สวนสาธารณะ
ธามไทค่อย ๆ ใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผลให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ เมื่อเห็นคนเจ็บชักมือหลบ ก็จับมือบางไว้แล้วเป่าเบา ๆ ลงบนแผล ราวกับกำลังปลอบประโลมคนที่เอาแต่นั่งร้องไห้ตอนนี้ให้หายเจ็บแผล
ตั้งแต่ที่เขาพาเธอมาที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ กับที่เกิดเหตุ เด็กสาวก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้ไม่สนใจโลกจนเขาเหนื่อยแทน
ไม่รู้ว่าที่ร้องไห้นั้นเพราะกำลังเจ็บแผล หรือว่าเสียใจที่โดนเพื่อนรักหักหลัง แต่ดูจากน้ำตาที่ไหลราวกับเขื่อนแตก สงสัยจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
ไออุ่นมองผู้ชายที่กำลังทำแผลให้เธอด้วยดวงตาพร่ามัว ดวงตาคู่กลมเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา สักพักหยดน้ำใส ๆ ก็ค่อย ๆ รินไหลกระทบลงบนแขนของธามไท
คุณหมอที่กำลังพันแผลให้คนไข้เฉพาะกิจชะงักไปเล็กน้อย เงยหน้ามองเธอแวบหนึ่งแล้วผละมาทำแผลให้จนเสร็จเรียบร้อย ก่อนลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ เธอบนม้านั่ง
“นี่กะจะร้องไห้ทั้งวันเลยหรือไง ตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้เธอยังไม่หยุดร้องไห้เลยนะสาวน้อย สงสัยคงอยากได้ถ้วยสินะ”
คุณหมอเอ่ยพูดติดตลกทำลายบรรยากาศอึมครึมรอบตัว คนที่กำลังร้องไห้อยู่หยุดคิดตามคำพูดของเขาชั่วครู่ เธอเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตามองหน้าอีกฝ่ายด้วยความงุนงง
ใบหน้าจิ้มลิ้มเอียงไปทางขวาเล็กน้อย ธามไทที่กำลังจ้องหน้าเธออยู่ก็เอียงหน้าตามเธอไปด้วยความสงสัยกับท่าทางแปลก ๆ
สวยแต่แปลกอีกแล้วแม่คุณ
“ถ้วยอะไรเหรอคะ ไออุ่นไม่ได้อยากได้ถ้วยสักหน่อย”
เจ้าของชื่อนั้นน่ารักน่าเอ็นดูมากในความคิดของธามไท เสียงหวานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงค่อนไปทางน้อยใจคนตรงหน้า
คุณหมอมองเด็กตาแป๋วอย่างนึกเอ็นดูจนอดขำกับคำพูดของเด็กสาวที่ดูจะไม่เข้าใจความหมายอยู่ในที
“ถ้วยรางวัลไง นี่ถ้ามีแข่งร้องไห้นะ ฉันว่าเธอคงได้รางวัลชนะเลิศแน่ ทั้งร้องเก่ง ทั้งน้ำตาไหลเก่ง ไม่ทราบว่าที่บ้านทำเครื่องผลิตน้ำตาเหรอ”
ธามไทก็คือธามไทสินะ ผู้ชายปากแซ่บคู่หูดูโอ้หมอเพลิงกัลป์ เจ้าของคำที่พูดออกมาแต่ละคำ ราวกับปล่อยหมาออกมาเดินเพ่นพ่านกัดคู่สนทนาด้วยจนรู้สึกเจ็บแสบไปทั้งใจ
แน่นอนว่าตอนนี้ไออุ่นก็คือผู้โชคดีคนนั้นที่กำลังโดนหมาพันธุ์ดุกัด จนเธอต้องส่งค้อนให้เขาวงใหญ่ด้วยความหมั่นไส้
“ถ้าบ้านไอทำเครื่องผลิตน้ำตา บ้านพี่ก็คงเปิดฟาร์มหมาในปากใช่ไหมคะ พูดออกมาแต่ละคำไอนึกว่ากำลังเห่าอยู่”
คำเรียกแทนตัวเองของไออุ่นทำเอาคนพี่รู้สึกใจเต้นแปลก ๆ แต่แล้วความรู้สึกนั้นก็หายวับไปกับตา เมื่อคำพูดต่อมาของเด็กสาวตรงหน้า ทำเอาเขาต้องแอบแอบกำหมัดแน่นคิ้วกระตุกเป็นพัก ๆ เลยทีเดียว
ที่ผ่านมาคนที่คอยจิกกัด และด่าเขามาตลอดว่าเลี้ยงหมาเอาไว้ในปากมีเพียงคุณลุงกฤษฎิ์คนเดียวเท่านั้น แต่ไออุ่นคือผู้หญิงคนแรกที่กล้าว่าเขาเลี้ยงหมาเอาไว้ในปาก ไม่สิ...เปิดฟาร์มหมาเลยเชียว
หึ ช่างกล้าจริงนะแม่สาวน้อย
“ถ้าจะว่ากันขนาดนี้ ก็มาต่อยกันเลยไหม”
คุณหมอหยอกน้องเล่นทำทีเป็นถกแขนเสื้อขึ้น ไออุ่นรู้สึกแปลกใจครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้กับการกระทำแปลก ๆ ของเขา แต่ครั้งนี้มันเกินไปไหมคุณพี่ชาย เธอไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีผู้ชายที่อายุมากกว่ามาท้าเธอต่อยเลย
มิหนำซ้ำใบหน้าของเขาในตอนนี้ดูจริงจังราวกับว่า กำลังรอให้เธอปล่อยหมัดใส่ก่อนอย่างไรอย่างนั้น...เอาจริงเหรอคะ
“พี่...นี่จริงจังใช่ไหมคะ”
“หน้าฉันดูล้อเล่นหรือไง”
ธามไทตอบกลับคำถามทันควัน ร่างเล็กมองเขาอย่างประเมินแล้วค่อย ๆ ทำเนียนขยับออกห่างจากร่างสูง ที่หน้าตาดูจริงจังมากกับการท้าต่อยกับเธอ
ธามไทมองคนน้องแล้วหลุดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ด้วยรู้สึกขบขันกับท่าทีนั้นของเด็กสาวที่กำลังขยับหนีเขา ราวกับกลัวว่าเขาจะต่อยเธอจริง ๆ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นน่า ฉันเป็นลูกผู้ชายพอ ไม่ท้าผู้หญิงต่อยหรอกน่ะ ยกเว้นว่าผู้หญิงคนนั้นมาท้าต่อยกับฉันก่อน ถึงอย่างนั้นฉันก็พร้อมสนองนี้ดให้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นไออุ่นก็แอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างโล่งอก เด็กสาวมองหน้าเขาแล้วเผลอยิ้มตาม ดูเอาเถอะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุดหัวเราะเธอเลย
ทว่าพอได้มีเวลามองหน้าเขาตรง ๆ แบบนี้แล้ว ไออุ่นก็พบว่าผู้ชายที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ เธอนั้นหน้าตาดีมาก เขาหล่อเหมือนไอดอลเกาหลีวงดังที่เธอกำลังคลั่งไคล้อยู่เลยแหละ ไหนจะรอยยิ้มนั้นที่มองแล้วกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ราวกับเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ความรู้สึกหนักอึ้งในใจของเธอค่อย ๆ คลายลง
“นั่นแน่ ยิ้มแล้วใช่ไหม ไอ้เราก็นึกว่าจะนั่งร้องไห้ทั้งวันรอถ้วยรางวัลเสียอีก”
ธามไทแซวอย่างอารมณ์ดี เด็กสาวหัวเราะแล้วค่อย ๆ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่แก้มออก พลางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามเรียกความเข้มแข็งให้กลับคืนมา ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ใจของเธอนั้นพังจนแหลกสลายไปหมดแล้ว แต่ในเวลาที่เธอกำลังจมอยู่ในความเศร้าคนเดียวเช่นนี้ เธอจะอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด
“ฉันขอโทษนะกับเรื่องที่เกิดขึ้น คือ จะว่าไงดี เอาจริง ๆ ฉันก็มีส่วนผิดแหละที่ไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน แต่สาบานเลยว่าฉันไม่รู้มาก่อนว่าเธอโดนเพื่อนหลอกมาทำเรื่องแบบนั้น ถ้าฉันรู้ฉันคงไม่ทำแบบนั้นกับเธอ ขอโทษนะ”
คุณหมอเอ่ยคำขอโทษออกมาด้วยความรู้สึกผิดจากใจ เพราะถ้าเขารู้ว่าเธอโดนเพื่อนหลอกมาโดยไม่เต็มใจ เขาจะไม่ทำแบบนั้นกับเธอเด็ดขาด แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว เขาคงทำได้เพียงแค่ขอโทษเธอ ถึงแม้จะรู้ดีว่าคำขอโทษนั้นไม่สามารถนำความบริสุทธิ์ของเธอกลับคืนมาได้ก็ตาม
“เรื่องนี้ไอคงต้องโทษตัวเองที่รักและไว้ใจเพื่อนจนมากเกินไป ไอไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนไม่เคยรักและจริงใจกับตัวเองสักนิด”
น้ำเสียงเศร้าสร้อยที่เอ่ยออกมาทำเอาคนฟังใจแป้วไม่น้อย ทั้งรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งรู้สึกสงสารเด็กสาวจับใจ
เขาไม่คิดเลยว่าเด็กสมัยนี้แค่ไม่พอใจกันในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จะกล้าทำร้ายและหักหลังเพื่อนได้มากถึงขนาดนี้
“ประสบการณ์ชีวิตน่ะ ก่อนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่ง ทุกคนล้วนต้องมีประสบการณ์ชีวิตกันทั้งนั้น บางคนอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ แต่สำหรับบางคนอาจจะแจ็กพอตเจอเรื่องใหญ่ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้นะเด็กน้อย อย่าได้จมดิ่งอยู่กับมันนักเลย”
ธามไทพูดปลอบใจเด็กสาวที่ยิ้มออกมาน้อย ๆ แม้ว่าคำพูดของเขาฟังดูแล้วคล้ายจะเป็นการสอนเธอใช้ชีวิตมากกว่าคำปลอบใจน่ะนะ
แต่คิด ๆ ไปแล้วถึงแม้ในใจจะยังโกรธเขาอยู่ไม่น้อย แต่เหตุการณ์ทุกอย่างล้วนเกิดจากความโง่เขลาของเธอทั้งนั้น จะให้โทษเขาทั้งหมดคงไม่ได้
“อะนี่ โทรศัพท์ของเธอทำหล่นไว้บนรถฉันน่ะ ที่ถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้านแค่ตั้งใจจะเอาโทรศัพท์ไปคืนนะ สาบานเลยว่าไม่ได้ตั้งใจไปแอบฟัง”
ธามไทยื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของ แล้วอธิบายเหตุผลไปตามตรงว่าทำไมเขาถึงไปอยู่ที่ตรงนั้นได้ เพราะกลัวถูกเข้าใจผิดว่าไปแอบฟังเรื่องชาวบ้านน่ะสิ
“ขอบคุณนะคะ”
ไออุ่นรับโทรศัพท์คืนมาแล้วเอ่ยคำขอบคุณ จากนั้นคนทั้งคู่ก็ไม่พูดอะไรต่ออีก ธามไทหันไปมองภาพเบื้องหน้า ส่วนเธอเหม่อลอยอยู่สักพักราวกับกำลังใช้ความคิด เพราะตอนนี้เธอไม่มีที่ให้ไปแล้ว
หลังจากหนีออกจากบ้านมา เธอก็มาอาศัยอยู่ที่บ้านของอันดาพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งที่เก็บสะสมจากค่าขนมในแต่ละวัน แต่ตอนนี้กระเป๋าของเธอหายไปแล้ว เธอกลายเป็นคนไม่มีเงินติดตัวสักบาท
“บ้านเธออยู่แถวไหนล่ะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
ธามไทหันไปถามเด็กสาวแล้วขันอาสาไปส่งเธอถึงบ้าน เพราะสภาพของเธอในตอนนี้หากให้ขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านก็สุ่มเสี่ยงเหลือเกิน
“ไอ...ไอไม่มีบ้านให้กลับแล้วค่ะ”
คำตอบของเด็กสาวทำเอาธามไทขมวดคิ้วมุ่น เขางุนงงไปสักพักแต่แล้วความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว เมื่อคิดไปเองว่าไออุ่นอาจเป็นเด็กกำพร้าที่มาอาศัยอยู่กับเพื่อนชั่วคราว พอคิดแบบนั้นแล้วความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก
ทำไมเขาถึงทำลายชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งได้ถึงขนาดนี้นะ เฮ้อ ธามไทนะธามไท
“ไอไม่มีที่ไปแล้วค่ะ ไอทะเลาะกับพ่อก็เลยหนีออกจากบ้านมาขออาศัยอยู่กับเพื่อนชั่วคราว แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่เพื่อนไอแล้ว ไอก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปอยู่ที่ไหนเหมือนกันค่ะ”
คำตอบนั้นทำเอากระจกบนหน้าของธามไทแตกดังเพล้ง บอกเลยว่าหมอไม่รับเย็บ เพราะเผลอไปคิดเองเออเองว่าเธอเป็นเด็กกำพร้าไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน แต่กลับกลายเป็นว่าเธอทะเลาะกับพ่อ จึงมาขออาศัยอยู่บ้านเพื่อนชั่วคราว
เฮ้อ ชีวิตจริงนี่มันยิ่งกว่าละครหลังข่าวอีกนะ อะไรมันจะรันทดขนาดนี้
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่เข้ามาช่วยเหลือกัน ไอรบกวนเวลาพี่มามากพอแล้ว ไอขอตัวก่อนนะคะ”
ไออุ่นบอกคนข้างกายด้วยความเกรงใจ เธอยกมือไหว้ลาคนพี่อีกครั้ง แล้วลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายปลายทาง เพราะยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าตอนนี้เธอจะไปอยู่ที่ไหน แต่ถ้าสุดท้ายแล้วเธอไม่มีที่ให้ไปจริง ๆ ก็คงต้องกลับบ้านไปหาบิดา แล้วตอบตกลงในเรื่องที่เป็นสาเหตุทำให้เธอหนีออกจากบ้านอย่างจำยอม
หมับ
ธามไทใช้เวลาตัดสินใจเพียงแค่เสี้ยววินาที เขาลุกขึ้นเดินมาหาเด็กสาวที่กำลังเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ร่างกำยำออกแรงกระชากแขนเธอนิดเดียวให้หันกลับมาหา
ร่างบอบบางถลาเขาสู่อ้อมกอดของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ถ้าเธอไม่มีที่ให้ไปจริง ๆ มาอยู่กับฉันก่อนก็ได้ ไว้หายโกรธพ่อเมื่อไหร่ค่อยกลับบ้าน”
เขาเอ่ยเสียงเรียบ และพร้อมจะทำตามที่พูดจริง ๆ ส่วนหนึ่งเพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอพบเจอกับประสบการณ์เลวร้าย อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสงสารล้วน ๆ ที่ทำให้ธามไทตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น
แต่ใครเลยจะรู้ว่า คำพูดของเขาจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักที่ลึกซึ้งระหว่างเขาและเธอคนนี้
คนที่สอนให้ธามไทได้รู้จักกับความรู้สึกที่เรียกว่า...ความรัก
คอนโดธามไทไออุ่นมองเสื้อผ้าที่ตอนนี้กลายเป็นเศษผ้าในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า มือบางค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบเสื้อผ้าออกมาทีละชุด สักพักหยดน้ำตาก็กลิ้งหล่นลงบนพวงแก้มเนียนด้วยความเสียใจ เมื่อชุดนักเรียนและชุดไปรเวทของเธอเต็มไปด้วยรอยตัดจากกรรไกรจนขาดวิ่นธามไทมองไหล่บอบบางที่สั่นสะท้านด้วยความรู้สึกเห็นใจไม่น้อย มือใหญ่ค่อย ๆ เอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้เด็กสาวด้วยความสงสาร ทำเอาคนที่กำลังร้องไห้อยู่ชะงักไปด้วยความตกใจ ด้วยไม่คิดว่าผู้ชายที่ชวนเธอมาพักอยู่ด้วยชั่วคราวจะอ่อนโยนถึงเพียงนี้อยู่ ๆ ใจดวงน้อยก็เต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกหวั่นไหวที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นภายในใจโดยที่ไออุ่นไม่รู้ตัว“ร้องไห้ไปก็เท่านั้น ช่างมันเถอะ เสื้อผ้าขาดแล้วก็แล้วไป ฉันพาเธอไปซื้อใหม่ก็ได้ ไม่เห็นต้องเสียดายเลยนี่”ธามไทบอกอีกคนที่ยิ่งเศร้าใจหนักไปกว่าเดิม เพราะตอนนี้แม้แต่เงินติดตัวเธอยังไม่มีสักบาท จะให้โทรไปขอความช่วยเหลือจากน้าญาดาน้องสาวของมารดาที่ล่วงลับไปก็รู้สึกเกรงใจเป็นเพราะตอนที่เธอออกจากบ้านมา น้าญาดาก็โอนเงินมาให้เธอไว้ใช้จ่ายตั้งห้าหมื่นบาทแล้ว แต่ตอนนี้เงินก้อนนั้นหายไปพร้อม ๆ กับกระเป
ธามไทเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยกมือขึ้นมาขยี้ตาอย่างงัวเงีย ร่างเล็กไม่ตอบในทันทีแต่ค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นด้วยความรู้สึกง่วงซึมและรู้สึกเจ็บที่ก้น แต่ถึงอย่างนั้นความง่วงก็ทำให้เธอเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนโดยไม่สนใจร่างสูงของธามไทเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังมีใจส่งเสียงงัวเงียเอ่ยตอบธามไทกลับไป“ประตูไม่ได้ล็อกค่ะไอก็เลยเปิดเข้ามา ห้องนั้นน่ากลัวไอไม่กล้านอนคนเดียว”ไออุ่นตอบกลับธามไททั้ง ๆ ที่ยังคงหลับตาอยู่ ส่วนมือบางก็เอื้อมไปดึงผ้าห่มผืนใหญ่มาห่มแล้วนอนหลับอย่างสบายใจ โดยไม่ได้สนใจธามไทที่ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความงุนงงเลยแม้แต่น้อยเขากำลังนึกคิดว่าเธอเข้ามาห้องของเขาตอนไหน เพราะเขาไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด แล้วเมื่อครู่ยังคว้าเธอเข้ามากอดราวกับเป็นหมอนข้างอีก สักพักภาพในหัวของชายหนุ่มก็ตัดมาตอนที่กำลังนอนหลับฝันดี จู่ ๆ ก็สะดุ้งตัวตื่นจากฝันร้ายจนเผลอถีบคนตัวเล็กจนตกเตียงอีก“แต่นี่มันเช้าแล้ว กลับไปนอนที่ห้องของเธอได้แล้ว”ธามไทบอกไออุ่นที่ยังคงนอนหลับสบาย ร่างกำยำค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ ๆ เธอแล้วเขย่าที่ไหล่บางเบา ๆ เพื่อปลุกให้เธอกลับไปนอนที่ห้อง ทว่ากลับไร้การตอบสนองใด ๆ จากคนที่กำลังนอนหลับด้วยค
“นี่ไปเดินห้างนะไม่ได้ไปเที่ยวผับ”ธามไทท้วงไออุ่นอย่างรู้สึกขัดตาและขัดใจ เมื่อกระโปรงที่เธอสวมมันสั้นจนแทบโชว์แก้มก้นอยู่แล้ว ส่วนเสื้อก็ตัวเล็กเกินไปจนปิดหน้าอกของคนตัวเล็กแทบไม่มิดกลับกันไออุ่นได้แต่ทำหน้างง ๆ เพราะชุดที่เธอกำลังใส่อยู่ ธามไทเป็นคนสั่งมาให้เธอเองเพื่อให้เธอมีชุดใส่บ้าง แต่พอเธอใส่ออกมาเขากลับบอกว่าเหมือนชุดไปเที่ยวผับเสียอย่างนั้น...เอาใจไม่ถูกแล้วนะ“แต่พี่เป็นคนสั่งมาให้ไอเองนะคะ” คำพูดของเด็กสาวทำเอาคิ้วที่กำลังขมวดมุ่นด้วยความขัดใจคลายลงทันตาเห็น คนขี้เก๊กที่ถูกช็อตฟีลกะพริบตาปริบ ๆ แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขึ้นมาทันที กลายเป็นไออุ่นเองที่เริ่มรู้สึกหมั่นไส้กับอาการที่คล้ายจะเป็นไบโพลาร์ของเขา“ฉันสั่งมาสองชุดนี่ งั้นไปเปลี่ยนอีกชุดสิ น่าจะเรียบร้อยมากกว่านี้”คนหน้ามึนบอกไออุ่นด้วยใบหน้าเรียบเฉย เด็กสาวย่นจมูกใส่คนเอาแต่ใจด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ยอมหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อเปลี่ยนชุดตามคำสั่งของเขาชุดเอี๊ยมกระโปรงสีครีมน่ารักสมวัยเป็นตัวที่ถูกเลือก ก็นับว่าเขาเป็นคนมีสไตล์คนหนึ่งที่เลือกเสื้อผ้าถูกใจเธอรอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าของเด็กสาว เธอเอื้อมไ
“ฮ่า อิ่มจังเลย ขอบคุณนะคะที่ให้ยืมเงินซื้อเสื้อผ้า แถมยังใจดีเลี้ยงชาบูไออีก พี่ป๋าจัง...”ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มทันทีที่กลับถึงคอนโด แล้วหันมายกมือไหว้ขอบคุณคนที่เธอเรียกว่าป๋าอย่างขำ ๆ ริมฝีปากอิ่มฉีกยิ้มกว้างให้เขาด้วยความจริงใจจนตาหยี ในขณะที่คนรับบทป๋าสายเปย์ทำเพียงฉีกยิ้มตอบกลับเธอเพียงแวบเดียวเท่านั้น สักพักก็กลับไปทำหน้านิ่งเหมือนเดิม เมื่อย้อนคิดไปถึงวีรกรรมที่แสนแสบของคนตัวเล็กเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาภาพเด็กสาวที่บอกว่าตัวเองเป็นคนง่าย ๆ แต่ตอนนั้นกำลังงอแงอยากกินชาบูทั้งยังรุงรังกอดแขนเขาไม่ยอมปล่อย แถมยังทำท่าจะร้องไห้อยู่ที่หน้าร้านจนคนผ่านไปผ่านมามองเขาด้วยสายตาตำหนิไม่อาจรู้ได้ว่ามองด้วยสายตาแบบไหน แต่ที่ได้ยินลอย ๆ ผ่านหูมาคือทุกคนเข้าใจว่าเขาคือพี่ชายใจร้ายที่ไม่ยอมตามใจน้องสาวที่อยากกินชาบู และแน่นอนว่าต่อให้ธามไทจะบอกว่าตัวเองหน้าหนาขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วคนที่ไม่ชอบกินชาบูอย่างเขา ก็จำใจยอมให้ไออุ่นควงแขนลากเข้าร้านด้วยรอยยิ้ม ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเบะปากน้ำตาจะเล็ดอยู่เลยเฮอะ เอารางวัลออสการ์ไปเลยเถอะ ถ้าจะเปลี่ยนอารมณ์ไวจนเขาตามไม่ทันแบบนี้“ใจดีหรือจำ
เช้าวันจันทร์ไออุ่นที่อยู่ในชุดนักเรียนค่อย ๆ เปิดประตูเดินออกมาจากห้องนอนแล้วมานั่งลงบนโต๊ะทานข้าว พลางชำเลืองมองไปทางห้องครัวเป็นระยะ ๆ ด้วยความหิว เพราะปกติแล้วเธอจะทานมื้อเช้าเวลาหกโมงครึ่ง แต่วันนี้พ่อครัวของเธอยังปรุงข้าวต้มหมูไม่เสร็จเลย“พี่ไทม์ขา หนูไอหิวข้าวแล้วนะคะ”สรรพนามเรียกขานเขาที่เปลี่ยนไปพร้อม ๆ กับคำแทนตัวเองที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู ทำเอามือที่กำลังคนข้าวต้มในหม้ออ่อนแรงจนแทบทำตะหลิวหลุดมือเพราะตั้งแต่ที่เขาให้ไออุ่นมาอาศัยอยู่ด้วย เธอมักจะเรียกเขาด้วยคำว่าคุณในช่วงแรกไม่ก็เรียกพี่เฉย ๆ มาตลอด แต่มาเช้านี้เธอกลับเรียกเขาว่าพี่ไทม์ด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย ฟังแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้ากับเขาสักเท่าไหร่นักเราไม่ได้เป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาสักหน่อย จะมาเรียกพี่อะไรกันล่ะยัยหนู แต่ห่างกันตั้ง 9 ปีขนาดนี้เรียกเฮียไทม์ยังน่าฟังกว่าตั้งเยอะ“เสร็จแล้ว ๆ เร่งกันขนาดนี้มาทำเองเลยไหมยัยหนูไอ”ถึงตัวจะอยู่ในครัว แต่ธามไทก็ยังตอบโต้ด้วยประโยคที่คนฟังอยากจะบึนปากใส่อย่างงอน ๆทำมาเป็นแขวะเธอ ที่จริงเขานั่นแหละตื่นสายจนทำให้มื้อเช้าของเธอต้องเลื่อนเวลาออกไปรอไม่นานร่างสูงของธามไทจก
“ใครจะมาส่งก็เรื่องของหนูไอ เธอไม่ควรเสือกจ้ะแม่งูพิษ”ธามไทตอกกลับอันดาแทนไออุ่นด้วยความโมโหแทนคนตัวเล็ก ยิ่งเห็นเธอเลือกที่จะเงียบไม่ยอมตอบโต้อดีตเพื่อนรักที่ทำร้ายตัวเองจนใจพังก็ยิ่งสงสารความเงียบสำหรับบางคนอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่สำหรับคนบางแล้วยิ่งเงียบตัวเองยิ่งเจ็บหนัก ส่วนคนที่เป็นฝ่ายกระทำกลับยิ่งได้ใจอันดาเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ผลักเธอจนเซถอยหลัง เด็กสาวชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ แล้วเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับธามไทอย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะรอบข้างเธอเต็มไปด้วยเพื่อนในโรงเรียน อีกทั้งยังมีอาจารย์ที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าโรงเรียน เขาไม่มีทางกล้าทำอะไรเธออย่างแน่นอน และที่สำคัญเธอก็แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เขาคงไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายหน้าตัวเมียที่ทำร้ายเด็กผู้หญิงตัวเล็กหรอกนะ“นี่อย่าบอกนะคะว่า แค่คืนเดียวพี่กับไอก็ตกลงเป็นผัวเมียกันแล้วอะ ถึงได้มารับมาส่งกันหวานเชียว”คำพูดของอันดาเรียกสายตาของเพื่อน ๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาให้หันมามองไออุ่นอีกครั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่ธามไทได้แต่ขบกรามแน่นด้วยความไม่พอใจเด็กเมื่อวานซืนอย่างอันดาเหอะ นิสัยไม่ด
“ไอ ไอช่วยอันดาด้วย! อันดาเป็นลมอยู่ในห้องน้ำ”เสียงของแนนร้องตะโกนขอความช่วยเหลือไออุ่นดังมาแต่ไกล ทำเอาสองเท้าที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าหยุดชะงัก แต่ถึงอย่างนั้นไออุ่นก็ไม่ยอมหันกลับมาตามเสียงเรียกของแนน เพราะเธอกลัวว่าแนนกับอันดาอาจจะมีแผนการร้าย ๆ อีกความเจ็บปวดในวันวานที่เธอได้รับเพราะความไว้ใจ มันทำให้ไออุ่นรู้สึกกลัว...กลัวว่าเธอจะโดนหลอกอีกครั้งแฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก“ไอ...แนนเรียกทำไมไม่หัน อันดาเป็นลมในห้องน้ำนะอยู่ ๆ ก็เลือดกำเดาไหล แล้วก็เป็นลมหมดสติไปเลย”เมื่อสัมผัสได้ว่าไออุ่นเริ่มรู้ทันพวกเธอและดูมีความลังเล แนนก็เติมแต่งเรื่องราวเข้าไปอีกให้ดูน่าเชื่อถือ ซึ่งคำพูดของแนนก็ทำให้ไออุ่นที่มีท่าทีเมินเฉยในครั้งแรกเปลี่ยนเป็นร่างเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินว่าอดีตเพื่อนอาจเป็นอันตรายจึงรีบถามอาการด้วยความเป็นห่วง“อันดาเป็นลมที่ไหน”“ห้องน้ำหลังอาคารเรียนอะ ไปช่วยพยุงออกมาทีแนนคนเดียวไม่ไหว”แนนรีบจูงมือไออุ่นให้วิ่งตามเธอไปที่หลังอาคารเรียนทันที ท่ามกลางความรู้สึกร้อนรนด้วยความเป็นห่วงเพื่อน จนกระทั่งเมื่อวิ่งมาถึงห้องน้ำ ไออุ่นก็รีบเปิดประตูเข้าไปดูอันดา แต่เพียงเธอ
โรงพยาบาล Nธามไทค่อย ๆ ใช้ผ้าพันแผลให้ไออุ่นอย่างเบามือด้วยความรู้สึกเจ็บปวด มือบอบบางที่เขาเคยสัมผัสเต็มไปด้วยรอยแตกช้ำจากการทุบประตูเป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำไมเด็กสาวที่น่ารักและแสนดีแบบไออุ่นถึงต้องพบเจอกับเรื่องที่เลวร้ายขนาดนี้นะเด็กสาวในวัยนี้ควรจะมีแต่เรื่องราวดี ๆ ที่น่าจดจำก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเติบโตตามเส้นทางที่แต่ละคนเลือกเดินสิแต่สำหรับไออุ่นแล้วมันกลับไม่ใช่แบบนั้น สิ่งที่เธอต้องพบเจอมันช่างเลวร้ายเกินกว่าที่เด็กสาวอายุเพียง 18 ปีจะรับไหว“ใครกันนะช่างใจร้ายกับหนูเสียจริง”ลูกพีชมองเด็กสาวที่นอนหลับตาพริ้มด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ เปลือกตาที่ปิดสนิทคู่นั้นบวมช้ำบ่งบอกให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ซึ่งถ้าเป็นเธอที่ต้องตกอยู่ในความมืดที่ไม่รู้ว่าจะมีใครผ่านมาช่วยเมื่อไหร่ เธอเองก็คงมีสภาพไม่แตกต่างกันกับเด็กสาวอย่างแน่นอน“เด็กมัธยมเขาแกล้งกันแรงขนาดนี้เลยเหรอวะ เคยเห็นแต่เด็กผู้ชายที่ถูกเพื่อนแกล้ง เพิ่งเคยเห็นเด็กผู้หญิงที่ถูกแกล้งหนักขนาดนี้ มืดขนาดนั้นคงกลัวจนทำอะไรไม่ถูก”เพลิงกัลป์พูดขึ้นมาด้วยความสงสาร ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มแม้ในยามหลับก็ยังคงหมองเศร้า นี่ถ้าเขา
1 ปีต่อมา“ธัน ไม่ ไป ฮึก ฮือ ฮือ ธัน”มือเล็กที่จับแขนของธันวาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทำให้ไอศูรย์ที่วันนี้ต้องรับบทพี่เลี้ยงหลานสาวถึงกับกุมขมับมือใหญ่เอื้อมไปจับมือของหลานสาว แล้วพยายามดึงมือเล็กออกจากมือของคุณอาตัวน้อยอย่างเบามือ แต่เด็กหญิงอันดาที่นิสัยดื้อรั้นเหมือนผู้เป็นบิดากลับจับมือของอาธันวาไว้ไม่ยอมปล่อย สร้างความหนักใจให้คุณตาไม่น้อย“อันดาจ๋า อาธันต้องไปโรงเรียนแล้วนะลูก ถ้าหนูยังไม่ยอมปล่อยตอนนี้อาธันต้องไปโรงเรียนสายแน่ ๆ เลยค่ะเด็กดี”ไอศูรย์บอกหลานสาวที่ร้องไห้น้ำตาอาบแก้มอย่างน่าสงสาร เมื่อวันนี้ทั้งธามไทและไออุ่นต่างต้องรีบออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ทำให้เด็กหญิงอันดาที่ตื่นมาไม่เจอใครร้องไห้โฮด้วยความตกใจแต่เมื่อได้เห็นหน้าคุณอาธันวา เจ้าอันดาที่กำลังร้องไห้อยู่กลับเงียบเสียงลงในทันที พลางยื่นมือไปหาคุณอาตัวน้อยที่รับหลานสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความเอ็นดู แต่ใครเลยจะรู้ว่าอันดาจะติดธันวาแจจนไม่ยอมให้เขาไปโรงเรียน“อันดาเด็กดีไม่ร้องไห้นะคะ อาธันไปโรงเรียนแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมาเล่นกับหนูอันดาแล้ว”เด็กชายผู้มีสถานะเป็นอาพยายามปลอบใจหลานสาวตัวน้อย ที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอ
ในที่สุดความฝันและวันที่ไออุ่นรอคอยก็เดินทางมาถึง เมื่อเธอสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปลายแล้วพร้อมกับเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน และแน่นอนว่าเด็กเนิร์ดอย่างเธอกับเด็กแสบอย่างเฌอแตมเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ยสูงสุด 4.00 เป็นการทิ้งท้ายช่วงชีวิตในรั้วโรงเรียนมัธยมอย่างสวยงามโดยเฉพาะไออุ่นที่เธอต้องใช้ความพยายามและความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะอายุครรภ์ที่มากขึ้นทำให้เธอมีอาการอ่อนเพลียบ่อยครั้ง แต่ว่าที่คุณแม่ก็ยังคงมาเรียนตามปกติ เพราะอยากมีช่วงเวลาดี ๆ กับเพื่อนในห้องเรียนก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเติบโตในเส้นทางที่ทุกคนเลือกเดิน“ยินดีด้วยนะคะพี่เฌอแตมพี่หนูไอ”“ดีใจด้วยนะคะรุ่นพี่ ขอให้สอบติดคณะในฝันนะคะ”“ดีใจด้วยนะหนูไอที่เรียนจบพร้อมกัน”“เรียนจบแล้วก็ขอให้พี่แตมมีแฟนกับเขาสักทีนะคะ”“อย่าลืมพาเจ้าตัวเล็กกลับมาแนะแนวน้อง ๆ ที่โรงเรียนบ้างนะคะ”เพื่อนต่างห้องและรุ่นน้องในโรงเรียน ต่างพากันนำดอกไม้มามอบให้เฌอแตมกับไออุ่น เพื่อแสดงความยินดีกับสองเพื่อนซี้ในวันอำลาสถาบัน ทำให้สองสาวรู้สึกซาบซึ้งใจบ่อน้ำตาแตกกันไปหลายครั้งทีเดียวไออุ่นที่อ่อนไหวจากฮร์โมนคุณแม่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วเสียน้ำตาไปถึงสามรอบติด เมื่อ
หลังจากวันนั้นธามไทก็จัดการกับทุกคนตามที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ โดยไม่มีใครได้รับการยกเว้นแม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะครอบครัวของก้องเกียรติที่ธามไทใช้อำนาจมืดกดดันหน่วยงานของเขา จนทำให้เขาถูกโยกย้ายไปประจำการที่จังหวัดทางภาคเหนือ สร้างความลำบากให้แก่ครอบครัวของก้องเกียรติไม่น้อยส่วนคุณครูประจำชั้นของธันวา ที่เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ถูกไล่ออกอย่างไม่ปรานี เพราะถือว่าละเลยต่อหน้าที่ดูแลเด็กในชั้นเรียน จนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างบาดแผลทางจิตใจให้แก่ธันวาและคนสุดท้ายที่ธามไทไม่คิดละเว้นเช่นกัน ก็คือผู้อำนวยการโรงเรียนที่ธามไทตัดงบบริจาคจากธราเทพกรุ๊ปออกทั้งหมด ทำให้ผู้อำนวยการถึงกับล้มทั้งยืน เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านเจ้าสัวยังมีชีวิตอยู่ ท่านบริจาคเงินให้การสนับสนุนโรงเรียนของเธอถึงปีละห้าล้านทีเดียวเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้ธันวาที่ป่วยเพราะตากฝนซึมไปหลายวันทีเดียว แต่สุดท้ายความรักและความเอาใจใส่จากคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นธามไทที่คอยดูแลน้องชายตลอดเวลาที่ไม่สบายไออุ่นที่คอยเล่านิทานกล่อมเด็กชายตัวน้อยให้นอนหลับฝันดีทุกคืนไอศูรย์ที่คอยเป็นเพื่อนเล่นให้หลานชาย ในวันที่ธามไทต้องไปทำง
เด็กชายตัวน้อยกำลังร้องไห้จนไหล่บอบบางสะท้านขึ้นลง ทำให้น้ำตาของธามไทค่อย ๆ ไหลออกมารวมกับหยาดน้ำฝน ที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสองมือใหญ่พลันยกขึ้นโอบน้องชายเข้ามาแนบอกด้วยความรักสุดหัวใจ ถึงแม้ว่าธันวากับธามไทจะไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แต่คำว่าสายเลือดเดียวกันทำให้สายใยรักระหว่างพี่น้องนั้น กลับแน่นแฟ้นเกินกว่าที่ธามไทจะยอมให้ใครมาแตะต้องดวงใจของเขาได้“ฮึก ฮือ เฮียไทม์ค้าบ น้องธัน ฮึก ไม่อยากเรียนที่นี่แล้ว ฮือ”ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถทนแบกรับได้อีกต่อไป ทำให้ธันวาตัดสินใจบอกความรู้สึกของตัวเองกับพี่ชายทั้งสะอื้นธามไทมองหน้าผากของน้องชาย ที่มีรอยเขียวช้ำผ่านม่านน้ำตาด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเขาไม่เคยรู้เลยไม่เคยคิดเลยสักนิดว่า รอยยิ้มที่ธันวามอบให้เขาก่อนที่จะเดินเข้ามาในโรงเรียนนั้น ต้องแลกกับการแบกรับความเจ็บปวดมากแค่ไหน เพียงเพื่อให้พี่ชายอย่างเขาสบายใจ ธันวาจึงไม่เคยปริปากบอกเลยว่าตัวเองนั้นต้องเจอกับอะไรบ้างในแต่ละวัน“มีเพื่อนแกล้งน้องธันใช่ไหมครับ ไหนบอกพี่ชายคนนี้สิว่าเพื่อนเขาแกล้งอะไรน้องธันบ้าง”น้ำเสียงที่อ่อนโยนเอ่ยถามน้องชาย ก่อนที่ธันวาจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่ช
คฤหาสน์หลังใหญ่ของไอศูรย์ นอกจากธามไทที่ย้ายจากคอนโดมาอยู่ที่บ้านของพ่อตาแล้ว เขายังพาน้องชายมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ซึ่งไอศูรย์ก็ไม่ขัดข้องและยินดีเป็นอย่างมาก ที่ครอบครัวของเขามีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาถึงสองคนนั่นก็คือสองพี่น้องธามไทและธันวาตัวน้อยที่ช่างพูดช่างเจรจา จนทำให้ไอศูรย์รู้สึกเอ็นดูเด็กชายไม่น้อย เขาจึงมักจะซื้อของเล่นมาฝากเสมอ ทำให้เด็กน้อยมีความสุขมากกับการต้อนรับที่แสนอบอุ่นจากครอบครัวของพี่สะใภ้“กินเยอะ ๆ นะน้องธันจะได้โตไว ๆ”กับข้าวรสมือนมหวานถูกตักวางลงบนจานของเด็กชายธันวา ที่เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้างให้ไอศูรย์ ก่อนที่เด็กชายตัวน้อยจะรีบตักกับข้าวที่คุณอาตักให้ส่งเข้าปากทันทีด้วยความเอร็ดอร่อย“กับข้าวฝีมือของนมหวานอร่อยที่สุดเลยครับ”เมื่อเคี้ยวอาหารจนละเอียดและกลืนเรียบร้อยแล้ว ธันวาก็หันไปยกนิ้วให้นมหวานที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทันที เมื่อได้รับคำชมจากเด็กชายตัวน้อยที่ชื่นชอบอาหารฝีมือของเธอมาก“พี่หนูไอทำตามสัญญาแล้วน้าว่า ถ้าน้องธันมาอยู่กับเฮียไทม์เมื่อไหร่น้องธันก็จะได้กินกับข้าวฝีมือนมหวานทุกวันเลย”ไออุ่นที่นั่งข้างกันหันไปบอกเด็กน้อยถึงคำสัญญาที่เธอเคยเอาไว้ แล้วลงมือต
โรงเรียนมัธยม A“ป๊าฝันไม่ยอมนะ ฝันเจ็บขนาดนี้มันต้องโดนไล่ออก”ทอฝันจับแขนบิดาที่นั่งข้าง ๆ พร้อมกับมองหน้าไออุ่นที่นั่งดูดนมกล่องอย่างไม่สนใจไยดีสองพ่อลูกตรงหน้าส่วนเฌอแตมก็นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ด้วยท่าทีสบาย ๆ โดยไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวบิดาของทอฝันแต่อย่างใด ทำให้ธนพลที่กำลังมองเด็กสาวสองตรงหน้าชักสีหน้าเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ เมื่อทั้งสองคนทำเหมือนกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตน“เมื่อไหร่ผู้ปกครองของเด็กสองคนนี้จะมาถึงครับอาจารย์ นี่ก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ”ธนพลเอ่ยถามอาจารย์ศรีพัชรินหรือหัวหน้าฝ่ายปกครอง เด็กนักเรียนมักจะเรียกเธอว่า ‘อาจารย์แม่’ ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เมื่อต้องมานั่งรอผู้ปกครองของเด็กทั้งสองคนที่เขารู้จักดีว่าเป็นใคร เพราะทุกคนต่างอยู่ในแวดวงนักธุรกิจกันทั้งนั้น“ถ้าคุณลุงรอไม่ไหวจะกลับก่อนก็ได้นะคะ เพราะแตมกับหนูไอก็อยากจะกลับไปเรียนแล้วเหมือนกัน”เฌอแตมที่นั่งเล่นเกมรีบเงยหน้าขึ้นบอกบิดาของทอฝันทันทีด้วยรอยยิ้มอย่างกวน ๆ ก่อนที่อาจารย์ศรีพัชรินจะหันมาถลึงตาใส่เธอให้สำรวมกิริยามารยาทมากกว่านี้ เพราะอย่างไรแล้วคนตรงหน้าก็อายุมากกว่าเธอ ฉะนั้นจึงไม่ควรแสดง
หลังจากแต่งงานไออุ่นก็กลับไปเรียนต่อในเทอมสองตามปกติ แม้ว่าบิดากับสามีจะพากันไม่เห็นด้วย กับการตัดสินใจกลับไปเรียนของเธอก็ตาม เพราะไออุ่นกำลังตั้งครรภ์ทั้งคู่จึงเป็นห่วงกลัวว่า ในระหว่างที่เรียนอาจจะทำให้หญิงสาวรู้สึกเครียดจนส่งผลกระทบกับลูกในท้องแต่ไออุ่นก็ยังยืนยันคำเดิมว่า เธออยากจะเรียนจบชั้นมัธยมพร้อมกับเพื่อน ๆ ในห้องที่ต่างรอคอยการกลับมาของเธอ ส่วนความเครียดที่อาจเกิดขึ้นจากการได้ยินคำพูดติฉินนินทาจากเพื่อนในโรงเรียนนั้น ไออุ่นไม่ได้สนใจหรือให้ค่ากับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่ไออุ่นเด็กน้อยไร้เดียงสาในวันวานอีกแล้ว“วันนี้ตั้งใจเรียนนะคะเด็กดี อย่าลืมกินอาหารที่สามีคนนี้ตั้งใจทำให้คุณแม่กับเจ้าตัวเล็กอย่างสุดฝีมือด้วยนะคะ”ไออุ่นก้มลงมองกล่องข้าวที่อยู่บนตักของเธอ พลันใบหน้าสวยหวานไร้เครื่องสำอางเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ กับความรักและความเอาใจใส่ของสามีที่มีให้อย่างสม่ำเสมอไม่ว่าสามีจะทำงานดึกแค่ไหนหรือเหนื่อยจากงานมากเท่าไหร่ เขาก็มักจะตื่นขึ้นมาทำมื้อเช้าให้เธอกับบิดาและน้องธันทานเสมอ“ไม่ลืมแน่นอนค่ะ คุณพ่อตั้งใจทำให้หนูไอกับเจ้าตัวเล็กขนาดนี้ หนูไ
วันแต่งงานเสียงขบวนแห่ขันหมากที่ดังมาแต่ไกล ทำให้ไออุ่นที่อยู่ในชุดไทยวิ่งไปที่หน้าต่างและชะโงกหน้ามองขบวนแห่ของเจ้าบ่าวด้วยความตื่นเต้นดวงตาใสกระจ่างเลื่อนไปยังบุรุษร่างสูงใหญ่กับใบหน้าคมคร้ามที่โดดเด่นมาแต่ไกล ว่าที่เจ้าสาวหันไปส่งยิ้มที่ดูราวกับบุปผาขยายกลีบรับสายลมฤดูใบไม้ผลิให้เพื่อนสนิทที่รีบวิ่งเข้ามายืนข้าง ๆ เธอด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน“เฮียไทม์ หล่อจังเลย”เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นตาของธามไท เฌอแตมก็เอ่ยชมขึ้นมาด้วยความจริงใจ ทำเอารอยยิ้มของไออุ่นกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เธอจะแสร้งเอ่ยถามเพื่อนถึงผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ ว่าที่เจ้าบ่าว“แล้วคนข้าง ๆ เฮียไทม์ล่ะหล่อไหม”“หูย หล่อขนาดนี้สเปกแตมเลย”เฌอแตมหลุดปากพูดออกไปตามที่ใจคิด แต่พอเพ่งมองดี ๆ ดวงตากลมโตก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ จึงรีบยกมือเล็กขึ้นปิดปากทันควันใบหน้าของสาวน้อยวัยแรกแย้มค่อย ๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอายที่หลุดพูดความรู้สึกในใจออกไปให้เพื่อนได้รับรู้ตึกตัก ตึกตัก ตึกตักหัวใจดวงน้อยพลันเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ เมื่อเธอเผลอสบตากับเจ้าของใบหน้าคมคายอย่างลมหนาว ที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าต่างห้องนอนของไออุ่น
โรงพยาบาล N“ตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม”กฤษฎิ์เอ่ยถามธามไทที่นั่งอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ถึงการตัดสินใจหันหลังให้กับอาชีพหมอ และก้าวเดินต่อไปในฐานะนักธุรกิจ ที่ต้องกุมบังเหียนดูแลทั้งกิจการของธราเทพผู้เป็นบิดาที่ล่วงลับไป กับธุรกิจของว่าที่พ่อตาอย่างไอศูรย์ทางด้านคุณหมอที่คิดมาดีแล้วพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม แววตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นไม่เปลี่ยนใจเขาเรียนรู้การเป็นนักธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก จนเข้าสู่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ๆ เขาก็เบนเข็มทิศจากการเป็นนักธุรกิจตั้งแต่วัยเยาว์ก้าวสู่เส้นทางของหมอซึ่งพ่อเลี้ยงอย่างท่านโฮชิก็ไม่ได้เอ่ยห้ามเลยแม้แต่น้อย แต่ท่านกลับสนับสนุนในสิ่งที่เขาอยากจะเรียนรู้ ด้วยการบอกให้เขามุ่งมั่นตั้งใจเรียนและคว้าเกียรตินิยมมาให้ได้ ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐอเมริกา คุณหมอธามไทสามารถคว้ามาครอบครองได้สมปรารถนา“ครับ ไทม์อยากสานต่อธุรกิจของพ่อเพื่อปูทางเอาไว้ให้น้องธัน วันหนึ่งที่น้องโตขึ้นธุรกิจของพ่อไทม์จะยกให้น้องดูแลทั้งหมดครับ”กฤษฎิ์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจในเหตุผลของคนพี่ว่า ทำไมเขาถึงเลือกที่จะหันหลังให