คอนโดธามไท
ไออุ่นมองเสื้อผ้าที่ตอนนี้กลายเป็นเศษผ้าในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า มือบางค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบเสื้อผ้าออกมาทีละชุด สักพักหยดน้ำตาก็กลิ้งหล่นลงบนพวงแก้มเนียนด้วยความเสียใจ เมื่อชุดนักเรียนและชุดไปรเวทของเธอเต็มไปด้วยรอยตัดจากกรรไกรจนขาดวิ่น
ธามไทมองไหล่บอบบางที่สั่นสะท้านด้วยความรู้สึกเห็นใจไม่น้อย มือใหญ่ค่อย ๆ เอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้เด็กสาวด้วยความสงสาร ทำเอาคนที่กำลังร้องไห้อยู่ชะงักไปด้วยความตกใจ ด้วยไม่คิดว่าผู้ชายที่ชวนเธอมาพักอยู่ด้วยชั่วคราวจะอ่อนโยนถึงเพียงนี้
อยู่ ๆ ใจดวงน้อยก็เต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกหวั่นไหวที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นภายในใจโดยที่ไออุ่นไม่รู้ตัว
“ร้องไห้ไปก็เท่านั้น ช่างมันเถอะ เสื้อผ้าขาดแล้วก็แล้วไป ฉันพาเธอไปซื้อใหม่ก็ได้ ไม่เห็นต้องเสียดายเลยนี่”
ธามไทบอกอีกคนที่ยิ่งเศร้าใจหนักไปกว่าเดิม เพราะตอนนี้แม้แต่เงินติดตัวเธอยังไม่มีสักบาท จะให้โทรไปขอความช่วยเหลือจากน้าญาดาน้องสาวของมารดาที่ล่วงลับไปก็รู้สึกเกรงใจ
เป็นเพราะตอนที่เธอออกจากบ้านมา น้าญาดาก็โอนเงินมาให้เธอไว้ใช้จ่ายตั้งห้าหมื่นบาทแล้ว แต่ตอนนี้เงินก้อนนั้นหายไปพร้อม ๆ กับกระเป๋าเงินที่หายไปของเธอ
“แต่ว่า...เอ่อ คือ คือว่า”
ไออุ่นอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่กล้าพูดความจริงออกไป ลำพังที่เธอมาขออาศัยเขาอยู่นั้นก็นับว่ารบกวนเขามากเกินพอแล้ว นี่ยังต้องมาขอยืมเงินเขาอีก มันดูมากเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกันได้เพียงคืนเดียวอย่างเขากับเธอ
“แต่อะไร”
ทั้งคำพูดและน้ำเสียงอีกทั้งแววตาของธามไทที่จ้องมองมา ทำให้เด็กสาวที่เหลือบตาขึ้นมองเขาเพียงแวบเดียว ต้องรีบหลุบตาลงมองพื้นด้วยความละอายใจ
แต่วูบหนึ่งก็รวบรวมความกล้าได้ เธอจึงตัดสินใจเงยหน้าขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับอีกคนที่กำลังจ้องมองมาอย่างรอคอยคำตอบ
“คือ ไอไม่มีเงินค่ะ เมื่อคืนกระเป๋าเงินไอหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ ส่วนเงินฝากในบัญชีธนาคารก็โดนคุณพ่ออายัดไม่ให้ถอนออกมาใช้ ตอนนี้ไอมีแต่ตัวไม่มีเงินติดตัวสักบาท”
คำพูดของเด็กสาวทำเอาคนที่รอฟังคำตอบหลุดยิ้มอย่างเอ็นดู ดูเอาเถอะทั้งคำพูดและท่าทางของเธอ ทำเหมือนกำลังสารภาพบาปอยู่อย่างนั้นแหละ โดยเฉพาะสีหน้าที่ดูจะรู้สึกผิดมากทั้ง ๆ ที่คนที่ต้องรู้สึกผิดมันควรจะเป็นเขามากกว่าที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอ และทำให้เธอต้องเจอกับเรื่องราวที่น่าเจ็บปวดใจเช่นนี้
“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาหรอก เสื้อผ้าพวกนี้เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่เอง ไม่ต้องห่วงถือว่าเป็นการไถ่โทษแล้วกัน ที่ฉันเผลอรุนแรงกับเธอไปน่ะ”
“ไม่ได้นะคะ แม่ไอสอนว่าไม่ควรรับของจากใครฟรี ๆ โดยไม่ตอบแทนเขา อีกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ก็เกิดจากความเข้าใจผิดและความโง่ของไอเอง คุณไม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”
ไออุ่นรีบบอกอีกฝ่ายที่กำลังขมวดคิ้วน้อย ๆ ด้วยความรู้สึกแปลกใจ
ธามไทกำลังคิดว่าในหัวของเด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เพราะถ้าเป็นเขาที่เจอเรื่องแบบนี้เองกับตัว แน่นอนว่าต้องโกรธและเสียใจมากที่โดนเพื่อนหลอก แต่เธอกลับบอกให้เขาไม่ต้องรู้สึกผิด นี่เธอเสียใจที่โดนเพื่อนหลอกจนสมองกลับหรือเธอโลกสวยกันแน่นะเด็กน้อย
คุณหมอได้แต่คิดและก็สงสัยอยู่ในใจ เพราะท่าทางของไออุ่นน่ะเหมือนเด็กสาวที่ดูซื่อ ๆ ไร้พิษสงหรือมารยาหญิง แน่นอนว่าสิ่งที่เด็กสาวพูดนั้นเขาสัมผัสได้ว่ามันออกมาจากใจของเธอไร้ซึ่งการเสแสร้ง
“แล้วเธอจะตอบแทนฉันยังไงล่ะ ดูทรงแล้วคงยังเรียนอยู่ล่ะสิ หรือว่าเธอจะมาเป็นแม่บ้านชั่วคราวให้ฉัน”
คำถามของธามไททำเอาไออุ่นตาโต เด็กสาวส่ายหน้ารัว ๆ ตั้งแต่ได้ยินคำว่าแม่บ้าน จนธามไทขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงุนงง
“เธอกวาดบ้านเป็นไหม”
เป็นอีกครั้งที่ไออุ่นทันทีที่ได้ยินคำถาม เพราะตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยจับไม้กวาดเลยสักครั้งน่ะสิ
“ซักผ้า ล้างจาน ทำกับข้าว”
ทุกคำถามที่ธามไทเอ่ยออกไป กลับได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้ารัว ๆ จนเส้นผมยาวสลวยสยายเต็มแผ่นหลัง ส่วนคนถามได้แต่ยิ้มแหย ๆ เมื่อสิ่งที่เขาจะให้เธอทำตอบแทน กลับเป็นสิ่งที่เธอทำไม่ได้เลยสักอย่าง
“เหอะ อะไรก็ทำไม่เป็นสักอย่าง ถ้าอย่างนั้นก็กิน ๆ นอน ๆ ไปเถอะ”
“ได้เหรอคะ พี่...เอ่อ คุณจะไม่ว่าไอใช่ไหม”
แววตาทอแสงเป็นประกายราวกับว่า กำลังถูกใจคำพูดเขาทำเอาธามไทขมวดคิ้วอีกครั้งจนแทบผูกโบ
ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าแม่สอนไม่ให้รับของจากใครฟรี ๆ โดยไม่ตอบแทน แต่พอเขาบอกให้กินนอนอยู่เฉย ๆ กลับทำหน้าดีใจราวกับลูกหมาตัวน้อยที่ดีใจจนหูและหางกระดิก
“อ้าว นี่ลืมคำสอนแม่แล้วเหรอ”
คุณหมอขี้แกล้งจงใจแกล้งดักคอ จนเด็กสาวมุ่ยหน้าลงแล้วพึมพำตอบคำถามของชายหนุ่มตรงหน้า
“ตอนคุณแม่ยังอยู่ไอก็ไม่ลืมหรอกค่ะ แต่ว่าตอนนี้คุณแม่ไม่อยู่แล้ว แบบนั้นก็ลืม ๆ มันบ้างก็ได้เนอะ”
คำตอบของไออุ่นทำเอาคุณหมอคนเก่งต้องยกมือขึ้นกุมขมับ เขารู้สึกเหมือนหัวจะปวดกับคำตอบที่ดูจะเจ้าเล่ห์ไม่น้อยของเด็กสาว
ให้ตายเถอะ ที่เขาบอกทุกคนก่อนหน้านี้ว่าไออุ่นดูซื่อ ๆ ดูเหมือนจะไม่จริงนะครับทุกคน ธามไทกำลังโดนเด็กมันหลอกครับ เห็นหน้าซื่อ ๆ ตาใส ๆ นี่ไว้ใจไม่ได้เลยจริง ๆ
“หึ ลืมมันไปบ้างก็ได้เนอะ อืมง่ายดีนะ นี่เป็นคนง่าย ๆ ใช่ไหมเรา”
“ใช่ค่ะ ง่าย ๆ อะไรก็ได้”
คำตอบของไออุ่นดูเหมือนจะง่าย ๆ ตามที่เด็กสาวบอก แต่พอเอาเข้าจริงแล้วแม้กระทั่งมื้อเย็นที่ธามไทสั่งมาจากร้านอาหารชื่อดัง ซึ่งเมนูส่วนใหญ่มีแต่ผัก เด็กสาวกลับเขี่ยมันเอาไว้ข้าง ๆ ขอบจานและตักกินเฉพาะเนื้อกับข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
“ไหนว่าเป็นคนง่าย ๆ แล้วทำไมไม่กินผัก”
คุณหมอถามคนที่กำลังเคี้ยวข้าวอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความสงสัย เพราะผักที่เด็กสาวเขี่ยออกนั้นเยอะมากจนแทบจะล้นขอบจานแล้ว
“ก็ไออุ่นไม่ชอบกินผักนี่คะ ผักมีแต่ขม ๆ ไม่เห็นจะอร่อยเลย”
พูดจบก็ตักเมนูหมูทอดกระเทียมเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ ด้วยความเอร็ดอร่อย ส่วนธามไทได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ไปให้เด็กสาวที่ก็ยิ้มตอบกลับเขาจนตาหยีอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“อืม เป็นคนง่าย ๆ ดีเนอะผักก็ไม่กิน อืม ง่าย ๆ ง่ายมากง่ายมาก ๆ”
คุณหมอแอบเหน็บไออุ่นน้อยด้วยความหมั่นไส้กับคำว่าง่าย ๆ อะไรก็ได้ของเธอ ที่ความจริงแล้วไม่ได้ง่ายเหมือนที่เธอโปรโมตตัวเองเลยสักนิด
นี่ถ้าวันไหนเขาอยากทำอาหารกินเองคงต้องมีแต่เนื้อ เนื้อ และเนื้อให้แม่คุณสินะ แบบนั้นคงได้อ้วนกันพอดี หรือเพราะเหตุนี้กันนะแก้มใสของแม่สาวง่าย ๆ อะไรก็ได้จึงได้พองลมน่าหยิกขนาดนี้
ธามไทได้แต่แอบค่อนแคะให้คนที่กำลังเพลิดเพลินกับเมนูอาหารตรงหน้าอย่างมีความสุข เมื่อเห็นว่าเธอไม่สนใจเขาแล้วก็นั่งทานข้าวต่อเงียบ ๆ โดยไม่ทักท้วงไออุ่นที่ตอนนี้ซอสเลอะปากลามไปถึงแก้มแล้ว ราวกับเด็กน้อยห้าขวบที่กำลังหัดทานข้าวเองโดยไม่ต้องมีคนคอยป้อน
“เธอนอนห้องนี้ก็แล้วกัน เป็นห้องว่างที่เอาไว้รับรองแขกน่ะ ตอนนี้ยกให้เธอเป็นเจ้าของห้องชั่วคราว”
ธามไทบอกอีกคนที่พยักหน้ารับ เด็กสาวว่าง่ายเดินตามเข้าไปในห้องที่ตกแต่งด้วยโทนค่อนข้างไปทางสีทึบ ซึ่งดูน่ากลัวและน่าวังเวงอย่างไรไม่รู้ในความรู้สึก เพราะห้องนอนของเธอที่บ้านนั้นตกแต่งด้วยโทนสีชมพู มองแล้วให้รู้สึกอบอุ่นน่านอน ผิดกับห้องของเขาที่ตกแต่งเสียน่ากลัวจนเธอขนลุก
“เอ่อ...ห้องนี้ไม่มีผีใช่ไหมคะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
คำถามของไออุ่นทำเอาธามไทระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เพราะตั้งแต่เขาเกิดมาจนเรียนจบหมอ ก็ยังไม่เคยเห็นผีเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าตอนที่เรียนอยู่จะพบเจอกับเรื่องราวแปลก ๆ มากมายก็ตาม
“หึ ผีน่ะไม่มีหรอก อ้อ มีแต่ผีเลียหัวน่ะ เธออยากเจอไหมล่ะ”
คำพูดของธามไททำเอาไออุ่นขมวดคิ้วงุนงง เพราะเธอไม่เคยได้ยินหรือรู้จักกับผีที่เขาพูดมาเลยสักนิด ที่เคยดูในละครก็เห็นจะมีแต่ผีกระสือ ผีกระหัง ผีปอบอะไรแบบนี้นี่นา
แล้วอะไรมันคือผีเลียหัวกันนะ
ไออุ่นได้แต่คิดหาคำตอบอยู่ในหัวให้วุ่น คุณหมอเห็นท่าทางซื่อ ๆ นั้นแล้วกระตุกยิ้มมุมปากน้อย ๆ อย่างขบขัน
“อ้อ เกือบลืมไปเลย ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะ ฉันธามไทเรียกสั้น ๆ ว่าไทม์ก็ได้”
ธามไทแนะนำตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้จัก มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้าเด็กสาวที่ค่อย ๆ ยื่นมือไปสัมผัสกับมือใหญ่ที่แสนอบอุ่น รอยยิ้มสวยแย้มยิ้มออกมาน้อย ๆ แล้วแนะนำตัวเองบ้าง
“ค่ะพี่ไทม์ หนูชื่อไออุ่น หรือจะเรียกว่าหนูไอก็ได้ค่ะ”
“อืม ไออุ่น หึ อุ่นจนร้อนสินะ”
ธามไทพึมพำเสียงเบาแล้วถอนมือออก ร่างสูงเดินหันหลังออกจากห้องไป พร้อมกับปิดประตูให้เด็กสาวอย่างแผ่วเบา
เขาเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเองโดยไม่พูดอะไรอีก เมื่อธามไทจากไปแล้วไออุ่นก็หันไปสำรวจรอบ ๆ ห้องอีกครั้งด้วยความกลัว ยิ่งมองยิ่งรู้สึกขนลุกกับความดำมืดของสีผนังห้อง จนต้องเสิร์ชอินเทอร์เน็ตหาบทสวดกันผี
หลังจากแอบท่องบทสวดตามคำแนะนำในอินเทอร์เน็ตไปแล้วครู่หนึ่ง ความรู้สึกกลัวก็ลดน้อยลง ไออุ่นก็จัดการอาบน้ำพร้อมกับสวมชุดนอนของธามไทที่ให้เธอยืมใส่ชั่วคราว ซึ่งตัวมันใหญ่มากราวกับว่าเธอกำลังใส่เสื้อผ้าโอเวอร์ไซซ์อยู่
แต่เธอไม่มีทางเลือกจึงยอมใส่มัน แล้วเดินไปล้มตัวลงนอน จัดการปิดไฟให้เรียบร้อยจนห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืดสนิท
เช้าวันต่อมา
ช่วงเช้าที่อากาศกำลังเย็นสบาย ธามไทนอนหลับตาพริ้มพร้อมกับดึงหมอนข้างเข้ามากอดราวกับต้องการความอบอุ่น
ร่างสูงยิ้มออกมาน้อย ๆ เมื่อคืนที่ผ่านมานอนหลับฝันดี แต่แล้วก็ต้องตกใจสะดุ้งตัวตื่น พร้อมกับถีบบางสิ่งบางอย่างจนหล่นจากเตียงเสียงดังตุ้บด้วยความตกใจ เมื่อฝันดีของเขากำลังกลายเป็นฝันร้าย
“อื้อ ไออุ่นเจ็บนะคะ”
เสียงเล็กที่ต่อว่าเขาอยู่ ทำเอาธามไทที่กำลังสะลึมสะลือยังตื่นไม่เต็มตาหูผึ่ง สักพักก็ลืมตาตื่นด้วยความตกใจ และพบว่าเรื่องทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นมันไม่ใช่ความฝัน หากแต่มันคือความจริงที่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียว
“เธอเข้ามานอนในห้องฉันได้ยังไง”
ธามไทเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยกมือขึ้นมาขยี้ตาอย่างงัวเงีย ร่างเล็กไม่ตอบในทันทีแต่ค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นด้วยความรู้สึกง่วงซึมและรู้สึกเจ็บที่ก้น แต่ถึงอย่างนั้นความง่วงก็ทำให้เธอเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนโดยไม่สนใจร่างสูงของธามไทเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังมีใจส่งเสียงงัวเงียเอ่ยตอบธามไทกลับไป“ประตูไม่ได้ล็อกค่ะไอก็เลยเปิดเข้ามา ห้องนั้นน่ากลัวไอไม่กล้านอนคนเดียว”ไออุ่นตอบกลับธามไททั้ง ๆ ที่ยังคงหลับตาอยู่ ส่วนมือบางก็เอื้อมไปดึงผ้าห่มผืนใหญ่มาห่มแล้วนอนหลับอย่างสบายใจ โดยไม่ได้สนใจธามไทที่ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความงุนงงเลยแม้แต่น้อยเขากำลังนึกคิดว่าเธอเข้ามาห้องของเขาตอนไหน เพราะเขาไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด แล้วเมื่อครู่ยังคว้าเธอเข้ามากอดราวกับเป็นหมอนข้างอีก สักพักภาพในหัวของชายหนุ่มก็ตัดมาตอนที่กำลังนอนหลับฝันดี จู่ ๆ ก็สะดุ้งตัวตื่นจากฝันร้ายจนเผลอถีบคนตัวเล็กจนตกเตียงอีก“แต่นี่มันเช้าแล้ว กลับไปนอนที่ห้องของเธอได้แล้ว”ธามไทบอกไออุ่นที่ยังคงนอนหลับสบาย ร่างกำยำค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ ๆ เธอแล้วเขย่าที่ไหล่บางเบา ๆ เพื่อปลุกให้เธอกลับไปนอนที่ห้อง ทว่ากลับไร้การตอบสนองใด ๆ จากคนที่กำลังนอนหลับด้วยค
“นี่ไปเดินห้างนะไม่ได้ไปเที่ยวผับ”ธามไทท้วงไออุ่นอย่างรู้สึกขัดตาและขัดใจ เมื่อกระโปรงที่เธอสวมมันสั้นจนแทบโชว์แก้มก้นอยู่แล้ว ส่วนเสื้อก็ตัวเล็กเกินไปจนปิดหน้าอกของคนตัวเล็กแทบไม่มิดกลับกันไออุ่นได้แต่ทำหน้างง ๆ เพราะชุดที่เธอกำลังใส่อยู่ ธามไทเป็นคนสั่งมาให้เธอเองเพื่อให้เธอมีชุดใส่บ้าง แต่พอเธอใส่ออกมาเขากลับบอกว่าเหมือนชุดไปเที่ยวผับเสียอย่างนั้น...เอาใจไม่ถูกแล้วนะ“แต่พี่เป็นคนสั่งมาให้ไอเองนะคะ” คำพูดของเด็กสาวทำเอาคิ้วที่กำลังขมวดมุ่นด้วยความขัดใจคลายลงทันตาเห็น คนขี้เก๊กที่ถูกช็อตฟีลกะพริบตาปริบ ๆ แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขึ้นมาทันที กลายเป็นไออุ่นเองที่เริ่มรู้สึกหมั่นไส้กับอาการที่คล้ายจะเป็นไบโพลาร์ของเขา“ฉันสั่งมาสองชุดนี่ งั้นไปเปลี่ยนอีกชุดสิ น่าจะเรียบร้อยมากกว่านี้”คนหน้ามึนบอกไออุ่นด้วยใบหน้าเรียบเฉย เด็กสาวย่นจมูกใส่คนเอาแต่ใจด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ยอมหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อเปลี่ยนชุดตามคำสั่งของเขาชุดเอี๊ยมกระโปรงสีครีมน่ารักสมวัยเป็นตัวที่ถูกเลือก ก็นับว่าเขาเป็นคนมีสไตล์คนหนึ่งที่เลือกเสื้อผ้าถูกใจเธอรอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าของเด็กสาว เธอเอื้อมไ
“ฮ่า อิ่มจังเลย ขอบคุณนะคะที่ให้ยืมเงินซื้อเสื้อผ้า แถมยังใจดีเลี้ยงชาบูไออีก พี่ป๋าจัง...”ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มทันทีที่กลับถึงคอนโด แล้วหันมายกมือไหว้ขอบคุณคนที่เธอเรียกว่าป๋าอย่างขำ ๆ ริมฝีปากอิ่มฉีกยิ้มกว้างให้เขาด้วยความจริงใจจนตาหยี ในขณะที่คนรับบทป๋าสายเปย์ทำเพียงฉีกยิ้มตอบกลับเธอเพียงแวบเดียวเท่านั้น สักพักก็กลับไปทำหน้านิ่งเหมือนเดิม เมื่อย้อนคิดไปถึงวีรกรรมที่แสนแสบของคนตัวเล็กเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาภาพเด็กสาวที่บอกว่าตัวเองเป็นคนง่าย ๆ แต่ตอนนั้นกำลังงอแงอยากกินชาบูทั้งยังรุงรังกอดแขนเขาไม่ยอมปล่อย แถมยังทำท่าจะร้องไห้อยู่ที่หน้าร้านจนคนผ่านไปผ่านมามองเขาด้วยสายตาตำหนิไม่อาจรู้ได้ว่ามองด้วยสายตาแบบไหน แต่ที่ได้ยินลอย ๆ ผ่านหูมาคือทุกคนเข้าใจว่าเขาคือพี่ชายใจร้ายที่ไม่ยอมตามใจน้องสาวที่อยากกินชาบู และแน่นอนว่าต่อให้ธามไทจะบอกว่าตัวเองหน้าหนาขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วคนที่ไม่ชอบกินชาบูอย่างเขา ก็จำใจยอมให้ไออุ่นควงแขนลากเข้าร้านด้วยรอยยิ้ม ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเบะปากน้ำตาจะเล็ดอยู่เลยเฮอะ เอารางวัลออสการ์ไปเลยเถอะ ถ้าจะเปลี่ยนอารมณ์ไวจนเขาตามไม่ทันแบบนี้“ใจดีหรือจำ
เช้าวันจันทร์ไออุ่นที่อยู่ในชุดนักเรียนค่อย ๆ เปิดประตูเดินออกมาจากห้องนอนแล้วมานั่งลงบนโต๊ะทานข้าว พลางชำเลืองมองไปทางห้องครัวเป็นระยะ ๆ ด้วยความหิว เพราะปกติแล้วเธอจะทานมื้อเช้าเวลาหกโมงครึ่ง แต่วันนี้พ่อครัวของเธอยังปรุงข้าวต้มหมูไม่เสร็จเลย“พี่ไทม์ขา หนูไอหิวข้าวแล้วนะคะ”สรรพนามเรียกขานเขาที่เปลี่ยนไปพร้อม ๆ กับคำแทนตัวเองที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู ทำเอามือที่กำลังคนข้าวต้มในหม้ออ่อนแรงจนแทบทำตะหลิวหลุดมือเพราะตั้งแต่ที่เขาให้ไออุ่นมาอาศัยอยู่ด้วย เธอมักจะเรียกเขาด้วยคำว่าคุณในช่วงแรกไม่ก็เรียกพี่เฉย ๆ มาตลอด แต่มาเช้านี้เธอกลับเรียกเขาว่าพี่ไทม์ด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย ฟังแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้ากับเขาสักเท่าไหร่นักเราไม่ได้เป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาสักหน่อย จะมาเรียกพี่อะไรกันล่ะยัยหนู แต่ห่างกันตั้ง 9 ปีขนาดนี้เรียกเฮียไทม์ยังน่าฟังกว่าตั้งเยอะ“เสร็จแล้ว ๆ เร่งกันขนาดนี้มาทำเองเลยไหมยัยหนูไอ”ถึงตัวจะอยู่ในครัว แต่ธามไทก็ยังตอบโต้ด้วยประโยคที่คนฟังอยากจะบึนปากใส่อย่างงอน ๆทำมาเป็นแขวะเธอ ที่จริงเขานั่นแหละตื่นสายจนทำให้มื้อเช้าของเธอต้องเลื่อนเวลาออกไปรอไม่นานร่างสูงของธามไทจก
“ใครจะมาส่งก็เรื่องของหนูไอ เธอไม่ควรเสือกจ้ะแม่งูพิษ”ธามไทตอกกลับอันดาแทนไออุ่นด้วยความโมโหแทนคนตัวเล็ก ยิ่งเห็นเธอเลือกที่จะเงียบไม่ยอมตอบโต้อดีตเพื่อนรักที่ทำร้ายตัวเองจนใจพังก็ยิ่งสงสารความเงียบสำหรับบางคนอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่สำหรับคนบางแล้วยิ่งเงียบตัวเองยิ่งเจ็บหนัก ส่วนคนที่เป็นฝ่ายกระทำกลับยิ่งได้ใจอันดาเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ผลักเธอจนเซถอยหลัง เด็กสาวชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ แล้วเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับธามไทอย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะรอบข้างเธอเต็มไปด้วยเพื่อนในโรงเรียน อีกทั้งยังมีอาจารย์ที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าโรงเรียน เขาไม่มีทางกล้าทำอะไรเธออย่างแน่นอน และที่สำคัญเธอก็แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เขาคงไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายหน้าตัวเมียที่ทำร้ายเด็กผู้หญิงตัวเล็กหรอกนะ“นี่อย่าบอกนะคะว่า แค่คืนเดียวพี่กับไอก็ตกลงเป็นผัวเมียกันแล้วอะ ถึงได้มารับมาส่งกันหวานเชียว”คำพูดของอันดาเรียกสายตาของเพื่อน ๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาให้หันมามองไออุ่นอีกครั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่ธามไทได้แต่ขบกรามแน่นด้วยความไม่พอใจเด็กเมื่อวานซืนอย่างอันดาเหอะ นิสัยไม่ด
“ไอ ไอช่วยอันดาด้วย! อันดาเป็นลมอยู่ในห้องน้ำ”เสียงของแนนร้องตะโกนขอความช่วยเหลือไออุ่นดังมาแต่ไกล ทำเอาสองเท้าที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าหยุดชะงัก แต่ถึงอย่างนั้นไออุ่นก็ไม่ยอมหันกลับมาตามเสียงเรียกของแนน เพราะเธอกลัวว่าแนนกับอันดาอาจจะมีแผนการร้าย ๆ อีกความเจ็บปวดในวันวานที่เธอได้รับเพราะความไว้ใจ มันทำให้ไออุ่นรู้สึกกลัว...กลัวว่าเธอจะโดนหลอกอีกครั้งแฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก“ไอ...แนนเรียกทำไมไม่หัน อันดาเป็นลมในห้องน้ำนะอยู่ ๆ ก็เลือดกำเดาไหล แล้วก็เป็นลมหมดสติไปเลย”เมื่อสัมผัสได้ว่าไออุ่นเริ่มรู้ทันพวกเธอและดูมีความลังเล แนนก็เติมแต่งเรื่องราวเข้าไปอีกให้ดูน่าเชื่อถือ ซึ่งคำพูดของแนนก็ทำให้ไออุ่นที่มีท่าทีเมินเฉยในครั้งแรกเปลี่ยนเป็นร่างเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินว่าอดีตเพื่อนอาจเป็นอันตรายจึงรีบถามอาการด้วยความเป็นห่วง“อันดาเป็นลมที่ไหน”“ห้องน้ำหลังอาคารเรียนอะ ไปช่วยพยุงออกมาทีแนนคนเดียวไม่ไหว”แนนรีบจูงมือไออุ่นให้วิ่งตามเธอไปที่หลังอาคารเรียนทันที ท่ามกลางความรู้สึกร้อนรนด้วยความเป็นห่วงเพื่อน จนกระทั่งเมื่อวิ่งมาถึงห้องน้ำ ไออุ่นก็รีบเปิดประตูเข้าไปดูอันดา แต่เพียงเธอ
โรงพยาบาล Nธามไทค่อย ๆ ใช้ผ้าพันแผลให้ไออุ่นอย่างเบามือด้วยความรู้สึกเจ็บปวด มือบอบบางที่เขาเคยสัมผัสเต็มไปด้วยรอยแตกช้ำจากการทุบประตูเป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำไมเด็กสาวที่น่ารักและแสนดีแบบไออุ่นถึงต้องพบเจอกับเรื่องที่เลวร้ายขนาดนี้นะเด็กสาวในวัยนี้ควรจะมีแต่เรื่องราวดี ๆ ที่น่าจดจำก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเติบโตตามเส้นทางที่แต่ละคนเลือกเดินสิแต่สำหรับไออุ่นแล้วมันกลับไม่ใช่แบบนั้น สิ่งที่เธอต้องพบเจอมันช่างเลวร้ายเกินกว่าที่เด็กสาวอายุเพียง 18 ปีจะรับไหว“ใครกันนะช่างใจร้ายกับหนูเสียจริง”ลูกพีชมองเด็กสาวที่นอนหลับตาพริ้มด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ เปลือกตาที่ปิดสนิทคู่นั้นบวมช้ำบ่งบอกให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ซึ่งถ้าเป็นเธอที่ต้องตกอยู่ในความมืดที่ไม่รู้ว่าจะมีใครผ่านมาช่วยเมื่อไหร่ เธอเองก็คงมีสภาพไม่แตกต่างกันกับเด็กสาวอย่างแน่นอน“เด็กมัธยมเขาแกล้งกันแรงขนาดนี้เลยเหรอวะ เคยเห็นแต่เด็กผู้ชายที่ถูกเพื่อนแกล้ง เพิ่งเคยเห็นเด็กผู้หญิงที่ถูกแกล้งหนักขนาดนี้ มืดขนาดนั้นคงกลัวจนทำอะไรไม่ถูก”เพลิงกัลป์พูดขึ้นมาด้วยความสงสาร ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มแม้ในยามหลับก็ยังคงหมองเศร้า นี่ถ้าเขา
โรงพยาบาล Nแกรกแอดธามไทค่อย ๆ เปิดประตูห้องพักคนไข้เข้ามาอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวนคนที่กำลังนอนหลับสนิทร่างสูงของคุณหมอเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ สองมือยื่นไปจับมือของไออุ่นเอาไว้เบา ๆ ด้วยความสงสาร สายตายามที่ทอดมองร่างบางที่กำลังนอนหลับสนิทเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมองใครมาก่อน“ต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เฮียจะคอยปกป้องหนูไอเองนะ”ธามไทเอ่ยกับร่างบางที่นอนหลับสนิทเสียงแผ่วเบา สองมือหนากอบกุมมือบางขึ้นมาแนบแก้มเอาไว้ ด้วยความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เช่นกันว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกอย่างไรเป็นเวลานานที่นั่งเฝ้าอีกฝ่ายจนเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเช้าวันต่อมาเปลือกตาที่หลับสนิทค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย ภาพตรงหน้าค่อย ๆ ชัดขึ้น ไออุ่นมองไปรอบ ๆ ห้องด้วยความไม่คุ้นชิน สอดส่ายสายตาไปมาจนปะทะเข้ากับร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างเตียงไม่ไปไหนตลอดทั้งคืนแค่เพียงได้เห็นหน้าเขา ก้อนสะอื้นก็แล่นขึ้นมาจุกที่อก จนกักเก็บไม่ไหวปล่อยน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เด็กสาวพยายามลุกขึ้นจากที่นอน โดยมีธามไทที่รีบลุกขึ้นมาช่วยพยุงให้