หลายวันต่อมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนแล้วที่ไออุ่นมาพักอยู่กับธามไท การที่ได้มาอยู่กับเขาทำให้เธอหลงลืมความทุกข์ใจเรื่องทางบ้านไปชั่วขณะโดยไม่ได้หวนคิดถึงเรื่องนั้นแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเธอจะต้องห่างจากอ้อมอกของบิดา แต่อ้อมกอดของธามไทที่คอยปลอบโยนเธอก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูกส่วนธามไทนั้นจากที่เคยใช้ชีวิตแสนเรียบง่าย กลับมีความตื่นเต้นและความวุ่นวายเข้ามาเซอร์ไพรส์เขาไม่เว้นในแต่ละวัน แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น เพราะรอยยิ้มของใครบางคนที่มักจะยิ้มให้ด้วยความสดใสอยู่เสมอนั้นเขาได้เห็นมันในทุก ๆ วัน“เฮียบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ค่อย ๆ กิน ดูสิเลอะปากหมดแล้ว”ธามไทดุคนตัวเล็กอย่างไม่จริงจังนัก เมื่อเธอเล่นจิ้มขนมปังลงบนสังขยาใบเตยนมสดพูน ๆ เข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อย จนปากเลอะคราบสังขยาไหนจะหกจนไหลรดมืออีกคุณหมอส่ายหัวอย่างเอือมระอาปนเอ็นดูเด็กในปกครอง แต่ก็ยอมเอื้อมมือไปหยิบทิชชูที่วางอยู่ใกล้ ๆ มาเช็ดปากให้ไออุ่นที่นั่งนิ่ง ๆ ให้เขาเช็ดทำความสะอาดให้อย่างว่าง่ายด้วยความเคยชิน“ก็มันอร่อยนี่คะ กินกี่ครั้งก็อร่อยทุกครั้ง ขอบคุณเฮียไทม์มากน้า ที่เลือกร้าน
“ขนมพวกนี้คือ?”“อ้อ ดอกไม้กับขนมของพวกสาว ๆ เขาน่ะ แม่บ้านคงลืมเก็บ”ธามไทบอกไออุ่นอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะเป็นปกติที่เขาจะเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วพบกับขนมและดอกไม้วางไว้บนโต๊ะทำงานเป็นประจำ ซึ่งทุกครั้งธามไทจะขอให้แม่บ้านจัดการกับดอกไม้และขนมพวกนี้ให้เรียบร้อย แต่วันนี้สงสัยแม่บ้านคงลืม ดอกไม้กับขนมจึงยังคงวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา“สาว ๆ นี่คือพวกพี่ ๆ พยาบาลเหรอคะ”“อืม”ได้ยินดังนั้นใบหน้าที่สดใสร่าเริงก่อนหน้านี้ก็บึ้งตึงเล็กน้อยอย่างไม่สบอารมณ์ ร่างเล็กในชุดน่ารักเดินไปนั่งลงบนโซฟา แล้วมองค้อนธามไทที่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ เมื่ออยู่ ๆ เด็กน้อยของเขาก็หน้าบึ้งอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”“ก็หนูไอไม่ชอบ...”ไออุ่นเผลอตอบธามไทที่เลิกคิ้วรอฟังประโยคถัดไปที่พูดค้างไว้ ก่อนที่ใบหน้าบึ้งตึงจะกลายเป็นเลิ่กลั่ก เมื่อเธอเกือบเผลอหลุดปากพูดออกไปว่า ไม่ชอบใจที่สาว ๆ เอาดอกไม้กับขนมมาให้เขา“ไม่ชอบ...หนูไอไม่ชอบอะไรเหรอคะ?”ธามไทถามย้ำเด็กสาวอีกครั้งเมื่อไออุ่นเงียบไป จนเธอต้องยกโกโก้แก้วใหญ่ขึ้นมาดูดเฉไฉไปเรื่อย ทำราวกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นคุณหมอหนุ่ม
เมื่อกลับมาถึงคอนโด คำพูดของลูกพีชก็ยังคงตามกวนใจไออุ่นไม่น้อย เด็กสาวเฝ้าถามตัวเองว่าความรู้สึกที่เธอมีต่อธามไทนั้นเรียกว่ารักใช่ไหม หรือเธอแค่รู้สึกหวงเขาในฐานะพี่ชายที่แสนดีเท่านั้นแต่เมื่อเธอลองจินตนาการว่าหากมีผู้หญิงมาสารภาพรักกับเฮียไทม์ แล้วเขาตกลงคบกันเธอกลับไม่รู้สึกยินดีด้วยเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะว่า...เธอหวงรอยยิ้มของเขาที่ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนในวันที่เหนื่อยล้าเธอหวงมือใหญ่ที่แสนอบอุ่นของเขาที่คอยกุมมือเธอในวันที่หลงทางเธอหวงอ้อมกอดของเขาที่คอยโอบกอดเพื่อปลอบโยนในยามเสียใจเธอหวง ๆ ทุกอย่างที่เป็นเขา หวง หวง หวง และหวงจนไม่สามารถทำใจได้ หากวันหนึ่งนั้นมีใครยื้อแย่งสิ่งนั้นไปจากเธอ“หวงโว้ย หวง ได้ยินไหมว่าหวง โคตรหวงเลย”เสียงร้องตะโกนโวยวายของเด็กสาว ทำเอาธามไทที่นั่งอ่านหนังสืออยู่สะดุ้งน้อย ๆ ด้วยความตกใจ เมื่อคนที่อยู่ห้องข้าง ๆ เขาร้องตะโกนขึ้นมาเสียงดังราวกับว่า กำลังเจอกับเรื่องราวที่ทำให้เธออารมณ์เสียเพราะตั้งแต่ที่เธอย้ายมาอยู่กับเขา ไออุ่นไม่เคยเสียงดังเลยสักครั้ง หรือว่าวันนี้เด็กน้อยของเขาจะเป็นวันนั้นของเดือนกันนะ เขารู้สึกได้ว่าวันนี้ทั้งวันอารมณ์ข
ตุบ“อ๊ะ”ไออุ่นร้องขึ้นด้วยความตกใจเมื่ออยู่ ๆ ธามไทก็ผลักเธอให้นอนราบลงบนเตียงก่อนที่ร่างสูงจะตามลงมาทาบทับร่างบางของเธอเอาไว้ ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมานอกอก เมื่อลมหายใจที่ร้อนผ่าวของคนพี่เป่ารินรดลงบนแก้มเนียนแววตาของเขาในยามนี้ดูจริงจังไร้วี่แววหยอกล้อเหมือนเช่นทุกครั้งใบหน้าของไออุ่นค่อย ๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย แล้วทำใจกล้ามองสบตากับเขาตรง ๆ โดยไม่หลบสายตาเหมือนเช่นที่ผ่านมา แววตาที่ดูจริงจังของเด็กสาวทำให้มุมปากของธามไทยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ จนอดสูดดมกลิ่นแป้งเด็กบนแก้มป่องเข้าไปเต็มปอดไม่ได้“นี่พูดจริงหรือล้อเล่น หืม ไม่ใช่แค่แกล้งพูดให้เฮียใจเต้นใช่ไหม”น้ำเสียงกระเส่าดังอยู่ข้างแก้ม ยังไม่เท่าบางสิ่งที่ดุนดันหน้าขาของเธอ จนแก้มเนียนแดงแล้วแดงอีกอย่างเขินอาย“คะ ใครจะกล้าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นกันคะ หนูไอชอบเฮียหนูไอก็ต้องสารภาพสิ เก็บไว้คนเดียวมันอึดอัดจะแย่แล้ว”คำพูดของเด็กสาวที่มาพร้อมแก้มเนียนขึ้นสีระเรื่อ ทำให้ธามไทอดใจไม่ไหวต้องยื่นจมูกไปหอมแก้มเนียนนั้นฟอดใหญ่ด้วยความชื่นใจฟอด“อ๊ะ ฮะ เฮียจะมาหอมแก้มหนูไอทำไมกันเล่าเฮียบ้า” ต่อว่าคนพี่ด้ว
“อ๊า อื้อ หนูเจ็บ”ไออุ่นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อความใหญ่โตกระแทกเข้ามาจนสุดลำ ส่งผลให้ช่องทางรักฉีกขาดอีกครั้ง หยดเลือดสีแดงค่อย ๆ ไหลออกมาชโลมความใหญ่โตของธามไทจนชุ่มฉ่ำหยดน้ำตาไหลกลิ้งลงมาบนพวงแก้มแดงก่ำ จนคนพี่ต้องหยุดขยับชั่วครู่ แล้วเบี่ยงเบนความสนใจลดระดับจากจูบร้อนแรง กลายเป็นจูบที่อ่อนหวานและลึกซึ้งจนคนตัวเล็กค่อย ๆ คล้อยตามทีละนิดถึงแม้ส่วนที่บอบบางจะเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว แต่ความอ่อนโยนที่ได้รับจากแฟนหนุ่มก็ทำให้ความกลัวค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายลงริมฝีปากจิ้มลิ้มพยายามจูบตอบพี่เขาอย่างไร้เดียงสา ธามไทค่อย ๆ ขยับตัวช้า ๆ เพื่อให้เธอได้ปรับตัวกับขนาดใหญ่โตของเขา ซึ่งทุกครั้งที่เขาขยับร่องรักของเธอก็ยิ่งตอดรัดเขาแน่นมากขึ้นเท่านั้นริมฝีปากร้อนผ่าวผละจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง แลกลมหายใจกันชั่วครู่คนพี่ก็เลื่อนใบหน้าลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นแทนแล้วไม่รู้ว่าเขาเสพติดกลิ่นหอมของเด็กสาวมากขนาดไหน แต่ก็อยากดมอยากสัมผัสอยู่ร่ำไปให้พอชื่นใจเท่านั้น ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงต่ำ เคลื่อนหาอกอวบที่ทั้งขาวทั้งใหญ่ถูกใจ ไหนจะยอดปทุมถันสีชมพูที่ชูชันรอคอยการสัมผัส“หนูไอขา หายเจ็บหรือยังคะเด็
เช้าวันต่อมาเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังอยู่บนหัวเตียง ทำให้ธามไทที่กำลังนอนหลับสบายรู้สึกตัวตื่นก่อน มือหนารีบคว้าโทรศัพท์มาปิดเสียงด้วยความรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เสียงดังรบกวนแฟนเด็กที่กำลังนอนหลับซบอยู่บนอกแกร่งใบหน้าเนียนใสไร้เครื่องสำอางในยามหลับนั้นช่างไร้เดียงสา จนคนเพิ่งเคยมีแฟนอดใจไม่ไหวก้มหน้าลงไปสัมผัสแก้มหอมอย่างชื่นใจเพราะแรงสัมผัสที่แม้ว่าจะแผ่วเบาและอ่อนโยน แต่กลับทำให้เปลือกตาของไออุ่นขยับยุกยิกแล้วค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ธามไทรีบปิดตาลงเพื่อแกล้งหลับ ด้วยอยากรู้ว่าเด็กสาวจะทำอย่างไรเมื่อตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเขา“หล่อจัง”เสียงหวานเอ่ยชมแฟนหนุ่มทันทีที่ลืมตาตื่น ทำเอาคนที่แกล้งหลับเกือบหลุดยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามตีเนียนแกล้งหลับต่อไปเพื่อไม่ให้เธอจับได้มือบางค่อย ๆ ยกขึ้นลูบใบหน้าของธามไทอย่างเบามือ รอยยิ้มสวยค่อย ๆ เผยออกมาทีละนิดอย่างมีความสุขกับความรักครั้งแรก และผู้ชายคนแรกในชีวิตที่ครั้งนี้เธอยินยอมเป็นของเขาด้วยความเต็มใจ“หนูไอรักเฮียไทม์นะคะ”ไออุ่นสารภาพความรู้สึกในใจของเธอให้เขาได้ฟังอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้คนที่แกล้งหลับท
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด“มาทำงานเดี๋ยวนี้นะไอ้เด็กเวร”ทันทีที่ปลายสายกดรับโทรศัพท์ เสียงตะโกนด่าก็ดังเข้ามาในสายจนธามไทดึงโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน ก่อนที่เสียงปลายสายจะเงียบไปถึงได้เอาโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง“บอกว่ามาทำงานไม่ได้ยินหรือไงไอ้หลานเวร”ลูกไม้ตื้น ๆ ของธามไทไม่สามารถหลอกท่านประธานโรงพยาบาล N ที่เป็นถึงมาเฟียใหญ่ได้เลยสักนิด คนเป็นหลานถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อตาลุงกฤษฎิ์เริ่มสวดเขาไม่หยุด แต่คุณหมอก็น้อมรับผิดด้วยการไม่เอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูยอมฟังคำบ่นแต่โดยดี“เลิกบ่นได้แล้วครับ ยังไม่แก่สักหน่อย ทำบ่นเป็นตาแก่ไปได้อะลุง น่ารำคาญชะมัดยาด”กฤษฎิ์ที่กำลังอ่านเอกสารสำคัญอยู่ฟังแล้วก็ต้องพยายามระงับโทสะที่กำลังพุ่งขึ้น เมื่อเจ้าหลานชายตัวดีไม่ยอมโทรมาลางาน และยังไม่ยอมรับสายเขาที่พยายามโทรหาหลายสายอีกนี่ถ้าอยู่ต่อหน้านะพ่อจะหยุมหัวให้ดู โตแล้วแต่ยังทำตัวเหมือนเด็กที่ตื่นสายไม่มีผิด อ้อ ไม่ใช่สิ เพราะติดเมียต่างหาก“หุบปากไปเลยนะไอ้หมอปากหมา นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ฉันโทรหาแกตั้งหลายสายแต่แกไม่ยอมรับสายฉันเลย นี่ขนาดเพิ่งคบกันนะ ถ้าแต่งงานกันไปแกไม่ลางานมันอาทิตย์ละสามวันเลยหรือยังไง”
ร้านอาหารญี่ปุ่น“อ้าว คุณหมอธามไทบังเอิญจังเลยนะคะ”ปัณณ์ทิชาคุณหมอสาวแผนกสูตินรีเวช เอ่ยทักทายเพื่อนร่วมงานคนหล่อด้วยรอยยิ้มอย่างดีใจ เมื่อเธอบังเอิญเจอเขาที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ทว่ารอยยิ้มของคุณหมอสาวค่อย ๆ จางหายไป เมื่อข้างกายของธามไทที่เคยว่างเปล่ากลับมีสาวน้อยหน้าตาน่ารักยืนกุมมืออยู่เคียงข้างกัน“ครับ”ธามไททำแค่เพียงตอบรับคำพูดของคุณหมอสาวเท่านั้น ด้วยไม่ได้สนิทสนมกับปัณณ์ทิชาถึงขั้นที่ต้องเอ่ยประโยคยาว ๆ เพื่อทักทายเธอขนาดนั้น ถึงแม้เขาจะรับรู้มาตลอดว่าคุณหมอสาวที่กำลังส่งยิ้มให้แอบชอบเขาอยู่ก็ตาม“วันนี้คุณหมอเข้าเวรไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมถึงได้พาเอ่อ...น้องสาวมาทานอาหารที่นี่ได้คะเนี่ย”เพราะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นอยู่ในสถานะใด ปัณณ์ทิชาจึงคิดเข้าข้างตัวเองเอาไว้ก่อนว่า เด็กสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มคนนี้น่าจะเป็นน้องสาวของหมอธามไท เพราะเขานั้นอายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้วคงไม่น่าจะคบกับเด็กอายุน้อยกว่าหรอก“พอดีวันนี้ผมขอลางานพาแฟนมาเดตน่ะครับ”คำพูดที่ชัดเจนนั้นทำให้ปัณณ์ทิชาหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะมองไปยังไออุ่นที่ส่งยิ้มมาให้เธออย่างเป็นมิตร แต่แล้วเธอก็ต้องหุบยิ้
1 ปีต่อมา“ธัน ไม่ ไป ฮึก ฮือ ฮือ ธัน”มือเล็กที่จับแขนของธันวาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทำให้ไอศูรย์ที่วันนี้ต้องรับบทพี่เลี้ยงหลานสาวถึงกับกุมขมับมือใหญ่เอื้อมไปจับมือของหลานสาว แล้วพยายามดึงมือเล็กออกจากมือของคุณอาตัวน้อยอย่างเบามือ แต่เด็กหญิงอันดาที่นิสัยดื้อรั้นเหมือนผู้เป็นบิดากลับจับมือของอาธันวาไว้ไม่ยอมปล่อย สร้างความหนักใจให้คุณตาไม่น้อย“อันดาจ๋า อาธันต้องไปโรงเรียนแล้วนะลูก ถ้าหนูยังไม่ยอมปล่อยตอนนี้อาธันต้องไปโรงเรียนสายแน่ ๆ เลยค่ะเด็กดี”ไอศูรย์บอกหลานสาวที่ร้องไห้น้ำตาอาบแก้มอย่างน่าสงสาร เมื่อวันนี้ทั้งธามไทและไออุ่นต่างต้องรีบออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ทำให้เด็กหญิงอันดาที่ตื่นมาไม่เจอใครร้องไห้โฮด้วยความตกใจแต่เมื่อได้เห็นหน้าคุณอาธันวา เจ้าอันดาที่กำลังร้องไห้อยู่กลับเงียบเสียงลงในทันที พลางยื่นมือไปหาคุณอาตัวน้อยที่รับหลานสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความเอ็นดู แต่ใครเลยจะรู้ว่าอันดาจะติดธันวาแจจนไม่ยอมให้เขาไปโรงเรียน“อันดาเด็กดีไม่ร้องไห้นะคะ อาธันไปโรงเรียนแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมาเล่นกับหนูอันดาแล้ว”เด็กชายผู้มีสถานะเป็นอาพยายามปลอบใจหลานสาวตัวน้อย ที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอ
ในที่สุดความฝันและวันที่ไออุ่นรอคอยก็เดินทางมาถึง เมื่อเธอสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปลายแล้วพร้อมกับเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน และแน่นอนว่าเด็กเนิร์ดอย่างเธอกับเด็กแสบอย่างเฌอแตมเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ยสูงสุด 4.00 เป็นการทิ้งท้ายช่วงชีวิตในรั้วโรงเรียนมัธยมอย่างสวยงามโดยเฉพาะไออุ่นที่เธอต้องใช้ความพยายามและความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะอายุครรภ์ที่มากขึ้นทำให้เธอมีอาการอ่อนเพลียบ่อยครั้ง แต่ว่าที่คุณแม่ก็ยังคงมาเรียนตามปกติ เพราะอยากมีช่วงเวลาดี ๆ กับเพื่อนในห้องเรียนก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเติบโตในเส้นทางที่ทุกคนเลือกเดิน“ยินดีด้วยนะคะพี่เฌอแตมพี่หนูไอ”“ดีใจด้วยนะคะรุ่นพี่ ขอให้สอบติดคณะในฝันนะคะ”“ดีใจด้วยนะหนูไอที่เรียนจบพร้อมกัน”“เรียนจบแล้วก็ขอให้พี่แตมมีแฟนกับเขาสักทีนะคะ”“อย่าลืมพาเจ้าตัวเล็กกลับมาแนะแนวน้อง ๆ ที่โรงเรียนบ้างนะคะ”เพื่อนต่างห้องและรุ่นน้องในโรงเรียน ต่างพากันนำดอกไม้มามอบให้เฌอแตมกับไออุ่น เพื่อแสดงความยินดีกับสองเพื่อนซี้ในวันอำลาสถาบัน ทำให้สองสาวรู้สึกซาบซึ้งใจบ่อน้ำตาแตกกันไปหลายครั้งทีเดียวไออุ่นที่อ่อนไหวจากฮร์โมนคุณแม่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วเสียน้ำตาไปถึงสามรอบติด เมื่อ
หลังจากวันนั้นธามไทก็จัดการกับทุกคนตามที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ โดยไม่มีใครได้รับการยกเว้นแม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะครอบครัวของก้องเกียรติที่ธามไทใช้อำนาจมืดกดดันหน่วยงานของเขา จนทำให้เขาถูกโยกย้ายไปประจำการที่จังหวัดทางภาคเหนือ สร้างความลำบากให้แก่ครอบครัวของก้องเกียรติไม่น้อยส่วนคุณครูประจำชั้นของธันวา ที่เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ถูกไล่ออกอย่างไม่ปรานี เพราะถือว่าละเลยต่อหน้าที่ดูแลเด็กในชั้นเรียน จนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างบาดแผลทางจิตใจให้แก่ธันวาและคนสุดท้ายที่ธามไทไม่คิดละเว้นเช่นกัน ก็คือผู้อำนวยการโรงเรียนที่ธามไทตัดงบบริจาคจากธราเทพกรุ๊ปออกทั้งหมด ทำให้ผู้อำนวยการถึงกับล้มทั้งยืน เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านเจ้าสัวยังมีชีวิตอยู่ ท่านบริจาคเงินให้การสนับสนุนโรงเรียนของเธอถึงปีละห้าล้านทีเดียวเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้ธันวาที่ป่วยเพราะตากฝนซึมไปหลายวันทีเดียว แต่สุดท้ายความรักและความเอาใจใส่จากคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นธามไทที่คอยดูแลน้องชายตลอดเวลาที่ไม่สบายไออุ่นที่คอยเล่านิทานกล่อมเด็กชายตัวน้อยให้นอนหลับฝันดีทุกคืนไอศูรย์ที่คอยเป็นเพื่อนเล่นให้หลานชาย ในวันที่ธามไทต้องไปทำง
เด็กชายตัวน้อยกำลังร้องไห้จนไหล่บอบบางสะท้านขึ้นลง ทำให้น้ำตาของธามไทค่อย ๆ ไหลออกมารวมกับหยาดน้ำฝน ที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสองมือใหญ่พลันยกขึ้นโอบน้องชายเข้ามาแนบอกด้วยความรักสุดหัวใจ ถึงแม้ว่าธันวากับธามไทจะไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แต่คำว่าสายเลือดเดียวกันทำให้สายใยรักระหว่างพี่น้องนั้น กลับแน่นแฟ้นเกินกว่าที่ธามไทจะยอมให้ใครมาแตะต้องดวงใจของเขาได้“ฮึก ฮือ เฮียไทม์ค้าบ น้องธัน ฮึก ไม่อยากเรียนที่นี่แล้ว ฮือ”ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถทนแบกรับได้อีกต่อไป ทำให้ธันวาตัดสินใจบอกความรู้สึกของตัวเองกับพี่ชายทั้งสะอื้นธามไทมองหน้าผากของน้องชาย ที่มีรอยเขียวช้ำผ่านม่านน้ำตาด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเขาไม่เคยรู้เลยไม่เคยคิดเลยสักนิดว่า รอยยิ้มที่ธันวามอบให้เขาก่อนที่จะเดินเข้ามาในโรงเรียนนั้น ต้องแลกกับการแบกรับความเจ็บปวดมากแค่ไหน เพียงเพื่อให้พี่ชายอย่างเขาสบายใจ ธันวาจึงไม่เคยปริปากบอกเลยว่าตัวเองนั้นต้องเจอกับอะไรบ้างในแต่ละวัน“มีเพื่อนแกล้งน้องธันใช่ไหมครับ ไหนบอกพี่ชายคนนี้สิว่าเพื่อนเขาแกล้งอะไรน้องธันบ้าง”น้ำเสียงที่อ่อนโยนเอ่ยถามน้องชาย ก่อนที่ธันวาจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่ช
คฤหาสน์หลังใหญ่ของไอศูรย์ นอกจากธามไทที่ย้ายจากคอนโดมาอยู่ที่บ้านของพ่อตาแล้ว เขายังพาน้องชายมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ซึ่งไอศูรย์ก็ไม่ขัดข้องและยินดีเป็นอย่างมาก ที่ครอบครัวของเขามีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาถึงสองคนนั่นก็คือสองพี่น้องธามไทและธันวาตัวน้อยที่ช่างพูดช่างเจรจา จนทำให้ไอศูรย์รู้สึกเอ็นดูเด็กชายไม่น้อย เขาจึงมักจะซื้อของเล่นมาฝากเสมอ ทำให้เด็กน้อยมีความสุขมากกับการต้อนรับที่แสนอบอุ่นจากครอบครัวของพี่สะใภ้“กินเยอะ ๆ นะน้องธันจะได้โตไว ๆ”กับข้าวรสมือนมหวานถูกตักวางลงบนจานของเด็กชายธันวา ที่เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้างให้ไอศูรย์ ก่อนที่เด็กชายตัวน้อยจะรีบตักกับข้าวที่คุณอาตักให้ส่งเข้าปากทันทีด้วยความเอร็ดอร่อย“กับข้าวฝีมือของนมหวานอร่อยที่สุดเลยครับ”เมื่อเคี้ยวอาหารจนละเอียดและกลืนเรียบร้อยแล้ว ธันวาก็หันไปยกนิ้วให้นมหวานที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทันที เมื่อได้รับคำชมจากเด็กชายตัวน้อยที่ชื่นชอบอาหารฝีมือของเธอมาก“พี่หนูไอทำตามสัญญาแล้วน้าว่า ถ้าน้องธันมาอยู่กับเฮียไทม์เมื่อไหร่น้องธันก็จะได้กินกับข้าวฝีมือนมหวานทุกวันเลย”ไออุ่นที่นั่งข้างกันหันไปบอกเด็กน้อยถึงคำสัญญาที่เธอเคยเอาไว้ แล้วลงมือต
โรงเรียนมัธยม A“ป๊าฝันไม่ยอมนะ ฝันเจ็บขนาดนี้มันต้องโดนไล่ออก”ทอฝันจับแขนบิดาที่นั่งข้าง ๆ พร้อมกับมองหน้าไออุ่นที่นั่งดูดนมกล่องอย่างไม่สนใจไยดีสองพ่อลูกตรงหน้าส่วนเฌอแตมก็นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ด้วยท่าทีสบาย ๆ โดยไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวบิดาของทอฝันแต่อย่างใด ทำให้ธนพลที่กำลังมองเด็กสาวสองตรงหน้าชักสีหน้าเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ เมื่อทั้งสองคนทำเหมือนกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตน“เมื่อไหร่ผู้ปกครองของเด็กสองคนนี้จะมาถึงครับอาจารย์ นี่ก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ”ธนพลเอ่ยถามอาจารย์ศรีพัชรินหรือหัวหน้าฝ่ายปกครอง เด็กนักเรียนมักจะเรียกเธอว่า ‘อาจารย์แม่’ ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เมื่อต้องมานั่งรอผู้ปกครองของเด็กทั้งสองคนที่เขารู้จักดีว่าเป็นใคร เพราะทุกคนต่างอยู่ในแวดวงนักธุรกิจกันทั้งนั้น“ถ้าคุณลุงรอไม่ไหวจะกลับก่อนก็ได้นะคะ เพราะแตมกับหนูไอก็อยากจะกลับไปเรียนแล้วเหมือนกัน”เฌอแตมที่นั่งเล่นเกมรีบเงยหน้าขึ้นบอกบิดาของทอฝันทันทีด้วยรอยยิ้มอย่างกวน ๆ ก่อนที่อาจารย์ศรีพัชรินจะหันมาถลึงตาใส่เธอให้สำรวมกิริยามารยาทมากกว่านี้ เพราะอย่างไรแล้วคนตรงหน้าก็อายุมากกว่าเธอ ฉะนั้นจึงไม่ควรแสดง
หลังจากแต่งงานไออุ่นก็กลับไปเรียนต่อในเทอมสองตามปกติ แม้ว่าบิดากับสามีจะพากันไม่เห็นด้วย กับการตัดสินใจกลับไปเรียนของเธอก็ตาม เพราะไออุ่นกำลังตั้งครรภ์ทั้งคู่จึงเป็นห่วงกลัวว่า ในระหว่างที่เรียนอาจจะทำให้หญิงสาวรู้สึกเครียดจนส่งผลกระทบกับลูกในท้องแต่ไออุ่นก็ยังยืนยันคำเดิมว่า เธออยากจะเรียนจบชั้นมัธยมพร้อมกับเพื่อน ๆ ในห้องที่ต่างรอคอยการกลับมาของเธอ ส่วนความเครียดที่อาจเกิดขึ้นจากการได้ยินคำพูดติฉินนินทาจากเพื่อนในโรงเรียนนั้น ไออุ่นไม่ได้สนใจหรือให้ค่ากับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่ไออุ่นเด็กน้อยไร้เดียงสาในวันวานอีกแล้ว“วันนี้ตั้งใจเรียนนะคะเด็กดี อย่าลืมกินอาหารที่สามีคนนี้ตั้งใจทำให้คุณแม่กับเจ้าตัวเล็กอย่างสุดฝีมือด้วยนะคะ”ไออุ่นก้มลงมองกล่องข้าวที่อยู่บนตักของเธอ พลันใบหน้าสวยหวานไร้เครื่องสำอางเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ กับความรักและความเอาใจใส่ของสามีที่มีให้อย่างสม่ำเสมอไม่ว่าสามีจะทำงานดึกแค่ไหนหรือเหนื่อยจากงานมากเท่าไหร่ เขาก็มักจะตื่นขึ้นมาทำมื้อเช้าให้เธอกับบิดาและน้องธันทานเสมอ“ไม่ลืมแน่นอนค่ะ คุณพ่อตั้งใจทำให้หนูไอกับเจ้าตัวเล็กขนาดนี้ หนูไ
วันแต่งงานเสียงขบวนแห่ขันหมากที่ดังมาแต่ไกล ทำให้ไออุ่นที่อยู่ในชุดไทยวิ่งไปที่หน้าต่างและชะโงกหน้ามองขบวนแห่ของเจ้าบ่าวด้วยความตื่นเต้นดวงตาใสกระจ่างเลื่อนไปยังบุรุษร่างสูงใหญ่กับใบหน้าคมคร้ามที่โดดเด่นมาแต่ไกล ว่าที่เจ้าสาวหันไปส่งยิ้มที่ดูราวกับบุปผาขยายกลีบรับสายลมฤดูใบไม้ผลิให้เพื่อนสนิทที่รีบวิ่งเข้ามายืนข้าง ๆ เธอด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน“เฮียไทม์ หล่อจังเลย”เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นตาของธามไท เฌอแตมก็เอ่ยชมขึ้นมาด้วยความจริงใจ ทำเอารอยยิ้มของไออุ่นกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เธอจะแสร้งเอ่ยถามเพื่อนถึงผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ ว่าที่เจ้าบ่าว“แล้วคนข้าง ๆ เฮียไทม์ล่ะหล่อไหม”“หูย หล่อขนาดนี้สเปกแตมเลย”เฌอแตมหลุดปากพูดออกไปตามที่ใจคิด แต่พอเพ่งมองดี ๆ ดวงตากลมโตก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ จึงรีบยกมือเล็กขึ้นปิดปากทันควันใบหน้าของสาวน้อยวัยแรกแย้มค่อย ๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอายที่หลุดพูดความรู้สึกในใจออกไปให้เพื่อนได้รับรู้ตึกตัก ตึกตัก ตึกตักหัวใจดวงน้อยพลันเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ เมื่อเธอเผลอสบตากับเจ้าของใบหน้าคมคายอย่างลมหนาว ที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าต่างห้องนอนของไออุ่น
โรงพยาบาล N“ตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม”กฤษฎิ์เอ่ยถามธามไทที่นั่งอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ถึงการตัดสินใจหันหลังให้กับอาชีพหมอ และก้าวเดินต่อไปในฐานะนักธุรกิจ ที่ต้องกุมบังเหียนดูแลทั้งกิจการของธราเทพผู้เป็นบิดาที่ล่วงลับไป กับธุรกิจของว่าที่พ่อตาอย่างไอศูรย์ทางด้านคุณหมอที่คิดมาดีแล้วพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม แววตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นไม่เปลี่ยนใจเขาเรียนรู้การเป็นนักธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก จนเข้าสู่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ๆ เขาก็เบนเข็มทิศจากการเป็นนักธุรกิจตั้งแต่วัยเยาว์ก้าวสู่เส้นทางของหมอซึ่งพ่อเลี้ยงอย่างท่านโฮชิก็ไม่ได้เอ่ยห้ามเลยแม้แต่น้อย แต่ท่านกลับสนับสนุนในสิ่งที่เขาอยากจะเรียนรู้ ด้วยการบอกให้เขามุ่งมั่นตั้งใจเรียนและคว้าเกียรตินิยมมาให้ได้ ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐอเมริกา คุณหมอธามไทสามารถคว้ามาครอบครองได้สมปรารถนา“ครับ ไทม์อยากสานต่อธุรกิจของพ่อเพื่อปูทางเอาไว้ให้น้องธัน วันหนึ่งที่น้องโตขึ้นธุรกิจของพ่อไทม์จะยกให้น้องดูแลทั้งหมดครับ”กฤษฎิ์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจในเหตุผลของคนพี่ว่า ทำไมเขาถึงเลือกที่จะหันหลังให