Share

บทที่ 28

Author: ซูเหยียน
สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือริมฝีปากของนางเผลอไปจูบตรงลำคอของจวินจิ๋วอิ่น

นางรู้สึกได้ชัดเจนว่าร่างกายของบุรุษแข็งเกร็งชั่วขณะ

จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นในทันที พลิกตัวและกดนางลง

“นี่ฮูหยินทำอะไร?”

“แล้วท่าน...ท่านทำอะไร?”

ไป๋ซวงไม่เคยรู้สึกอับอายเช่นนี้มาก่อน?

นางไม่กล้าสบตากับจวินจิ๋วอิ่น และหันไปมองหาตัวของซวี่เป่าที่อยู่ข้างเตียง

“ซวี่เป่า... ซวี่เป่าเล่า เหตุใดเขาจึงไม่อยู่บนเตียง?”

“ซวี่เป่าตื่นแต่เช้าแล้ว และบอกว่าจะไปคารวะท่านปู่ท่านย่า”

จวินจิ๋วอิ่นนัยน์ตาแฝงรอยยิ้ม ทว่าสายตากลับมองไปที่ริมฝีปากแดงสดอย่างห้ามใจไม่ได้

“เจ้าเด็กดื้อคนนี้ ตื่นแล้วเหตุใดจึงไม่เรียกข้า?”

ไป๋ซวงนัยน์ตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง นางคงเข้าใจผิดว่าจวินจิ๋วอิ่นเป็นซวี่เป่า

ดังนั้นจึงนอนกอดจวินจิ๋วอิ่น!

“ท่านหลีกไป ข้าจะไปดูซวี่เป่า ไม่รู้ว่าร่างกายเขาดีขึ้นหรือไม่?”

ไป๋ซวงคิดจะผลักแขนของจวินจิ๋วอิ่นออกไปด้วยความรู้สึกอึดอัด ทว่าแขนของจวินจิ๋วอิ่นกลับแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า

ไป๋ซวงผลักถึงสองครั้งก็ยังไม่ไหวติง

“ฮูหยินจะร้อนใจไปไย? เมื่อครู่ยังสวมกอดสามีอยู่มิใช่หรือ?”

“สวมกอดอะไรกัน นั่นไม่ได้ตั้ง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Patcharaporn Pookan
ยิ่งอ่าน ยิ่สนุก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 29

    ไป๋ซวงบอกกับตนเองว่า นางจะหลงกลคำพูดหวานซึ้งของบุรุษไม่ได้นางเดินทางข้ามเวลามาหลายครั้ง เห็นการหักหลังทรยศของบุรุษมามากมายตอนที่เขารักเจ้า จะพูดจาหวานซึ้ง ดูอบอุ่นและใส่ใจทันทีเมื่อเขาเบื่อเจ้า เขากลับไม่แยแสดูดำดูดีพอหันหลังกลับ เขาจะเข้าไปอยู่ในสถานที่งดงามอบอุ่นแห่งใหม่ ดูแลห่วงใยคนรักใหม่ และให้ความรักใคร่โปรดปรานในยุคสมัยที่มีชายาสามสนมสี่เช่นนี้ น้อยนักที่จะมีเพียงสองคนไปตลอดชีวิตส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนหลายใจที่เห็นแต่รอยยิ้มของคนรักใหม่และไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของคนรักเก่าไป๋ซวงไม่ได้ผลักมือของ จวินจิ๋วอิ่นออกไป เพียงแค่จ้องมองเขาอย่างเรียบนิ่ง“ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”“เจ้าเป็นใคร มันสำคัญเช่นนั้นหรือ? ข้าชอบเจ้า ต่อให้เจ้าเป็นขอทานข้างถนน ข้าก็ยังจะปฏิบัติกับเจ้าราวกับสมบัติล้ำค่า หากข้าไม่ชอบเจ้า แม้เจ้าจะเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ข้าก็จะไม่ชายตาแล คนที่ข้าชอบก็คือเจ้า”จวินจิ๋วอิ่นมองไป๋ซวงด้วยความจริงใจ ในดวงตาไม่เห็นการปกปิดหรือหลอกลวงใด ๆแววตาที่อ่อนโยนของเขาจ้องมองนางไม่กระพริบหัวใจของไป๋ซวงเต้นแรงขึ้นทันทีเจ้าเล่ห์เพทุบายจริง ๆ !แม้นางจะรู้ดีว่

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 30

    ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ลงมือทำสิ่งใดหลังจากได้ยินเรื่องนี้ไป๋ซวงใช้เวลานานกว่าจะสงบสติอารมณ์ลงได้นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าพ่อกับน้องชายยังมีชีวิตอยู่ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนาอีกด้วยนางไม่สามารถรอได้แม้แต่วินาทีเดียว!เมื่อคิดได้เช่นนั้น ไป๋ซวงจึงรีบจัดแจงแต่งกายให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอกทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก หัวเล็ก ๆ ของซวี่เป่าก็โผล่เข้ามา“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านตื่นแล้วหรือ?”ซวี่เป่าพูดพร้อมทั้งหัวเราะร่า จากนั้นใช้เท้าเตะประตูให้เปิดออก และเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือ“ท่านแม่ ซวี่เป่าตั้งใจทำอาหารมื้อเช้าให้ท่านโดยเฉพาะ”หลังจากซวี่เป่าเข้ามาในเมืองหลวง แม้จะปลีกเวลามาทำอาหารให้มารดาได้ทานแต่หากเทียบกับตอนอยู่ที่ภูเขาหลิงอิ่นแล้วถือว่าน้อยครั้งกว่ามากดังนั้น เขาจึงยังรู้สึกผิดในใจอยู่บ้างมื้อเช้าในวันนี้เขาตั้งใจไปที่ห้องครัวตั้งแต่เช้าเขาทำอาหารไว้เต็มโต๊ะ เพื่อต้องการแสดงความกตัญญูต่อท่านปู่ท่านย่า รวมถึงยังได้ดูแลท่านแม่ของเขาด้วยช่างมีความสุขเสียจริง“ซวี่เป่าเก่งมากจริง ๆ”จวินจิ๋วอิ่นก้าวมาข้างหน้า และจูงมือไป๋ซวงมานั่

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 31

    เขาคุกเข่าลงกับพื้นดังตุบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและโทษตนเอง”ทูลท่านอ๋อง คนหายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ข้าน้อยทำงานผิดพลาด ขอท่านอ๋องโปรดลงโทษ?”“หายไป?”เมื่อจวินจิ๋วอิ่นได้ยิน ก็พยายามอดกลั้นความไม่พอใจที่แฝงอยู่ในดวงตาเอาไว้กลิ่นอายแห่งโทสะและความอัดอั้นทั้งหมด หมุนวนอยู่ทั่วร่างในฉับพลันเขาโบกแขนเสื้อเบา ๆ พลังวิญญาณสายหนึ่งได้พุ่งทะยานออกมา เสียงดังตึง!เหลิ่งเย่ถูกโจมตีอย่างแรง ร่างของเขาถูกโจมตีกระเด็นถอยหลังออกไปหลายจั้ง กระอักเลือดสด ๆ ออกมา “ขนาดสวะยังหายไปได้ ข้าว่าเจ้าควรกลับไปฝึกใหม่ที่หออู๋เซิงเสียหน่อยแล้ว”หออู๋เซิงเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับฝึกองครักษ์ลับและองครักษ์ประจำตัวโดยเฉพาะโดยจวินจิ๋วอิ่นเป็นคนสร้างมันขึ้นมากับมือ การฝึกฝนภายในนั้น คนทั่วไปยากที่จะรับไหวด้วยเหตุนี้ องครักษ์ลับ และองครักษ์ประจำตัวที่ออกมาจากหออู๋เซิงล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งและสำหรับองครักษ์ลับที่ออกมาจากหออู๋เซิงแล้วนั้น การกลับไปที่หออู่เซิงอีกครั้ง เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย “ขอท่านอ๋องโปรดอภัย เหลิ่งเย่จะทำความดีชดใช้ความผิด นำตัวคนผู้นั้นกลับมาให้ได้พ่ะย่ะค่ะ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 32

    ซวี่เป่าหันหน้าไปมองมารดาที่กำลังตกอยู่ในภวังค์เขากำกับให้ท่านพ่อเข้าไปใกล้กับท่านแม่ จากนั้นก็ปีนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของมารดา“ท่านแม่ มีเรื่องอันใดไม่สบายใจงั้นหรือขอรับ?”ไป๋ซวงดึงสติกลับมา พลางลูบมวยผมของซวี่เป่าอย่างอ่อนโยน“ไม่มีอะไร แม่กำลังคิดเรื่องบางอย่างอยู่น่ะ”“จริงหรือขอรับ?”ซวี่เป่ามองท่านแม่ของตนอย่างไม่สบายใจ พลางยื่นฝ่ามือเล็ก ๆ ที่อวบอ้วน ไปสัมผัสที่แก้มของมารดาอย่างแผ่วเบาไป๋ซวงยิ้มพลางจูบไปที่ฝ่ามือของเขา ยิ้มและพยักหน้าคราวนี้ซวี่เป่า วางใจแล้วจริง ๆ เขายิ้มพลางวางมือไปที่หัวไหล่ของไป๋ซวง มองดวงตาที่อ่อนโยนของมารดา เกือบจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมาไป๋ซวงเห็นดังนั้น ก็อดที่จะยิ้มพลางหยอกเย้าไม่ได้ “ซวี่เป่ามีเรื่องอันใดอยากบอกแม่หรือไม่?”ซวี่เป่าแอบถูมือทั้งสองข้าง แก้มย้อย ๆ ดูท่าทางระมัดระวัง“ท่านแม้สัญญากับซวี่เป่าก่อนได้หรือไม่ ว่าฟังซวี่เป่าพูดจบแล้ว ท่านแม่จะไม่โกรธ?”“ได้”ไป๋ซวงยิ้มพลางพยักหน้า เมื่อซวี่เป่าได้ยิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที“เช่นนั้นก็ดีขอรับ”ทันใดนั้น เขาก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วถึงเป

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 33

    ในคืนที่ประมุขตระกูลไป๋รู้เรื่องของไป๋ซวง ก็ได้พาคนออกไปตามทางลับเรียบร้อยแล้วเพราะว่าหวาดกลัวสถานะของไป๋ซวงในตอนนี้ หากพวกเขาคิดจะล้างแค้น ต้องมีการเตรียมการอีกมากมายอีกทั้งไป๋หงหย่วนกับไป๋เฉินก็เป็นโล่ป้องกันและไพ่ตายที่สำคัญที่สุดของไป๋เส้าเจี๋ยโชคดีที่ ตระกูลไป๋ผ่านพ้นเหตุการณ์นองเลือดเมื่อเจ็ดปีก่อนมาแล้วถึงแม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่และทรงพลังเหมือนเมื่อก่อน แต่ว่าถึงอย่างไรก็ยังมีรากฐานที่สำคัญอยู่เหลิ่งเย่ได้ควบคุมหอลิขิตฟ้า ซึ่งเป็นหน่วยข้อมูลลับที่ทรงพลังที่สุดในแคว้นเทียนจีเอาไว้ในมือทั้งหมดที่จริงเรื่องการตรวจสอบไป๋เส้าเจี๋ยนั้น เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากเรื่องหนึ่ง“ท่านอ๋อง ตอนนี้ไป๋เส้าเจี๋ยพาไป๋หงหย่วนไปบ้านตระกูลสาขาที่เมืองจินหยวนในเขตซ่งกวนพ่ะย่ะค่ะ”“ตอนนี้พ่อตาของข้าเป็นเช่นไรบ้าง?”เขาดูออกว่าไป๋ซวงใส่ใจบิดาผู้นี้มากผู้ที่ไป่ซวงใส่ใจ ย่อมเป็นคนที่เขาใส่ใจเช่นกัน “พลังวิญญาณถูกทำให้ใช้งานไม่ได้ รากวิญญาณถูกขุด เข่าทั้งสองข้างถูกทำลายพ่ะย่ะค่ะ”เหลิ่งเย่พูดออกมาอย่างหนักใจ เมื่อจวินจิ๋วอิ่นได้ยินก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่างเขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ กลิ่นอายสังหาร

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 34

    “พี่หงหย่วน รีบกินโจ๊กหน่อยเถิด ข้าใส่ยาเผยหยวนลงไปในโจ๊กด้วย ถึงมันจะช่วยชีวิตท่านไม่ได้ แต่ก็จะทำให้ท่านรู้สึกสบายมากขึ้น”ไป๋หงหย่วนมองดูโจ๊กตรงหน้าด้วยความยากลำบาก ไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะกล่าวคำขอบคุณ ทำได้แค่เพียงแสดงออกทางสายตาเท่านั้นไป๋เฉิงจื้อโบกมือไปมา พลางมองดูเขาด้วยนัยน์ตาที่เปี่ยมไปด้วยความจนใจ“เฉิงจื้อไร้ความสามารถ สามารถช่วยเหลือพี่หงหย่วนได้เพียงแค่นี้เท่านั้น”ถึงแม้ไป๋ซวงจะฆ่าล้างตระกูลไป๋แต่ไป๋เฉิงจื้อกลับไม่รู้สึกว่าเป็นความผิดของไป๋ซวงเลยรากวิญญาณคือชีวิตของผู้ที่ฝึกฝน หากมีคนกล้าขุดรากวิญญาณของเขา เขาก็จะสู้สุดชีวิตเช่นกันอีกทั้งในตอนแรก ประมุขตระกูลไป๋ได้ใช้ชีวิตของครอบครัวพี่หงหย่วนมาข่มขู่ เพื่อให้ไป๋ซวงขุดรากวิญญาณของตนเองวิธีการเช่นนี้ ช่างหยามกันยิ่งนักนอกจากนี้ ตอนที่เขายังเยาว์วัย เขากับไป๋หงหย่วนก็เคยร่ำเรียนมาด้วยกันจึงมีไมตรีต่อกันอยู่บ้างทว่าน่าเสียดายที่เขาเป็นตระกูลสาขาของตระกูลไป๋ เป็นเพียงแค่ผู้น้อย เสียงจึงไร้น้ำหนักเดิมทีก็ไม่สามารถทำอันใดเพื่อนไป๋หงหย่วนได้อยู่แล้วตอนนี้ประมุขตระกูลไป๋พาไป๋หงหย่วนมาพักที่จวนของเขาเป็นการชั่ว

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 35

    เมื่อไป๋เฉิงจื้อได้ยิน สีหน้าก็ตกตะลึงในทันทีเขามองไป๋เส้าเจี๋ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ สายตาเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง”ท่านประมุข นี่มัน…”หากควักโจ๊กออกมา จะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกงั้นหรือ?”ทำไม? ไม่กล้า?”ไป๋เส้าเจี๋ยส่งเสียงในลำคอ โบกมือแล้วหยิบกระบี่ยาวขึ้นมาเขาค่อย ๆ วาดกระบี่จากลำคอของไป๋หงหย่วน แล้วเคลื่อนลงไปอย่างช้าๆ“โจ๊กที่กินเมื่อวาน ตอนนี้ควรไปอยู่ที่ใดกัน?”ท้ายที่สุด กระบี่ของเขาก็ชี้ไปที่หน้าท้องของไป๋หงหย่วน“น่าจะเป็นที่นี่สินะ!”ขณะพูด เขาก็ยื่นมือโบกพลังวิญญาณสายหนึ่งออกมาไป๋เฉิงจื้อที่ไม่ได้ถูกควบคุมไว้ ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่เบื้องหน้าของเขาเขานำด้ามกระบี่ที่อยู่ในมือส่งให้กับไป๋เฉิงจื้อ“ควักโจ๊กของเขาออกมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง”พูดจบ เขาก็ยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางไปยืนอยู่ด้านข้างมองดูแขนของไป๋เฉิงจื้อที่กำลังสั่นเทาไปทั่วทั้งแขน ด้วยดวงตาที่แฝงไปด้วยเจตนาร้ายไม่ง่ายนักที่ไป๋หงหย่วนจะรู้สึกสบายสักครึ่งคืน ตอนนี้มองเห็นไป๋เฉิงจื้อ นัยน์ตาก็แฝงไปด้วยรอยยิ้มแห่งความหลุดพ้นเพื่อไป๋เฉิน เขาอยู่มานานเกินไปแล้วสำหรับเขาแล้ว ความตายคือการหลุดพ้นอย่าง

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 36

    ร่างไร้วิญญาณที่แขนขากระจัดกระจายอยู่ทั่วเรือน ล้วนเกิดจากเส้นไหมวิญญาณโลหิต “เหตุใดข้าจะไม่กล้ากลับมาเล่า?”นางส่ายนิ้ว ก้าวไปข้างหน้าช้า ๆ พร้อมเส้นไหมวิญญาณโลหิตที่บางราวกับเส้นผม ดวงตาเฉียบคมวาววับสะท้อนแสง“พวกเจ้ากลัวว่านางมารเช่นข้าคนนี้จะกลับมาหรือ? อะไรกัน? เป็นหัวหน้าตระกูลไป๋มาหลายปี ลืมไปแล้วหรือว่าครั้งนั้น นางมารเช่นข้ากวาดล้างตระกูลไป๋อย่างไร?”เมื่อไป๋เส้าเจี๋ยได้ยิน ดวงตาสีแดงก่ำก็เต็มไปด้วยความโกรธภาพในปีนั้น ก็คล้ายเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้การเสียชีวิตอันน่าสลดใจของบิดามารดา เลือดของทุกคนในตระกูลไป๋ที่ไหลรินราวกับแม่น้ำเขาหายใจเข้าลึก ๆ ไม่อาจระงับความโกรธอันท่วมท้นได้อีกต่อไป“ความแค้นที่ฆ่าล้างตระกูลไป๋ ชีวิตนี้ข้าไม่กล้าลืม! ข้าจะใช้เลือดของเจ้า สักการะดวงวิญญาณของทุกคนที่ตายไปแน่นอน!”“หึๆ......”ไป๋ซวงแค่นหัวเราะอย่างอดไม่ได้ สายตามองดูเขาอย่างเหยียดหยาม“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว บุกเข้าไป!” ขณะที่พูด ไป๋ซวงก็ค่อย ๆ โบกสะบัดเส้นไหมวิญญาณโลหิต“ชายารักไปดูการต่อสู้เถอะ เรื่องฆ่าคนเช่นนี้ ปล่อยให้ข้าจัดการเอง” จวินจิ๋วอินก้าวไปข้างหน้า ไม่อยากให้ไป

Latest chapter

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 100

    ไป๋ซวงยิ้มหวาน แต่สำหรับนักพรตชราแล้ว กลับเหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษนักพรตชราเห็นแล้ว ขนลุกซู่ไปทั่วทั้งแผ่นหลัง“มีคนชวนท่านอ๋องของข้าออกไปล่าสัตว์เป็นเรื่องโกหก วางยาพิษท่านอ๋องกลางทางต่างหากคือเรื่องจริง!”ไป๋ซวงพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันหายไปแทนที่ด้วยแววตาที่ดุดันและเย็นเยียบโจวหลิงซางและโจวหวันฉี่ที่ยืนตกตะลึงอยู่ข้าง ๆ รวมถึงฮองเฮาเจียงเถียนและจวินหงคังตอนนี้ทุกคนต่างหน้าซีดเผือด!โจวหลิงซางกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า ฝืนทำท่าทางสงบพลางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว“พระชายาองค์ชายเก้า นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“หรือว่าข้ายังพูดไม่ชัดเจนพอ?”ไป๋ซวงลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้โจวหลิงซาง“ท่านอ๋อง สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยังคงจมดิ่งอยู่ในคำว่า ‘ท่านอ๋องของข้า’ จนถอนตัวจากความหวานนั้นไม่ได้เมื่อได้ยินดังนั้น ก็พลันยิ้มพลางเดินเข้าไปใกล้ไป๋ซวง“ฮูหยินพูดถูกที่สุด”“เหลวไหล จวินจิ๋วอิ่น พวกเราก็แค่แข่งขันล่าสัตว์เท่านั้น เหตุใดข้าถึงต้องวางยาพิษท่านด้วย? ข้าเป็นถึงองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้ ไม่ใช่คนที่ใครจะใส่ร้ายป้ายสีได้ง่าย ๆ ”

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 99

    เวลานี้ สวีเหว่ยถือกระบี่แสงพุทธ ฟาดฟันกระบี่ไปที่ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีที่เพิ่งจะหักโค่นลงเบา ๆ ภายในชั่วพริบตา ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีต้นนั้น ก็ถูกตัดจนถึงโคนต้นสวีเหว่ยรู้สึกราวกับได้สมบัติล้ำค่า หันไปทางไป๋ซวงแล้วโขกศีรษะคำนับอย่างแรงสามครั้ง“ขอบพระทัยพระชายาองค์ชายเก้า ข้าน้อยจะตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มที่ ไม่ทำให้พระชายาผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ซวงพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับทำสีหน้าราวกับจะบอกว่า ‘เจ้าเชื่อฟังดีมาก’นักพรตชราชุดขาวมองไป๋ซวงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เมื่อครู่เจ้าทำอะไรลงไป?”แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเชื่อว่า สวีเหว่ยไอ้ขยะไร้ค่านั่น จะสามารถครอบครองกระบี่แสงพุทธของเขาได้“เจ้าก็เดาออกอยู่แล้วมิใช่หรือ?”ไป๋ซวงยิ้มแต่ไม่ตอบ พลางเหลือบมองไปที่เส้นเลือดบริเวณจุดชีพจรของเขาทันใดนั้น นักพรตชราชุดขาวก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยท่าทางสิ้นหวังใช่แล้ว หากต้องการให้กระบี่แสงพุทธที่เลือกนายแล้ว เชื่อฟังคำสั่งของผู้อื่นเช่นนั้น มีเพียงทางเดียวคือต้องเปลี่ยนนายของกระบี่แสงพุทธ ลวดลายกระบี่อันงดงามเมื่อครู่นั้น แท้จริงแล้วแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณที่แข็งแกร

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 98

    ทุกคนสำลักจนต้องโบกมือไปมา ใช้แขนเสื้อปิดปากและจมูกทว่ามนุษย์ยักษ์นั้น ก็ไม่ได้ปล่อยนักพรตชราไปเพราะเหตุนี้นักพรตชราเห็นดังนั้นจึงรีบเก็บพลังวิญญาณของตนกลับคืน อาศัยช่วงที่ควันฝุ่นฟุ้งกระจาย หายตัวไปแล้วปรากฏตัวต่อหน้าไป๋ซวงคมกระบี่อันแหลมคม จ่อตรงไปที่คอของไป๋ซวง“อย่าขยับ มิฉะนั้นข้าจะฆ่านางเดี๋ยวนี้!”จวินจิ๋วอิ่นเห็นดังนั้น ก็รีบเก็บพลังวิญญาณของตนเองในทันที“เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?”สายตาอันคมกริบของจวินจิ๋วอิ่น จ้องมองไปที่นักพรตชราผู้นั้นอย่างเต็มไปด้วยคำเตือนนักพรตชราหัวเราะอย่างลำพองใจ สายตามองสำรวจไป๋ซวงไม่หยุด“เจ้าคือศิษย์ของตาเฒ่าเฮยฉีนั่น?”“ตาเฒ่าเฮยฉีอะไรกัน ข้าไม่รู้จัก!”ไป๋ซวงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เป็นไปไม่ได้ ของในร้านฟู่หลิงซวนนั้น รวมถึงสมุนไพรในร้านเจินเฉ่าเก๋อ หากมิใช่ของตาเฒ่าเฮยฉี แล้วเด็กน้อยอย่างเจ้าจะไปหามาจากไหนได้?”สีหน้าของนักพรตชราชุดขาวเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แถมยังรู้สึกโกรธขึ้นมาเพราะคำพูดของไป๋ซวงไป๋ซวงยกยิ้มมุมปาก ไม่แม้แต่จะมองนักพรตชราชุดขาว“ของของข้า เหตุใดต้องบอกเจ้าด้วย?”“มีอย่างที่ไหนกั

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 97

    ไป๋ซวงรู้สึกได้ถึงจิตสังหารจากนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นทว่านางเพิ่งคิดจะลงมือ ก็เห็นจวินจิ๋วอิ่นยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้วสะบัดแขนเสื้อกว้างเบา ๆ พลังวิญญาณสายหนึ่งก็พุ่งออกไปเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับว่าอากาศสั่นสะเทือนไปหลายครั้งสีหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาคมกริบราวกับมีดมองไปยังนักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นยืนอยู่กลางอากาศ มือทั้งสองข้างไขว้หลังชุดคลุมยาวตัวใหญ่ พลิ้วไสวอยู่กลางอากาศ และในขณะนี้ ทหารองครักษ์ก็กรูกันเข้ามา ล้อมรอบนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นอย่างช้า ๆ “บังอาจนักเจ้ามือสังหาร ยังไม่ยอมจำนนอีก!”สวีเหว่ย หัวหน้าทหารองครักษ์ถือกระบี่วิเศษ ปลายกระบี่ชี้ตรงไปที่นักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวหัวเราะลั่น มองสวีเหว่ยด้วยสายตาเหยียดหยามยิ่งไปกว่านั้น สายตายังมองกวาดมองทุกคนอย่างไม่เกรงกลัวราวกับกำลังกวาดมองฝูงมดปลวก“แค่ระดับจอมปราชญ์ยุทธ์ ก็กล้ามาอวดดีต่อหน้าข้า!”พูดจบ ก็ปล่อยแรงกดดันลงมาสวีเหว่ยขมวดคิ้วแน่น คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบปากยังถูกบังคับให้กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำจากนั้น แรงกดดันยังไม่จบสิ้นแรงกดดันที่ต่อเนื่อง

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 96

    น่าเสียดายที่โจวหลิงซางกลับเชิญจวินจิ๋วอิ่นไปเข้าร่วมการล่าสัตว์ด้วยกันอย่างกระตือรือร้นท่ามกลางเสียงเรียกของผู้คน ทั้งสองคนไม่เพียงแต่รับคำท้า แต่ยังตั้งรางวัลอีกด้วยผู้ชนะสามารถสั่งให้ผู้แพ้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่างดังนั้น สงครามระหว่างบุรุษสองคนจึงเริ่มขึ้นเมื่อจุดธูปขึ้น ทั้งสองคนก็ควบม้าออกไปอย่างบ้าคลั่งการแข่งขันครั้งนี้ ใครล่าได้จำนวนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะเมื่อธูปเผาไหม้จนหมด ทั้งสองคนก็ควบม้ากลับมาพร้อมกันเหยื่อที่อยู่บนหลังม้าของทั้งสอง ดูเหมือนจะพอ ๆ กันเมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมา ทันใดนั้นก็มีองครักษ์เข้ามาตรวจนับจำนวนเหยื่อที่ล่าได้ภายในเวลาธูปหนึ่งดอก โจวหลิงซางล่าสัตว์ได้สี่สิบสองตัวส่วนบนหลังม้าของจวินจิ๋วอิ่น มีสัตว์อยู่สี่สิบสามตัวยังดีที่ต่างกันแค่ตัวเดียว!โจวหลิงซางครุ่นคิดในใจ เมื่อครู่ เขาแอบมองจวินจิ๋วอิ่นจากระยะไกลความสามารถในการขี่ม้าและยิงธนูของเขานั้น ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เนื่องจากผู้คนในดินแดนฮุ่นตุ้นล้วนเป็นผู้ฝึกตน เพื่อสัมผัสกับความสนุกสนานในการล่าสัตว์ของคนธรรมดา จึงได้มีการจัดงานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงขึ้นและกฎข้อแรกของงานล่าสัตว์ฤดูใบ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 95

    หลายวันมานี้ นางพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าใกล้ไป๋ซวงแต่ก็จนปัญญา ไป๋ซวงไม่เคยให้โอกาสนางเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อยหากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะสืบหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังไป๋ซวงได้อย่างไรโจวหลิงซางมองผิวน้ำอันเงียบสงบด้วยแววตาเย็นเยียบใช้นิ้วชี้ หมุนแหวนหยกขาวที่อยู่บนนิ้วหัวแม่มือเบา ๆ “หวันฉี่ เสด็จพ่อรอไม่ไหวแล้ว งานล่าสัตว์ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเรา”“แต่เสด็จพี่ ท่านก็เห็นแล้วนี่ว่าพวกเขาไม่ให้โอกาสข้าเข้าใกล้เลย”โจวหวันฉี่จะไม่ร้อนใจได้อย่างไรจดหมายของเสด็จพ่อ นางก็เห็นแล้วเช่นกันถ้อยคำที่รุนแรงนั้น แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของเสด็จพ่อแล้วหากพวกเขายังไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่เสด็จพ่อได้ เกรงว่าเสด็จพ่อจะต้องเปลี่ยนคนมาแทนและฐานะของพวกเขาพี่น้องสองคนก็จะสั่นคลอนแล้ว“ดังนั้น พี่จึงให้ฮ่องเต้จัดงานล่าสัตว์นี้ขึ้นมา ที่นี่เป็นสถานที่ที่สามารถเข้าใกล้ไป๋ซวงได้ง่ายที่สุด”โจวหลิงซางกล่าวจบก็ส่งสายตาที่มั่นใจให้กับโจวหวันฉี่จากนั้น ก็เดินตรงไปยังกระโจมของจวินหงคังเวลานี้ แม้ว่าจวินหงคังจะยังไม่สามารถเดินได้ แต่บาดแผลอื่น ๆ ตามร่างกาย ก็ได้รับการรักษาจนเกือบหายด

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 94

    งานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ เนื่องจากมีองค์หญิงและองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้เข้าร่วมด้วย พื้นที่จึงใหญ่กว่าครั้งก่อน ๆ เล็กน้อยขุนนางทุกคนสามารถพาคนในครอบครัวเข้าไปด้านในได้สองคนดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว ขุนนางหนึ่งคนจะพาภรรยาและลูกมาด้วยหนึ่งคนและเด็กคนนั้นต้องเป็นคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนเป็นพิเศษจากครอบครัวอย่างแน่นอนเดิมทีจีหรงก็ควรจะมาด้วย แต่นางทุ่มเทใจให้กับซวี่เป่า จึงไม่สนใจการล่าสัตว์แม้แต่น้อยดังนั้น นางจึงอยู่ที่เมืองหลวงเป็นเพื่อนซวี่เป่าขบวนเดินทางมาถึงภูเขาเจี้ยงเหลียง ทุกคนต่างปฏิบัติตามคำแนะนำ ไปพักผ่อนในกระโจมของตนเองไป๋ซวงนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย จิตใจรู้สึกหนักอึ้งใบหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเผยรอยยิ้มเอ็นดู แล้วค่อย ๆ นั่งลงตรงหน้านาง“เป็นอะไรไป?”ไป๋ซวงเงยหน้าขึ้น สายตาแฝงไปด้วยความสงสัย“ทรัพย์สินของท่านเยอะหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะคาดไม่ถึงเลยว่าไป๋ซวงจะถามเช่นนี้เขายิ้มสดใสมากขึ้น แล้วยื่นมือไปกุมมือเล็ก ๆ ของนาง“ก็พอได้ น่าจะมากพอให้ฮูหยินใช้อย่างสบาย ๆ ”ไป๋ซวงปัดมือของเขาออก สายตาหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม“ข

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 93

    จวินจิ๋วอิ่นไม่ได้หยุดฝีเท้า เพียงแต่ตอบกลับอย่างเย็นชา“วันนั้นถ้าไม่มีซวี่เป่าช่วยไว้ เกรงว่าเสด็จพ่อคงไม่ได้เจอหน้าลูกตลอดกาลแล้ว”จวินหงคังต้องการเอาชีวิตของเขา แต่เขาแค่เอาขาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไปเท่านั้นจวินฉงได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกทันทีความรักในครอบครัวราชวงศ์นั้น บางเบาราวกับปีกจักจั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจสูงสุด การห้ำหั่นกันเองในครอบครัว การฆ่าฟันกันเองระหว่างพี่น้องก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเขาก็ผ่านการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเช่นนี้มาแล้วเช่นกันแล้วเขาจะมีสิทธิ์อะไรที่จะเรียกร้องให้ลูก ๆ รักใคร่ปรองดองกันกันเล่า?เขาหวังเพียงแค่ว่า ลูกของตนจะสามารถเอาชีวิตรอดจากเกมการต่อสู้แย่งชิงนี้ไปได้ไม่ว่าอย่างไร ขอแค่มีชีวิตรอดก็พอส่วนเขาก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อตัดความคิดที่ไม่ควรมีของผู้อื่นเสียจวินจิ๋วอิ่นออกมาจากวังหลวง ไม่ได้กลับไปที่จวนอ๋องด้วยซ้ำเขาพาองครักษ์ลับสิบคน มุ่งหน้าไปยังจวนองค์ชายสามโดยตรงเป็นเวลากลางวันแสก ๆ แต่กลับพังประตูเข้าไปองครักษ์ของจวนองค์ชายสาม ยังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็ถูกซัดจนกระเจิง ใบหน้าปูดบวมกันทุกคน

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 92

    มือสังหารถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุสิบคน จับเป็นได้สามคนและหลังจากการสอบสวน พบว่าทั้งสามคนนั้นเป็นคนของท่านอ๋องเก้าด้วยเหตุนี้ เจียงเถียนจึงไปร้องไห้ฟูมฟายกับจวินฉงในคืนนั้นจวินฉงจึงจำต้องเรียกตัวจวินจิ๋วอิ่นเข้าวังในคืนนั้นจวินฉงนำหลักฐานที่ส่งมาจากจวนองค์ชายสาม โยนใส่มือของจวินจิ๋วอิ่น“ว่าอย่างไร?”จวินจิ๋วอิ่นถือหนังสือรับสารภาพที่เปื้อนเลือดเหล่านั้น มุมปากอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา“ไม่มีอะไร!”จากนั้น ก็วางหลักฐานความผิดลงในมือของจวินฉงอีกครั้ง“คนพวกนั้นเป็นคนของเจ้าจริง ๆ หรือ?”จวินฉงไม่สนใจหลักฐานความผิดเหล่านั้น และมองเขาด้วยสายตาล้ำลึก“หากข้าต้องการเอาชีวิตของเขา ตอนนั้นข้าคงไม่ทำแค่หักขาของเขาเท่านั้น”จวินจิ๋วอิ่นไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย นั่งลงหน้าโต๊ะที่อยู่ทางด้านข้างอย่างไม่เกรงกลัว“ก็จริง พ่อก็เดาว่าไม่ใช่ฝีมือของเจ้า”เรื่องนี้ จวินฉงยังคงมั่นใจในตัวเองมากเรื่องที่จวินจิ๋วอิ่นลอบสังหารจวินหงคัง เขารู้มาตั้งนานแล้วแม้กระทั่งในวินาทีที่ข่าวเข้ามาถึงวังหลวง เขาก็เดาได้แล้วว่าเป็นฝีมือของจวินจิ๋วอิ่นเพราะว่าก่อนหน้านี้ คนเหล่านั้นลอบสังหารจ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status