ไป๋ซวงบอกกับตนเองว่า นางจะหลงกลคำพูดหวานซึ้งของบุรุษไม่ได้นางเดินทางข้ามเวลามาหลายครั้ง เห็นการหักหลังทรยศของบุรุษมามากมายตอนที่เขารักเจ้า จะพูดจาหวานซึ้ง ดูอบอุ่นและใส่ใจทันทีเมื่อเขาเบื่อเจ้า เขากลับไม่แยแสดูดำดูดีพอหันหลังกลับ เขาจะเข้าไปอยู่ในสถานที่งดงามอบอุ่นแห่งใหม่ ดูแลห่วงใยคนรักใหม่ และให้ความรักใคร่โปรดปรานในยุคสมัยที่มีชายาสามสนมสี่เช่นนี้ น้อยนักที่จะมีเพียงสองคนไปตลอดชีวิตส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนหลายใจที่เห็นแต่รอยยิ้มของคนรักใหม่และไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของคนรักเก่าไป๋ซวงไม่ได้ผลักมือของ จวินจิ๋วอิ่นออกไป เพียงแค่จ้องมองเขาอย่างเรียบนิ่ง“ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”“เจ้าเป็นใคร มันสำคัญเช่นนั้นหรือ? ข้าชอบเจ้า ต่อให้เจ้าเป็นขอทานข้างถนน ข้าก็ยังจะปฏิบัติกับเจ้าราวกับสมบัติล้ำค่า หากข้าไม่ชอบเจ้า แม้เจ้าจะเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ข้าก็จะไม่ชายตาแล คนที่ข้าชอบก็คือเจ้า”จวินจิ๋วอิ่นมองไป๋ซวงด้วยความจริงใจ ในดวงตาไม่เห็นการปกปิดหรือหลอกลวงใด ๆแววตาที่อ่อนโยนของเขาจ้องมองนางไม่กระพริบหัวใจของไป๋ซวงเต้นแรงขึ้นทันทีเจ้าเล่ห์เพทุบายจริง ๆ !แม้นางจะรู้ดีว่
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ลงมือทำสิ่งใดหลังจากได้ยินเรื่องนี้ไป๋ซวงใช้เวลานานกว่าจะสงบสติอารมณ์ลงได้นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าพ่อกับน้องชายยังมีชีวิตอยู่ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนาอีกด้วยนางไม่สามารถรอได้แม้แต่วินาทีเดียว!เมื่อคิดได้เช่นนั้น ไป๋ซวงจึงรีบจัดแจงแต่งกายให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอกทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก หัวเล็ก ๆ ของซวี่เป่าก็โผล่เข้ามา“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านตื่นแล้วหรือ?”ซวี่เป่าพูดพร้อมทั้งหัวเราะร่า จากนั้นใช้เท้าเตะประตูให้เปิดออก และเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือ“ท่านแม่ ซวี่เป่าตั้งใจทำอาหารมื้อเช้าให้ท่านโดยเฉพาะ”หลังจากซวี่เป่าเข้ามาในเมืองหลวง แม้จะปลีกเวลามาทำอาหารให้มารดาได้ทานแต่หากเทียบกับตอนอยู่ที่ภูเขาหลิงอิ่นแล้วถือว่าน้อยครั้งกว่ามากดังนั้น เขาจึงยังรู้สึกผิดในใจอยู่บ้างมื้อเช้าในวันนี้เขาตั้งใจไปที่ห้องครัวตั้งแต่เช้าเขาทำอาหารไว้เต็มโต๊ะ เพื่อต้องการแสดงความกตัญญูต่อท่านปู่ท่านย่า รวมถึงยังได้ดูแลท่านแม่ของเขาด้วยช่างมีความสุขเสียจริง“ซวี่เป่าเก่งมากจริง ๆ”จวินจิ๋วอิ่นก้าวมาข้างหน้า และจูงมือไป๋ซวงมานั่
เขาคุกเข่าลงกับพื้นดังตุบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและโทษตนเอง”ทูลท่านอ๋อง คนหายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ข้าน้อยทำงานผิดพลาด ขอท่านอ๋องโปรดลงโทษ?”“หายไป?”เมื่อจวินจิ๋วอิ่นได้ยิน ก็พยายามอดกลั้นความไม่พอใจที่แฝงอยู่ในดวงตาเอาไว้กลิ่นอายแห่งโทสะและความอัดอั้นทั้งหมด หมุนวนอยู่ทั่วร่างในฉับพลันเขาโบกแขนเสื้อเบา ๆ พลังวิญญาณสายหนึ่งได้พุ่งทะยานออกมา เสียงดังตึง!เหลิ่งเย่ถูกโจมตีอย่างแรง ร่างของเขาถูกโจมตีกระเด็นถอยหลังออกไปหลายจั้ง กระอักเลือดสด ๆ ออกมา “ขนาดสวะยังหายไปได้ ข้าว่าเจ้าควรกลับไปฝึกใหม่ที่หออู๋เซิงเสียหน่อยแล้ว”หออู๋เซิงเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับฝึกองครักษ์ลับและองครักษ์ประจำตัวโดยเฉพาะโดยจวินจิ๋วอิ่นเป็นคนสร้างมันขึ้นมากับมือ การฝึกฝนภายในนั้น คนทั่วไปยากที่จะรับไหวด้วยเหตุนี้ องครักษ์ลับ และองครักษ์ประจำตัวที่ออกมาจากหออู๋เซิงล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งและสำหรับองครักษ์ลับที่ออกมาจากหออู๋เซิงแล้วนั้น การกลับไปที่หออู่เซิงอีกครั้ง เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย “ขอท่านอ๋องโปรดอภัย เหลิ่งเย่จะทำความดีชดใช้ความผิด นำตัวคนผู้นั้นกลับมาให้ได้พ่ะย่ะค่ะ
ซวี่เป่าหันหน้าไปมองมารดาที่กำลังตกอยู่ในภวังค์เขากำกับให้ท่านพ่อเข้าไปใกล้กับท่านแม่ จากนั้นก็ปีนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของมารดา“ท่านแม่ มีเรื่องอันใดไม่สบายใจงั้นหรือขอรับ?”ไป๋ซวงดึงสติกลับมา พลางลูบมวยผมของซวี่เป่าอย่างอ่อนโยน“ไม่มีอะไร แม่กำลังคิดเรื่องบางอย่างอยู่น่ะ”“จริงหรือขอรับ?”ซวี่เป่ามองท่านแม่ของตนอย่างไม่สบายใจ พลางยื่นฝ่ามือเล็ก ๆ ที่อวบอ้วน ไปสัมผัสที่แก้มของมารดาอย่างแผ่วเบาไป๋ซวงยิ้มพลางจูบไปที่ฝ่ามือของเขา ยิ้มและพยักหน้าคราวนี้ซวี่เป่า วางใจแล้วจริง ๆ เขายิ้มพลางวางมือไปที่หัวไหล่ของไป๋ซวง มองดวงตาที่อ่อนโยนของมารดา เกือบจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมาไป๋ซวงเห็นดังนั้น ก็อดที่จะยิ้มพลางหยอกเย้าไม่ได้ “ซวี่เป่ามีเรื่องอันใดอยากบอกแม่หรือไม่?”ซวี่เป่าแอบถูมือทั้งสองข้าง แก้มย้อย ๆ ดูท่าทางระมัดระวัง“ท่านแม้สัญญากับซวี่เป่าก่อนได้หรือไม่ ว่าฟังซวี่เป่าพูดจบแล้ว ท่านแม่จะไม่โกรธ?”“ได้”ไป๋ซวงยิ้มพลางพยักหน้า เมื่อซวี่เป่าได้ยิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที“เช่นนั้นก็ดีขอรับ”ทันใดนั้น เขาก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วถึงเป
ในคืนที่ประมุขตระกูลไป๋รู้เรื่องของไป๋ซวง ก็ได้พาคนออกไปตามทางลับเรียบร้อยแล้วเพราะว่าหวาดกลัวสถานะของไป๋ซวงในตอนนี้ หากพวกเขาคิดจะล้างแค้น ต้องมีการเตรียมการอีกมากมายอีกทั้งไป๋หงหย่วนกับไป๋เฉินก็เป็นโล่ป้องกันและไพ่ตายที่สำคัญที่สุดของไป๋เส้าเจี๋ยโชคดีที่ ตระกูลไป๋ผ่านพ้นเหตุการณ์นองเลือดเมื่อเจ็ดปีก่อนมาแล้วถึงแม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่และทรงพลังเหมือนเมื่อก่อน แต่ว่าถึงอย่างไรก็ยังมีรากฐานที่สำคัญอยู่เหลิ่งเย่ได้ควบคุมหอลิขิตฟ้า ซึ่งเป็นหน่วยข้อมูลลับที่ทรงพลังที่สุดในแคว้นเทียนจีเอาไว้ในมือทั้งหมดที่จริงเรื่องการตรวจสอบไป๋เส้าเจี๋ยนั้น เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากเรื่องหนึ่ง“ท่านอ๋อง ตอนนี้ไป๋เส้าเจี๋ยพาไป๋หงหย่วนไปบ้านตระกูลสาขาที่เมืองจินหยวนในเขตซ่งกวนพ่ะย่ะค่ะ”“ตอนนี้พ่อตาของข้าเป็นเช่นไรบ้าง?”เขาดูออกว่าไป๋ซวงใส่ใจบิดาผู้นี้มากผู้ที่ไป่ซวงใส่ใจ ย่อมเป็นคนที่เขาใส่ใจเช่นกัน “พลังวิญญาณถูกทำให้ใช้งานไม่ได้ รากวิญญาณถูกขุด เข่าทั้งสองข้างถูกทำลายพ่ะย่ะค่ะ”เหลิ่งเย่พูดออกมาอย่างหนักใจ เมื่อจวินจิ๋วอิ่นได้ยินก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่างเขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ กลิ่นอายสังหาร
“พี่หงหย่วน รีบกินโจ๊กหน่อยเถิด ข้าใส่ยาเผยหยวนลงไปในโจ๊กด้วย ถึงมันจะช่วยชีวิตท่านไม่ได้ แต่ก็จะทำให้ท่านรู้สึกสบายมากขึ้น”ไป๋หงหย่วนมองดูโจ๊กตรงหน้าด้วยความยากลำบาก ไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะกล่าวคำขอบคุณ ทำได้แค่เพียงแสดงออกทางสายตาเท่านั้นไป๋เฉิงจื้อโบกมือไปมา พลางมองดูเขาด้วยนัยน์ตาที่เปี่ยมไปด้วยความจนใจ“เฉิงจื้อไร้ความสามารถ สามารถช่วยเหลือพี่หงหย่วนได้เพียงแค่นี้เท่านั้น”ถึงแม้ไป๋ซวงจะฆ่าล้างตระกูลไป๋แต่ไป๋เฉิงจื้อกลับไม่รู้สึกว่าเป็นความผิดของไป๋ซวงเลยรากวิญญาณคือชีวิตของผู้ที่ฝึกฝน หากมีคนกล้าขุดรากวิญญาณของเขา เขาก็จะสู้สุดชีวิตเช่นกันอีกทั้งในตอนแรก ประมุขตระกูลไป๋ได้ใช้ชีวิตของครอบครัวพี่หงหย่วนมาข่มขู่ เพื่อให้ไป๋ซวงขุดรากวิญญาณของตนเองวิธีการเช่นนี้ ช่างหยามกันยิ่งนักนอกจากนี้ ตอนที่เขายังเยาว์วัย เขากับไป๋หงหย่วนก็เคยร่ำเรียนมาด้วยกันจึงมีไมตรีต่อกันอยู่บ้างทว่าน่าเสียดายที่เขาเป็นตระกูลสาขาของตระกูลไป๋ เป็นเพียงแค่ผู้น้อย เสียงจึงไร้น้ำหนักเดิมทีก็ไม่สามารถทำอันใดเพื่อนไป๋หงหย่วนได้อยู่แล้วตอนนี้ประมุขตระกูลไป๋พาไป๋หงหย่วนมาพักที่จวนของเขาเป็นการชั่ว
เมื่อไป๋เฉิงจื้อได้ยิน สีหน้าก็ตกตะลึงในทันทีเขามองไป๋เส้าเจี๋ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ สายตาเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง”ท่านประมุข นี่มัน…”หากควักโจ๊กออกมา จะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกงั้นหรือ?”ทำไม? ไม่กล้า?”ไป๋เส้าเจี๋ยส่งเสียงในลำคอ โบกมือแล้วหยิบกระบี่ยาวขึ้นมาเขาค่อย ๆ วาดกระบี่จากลำคอของไป๋หงหย่วน แล้วเคลื่อนลงไปอย่างช้าๆ“โจ๊กที่กินเมื่อวาน ตอนนี้ควรไปอยู่ที่ใดกัน?”ท้ายที่สุด กระบี่ของเขาก็ชี้ไปที่หน้าท้องของไป๋หงหย่วน“น่าจะเป็นที่นี่สินะ!”ขณะพูด เขาก็ยื่นมือโบกพลังวิญญาณสายหนึ่งออกมาไป๋เฉิงจื้อที่ไม่ได้ถูกควบคุมไว้ ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่เบื้องหน้าของเขาเขานำด้ามกระบี่ที่อยู่ในมือส่งให้กับไป๋เฉิงจื้อ“ควักโจ๊กของเขาออกมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง”พูดจบ เขาก็ยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางไปยืนอยู่ด้านข้างมองดูแขนของไป๋เฉิงจื้อที่กำลังสั่นเทาไปทั่วทั้งแขน ด้วยดวงตาที่แฝงไปด้วยเจตนาร้ายไม่ง่ายนักที่ไป๋หงหย่วนจะรู้สึกสบายสักครึ่งคืน ตอนนี้มองเห็นไป๋เฉิงจื้อ นัยน์ตาก็แฝงไปด้วยรอยยิ้มแห่งความหลุดพ้นเพื่อไป๋เฉิน เขาอยู่มานานเกินไปแล้วสำหรับเขาแล้ว ความตายคือการหลุดพ้นอย่าง
ร่างไร้วิญญาณที่แขนขากระจัดกระจายอยู่ทั่วเรือน ล้วนเกิดจากเส้นไหมวิญญาณโลหิต “เหตุใดข้าจะไม่กล้ากลับมาเล่า?”นางส่ายนิ้ว ก้าวไปข้างหน้าช้า ๆ พร้อมเส้นไหมวิญญาณโลหิตที่บางราวกับเส้นผม ดวงตาเฉียบคมวาววับสะท้อนแสง“พวกเจ้ากลัวว่านางมารเช่นข้าคนนี้จะกลับมาหรือ? อะไรกัน? เป็นหัวหน้าตระกูลไป๋มาหลายปี ลืมไปแล้วหรือว่าครั้งนั้น นางมารเช่นข้ากวาดล้างตระกูลไป๋อย่างไร?”เมื่อไป๋เส้าเจี๋ยได้ยิน ดวงตาสีแดงก่ำก็เต็มไปด้วยความโกรธภาพในปีนั้น ก็คล้ายเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้การเสียชีวิตอันน่าสลดใจของบิดามารดา เลือดของทุกคนในตระกูลไป๋ที่ไหลรินราวกับแม่น้ำเขาหายใจเข้าลึก ๆ ไม่อาจระงับความโกรธอันท่วมท้นได้อีกต่อไป“ความแค้นที่ฆ่าล้างตระกูลไป๋ ชีวิตนี้ข้าไม่กล้าลืม! ข้าจะใช้เลือดของเจ้า สักการะดวงวิญญาณของทุกคนที่ตายไปแน่นอน!”“หึๆ......”ไป๋ซวงแค่นหัวเราะอย่างอดไม่ได้ สายตามองดูเขาอย่างเหยียดหยาม“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว บุกเข้าไป!” ขณะที่พูด ไป๋ซวงก็ค่อย ๆ โบกสะบัดเส้นไหมวิญญาณโลหิต“ชายารักไปดูการต่อสู้เถอะ เรื่องฆ่าคนเช่นนี้ ปล่อยให้ข้าจัดการเอง” จวินจิ๋วอินก้าวไปข้างหน้า ไม่อยากให้ไป
รถม้าหลายคันนั้นที่อยู่ด้านหลัง มีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมปกคลุมอยู่ผ้าม่านของรถม้าจงใจพับขึ้นไว้ ทำให้มองเห็นขวดและโถเหล่านั้นได้อย่างเหมาะเจาะมันเหมือนกับโถที่ใช้เป็นของขวัญตอบแทนให้กับองค์ชายเก้าในวันนั้น เกรงว่าด้านในจะเป็นของเพิ่มพลังวิญญาณเช่นกันกระมังถ้าอย่างนั้นรถม้าเหล่านั้นที่บรรทุกของมาเต็มคันรถ ทั้งหมดคือของที่พระชายาองค์ชายเก้ามอบให้ฮ่องเต้ใช่หรือไม่?ทั้งเมืองหลวงโจษจันกันเซ็งแซ่อีกครั้ง!ฮ่องเต้ทรงลากจูงรถม้าสองสามคันที่บรรทุกของเพิ่มพลังวิญญาณมาจากจวนขององค์ชายเก้าของเพิ่มพลังวิญญาณนั้น ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานอย่างมาก ในช่วงเวลานั้น ผู้คนในเมืองหลวงยิ่งตั้งหน้าตั้งตารอร้านค้าของพระชายาโจวหวันฉี่บังเอิญมองเห็นรถม้าของจวินฉงจากหน้าต่างของสถานที่พักแรมเพลิงแห่งความริษยาในดวงตาแทบจะมอดไหม้ตนเองโจวหลิงซางแตะไหล่ของน้องสาวเบา ๆ พร้อมกับถอนหายใจอย่างแผ่วเบา“หวันฉี่ ไป๋ซวงผู้นั้นดูท่าจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว”นางนำสิ่งของที่เพิ่มพลังวิญญาณออกมาได้ อีกทั้งยังมีของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้นอีกจะเป็นหญิงสาวชาวชนบทได้หรือ?แม้แต่พวกเขา เกรงว่าก็ยังหาสิ่งของที่ล้ำค่าเช่
ไป๋ซวงกับจวินจิ๋วอิ่นกำลังจัดระเบียบของขวัญที่ส่งมาในช่วงหลายวันนี้ในคลังสมบัติคลังขนาดใหญ่ในตอนนี้เริ่มจะเต็มแล้วหากไม่ใช่ก่อนหน้านี้ จวินจิ๋วอิ่นส่งสินสอดจำนวนไม่น้อยไปให้ตระกูลไป๋ เกรงว่าคลังแห่งนี้คงเก็บของไม่พอเป็นแน่ทันใดนั้นหงเยว่ก็เร่งรีบเข้ามา“ทูลองค์ชาย พระชายา ฮ่องเต้กับพระสนมเอกเสด็จมาเพคะ”“มาก็มาสิ เหตุใดต้องลนลาน?”จวินจิ๋วอิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมจูงมือไป๋ซวงเดินออกไปด้านนอกอย่างไม่รีบร้อนทั้งสองคนยังเดินไม่ถึงหน้าประตู พวกเขาก็เห็นจวินฉงกำลังอุ้มซวี่เป่า พร้อมกับจูงมือจีหรงเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวง จวินฉงก็มองพวกเขาอย่างไม่พอใจ “ซวี่เป่ายังรู้จักมารยาทดีเสียกว่า พอรู้ก็มารออยู่ที่ประตูทางเข้าล่วงหน้าแล้ว” ไป๋ซวงก้มหน้าผงกศีรษะ พร้อมกับมีรอยยิ้มบนมุมปาก“เสด็จพ่อทรงเอ่ยถูกต้อง ไป๋ซวงออกมาช้าไปเพคะ”นับตั้งแต่ไป๋ซวงตัดสินใจแต่งงานกับจวินจิ๋วอิ่น นางก็เปลี่ยนคำเรียกขานจวินฉงกับพระสนมเอก“หากเสด็จพ่อไม่พอพระทัย คราวหน้าลูกก็จะไม่ออกมา”จวินจิ๋วอิ่นมองจวินฉงด้วยความไม่พอใจ พร้อมดึงไป๋ซวงเข้ามาข้าง ๆ ตนจวินฉงแ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูงชนที่อยู่หน้าประตูพากันตาลุกวาวพระชายาจะเปิดร้านเพื่อขายของเพิ่มพลังวิญญาณโดยเฉพาะ?พระชายาทรงรู้จักวิญญาจารย์ด้วยหรือ?เหตุใดพระชายาทรงยอดเยี่ยมเพียงนี้?ทั้งยังขายสมุนไพรวิเศษด้วย!ของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้น พวกเขาก็เพิ่งจะเคยพบเห็นนั่นเป็นสิ่งของล้ำค่าที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้“พระชายา ของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านั้น พวกเราสามารถซื้อไหวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”บางคนอดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้ว่า ของเพิ่มพลังวิญญาณล้ำค่าเช่นนั้น สามัญชนคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะซื้อไหวหรือ?“สิ่งของแต่ละชิ้นล้วนมีมูลค่าของมัน สิ่งของล้ำค่าของวิญญาจารย์ และสิ่งของที่ผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าราคาก็ย่อมสูงกว่าของธรรมดาทั่วไป ทว่าขอให้ทุกคนวางใจ ร้านนี้เปิดทำการค้าก็ย่อมต้องให้ทุกคนจับจ่ายซื้อหาได้ เราถึงจะทำเงินได้มิใช่หรือ?”ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจรู้สึกยินดีขึ้นมาทันทีพวกเขารู้ดีว่าของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีราคาสูงกว่าของธรรมดาทั่วไปทว่าได้ยินคำพูดของพระชายา ต่อให้พวกเขามีเงินใช้สอยอย่างจำกัดก็สามารถซื้อหาได้“ขอถามพระชายา ร้านนี้จะเปิดทำ
“พระชายาของเราทรงบอกว่าวันนี้เป็นวันมงคล เพื่อขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมยินดี จึงเตรียมขนมเพิ่มพลังวิญญาณมามอบให้โดยเฉพาะ”หงเยว่เอ่ยจบ นางกับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังก็ยืนเรียงกันเป็นแถวยาวพร้อมกับยกจานขนมไว้ในมือและยิ้มอย่างอ่อนโยนทุกคนนึกไม่ถึงว่าพระชายาองค์ชายเก้าจะเตรียมขนมไว้ให้พวกเขาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังนึกไม่ถึงว่า ขนมนี้ยังผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณด้วย ในชั้วขณะนั้น ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปห้อมล้อมกลุ่มสาวใช้เหล่านั้น กลัวว่าช้าไปจะไม่มีเหลืออีกแล้วขนมในมือของหงเยว่กับเหล่าสาวใช้มีไม่เพียงพอแน่นอนไม่นานในจานของพวกนางก็ถูกแย่งไปจนหมด คนที่ได้ขนมเหล่านั้น แต่ละคนสีหน้ายิ้มแย้ม ปากก็เอ่ยขอบคุณไม่หยุดส่วนคนที่แย่งขนมไม่ทัน สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง ทั้งมองไปยังกลุ่มคนที่แย่งขนมมาได้ด้วยแววตาร้อนผ่าวเพราะความอิจฉา“พี่ชาย ขนมนี้มีพลังวิญญาณจริงหรือ?” ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แววตาของเขาร้อนผ่าว และมองดูคนข้าง ๆ ราวกับถือของล้ำค่า ชายผู้นั้นเห็นขนมชิ้นนั้นที่ดูเหมือนขนมธรรมดาก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้“น่าจะมีนะ เจ้าดูสิขนมนี้กำลังเรืองแสงนิดหน่อย?”หลังผ่านการต่อสู
ไป๋ซวงยิ้มพร้อมแตะไหล่พ่อลูกทั้งสองคน และเอ่ยอย่างสบายใจ“พวกท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีสถานะใด? จะไม่มีแม้แต่ของขวัญตอบแทนได้อย่างไร?”ไป๋ซวงเอ่ยจบก็โยนใบรายการของขวัญฉบับหนึ่งให้กับจวินจิ๋วอิ่น“ลองดูว่าพอใจกับของขวัญตอบแทนหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับรับใบรายการของขวัญนั้นมา และมองไป๋ซวงด้วยแววตารักใคร่“ขอเพียงฮูหยินเต็มใจที่จะแต่งงาน ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”ทว่าขณะที่เขาเห็นรายการของขวัญชัดเจนแล้ว นัยน์ตากลับเผยให้เห็นความประหลาดใจที่ระงับไว้ไม่อยู่“ฮูหยิน เกรงว่าคนเหล่านั้นที่อยู่ด้านนอกประตู จะต้องอิจฉาตาร้อนข้าเป็นแน่”เดิมทียังคิดว่าสินสอดที่ตนเตรียมไว้ถือว่าเหมาะสมแล้ว ทว่าตอนนี้เห็นของขวัญตอบแทนของไป๋ซวงแล้วเขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ตนเองได้รับมากเกินไปแล้วจวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับส่งใบรายการของขวัญให้มู่ซือ มู่ซือรีบนำใบรายการของขวัญไปหาหลิ่วกงกงหลิ่วกงกงดูจนแน่ใจอยู่หลายรอบ และมั่นใจว่าไม่มีการเข้าใจผิด เขาจึงประกาศออกมาด้วยความตื่นเต้น“รายการของขวัญตอบแทนของพระชายาองค์ชายเก้ามีดังนี้: โสมราชันมังกรวิเศษหนึ่งต้น ปาล์มหงอนไก่วิเศษหนึ่งต้น เถาวัลย์เขียววิ
“รายการสินสอดของท่านอ๋องเก้ามีดังต่อไปนี้ ผ้าไหมก่วงหันสิบพับ ผ้าสุ่ยอวิ๋นต้วนสิบพับ ผ้าหร่วนเยียนหลัวสิบพับ ผ้าเหลียงเหรินจิ่นสิบพับ”หลิ่วกงกงประกาศเสียงดัง ผู้คนที่ตามมาดูความครึกครื้นที่หน้าประตูจวน ต่างส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันทีเพราะผ้าไหมผ้าต่วนทั้งสี่ชนิดนี้ ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าระดับชาติปกติแล้ว แม้แต่ขุนนางชั้นสูงในวัง หากได้รับผ้าเหล่านี้ปีละหนึ่งพับ ก็ดีใจจนแทบจะเสียสติแล้วฮองเฮาเคยได้รับพระราชทานผ้าเหลียงเหรินจิ่นสองพับ ถึงกับจัดงานเลี้ยงในวังเพื่ออวดผ้าเหลียงเหรินจิ่นของตัวเองโดยเฉพาะแม้แต่จีหรง ก็ยังหาผ้าไหมผ้าต่วนดี ๆ แบบนี้ในวังได้ไม่กี่พับดังนั้น เมื่อได้ยินว่าจวินจิ๋วอิ่นมอบให้ไป๋ซวงมากมายเช่นนี้พวกเขาถึงกับสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือไม่โดยเฉพาะเหล่าฮูหยิน คุณหนู ต่างพากันอิจฉาตาร้อนแต่ทว่า นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นหลิ่วกงกงกระแอม จากนั้นประกาศต่อ“หยกแกะสลักผักกาดขาวหนึ่งชิ้น แจกันหยกขาวมันแพะล้ำค่าหนึ่งคู่ ถ้วยหยกเก้าพญามังกรหนึ่งคู่ ฉากกั้นแร่มรกตลายภูเขาลำน้ำหนึ่งอัน...”“หญ้าพันวิญญาณระดับสูงสามต้น หญ้าดารามารระดับสูงสองต้น บุปผาศักดิ์สิท
“เรื่องขององค์ชายใหญ่ ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”ในเมื่อไป๋ซวงตัดสินใจที่จะลองคบหากับจวินจิ๋วอิ่น เช่นนั้นนางก็ต้องรู้สถานการณ์ของศัตรูให้ชัดเจนจวินจิ๋วอิ่นเห็นว่านางเอาใจใส่เรื่องของเขาขนาดนี้ ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก“จวินเทียนเจ๋อสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูนั้น หลักฐานมัดตัวแน่นหนา ไม่มีทางรอดพ้นได้แล้ว ส่วนหลิวซื่อข่าย ถึงแม้จะปฏิเสธหัวชนฝา และไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่พิสูจน์ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับจวินเทียนเจ๋อ แต่มีคำให้การของหลิวหย่ง ประกอบกับคำสารภาพของคนสนิทของจวินเทียนเจ๋อ เขาก็ยากที่จะรอดพ้นความผิด”จวินจิ๋วอิ่นจูงมือไป๋ซวง เดินไปนั่งด้านข้าง“หลังจากที่หลิวซื่อข่ายถูกปลดออกจากตำแหน่ง ตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นคนของเราได้แล้ว”“คนของเรามีกี่คน?”ไป๋ซวงคิดว่า นางจำเป็นต้องรู้ว่าใครคือพวกเดียวกันกับนางไม่เช่นนั้น หากต้องมาเผชิญหน้ากับพวกเดียวกันเอง นั่นคงเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งนัก‘คนของเรา’ ทำให้จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเขาเก็บซ่อนรอยยิ้มที่หางตาไว้ไม่อยู่ จึงเอื้อมมือออกไปจับมือของไป๋ซวง“นอกจากมหาเสนาบดีเจียงเจิง หวังหยวนจากกรมอาญา หลิวซื่อข่ายจากกรม
จวินจิ๋วอิ่นเห็นท่าทางเขินอายเล็กน้อยของไป๋ซวง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเขาค่อย ๆ ก้มลงเก็บโฉนดที่ดินเหล่านั้นทีละใบจากนั้นก็วางลงในกล่องไม้จันทน์อย่างเรียบร้อยแล้วค่อยส่งมอบให้กับไป๋ซวง“ของเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสินสอดเท่านั้น เดิมทีคิดว่าซวงเอ๋อร์ไม่มีครอบครัว จึงตั้งใจว่าจะมอบสินสอดให้ซวงเอ๋อร์โดยตรงในวันแต่งงาน แต่ในเมื่อตอนนี้ซวงเอ๋อร์หาครอบครัวเจอแล้ว เช่นนั้นข้าก็ต้องเตรียมสินสอดใหม่ตามธรรมเนียม”จวินจิ๋วอิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นก็หันไปหยิบกระดาษหนา ๆ ปึกหนึ่งออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเขียนหนังสือ“สิ่งเหล่านี้คือสินสอดทั้งหมดที่ข้าเตรียมไว้ ซวงเอ๋อร์ลองดูว่ายังมีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มอีกหรือไม่ หากไม่มีแล้ว ข้าจะเลือกวันเพื่อส่งสินสอดไปยังจวนตระกูลไป๋”ไป๋ซวงมองดูรายการสินสอดหนา ๆ เหลือบมองเพียงด้านบนสุดก็เห็นว่าล้วนแต่เป็นของล้ำค่าหายากทั้งสิ้น“ดูเหมือนข้ายังไม่ได้ตอบตกลงแต่งงานกับท่านเลยนะ!”ไป๋ซวงไม่ได้รับรายการสินสอดมา แต่มองเขาด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ“ไม่มีทางเลือก ตอนนี้ทุกอย่างเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพ่อตากับน้อ
พวกเขารู้สึกจริง ๆ ว่าเสด็จพ่อต้องคิดจำนวนเงินค่าเสียหายนี้เอาไว้นานแล้ว มิเช่นนั้นจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร จำนวนเงินค่าเสียหายที่องค์ชายแต่ละคนต้องจ่ายนั้นไม่เท่ากันแต่พอดีกับที่สามารถรีดไถทรัพย์สินขององค์ชายแต่ละคนไปจนหมดเกลี้ยงทว่าพวกเขาก็ได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา แล้วจดจำเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้งานเลี้ยงในวังที่ควรจะเต็มไปด้วยความรื่นเริง กลับกลายเป็นเช่นนี้ไหนเลยจะยังมีความปิติยินดีหลงเหลืออยู่?นอกจากจีหรงเองที่มีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้ เพราะลูกชายของนางได้รับทรัพย์สมบัติเกือบครึ่งหนึ่งของท้องพระคลังภายในชั่วข้ามคืน!ลูกคนอื่นล้วนถูกลงโทษ มีเพียงจวินจิ๋วอิ่นคนเดียวที่ได้รับคำชมจากจวินฉงนางช่างยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้อย่างไรกัน เหมือนได้ให้กำเนิดอัจฉริยะอย่างจวินจิ๋วอิ่น ทำให้นางสามารถวางอำนาจในวังหลังได้จากนั้น ลูกชายก็ให้กำเนิดหลานชายที่เป็นอัจฉริยะอีกคนคิด ๆ ดูแล้ว ชีวิตช่างดีงามอะไรเช่นนี้ส่วนจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวงนั่งอยู่ในรถม้า โดยมีซวี่เป่าที่ง่วงนอนอยู่ในอ้อมแขนไป๋ซวงเห็นว่าเขาง่วงแล้ว จึงค่อย ๆ โอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขนซวี่เป่าพยายามลุ