บททั้งหมดของ องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน: บทที่ 121 - บทที่ 130

316

บทที่ 121

ฉงชูโม่ยกคิ้วขึ้นถามว่า "องค์รัชทายาทกำลังหมายความว่า หม่อมฉันเป็นนางล่มเมืองหรือเพคะ?""ฮ่าฮ่า เจ้านี่ช่างรู้ตัวดีจริง ๆ ที่นี่คงมิเหมาะกับเราแล้ว ไปชั้นสองกันเถอะ" ฉินซูหัวเราะแล้วหันไปส่งสัญญาณให้เสี่ยวเอ้อร์[footnoteRef:0]ในโรงเตี๊ยม [0: เสี่ยวเอ้อร์ หมายถึง พนักงาน บริกร] เสี่ยวเอ้อร์โค้งคำนับอย่างนอบน้อม "คุณชาย คุณหนู ที่ชั้นสองมีห้องส่วนตัวเหลืออยู่ แต่ราคาจะค่อนข้างสูงหน่อยขอรับ"ฉินซูหรี่ตามองแล้วกล่าว "เจ้าคิดว่าเราดูเหมือนคนขัดสนเรื่องเงินหรือ?""หามิได้ขอรับ เชิญคุณชาย คุณหนูตามข้ามาได้เลยขอรับ" เสี่ยวเอ้อร์รีบพาทั้งสองขึ้นไปยังห้องส่วนตัวชั้นสองชั้นสองบรรยากาศดีกว่าชั้นล่างอย่างเห็นได้ชัด นอกจากโต๊ะที่อยู่ใกล้หน้าต่างตรงปากทางเดินแล้ว ที่เหลือก็เป็นห้องส่วนตัวทั้งหมด"ท่านทั้งสองมาได้จังหวะพอดี นี่เป็นห้องส่วนตัวห้องสุดท้ายแล้ว เชิญเลือกอาหารตามใจชอบเถิดขอรับ""จัดอาหารขึ้นชื่อของโรงเตี๊ยมมาทุกอย่างอย่างละหนึ่ง แล้วก็สุราชั้นดีอีกหนึ่งไห" ฉินซูสั่ง"ขอรับ ข้าจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้" เสี่ยวเอ้อร์รีบออกไปหลังจากชงชาเสร็จฉงชูโม่เริ่มเงี่ยหูฟังการสนท
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 122

"ฉัวะ!" ตะเกียบเสียบทะลุข้อมือของชายร่างกำยำ เลือดสีแดงข้นหยดไหลตามตะเกียบลงพื้น ทันใดนั้น ชายร่างกำยำก็กุมข้อมือตัวเองด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าเหยเกพร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวนชายอีกคนเห็นดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาชักดาบออกมาทันที และขณะที่กำลังจะฟันใส่ฉงชูโม่ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากนอกห้อง"หวังอู่! หยุดเดี๋ยวนี้!"เมื่อได้ยินเสียงนั้น หวังอู่หันไปถามอย่างแปลกใจว่า "คุณชาย พวกมันมิเพียงมิยอมไสหัวออกไป แต่ยังทำลายมือของเอ้อร์หู่อีก ท่านจะปล่อยไปง่าย ๆ หรือ?""หุบปาก! เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นพวกเจ้าที่รังแกผู้อื่นก่อน รีบไสหัวไปให้พ้น!!" ชายหนุ่มตะโกนดุอีกครั้งก่อนจะเดินเข้ามา เขายิ้มบาง ๆ แล้วค้อมตัวทำความเคารพฉงชูโม่เล็กน้อย"แม่นาง ข้าต้องขออภัยจริง ๆ คนของข้ามิรู้จักกาลเทศะ หากล่วงเกินประการใด ขอเจ้าโปรดยกโทษให้ด้วย"แต่ขณะพูด สายตาของชายหนุ่มก็จ้องมองฉงชูโม่อย่างมิลดละ ลึก ๆ ในดวงตาของเขาฉายแววโลภและกระหายอย่างปิดมิมิดฉงชูโม่สังเกตเห็นท่าทีไร้มารยาทของเขา คิ้วเรียวขมวดแน่น พูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจออกมาชัดเจน "พาคนของท่านถอยออกไปเสีย อย่ามากวนพวกข้าตอนกำลังกิ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 123

หวังอู่รับคำสั่งเสียงดังและรีบเดินตรงไปทางจวนผู้ว่าการมณฑลโดยมิรอช้า มินานนัก เขาก็กลับมา พร้อมกับชายกลางคนรูปร่างกำยำคนหนึ่งชายผู้นี้สวมชุดยาวสีน้ำเงิน แขนมีกล้ามเนื้อเป็นมัดชัดเจน นิ้วทั้งห้าดูแข็งแกร่ง แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ฝึกฝนร่างกายมาอย่างดี เขาคือ “จางเฉวียน” เป็นทั้งพ่อบ้านและหัวหน้าผู้คุ้มกันประจำจวนผู้ว่าการมณฑลอีกด้วยเมื่อหูก่วงเผิงเห็นเขา ก็กระตุกยิ้มออกมา “ท่านอาจาง ท่านมาสักที ข้ารอท่านมาตั้งนานแล้ว”จางเฉวียนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณชาย ผู้ใดช่างบังอาจเยี่ยงนี้ ถึงขั้นทำร้ายท่านเลยหรือ?”"คนพวกนั้นอยู่บนชั้นสอง ในห้องส่วนตัวห้องแรก ข้าจะพาท่านขึ้นไปเอง" หูก่วงเผิงพูดจบ ก็พากลุ่มของเขาเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมทันที มีจางเฉวียนและคนอื่น ๆ เดินตามหลังภายในห้องขณะที่ฉินซูกินอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉงชูโม่จึงลุกขึ้น ตั้งใจจะไปเรียกเสี่ยวเอ้อร์มาคิดเงิน ทันทีที่นางเปิดประตูออกมา นางก็พบกับหูก่วงเผิงกับคนของเขาเดินตรงเข้ามาหานางพอดีฉงชูโม่เหลือบมองจางเฉวียนเล็กน้อย ใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มเยาะหยันขึ้นหูก่วงเผิงยืนเอามือไพล่หลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 124

ใบหน้าของฉงชูโม่พลันมืดมน นางจ้องเขม็งไปที่ฉินซูด้วยความดุดันฉินซูทำท่าทีราวกับมิกลัวอันตรายใด เขาพูดด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจังว่า “โธ่เมียรัก ท่านนี้คือคุณชายจากจวนผู้ว่าการมณฑล เรามิอาจล่วงเกินได้จริง ๆ เจ้าก็แค่ตามเขาไปสักหน่อยเถิด อย่าได้ทำให้ข้าลำบากเลย”"ท่าน..." ฉงชูโม่โกรธจนแทบระเบิดนางกลอกตาไปมา แล้วจู่ ๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็เผยขึ้นบนใบหน้า"ได้ เจ้าคนใจดำ ข้าถูกคนรังแก ท่านกลับนิ่งเฉยมิสนใจ เช่นนั้นรอดูไปเถอะ!" นางหันไปพูดกับหูก่วงเผิง "คุณชายหู หากท่านช่วยข้าสั่งสอนเจ้าสามีใจดำคนนี้ให้ข้า ข้าก็จะยินยอมตามท่านไปแต่โดยดี""เจ้าพูดจริงหรือ?!" หูก่วงเผิงแทบมิเชื่อหูตัวเองฉงชูโม่พยักหน้าจริงจัง "จริงแท้แน่นอน คนใจจืดใจดำเยี่ยงเขา ข้าคิดจะลาจากไปตั้งนานแล้ว"หูก่วงเผิงดีใจจนตัวแทบลอย เขารีบตอบรับทันทีว่า "ไม่มีปัญหา ข้าจะสั่งสอนเขาให้เจ้าอย่างสาสมทีเดียว!"เขาโบกมือใหญ่ของเขา พลางสั่งว่า "ท่านอาจาง หักขาเจ้าหนุ่มนี่แล้วโยนมันทิ้งที่นอกเมืองเสียเถอะ ปล่อยให้เผชิญยถากรรมเอาเอง"“ได้!” จางเฉวียนรับคำแล้วก้าวเท้าตรงเข้าหาฉินซูฉินซูขมวดคิ้วและหันไปพูดกับฉงชูโ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 125

หากคนธรรมดา ถูกจางเฉวียนโจมตีเพียงครั้งเดียว กระดูกคงหักในทันทีแต่สำหรับฉงชูโม่แล้ว ท่าทางที่ดูแข็งแกร่งและดุดันของจางเฉวียนนั้น เป็นเพียงการแสดงปาหี่เท่านั้นนางมิอยากเสียเวลาอีกต่อไป จึงฝ่ามือฟาดออกไปโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า“ปัง!!”ร่างของจางเฉวียนพลันลอยขึ้นไปกลางอากาศ และหล่นลงไปอย่างแรงที่ระเบียงนอกห้อง! เขาพยายามตะเกียกตะกายจะลุกขึ้น แต่ร่างกายเหมือนจะแหลกละเอียด และมิสามารถขยับได้เลยแต่ที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่านั้นคือ เขารู้สึกว่าลมปราณในกายปั่นป่วนอย่างรุนแรง และมิสามารถควบคุมลมปราณได้ เขากระอักเลือดออกมาคำใหญ่!ภาพนี้ทำให้หูก่วงเผิงและพรรคพวกถึงกับตะลึงงัน! พวกเขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของจางเฉวียน ซึ่งเป็นถึงจอมยุทธขั้นสูงสุดระดับซวน แต่ตอนนี้จอมยุทธขั้นสูงสุดระดับซวนผู้นี้ กลับถูกหญิงสาวที่ดูไม่มีแรงแม่แต่จะฆ่าไก่คนนี้ซัดจนกระเด็น และยังดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บภายในอีกด้วย!หากมิได้เห็นกับตาตัวเอง พวกเขาคงไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด!ฉงชูโม่ตบมือเบา ๆ สองสามที แล้วกล่าวอย่างดูถูกว่า “ไสหัวไปซะ หากยังกล้ามาวุ่นวายอีก ตาย!”หูก่วงเผิงที่เพิ่งรู้สึกตัวอยากจะเอ่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 126

หูก่วงเผิงบ่นพึมพำอย่างโกรธแค้นว่า "นางแพศยา คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าคุณชายผู้นี้จะทำให้เจ้าเชื่อฟังอย่างดีเลย!" เมื่อพูดจบ เขาก็นำพรรคพวกออกไปในโรงเตี๊ยม ฉงชูโม่เรียกเสี่ยวเอ้อร์เข้ามา เมื่อเห็นว่าฉงชูโม่และฉินซูก็ยังอยู่ดีไม่มีอันตราย เสี่ยวเอ้อร์ก็ทำหน้าประหลาดใจอย่างมากฉินซูเลิกคิ้วแล้วถามว่า "พี่เสี่ยวเอ้อร์ เหตุใดเจ้าจึงมองเราด้วยสายตาเช่นนี้เล่า?""หา… หามิได้ขอรับ ข้าน้อยเพียงแต่รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อยเท่านั้น""โอ้? ไยถึงพูดเช่นนั้นเล่า?"เสี่ยวเอ้อร์มองไปรอบ ๆ ก่อนหันไปมองนอกประตู เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ด้านนอก จากนั้นเขาจึงลดเสียงลงแล้วพูดว่า "คุณชายอาจจะมิทราบมาก่อน คุณชายหูเป็นคนยโสโอหังและเจ้าเผด็จการ ในเมืองหลงโย่วนี้ มีสตรีจากตระกูลดี ๆ หลายคนถูกเขาล่วงละเมิด ผู้ใดกล้าขัดใจเขา ไม่มีใครมีจุดจบที่ดีสักคน ข้าน้อยเห็นว่าพวกท่านมีปัญหากับเขา แต่กลับยังคงปลอดภัยดี จึงรู้สึกว่าเหลือเชื่อน่ะขอรับ"ฉงชูโม่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า "สตรีที่ถูกเขาล่วงละเมิด พวกนางมิไปแจ้งความหรือ?""เฮ้อ บิดาของเขา หูเฟิงเป็นถึงผู้ว่าการมณฑลของหลงโย่ว หากไปแจ้งความ นั่น
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 127

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ห้าปีแล้ว ในที่สุดก็มีข่าวของเขา!ฉินซูถามด้วยความสงสัยว่า "เหตุใดพวกเจ้าถึงเรียกเขาว่าสวีผู้ผดุงธรรม?" เสี่ยวเอ้อร์ก็เริ่มเล่าเรื่องราวอย่างลื่นไหลทันทีเรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อน มีหมู่บ้านนอกเมืองหลงโย่วถูกกลุ่มโจรภูเขาบุกปล้น ชาวบ้านหลายคนถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม และทรัพย์สินทั้งหมดก็ถูกโจรปล้นไป ทางการส่งกองทหารออกไปปราบ แต่พวกโจรหลบหนีเข้าไปในภูเขาลึก จับตัวมิได้นับแต่นั้นมา พวกโจรภูเขาก็ออกมาอาละวาดเป็นระยะ ๆ เหตุการณ์ที่สร้างความวุ่นวายที่สุดครั้งหนึ่ง คือพวกโจรปะทะกับทหารที่ประจำการในเมือง ผลลัพธ์คือทั้งสองฝ่ายต่างมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ไม่มีฝ่ายไหนได้เปรียบ หลังจากนั้นสองเดือน โจรเหล่านั้นก็กลับมาบุกอีกครั้ง และทหารที่ประจำการในเมืองก็ออกไปต่อสู้ แต่ใครจะคาดคิดว่า นั่นเป็นกับดักของพวกโจรภูเขา เมื่อพวกทหารไล่ตามไปถึงเนินเขาสิบหลี่ พวกโจรที่ซุ่มอยู่ก็ปรากฏตัวออกมาล้อมพวกทหารเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าทหารเหล่านั้นถูกล้อมและกำลังจะถูกสังหาร แต่ในตอนนั้นเอง ชายผู้กล้าหาญคนหนึ่งก็ปรากฏตัวราวกั
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 128

ฉินซูพูดโดยมิต้องคิด “แทนที่จะไปหาตัวเขา สู้ทำเรื่องที่นี่ให้เอิกเกริกขึ้นหน่อย แล้วเขาจะมาหาเราเอง”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเห็นด้วยกับความคิดของฉินซู "ได้ งั้นทำตามที่ท่านว่า เช่นนั้นพวกเรามาก่อเรื่องใหญ่กันเถอะ!" เมื่อเห็นนางแสดงท่าทางร้อนใจเช่นนั้น ฉินซูก็พูดอย่างหมดความอดทนว่า "ตัวการยังมิมาเลย เจ้าจะร้อนใจหาปะไร รอให้พวกเขามาก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นเจ้าก็แค่ปล่อยให้ตัวเองไปวุ่นวายเท่านั้น ถ้าเรื่องแพร่กระจายออกไป เจ้าคิดหรือว่าสวีหลายจะมิโผล่มาเอง" ฉงชูโม่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วก็นั่งลง ฉินซูหันไปถามเสี่ยวเอ้อร์ว่า "เมื่อครู่ข้าขึ้นบันไดมา ข้าสังเกตว่าที่นี่ดูเหมือนจะมีที่พักด้วยใช่หรือไม่?" "มีขอรับ แขกผู้มีเกียรติ ที่ชั้นสามและชั้นสี่เป็นห้องพักทั้งหมด และเป็นห้องชั้นดีทั้งสิ้น หากท่านทั้งสองต้องการ ข้าน้อยจะจัดการให้เดี๋ยวนี้ขอรับ" "ดี ไปเถอะ" ฉินซูมิอยากเสียเวลาไปหาที่พักที่อื่นแล้ว มินานนัก ฉินซูกับฉงชูโม่ก็ขึ้นไปยังชั้นสาม และแยกกันเข้าห้องพักของตัวเอง ขณะที่ฉินซูกำลังจะเอนกายลงนอน ก็มีคนเปิดประตูเข้ามาอย่างกะทันหัน เขา
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 129

มิทันที่ฉินซูจะพูดจบ ฉงชูโม่ก็ขมวดคิ้วแล้วขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย "หากท่านพูดปลอบใจมิเป็น ก็อย่าพูดเลย ฟังท่านพูดจบ หม่อมฉันยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิมอีก" ฉินซูยักไหล่ "เช่นนั้นข้ามิพูดแล้ว เหล้านี่ก็แย่เกินจะดื่ม ข้าขอมิดื่มกับเจ้าแล้วกัน เดินทางมาตั้งไกล ข้าของีบสักหน่อยก่อน" พูดจบ ฉินซูก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงและหลับตาพักผ่อน ฉงชูโม่จ้องมองเขาด้วยความมิพอใจ ก่อนจะหันกลับมาดื่มเหล้าต่อไปเพียงคนเดียว มิรู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่จู่ ๆ ฉินซูก็ได้กลิ่นหอมละมุนลอยมาจากข้างกายเขาลืมตาขึ้น แต่แล้วก็ต้องตกใจจนตาเบิกกว้าง! ฉงชูโม่นอนอยู่ข้างเขา! มิเพียงแค่นั้น นางยังพลิกตัวพาดแขนขาวเนียนเหมือนรากบัวมาพาดไว้ที่คอของเขาอีกด้วย ร่างกายที่นุ่มนวลและอบอุ่นของนางแนบชิดกับเขาเต็มที่เมื่อได้สัมผัสถึงความอุ่นที่แผ่มาจากร่างของนาง ฉินซูรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เลือดลมในร่างกายพลันร้อนระอุ เขากลืนน้ำลายแล้วพูดกระซิบเบา ๆ "ชูโม่ ชูโม่ เจ้าตื่นสิ..." ฉงชูโม่ที่กำลังเมามายพูดเสียงอ้อแอ้ "อือ... ท่านจะอะไรนักหนา น่ารำคาญ อย่ากวนสิ" "มิใช่ ไยเจ้ามานอนเตียงข้าเล่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 130

เมื่อริมฝีปากของทั้งสองได้สัมผัสกัน ฉงชูโม่ถึงกับมึนงงไปทันที ในขณะนั้นสมองของนางว่างเปล่า หัวใจเต้นรัวอย่างมิรู้ตัว ฉินซูเองก็ถูกการกระทำที่มิทันตั้งตัวของฉงชูโม่ทำให้ตกใจเช่นกัน เมื่อสติกลับคืนมา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความตกตะลึงทั้งสองคนต่างนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นสักพัก ฉงชูโม่ก็เริ่มรู้สึกตัว ใบหน้านางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ก่อนที่จะคิดถอยออกไป แต่ในตอนนั้นฉินซูโอบรัดเอวนางไว้ แล้วจุมพิตอย่างลึกซึ้งและอ่อนโยน แรกเริ่ม ฉงชูโม่ยังคงพยายามผลักเขาออกตามสัญชาตญาณ แต่ภายใต้การรุกของฉินซู นางพบว่าร่างกายของนางอ่อนยวบไปหมด ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้านแม้แต่น้อย พร้อมกันนั้น นางยังรู้สึกว่า ความรู้สึกนี้ช่างน่าพิศวงนักจนอดมิได้ที่จะโอนอ่อนตามไป สองแขนงามประหนึ่งหยกของนางคล้องคอฉินซูไว้โดยมิรู้ตัวเมื่อได้รับการตอบสนองจากฉงชูโม่ ฉินซูก็โอบรัดนางและล้มตัวลงบนเตียงไปตามธรรมชาติใบหน้าของฉงชูโม่แดงซ่านราวกับกลีบเมฆที่ต้องแสงอาทิตย์อัสดงภายใต้จูบของฉินซู ร่างของนางอ่อนระทวยราวกับคล้ายกับธารน้ำใสที่ดูเหมือนค่อย ๆ หลอมละลาย ฉินซูไปด้วยฉินซูจูบไปพลาง มือทั้งสองข้างไ
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
1112131415
...
32
DMCA.com Protection Status