ไออุ่นรักษาตัวอยู่ต่อที่โรงพยาบาลเพียงอีกหนึ่งวัน ธามไทก็พาเธอกลับมาดูแลต่อที่คอนโด โดยที่อาการเจ็บมือของเธอก็ดีขึ้นตามลำดับ จนเธอสามารถทานอาหารเองได้แล้วส่วนธามไทที่ขอลาหยุดหนึ่งวันเพื่อคอยดูแลไออุ่น เขาก็ต้องกลับไปทำงานตามปกติในวันนี้แล้ว แต่กลับพบเด็กน้อยงอแงที่มองเขาตาปริบ ๆ อย่างออดอ้อนเพราะไม่อยากอยู่ที่คอนโดคนเดียว“หนูไอขอไปทำงานด้วยไม่ได้เหรอคะ”เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร เพราะด้วยสภาพจิตใจที่ยังไม่ค่อยดีขึ้นสักเท่าไหร่ ทำให้ไออุ่นไม่อยากอยู่คนเดียวตามลำพัง ธามไทมองเด็กสาวที่มองเขาอย่างอ้อน ๆ ด้วยความรู้สึกเห็นใจ แต่ถ้าเขาพาเธอไปที่ทำงานด้วย เธอก็ต้องนอนเหงารอเขาอยู่ในห้องทำงานอยู่ดี ซึ่งไม่ได้ต่างกับการรอเขาเลิกงานอยู่ที่คอนโดคนเดียวเลยสักนิด“ถ้าเฮียพาหนูไปทำงานด้วย หนูไอก็ต้องรอเฮียอยู่แต่ในห้องทำงานเหมือนกัน แต่ถ้าอยู่ที่นี่หนูไอก็นอนดูซีรีส์ได้ไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ต้องรอว่าเฮียจะเลิกงานเมื่อไหร่แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอคะ หืม”น้ำเสียงอ่อนโยนถามคนน้องที่ยังคงทำหน้าอ้อนไม่เลิกจริงอยู่ที่ว่าถ้าเธอรอเขาอยู่ที่นี่เธอสามารถนอนดูซีรีส์เรื่องโปรดได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องรอว่าเขาจะเ
“แกเอาลูกสาวฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน”คำถามของคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงซ้ำยังกล้าเอาปืนมาจ่อหัวมาเฟียร้ายอย่างกฤษฎิ์ทำให้ริมฝีปากหนาค่อย ๆ แสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย ราวกับว่าขบขันเสียเต็มประดากับความวุ่นวายตรงหน้าสายตาที่เคยอ่อนโยนเป็นนิตย์กับคนไข้ พลันแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นเยียบ ทำให้คนที่กำลังถือปืนจ่อหัวมาเฟียร้ายในคราบคุณหมอผู้ใจดีรู้สึกกลัวไม่น้อยเลยทีเดียว“ที่นี่คือโรงพยาบาล จะทำอะไรก็รู้จักให้เกียรติสถานที่หน่อยก็ดี คนไข้มีทั้งเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ และคนไข้วัยชรา หากพวกเขาผ่านมาเห็นคนกำลังเอาปืนจ่อหัวหมออยู่อาจจะช็อกจนเกิดอันตรายได้นะ เพราะฉะนั้นเชิญไปที่สวนหย่อมหลังตึกดีกว่า ไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครไปยุ่มย่าม ที่ตรงนั้นเป็นที่ลับตาคน อยากจะสอบถาม พูดคุย หรือจะฆ่าจะแกงกันอย่างไรก็เชิญเสียที่นั่นเถอะ”น้ำเสียงเรียบทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเนิบนาบ ทว่ากลับมีอำนาจและน่าเกรงขาม อติรุจหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องของตนเองเพียงหนึ่งครั้ง คนทั้งคู่ก็เดินเข้ามาจับตัวธามไทที่สะบัดตัวออกจากการเกาะกุมทันทีด้วยความไม่ชอบใจ ส่วนลูกน้องอีกคนไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือที่สั่นเทาเข้ามาแตะต้องตัวคุณหมอวัยชรา เพียงแค่เขาตวัดสายต
“แปลกนะ ปกติเจ้าหมอไทม์ที่ฉันรู้จักไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องของใครนี่ แต่กับเด็กคนนี้ทำไมยุ่งจังนะ ชอบเขาเหรอเราอะ”คำถามของตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ ทำเอาธามไทกลอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่าย จะมีเรื่องไหนสักเรื่องไหมที่รอดพ้นไปจากหูและตาของตาเฒ่าคนนี้ได้เพราะตั้งแต่ที่เขาย้ายมาอยู่เมืองไทย ทุก ๆ เรื่องในชีวิตเขาแทบไม่เคยรอดพ้นไปจากหูตาของกฤษฎิ์เลย เพียงแต่ลุงคนนี้ไม่ชอบเข้าไปยุ่งวุ่นวายก็เท่านั้น ยกเว้นเสียแต่ว่าหากเรื่องไหนที่มีผลกระทบกับงาน ตาเฒ่าจะรีบยื่นมือเข้ามาจัดการในทันที“ไม่ได้ชอบ แค่สงสาร”คำตอบเบาหวิวไร้ซึ่งความหนักแน่น ทำให้คนมีประสบการณ์อมยิ้มออกมาน้อย ๆ อย่างรู้ทันตอบเขาเสียงเบาหวิวขนาดนี้ แปลว่าเจ้าของคำตอบก็ยังไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน แต่สำหรับคนที่ผ่านอะไรมามากมายครึ่งค่อนชีวิตอย่างกฤษฎิ์ เขากลับมองเพียงปราดเดียวก็รู้ได้ในทันทีว่า หลานชายของเขาคนนี้กำลังตกหลุมรักแม่สาวน้อยคนนั้นอยู่อย่างแน่นอน“แรก ๆ ก็บอกว่าสงสาร พอนานวันไปก็บอกว่าชอบ สุดท้ายก็ผมรักเขา อืม หนุ่ม ๆ สมัยนี้ช่างเข้าใจยากจริง ๆ”คำพูดที่ดูคล้ายกับว่ากำลังพึมพำกับตนเอง ทำให้คนที่ได้ยินแอบคิดตามคำพูดของผ
ร่างบางที่เบียดตัวเข้าหาความอบอุ่นจากร่างสูงในช่วงเช้า ทำคนที่กำลังนอนหลับสบายลืมตาตื่นขึ้นมามองด้วยความงัวเงีย พร้อมกับก้มลงมองใครบางคนที่กำลังนอนหลับซบอยู่บนอกแกร่งจนแก้มย้วยดวงตากลมโตที่เคยทอแสงเป็นประกายหลับสนิทโดยไร้ทีท่าว่าจะตื่น มือบางโอบกอดเขาราวกับคุ้นชิน ส่วนแก้มกลมซบอยู่บนอกเขาอย่างสนิทใจธามไทถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความหนักใจ เพราะทุก ๆ คืนเขากับไออุ่นจะแยกย้ายกันเข้าห้องนอนของตัวเอง แต่พอตื่นเช้ามาทีไรร่างบางก็มักจะนอนโอบกอดซบอกเขาอยู่เสมอแรก ๆ เขามักจะดุอยู่บ่อย ๆ เพราะเราทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมานอนแนบชิดด้วยกันแบบนี้ได้ แต่ดูเหมือนว่าพอยิ่งดุและยิ่งห้าม ก็กลายเป็นยิ่งยุให้เธอแอบเข้ามานอนในห้องเขาทุกวัน คนพี่จึงเลือกปล่อยเลยตามเลยไปแล้วแต่บางสิ่งบางอย่างที่กำลังขยายตัวใหญ่ขึ้นตามธรรมชาติมันปล่อยเลยตามเลยไม่ได้น่ะสิ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของแป้งเด็กที่ลอยมาแตะจมูก ทำให้ความต้องการของเขาที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยมายาวนานถึงสองอาทิตย์ เริ่มจะทำงานจนแทบจะอดกลั้นไม่ไหวอยู่แล้ว“อืม เย็นไว้ทนไว้ลูกพ่อ หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกและหายใจเข้า”ธามไทพึมพำเสียงเบาพยายามระงับอารมณ์ความ
รถซูเปอร์คาร์คันหรูหยุดลงที่หน้าโกดังร้างแห่งหนึ่ง ที่ขึ้นชื่อว่าผีดุสุด ๆ ในย่านนี้และไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้ามา นอกจากลูกน้องของเขาที่จับตัวอันดากับพวกมาขังไว้ที่นี่เป็นเวลาถึงสี่วันและแน่นอนว่าเขายังใจดีให้พวกมันได้ทานข้าวกินน้ำไม่อดตายไปเสียก่อน ส่วนบิดาของอันดานั้นคนของลุงกฤษฎิ์พาไปเที่ยวเล่นแถวทะเลทางใต้ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง...แต่ใครจะสนธามไทเดินมาหยุดลงตรงหน้าทั้งสี่คนที่ถูกจับมัดกับเสาเอาไว้ ซึ่งพอทุกคนเห็นหน้าธามไทต่างก็พากันตัวสั่นด้วยความกลัว แล้วขยับเข้ามากอดกันเอาไว้ด้วยความรู้สึกทรมานจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่เพราะโกดังที่พวกตนถูกจับมาขังในยามวิกาลนั้น ไม่เคยมีสักคืนที่ได้หลับได้นอนเพราะที่นี่เต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน ราวกับว่ามีวิญญาณมากมายอาศัยอยู่ตามที่เคยได้ยินมา“อ้าวคนสวยทำไมขอบตาดำแบบนั้นล่ะ เปลี่ยนที่นอนแค่ไม่กี่วันโทรมแทบดูไม่ได้เลยนะ”ธามไทเอ่ยกวนอันดากับแนนที่เงยหน้าขึ้นมองเขาทั้งน้ำตา ส่วนคนพูดนั้นกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความสะใจกับสภาพของทุกคน โดยเฉพาะแววตายามที่ทอดมองไปยังเด็กสาวทั้งสองคน คล้ายจะบอกว่าสมน้ำหน้าที่ไม่ยอมฟังคำเตือนของเขาที่อ
“เฮียไทม์คะ หนูไออยากอยากกินไอศกรีมอ่า วันนี้หนูไอเรียนหนักมาก จบจากห้องเรียนแล้วยังไม่พอ พอร์ชยังพาทบทวนบทเรียนในวันที่หนูไอหยุดเรียนอีกหลายบทจนหนูไอปวดหัวไปหมดแล้ว ถ้าได้กินไอศกรีมสักถ้วยอาการปวดหัวของหนูไอน่าจะหายดีเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ”เสียงหวานเอ่ยเจื้อยแจ้วชวนคนที่กำลังตั้งใจขับรถด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ตรงข้ามกับอาการปวดหัวที่เธอบอกเขาโดยสิ้นเชิงแสดงไม่เคยจะเก่งเลยแม่คุณรอยยิ้มจากคนเย็นชาผุดขึ้นบนหน้าด้วยความขบขัน เมื่อคนข้างกายกำลังออดอ้อนเขาให้พาไปกินไอศกรีมของโปรด แน่นอนว่าทุกครั้งที่พาไปเธอแทบจะเหมาจนหมดซูเปอร์มาร์เก็ตทุกครั้ง“ตามหลักการแพทย์ ถ้าปวดหัวต้องกินยานะยัยหนูไอไม่ใช่ไอศกรีม”คุณหมอตอบกลับคนข้างกายอย่างรู้ทัน ใบหน้าที่กำลังยิ้มแย้มหุบยิ้มลงทันควัน แทนที่ด้วยใบหน้ายับยู่ยี่อย่างแง่งอนธามไทส่ายหัวอย่างเอ็นดู แล้วละมือหนึ่งข้างที่กำลังบังคับพวงมาลัยอยู่มาขยี้ผมนุ่มอย่างมันเขี้ยว นึกขำคนที่อารมณ์สับสวิตช์ไวมาก เดี๋ยวก็อ้อนเดี๋ยวก็งอนจนสร้างความเคยชินให้เขาไปเสียแล้วส่วนคนที่กำลังงอนเมื่อถูกขยี้ผมก็เปลี่ยนท่าทีอย่างไว รีบขยับเข้าไปใกล้ ๆ คนพี่แล้วเอียงแก้มนวลซบลงบนต้นแข
หลายวันต่อมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนแล้วที่ไออุ่นมาพักอยู่กับธามไท การที่ได้มาอยู่กับเขาทำให้เธอหลงลืมความทุกข์ใจเรื่องทางบ้านไปชั่วขณะโดยไม่ได้หวนคิดถึงเรื่องนั้นแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเธอจะต้องห่างจากอ้อมอกของบิดา แต่อ้อมกอดของธามไทที่คอยปลอบโยนเธอก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูกส่วนธามไทนั้นจากที่เคยใช้ชีวิตแสนเรียบง่าย กลับมีความตื่นเต้นและความวุ่นวายเข้ามาเซอร์ไพรส์เขาไม่เว้นในแต่ละวัน แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น เพราะรอยยิ้มของใครบางคนที่มักจะยิ้มให้ด้วยความสดใสอยู่เสมอนั้นเขาได้เห็นมันในทุก ๆ วัน“เฮียบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ค่อย ๆ กิน ดูสิเลอะปากหมดแล้ว”ธามไทดุคนตัวเล็กอย่างไม่จริงจังนัก เมื่อเธอเล่นจิ้มขนมปังลงบนสังขยาใบเตยนมสดพูน ๆ เข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อย จนปากเลอะคราบสังขยาไหนจะหกจนไหลรดมืออีกคุณหมอส่ายหัวอย่างเอือมระอาปนเอ็นดูเด็กในปกครอง แต่ก็ยอมเอื้อมมือไปหยิบทิชชูที่วางอยู่ใกล้ ๆ มาเช็ดปากให้ไออุ่นที่นั่งนิ่ง ๆ ให้เขาเช็ดทำความสะอาดให้อย่างว่าง่ายด้วยความเคยชิน“ก็มันอร่อยนี่คะ กินกี่ครั้งก็อร่อยทุกครั้ง ขอบคุณเฮียไทม์มากน้า ที่เลือกร้าน
“ขนมพวกนี้คือ?”“อ้อ ดอกไม้กับขนมของพวกสาว ๆ เขาน่ะ แม่บ้านคงลืมเก็บ”ธามไทบอกไออุ่นอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะเป็นปกติที่เขาจะเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วพบกับขนมและดอกไม้วางไว้บนโต๊ะทำงานเป็นประจำ ซึ่งทุกครั้งธามไทจะขอให้แม่บ้านจัดการกับดอกไม้และขนมพวกนี้ให้เรียบร้อย แต่วันนี้สงสัยแม่บ้านคงลืม ดอกไม้กับขนมจึงยังคงวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา“สาว ๆ นี่คือพวกพี่ ๆ พยาบาลเหรอคะ”“อืม”ได้ยินดังนั้นใบหน้าที่สดใสร่าเริงก่อนหน้านี้ก็บึ้งตึงเล็กน้อยอย่างไม่สบอารมณ์ ร่างเล็กในชุดน่ารักเดินไปนั่งลงบนโซฟา แล้วมองค้อนธามไทที่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ เมื่ออยู่ ๆ เด็กน้อยของเขาก็หน้าบึ้งอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”“ก็หนูไอไม่ชอบ...”ไออุ่นเผลอตอบธามไทที่เลิกคิ้วรอฟังประโยคถัดไปที่พูดค้างไว้ ก่อนที่ใบหน้าบึ้งตึงจะกลายเป็นเลิ่กลั่ก เมื่อเธอเกือบเผลอหลุดปากพูดออกไปว่า ไม่ชอบใจที่สาว ๆ เอาดอกไม้กับขนมมาให้เขา“ไม่ชอบ...หนูไอไม่ชอบอะไรเหรอคะ?”ธามไทถามย้ำเด็กสาวอีกครั้งเมื่อไออุ่นเงียบไป จนเธอต้องยกโกโก้แก้วใหญ่ขึ้นมาดูดเฉไฉไปเรื่อย ทำราวกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นคุณหมอหนุ่ม