“ฮ่า อิ่มจังเลย ขอบคุณนะคะที่ให้ยืมเงินซื้อเสื้อผ้า แถมยังใจดีเลี้ยงชาบูไออีก พี่ป๋าจัง...”ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มทันทีที่กลับถึงคอนโด แล้วหันมายกมือไหว้ขอบคุณคนที่เธอเรียกว่าป๋าอย่างขำ ๆ ริมฝีปากอิ่มฉีกยิ้มกว้างให้เขาด้วยความจริงใจจนตาหยี ในขณะที่คนรับบทป๋าสายเปย์ทำเพียงฉีกยิ้มตอบกลับเธอเพียงแวบเดียวเท่านั้น สักพักก็กลับไปทำหน้านิ่งเหมือนเดิม เมื่อย้อนคิดไปถึงวีรกรรมที่แสนแสบของคนตัวเล็กเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาภาพเด็กสาวที่บอกว่าตัวเองเป็นคนง่าย ๆ แต่ตอนนั้นกำลังงอแงอยากกินชาบูทั้งยังรุงรังกอดแขนเขาไม่ยอมปล่อย แถมยังทำท่าจะร้องไห้อยู่ที่หน้าร้านจนคนผ่านไปผ่านมามองเขาด้วยสายตาตำหนิไม่อาจรู้ได้ว่ามองด้วยสายตาแบบไหน แต่ที่ได้ยินลอย ๆ ผ่านหูมาคือทุกคนเข้าใจว่าเขาคือพี่ชายใจร้ายที่ไม่ยอมตามใจน้องสาวที่อยากกินชาบู และแน่นอนว่าต่อให้ธามไทจะบอกว่าตัวเองหน้าหนาขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วคนที่ไม่ชอบกินชาบูอย่างเขา ก็จำใจยอมให้ไออุ่นควงแขนลากเข้าร้านด้วยรอยยิ้ม ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเบะปากน้ำตาจะเล็ดอยู่เลยเฮอะ เอารางวัลออสการ์ไปเลยเถอะ ถ้าจะเปลี่ยนอารมณ์ไวจนเขาตามไม่ทันแบบนี้“ใจดีหรือจำ
เช้าวันจันทร์ไออุ่นที่อยู่ในชุดนักเรียนค่อย ๆ เปิดประตูเดินออกมาจากห้องนอนแล้วมานั่งลงบนโต๊ะทานข้าว พลางชำเลืองมองไปทางห้องครัวเป็นระยะ ๆ ด้วยความหิว เพราะปกติแล้วเธอจะทานมื้อเช้าเวลาหกโมงครึ่ง แต่วันนี้พ่อครัวของเธอยังปรุงข้าวต้มหมูไม่เสร็จเลย“พี่ไทม์ขา หนูไอหิวข้าวแล้วนะคะ”สรรพนามเรียกขานเขาที่เปลี่ยนไปพร้อม ๆ กับคำแทนตัวเองที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู ทำเอามือที่กำลังคนข้าวต้มในหม้ออ่อนแรงจนแทบทำตะหลิวหลุดมือเพราะตั้งแต่ที่เขาให้ไออุ่นมาอาศัยอยู่ด้วย เธอมักจะเรียกเขาด้วยคำว่าคุณในช่วงแรกไม่ก็เรียกพี่เฉย ๆ มาตลอด แต่มาเช้านี้เธอกลับเรียกเขาว่าพี่ไทม์ด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย ฟังแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้ากับเขาสักเท่าไหร่นักเราไม่ได้เป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาสักหน่อย จะมาเรียกพี่อะไรกันล่ะยัยหนู แต่ห่างกันตั้ง 9 ปีขนาดนี้เรียกเฮียไทม์ยังน่าฟังกว่าตั้งเยอะ“เสร็จแล้ว ๆ เร่งกันขนาดนี้มาทำเองเลยไหมยัยหนูไอ”ถึงตัวจะอยู่ในครัว แต่ธามไทก็ยังตอบโต้ด้วยประโยคที่คนฟังอยากจะบึนปากใส่อย่างงอน ๆทำมาเป็นแขวะเธอ ที่จริงเขานั่นแหละตื่นสายจนทำให้มื้อเช้าของเธอต้องเลื่อนเวลาออกไปรอไม่นานร่างสูงของธามไทจก
“ใครจะมาส่งก็เรื่องของหนูไอ เธอไม่ควรเสือกจ้ะแม่งูพิษ”ธามไทตอกกลับอันดาแทนไออุ่นด้วยความโมโหแทนคนตัวเล็ก ยิ่งเห็นเธอเลือกที่จะเงียบไม่ยอมตอบโต้อดีตเพื่อนรักที่ทำร้ายตัวเองจนใจพังก็ยิ่งสงสารความเงียบสำหรับบางคนอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่สำหรับคนบางแล้วยิ่งเงียบตัวเองยิ่งเจ็บหนัก ส่วนคนที่เป็นฝ่ายกระทำกลับยิ่งได้ใจอันดาเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ผลักเธอจนเซถอยหลัง เด็กสาวชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ แล้วเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับธามไทอย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะรอบข้างเธอเต็มไปด้วยเพื่อนในโรงเรียน อีกทั้งยังมีอาจารย์ที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าโรงเรียน เขาไม่มีทางกล้าทำอะไรเธออย่างแน่นอน และที่สำคัญเธอก็แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เขาคงไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายหน้าตัวเมียที่ทำร้ายเด็กผู้หญิงตัวเล็กหรอกนะ“นี่อย่าบอกนะคะว่า แค่คืนเดียวพี่กับไอก็ตกลงเป็นผัวเมียกันแล้วอะ ถึงได้มารับมาส่งกันหวานเชียว”คำพูดของอันดาเรียกสายตาของเพื่อน ๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาให้หันมามองไออุ่นอีกครั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่ธามไทได้แต่ขบกรามแน่นด้วยความไม่พอใจเด็กเมื่อวานซืนอย่างอันดาเหอะ นิสัยไม่ด
“ไอ ไอช่วยอันดาด้วย! อันดาเป็นลมอยู่ในห้องน้ำ”เสียงของแนนร้องตะโกนขอความช่วยเหลือไออุ่นดังมาแต่ไกล ทำเอาสองเท้าที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าหยุดชะงัก แต่ถึงอย่างนั้นไออุ่นก็ไม่ยอมหันกลับมาตามเสียงเรียกของแนน เพราะเธอกลัวว่าแนนกับอันดาอาจจะมีแผนการร้าย ๆ อีกความเจ็บปวดในวันวานที่เธอได้รับเพราะความไว้ใจ มันทำให้ไออุ่นรู้สึกกลัว...กลัวว่าเธอจะโดนหลอกอีกครั้งแฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก“ไอ...แนนเรียกทำไมไม่หัน อันดาเป็นลมในห้องน้ำนะอยู่ ๆ ก็เลือดกำเดาไหล แล้วก็เป็นลมหมดสติไปเลย”เมื่อสัมผัสได้ว่าไออุ่นเริ่มรู้ทันพวกเธอและดูมีความลังเล แนนก็เติมแต่งเรื่องราวเข้าไปอีกให้ดูน่าเชื่อถือ ซึ่งคำพูดของแนนก็ทำให้ไออุ่นที่มีท่าทีเมินเฉยในครั้งแรกเปลี่ยนเป็นร่างเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินว่าอดีตเพื่อนอาจเป็นอันตรายจึงรีบถามอาการด้วยความเป็นห่วง“อันดาเป็นลมที่ไหน”“ห้องน้ำหลังอาคารเรียนอะ ไปช่วยพยุงออกมาทีแนนคนเดียวไม่ไหว”แนนรีบจูงมือไออุ่นให้วิ่งตามเธอไปที่หลังอาคารเรียนทันที ท่ามกลางความรู้สึกร้อนรนด้วยความเป็นห่วงเพื่อน จนกระทั่งเมื่อวิ่งมาถึงห้องน้ำ ไออุ่นก็รีบเปิดประตูเข้าไปดูอันดา แต่เพียงเธอ
โรงพยาบาล Nธามไทค่อย ๆ ใช้ผ้าพันแผลให้ไออุ่นอย่างเบามือด้วยความรู้สึกเจ็บปวด มือบอบบางที่เขาเคยสัมผัสเต็มไปด้วยรอยแตกช้ำจากการทุบประตูเป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำไมเด็กสาวที่น่ารักและแสนดีแบบไออุ่นถึงต้องพบเจอกับเรื่องที่เลวร้ายขนาดนี้นะเด็กสาวในวัยนี้ควรจะมีแต่เรื่องราวดี ๆ ที่น่าจดจำก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเติบโตตามเส้นทางที่แต่ละคนเลือกเดินสิแต่สำหรับไออุ่นแล้วมันกลับไม่ใช่แบบนั้น สิ่งที่เธอต้องพบเจอมันช่างเลวร้ายเกินกว่าที่เด็กสาวอายุเพียง 18 ปีจะรับไหว“ใครกันนะช่างใจร้ายกับหนูเสียจริง”ลูกพีชมองเด็กสาวที่นอนหลับตาพริ้มด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ เปลือกตาที่ปิดสนิทคู่นั้นบวมช้ำบ่งบอกให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ซึ่งถ้าเป็นเธอที่ต้องตกอยู่ในความมืดที่ไม่รู้ว่าจะมีใครผ่านมาช่วยเมื่อไหร่ เธอเองก็คงมีสภาพไม่แตกต่างกันกับเด็กสาวอย่างแน่นอน“เด็กมัธยมเขาแกล้งกันแรงขนาดนี้เลยเหรอวะ เคยเห็นแต่เด็กผู้ชายที่ถูกเพื่อนแกล้ง เพิ่งเคยเห็นเด็กผู้หญิงที่ถูกแกล้งหนักขนาดนี้ มืดขนาดนั้นคงกลัวจนทำอะไรไม่ถูก”เพลิงกัลป์พูดขึ้นมาด้วยความสงสาร ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มแม้ในยามหลับก็ยังคงหมองเศร้า นี่ถ้าเขา
โรงพยาบาล Nแกรกแอดธามไทค่อย ๆ เปิดประตูห้องพักคนไข้เข้ามาอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวนคนที่กำลังนอนหลับสนิทร่างสูงของคุณหมอเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ สองมือยื่นไปจับมือของไออุ่นเอาไว้เบา ๆ ด้วยความสงสาร สายตายามที่ทอดมองร่างบางที่กำลังนอนหลับสนิทเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมองใครมาก่อน“ต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เฮียจะคอยปกป้องหนูไอเองนะ”ธามไทเอ่ยกับร่างบางที่นอนหลับสนิทเสียงแผ่วเบา สองมือหนากอบกุมมือบางขึ้นมาแนบแก้มเอาไว้ ด้วยความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เช่นกันว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกอย่างไรเป็นเวลานานที่นั่งเฝ้าอีกฝ่ายจนเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเช้าวันต่อมาเปลือกตาที่หลับสนิทค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย ภาพตรงหน้าค่อย ๆ ชัดขึ้น ไออุ่นมองไปรอบ ๆ ห้องด้วยความไม่คุ้นชิน สอดส่ายสายตาไปมาจนปะทะเข้ากับร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างเตียงไม่ไปไหนตลอดทั้งคืนแค่เพียงได้เห็นหน้าเขา ก้อนสะอื้นก็แล่นขึ้นมาจุกที่อก จนกักเก็บไม่ไหวปล่อยน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เด็กสาวพยายามลุกขึ้นจากที่นอน โดยมีธามไทที่รีบลุกขึ้นมาช่วยพยุงให้
ไออุ่นรักษาตัวอยู่ต่อที่โรงพยาบาลเพียงอีกหนึ่งวัน ธามไทก็พาเธอกลับมาดูแลต่อที่คอนโด โดยที่อาการเจ็บมือของเธอก็ดีขึ้นตามลำดับ จนเธอสามารถทานอาหารเองได้แล้วส่วนธามไทที่ขอลาหยุดหนึ่งวันเพื่อคอยดูแลไออุ่น เขาก็ต้องกลับไปทำงานตามปกติในวันนี้แล้ว แต่กลับพบเด็กน้อยงอแงที่มองเขาตาปริบ ๆ อย่างออดอ้อนเพราะไม่อยากอยู่ที่คอนโดคนเดียว“หนูไอขอไปทำงานด้วยไม่ได้เหรอคะ”เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร เพราะด้วยสภาพจิตใจที่ยังไม่ค่อยดีขึ้นสักเท่าไหร่ ทำให้ไออุ่นไม่อยากอยู่คนเดียวตามลำพัง ธามไทมองเด็กสาวที่มองเขาอย่างอ้อน ๆ ด้วยความรู้สึกเห็นใจ แต่ถ้าเขาพาเธอไปที่ทำงานด้วย เธอก็ต้องนอนเหงารอเขาอยู่ในห้องทำงานอยู่ดี ซึ่งไม่ได้ต่างกับการรอเขาเลิกงานอยู่ที่คอนโดคนเดียวเลยสักนิด“ถ้าเฮียพาหนูไปทำงานด้วย หนูไอก็ต้องรอเฮียอยู่แต่ในห้องทำงานเหมือนกัน แต่ถ้าอยู่ที่นี่หนูไอก็นอนดูซีรีส์ได้ไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ต้องรอว่าเฮียจะเลิกงานเมื่อไหร่แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอคะ หืม”น้ำเสียงอ่อนโยนถามคนน้องที่ยังคงทำหน้าอ้อนไม่เลิกจริงอยู่ที่ว่าถ้าเธอรอเขาอยู่ที่นี่เธอสามารถนอนดูซีรีส์เรื่องโปรดได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องรอว่าเขาจะเ
“แกเอาลูกสาวฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน”คำถามของคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงซ้ำยังกล้าเอาปืนมาจ่อหัวมาเฟียร้ายอย่างกฤษฎิ์ทำให้ริมฝีปากหนาค่อย ๆ แสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย ราวกับว่าขบขันเสียเต็มประดากับความวุ่นวายตรงหน้าสายตาที่เคยอ่อนโยนเป็นนิตย์กับคนไข้ พลันแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นเยียบ ทำให้คนที่กำลังถือปืนจ่อหัวมาเฟียร้ายในคราบคุณหมอผู้ใจดีรู้สึกกลัวไม่น้อยเลยทีเดียว“ที่นี่คือโรงพยาบาล จะทำอะไรก็รู้จักให้เกียรติสถานที่หน่อยก็ดี คนไข้มีทั้งเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ และคนไข้วัยชรา หากพวกเขาผ่านมาเห็นคนกำลังเอาปืนจ่อหัวหมออยู่อาจจะช็อกจนเกิดอันตรายได้นะ เพราะฉะนั้นเชิญไปที่สวนหย่อมหลังตึกดีกว่า ไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครไปยุ่มย่าม ที่ตรงนั้นเป็นที่ลับตาคน อยากจะสอบถาม พูดคุย หรือจะฆ่าจะแกงกันอย่างไรก็เชิญเสียที่นั่นเถอะ”น้ำเสียงเรียบทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเนิบนาบ ทว่ากลับมีอำนาจและน่าเกรงขาม อติรุจหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องของตนเองเพียงหนึ่งครั้ง คนทั้งคู่ก็เดินเข้ามาจับตัวธามไทที่สะบัดตัวออกจากการเกาะกุมทันทีด้วยความไม่ชอบใจ ส่วนลูกน้องอีกคนไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือที่สั่นเทาเข้ามาแตะต้องตัวคุณหมอวัยชรา เพียงแค่เขาตวัดสายต
1 ปีต่อมา“ธัน ไม่ ไป ฮึก ฮือ ฮือ ธัน”มือเล็กที่จับแขนของธันวาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทำให้ไอศูรย์ที่วันนี้ต้องรับบทพี่เลี้ยงหลานสาวถึงกับกุมขมับมือใหญ่เอื้อมไปจับมือของหลานสาว แล้วพยายามดึงมือเล็กออกจากมือของคุณอาตัวน้อยอย่างเบามือ แต่เด็กหญิงอันดาที่นิสัยดื้อรั้นเหมือนผู้เป็นบิดากลับจับมือของอาธันวาไว้ไม่ยอมปล่อย สร้างความหนักใจให้คุณตาไม่น้อย“อันดาจ๋า อาธันต้องไปโรงเรียนแล้วนะลูก ถ้าหนูยังไม่ยอมปล่อยตอนนี้อาธันต้องไปโรงเรียนสายแน่ ๆ เลยค่ะเด็กดี”ไอศูรย์บอกหลานสาวที่ร้องไห้น้ำตาอาบแก้มอย่างน่าสงสาร เมื่อวันนี้ทั้งธามไทและไออุ่นต่างต้องรีบออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ทำให้เด็กหญิงอันดาที่ตื่นมาไม่เจอใครร้องไห้โฮด้วยความตกใจแต่เมื่อได้เห็นหน้าคุณอาธันวา เจ้าอันดาที่กำลังร้องไห้อยู่กลับเงียบเสียงลงในทันที พลางยื่นมือไปหาคุณอาตัวน้อยที่รับหลานสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความเอ็นดู แต่ใครเลยจะรู้ว่าอันดาจะติดธันวาแจจนไม่ยอมให้เขาไปโรงเรียน“อันดาเด็กดีไม่ร้องไห้นะคะ อาธันไปโรงเรียนแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมาเล่นกับหนูอันดาแล้ว”เด็กชายผู้มีสถานะเป็นอาพยายามปลอบใจหลานสาวตัวน้อย ที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอ
ในที่สุดความฝันและวันที่ไออุ่นรอคอยก็เดินทางมาถึง เมื่อเธอสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปลายแล้วพร้อมกับเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน และแน่นอนว่าเด็กเนิร์ดอย่างเธอกับเด็กแสบอย่างเฌอแตมเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ยสูงสุด 4.00 เป็นการทิ้งท้ายช่วงชีวิตในรั้วโรงเรียนมัธยมอย่างสวยงามโดยเฉพาะไออุ่นที่เธอต้องใช้ความพยายามและความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะอายุครรภ์ที่มากขึ้นทำให้เธอมีอาการอ่อนเพลียบ่อยครั้ง แต่ว่าที่คุณแม่ก็ยังคงมาเรียนตามปกติ เพราะอยากมีช่วงเวลาดี ๆ กับเพื่อนในห้องเรียนก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเติบโตในเส้นทางที่ทุกคนเลือกเดิน“ยินดีด้วยนะคะพี่เฌอแตมพี่หนูไอ”“ดีใจด้วยนะคะรุ่นพี่ ขอให้สอบติดคณะในฝันนะคะ”“ดีใจด้วยนะหนูไอที่เรียนจบพร้อมกัน”“เรียนจบแล้วก็ขอให้พี่แตมมีแฟนกับเขาสักทีนะคะ”“อย่าลืมพาเจ้าตัวเล็กกลับมาแนะแนวน้อง ๆ ที่โรงเรียนบ้างนะคะ”เพื่อนต่างห้องและรุ่นน้องในโรงเรียน ต่างพากันนำดอกไม้มามอบให้เฌอแตมกับไออุ่น เพื่อแสดงความยินดีกับสองเพื่อนซี้ในวันอำลาสถาบัน ทำให้สองสาวรู้สึกซาบซึ้งใจบ่อน้ำตาแตกกันไปหลายครั้งทีเดียวไออุ่นที่อ่อนไหวจากฮร์โมนคุณแม่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วเสียน้ำตาไปถึงสามรอบติด เมื่อ
หลังจากวันนั้นธามไทก็จัดการกับทุกคนตามที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ โดยไม่มีใครได้รับการยกเว้นแม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะครอบครัวของก้องเกียรติที่ธามไทใช้อำนาจมืดกดดันหน่วยงานของเขา จนทำให้เขาถูกโยกย้ายไปประจำการที่จังหวัดทางภาคเหนือ สร้างความลำบากให้แก่ครอบครัวของก้องเกียรติไม่น้อยส่วนคุณครูประจำชั้นของธันวา ที่เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ถูกไล่ออกอย่างไม่ปรานี เพราะถือว่าละเลยต่อหน้าที่ดูแลเด็กในชั้นเรียน จนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างบาดแผลทางจิตใจให้แก่ธันวาและคนสุดท้ายที่ธามไทไม่คิดละเว้นเช่นกัน ก็คือผู้อำนวยการโรงเรียนที่ธามไทตัดงบบริจาคจากธราเทพกรุ๊ปออกทั้งหมด ทำให้ผู้อำนวยการถึงกับล้มทั้งยืน เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านเจ้าสัวยังมีชีวิตอยู่ ท่านบริจาคเงินให้การสนับสนุนโรงเรียนของเธอถึงปีละห้าล้านทีเดียวเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้ธันวาที่ป่วยเพราะตากฝนซึมไปหลายวันทีเดียว แต่สุดท้ายความรักและความเอาใจใส่จากคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นธามไทที่คอยดูแลน้องชายตลอดเวลาที่ไม่สบายไออุ่นที่คอยเล่านิทานกล่อมเด็กชายตัวน้อยให้นอนหลับฝันดีทุกคืนไอศูรย์ที่คอยเป็นเพื่อนเล่นให้หลานชาย ในวันที่ธามไทต้องไปทำง
เด็กชายตัวน้อยกำลังร้องไห้จนไหล่บอบบางสะท้านขึ้นลง ทำให้น้ำตาของธามไทค่อย ๆ ไหลออกมารวมกับหยาดน้ำฝน ที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสองมือใหญ่พลันยกขึ้นโอบน้องชายเข้ามาแนบอกด้วยความรักสุดหัวใจ ถึงแม้ว่าธันวากับธามไทจะไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แต่คำว่าสายเลือดเดียวกันทำให้สายใยรักระหว่างพี่น้องนั้น กลับแน่นแฟ้นเกินกว่าที่ธามไทจะยอมให้ใครมาแตะต้องดวงใจของเขาได้“ฮึก ฮือ เฮียไทม์ค้าบ น้องธัน ฮึก ไม่อยากเรียนที่นี่แล้ว ฮือ”ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถทนแบกรับได้อีกต่อไป ทำให้ธันวาตัดสินใจบอกความรู้สึกของตัวเองกับพี่ชายทั้งสะอื้นธามไทมองหน้าผากของน้องชาย ที่มีรอยเขียวช้ำผ่านม่านน้ำตาด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเขาไม่เคยรู้เลยไม่เคยคิดเลยสักนิดว่า รอยยิ้มที่ธันวามอบให้เขาก่อนที่จะเดินเข้ามาในโรงเรียนนั้น ต้องแลกกับการแบกรับความเจ็บปวดมากแค่ไหน เพียงเพื่อให้พี่ชายอย่างเขาสบายใจ ธันวาจึงไม่เคยปริปากบอกเลยว่าตัวเองนั้นต้องเจอกับอะไรบ้างในแต่ละวัน“มีเพื่อนแกล้งน้องธันใช่ไหมครับ ไหนบอกพี่ชายคนนี้สิว่าเพื่อนเขาแกล้งอะไรน้องธันบ้าง”น้ำเสียงที่อ่อนโยนเอ่ยถามน้องชาย ก่อนที่ธันวาจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่ช
คฤหาสน์หลังใหญ่ของไอศูรย์ นอกจากธามไทที่ย้ายจากคอนโดมาอยู่ที่บ้านของพ่อตาแล้ว เขายังพาน้องชายมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ซึ่งไอศูรย์ก็ไม่ขัดข้องและยินดีเป็นอย่างมาก ที่ครอบครัวของเขามีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาถึงสองคนนั่นก็คือสองพี่น้องธามไทและธันวาตัวน้อยที่ช่างพูดช่างเจรจา จนทำให้ไอศูรย์รู้สึกเอ็นดูเด็กชายไม่น้อย เขาจึงมักจะซื้อของเล่นมาฝากเสมอ ทำให้เด็กน้อยมีความสุขมากกับการต้อนรับที่แสนอบอุ่นจากครอบครัวของพี่สะใภ้“กินเยอะ ๆ นะน้องธันจะได้โตไว ๆ”กับข้าวรสมือนมหวานถูกตักวางลงบนจานของเด็กชายธันวา ที่เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้างให้ไอศูรย์ ก่อนที่เด็กชายตัวน้อยจะรีบตักกับข้าวที่คุณอาตักให้ส่งเข้าปากทันทีด้วยความเอร็ดอร่อย“กับข้าวฝีมือของนมหวานอร่อยที่สุดเลยครับ”เมื่อเคี้ยวอาหารจนละเอียดและกลืนเรียบร้อยแล้ว ธันวาก็หันไปยกนิ้วให้นมหวานที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทันที เมื่อได้รับคำชมจากเด็กชายตัวน้อยที่ชื่นชอบอาหารฝีมือของเธอมาก“พี่หนูไอทำตามสัญญาแล้วน้าว่า ถ้าน้องธันมาอยู่กับเฮียไทม์เมื่อไหร่น้องธันก็จะได้กินกับข้าวฝีมือนมหวานทุกวันเลย”ไออุ่นที่นั่งข้างกันหันไปบอกเด็กน้อยถึงคำสัญญาที่เธอเคยเอาไว้ แล้วลงมือต
โรงเรียนมัธยม A“ป๊าฝันไม่ยอมนะ ฝันเจ็บขนาดนี้มันต้องโดนไล่ออก”ทอฝันจับแขนบิดาที่นั่งข้าง ๆ พร้อมกับมองหน้าไออุ่นที่นั่งดูดนมกล่องอย่างไม่สนใจไยดีสองพ่อลูกตรงหน้าส่วนเฌอแตมก็นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ด้วยท่าทีสบาย ๆ โดยไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวบิดาของทอฝันแต่อย่างใด ทำให้ธนพลที่กำลังมองเด็กสาวสองตรงหน้าชักสีหน้าเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ เมื่อทั้งสองคนทำเหมือนกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตน“เมื่อไหร่ผู้ปกครองของเด็กสองคนนี้จะมาถึงครับอาจารย์ นี่ก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ”ธนพลเอ่ยถามอาจารย์ศรีพัชรินหรือหัวหน้าฝ่ายปกครอง เด็กนักเรียนมักจะเรียกเธอว่า ‘อาจารย์แม่’ ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เมื่อต้องมานั่งรอผู้ปกครองของเด็กทั้งสองคนที่เขารู้จักดีว่าเป็นใคร เพราะทุกคนต่างอยู่ในแวดวงนักธุรกิจกันทั้งนั้น“ถ้าคุณลุงรอไม่ไหวจะกลับก่อนก็ได้นะคะ เพราะแตมกับหนูไอก็อยากจะกลับไปเรียนแล้วเหมือนกัน”เฌอแตมที่นั่งเล่นเกมรีบเงยหน้าขึ้นบอกบิดาของทอฝันทันทีด้วยรอยยิ้มอย่างกวน ๆ ก่อนที่อาจารย์ศรีพัชรินจะหันมาถลึงตาใส่เธอให้สำรวมกิริยามารยาทมากกว่านี้ เพราะอย่างไรแล้วคนตรงหน้าก็อายุมากกว่าเธอ ฉะนั้นจึงไม่ควรแสดง
หลังจากแต่งงานไออุ่นก็กลับไปเรียนต่อในเทอมสองตามปกติ แม้ว่าบิดากับสามีจะพากันไม่เห็นด้วย กับการตัดสินใจกลับไปเรียนของเธอก็ตาม เพราะไออุ่นกำลังตั้งครรภ์ทั้งคู่จึงเป็นห่วงกลัวว่า ในระหว่างที่เรียนอาจจะทำให้หญิงสาวรู้สึกเครียดจนส่งผลกระทบกับลูกในท้องแต่ไออุ่นก็ยังยืนยันคำเดิมว่า เธออยากจะเรียนจบชั้นมัธยมพร้อมกับเพื่อน ๆ ในห้องที่ต่างรอคอยการกลับมาของเธอ ส่วนความเครียดที่อาจเกิดขึ้นจากการได้ยินคำพูดติฉินนินทาจากเพื่อนในโรงเรียนนั้น ไออุ่นไม่ได้สนใจหรือให้ค่ากับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่ไออุ่นเด็กน้อยไร้เดียงสาในวันวานอีกแล้ว“วันนี้ตั้งใจเรียนนะคะเด็กดี อย่าลืมกินอาหารที่สามีคนนี้ตั้งใจทำให้คุณแม่กับเจ้าตัวเล็กอย่างสุดฝีมือด้วยนะคะ”ไออุ่นก้มลงมองกล่องข้าวที่อยู่บนตักของเธอ พลันใบหน้าสวยหวานไร้เครื่องสำอางเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ กับความรักและความเอาใจใส่ของสามีที่มีให้อย่างสม่ำเสมอไม่ว่าสามีจะทำงานดึกแค่ไหนหรือเหนื่อยจากงานมากเท่าไหร่ เขาก็มักจะตื่นขึ้นมาทำมื้อเช้าให้เธอกับบิดาและน้องธันทานเสมอ“ไม่ลืมแน่นอนค่ะ คุณพ่อตั้งใจทำให้หนูไอกับเจ้าตัวเล็กขนาดนี้ หนูไ
วันแต่งงานเสียงขบวนแห่ขันหมากที่ดังมาแต่ไกล ทำให้ไออุ่นที่อยู่ในชุดไทยวิ่งไปที่หน้าต่างและชะโงกหน้ามองขบวนแห่ของเจ้าบ่าวด้วยความตื่นเต้นดวงตาใสกระจ่างเลื่อนไปยังบุรุษร่างสูงใหญ่กับใบหน้าคมคร้ามที่โดดเด่นมาแต่ไกล ว่าที่เจ้าสาวหันไปส่งยิ้มที่ดูราวกับบุปผาขยายกลีบรับสายลมฤดูใบไม้ผลิให้เพื่อนสนิทที่รีบวิ่งเข้ามายืนข้าง ๆ เธอด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน“เฮียไทม์ หล่อจังเลย”เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นตาของธามไท เฌอแตมก็เอ่ยชมขึ้นมาด้วยความจริงใจ ทำเอารอยยิ้มของไออุ่นกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เธอจะแสร้งเอ่ยถามเพื่อนถึงผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ ว่าที่เจ้าบ่าว“แล้วคนข้าง ๆ เฮียไทม์ล่ะหล่อไหม”“หูย หล่อขนาดนี้สเปกแตมเลย”เฌอแตมหลุดปากพูดออกไปตามที่ใจคิด แต่พอเพ่งมองดี ๆ ดวงตากลมโตก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ จึงรีบยกมือเล็กขึ้นปิดปากทันควันใบหน้าของสาวน้อยวัยแรกแย้มค่อย ๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอายที่หลุดพูดความรู้สึกในใจออกไปให้เพื่อนได้รับรู้ตึกตัก ตึกตัก ตึกตักหัวใจดวงน้อยพลันเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ เมื่อเธอเผลอสบตากับเจ้าของใบหน้าคมคายอย่างลมหนาว ที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าต่างห้องนอนของไออุ่น
โรงพยาบาล N“ตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม”กฤษฎิ์เอ่ยถามธามไทที่นั่งอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ถึงการตัดสินใจหันหลังให้กับอาชีพหมอ และก้าวเดินต่อไปในฐานะนักธุรกิจ ที่ต้องกุมบังเหียนดูแลทั้งกิจการของธราเทพผู้เป็นบิดาที่ล่วงลับไป กับธุรกิจของว่าที่พ่อตาอย่างไอศูรย์ทางด้านคุณหมอที่คิดมาดีแล้วพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม แววตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นไม่เปลี่ยนใจเขาเรียนรู้การเป็นนักธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก จนเข้าสู่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ๆ เขาก็เบนเข็มทิศจากการเป็นนักธุรกิจตั้งแต่วัยเยาว์ก้าวสู่เส้นทางของหมอซึ่งพ่อเลี้ยงอย่างท่านโฮชิก็ไม่ได้เอ่ยห้ามเลยแม้แต่น้อย แต่ท่านกลับสนับสนุนในสิ่งที่เขาอยากจะเรียนรู้ ด้วยการบอกให้เขามุ่งมั่นตั้งใจเรียนและคว้าเกียรตินิยมมาให้ได้ ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐอเมริกา คุณหมอธามไทสามารถคว้ามาครอบครองได้สมปรารถนา“ครับ ไทม์อยากสานต่อธุรกิจของพ่อเพื่อปูทางเอาไว้ให้น้องธัน วันหนึ่งที่น้องโตขึ้นธุรกิจของพ่อไทม์จะยกให้น้องดูแลทั้งหมดครับ”กฤษฎิ์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจในเหตุผลของคนพี่ว่า ทำไมเขาถึงเลือกที่จะหันหลังให