วันแต่งงานเสียงขบวนแห่ขันหมากที่ดังมาแต่ไกล ทำให้ไออุ่นที่อยู่ในชุดไทยวิ่งไปที่หน้าต่างและชะโงกหน้ามองขบวนแห่ของเจ้าบ่าวด้วยความตื่นเต้นดวงตาใสกระจ่างเลื่อนไปยังบุรุษร่างสูงใหญ่กับใบหน้าคมคร้ามที่โดดเด่นมาแต่ไกล ว่าที่เจ้าสาวหันไปส่งยิ้มที่ดูราวกับบุปผาขยายกลีบรับสายลมฤดูใบไม้ผลิให้เพื่อนสนิทที่รีบวิ่งเข้ามายืนข้าง ๆ เธอด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน“เฮียไทม์ หล่อจังเลย”เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นตาของธามไท เฌอแตมก็เอ่ยชมขึ้นมาด้วยความจริงใจ ทำเอารอยยิ้มของไออุ่นกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เธอจะแสร้งเอ่ยถามเพื่อนถึงผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ ว่าที่เจ้าบ่าว“แล้วคนข้าง ๆ เฮียไทม์ล่ะหล่อไหม”“หูย หล่อขนาดนี้สเปกแตมเลย”เฌอแตมหลุดปากพูดออกไปตามที่ใจคิด แต่พอเพ่งมองดี ๆ ดวงตากลมโตก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ จึงรีบยกมือเล็กขึ้นปิดปากทันควันใบหน้าของสาวน้อยวัยแรกแย้มค่อย ๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอายที่หลุดพูดความรู้สึกในใจออกไปให้เพื่อนได้รับรู้ตึกตัก ตึกตัก ตึกตักหัวใจดวงน้อยพลันเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ เมื่อเธอเผลอสบตากับเจ้าของใบหน้าคมคายอย่างลมหนาว ที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าต่างห้องนอนของไออุ่น
หลังจากแต่งงานไออุ่นก็กลับไปเรียนต่อในเทอมสองตามปกติ แม้ว่าบิดากับสามีจะพากันไม่เห็นด้วย กับการตัดสินใจกลับไปเรียนของเธอก็ตาม เพราะไออุ่นกำลังตั้งครรภ์ทั้งคู่จึงเป็นห่วงกลัวว่า ในระหว่างที่เรียนอาจจะทำให้หญิงสาวรู้สึกเครียดจนส่งผลกระทบกับลูกในท้องแต่ไออุ่นก็ยังยืนยันคำเดิมว่า เธออยากจะเรียนจบชั้นมัธยมพร้อมกับเพื่อน ๆ ในห้องที่ต่างรอคอยการกลับมาของเธอ ส่วนความเครียดที่อาจเกิดขึ้นจากการได้ยินคำพูดติฉินนินทาจากเพื่อนในโรงเรียนนั้น ไออุ่นไม่ได้สนใจหรือให้ค่ากับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่ไออุ่นเด็กน้อยไร้เดียงสาในวันวานอีกแล้ว“วันนี้ตั้งใจเรียนนะคะเด็กดี อย่าลืมกินอาหารที่สามีคนนี้ตั้งใจทำให้คุณแม่กับเจ้าตัวเล็กอย่างสุดฝีมือด้วยนะคะ”ไออุ่นก้มลงมองกล่องข้าวที่อยู่บนตักของเธอ พลันใบหน้าสวยหวานไร้เครื่องสำอางเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ กับความรักและความเอาใจใส่ของสามีที่มีให้อย่างสม่ำเสมอไม่ว่าสามีจะทำงานดึกแค่ไหนหรือเหนื่อยจากงานมากเท่าไหร่ เขาก็มักจะตื่นขึ้นมาทำมื้อเช้าให้เธอกับบิดาและน้องธันทานเสมอ“ไม่ลืมแน่นอนค่ะ คุณพ่อตั้งใจทำให้หนูไอกับเจ้าตัวเล็กขนาดนี้ หนูไ
โรงเรียนมัธยม A“ป๊าฝันไม่ยอมนะ ฝันเจ็บขนาดนี้มันต้องโดนไล่ออก”ทอฝันจับแขนบิดาที่นั่งข้าง ๆ พร้อมกับมองหน้าไออุ่นที่นั่งดูดนมกล่องอย่างไม่สนใจไยดีสองพ่อลูกตรงหน้าส่วนเฌอแตมก็นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ด้วยท่าทีสบาย ๆ โดยไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวบิดาของทอฝันแต่อย่างใด ทำให้ธนพลที่กำลังมองเด็กสาวสองตรงหน้าชักสีหน้าเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ เมื่อทั้งสองคนทำเหมือนกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตน“เมื่อไหร่ผู้ปกครองของเด็กสองคนนี้จะมาถึงครับอาจารย์ นี่ก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ”ธนพลเอ่ยถามอาจารย์ศรีพัชรินหรือหัวหน้าฝ่ายปกครอง เด็กนักเรียนมักจะเรียกเธอว่า ‘อาจารย์แม่’ ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เมื่อต้องมานั่งรอผู้ปกครองของเด็กทั้งสองคนที่เขารู้จักดีว่าเป็นใคร เพราะทุกคนต่างอยู่ในแวดวงนักธุรกิจกันทั้งนั้น“ถ้าคุณลุงรอไม่ไหวจะกลับก่อนก็ได้นะคะ เพราะแตมกับหนูไอก็อยากจะกลับไปเรียนแล้วเหมือนกัน”เฌอแตมที่นั่งเล่นเกมรีบเงยหน้าขึ้นบอกบิดาของทอฝันทันทีด้วยรอยยิ้มอย่างกวน ๆ ก่อนที่อาจารย์ศรีพัชรินจะหันมาถลึงตาใส่เธอให้สำรวมกิริยามารยาทมากกว่านี้ เพราะอย่างไรแล้วคนตรงหน้าก็อายุมากกว่าเธอ ฉะนั้นจึงไม่ควรแสดง
คฤหาสน์หลังใหญ่ของไอศูรย์ นอกจากธามไทที่ย้ายจากคอนโดมาอยู่ที่บ้านของพ่อตาแล้ว เขายังพาน้องชายมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ซึ่งไอศูรย์ก็ไม่ขัดข้องและยินดีเป็นอย่างมาก ที่ครอบครัวของเขามีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาถึงสองคนนั่นก็คือสองพี่น้องธามไทและธันวาตัวน้อยที่ช่างพูดช่างเจรจา จนทำให้ไอศูรย์รู้สึกเอ็นดูเด็กชายไม่น้อย เขาจึงมักจะซื้อของเล่นมาฝากเสมอ ทำให้เด็กน้อยมีความสุขมากกับการต้อนรับที่แสนอบอุ่นจากครอบครัวของพี่สะใภ้“กินเยอะ ๆ นะน้องธันจะได้โตไว ๆ”กับข้าวรสมือนมหวานถูกตักวางลงบนจานของเด็กชายธันวา ที่เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้างให้ไอศูรย์ ก่อนที่เด็กชายตัวน้อยจะรีบตักกับข้าวที่คุณอาตักให้ส่งเข้าปากทันทีด้วยความเอร็ดอร่อย“กับข้าวฝีมือของนมหวานอร่อยที่สุดเลยครับ”เมื่อเคี้ยวอาหารจนละเอียดและกลืนเรียบร้อยแล้ว ธันวาก็หันไปยกนิ้วให้นมหวานที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทันที เมื่อได้รับคำชมจากเด็กชายตัวน้อยที่ชื่นชอบอาหารฝีมือของเธอมาก“พี่หนูไอทำตามสัญญาแล้วน้าว่า ถ้าน้องธันมาอยู่กับเฮียไทม์เมื่อไหร่น้องธันก็จะได้กินกับข้าวฝีมือนมหวานทุกวันเลย”ไออุ่นที่นั่งข้างกันหันไปบอกเด็กน้อยถึงคำสัญญาที่เธอเคยเอาไว้ แล้วลงมือต
เด็กชายตัวน้อยกำลังร้องไห้จนไหล่บอบบางสะท้านขึ้นลง ทำให้น้ำตาของธามไทค่อย ๆ ไหลออกมารวมกับหยาดน้ำฝน ที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสองมือใหญ่พลันยกขึ้นโอบน้องชายเข้ามาแนบอกด้วยความรักสุดหัวใจ ถึงแม้ว่าธันวากับธามไทจะไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แต่คำว่าสายเลือดเดียวกันทำให้สายใยรักระหว่างพี่น้องนั้น กลับแน่นแฟ้นเกินกว่าที่ธามไทจะยอมให้ใครมาแตะต้องดวงใจของเขาได้“ฮึก ฮือ เฮียไทม์ค้าบ น้องธัน ฮึก ไม่อยากเรียนที่นี่แล้ว ฮือ”ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถทนแบกรับได้อีกต่อไป ทำให้ธันวาตัดสินใจบอกความรู้สึกของตัวเองกับพี่ชายทั้งสะอื้นธามไทมองหน้าผากของน้องชาย ที่มีรอยเขียวช้ำผ่านม่านน้ำตาด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเขาไม่เคยรู้เลยไม่เคยคิดเลยสักนิดว่า รอยยิ้มที่ธันวามอบให้เขาก่อนที่จะเดินเข้ามาในโรงเรียนนั้น ต้องแลกกับการแบกรับความเจ็บปวดมากแค่ไหน เพียงเพื่อให้พี่ชายอย่างเขาสบายใจ ธันวาจึงไม่เคยปริปากบอกเลยว่าตัวเองนั้นต้องเจอกับอะไรบ้างในแต่ละวัน“มีเพื่อนแกล้งน้องธันใช่ไหมครับ ไหนบอกพี่ชายคนนี้สิว่าเพื่อนเขาแกล้งอะไรน้องธันบ้าง”น้ำเสียงที่อ่อนโยนเอ่ยถามน้องชาย ก่อนที่ธันวาจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่ช
หลังจากวันนั้นธามไทก็จัดการกับทุกคนตามที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ โดยไม่มีใครได้รับการยกเว้นแม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะครอบครัวของก้องเกียรติที่ธามไทใช้อำนาจมืดกดดันหน่วยงานของเขา จนทำให้เขาถูกโยกย้ายไปประจำการที่จังหวัดทางภาคเหนือ สร้างความลำบากให้แก่ครอบครัวของก้องเกียรติไม่น้อยส่วนคุณครูประจำชั้นของธันวา ที่เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ถูกไล่ออกอย่างไม่ปรานี เพราะถือว่าละเลยต่อหน้าที่ดูแลเด็กในชั้นเรียน จนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างบาดแผลทางจิตใจให้แก่ธันวาและคนสุดท้ายที่ธามไทไม่คิดละเว้นเช่นกัน ก็คือผู้อำนวยการโรงเรียนที่ธามไทตัดงบบริจาคจากธราเทพกรุ๊ปออกทั้งหมด ทำให้ผู้อำนวยการถึงกับล้มทั้งยืน เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านเจ้าสัวยังมีชีวิตอยู่ ท่านบริจาคเงินให้การสนับสนุนโรงเรียนของเธอถึงปีละห้าล้านทีเดียวเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้ธันวาที่ป่วยเพราะตากฝนซึมไปหลายวันทีเดียว แต่สุดท้ายความรักและความเอาใจใส่จากคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นธามไทที่คอยดูแลน้องชายตลอดเวลาที่ไม่สบายไออุ่นที่คอยเล่านิทานกล่อมเด็กชายตัวน้อยให้นอนหลับฝันดีทุกคืนไอศูรย์ที่คอยเป็นเพื่อนเล่นให้หลานชาย ในวันที่ธามไทต้องไปทำง
ในที่สุดความฝันและวันที่ไออุ่นรอคอยก็เดินทางมาถึง เมื่อเธอสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปลายแล้วพร้อมกับเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน และแน่นอนว่าเด็กเนิร์ดอย่างเธอกับเด็กแสบอย่างเฌอแตมเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ยสูงสุด 4.00 เป็นการทิ้งท้ายช่วงชีวิตในรั้วโรงเรียนมัธยมอย่างสวยงามโดยเฉพาะไออุ่นที่เธอต้องใช้ความพยายามและความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะอายุครรภ์ที่มากขึ้นทำให้เธอมีอาการอ่อนเพลียบ่อยครั้ง แต่ว่าที่คุณแม่ก็ยังคงมาเรียนตามปกติ เพราะอยากมีช่วงเวลาดี ๆ กับเพื่อนในห้องเรียนก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเติบโตในเส้นทางที่ทุกคนเลือกเดิน“ยินดีด้วยนะคะพี่เฌอแตมพี่หนูไอ”“ดีใจด้วยนะคะรุ่นพี่ ขอให้สอบติดคณะในฝันนะคะ”“ดีใจด้วยนะหนูไอที่เรียนจบพร้อมกัน”“เรียนจบแล้วก็ขอให้พี่แตมมีแฟนกับเขาสักทีนะคะ”“อย่าลืมพาเจ้าตัวเล็กกลับมาแนะแนวน้อง ๆ ที่โรงเรียนบ้างนะคะ”เพื่อนต่างห้องและรุ่นน้องในโรงเรียน ต่างพากันนำดอกไม้มามอบให้เฌอแตมกับไออุ่น เพื่อแสดงความยินดีกับสองเพื่อนซี้ในวันอำลาสถาบัน ทำให้สองสาวรู้สึกซาบซึ้งใจบ่อน้ำตาแตกกันไปหลายครั้งทีเดียวไออุ่นที่อ่อนไหวจากฮร์โมนคุณแม่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วเสียน้ำตาไปถึงสามรอบติด เมื่อ
1 ปีต่อมา“ธัน ไม่ ไป ฮึก ฮือ ฮือ ธัน”มือเล็กที่จับแขนของธันวาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทำให้ไอศูรย์ที่วันนี้ต้องรับบทพี่เลี้ยงหลานสาวถึงกับกุมขมับมือใหญ่เอื้อมไปจับมือของหลานสาว แล้วพยายามดึงมือเล็กออกจากมือของคุณอาตัวน้อยอย่างเบามือ แต่เด็กหญิงอันดาที่นิสัยดื้อรั้นเหมือนผู้เป็นบิดากลับจับมือของอาธันวาไว้ไม่ยอมปล่อย สร้างความหนักใจให้คุณตาไม่น้อย“อันดาจ๋า อาธันต้องไปโรงเรียนแล้วนะลูก ถ้าหนูยังไม่ยอมปล่อยตอนนี้อาธันต้องไปโรงเรียนสายแน่ ๆ เลยค่ะเด็กดี”ไอศูรย์บอกหลานสาวที่ร้องไห้น้ำตาอาบแก้มอย่างน่าสงสาร เมื่อวันนี้ทั้งธามไทและไออุ่นต่างต้องรีบออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ทำให้เด็กหญิงอันดาที่ตื่นมาไม่เจอใครร้องไห้โฮด้วยความตกใจแต่เมื่อได้เห็นหน้าคุณอาธันวา เจ้าอันดาที่กำลังร้องไห้อยู่กลับเงียบเสียงลงในทันที พลางยื่นมือไปหาคุณอาตัวน้อยที่รับหลานสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความเอ็นดู แต่ใครเลยจะรู้ว่าอันดาจะติดธันวาแจจนไม่ยอมให้เขาไปโรงเรียน“อันดาเด็กดีไม่ร้องไห้นะคะ อาธันไปโรงเรียนแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมาเล่นกับหนูอันดาแล้ว”เด็กชายผู้มีสถานะเป็นอาพยายามปลอบใจหลานสาวตัวน้อย ที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอ