"ฉัวะ!" ตะเกียบเสียบทะลุข้อมือของชายร่างกำยำ เลือดสีแดงข้นหยดไหลตามตะเกียบลงพื้น ทันใดนั้น ชายร่างกำยำก็กุมข้อมือตัวเองด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าเหยเกพร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวนชายอีกคนเห็นดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาชักดาบออกมาทันที และขณะที่กำลังจะฟันใส่ฉงชูโม่ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากนอกห้อง"หวังอู่! หยุดเดี๋ยวนี้!"เมื่อได้ยินเสียงนั้น หวังอู่หันไปถามอย่างแปลกใจว่า "คุณชาย พวกมันมิเพียงมิยอมไสหัวออกไป แต่ยังทำลายมือของเอ้อร์หู่อีก ท่านจะปล่อยไปง่าย ๆ หรือ?""หุบปาก! เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นพวกเจ้าที่รังแกผู้อื่นก่อน รีบไสหัวไปให้พ้น!!" ชายหนุ่มตะโกนดุอีกครั้งก่อนจะเดินเข้ามา เขายิ้มบาง ๆ แล้วค้อมตัวทำความเคารพฉงชูโม่เล็กน้อย"แม่นาง ข้าต้องขออภัยจริง ๆ คนของข้ามิรู้จักกาลเทศะ หากล่วงเกินประการใด ขอเจ้าโปรดยกโทษให้ด้วย"แต่ขณะพูด สายตาของชายหนุ่มก็จ้องมองฉงชูโม่อย่างมิลดละ ลึก ๆ ในดวงตาของเขาฉายแววโลภและกระหายอย่างปิดมิมิดฉงชูโม่สังเกตเห็นท่าทีไร้มารยาทของเขา คิ้วเรียวขมวดแน่น พูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจออกมาชัดเจน "พาคนของท่านถอยออกไปเสีย อย่ามากวนพวกข้าตอนกำลังกิ
หวังอู่รับคำสั่งเสียงดังและรีบเดินตรงไปทางจวนผู้ว่าการมณฑลโดยมิรอช้า มินานนัก เขาก็กลับมา พร้อมกับชายกลางคนรูปร่างกำยำคนหนึ่งชายผู้นี้สวมชุดยาวสีน้ำเงิน แขนมีกล้ามเนื้อเป็นมัดชัดเจน นิ้วทั้งห้าดูแข็งแกร่ง แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ฝึกฝนร่างกายมาอย่างดี เขาคือ “จางเฉวียน” เป็นทั้งพ่อบ้านและหัวหน้าผู้คุ้มกันประจำจวนผู้ว่าการมณฑลอีกด้วยเมื่อหูก่วงเผิงเห็นเขา ก็กระตุกยิ้มออกมา “ท่านอาจาง ท่านมาสักที ข้ารอท่านมาตั้งนานแล้ว”จางเฉวียนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณชาย ผู้ใดช่างบังอาจเยี่ยงนี้ ถึงขั้นทำร้ายท่านเลยหรือ?”"คนพวกนั้นอยู่บนชั้นสอง ในห้องส่วนตัวห้องแรก ข้าจะพาท่านขึ้นไปเอง" หูก่วงเผิงพูดจบ ก็พากลุ่มของเขาเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมทันที มีจางเฉวียนและคนอื่น ๆ เดินตามหลังภายในห้องขณะที่ฉินซูกินอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉงชูโม่จึงลุกขึ้น ตั้งใจจะไปเรียกเสี่ยวเอ้อร์มาคิดเงิน ทันทีที่นางเปิดประตูออกมา นางก็พบกับหูก่วงเผิงกับคนของเขาเดินตรงเข้ามาหานางพอดีฉงชูโม่เหลือบมองจางเฉวียนเล็กน้อย ใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มเยาะหยันขึ้นหูก่วงเผิงยืนเอามือไพล่หลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหย
ใบหน้าของฉงชูโม่พลันมืดมน นางจ้องเขม็งไปที่ฉินซูด้วยความดุดันฉินซูทำท่าทีราวกับมิกลัวอันตรายใด เขาพูดด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจังว่า “โธ่เมียรัก ท่านนี้คือคุณชายจากจวนผู้ว่าการมณฑล เรามิอาจล่วงเกินได้จริง ๆ เจ้าก็แค่ตามเขาไปสักหน่อยเถิด อย่าได้ทำให้ข้าลำบากเลย”"ท่าน..." ฉงชูโม่โกรธจนแทบระเบิดนางกลอกตาไปมา แล้วจู่ ๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็เผยขึ้นบนใบหน้า"ได้ เจ้าคนใจดำ ข้าถูกคนรังแก ท่านกลับนิ่งเฉยมิสนใจ เช่นนั้นรอดูไปเถอะ!" นางหันไปพูดกับหูก่วงเผิง "คุณชายหู หากท่านช่วยข้าสั่งสอนเจ้าสามีใจดำคนนี้ให้ข้า ข้าก็จะยินยอมตามท่านไปแต่โดยดี""เจ้าพูดจริงหรือ?!" หูก่วงเผิงแทบมิเชื่อหูตัวเองฉงชูโม่พยักหน้าจริงจัง "จริงแท้แน่นอน คนใจจืดใจดำเยี่ยงเขา ข้าคิดจะลาจากไปตั้งนานแล้ว"หูก่วงเผิงดีใจจนตัวแทบลอย เขารีบตอบรับทันทีว่า "ไม่มีปัญหา ข้าจะสั่งสอนเขาให้เจ้าอย่างสาสมทีเดียว!"เขาโบกมือใหญ่ของเขา พลางสั่งว่า "ท่านอาจาง หักขาเจ้าหนุ่มนี่แล้วโยนมันทิ้งที่นอกเมืองเสียเถอะ ปล่อยให้เผชิญยถากรรมเอาเอง"“ได้!” จางเฉวียนรับคำแล้วก้าวเท้าตรงเข้าหาฉินซูฉินซูขมวดคิ้วและหันไปพูดกับฉงชูโ
หากคนธรรมดา ถูกจางเฉวียนโจมตีเพียงครั้งเดียว กระดูกคงหักในทันทีแต่สำหรับฉงชูโม่แล้ว ท่าทางที่ดูแข็งแกร่งและดุดันของจางเฉวียนนั้น เป็นเพียงการแสดงปาหี่เท่านั้นนางมิอยากเสียเวลาอีกต่อไป จึงฝ่ามือฟาดออกไปโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า“ปัง!!”ร่างของจางเฉวียนพลันลอยขึ้นไปกลางอากาศ และหล่นลงไปอย่างแรงที่ระเบียงนอกห้อง! เขาพยายามตะเกียกตะกายจะลุกขึ้น แต่ร่างกายเหมือนจะแหลกละเอียด และมิสามารถขยับได้เลยแต่ที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่านั้นคือ เขารู้สึกว่าลมปราณในกายปั่นป่วนอย่างรุนแรง และมิสามารถควบคุมลมปราณได้ เขากระอักเลือดออกมาคำใหญ่!ภาพนี้ทำให้หูก่วงเผิงและพรรคพวกถึงกับตะลึงงัน! พวกเขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของจางเฉวียน ซึ่งเป็นถึงจอมยุทธขั้นสูงสุดระดับซวน แต่ตอนนี้จอมยุทธขั้นสูงสุดระดับซวนผู้นี้ กลับถูกหญิงสาวที่ดูไม่มีแรงแม่แต่จะฆ่าไก่คนนี้ซัดจนกระเด็น และยังดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บภายในอีกด้วย!หากมิได้เห็นกับตาตัวเอง พวกเขาคงไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด!ฉงชูโม่ตบมือเบา ๆ สองสามที แล้วกล่าวอย่างดูถูกว่า “ไสหัวไปซะ หากยังกล้ามาวุ่นวายอีก ตาย!”หูก่วงเผิงที่เพิ่งรู้สึกตัวอยากจะเอ่
หูก่วงเผิงบ่นพึมพำอย่างโกรธแค้นว่า "นางแพศยา คอยดูเถอะ คืนนี้ข้าคุณชายผู้นี้จะทำให้เจ้าเชื่อฟังอย่างดีเลย!" เมื่อพูดจบ เขาก็นำพรรคพวกออกไปในโรงเตี๊ยม ฉงชูโม่เรียกเสี่ยวเอ้อร์เข้ามา เมื่อเห็นว่าฉงชูโม่และฉินซูก็ยังอยู่ดีไม่มีอันตราย เสี่ยวเอ้อร์ก็ทำหน้าประหลาดใจอย่างมากฉินซูเลิกคิ้วแล้วถามว่า "พี่เสี่ยวเอ้อร์ เหตุใดเจ้าจึงมองเราด้วยสายตาเช่นนี้เล่า?""หา… หามิได้ขอรับ ข้าน้อยเพียงแต่รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อยเท่านั้น""โอ้? ไยถึงพูดเช่นนั้นเล่า?"เสี่ยวเอ้อร์มองไปรอบ ๆ ก่อนหันไปมองนอกประตู เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ด้านนอก จากนั้นเขาจึงลดเสียงลงแล้วพูดว่า "คุณชายอาจจะมิทราบมาก่อน คุณชายหูเป็นคนยโสโอหังและเจ้าเผด็จการ ในเมืองหลงโย่วนี้ มีสตรีจากตระกูลดี ๆ หลายคนถูกเขาล่วงละเมิด ผู้ใดกล้าขัดใจเขา ไม่มีใครมีจุดจบที่ดีสักคน ข้าน้อยเห็นว่าพวกท่านมีปัญหากับเขา แต่กลับยังคงปลอดภัยดี จึงรู้สึกว่าเหลือเชื่อน่ะขอรับ"ฉงชูโม่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า "สตรีที่ถูกเขาล่วงละเมิด พวกนางมิไปแจ้งความหรือ?""เฮ้อ บิดาของเขา หูเฟิงเป็นถึงผู้ว่าการมณฑลของหลงโย่ว หากไปแจ้งความ นั่น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ห้าปีแล้ว ในที่สุดก็มีข่าวของเขา!ฉินซูถามด้วยความสงสัยว่า "เหตุใดพวกเจ้าถึงเรียกเขาว่าสวีผู้ผดุงธรรม?" เสี่ยวเอ้อร์ก็เริ่มเล่าเรื่องราวอย่างลื่นไหลทันทีเรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อน มีหมู่บ้านนอกเมืองหลงโย่วถูกกลุ่มโจรภูเขาบุกปล้น ชาวบ้านหลายคนถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม และทรัพย์สินทั้งหมดก็ถูกโจรปล้นไป ทางการส่งกองทหารออกไปปราบ แต่พวกโจรหลบหนีเข้าไปในภูเขาลึก จับตัวมิได้นับแต่นั้นมา พวกโจรภูเขาก็ออกมาอาละวาดเป็นระยะ ๆ เหตุการณ์ที่สร้างความวุ่นวายที่สุดครั้งหนึ่ง คือพวกโจรปะทะกับทหารที่ประจำการในเมือง ผลลัพธ์คือทั้งสองฝ่ายต่างมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ไม่มีฝ่ายไหนได้เปรียบ หลังจากนั้นสองเดือน โจรเหล่านั้นก็กลับมาบุกอีกครั้ง และทหารที่ประจำการในเมืองก็ออกไปต่อสู้ แต่ใครจะคาดคิดว่า นั่นเป็นกับดักของพวกโจรภูเขา เมื่อพวกทหารไล่ตามไปถึงเนินเขาสิบหลี่ พวกโจรที่ซุ่มอยู่ก็ปรากฏตัวออกมาล้อมพวกทหารเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าทหารเหล่านั้นถูกล้อมและกำลังจะถูกสังหาร แต่ในตอนนั้นเอง ชายผู้กล้าหาญคนหนึ่งก็ปรากฏตัวราวกั
ฉินซูพูดโดยมิต้องคิด “แทนที่จะไปหาตัวเขา สู้ทำเรื่องที่นี่ให้เอิกเกริกขึ้นหน่อย แล้วเขาจะมาหาเราเอง”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเห็นด้วยกับความคิดของฉินซู "ได้ งั้นทำตามที่ท่านว่า เช่นนั้นพวกเรามาก่อเรื่องใหญ่กันเถอะ!" เมื่อเห็นนางแสดงท่าทางร้อนใจเช่นนั้น ฉินซูก็พูดอย่างหมดความอดทนว่า "ตัวการยังมิมาเลย เจ้าจะร้อนใจหาปะไร รอให้พวกเขามาก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นเจ้าก็แค่ปล่อยให้ตัวเองไปวุ่นวายเท่านั้น ถ้าเรื่องแพร่กระจายออกไป เจ้าคิดหรือว่าสวีหลายจะมิโผล่มาเอง" ฉงชูโม่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วก็นั่งลง ฉินซูหันไปถามเสี่ยวเอ้อร์ว่า "เมื่อครู่ข้าขึ้นบันไดมา ข้าสังเกตว่าที่นี่ดูเหมือนจะมีที่พักด้วยใช่หรือไม่?" "มีขอรับ แขกผู้มีเกียรติ ที่ชั้นสามและชั้นสี่เป็นห้องพักทั้งหมด และเป็นห้องชั้นดีทั้งสิ้น หากท่านทั้งสองต้องการ ข้าน้อยจะจัดการให้เดี๋ยวนี้ขอรับ" "ดี ไปเถอะ" ฉินซูมิอยากเสียเวลาไปหาที่พักที่อื่นแล้ว มินานนัก ฉินซูกับฉงชูโม่ก็ขึ้นไปยังชั้นสาม และแยกกันเข้าห้องพักของตัวเอง ขณะที่ฉินซูกำลังจะเอนกายลงนอน ก็มีคนเปิดประตูเข้ามาอย่างกะทันหัน เขา
มิทันที่ฉินซูจะพูดจบ ฉงชูโม่ก็ขมวดคิ้วแล้วขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย "หากท่านพูดปลอบใจมิเป็น ก็อย่าพูดเลย ฟังท่านพูดจบ หม่อมฉันยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิมอีก" ฉินซูยักไหล่ "เช่นนั้นข้ามิพูดแล้ว เหล้านี่ก็แย่เกินจะดื่ม ข้าขอมิดื่มกับเจ้าแล้วกัน เดินทางมาตั้งไกล ข้าของีบสักหน่อยก่อน" พูดจบ ฉินซูก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงและหลับตาพักผ่อน ฉงชูโม่จ้องมองเขาด้วยความมิพอใจ ก่อนจะหันกลับมาดื่มเหล้าต่อไปเพียงคนเดียว มิรู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่จู่ ๆ ฉินซูก็ได้กลิ่นหอมละมุนลอยมาจากข้างกายเขาลืมตาขึ้น แต่แล้วก็ต้องตกใจจนตาเบิกกว้าง! ฉงชูโม่นอนอยู่ข้างเขา! มิเพียงแค่นั้น นางยังพลิกตัวพาดแขนขาวเนียนเหมือนรากบัวมาพาดไว้ที่คอของเขาอีกด้วย ร่างกายที่นุ่มนวลและอบอุ่นของนางแนบชิดกับเขาเต็มที่เมื่อได้สัมผัสถึงความอุ่นที่แผ่มาจากร่างของนาง ฉินซูรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เลือดลมในร่างกายพลันร้อนระอุ เขากลืนน้ำลายแล้วพูดกระซิบเบา ๆ "ชูโม่ ชูโม่ เจ้าตื่นสิ..." ฉงชูโม่ที่กำลังเมามายพูดเสียงอ้อแอ้ "อือ... ท่านจะอะไรนักหนา น่ารำคาญ อย่ากวนสิ" "มิใช่ ไยเจ้ามานอนเตียงข้าเล่
ฉินหยางถามต่อ "เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?""ข้าก็มิทราบรายละเอียด ข้าก็เพิ่งได้รับข่าวมินานมานี้เอง"ฉินหยางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "ที่พวกเขาหายตัวไปกะทันหัน คงจะมิใช่ถูกคนขององค์รัชทายาทจับตัวไปหรอกใช่หรือไม่?"ฉินหงส่ายหน้าน้อย ๆ "คงเป็นไปได้ยาก ท้ายที่สุดพวกเขาก็แค่ปล่อยข่าวเรื่องเรือสินค้าให้คนบางกลุ่มรู้ ส่วนคนที่เผยแพร่ข่าวออกไปจริง ๆ คือคนอื่น แม้ว่าองค์รัชทายาทจะรู้เรื่องเข้า ก็มิน่าจะตามสืบมาถึงตัวพวกเขาเร็วเช่นนี้""กันไว้ดีกว่าแก้ คนเหล่านั้นเป็นคนสนิทของเรา หากพวกเขาตกไปอยู่ในมือฉินซู พวกเราได้เจอปัญหาใหญ่เป็นแน่""ข้าถึงได้มาปรึกษาเจ้าเรื่องนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือเพิ่มกำลังคนออกไปตามหาพวกเขา แล้วฆ่าปิดปากเสีย เพื่อป้องกันปัญหาในภายหลัง"ฉินหยางพยักหน้า "ได้ ข้าจะให้ผู้ดูแลในวังนำคนไป เจ้าจะให้คนของเจ้าออกเดินทางเมื่อไร?""รออยู่ข้างนอกแล้ว!""ดี ถ้าเช่นนั้นอย่ารอช้า ให้พวกเขาออกเดินทางเลย"จากนั้น คนสนิทของจวนอ๋องซิ่นและจวนอ๋องฉีก็นำผู้ใต้บังคับบัญชาลงใต้ มุ่งหน้าไปยังเหยี่ยนโจว......สำนักหอดูดาวหลวงเหลยเจิ้นกำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องโถงชั้นบนสุดในตอนนั้นเอ
หลังจากเขาออกไป เสียนเฟยก็พูดกับนางรับใช้ข้างกายว่า "ไป ไปเชิญขันทีเกามาพบข้าที""เพคะ!"นางรับใช้รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็วหนึ่งเค่อต่อมาขันทีรูปร่างปานกลาง อายุประมาณห้าสิบปีก็เดินเข้ามาคนผู้นี้มีนามว่า เกาส่วง เป็นหนึ่งในขันทีผู้ดูแลสำนักขันทีฝ่ายพิธีการหลังจากเขามาถึงตำหนักอวี้จ้าว ก็คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม "ข้าน้อยขอคารวะพระสนมเสียนเฟย"เสียนเฟยโบกมือ "ลุกขึ้นเถิด""ขอบพระทัยพระสนมเสียนเฟย มิทราบว่าพระสนมเรียกข้าน้อยมา มีบัญชากระไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?"เสียนเฟยมิได้ตอบ แต่พยักหน้าให้นางรับใช้ผู้นั้นเล็กน้อยนางรับใช้ถอยออกไปอย่างรู้ความ ยังปิดประตูก่อนจากไปด้วยเมื่อเห็นดังนั้น เกาส่วงก็มีสีหน้าเคร่งขรึม พลางเอ่ยถามเสียงเบา "พระสนม มีข่าวจากหวงเฟิงส่งกลับมาหรือพ่ะย่ะค่ะ?""หวงเฟิงตายแล้ว""ว่ากระไรนะพ่ะย่ะค่ะ?!"เกาส่วงมีสีหน้าประหลาดใจ และพูดพึมพำ "หวงเฟิงมีพลังระดับสวรรค์ครึ่งขั้น ด้วยพลังเช่นนั้น นอกจากจะมิสำเร็จแล้วยังถูกฆ่าตายอีก เป็นไปได้อย่างไรกัน?""หึ แม้แต่บุตรแห่งนักปราชญ์และผู้อาวุโสหอดารารักษ์ยังตายด้วยน้ำมือฉินซู หวงเฟิงถูกฆ่าตาย เจ้ายังคิดว่ามีกระไรที่เป็นไ
เสียนเฟยขมวดคิ้ว ถามว่า "เซียวเอ๋อร์ มีเรื่องกระไรตกอกตกใจขนาดนี้ เกิดกระไรขึ้นกันแน่?""หมู่เฟย เมื่อหลายวันก่อน ลูกเขียนจดหมายถึงหัวหน้าชนเผ่าโครยอ ทั่วป๋าชื่อ ให้เขาลงมือลอบกำจัดองค์รัชทายาทที่รอวันปลด แล้วให้สัญญาว่า เมื่อลูกได้ขึ้นครองราชย์ จะยกเมืองสองเมืองให้เผ่าของพวกเขาฟื้นฟูแคว้นผลคือเมื่อครู่ลูกได้รับข่าว ทั่วป๋าชื่อถูกฉินซูกำจัดไปแล้ว ซ้ำร้ายจดหมายที่ลูกเขียนก็ตกไปอยู่ในมือของฉินซู...""ว่ากระไรนะ?!"เสียนเฟยตกใจผุดลุกขึ้น พลันถามเสียงดัง "เซียวเอ๋อร์ เจ้าทำกระไรลงไป ชนเผ่าโครยอเป็นเผ่าใต้อาณัติของต้าเหยียน เจ้ากล้าเขียนจดหมายถึงหัวหน้าของพวกมัน? ไหนยัง… ยังให้เขากำจัดฉินซูอีก เจ้า..."นางพูดยังมิทันจบ ก็รู้สึกแน่นหน้าอกพร้อมด้วยร่างที่สั่นเทาเมื่อเห็นดังนั้น ฉินเซียวก็รีบเข้าไปประคอง "หมู่เฟย ท่านเป็นกระไรหรือไม่ อย่าได้บันดาลโทสะเลยพ่ะย่ะค่ะ หากท่านประชวรจะเป็นเรื่องใหญ่""เจ้าลูกมิรักดี เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ข้าจะมิโกรธได้อย่างไร? ปกติเจ้าออกจะฉลาด ไฉนถึงทำผิดพลาดโง่ ๆ เช่นนี้!"เสียนเฟยยิ่งพูดก็ยิ่งเดือดดาล และตบหน้าฉินเซียวฉาดหนึ่งฉินเซียวพูดอย่างมิยอมแพ้ "
ซ่างกวนอวิ๋นซียื่นนิ้วเรียวสวยแตะตัวกู้เสวี่ยเจี้ยนสองสามครั้งกู้เสวี่ยเจี้ยนก็กลับมาเคลื่อนไหวได้ แต่กำลังภายในทั้งหมดของนางยังคงถูกซ่างกวนอวิ๋นซีสะกดไว้นางขึ้นควบม้า พลางพูดประชดประชัน "เจ้าสำนักหอดารารักษ์ ยังต้องกักขังผู้ฝึกยุทธ์ระดับปฐพีขั้นกลางเช่นข้า หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปคงถูกคนหัวเราะเยาะน่าดู""หึ หากมิใช่เพราะอาจารย์ของเจ้ากดพลังของข้าไว้ ข้าจะใช้วิธีงุ่มง่ามเช่นนี้บีบบังคับฉินซูเพื่อการใด เจ้าอย่าพูดมาก หากกล้ายั่วโมโหข้า ข้าก็มิรังเกียจที่จะให้เจ้าได้รับความทุกข์ทรมานสักหน่อย""เจ้ากล้าหรือ? หากข้าเป็นกระไรไป ก็คอยดูเถิดว่าอาจารย์ข้าจะทำลายหอดารารักษ์ของพวกเจ้าหรือไม่""เจ้าก็ลองดูสิ!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ส่งเสียงหึเบา ๆ มิพูดอะไรซ่างกวนอวิ๋นซีกล่าวอย่างเย็นชา "เมื่อถึงหอดารารักษ์ ข้าจะรับรองเจ้าอย่างดี ขอเพียงฉินซูมาตามนัด ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป!"กู้เสวี่ยเจี้ยนเลิกคิ้วถาม "แล้วหากฉินซูมิมาเล่า?""เช่นนั้นเจ้าก็ตายไปเสีย!""เขาเป็นองค์รัชทายาท หากมิได้รับอนุญาตจากฝ่าบาท เขาจะออกจากต้าเหยียนได้อย่างไร ยิ่งมิต้องพูดถึงการไปเป่ยเยี่ยน!""ข้าให
ฉินซูรับจดหมายมาเปิดดู สีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวดูอัปลักษณ์เกินบรรยายเนื้อความในจดหมายเขียนว่า 'องค์รัชทายาทผู้รอวันปลด ข้ายังมีธุระด่วนต้องกลับเป่ยเยี่ยน ไม่มีเวลาเล่นแมวไล่จับหนูกับเจ้า ข้าจับตัวเด็กสาวจากสำนักหอดูดาวหลวงไว้แล้ว ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน หากเจ้ามิปรากฏตัวที่หอดารารักษ์ภายในเวลานั้น ก็เตรียมเก็บศพเด็กคนนั้นได้เลย!'ลงนาม ซ่างกวนอวิ๋นซี!หลังจากที่ฉินซูอ่านจดหมายจบ พ่อค้าคนนั้นก็ยื่นกระบี่ยาวให้เห็นเพียงปลอกกระบี่ประดับด้วยอัญมณีเจ็ดเม็ดเรียงกันเป็นรูปกลุ่มดาวหมีใหญ่!ที่ปลายด้ามกระบี่ยังมีน้ำเต้าหยกขาวเล็ก ๆ สองลูกห้อยอยู่ เป็นกระบี่ประจำตัวของกู้เสวี่ยเจี้ยน!ฉินซูถามด้วยเสียงเคร่งขรึม "คนที่ให้เจ้าส่งจดหมาย ตอนนี้อยู่ที่ใด?""เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน คนผู้นั้นให้เงินข้าสิบตำลึง ฝากข้าให้นำจดหมายและกระบี่เล่มนี้มาให้ท่าน พอนางให้ของกับข้าแล้วก็ขี่ม้าไปทางเหนือ บอกว่าจะกลับเป่ยเยี่ยน"เมื่อได้ยินพ่อค้าพูดเช่นนี้ สีหน้าของฉินซูก็นิ่งขรึมราวกับน้ำนิ่งกู้เสวี่ยเจี้ยนถูกซ่างกวนอวิ๋นซีจับตัวไปแล้ว แถมยังถูกพาตัวกลับเป่ยเยี่ยน!เขามิคาดคิดว่าเจ้าสำนักหอดารารักษ์จะใช้
ซ่างกวนอวิ๋นซีเหลือบมองด้านหลังของฉินซูแวบหนึ่ง จากนั้นหลับตาลงอีกครั้ง ตั้งใจใช้พลังฝ่าผนึกในร่างกายผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูปซ่างกวนอวิ๋นซีลืมตาขึ้นทันที มองไปยังทิศทางที่ฉินซูจากไปด้วยสายตาคมกริบจากนั้นร่างของนางก็วูบหายไป เพียงพริบตาก็ไปปรากฏบนต้นไม้ใหญ่ด้านหน้าเมื่อมองไปรอบ ๆ บริเวณนี้ ไม่มีแม้แต่เงาของฉินซู!นางแค่นเสียงเย็นชา กล่าวด้วยจิตสังหารแรงกล้า "องค์รัชทายาทผู้รอวันปลด ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะหนีไปได้ถึงไหน!"พูดจบ นางก็กระโจนขึ้นไล่ตามไปข้างหน้าทันทีเวลาเดียวกันนั้นเอง ฉินซูวิ่งหนีจนสุดกำลัง มาถึงบริเวณรอบนอกของป่าเขาหยิบหน้ากากหนังบางเบาราวปีกแมลงทับออกมาจากอกเสื้อ สวมครอบใบหน้าอย่างคล่องแคล่วจากนั้นก็รีบกลับด้านเสื้อคลุม สวมใหม่อีกครั้ง พลิกโฉมกลายเป็นชายชราในชุดคลุมสีดำเมื่อมาถึงถนนหลวง เขาชะลอฝีเท้าลง เดินปะปนไปกับผู้คนบนท้องถนนมินานนักร่างของซ่างกวนอวิ๋นซีก็พุ่งออกมาจากป่า!เมื่อมาถึงถนนหลวง นางกวาดสายตาคมกริบไปตามผู้คนบนถนนเมื่อแน่ใจว่าไม่มีฉินซูอยู่ในนั้น นางก็กระโจนขึ้นเวหาติดตามไปข้างหน้ารอจนกระทั่งนางหายลับไปสุดสายตา ฉินซูที่ปลอมเป็นชายชราใน
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่างกวนอวิ๋นซี ฉินซูก็มีหน้าเคร่งเครียดทันที!เขาคิดในใจว่า ข้าเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนอยู่ดี ๆ จะให้ไปเป็นบุตรแห่งนักปราชญ์แห่งหอดารารักษ์ของเจ้าด้วยเหตุใด?เห็นข้าโง่หรือไร!เขาปฏิเสธอย่างเด็ดขาด "เจ้าอย่ามาล้อเล่น ข้าเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ไม่มีทางไปเป็นบุตรแห่งนักปราชญ์ของเป่ยเยี่ยนพวกเจ้าได้หรอก""พูดให้ถูกคือ บุตรแห่งนักปราชญ์แห่งหอดารารักษ์ต่างหาก!""หอดารารักษ์ของเจ้าก็เป็นของเป่ยเยี่ยน ข้ามิยอมรับอยู่แล้ว!"ซ่างกวนอวิ๋นซีส่งเสียงหึ กล่าวอย่างหยิ่งผยอง "เจ้าคิดว่า เจ้ามีสิทธิ์ปฏิเสธหรือ เมื่อข้าฝ่าผนึกในร่างกายได้ การจับเจ้ากลับไปก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก""วันนี้ข้าขอพูดไว้ตรงนี้ เจ้าต้องเป็นบุตรแห่งนักปราชญ์แห่งหอดารารักษ์ มิอยากเป็นก็ต้องเป็น!"นางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว แสดงออกถึงความแข็งแกร่ง!มุมปากของฉินซูกระตุกเล็กน้อย หมดคำจะพูดหากซ่างกวนอวิ๋นซีฝ่าผนึกได้จริงและฟื้นพลังที่แข็งแกร่งจนน่าสะพรึงกลัวนั้นกลับมา เขาก็ไม่มีทางต่อต้านได้ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเผชิญหน้ากับวรยุทธ์อันแท้จริง จะรักษาชีวิตไว้ได้หรือไม่
"เจ้าคนลามก เจ้าอย่าได้ใจไป ข้าฟื้นพลังกลับมาได้เมื่อใด ข้าจะทำให้เจ้าอยากตายก็ตายมิได้ อยากอยู่ก็อยู่มิได้!""ขอร้องล่ะ ข้ามิได้ตั้งใจสังหารหนานกงจื่อชินกับซือคงเหยียนอะไรนั่นเสียหน่อย เจ้ามิอยากรู้เรื่องราวเบื้องหลังหรือ?""มิว่าอย่างไร ก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่เจ้าสังหารพวกเขามิได้ ดังนั้นข้าต้องสังหารเจ้า!"ฉินซูหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าว "แต่ตอนนี้เจ้าสังหารข้ามิได้ ขืนต่อสู้กันต่อไปก็มีแต่จะบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย สู้พวกเราถอยกันคนละก้าวดีกว่าหรือไม่?"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ร่างของซ่างกวนอวิ๋นซีก็กระโดดถอยหลังหลุดออกจากวงล้อมการต่อสู้หลังจากทรงตัวได้ นางถามเสียงแข็ง "ถอยกันคนละก้าวอย่างไร? หรือเจ้าจะยอมจำนน กลับไปหอดารารักษ์กับข้าเพื่อรับโทษ?""เฮ้อ ตอนนี้เจ้าก็ทำอะไรข้ามิได้ แล้วเหตุใดจึงคิดว่าข้าจะกลับไปกับเจ้า? ช่างเป็นคนอกโตแต่ไร้สมองเสียจริง!""เจ้า!! ไร้ยางอาย!"ซ่างกวนอวิ๋นซีโกรธจนถ่มน้ำลาย"หึ ๆ เจ้าอย่าโกรธไปเลย หญิงงามเช่นเจ้า หากโกรธจะหมดสวยหนา ต้องชมเลยว่ารูปร่างหน้าตาของเจ้าถือว่าโดดเด่นที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอมา โดยเฉพาะรูปร่างนี้ สุดยอด หากได้ร่วมค่ำคืนกับตัวข้าสัก
จบเห่แล้ว!กู้เสวี่ยเจี้ยนหน้าซีดเผือด หัวใจดิ่งวูบลงสู่ก้นบึ้ง!แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีร่างหนึ่งวาบผ่านมาอยู่ตรงหน้านาง ฉินซูยืนขวางนางไว้!เห็นเพียงฉินซูตบฝ่ามือออกไป!ในวินาทีต่อมา กระแสพลังฝ่ามือแข็งแกร่งสองสายก็ปะทะกันอย่างรุนแรง“เปรี้ยง!!”กระแสพลังฝ่ามือระเบิดออก ปราณบริสุทธิ์บ้าคลั่งกลายเป็นปราณวายุม้วนตัว พุ่งออกไปรอบด้านต้นไม้ใหญ่บริเวณใกล้เคียงถูกกดจนล้มลงไปอีกเป็นจำนวนมาก!กู้เสวี่ยเจี้ยนเองก็ถูกคลื่นพลังอันบ้าคลั่งนี้ผลักให้ถอยร่นไปเรื่อย ๆ เช่นกัน!หากไม่มีฉินซูคอยปกป้องป่านนี้นางคงถูกพัดกระเด็นไปแล้วแต่ถึงกระนั้น ภายใต้แรงกดดันของปราณวายุที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ร่างของฉินซูก็ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างห้ามมิได้สุดท้ายจึงไปพิงอยู่กับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งจึงทรงตัวอยู่ได้"เอ๋?!"ฉินซูอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ เพราะเขาพบว่าซ่างกวนอวิ๋นซีที่อยู่ตรงข้ามก็ถอยหลังไปสองก้าวเช่นกัน!สิ่งนี้ทำให้เขางุนงงมากเมื่อครู่ซ่างกวนอวิ๋นซีแสดงพลังอันน่าตกใจเช่นนี้ออกมา เหตุใดบัดนี้ถึงอ่อนแอลงเช่นนี้?ฝั่งซ่างกวนอวิ๋นซีเริ่มหงุดหงิด ด้วยความโมโหนางจึงกระทืบเท้าลงบนพื้นพุ่งเข้าหาฉินซูราว