวเองที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู ทำเอามือที่กำลังคนข้าวต้มในหม้ออ่อนแรงจนแทบทำตะหลิวหลุดมือเพราะตั้งแต่ที่เขาให้ไออุ่นมาอาศัยอยู่ด้วย เธอมักจะเรียกเขาด้วยคำว่าคุณในช่วงแรกไม่ก็เรียกพี่เฉย ๆ มาตลอด แต่มาเช้านี้เธอกลับเรียกเขาว่าพี่ไทม์ด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย ฟังแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้ากับเขาสักเท่าไหร่นักเราไม่ได้เป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาสักหน่อย จะมาเรียกพี่อะไรกันล่ะยัยหนู แต่ห่างกันตั้ง 9 ปีขนาดนี้เรียกเฮียไทม์ยังน่าฟังกว่าตั้งเยอะ“เสร็จแล้ว ๆ เร่งกันขนาดนี้มาทำเองเลยไหมยัยหนูไอ”ถึงตัวจะอยู่ในครัว แต่ธามไทก็ยังตอบโต้ด้วยประโยคที่คนฟังอยากจะบึนปากใส่อย่างงอน ๆทำมาเป็นแขวะเธอ ที่จริงเขานั่นแหละตื่นสายจนทำให้มื้อเช้าของเธอต้องเลื่อนเวลาออกไปรอไม่นานร่างสูงของธามไทจก
“ใครจะมาส่งก็เรื่องของหนูไอ เธอไม่ควรเสือกจ้ะแม่งูพิษ”ธามไทตอกกลับอันดาแทนไออุ่นด้วยความโมโหแทนคนตัวเล็ก ยิ่งเห็นเธอเลือกที่จะเงียบไม่ยอมตอบโต้อดีตเพื่อนรักที่ทำร้ายตัวเองจนใจพังก็ยิ่งสงสารความเงียบสำหรับบางคนอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่สำหรับคนบางแล้วยิ่งเงียบตัวเองยิ่งเจ็บหนัก ส่วนคนที่เป็นฝ่ายกระทำกลับยิ่งได้ใจอันดาเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ผลักเธอจนเซถอยหลัง เด็กสาวชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ แล้วเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับธามไทอย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะรอบข้างเธอเต็มไปด้วยเพื่อนในโรงเรียน อีกทั้งยังมีอาจารย์ที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าโรงเรียน เขาไม่มีทางกล้าทำอะไรเธออย่างแน่นอน และที่สำคัญเธอก็แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เขาคงไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายหน้าตัวเมียที่ทำร้ายเด็กผู้หญิงตัวเล็กหรอกนะ“นี่อย่าบอกนะคะว่า แค่คืนเดียวพี่กับไอก็ตกลงเป็นผัวเมียกันแล้วอะ ถึงได้มารับมาส่งกันหวานเชียว”คำพูดของอันดาเรียกสายตาของเพื่อน ๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาให้หันมามองไออุ่นอีกครั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่ธามไทได้แต่ขบกรามแน่นด้วยความไม่พอใจเด็กเมื่อวานซืนอย่างอันดาเหอะ นิสัยไม่ด
“ไอ ไอช่วยอันดาด้วย! อันดาเป็นลมอยู่ในห้องน้ำ”เสียงของแนนร้องตะโกนขอความช่วยเหลือไออุ่นดังมาแต่ไกล ทำเอาสองเท้าที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าหยุดชะงัก แต่ถึงอย่างนั้นไออุ่นก็ไม่ยอมหันกลับมาตามเสียงเรียกของแนน เพราะเธอกลัวว่าแนนกับอันดาอาจจะมีแผนการร้าย ๆ อีกความเจ็บปวดในวันวานที่เธอได้รับเพราะความไว้ใจ มันทำให้ไออุ่นรู้สึกกลัว...กลัวว่าเธอจะโดนหลอกอีกครั้งแฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก“ไอ...แนนเรียกทำไมไม่หัน อันดาเป็นลมในห้องน้ำนะอยู่ ๆ ก็เลือดกำเดาไหล แล้วก็เป็นลมหมดสติไปเลย”เมื่อสัมผัสได้ว่าไออุ่นเริ่มรู้ทันพวกเธอและดูมีความลังเล แนนก็เติมแต่งเรื่องราวเข้าไปอีกให้ดูน่าเชื่อถือ ซึ่งคำพูดของแนนก็ทำให้ไออุ่นที่มีท่าทีเมินเฉยในครั้งแรกเปลี่ยนเป็นร่างเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินว่าอดีตเพื่อนอาจเป็นอันตรายจึงรีบถามอาการด้วยความเป็นห่วง“อันดาเป็นลมที่ไหน”“ห้องน้ำหลังอาคารเรียนอะ ไปช่วยพยุงออกมาทีแนนคนเดียวไม่ไหว”แนนรีบจูงมือไออุ่นให้วิ่งตามเธอไปที่หลังอาคารเรียนทันที ท่ามกลางความรู้สึกร้อนรนด้วยความเป็นห่วงเพื่อน จนกระทั่งเมื่อวิ่งมาถึงห้องน้ำ ไออุ่นก็รีบเปิดประตูเข้าไปดูอันดา แต่เพียงเธอ