Share

All about You️อุ่นไอรัก <3>จุดเริ่มต้นของความรัก

สวนสาธารณะ

ธามไทค่อย ๆ ใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผลให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ เมื่อเห็นคนเจ็บชักมือหลบ ก็จับมือบางไว้แล้วเป่าเบา ๆ ลงบนแผล ราวกับกำลังปลอบประโลมคนที่เอาแต่นั่งร้องไห้ตอนนี้ให้หายเจ็บแผล

ตั้งแต่ที่เขาพาเธอมาที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ กับที่เกิดเหตุ เด็กสาวก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้ไม่สนใจโลกจนเขาเหนื่อยแทน

ไม่รู้ว่าที่ร้องไห้นั้นเพราะกำลังเจ็บแผล หรือว่าเสียใจที่โดนเพื่อนรักหักหลัง แต่ดูจากน้ำตาที่ไหลราวกับเขื่อนแตก สงสัยจะเป็นอย่างหลังมากกว่า

ไออุ่นมองผู้ชายที่กำลังทำแผลให้เธอด้วยดวงตาพร่ามัว ดวงตาคู่กลมเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา สักพักหยดน้ำใส ๆ ก็ค่อย ๆ รินไหลกระทบลงบนแขนของธามไท

คุณหมอที่กำลังพันแผลให้คนไข้เฉพาะกิจชะงักไปเล็กน้อย เงยหน้ามองเธอแวบหนึ่งแล้วผละมาทำแผลให้จนเสร็จเรียบร้อย ก่อนลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ เธอบนม้านั่ง

“นี่กะจะร้องไห้ทั้งวันเลยหรือไง ตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้เธอยังไม่หยุดร้องไห้เลยนะสาวน้อย สงสัยคงอยากได้ถ้วยสินะ”

คุณหมอเอ่ยพูดติดตลกทำลายบรรยากาศอึมครึมรอบตัว คนที่กำลังร้องไห้อยู่หยุดคิดตามคำพูดของเขาชั่วครู่ เธอเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตามองหน้าอีกฝ่ายด้วยความงุนงง

ใบหน้าจิ้มลิ้มเอียงไปทางขวาเล็กน้อย ธามไทที่กำลังจ้องหน้าเธออยู่ก็เอียงหน้าตามเธอไปด้วยความสงสัยกับท่าทางแปลก ๆ

สวยแต่แปลกอีกแล้วแม่คุณ

“ถ้วยอะไรเหรอคะ ไออุ่นไม่ได้อยากได้ถ้วยสักหน่อย”

เจ้าของชื่อนั้นน่ารักน่าเอ็นดูมากในความคิดของธามไท เสียงหวานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงค่อนไปทางน้อยใจคนตรงหน้า

คุณหมอมองเด็กตาแป๋วอย่างนึกเอ็นดูจนอดขำกับคำพูดของเด็กสาวที่ดูจะไม่เข้าใจความหมายอยู่ในที

“ถ้วยรางวัลไง นี่ถ้ามีแข่งร้องไห้นะ ฉันว่าเธอคงได้รางวัลชนะเลิศแน่ ทั้งร้องเก่ง ทั้งน้ำตาไหลเก่ง ไม่ทราบว่าที่บ้านทำเครื่องผลิตน้ำตาเหรอ”

ธามไทก็คือธามไทสินะ ผู้ชายปากแซ่บคู่หูดูโอ้หมอเพลิงกัลป์ เจ้าของคำที่พูดออกมาแต่ละคำ ราวกับปล่อยหมาออกมาเดินเพ่นพ่านกัดคู่สนทนาด้วยจนรู้สึกเจ็บแสบไปทั้งใจ

แน่นอนว่าตอนนี้ไออุ่นก็คือผู้โชคดีคนนั้นที่กำลังโดนหมาพันธุ์ดุกัด จนเธอต้องส่งค้อนให้เขาวงใหญ่ด้วยความหมั่นไส้

“ถ้าบ้านไอทำเครื่องผลิตน้ำตา บ้านพี่ก็คงเปิดฟาร์มหมาในปากใช่ไหมคะ พูดออกมาแต่ละคำไอนึกว่ากำลังเห่าอยู่”

คำเรียกแทนตัวเองของไออุ่นทำเอาคนพี่รู้สึกใจเต้นแปลก ๆ แต่แล้วความรู้สึกนั้นก็หายวับไปกับตา เมื่อคำพูดต่อมาของเด็กสาวตรงหน้า ทำเอาเขาต้องแอบแอบกำหมัดแน่นคิ้วกระตุกเป็นพัก ๆ เลยทีเดียว

ที่ผ่านมาคนที่คอยจิกกัด และด่าเขามาตลอดว่าเลี้ยงหมาเอาไว้ในปากมีเพียงคุณลุงกฤษฎิ์คนเดียวเท่านั้น แต่ไออุ่นคือผู้หญิงคนแรกที่กล้าว่าเขาเลี้ยงหมาเอาไว้ในปาก ไม่สิ...เปิดฟาร์มหมาเลยเชียว

หึ ช่างกล้าจริงนะแม่สาวน้อย

“ถ้าจะว่ากันขนาดนี้ ก็มาต่อยกันเลยไหม”

คุณหมอหยอกน้องเล่นทำทีเป็นถกแขนเสื้อขึ้น ไออุ่นรู้สึกแปลกใจครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้กับการกระทำแปลก ๆ ของเขา แต่ครั้งนี้มันเกินไปไหมคุณพี่ชาย เธอไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีผู้ชายที่อายุมากกว่ามาท้าเธอต่อยเลย

มิหนำซ้ำใบหน้าของเขาในตอนนี้ดูจริงจังราวกับว่า กำลังรอให้เธอปล่อยหมัดใส่ก่อนอย่างไรอย่างนั้น...เอาจริงเหรอคะ

“พี่...นี่จริงจังใช่ไหมคะ”

“หน้าฉันดูล้อเล่นหรือไง”

ธามไทตอบกลับคำถามทันควัน ร่างเล็กมองเขาอย่างประเมินแล้วค่อย ๆ ทำเนียนขยับออกห่างจากร่างสูง ที่หน้าตาดูจริงจังมากกับการท้าต่อยกับเธอ

ธามไทมองคนน้องแล้วหลุดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ด้วยรู้สึกขบขันกับท่าทีนั้นของเด็กสาวที่กำลังขยับหนีเขา ราวกับกลัวว่าเขาจะต่อยเธอจริง ๆ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นน่า ฉันเป็นลูกผู้ชายพอ ไม่ท้าผู้หญิงต่อยหรอกน่ะ ยกเว้นว่าผู้หญิงคนนั้นมาท้าต่อยกับฉันก่อน ถึงอย่างนั้นฉันก็พร้อมสนองนี้ดให้”

เมื่อได้ยินแบบนั้นไออุ่นก็แอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างโล่งอก เด็กสาวมองหน้าเขาแล้วเผลอยิ้มตาม ดูเอาเถอะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุดหัวเราะเธอเลย

ทว่าพอได้มีเวลามองหน้าเขาตรง ๆ แบบนี้แล้ว ไออุ่นก็พบว่าผู้ชายที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ เธอนั้นหน้าตาดีมาก เขาหล่อเหมือนไอดอลเกาหลีวงดังที่เธอกำลังคลั่งไคล้อยู่เลยแหละ ไหนจะรอยยิ้มนั้นที่มองแล้วกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ราวกับเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ความรู้สึกหนักอึ้งในใจของเธอค่อย ๆ คลายลง

“นั่นแน่ ยิ้มแล้วใช่ไหม ไอ้เราก็นึกว่าจะนั่งร้องไห้ทั้งวันรอถ้วยรางวัลเสียอีก”

ธามไทแซวอย่างอารมณ์ดี เด็กสาวหัวเราะแล้วค่อย ๆ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่แก้มออก พลางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามเรียกความเข้มแข็งให้กลับคืนมา ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ใจของเธอนั้นพังจนแหลกสลายไปหมดแล้ว แต่ในเวลาที่เธอกำลังจมอยู่ในความเศร้าคนเดียวเช่นนี้ เธอจะอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด

“ฉันขอโทษนะกับเรื่องที่เกิดขึ้น คือ จะว่าไงดี เอาจริง ๆ ฉันก็มีส่วนผิดแหละที่ไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน แต่สาบานเลยว่าฉันไม่รู้มาก่อนว่าเธอโดนเพื่อนหลอกมาทำเรื่องแบบนั้น ถ้าฉันรู้ฉันคงไม่ทำแบบนั้นกับเธอ ขอโทษนะ”

คุณหมอเอ่ยคำขอโทษออกมาด้วยความรู้สึกผิดจากใจ เพราะถ้าเขารู้ว่าเธอโดนเพื่อนหลอกมาโดยไม่เต็มใจ เขาจะไม่ทำแบบนั้นกับเธอเด็ดขาด แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว เขาคงทำได้เพียงแค่ขอโทษเธอ ถึงแม้จะรู้ดีว่าคำขอโทษนั้นไม่สามารถนำความบริสุทธิ์ของเธอกลับคืนมาได้ก็ตาม

“เรื่องนี้ไอคงต้องโทษตัวเองที่รักและไว้ใจเพื่อนจนมากเกินไป ไอไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนไม่เคยรักและจริงใจกับตัวเองสักนิด”

น้ำเสียงเศร้าสร้อยที่เอ่ยออกมาทำเอาคนฟังใจแป้วไม่น้อย ทั้งรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งรู้สึกสงสารเด็กสาวจับใจ

เขาไม่คิดเลยว่าเด็กสมัยนี้แค่ไม่พอใจกันในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จะกล้าทำร้ายและหักหลังเพื่อนได้มากถึงขนาดนี้

“ประสบการณ์ชีวิตน่ะ ก่อนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่ง ทุกคนล้วนต้องมีประสบการณ์ชีวิตกันทั้งนั้น บางคนอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ แต่สำหรับบางคนอาจจะแจ็กพอตเจอเรื่องใหญ่ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้นะเด็กน้อย อย่าได้จมดิ่งอยู่กับมันนักเลย”

ธามไทพูดปลอบใจเด็กสาวที่ยิ้มออกมาน้อย ๆ แม้ว่าคำพูดของเขาฟังดูแล้วคล้ายจะเป็นการสอนเธอใช้ชีวิตมากกว่าคำปลอบใจน่ะนะ

แต่คิด ๆ ไปแล้วถึงแม้ในใจจะยังโกรธเขาอยู่ไม่น้อย แต่เหตุการณ์ทุกอย่างล้วนเกิดจากความโง่เขลาของเธอทั้งนั้น จะให้โทษเขาทั้งหมดคงไม่ได้

“อะนี่ โทรศัพท์ของเธอทำหล่นไว้บนรถฉันน่ะ ที่ถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้านแค่ตั้งใจจะเอาโทรศัพท์ไปคืนนะ สาบานเลยว่าไม่ได้ตั้งใจไปแอบฟัง”

ธามไทยื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของ แล้วอธิบายเหตุผลไปตามตรงว่าทำไมเขาถึงไปอยู่ที่ตรงนั้นได้ เพราะกลัวถูกเข้าใจผิดว่าไปแอบฟังเรื่องชาวบ้านน่ะสิ

“ขอบคุณนะคะ”

ไออุ่นรับโทรศัพท์คืนมาแล้วเอ่ยคำขอบคุณ จากนั้นคนทั้งคู่ก็ไม่พูดอะไรต่ออีก ธามไทหันไปมองภาพเบื้องหน้า ส่วนเธอเหม่อลอยอยู่สักพักราวกับกำลังใช้ความคิด เพราะตอนนี้เธอไม่มีที่ให้ไปแล้ว

หลังจากหนีออกจากบ้านมา เธอก็มาอาศัยอยู่ที่บ้านของอันดาพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งที่เก็บสะสมจากค่าขนมในแต่ละวัน แต่ตอนนี้กระเป๋าของเธอหายไปแล้ว เธอกลายเป็นคนไม่มีเงินติดตัวสักบาท

“บ้านเธออยู่แถวไหนล่ะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”

ธามไทหันไปถามเด็กสาวแล้วขันอาสาไปส่งเธอถึงบ้าน เพราะสภาพของเธอในตอนนี้หากให้ขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านก็สุ่มเสี่ยงเหลือเกิน

“ไอ...ไอไม่มีบ้านให้กลับแล้วค่ะ”

คำตอบของเด็กสาวทำเอาธามไทขมวดคิ้วมุ่น เขางุนงงไปสักพักแต่แล้วความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว เมื่อคิดไปเองว่าไออุ่นอาจเป็นเด็กกำพร้าที่มาอาศัยอยู่กับเพื่อนชั่วคราว พอคิดแบบนั้นแล้วความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก

ทำไมเขาถึงทำลายชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งได้ถึงขนาดนี้นะ เฮ้อ ธามไทนะธามไท

“ไอไม่มีที่ไปแล้วค่ะ ไอทะเลาะกับพ่อก็เลยหนีออกจากบ้านมาขออาศัยอยู่กับเพื่อนชั่วคราว แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่เพื่อนไอแล้ว ไอก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปอยู่ที่ไหนเหมือนกันค่ะ”

คำตอบนั้นทำเอากระจกบนหน้าของธามไทแตกดังเพล้ง บอกเลยว่าหมอไม่รับเย็บ เพราะเผลอไปคิดเองเออเองว่าเธอเป็นเด็กกำพร้าไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน แต่กลับกลายเป็นว่าเธอทะเลาะกับพ่อ จึงมาขออาศัยอยู่บ้านเพื่อนชั่วคราว

เฮ้อ ชีวิตจริงนี่มันยิ่งกว่าละครหลังข่าวอีกนะ อะไรมันจะรันทดขนาดนี้

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่เข้ามาช่วยเหลือกัน ไอรบกวนเวลาพี่มามากพอแล้ว ไอขอตัวก่อนนะคะ”

ไออุ่นบอกคนข้างกายด้วยความเกรงใจ เธอยกมือไหว้ลาคนพี่อีกครั้ง แล้วลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายปลายทาง เพราะยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าตอนนี้เธอจะไปอยู่ที่ไหน แต่ถ้าสุดท้ายแล้วเธอไม่มีที่ให้ไปจริง ๆ ก็คงต้องกลับบ้านไปหาบิดา แล้วตอบตกลงในเรื่องที่เป็นสาเหตุทำให้เธอหนีออกจากบ้านอย่างจำยอม

หมับ

ธามไทใช้เวลาตัดสินใจเพียงแค่เสี้ยววินาที เขาลุกขึ้นเดินมาหาเด็กสาวที่กำลังเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ร่างกำยำออกแรงกระชากแขนเธอนิดเดียวให้หันกลับมาหา

ร่างบอบบางถลาเขาสู่อ้อมกอดของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ถ้าเธอไม่มีที่ให้ไปจริง ๆ มาอยู่กับฉันก่อนก็ได้ ไว้หายโกรธพ่อเมื่อไหร่ค่อยกลับบ้าน”

เขาเอ่ยเสียงเรียบ และพร้อมจะทำตามที่พูดจริง ๆ ส่วนหนึ่งเพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอพบเจอกับประสบการณ์เลวร้าย อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสงสารล้วน ๆ ที่ทำให้ธามไทตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น

แต่ใครเลยจะรู้ว่า คำพูดของเขาจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักที่ลึกซึ้งระหว่างเขาและเธอคนนี้

คนที่สอนให้ธามไทได้รู้จักกับความรู้สึกที่เรียกว่า...ความรัก

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status