บททั้งหมดของ ท่านอ๋องบัดซบ!!! เล่ม 1: บทที่ 21 - บทที่ 27

27

บทที่ 21 ท่านอ๋องเจ้าปัญหา 1

หลังจากนั่ง ๆ นอน ๆ จนพอใจที่เมืองเจียงตงอยู่สามคืน เยี่ยหยางก็ส่งสาสน์ให้ลู่เฉินมีใจความว่า ...ไม่ต้องรอ.. ไม่หนี…เพราะเขาขี้เกียจปั้นหน้าตาปัญญาอ่อนต่อหน้าใคร ๆ ถึงแม้ว่าจะยืดเวลาสวมหน้ากากออกได้นิดหน่อยก็ตาม ยิ่งกว่านั้นขี่ไม้กวาดยังเร็วกว่าสะดวกกว่าตั้งเยอะ ไม่ต้องหลังขดหลังแข็งอยู่บนหลังม้า จากครึ่งวันเหลือเพียงหนึ่งชั่วยามก็ถึงหน้าผายโหลวสายตาดูหมิ่นของคุณชายจูผู้นี้ไม่สามารถสร้างความหวาดหวั่นใด ๆ ให้เยี่ยหยางแม้แต่น้อย อีกฝ่ายมองหน้าเขาอย่างแค้นเคืองอย่างคนทำอะไรไม่ได้ทันทีที่สังเกตเห็นเขาที่ยืนอยู่ไม่ไกลนั่น...มาจ้องตาขวางใส่เขาทำไม?ก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว ดูท่าแล้วจะมีเป้าหมายใหม่ เมื่อจูเฉิงเยว่เดินเข้าไปหาคนผู้หนึ่ง โดยมีเด็กตัวโตดันคนอื่น ๆ ที่ขวางทางนายน้อยของมัน“ยินดีที่ได้พบพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทมู่หรลู่เฉินแห่งซีเว่ย” ประโยคที่ได้ยินเหมือนจะทำความเคารพ แม้ว่าแผ่นหลังจะโน้มลง แต่แข็งกร้าวหยิ่งยโสมากนัก “ข้าน้อย จูเฉิงเยว่ บุตรชายอัครมหาเสนาบดีจูเหวินฟงแห่งราชอาณาจักรเป่ยฉินพ่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 22 ท่านอ๋องเจ้าปัญหา 2

“ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะคัดเลือกผู้ที่จะศึกษาในปีการศึกษานี้ ขอเชิญว่าที่ผู้ศึกษาทุกท่านเข้าประตูจิงเฉินฉือไท่คง” ด้วยพลังเสียงลมปราณ ทำให้ได้ยินกันอย่างทั่วถึง  ประตูจิงเฉินฉือไท่คงเป็นประตูที่มีม่านพลังปราณวิญญาณในตัวเอง มีความรู้สึกนึกคิด สามารถแยกบุคคลที่ความสามารถ คุณธรรม ยุติธรรม ปัญญา และ ความรักอย่างแท้จริง  โดยการเดินผ่านซุ้มประตูแห่งนี้ เข้าไปยังเทียนถูหวู่ที่อยู่แยกในหุบเขาแห่งนี้ โดยผู้ที่เคยผ่านซุ้มประตูมาแล้ว ต่างเล่าประสบการณ์ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย ว่าตนผ่านเข้ามาได้แบบใด อีกทั้งไม่มีใครรู้ว่าประตูบานนี่มีต้นกำเนิดความเป็นมาเป็นอย่างไร  มันเป็นประตูค่ายกลโบราณ ที่แม้แต่ตอนนี้ปรมาจารย์ด้านค่ายกลก็ยังไม่เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง  ภายในค่ายกลสามารถให้ประสบการณ์ทั้งดีและเลวร้าย ฝึกฝนทักษะผู้ที่ผ่านเข้ามา อีกทั้งยังมีสมบัติที่ซ่อนอยู่ แต่น้อยคนที่จะพบ ผู้ใดที่พบมักกลายเป็นอัจฉริยะเพียงชั่วข้ามคืน  แต่ดูเหมือนว่าซุ้มประตูจิงเฉินฉือไท่คงแห่งนี้จะเจอคราวเคราะห์มาเยือน เมื่อเจอตัวบัดซบที่ชอบเก็บค่าแรงพร้อมดอกเบี้ยแพงยิ่งกว่าปล
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 23 ท่านอ๋องเจ้าปัญหา 3

เนื่องจากบริเวณลานใกล้ซุ้มประตูมีขนาดเล็กคล้ายคอขวด จนเป็นภาพที่ดูแล้วน่าขันสิ้นดีจากการสละสิทธิ์แบบไร้ข้อกังหา ทั้ง ๆ ที่จะเดินเข้าไปแบบมีมารยาทมีวัฒนธรรมก็สามารถเข้าไปได้ทุกคนก็ตาม นี่ยังไม่ทันได้ผ่านเข้าประตูเพื่อทดสอบ ก็ถูกเขี่ยออกมาซะงั้นจะไม่เขาขำได้ไงกันเยี่ยหยางมองคนอื่นเบียดเสียดพยายามที่จะเดินเข้าประตูร่วมสองชั่วยาม เขานั่งพิงต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในบริเวณนั้น อาศัยร่มเงาบดบังแดดจ้าในช่วงกลางวันที่ร้อนจัด ไม่สนใจลู่เฉินที่ยังยืนนิ่งเป็นก้อนหินและสือหลงโหยวที่มองเขาด้วยสายตาว่าเขาเป็นตัวปัญหา จนได้รู้จักกับเด็กชายหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มผู้ที่ส่งเสียงหัวเราะในเหตุการณ์เมื่อช่วงสายหนุ่มน้อยวัยย่างสิบหนาวอายุรุ่นเดียวกับคุณชายจูเฉิงเยว่ แต่นิสัยบุคลิกแสดงออกมาแตกต่างราวกับฟ้ากับดินเขาดูเหมือนเด็กชายชาวบ้านธรรมทั่วไป เครื่องแต่งกายเรียบง่ายแต่เนื้อผ้าที่สวมใส่กับเป็นเนื้อผ้าอย่างดีไม่แพ้บุตรชายขุนนางใหญ่อีกทั้งปิ่นหยกเมฆขาวแม้ไร้ลวดลาย แต่ราคาของมันไม่ใช่ชาวบ้านสามัญสามารถใช้ได้ดูแล้วสบายตาเป็นธรรมชาติ ลักษณะภายนอกดูเป็นมิตรน่าคบหาแต่ลึกลงไปในแววตากับแฝงควา
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 24 ท่านอ๋องเจ้าปัญหา 4

ฉงหยิ๋นคลายสมบัติออกมาจากทะเลปราณของมันมากองด้านหน้า มีผืนพรมเก่า ๆ ลวดลายประหลาด กาน้ำชาผลึกอัญมณีจิ๋วที่มองแล้วไม่เหมือนกาน้ำชา ตำราอักษรรูนที่ไม่ควรปรากฏบนใบนี้ ทักษะยุทธที่เขาไม่ใส่ใจ และผลึกที่ผู้ฝึกปราณยุทธต่างเรียกว่าผลึกปราณ ที่พวกเขาต่างต้องการเพื่อช่วยเพิ่มระดับลมปราณอีกกองใหญ่ แน่นอนว่าตอนนี้เขาไม่ค่อยสนมันแล้ว เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเขาอีกแล้ว ตั้งแต่แก่นเวทมนตร์เขาฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ ผลึกพวกนี้เลยกลายเป็นขนมขบเขี้ยวแก้เหงาปากของฉงฉงสักส่วนใหญ่ เยี่ยหยางกวาดสมบัติที่ฉงหยิ๋นเก็บได้ และผลึกหินเซียนหนึ่งในสาม อีกสองส่วนแบ่งให้จอมโจรสลัดสี่ขาอย่างยุติธรรม เพราะสมบัติอย่างอื่นไร้ความหมายสำหรับกิเลน เก็บไว้ก็ทำประโยชน์อะไรให้มันไม่ได้ “แล้วเรื่องค่ายกล?” แม้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญกับดักเวทมนตร์ แต่ค่ายกลที่ใช้ปราณยุทธขับเคลื่อนเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา ให้ฉงหยิ๋นจัดการจะเร็วกว่าเขาลงมือ “แน่นอนว่าระดับข้า ไม่มีค่ายกลไหนตบตาข้าได้ เร็ว! ให้ข้ารีบบอกเจ้า ข้าจะได้รีบไปนอน ในห้วงมิติเย็นสบายกว่าข้า
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 25 ที่เหนื่อยหน่ะ เปิ่นหวางเหนื่อยจริง จริงๆ นะ!!! 1

ว่าทำไมไม่บอกเขาด้วยว่ามีหนอนยักษ์อยู่ด้วย เพราะ…ข้าเกลียดหนอน!!!‘ก็เจ้าไม่ถาม’ เสี่ยวฉงส่งเสียงเอื่อยไม่แยแสดังในหัวเยี่ยหยางในขณะที่สือหลงโหยวชักดาบออกจากฝักออกมาเตรียมตัว ท่าร่างเตรียมพร้อมบุกฝ่าออกไป ทว่าทุกทิศล้วนถูกล้อมด้วยหนอนสีเลือด เยี่ยหยางกลับกุมขมับทันทีที่เห็นท่าทางสู้ตายของสือหลงโหยว “นี่เจ้าจะเอาดาบไปจิ้มมันหรือไง ดาบขนาดเท่าไม้แคะฟันของพวกมัน จะไปทำอะไรมันได้?”“งั้นเจ้าก็จัดการสิ” สือหลงโหยวพูดพร้อมทำการผลักชินอ๋องผู้หลบหลังเขาออกไปเผชิญหน้า“เหวอ!!! ไม่ ๆๆๆ  เจ้าบ้าหรือไงข้าจะจัดการพวกมันได้ยังไง” เยี่ยหยางที่ถูกผลักไม่ทันตั้งตัว คว้าตัวลู่เฉินตามสัญชาตญาณ “ญาติผู้น้องคนเก่งเร็ว ๆ สิ เจ้ารีบหาวิธีอย่าให้มันได้กลิ่นพวกเราไม่งั้นเสร็จกันหมดแน่”ชินอ๋องพล่ามไปก็เขย่าตัวองค์รัชทายาทไป จนเจ้าตัวต้องเอามือทั้งคู่ของพี่ชายออกไปจากตัวแล้วรีบหาวิธีเยี่ยหยางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่แล้วบอกลักษณะของหนอนสีเลือดออกมาอย่างไม่ต้องแสร้งโง่งมอีกต
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 26 ที่เหนื่อยหน่ะ เปิ่นหวางเหนื่อยจริง จริงๆ นะ!!! 2

ภายใต้ฝุ่นทรายที่คละคลุ้งจนไม่เห็นทัศนียภาพ ทำให้เยี่ยหยางไม่กังวลว่าถ้ามีใครสังเกตการณ์การผ่านประตูจิงเฉินฉือไท่จากภายนอกจะเห็นเขาขี่ไม้กวาดร่อนอยู่ อีกอย่างไม้กวาดด้ามนี้ถูกเขาดูแลปรับแต่งเป็นอย่างดีในสิบปีมานี้ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมองตามทันต่อให้ใช้ลมปราณผนึกไว้ที่ดวงตา แต่ถ้ามีผู้ที่มีปราณยุทธร่างกายที่ดวงตาเขาก็โชคร้ายไปหน่อยแล้ว ด้ามหัวไม้กวาดถูกเยี่ยหยางควบคุมให้เชิดหัวสูงขึ้นเพิ่มเพดานความสูง เพื่อรักษาระยะห่างจากหนอนสีเลือดที่ยั้วเยี้ยอยู่บนผืนทราย พวกเขาบินอยู่ผืนฟ้าเพียงครู่เดียวก็ตัดผ่านข้ามพื้นที่ทะเลทรายใช้เวลาไปน้อยกว่าการเดินเท้าและต้องเผชิญปัญหากับดักต่าง ๆ ที่ยุ่งยากไม่น้อย  แต่บนฟ้าก็ไม่ง่ายดายเช่นกัน  ฝูงนกหลายร้อยบินเต็มฟากฟ้า กระพือบินสร้างพายุลมกระชากอย่างรุนแรง เป้าหมายของพวกมันคือจิกผู้ที่ไม่ใช่พวก เยี่ยหยางอาศัยทักษะการบินผาดโผนหมุนควงผ่านฝูงนกไปอย่างหวาดเสียว พอผ่านฝูงนกได้ก็เผชิญกับสายฟ้าผ่า กว่าจะผ่านมาได้ก็ออกแรงไม่น้อย และสองคนด้านหลังเยี่ยหยางเหมือนจะไม่รู้ถึงปัญหานี้  คนหนึ่งนั่งเงียบหลังตรงหลั่งเหงื่อเย็น อีกคน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 27 ที่เหนื่อยหน่ะ เปิ่นหวางเหนื่อยจริง จริงๆ นะ!!! 3

“ข้าเยี่ยหยาง คนนั้นลู่เฉินเป็นลูกพี่ลูกน้องข้า อีกคนคือสือหลงโหยว ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าน้องชาย” เยี่ยหยางทักทายยอมรับน้ำใจเล็กน้อยอย่างเป็นกันเอง เขารู้สึกว่าคุณชายน้อยผู้นี้ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรดูร่าเริงกระฉับกระเฉงดี“นี่พี่ชาย พวกท่านผ่านด่านมาได้อย่างไรบ้าง กว่าข้าจะผ่านด่าน เล่นข้าเอาตัวแทบไม่รอด ที่รอดมานี่หวุดหวิดแบบสุด ๆ” อวี้หย่าอวิ๋นบ่นพวกเขาให้ฟัง เยี่ยหยางแอบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ของข้าน่ะเป็นด่านในป่าสุสานอาถรรพ์ ผีนี่ชุกชุมยั้วเยี้ยเต็มไปหมด วิยงวิญญาณผีดิบศพอาฆาตมีมาครบ ดีที่ท่านพ่อของข้าให้ของวิเศษติดตัวมา ทำให้พวกผีทำอะไรข้าไม่ได้ มีทางเดียวที่ข้าสามารถผ่านฝ่าออกมาได้แค่วิ่งใส่ตีนสุนัขลูกเดียวมาตลอดทาง” อวี้หย่าอวิ๋นสาธยายการผ่านด่านประเมินของตัวเองให้ทุกคนได้ฟังพวกเขาทั้งหมดเดินออกจากประตูจิงเฉินฉือไท่คงมาพร้อมกัน เดินไปพูดคุยกันไปอย่างสนุกสนานจูเฉิงเยว่เพิ่งผ่านด่านของตนโผล่พ้นมาจากซุ้มประตูจิงเฉินฉือไท่คง มีสภาพราวผ่านสงครามมาอย่างหนักหน่วง เสื้อไหมชั้นดีขาดวิ่นเป็นริ้ว ทั้งตัวเ
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
123
DMCA.com Protection Status