Semua Bab ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง: Bab 21 - Bab 30

100 Bab

บทที่ 21  

สี่ปี่ก่อนตอนที่พบกับจวินจิ๋วอิ่นครั้งแรก เป็นตอนที่ไป๋ซวงอ่อนแอที่สุด การไล่ล่าของทั้งฝ่ายธรรมและอธรรม ทำให้นางต้องใช้พลังวิญญาณไปเกือบทั้งหมด นอกจากนี้ อาวุธลับที่ซัดใส่นางพวกนั้น ล้วนอาบยาสวาทฤทธิ์รุนแรงไว้ นางไม่ระวังถูกอาวุธลับเข้า จากนั้นยาสวาทก็เริ่มออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว ไป๋ซวงไม่ต้องการตกอยู่ในเงื้อมมือของวิญญูชนจอมปลอมพวกนั้น ไม่อยากกลายเป็นเครื่องมือให้พวกเขาใช้ระบายอารมณ์และนำไปโอ้อวด ดังนั้น จึงกระโดดหน้าผาเพื่อปลิดชีวิตตัวเอง ที่โชคดีก็คือ ระหว่างที่อยู่กลางอากาศ นางถูกกิ่งไม้ขวางไว้ครู่หนึ่ง และในตอนที่ตกลงมานั้น ก็เกือบกระแทกใส่จวินจิ๋วอิ่น เพื่อช่วยชีวิตตนเอง จวินจิ๋วอิ่นจึงรับนางไว้ และด้วยเหตุนั้น อาการบาดเจ็บภายในของจวินจิ๋วอิ่นจึงร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม เพียงแต่ จวินจิ๋วอิ่นไม่รู้ว่า คนที่เขาช่วยไว้ คือนางที่วิญญาณทะลุมิติมา ตอนที่ไป๋ซวง เจ้าของร่างเดิมตกลงมาแล้วถูกกิ่งไม้ขวางไว้ นางก็ตายอย่างอนาถไปแล้ว ส่วนตัวนางที่ถูกยาสวาททรมานจนสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว ยังจะมีทางเลือกใดอีก เมื่อย้อนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน คนทั้งสองก็นึกถึงเร
Baca selengkapnya

บทที่ 22  

“เจ้ารู้หรือไม่ว่า นางมารนั่นฆ่าคนของตระกูลไป๋ของเราไปเท่าใด? ในเมื่อนางไม่ตาย ข้าผู้เป็นประมุขตระกูล ก็จะแก้แค้นแทนลูกหลานตระกูลไป๋ที่ตายไปเอง ไป๋หงหย่วน ข้าจะต้องทำให้ไป๋ซวงมีชีวิตอยู่ในสภาพเลวร้ายยิ่งกว่าพวกเจ้าเป็นหมื่นเท่า ” ภาพเหตุการณ์ที่ไป๋ซวงใช้เลือดล้างตระกูลไป๋ ปรากฏขึ้นในสมองของชายชุดครามอีกครั้ง เขาเป็นไป๋เส้าเจี๋ย ผู้เดียวที่รอดจากเหตุการณ์ฆ่าล้างตระกูลในครั้งนั้น  เพราะท่านพ่อได้ผลักเขาเข้าไปในห้องลับด้วยความแตกตื่น แม้เขาจะไม่ได้เห็นไป๋ซวงฆ่าคนด้วยตาตนเอง ทว่าเขาได้เห็นสภาพที่เลวร้ายที่สุดหลังตระกูลไป๋ถูกฆ่าล้างตระกูล แขนและขาที่ตัดขาด ซากศพที่ไม่สมบูรณ์เกลื่อนไปทั่วลาน โลหิตแทบจะนองรวมกันเป็นสายน้ำ ที่แช่ทั้งเรือนไว้ ไป๋เส้าเจี๋ยก้าวเข้าหาไป๋หงหย่วนอย่างช้า ๆ มองเลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาไม่หยุด จากจุดที่กระดูกสะบักถูกแทงจนทะลุ ในไม่ช้า ก็ทำให้พื้นใต้ร่างของเขาเปียกโชกไปหมด เขาจ้องไปที่ไป๋หงหย่วนอย่างอำมหิต ใช้นิ้วบีบคางของเขาไว้อย่างรุนแรง “ไม่เพียงแค่ไป๋ซวง ยังมีไป๋เฉินกับเจ้า ข้าจะจับพวกเจ้าแต่ละคนไปตอกตะปูไว้หน้าหลุมศพของบรรพบุรุษสกุลไป๋ ให้พวกเจ้าไ
Baca selengkapnya

บทที่ 23  

ผู้ที่มาแจ้งข่าวคือหลิ่วกงกง ขันทีที่อยู่ข้างกายจวินฉง เมื่อได้จวินจิ๋วอิ่นได้ยินเช่นนั้น ก็รีบลากไป๋ซวงขึ้นรถม้าที่ใช้เข้าวังทันที ระหว่างทาง ฟังหลิ่วกงกงเล่าว่า ซวี่เป่าผลักบุตรชายที่เกิดจากพระชายาขององค์ชายใหญ่ ลงมาจากภูเขาจำลองในอุทยาน เพิ่งเดินเข้าไปในอุทยานหลวง ไป๋ซวงก็ได้ยินเสียงร้องดังด้วยความเจ็บปวดอย่างมากดังเป็นระยะ มีทั้งของเด็กและของสตรี “เสด็จแม่ เจ็บจังเลยพ่ะย่ะค่ะ เซวียนเอ๋อร์ใกล้จะตายแล้วใช่หรือไม่!” “เสวียนเอ๋อร์เป็นเด็กดีนะลูก หมอหลวงกำลังตรวจอาการให้เจ้า อีกประเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว” ผู้เป็นเด็กน้อยร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง ส่วนฝ่ายสตรีก็ร้องไห้อย่างอดกลั้นและปวดใจ ไป๋ซวงอดเร่งฝีเท้าไม่ได้ หมอหลวงผู้นั้นเพิ่งวางมือลงข้างเท้าของเด็กชายเบาๆ ยังไม่ทันได้ทำสิ่งใด เด็กชายผู้นั้นก็ร้องไห้อย่างน่าสงสารยิ่งกว่าเดิมแล้ว “เจ็บ เสด็จแม่ข้าเจ็บ” “องค์ชายน้อยเซวียน มือของข้ายังไม่ได้สัมผัสถูกบาดแผลของท่านเลย ท่านโปรดอดทนสักหน่อยเถิด” “ไม่เอา เจ้าหมอไม่ได้ความ ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว!” จวินอวิ๋นเซวียนด้านหนึ่งร้องไห้ อีกด้านก็ชี้มือด่าทอหมอหลวง ราวกับนั่นยังไม่เ
Baca selengkapnya

บทที่ 24  

นางคุกเข่าลงต่อหน้าจวินฉง หลั่งน้ำตาลงมาเป็นสาย “เสด็จพ่อ พระองค์ก็ทรงได้ยินแล้วว่า เป็นซวี่เป่าจงใจผลักเซวียนเอ๋อร์ลงมาจากภูเขาจำลอง เขาต้องการฆ่าเซวียนเอ๋อร์ ขอเสด็จพ่อทรงตัดสินด้วยเพคะ” จวินฉงก็คิดไม่ถึงว่า จะเป็นซวี่เป่าที่ผลักคนลงมาจากภูเขาจำลองจริงๆ ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ก็จินตนาการไม่ออกว่า ซวี่เป่าที่สดใส ไร้เดียงสา น่ารัก และเปี่ยมไปด้วยมีชีวิตชีวา จะทำเรื่องที่เกินขอบเขตไปมากเช่นนี้ พระชายารุ่ยเห็นจวินฉงเกิดความลังเลขึ้นมา ก็รีบร้องทุกข์ต่อทันที “เสด็จพ่อ ซวี่เป่าเพิ่งอายุยังน้อยก็จิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้แล้ว จะต้องเป็นเพราะเมื่อก่อนไม่ได้รับการอบรมที่ดีแน่ ในเมื่อบัดนี้ ซวี่เป่าเข้าวังมาแล้ว ก็ขอเสด็จพ่อโปรดเพิ่มการอบรมสั่งสอน เพื่อป้องกันไม่ให้ในอนาคต เขาเดินทางผิดจนไม่อาจแก้ไขด้วยเถิดเพคะ” เมื่อพระชายารุ่ยกล่าวจบ จวินฉงยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงของไป๋ซวงดังมาอย่างเย็นชา “พระชายารุ่ยทรงดูแลบุตรของท่านก็พอแล้ว ส่วนอนาคตของซวี่เป่าจะเป็นอย่างไร เรื่องนั้นก็ไม่ขอรบกวนให้พระชายารุ่ยมากังวลแล้ว” เมื่อไป๋ซวงกล่าวจบ ข้ารับใช้ในวังก็เปิดทางให้นางทันที เมื่อซวี
Baca selengkapnya

บทที่ 25  

เมื่อพระชายารุ่ยได้ยิน ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที นางหมอบกราบลงกับพื้น เอ่ยปากอย่างน้อยใจว่า “เสด็จพ่อโปรดทรงพิจารณา ลูกจะกล้าวิจารณ์พระชายาขององค์ชายเก้ากับองค์ชายน้อยลับหลังได้อย่างไรเพคะ นี่เป็นเพียงการทะเลาะกันระหว่างเด็ก ๆ เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับสะใภ้แม้แต่น้อยเลย” “ในเมื่อเป็นเพียงการทะเลาะกันของเด็ก ๆ เช่นนั้นก็ให้แล้วกันไปเถอะ” จวินฉงขมวดคิ้ว พูดด้วยเสียงทุ้มหนัก แม้ว่าพระชายารุ่ยจะไม่พอใจเพียงใด ทว่า ก็ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีก นางมองออกแล้ว ว่าเสด็จพ่อกับสนมเอกจี ไม่มีทางลงโทษเจ้าเด็กนอกคอกนั่นแน่ หากนางยังเอาความต่อไป เกรงว่าเรื่องนี้คงจะลามมาถึงตัวนางและรุ่ยอ๋องด้วย จวินฉงกล่าวจบ ก็หันสายตามามองซวี่เป่า “ซวี่เป่า วันหลังห้ามทะเลาะวิวาทและผลักคนในที่สูงอีก การกระทำเช่นนั้นอันตรายมาก อาจทำให้ตกลงมาได้” พูดจบ จวินฉงยังชี้ไปที่จวินอวิ๋นเซวียน ที่เวลานี้กำลังเหงื่อออกเต็มศีรษะเพราะความเจ็บจากการต่อกระดูกของหมอหลวง ซวี่เป่าที่อยู่ในอ้อมกอดของมารดา พยักหน้าอย่างจริงจัง “ท่านปู่ท่านวางใจได้ ความสูงแค่นี้ทำอะไรซวี่เป่าไม่ได้หรอก ที่ซวี่เป่าผลักพี่อวิ๋นเซวียน ก็เพราะคิดว่า
Baca selengkapnya

บทที่ 26

นางรู้ว่าซวี่เป่าไม่เพียงฝึกปรือจนมีรากวิญญาณสองสายคือน้ำกับดินแต่ไม่คาดคิดถึงวรยุทธ์ของเขาหลังออกจากภูเขาหลิงอิ่นเพียงไม่กี่วันซวี่เป่ากลับพัฒนาถึงขั้นรากวิญญาณที่สามด้วยตัวเองแม้รากวิญญาณธาตุไฟจะยังอ่อนกำลังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับซวี่เป่า“ฮ่า ๆๆ...”จวินฉงนอกจากหัวเราะ ดูเหมือนจะไม่ได้เอ่ยคำพูดภาคภูมิใจใด ๆเขาอุ้มซวี่เป่าและหอมอีกหลายฟอด จากนั้นก็เดินจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดเขาลืมไปเสียสนิทว่า ยังมีหลานชายอีกหนึ่งคนที่เพิ่งได้รับการต่อกระดูกพระชายารุ่ยถึงกับทรุดตัวนั่งลงกับพื้น นานกว่าจะเรียกสติกลับคืนมา เพราะเหตุใด!จวินจิ๋วอิ่นเป็นอัจฉริยะฝืนลิขิตฟ้า เหตุใดบุตรชายของเขาก็เป็นเช่นเดียวกันอายุเพียงสามขวบเท่านั้น แต่กลับมีรากวิญญาณสามสาย!เช่นนั้นบุตรชายของนาง สามีของนาง ยังจะมีโอกาสอยู่อีกหรือไม่?พระชายารุ่ยกำหมัดที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อไว้แน่น! จะไม่มีทางปล่อยให้คนสารเลวผู้นั้นมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!ไป๋ซวงจะไม่สังเกตเห็นเพลิงริษยาในดวงตาของพระชายารุ่ยได้อย่างไร!หากนางเห็นเด็กคนอื่นที่แววตาเปล่งประกายเช่นนี้ เกรงว่าคงต้องรู้สึกอิจฉาเป็นแน่ แต่นอก
Baca selengkapnya

บทที่ 27

“ท่านทำอะไร?”ไป๋ซวงดึงซวี่เป่าเข้ามาใกล้ตัวนาง เพื่อเขยิบออกห่างจากจวินจิ๋วอิ่นด้วยความรู้สึกคัดค้าน “ฮูหยิน เก้าอี้ตัวนั้นแข็งมาก ซวี่เป่าเห็นใจข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้ความกตัญญูของซวี่เป่านั้นสูญเปล่า”ไป๋ซวงยังคิดจะเอ่ยต่อ แต่ได้ยินคำวิงวอนอันอ่อนโยนของซวี่เป่า“ท่านแม่ ซวี่เป่ายังไม่เคยนอนกับท่านพ่อท่านแม่ใช่หรือไม่? ซวี่เป่าอยากสัมผัสความรู้สึกนั้นสักครั้ง ลูกขอร้องท่านแม่ด้วย”เมื่อได้ยินเช่นนั้นในใจของไป๋ซวงพลันรู้สึกขมขื่นขึ้นมาทันใดนางเข้าใจว่าซวี่เป่าอยู่กับนางที่ภูเขาหลิงอิ่นมาเป็นเวลานาน ไม่มีบิดาอยู่เคียงข้างก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้เช่นกันทว่าหลังจากที่ซวี่เป่าได้พบกับจวินจิ๋วอิ่น นางจึงเริ่มสงสัยในการตัดสินใจก่อนหน้าของตนเองซวี่เป่าติดจวินจิ๋วอิ่นอย่างมาก!เมื่ออยู่กับจวินจิ๋วอิ่นแล้วเขามีความสุขอย่างที่สุดความสุขแบบนั้นแตกต่างจากความสุขเมื่อเขาอยู่กับนาง แม้นางจะไม่รู้ว่าความแตกต่างอยู่ที่ใด แต่ไป๋ซวงก็สัมผัสได้บางทีซวี่เป่าอาจไม่ได้ต้องการเพียงแค่นาง“รีบนอนเถอะ!”ไป๋ซวงไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อ แต่ค่อย ๆ ดึงผ้ามาห่มให้กับซวี่เป่า ส่วนชายผ้าห่มที่เหลืออ
Baca selengkapnya

บทที่ 28

สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือริมฝีปากของนางเผลอไปจูบตรงลำคอของจวินจิ๋วอิ่นนางรู้สึกได้ชัดเจนว่าร่างกายของบุรุษแข็งเกร็งชั่วขณะจากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นในทันที พลิกตัวและกดนางลง“นี่ฮูหยินทำอะไร?”“แล้วท่าน...ท่านทำอะไร?”ไป๋ซวงไม่เคยรู้สึกอับอายเช่นนี้มาก่อน?นางไม่กล้าสบตากับจวินจิ๋วอิ่น และหันไปมองหาตัวของซวี่เป่าที่อยู่ข้างเตียง“ซวี่เป่า... ซวี่เป่าเล่า เหตุใดเขาจึงไม่อยู่บนเตียง?”“ซวี่เป่าตื่นแต่เช้าแล้ว และบอกว่าจะไปคารวะท่านปู่ท่านย่า”จวินจิ๋วอิ่นนัยน์ตาแฝงรอยยิ้ม ทว่าสายตากลับมองไปที่ริมฝีปากแดงสดอย่างห้ามใจไม่ได้“เจ้าเด็กดื้อคนนี้ ตื่นแล้วเหตุใดจึงไม่เรียกข้า?”ไป๋ซวงนัยน์ตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง นางคงเข้าใจผิดว่าจวินจิ๋วอิ่นเป็นซวี่เป่าดังนั้นจึงนอนกอดจวินจิ๋วอิ่น!“ท่านหลีกไป ข้าจะไปดูซวี่เป่า ไม่รู้ว่าร่างกายเขาดีขึ้นหรือไม่?”ไป๋ซวงคิดจะผลักแขนของจวินจิ๋วอิ่นออกไปด้วยความรู้สึกอึดอัด ทว่าแขนของจวินจิ๋วอิ่นกลับแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้าไป๋ซวงผลักถึงสองครั้งก็ยังไม่ไหวติง“ฮูหยินจะร้อนใจไปไย? เมื่อครู่ยังสวมกอดสามีอยู่มิใช่หรือ?”“สวมกอดอะไรกัน นั่นไม่ได้ตั้ง
Baca selengkapnya

บทที่ 29

ไป๋ซวงบอกกับตนเองว่า นางจะหลงกลคำพูดหวานซึ้งของบุรุษไม่ได้นางเดินทางข้ามเวลามาหลายครั้ง เห็นการหักหลังทรยศของบุรุษมามากมายตอนที่เขารักเจ้า จะพูดจาหวานซึ้ง ดูอบอุ่นและใส่ใจทันทีเมื่อเขาเบื่อเจ้า เขากลับไม่แยแสดูดำดูดีพอหันหลังกลับ เขาจะเข้าไปอยู่ในสถานที่งดงามอบอุ่นแห่งใหม่ ดูแลห่วงใยคนรักใหม่ และให้ความรักใคร่โปรดปรานในยุคสมัยที่มีชายาสามสนมสี่เช่นนี้ น้อยนักที่จะมีเพียงสองคนไปตลอดชีวิตส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนหลายใจที่เห็นแต่รอยยิ้มของคนรักใหม่และไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของคนรักเก่าไป๋ซวงไม่ได้ผลักมือของ จวินจิ๋วอิ่นออกไป เพียงแค่จ้องมองเขาอย่างเรียบนิ่ง“ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”“เจ้าเป็นใคร มันสำคัญเช่นนั้นหรือ? ข้าชอบเจ้า ต่อให้เจ้าเป็นขอทานข้างถนน ข้าก็ยังจะปฏิบัติกับเจ้าราวกับสมบัติล้ำค่า หากข้าไม่ชอบเจ้า แม้เจ้าจะเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ข้าก็จะไม่ชายตาแล คนที่ข้าชอบก็คือเจ้า”จวินจิ๋วอิ่นมองไป๋ซวงด้วยความจริงใจ ในดวงตาไม่เห็นการปกปิดหรือหลอกลวงใด ๆแววตาที่อ่อนโยนของเขาจ้องมองนางไม่กระพริบหัวใจของไป๋ซวงเต้นแรงขึ้นทันทีเจ้าเล่ห์เพทุบายจริง ๆ !แม้นางจะรู้ดีว่
Baca selengkapnya

บทที่ 30

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ลงมือทำสิ่งใดหลังจากได้ยินเรื่องนี้ไป๋ซวงใช้เวลานานกว่าจะสงบสติอารมณ์ลงได้นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าพ่อกับน้องชายยังมีชีวิตอยู่ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนาอีกด้วยนางไม่สามารถรอได้แม้แต่วินาทีเดียว!เมื่อคิดได้เช่นนั้น ไป๋ซวงจึงรีบจัดแจงแต่งกายให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอกทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก หัวเล็ก ๆ ของซวี่เป่าก็โผล่เข้ามา“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านตื่นแล้วหรือ?”ซวี่เป่าพูดพร้อมทั้งหัวเราะร่า จากนั้นใช้เท้าเตะประตูให้เปิดออก และเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือ“ท่านแม่ ซวี่เป่าตั้งใจทำอาหารมื้อเช้าให้ท่านโดยเฉพาะ”หลังจากซวี่เป่าเข้ามาในเมืองหลวง แม้จะปลีกเวลามาทำอาหารให้มารดาได้ทานแต่หากเทียบกับตอนอยู่ที่ภูเขาหลิงอิ่นแล้วถือว่าน้อยครั้งกว่ามากดังนั้น เขาจึงยังรู้สึกผิดในใจอยู่บ้างมื้อเช้าในวันนี้เขาตั้งใจไปที่ห้องครัวตั้งแต่เช้าเขาทำอาหารไว้เต็มโต๊ะ เพื่อต้องการแสดงความกตัญญูต่อท่านปู่ท่านย่า รวมถึงยังได้ดูแลท่านแม่ของเขาด้วยช่างมีความสุขเสียจริง“ซวี่เป่าเก่งมากจริง ๆ”จวินจิ๋วอิ่นก้าวมาข้างหน้า และจูงมือไป๋ซวงมานั่
Baca selengkapnya
Sebelumnya
123456
...
10
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status