เช้าวันจันทร์ไออุ่นที่อยู่ในชุดนักเรียนค่อย ๆ เปิดประตูเดินออกมาจากห้องนอนแล้วมานั่งลงบนโต๊ะทานข้าว พลางชำเลืองมองไปทางห้องครัวเป็นระยะ ๆ ด้วยความหิว เพราะปกติแล้วเธอจะทานมื้อเช้าเวลาหกโมงครึ่ง แต่วันนี้พ่อครัวของเธอยังปรุงข้าวต้มหมูไม่เสร็จเลย“พี่ไทม์ขา หนูไอหิวข้าวแล้วนะคะ”สรรพนามเรียกขานเขาที่เปลี่ยนไปพร้อม ๆ กับคำแทนตัวเองที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู ทำเอามือที่กำลังคนข้าวต้มในหม้ออ่อนแรงจนแทบทำตะหลิวหลุดมือเพราะตั้งแต่ที่เขาให้ไออุ่นมาอาศัยอยู่ด้วย เธอมักจะเรียกเขาด้วยคำว่าคุณในช่วงแรกไม่ก็เรียกพี่เฉย ๆ มาตลอด แต่มาเช้านี้เธอกลับเรียกเขาว่าพี่ไทม์ด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย ฟังแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้ากับเขาสักเท่าไหร่นักเราไม่ได้เป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาสักหน่อย จะมาเรียกพี่อะไรกันล่ะยัยหนู แต่ห่างกันตั้ง 9 ปีขนาดนี้เรียกเฮียไทม์ยังน่าฟังกว่าตั้งเยอะ“เสร็จแล้ว ๆ เร่งกันขนาดนี้มาทำเองเลยไหมยัยหนูไอ”ถึงตัวจะอยู่ในครัว แต่ธามไทก็ยังตอบโต้ด้วยประโยคที่คนฟังอยากจะบึนปากใส่อย่างงอน ๆทำมาเป็นแขวะเธอ ที่จริงเขานั่นแหละตื่นสายจนทำให้มื้อเช้าของเธอต้องเลื่อนเวลาออกไปรอไม่นานร่างสูงของธามไทจก
“ใครจะมาส่งก็เรื่องของหนูไอ เธอไม่ควรเสือกจ้ะแม่งูพิษ”ธามไทตอกกลับอันดาแทนไออุ่นด้วยความโมโหแทนคนตัวเล็ก ยิ่งเห็นเธอเลือกที่จะเงียบไม่ยอมตอบโต้อดีตเพื่อนรักที่ทำร้ายตัวเองจนใจพังก็ยิ่งสงสารความเงียบสำหรับบางคนอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่สำหรับคนบางแล้วยิ่งเงียบตัวเองยิ่งเจ็บหนัก ส่วนคนที่เป็นฝ่ายกระทำกลับยิ่งได้ใจอันดาเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ผลักเธอจนเซถอยหลัง เด็กสาวชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ แล้วเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับธามไทอย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะรอบข้างเธอเต็มไปด้วยเพื่อนในโรงเรียน อีกทั้งยังมีอาจารย์ที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าโรงเรียน เขาไม่มีทางกล้าทำอะไรเธออย่างแน่นอน และที่สำคัญเธอก็แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เขาคงไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายหน้าตัวเมียที่ทำร้ายเด็กผู้หญิงตัวเล็กหรอกนะ“นี่อย่าบอกนะคะว่า แค่คืนเดียวพี่กับไอก็ตกลงเป็นผัวเมียกันแล้วอะ ถึงได้มารับมาส่งกันหวานเชียว”คำพูดของอันดาเรียกสายตาของเพื่อน ๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาให้หันมามองไออุ่นอีกครั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่ธามไทได้แต่ขบกรามแน่นด้วยความไม่พอใจเด็กเมื่อวานซืนอย่างอันดาเหอะ นิสัยไม่ด
“ไอ ไอช่วยอันดาด้วย! อันดาเป็นลมอยู่ในห้องน้ำ”เสียงของแนนร้องตะโกนขอความช่วยเหลือไออุ่นดังมาแต่ไกล ทำเอาสองเท้าที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าหยุดชะงัก แต่ถึงอย่างนั้นไออุ่นก็ไม่ยอมหันกลับมาตามเสียงเรียกของแนน เพราะเธอกลัวว่าแนนกับอันดาอาจจะมีแผนการร้าย ๆ อีกความเจ็บปวดในวันวานที่เธอได้รับเพราะความไว้ใจ มันทำให้ไออุ่นรู้สึกกลัว...กลัวว่าเธอจะโดนหลอกอีกครั้งแฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก“ไอ...แนนเรียกทำไมไม่หัน อันดาเป็นลมในห้องน้ำนะอยู่ ๆ ก็เลือดกำเดาไหล แล้วก็เป็นลมหมดสติไปเลย”เมื่อสัมผัสได้ว่าไออุ่นเริ่มรู้ทันพวกเธอและดูมีความลังเล แนนก็เติมแต่งเรื่องราวเข้าไปอีกให้ดูน่าเชื่อถือ ซึ่งคำพูดของแนนก็ทำให้ไออุ่นที่มีท่าทีเมินเฉยในครั้งแรกเปลี่ยนเป็นร่างเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินว่าอดีตเพื่อนอาจเป็นอันตรายจึงรีบถามอาการด้วยความเป็นห่วง“อันดาเป็นลมที่ไหน”“ห้องน้ำหลังอาคารเรียนอะ ไปช่วยพยุงออกมาทีแนนคนเดียวไม่ไหว”แนนรีบจูงมือไออุ่นให้วิ่งตามเธอไปที่หลังอาคารเรียนทันที ท่ามกลางความรู้สึกร้อนรนด้วยความเป็นห่วงเพื่อน จนกระทั่งเมื่อวิ่งมาถึงห้องน้ำ ไออุ่นก็รีบเปิดประตูเข้าไปดูอันดา แต่เพียงเธอ
โรงพยาบาล Nธามไทค่อย ๆ ใช้ผ้าพันแผลให้ไออุ่นอย่างเบามือด้วยความรู้สึกเจ็บปวด มือบอบบางที่เขาเคยสัมผัสเต็มไปด้วยรอยแตกช้ำจากการทุบประตูเป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำไมเด็กสาวที่น่ารักและแสนดีแบบไออุ่นถึงต้องพบเจอกับเรื่องที่เลวร้ายขนาดนี้นะเด็กสาวในวัยนี้ควรจะมีแต่เรื่องราวดี ๆ ที่น่าจดจำก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเติบโตตามเส้นทางที่แต่ละคนเลือกเดินสิแต่สำหรับไออุ่นแล้วมันกลับไม่ใช่แบบนั้น สิ่งที่เธอต้องพบเจอมันช่างเลวร้ายเกินกว่าที่เด็กสาวอายุเพียง 18 ปีจะรับไหว“ใครกันนะช่างใจร้ายกับหนูเสียจริง”ลูกพีชมองเด็กสาวที่นอนหลับตาพริ้มด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ เปลือกตาที่ปิดสนิทคู่นั้นบวมช้ำบ่งบอกให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ซึ่งถ้าเป็นเธอที่ต้องตกอยู่ในความมืดที่ไม่รู้ว่าจะมีใครผ่านมาช่วยเมื่อไหร่ เธอเองก็คงมีสภาพไม่แตกต่างกันกับเด็กสาวอย่างแน่นอน“เด็กมัธยมเขาแกล้งกันแรงขนาดนี้เลยเหรอวะ เคยเห็นแต่เด็กผู้ชายที่ถูกเพื่อนแกล้ง เพิ่งเคยเห็นเด็กผู้หญิงที่ถูกแกล้งหนักขนาดนี้ มืดขนาดนั้นคงกลัวจนทำอะไรไม่ถูก”เพลิงกัลป์พูดขึ้นมาด้วยความสงสาร ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มแม้ในยามหลับก็ยังคงหมองเศร้า นี่ถ้าเขา
โรงพยาบาล Nแกรกแอดธามไทค่อย ๆ เปิดประตูห้องพักคนไข้เข้ามาอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวนคนที่กำลังนอนหลับสนิทร่างสูงของคุณหมอเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ สองมือยื่นไปจับมือของไออุ่นเอาไว้เบา ๆ ด้วยความสงสาร สายตายามที่ทอดมองร่างบางที่กำลังนอนหลับสนิทเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมองใครมาก่อน“ต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เฮียจะคอยปกป้องหนูไอเองนะ”ธามไทเอ่ยกับร่างบางที่นอนหลับสนิทเสียงแผ่วเบา สองมือหนากอบกุมมือบางขึ้นมาแนบแก้มเอาไว้ ด้วยความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เช่นกันว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกอย่างไรเป็นเวลานานที่นั่งเฝ้าอีกฝ่ายจนเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเช้าวันต่อมาเปลือกตาที่หลับสนิทค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย ภาพตรงหน้าค่อย ๆ ชัดขึ้น ไออุ่นมองไปรอบ ๆ ห้องด้วยความไม่คุ้นชิน สอดส่ายสายตาไปมาจนปะทะเข้ากับร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างเตียงไม่ไปไหนตลอดทั้งคืนแค่เพียงได้เห็นหน้าเขา ก้อนสะอื้นก็แล่นขึ้นมาจุกที่อก จนกักเก็บไม่ไหวปล่อยน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เด็กสาวพยายามลุกขึ้นจากที่นอน โดยมีธามไทที่รีบลุกขึ้นมาช่วยพยุงให้
ไออุ่นรักษาตัวอยู่ต่อที่โรงพยาบาลเพียงอีกหนึ่งวัน ธามไทก็พาเธอกลับมาดูแลต่อที่คอนโด โดยที่อาการเจ็บมือของเธอก็ดีขึ้นตามลำดับ จนเธอสามารถทานอาหารเองได้แล้วส่วนธามไทที่ขอลาหยุดหนึ่งวันเพื่อคอยดูแลไออุ่น เขาก็ต้องกลับไปทำงานตามปกติในวันนี้แล้ว แต่กลับพบเด็กน้อยงอแงที่มองเขาตาปริบ ๆ อย่างออดอ้อนเพราะไม่อยากอยู่ที่คอนโดคนเดียว“หนูไอขอไปทำงานด้วยไม่ได้เหรอคะ”เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร เพราะด้วยสภาพจิตใจที่ยังไม่ค่อยดีขึ้นสักเท่าไหร่ ทำให้ไออุ่นไม่อยากอยู่คนเดียวตามลำพัง ธามไทมองเด็กสาวที่มองเขาอย่างอ้อน ๆ ด้วยความรู้สึกเห็นใจ แต่ถ้าเขาพาเธอไปที่ทำงานด้วย เธอก็ต้องนอนเหงารอเขาอยู่ในห้องทำงานอยู่ดี ซึ่งไม่ได้ต่างกับการรอเขาเลิกงานอยู่ที่คอนโดคนเดียวเลยสักนิด“ถ้าเฮียพาหนูไปทำงานด้วย หนูไอก็ต้องรอเฮียอยู่แต่ในห้องทำงานเหมือนกัน แต่ถ้าอยู่ที่นี่หนูไอก็นอนดูซีรีส์ได้ไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ต้องรอว่าเฮียจะเลิกงานเมื่อไหร่แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอคะ หืม”น้ำเสียงอ่อนโยนถามคนน้องที่ยังคงทำหน้าอ้อนไม่เลิกจริงอยู่ที่ว่าถ้าเธอรอเขาอยู่ที่นี่เธอสามารถนอนดูซีรีส์เรื่องโปรดได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องรอว่าเขาจะเ
“แกเอาลูกสาวฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน”คำถามของคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงซ้ำยังกล้าเอาปืนมาจ่อหัวมาเฟียร้ายอย่างกฤษฎิ์ทำให้ริมฝีปากหนาค่อย ๆ แสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย ราวกับว่าขบขันเสียเต็มประดากับความวุ่นวายตรงหน้าสายตาที่เคยอ่อนโยนเป็นนิตย์กับคนไข้ พลันแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นเยียบ ทำให้คนที่กำลังถือปืนจ่อหัวมาเฟียร้ายในคราบคุณหมอผู้ใจดีรู้สึกกลัวไม่น้อยเลยทีเดียว“ที่นี่คือโรงพยาบาล จะทำอะไรก็รู้จักให้เกียรติสถานที่หน่อยก็ดี คนไข้มีทั้งเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ และคนไข้วัยชรา หากพวกเขาผ่านมาเห็นคนกำลังเอาปืนจ่อหัวหมออยู่อาจจะช็อกจนเกิดอันตรายได้นะ เพราะฉะนั้นเชิญไปที่สวนหย่อมหลังตึกดีกว่า ไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครไปยุ่มย่าม ที่ตรงนั้นเป็นที่ลับตาคน อยากจะสอบถาม พูดคุย หรือจะฆ่าจะแกงกันอย่างไรก็เชิญเสียที่นั่นเถอะ”น้ำเสียงเรียบทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเนิบนาบ ทว่ากลับมีอำนาจและน่าเกรงขาม อติรุจหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องของตนเองเพียงหนึ่งครั้ง คนทั้งคู่ก็เดินเข้ามาจับตัวธามไทที่สะบัดตัวออกจากการเกาะกุมทันทีด้วยความไม่ชอบใจ ส่วนลูกน้องอีกคนไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือที่สั่นเทาเข้ามาแตะต้องตัวคุณหมอวัยชรา เพียงแค่เขาตวัดสายต
“แปลกนะ ปกติเจ้าหมอไทม์ที่ฉันรู้จักไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องของใครนี่ แต่กับเด็กคนนี้ทำไมยุ่งจังนะ ชอบเขาเหรอเราอะ”คำถามของตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ ทำเอาธามไทกลอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่าย จะมีเรื่องไหนสักเรื่องไหมที่รอดพ้นไปจากหูและตาของตาเฒ่าคนนี้ได้เพราะตั้งแต่ที่เขาย้ายมาอยู่เมืองไทย ทุก ๆ เรื่องในชีวิตเขาแทบไม่เคยรอดพ้นไปจากหูตาของกฤษฎิ์เลย เพียงแต่ลุงคนนี้ไม่ชอบเข้าไปยุ่งวุ่นวายก็เท่านั้น ยกเว้นเสียแต่ว่าหากเรื่องไหนที่มีผลกระทบกับงาน ตาเฒ่าจะรีบยื่นมือเข้ามาจัดการในทันที“ไม่ได้ชอบ แค่สงสาร”คำตอบเบาหวิวไร้ซึ่งความหนักแน่น ทำให้คนมีประสบการณ์อมยิ้มออกมาน้อย ๆ อย่างรู้ทันตอบเขาเสียงเบาหวิวขนาดนี้ แปลว่าเจ้าของคำตอบก็ยังไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน แต่สำหรับคนที่ผ่านอะไรมามากมายครึ่งค่อนชีวิตอย่างกฤษฎิ์ เขากลับมองเพียงปราดเดียวก็รู้ได้ในทันทีว่า หลานชายของเขาคนนี้กำลังตกหลุมรักแม่สาวน้อยคนนั้นอยู่อย่างแน่นอน“แรก ๆ ก็บอกว่าสงสาร พอนานวันไปก็บอกว่าชอบ สุดท้ายก็ผมรักเขา อืม หนุ่ม ๆ สมัยนี้ช่างเข้าใจยากจริง ๆ”คำพูดที่ดูคล้ายกับว่ากำลังพึมพำกับตนเอง ทำให้คนที่ได้ยินแอบคิดตามคำพูดของผ