ผู้ที่มาแจ้งข่าวคือหลิ่วกงกง ขันทีที่อยู่ข้างกายจวินฉง เมื่อได้จวินจิ๋วอิ่นได้ยินเช่นนั้น ก็รีบลากไป๋ซวงขึ้นรถม้าที่ใช้เข้าวังทันที ระหว่างทาง ฟังหลิ่วกงกงเล่าว่า ซวี่เป่าผลักบุตรชายที่เกิดจากพระชายาขององค์ชายใหญ่ ลงมาจากภูเขาจำลองในอุทยาน เพิ่งเดินเข้าไปในอุทยานหลวง ไป๋ซวงก็ได้ยินเสียงร้องดังด้วยความเจ็บปวดอย่างมากดังเป็นระยะ มีทั้งของเด็กและของสตรี “เสด็จแม่ เจ็บจังเลยพ่ะย่ะค่ะ เซวียนเอ๋อร์ใกล้จะตายแล้วใช่หรือไม่!” “เสวียนเอ๋อร์เป็นเด็กดีนะลูก หมอหลวงกำลังตรวจอาการให้เจ้า อีกประเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว” ผู้เป็นเด็กน้อยร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง ส่วนฝ่ายสตรีก็ร้องไห้อย่างอดกลั้นและปวดใจ ไป๋ซวงอดเร่งฝีเท้าไม่ได้ หมอหลวงผู้นั้นเพิ่งวางมือลงข้างเท้าของเด็กชายเบาๆ ยังไม่ทันได้ทำสิ่งใด เด็กชายผู้นั้นก็ร้องไห้อย่างน่าสงสารยิ่งกว่าเดิมแล้ว “เจ็บ เสด็จแม่ข้าเจ็บ” “องค์ชายน้อยเซวียน มือของข้ายังไม่ได้สัมผัสถูกบาดแผลของท่านเลย ท่านโปรดอดทนสักหน่อยเถิด” “ไม่เอา เจ้าหมอไม่ได้ความ ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว!” จวินอวิ๋นเซวียนด้านหนึ่งร้องไห้ อีกด้านก็ชี้มือด่าทอหมอหลวง ราวกับนั่นยังไม่เ
นางคุกเข่าลงต่อหน้าจวินฉง หลั่งน้ำตาลงมาเป็นสาย “เสด็จพ่อ พระองค์ก็ทรงได้ยินแล้วว่า เป็นซวี่เป่าจงใจผลักเซวียนเอ๋อร์ลงมาจากภูเขาจำลอง เขาต้องการฆ่าเซวียนเอ๋อร์ ขอเสด็จพ่อทรงตัดสินด้วยเพคะ” จวินฉงก็คิดไม่ถึงว่า จะเป็นซวี่เป่าที่ผลักคนลงมาจากภูเขาจำลองจริงๆ ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ก็จินตนาการไม่ออกว่า ซวี่เป่าที่สดใส ไร้เดียงสา น่ารัก และเปี่ยมไปด้วยมีชีวิตชีวา จะทำเรื่องที่เกินขอบเขตไปมากเช่นนี้ พระชายารุ่ยเห็นจวินฉงเกิดความลังเลขึ้นมา ก็รีบร้องทุกข์ต่อทันที “เสด็จพ่อ ซวี่เป่าเพิ่งอายุยังน้อยก็จิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้แล้ว จะต้องเป็นเพราะเมื่อก่อนไม่ได้รับการอบรมที่ดีแน่ ในเมื่อบัดนี้ ซวี่เป่าเข้าวังมาแล้ว ก็ขอเสด็จพ่อโปรดเพิ่มการอบรมสั่งสอน เพื่อป้องกันไม่ให้ในอนาคต เขาเดินทางผิดจนไม่อาจแก้ไขด้วยเถิดเพคะ” เมื่อพระชายารุ่ยกล่าวจบ จวินฉงยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงของไป๋ซวงดังมาอย่างเย็นชา “พระชายารุ่ยทรงดูแลบุตรของท่านก็พอแล้ว ส่วนอนาคตของซวี่เป่าจะเป็นอย่างไร เรื่องนั้นก็ไม่ขอรบกวนให้พระชายารุ่ยมากังวลแล้ว” เมื่อไป๋ซวงกล่าวจบ ข้ารับใช้ในวังก็เปิดทางให้นางทันที เมื่อซวี
เมื่อพระชายารุ่ยได้ยิน ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที นางหมอบกราบลงกับพื้น เอ่ยปากอย่างน้อยใจว่า “เสด็จพ่อโปรดทรงพิจารณา ลูกจะกล้าวิจารณ์พระชายาขององค์ชายเก้ากับองค์ชายน้อยลับหลังได้อย่างไรเพคะ นี่เป็นเพียงการทะเลาะกันระหว่างเด็ก ๆ เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับสะใภ้แม้แต่น้อยเลย” “ในเมื่อเป็นเพียงการทะเลาะกันของเด็ก ๆ เช่นนั้นก็ให้แล้วกันไปเถอะ” จวินฉงขมวดคิ้ว พูดด้วยเสียงทุ้มหนัก แม้ว่าพระชายารุ่ยจะไม่พอใจเพียงใด ทว่า ก็ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีก นางมองออกแล้ว ว่าเสด็จพ่อกับสนมเอกจี ไม่มีทางลงโทษเจ้าเด็กนอกคอกนั่นแน่ หากนางยังเอาความต่อไป เกรงว่าเรื่องนี้คงจะลามมาถึงตัวนางและรุ่ยอ๋องด้วย จวินฉงกล่าวจบ ก็หันสายตามามองซวี่เป่า “ซวี่เป่า วันหลังห้ามทะเลาะวิวาทและผลักคนในที่สูงอีก การกระทำเช่นนั้นอันตรายมาก อาจทำให้ตกลงมาได้” พูดจบ จวินฉงยังชี้ไปที่จวินอวิ๋นเซวียน ที่เวลานี้กำลังเหงื่อออกเต็มศีรษะเพราะความเจ็บจากการต่อกระดูกของหมอหลวง ซวี่เป่าที่อยู่ในอ้อมกอดของมารดา พยักหน้าอย่างจริงจัง “ท่านปู่ท่านวางใจได้ ความสูงแค่นี้ทำอะไรซวี่เป่าไม่ได้หรอก ที่ซวี่เป่าผลักพี่อวิ๋นเซวียน ก็เพราะคิดว่า
นางรู้ว่าซวี่เป่าไม่เพียงฝึกปรือจนมีรากวิญญาณสองสายคือน้ำกับดินแต่ไม่คาดคิดถึงวรยุทธ์ของเขาหลังออกจากภูเขาหลิงอิ่นเพียงไม่กี่วันซวี่เป่ากลับพัฒนาถึงขั้นรากวิญญาณที่สามด้วยตัวเองแม้รากวิญญาณธาตุไฟจะยังอ่อนกำลังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับซวี่เป่า“ฮ่า ๆๆ...”จวินฉงนอกจากหัวเราะ ดูเหมือนจะไม่ได้เอ่ยคำพูดภาคภูมิใจใด ๆเขาอุ้มซวี่เป่าและหอมอีกหลายฟอด จากนั้นก็เดินจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดเขาลืมไปเสียสนิทว่า ยังมีหลานชายอีกหนึ่งคนที่เพิ่งได้รับการต่อกระดูกพระชายารุ่ยถึงกับทรุดตัวนั่งลงกับพื้น นานกว่าจะเรียกสติกลับคืนมา เพราะเหตุใด!จวินจิ๋วอิ่นเป็นอัจฉริยะฝืนลิขิตฟ้า เหตุใดบุตรชายของเขาก็เป็นเช่นเดียวกันอายุเพียงสามขวบเท่านั้น แต่กลับมีรากวิญญาณสามสาย!เช่นนั้นบุตรชายของนาง สามีของนาง ยังจะมีโอกาสอยู่อีกหรือไม่?พระชายารุ่ยกำหมัดที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อไว้แน่น! จะไม่มีทางปล่อยให้คนสารเลวผู้นั้นมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!ไป๋ซวงจะไม่สังเกตเห็นเพลิงริษยาในดวงตาของพระชายารุ่ยได้อย่างไร!หากนางเห็นเด็กคนอื่นที่แววตาเปล่งประกายเช่นนี้ เกรงว่าคงต้องรู้สึกอิจฉาเป็นแน่ แต่นอก
“ท่านทำอะไร?”ไป๋ซวงดึงซวี่เป่าเข้ามาใกล้ตัวนาง เพื่อเขยิบออกห่างจากจวินจิ๋วอิ่นด้วยความรู้สึกคัดค้าน “ฮูหยิน เก้าอี้ตัวนั้นแข็งมาก ซวี่เป่าเห็นใจข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้ความกตัญญูของซวี่เป่านั้นสูญเปล่า”ไป๋ซวงยังคิดจะเอ่ยต่อ แต่ได้ยินคำวิงวอนอันอ่อนโยนของซวี่เป่า“ท่านแม่ ซวี่เป่ายังไม่เคยนอนกับท่านพ่อท่านแม่ใช่หรือไม่? ซวี่เป่าอยากสัมผัสความรู้สึกนั้นสักครั้ง ลูกขอร้องท่านแม่ด้วย”เมื่อได้ยินเช่นนั้นในใจของไป๋ซวงพลันรู้สึกขมขื่นขึ้นมาทันใดนางเข้าใจว่าซวี่เป่าอยู่กับนางที่ภูเขาหลิงอิ่นมาเป็นเวลานาน ไม่มีบิดาอยู่เคียงข้างก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้เช่นกันทว่าหลังจากที่ซวี่เป่าได้พบกับจวินจิ๋วอิ่น นางจึงเริ่มสงสัยในการตัดสินใจก่อนหน้าของตนเองซวี่เป่าติดจวินจิ๋วอิ่นอย่างมาก!เมื่ออยู่กับจวินจิ๋วอิ่นแล้วเขามีความสุขอย่างที่สุดความสุขแบบนั้นแตกต่างจากความสุขเมื่อเขาอยู่กับนาง แม้นางจะไม่รู้ว่าความแตกต่างอยู่ที่ใด แต่ไป๋ซวงก็สัมผัสได้บางทีซวี่เป่าอาจไม่ได้ต้องการเพียงแค่นาง“รีบนอนเถอะ!”ไป๋ซวงไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อ แต่ค่อย ๆ ดึงผ้ามาห่มให้กับซวี่เป่า ส่วนชายผ้าห่มที่เหลืออ
สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือริมฝีปากของนางเผลอไปจูบตรงลำคอของจวินจิ๋วอิ่นนางรู้สึกได้ชัดเจนว่าร่างกายของบุรุษแข็งเกร็งชั่วขณะจากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นในทันที พลิกตัวและกดนางลง“นี่ฮูหยินทำอะไร?”“แล้วท่าน...ท่านทำอะไร?”ไป๋ซวงไม่เคยรู้สึกอับอายเช่นนี้มาก่อน?นางไม่กล้าสบตากับจวินจิ๋วอิ่น และหันไปมองหาตัวของซวี่เป่าที่อยู่ข้างเตียง“ซวี่เป่า... ซวี่เป่าเล่า เหตุใดเขาจึงไม่อยู่บนเตียง?”“ซวี่เป่าตื่นแต่เช้าแล้ว และบอกว่าจะไปคารวะท่านปู่ท่านย่า”จวินจิ๋วอิ่นนัยน์ตาแฝงรอยยิ้ม ทว่าสายตากลับมองไปที่ริมฝีปากแดงสดอย่างห้ามใจไม่ได้“เจ้าเด็กดื้อคนนี้ ตื่นแล้วเหตุใดจึงไม่เรียกข้า?”ไป๋ซวงนัยน์ตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง นางคงเข้าใจผิดว่าจวินจิ๋วอิ่นเป็นซวี่เป่าดังนั้นจึงนอนกอดจวินจิ๋วอิ่น!“ท่านหลีกไป ข้าจะไปดูซวี่เป่า ไม่รู้ว่าร่างกายเขาดีขึ้นหรือไม่?”ไป๋ซวงคิดจะผลักแขนของจวินจิ๋วอิ่นออกไปด้วยความรู้สึกอึดอัด ทว่าแขนของจวินจิ๋วอิ่นกลับแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้าไป๋ซวงผลักถึงสองครั้งก็ยังไม่ไหวติง“ฮูหยินจะร้อนใจไปไย? เมื่อครู่ยังสวมกอดสามีอยู่มิใช่หรือ?”“สวมกอดอะไรกัน นั่นไม่ได้ตั้ง
ไป๋ซวงบอกกับตนเองว่า นางจะหลงกลคำพูดหวานซึ้งของบุรุษไม่ได้นางเดินทางข้ามเวลามาหลายครั้ง เห็นการหักหลังทรยศของบุรุษมามากมายตอนที่เขารักเจ้า จะพูดจาหวานซึ้ง ดูอบอุ่นและใส่ใจทันทีเมื่อเขาเบื่อเจ้า เขากลับไม่แยแสดูดำดูดีพอหันหลังกลับ เขาจะเข้าไปอยู่ในสถานที่งดงามอบอุ่นแห่งใหม่ ดูแลห่วงใยคนรักใหม่ และให้ความรักใคร่โปรดปรานในยุคสมัยที่มีชายาสามสนมสี่เช่นนี้ น้อยนักที่จะมีเพียงสองคนไปตลอดชีวิตส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนหลายใจที่เห็นแต่รอยยิ้มของคนรักใหม่และไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของคนรักเก่าไป๋ซวงไม่ได้ผลักมือของ จวินจิ๋วอิ่นออกไป เพียงแค่จ้องมองเขาอย่างเรียบนิ่ง“ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”“เจ้าเป็นใคร มันสำคัญเช่นนั้นหรือ? ข้าชอบเจ้า ต่อให้เจ้าเป็นขอทานข้างถนน ข้าก็ยังจะปฏิบัติกับเจ้าราวกับสมบัติล้ำค่า หากข้าไม่ชอบเจ้า แม้เจ้าจะเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ข้าก็จะไม่ชายตาแล คนที่ข้าชอบก็คือเจ้า”จวินจิ๋วอิ่นมองไป๋ซวงด้วยความจริงใจ ในดวงตาไม่เห็นการปกปิดหรือหลอกลวงใด ๆแววตาที่อ่อนโยนของเขาจ้องมองนางไม่กระพริบหัวใจของไป๋ซวงเต้นแรงขึ้นทันทีเจ้าเล่ห์เพทุบายจริง ๆ !แม้นางจะรู้ดีว่
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ลงมือทำสิ่งใดหลังจากได้ยินเรื่องนี้ไป๋ซวงใช้เวลานานกว่าจะสงบสติอารมณ์ลงได้นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าพ่อกับน้องชายยังมีชีวิตอยู่ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนาอีกด้วยนางไม่สามารถรอได้แม้แต่วินาทีเดียว!เมื่อคิดได้เช่นนั้น ไป๋ซวงจึงรีบจัดแจงแต่งกายให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอกทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก หัวเล็ก ๆ ของซวี่เป่าก็โผล่เข้ามา“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านตื่นแล้วหรือ?”ซวี่เป่าพูดพร้อมทั้งหัวเราะร่า จากนั้นใช้เท้าเตะประตูให้เปิดออก และเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือ“ท่านแม่ ซวี่เป่าตั้งใจทำอาหารมื้อเช้าให้ท่านโดยเฉพาะ”หลังจากซวี่เป่าเข้ามาในเมืองหลวง แม้จะปลีกเวลามาทำอาหารให้มารดาได้ทานแต่หากเทียบกับตอนอยู่ที่ภูเขาหลิงอิ่นแล้วถือว่าน้อยครั้งกว่ามากดังนั้น เขาจึงยังรู้สึกผิดในใจอยู่บ้างมื้อเช้าในวันนี้เขาตั้งใจไปที่ห้องครัวตั้งแต่เช้าเขาทำอาหารไว้เต็มโต๊ะ เพื่อต้องการแสดงความกตัญญูต่อท่านปู่ท่านย่า รวมถึงยังได้ดูแลท่านแม่ของเขาด้วยช่างมีความสุขเสียจริง“ซวี่เป่าเก่งมากจริง ๆ”จวินจิ๋วอิ่นก้าวมาข้างหน้า และจูงมือไป๋ซวงมานั่
รถม้าหลายคันนั้นที่อยู่ด้านหลัง มีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมปกคลุมอยู่ผ้าม่านของรถม้าจงใจพับขึ้นไว้ ทำให้มองเห็นขวดและโถเหล่านั้นได้อย่างเหมาะเจาะมันเหมือนกับโถที่ใช้เป็นของขวัญตอบแทนให้กับองค์ชายเก้าในวันนั้น เกรงว่าด้านในจะเป็นของเพิ่มพลังวิญญาณเช่นกันกระมังถ้าอย่างนั้นรถม้าเหล่านั้นที่บรรทุกของมาเต็มคันรถ ทั้งหมดคือของที่พระชายาองค์ชายเก้ามอบให้ฮ่องเต้ใช่หรือไม่?ทั้งเมืองหลวงโจษจันกันเซ็งแซ่อีกครั้ง!ฮ่องเต้ทรงลากจูงรถม้าสองสามคันที่บรรทุกของเพิ่มพลังวิญญาณมาจากจวนขององค์ชายเก้าของเพิ่มพลังวิญญาณนั้น ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานอย่างมาก ในช่วงเวลานั้น ผู้คนในเมืองหลวงยิ่งตั้งหน้าตั้งตารอร้านค้าของพระชายาโจวหวันฉี่บังเอิญมองเห็นรถม้าของจวินฉงจากหน้าต่างของสถานที่พักแรมเพลิงแห่งความริษยาในดวงตาแทบจะมอดไหม้ตนเองโจวหลิงซางแตะไหล่ของน้องสาวเบา ๆ พร้อมกับถอนหายใจอย่างแผ่วเบา“หวันฉี่ ไป๋ซวงผู้นั้นดูท่าจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว”นางนำสิ่งของที่เพิ่มพลังวิญญาณออกมาได้ อีกทั้งยังมีของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้นอีกจะเป็นหญิงสาวชาวชนบทได้หรือ?แม้แต่พวกเขา เกรงว่าก็ยังหาสิ่งของที่ล้ำค่าเช่
ไป๋ซวงกับจวินจิ๋วอิ่นกำลังจัดระเบียบของขวัญที่ส่งมาในช่วงหลายวันนี้ในคลังสมบัติคลังขนาดใหญ่ในตอนนี้เริ่มจะเต็มแล้วหากไม่ใช่ก่อนหน้านี้ จวินจิ๋วอิ่นส่งสินสอดจำนวนไม่น้อยไปให้ตระกูลไป๋ เกรงว่าคลังแห่งนี้คงเก็บของไม่พอเป็นแน่ทันใดนั้นหงเยว่ก็เร่งรีบเข้ามา“ทูลองค์ชาย พระชายา ฮ่องเต้กับพระสนมเอกเสด็จมาเพคะ”“มาก็มาสิ เหตุใดต้องลนลาน?”จวินจิ๋วอิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมจูงมือไป๋ซวงเดินออกไปด้านนอกอย่างไม่รีบร้อนทั้งสองคนยังเดินไม่ถึงหน้าประตู พวกเขาก็เห็นจวินฉงกำลังอุ้มซวี่เป่า พร้อมกับจูงมือจีหรงเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวง จวินฉงก็มองพวกเขาอย่างไม่พอใจ “ซวี่เป่ายังรู้จักมารยาทดีเสียกว่า พอรู้ก็มารออยู่ที่ประตูทางเข้าล่วงหน้าแล้ว” ไป๋ซวงก้มหน้าผงกศีรษะ พร้อมกับมีรอยยิ้มบนมุมปาก“เสด็จพ่อทรงเอ่ยถูกต้อง ไป๋ซวงออกมาช้าไปเพคะ”นับตั้งแต่ไป๋ซวงตัดสินใจแต่งงานกับจวินจิ๋วอิ่น นางก็เปลี่ยนคำเรียกขานจวินฉงกับพระสนมเอก“หากเสด็จพ่อไม่พอพระทัย คราวหน้าลูกก็จะไม่ออกมา”จวินจิ๋วอิ่นมองจวินฉงด้วยความไม่พอใจ พร้อมดึงไป๋ซวงเข้ามาข้าง ๆ ตนจวินฉงแ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูงชนที่อยู่หน้าประตูพากันตาลุกวาวพระชายาจะเปิดร้านเพื่อขายของเพิ่มพลังวิญญาณโดยเฉพาะ?พระชายาทรงรู้จักวิญญาจารย์ด้วยหรือ?เหตุใดพระชายาทรงยอดเยี่ยมเพียงนี้?ทั้งยังขายสมุนไพรวิเศษด้วย!ของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้น พวกเขาก็เพิ่งจะเคยพบเห็นนั่นเป็นสิ่งของล้ำค่าที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้“พระชายา ของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านั้น พวกเราสามารถซื้อไหวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”บางคนอดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้ว่า ของเพิ่มพลังวิญญาณล้ำค่าเช่นนั้น สามัญชนคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะซื้อไหวหรือ?“สิ่งของแต่ละชิ้นล้วนมีมูลค่าของมัน สิ่งของล้ำค่าของวิญญาจารย์ และสิ่งของที่ผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าราคาก็ย่อมสูงกว่าของธรรมดาทั่วไป ทว่าขอให้ทุกคนวางใจ ร้านนี้เปิดทำการค้าก็ย่อมต้องให้ทุกคนจับจ่ายซื้อหาได้ เราถึงจะทำเงินได้มิใช่หรือ?”ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจรู้สึกยินดีขึ้นมาทันทีพวกเขารู้ดีว่าของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีราคาสูงกว่าของธรรมดาทั่วไปทว่าได้ยินคำพูดของพระชายา ต่อให้พวกเขามีเงินใช้สอยอย่างจำกัดก็สามารถซื้อหาได้“ขอถามพระชายา ร้านนี้จะเปิดทำ
“พระชายาของเราทรงบอกว่าวันนี้เป็นวันมงคล เพื่อขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมยินดี จึงเตรียมขนมเพิ่มพลังวิญญาณมามอบให้โดยเฉพาะ”หงเยว่เอ่ยจบ นางกับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังก็ยืนเรียงกันเป็นแถวยาวพร้อมกับยกจานขนมไว้ในมือและยิ้มอย่างอ่อนโยนทุกคนนึกไม่ถึงว่าพระชายาองค์ชายเก้าจะเตรียมขนมไว้ให้พวกเขาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังนึกไม่ถึงว่า ขนมนี้ยังผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณด้วย ในชั้วขณะนั้น ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปห้อมล้อมกลุ่มสาวใช้เหล่านั้น กลัวว่าช้าไปจะไม่มีเหลืออีกแล้วขนมในมือของหงเยว่กับเหล่าสาวใช้มีไม่เพียงพอแน่นอนไม่นานในจานของพวกนางก็ถูกแย่งไปจนหมด คนที่ได้ขนมเหล่านั้น แต่ละคนสีหน้ายิ้มแย้ม ปากก็เอ่ยขอบคุณไม่หยุดส่วนคนที่แย่งขนมไม่ทัน สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง ทั้งมองไปยังกลุ่มคนที่แย่งขนมมาได้ด้วยแววตาร้อนผ่าวเพราะความอิจฉา“พี่ชาย ขนมนี้มีพลังวิญญาณจริงหรือ?” ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แววตาของเขาร้อนผ่าว และมองดูคนข้าง ๆ ราวกับถือของล้ำค่า ชายผู้นั้นเห็นขนมชิ้นนั้นที่ดูเหมือนขนมธรรมดาก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้“น่าจะมีนะ เจ้าดูสิขนมนี้กำลังเรืองแสงนิดหน่อย?”หลังผ่านการต่อสู
ไป๋ซวงยิ้มพร้อมแตะไหล่พ่อลูกทั้งสองคน และเอ่ยอย่างสบายใจ“พวกท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีสถานะใด? จะไม่มีแม้แต่ของขวัญตอบแทนได้อย่างไร?”ไป๋ซวงเอ่ยจบก็โยนใบรายการของขวัญฉบับหนึ่งให้กับจวินจิ๋วอิ่น“ลองดูว่าพอใจกับของขวัญตอบแทนหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับรับใบรายการของขวัญนั้นมา และมองไป๋ซวงด้วยแววตารักใคร่“ขอเพียงฮูหยินเต็มใจที่จะแต่งงาน ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”ทว่าขณะที่เขาเห็นรายการของขวัญชัดเจนแล้ว นัยน์ตากลับเผยให้เห็นความประหลาดใจที่ระงับไว้ไม่อยู่“ฮูหยิน เกรงว่าคนเหล่านั้นที่อยู่ด้านนอกประตู จะต้องอิจฉาตาร้อนข้าเป็นแน่”เดิมทียังคิดว่าสินสอดที่ตนเตรียมไว้ถือว่าเหมาะสมแล้ว ทว่าตอนนี้เห็นของขวัญตอบแทนของไป๋ซวงแล้วเขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ตนเองได้รับมากเกินไปแล้วจวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับส่งใบรายการของขวัญให้มู่ซือ มู่ซือรีบนำใบรายการของขวัญไปหาหลิ่วกงกงหลิ่วกงกงดูจนแน่ใจอยู่หลายรอบ และมั่นใจว่าไม่มีการเข้าใจผิด เขาจึงประกาศออกมาด้วยความตื่นเต้น“รายการของขวัญตอบแทนของพระชายาองค์ชายเก้ามีดังนี้: โสมราชันมังกรวิเศษหนึ่งต้น ปาล์มหงอนไก่วิเศษหนึ่งต้น เถาวัลย์เขียววิ
“รายการสินสอดของท่านอ๋องเก้ามีดังต่อไปนี้ ผ้าไหมก่วงหันสิบพับ ผ้าสุ่ยอวิ๋นต้วนสิบพับ ผ้าหร่วนเยียนหลัวสิบพับ ผ้าเหลียงเหรินจิ่นสิบพับ”หลิ่วกงกงประกาศเสียงดัง ผู้คนที่ตามมาดูความครึกครื้นที่หน้าประตูจวน ต่างส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันทีเพราะผ้าไหมผ้าต่วนทั้งสี่ชนิดนี้ ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าระดับชาติปกติแล้ว แม้แต่ขุนนางชั้นสูงในวัง หากได้รับผ้าเหล่านี้ปีละหนึ่งพับ ก็ดีใจจนแทบจะเสียสติแล้วฮองเฮาเคยได้รับพระราชทานผ้าเหลียงเหรินจิ่นสองพับ ถึงกับจัดงานเลี้ยงในวังเพื่ออวดผ้าเหลียงเหรินจิ่นของตัวเองโดยเฉพาะแม้แต่จีหรง ก็ยังหาผ้าไหมผ้าต่วนดี ๆ แบบนี้ในวังได้ไม่กี่พับดังนั้น เมื่อได้ยินว่าจวินจิ๋วอิ่นมอบให้ไป๋ซวงมากมายเช่นนี้พวกเขาถึงกับสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือไม่โดยเฉพาะเหล่าฮูหยิน คุณหนู ต่างพากันอิจฉาตาร้อนแต่ทว่า นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นหลิ่วกงกงกระแอม จากนั้นประกาศต่อ“หยกแกะสลักผักกาดขาวหนึ่งชิ้น แจกันหยกขาวมันแพะล้ำค่าหนึ่งคู่ ถ้วยหยกเก้าพญามังกรหนึ่งคู่ ฉากกั้นแร่มรกตลายภูเขาลำน้ำหนึ่งอัน...”“หญ้าพันวิญญาณระดับสูงสามต้น หญ้าดารามารระดับสูงสองต้น บุปผาศักดิ์สิท
“เรื่องขององค์ชายใหญ่ ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”ในเมื่อไป๋ซวงตัดสินใจที่จะลองคบหากับจวินจิ๋วอิ่น เช่นนั้นนางก็ต้องรู้สถานการณ์ของศัตรูให้ชัดเจนจวินจิ๋วอิ่นเห็นว่านางเอาใจใส่เรื่องของเขาขนาดนี้ ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก“จวินเทียนเจ๋อสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูนั้น หลักฐานมัดตัวแน่นหนา ไม่มีทางรอดพ้นได้แล้ว ส่วนหลิวซื่อข่าย ถึงแม้จะปฏิเสธหัวชนฝา และไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่พิสูจน์ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับจวินเทียนเจ๋อ แต่มีคำให้การของหลิวหย่ง ประกอบกับคำสารภาพของคนสนิทของจวินเทียนเจ๋อ เขาก็ยากที่จะรอดพ้นความผิด”จวินจิ๋วอิ่นจูงมือไป๋ซวง เดินไปนั่งด้านข้าง“หลังจากที่หลิวซื่อข่ายถูกปลดออกจากตำแหน่ง ตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นคนของเราได้แล้ว”“คนของเรามีกี่คน?”ไป๋ซวงคิดว่า นางจำเป็นต้องรู้ว่าใครคือพวกเดียวกันกับนางไม่เช่นนั้น หากต้องมาเผชิญหน้ากับพวกเดียวกันเอง นั่นคงเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งนัก‘คนของเรา’ ทำให้จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเขาเก็บซ่อนรอยยิ้มที่หางตาไว้ไม่อยู่ จึงเอื้อมมือออกไปจับมือของไป๋ซวง“นอกจากมหาเสนาบดีเจียงเจิง หวังหยวนจากกรมอาญา หลิวซื่อข่ายจากกรม
จวินจิ๋วอิ่นเห็นท่าทางเขินอายเล็กน้อยของไป๋ซวง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเขาค่อย ๆ ก้มลงเก็บโฉนดที่ดินเหล่านั้นทีละใบจากนั้นก็วางลงในกล่องไม้จันทน์อย่างเรียบร้อยแล้วค่อยส่งมอบให้กับไป๋ซวง“ของเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสินสอดเท่านั้น เดิมทีคิดว่าซวงเอ๋อร์ไม่มีครอบครัว จึงตั้งใจว่าจะมอบสินสอดให้ซวงเอ๋อร์โดยตรงในวันแต่งงาน แต่ในเมื่อตอนนี้ซวงเอ๋อร์หาครอบครัวเจอแล้ว เช่นนั้นข้าก็ต้องเตรียมสินสอดใหม่ตามธรรมเนียม”จวินจิ๋วอิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นก็หันไปหยิบกระดาษหนา ๆ ปึกหนึ่งออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเขียนหนังสือ“สิ่งเหล่านี้คือสินสอดทั้งหมดที่ข้าเตรียมไว้ ซวงเอ๋อร์ลองดูว่ายังมีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มอีกหรือไม่ หากไม่มีแล้ว ข้าจะเลือกวันเพื่อส่งสินสอดไปยังจวนตระกูลไป๋”ไป๋ซวงมองดูรายการสินสอดหนา ๆ เหลือบมองเพียงด้านบนสุดก็เห็นว่าล้วนแต่เป็นของล้ำค่าหายากทั้งสิ้น“ดูเหมือนข้ายังไม่ได้ตอบตกลงแต่งงานกับท่านเลยนะ!”ไป๋ซวงไม่ได้รับรายการสินสอดมา แต่มองเขาด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ“ไม่มีทางเลือก ตอนนี้ทุกอย่างเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพ่อตากับน้อ
พวกเขารู้สึกจริง ๆ ว่าเสด็จพ่อต้องคิดจำนวนเงินค่าเสียหายนี้เอาไว้นานแล้ว มิเช่นนั้นจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร จำนวนเงินค่าเสียหายที่องค์ชายแต่ละคนต้องจ่ายนั้นไม่เท่ากันแต่พอดีกับที่สามารถรีดไถทรัพย์สินขององค์ชายแต่ละคนไปจนหมดเกลี้ยงทว่าพวกเขาก็ได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา แล้วจดจำเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้งานเลี้ยงในวังที่ควรจะเต็มไปด้วยความรื่นเริง กลับกลายเป็นเช่นนี้ไหนเลยจะยังมีความปิติยินดีหลงเหลืออยู่?นอกจากจีหรงเองที่มีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้ เพราะลูกชายของนางได้รับทรัพย์สมบัติเกือบครึ่งหนึ่งของท้องพระคลังภายในชั่วข้ามคืน!ลูกคนอื่นล้วนถูกลงโทษ มีเพียงจวินจิ๋วอิ่นคนเดียวที่ได้รับคำชมจากจวินฉงนางช่างยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้อย่างไรกัน เหมือนได้ให้กำเนิดอัจฉริยะอย่างจวินจิ๋วอิ่น ทำให้นางสามารถวางอำนาจในวังหลังได้จากนั้น ลูกชายก็ให้กำเนิดหลานชายที่เป็นอัจฉริยะอีกคนคิด ๆ ดูแล้ว ชีวิตช่างดีงามอะไรเช่นนี้ส่วนจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวงนั่งอยู่ในรถม้า โดยมีซวี่เป่าที่ง่วงนอนอยู่ในอ้อมแขนไป๋ซวงเห็นว่าเขาง่วงแล้ว จึงค่อย ๆ โอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขนซวี่เป่าพยายามลุ