บททั้งหมดของ ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี: บทที่ 631 - บทที่ 640

997

บทที่ 631

จิ่งโม่เยี่ย “……”มือของเขากำแน่นจนเป็นหมัด สิ่งที่นางพูดเป็นความจริงที่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยคิดเช่นนั้นจริงๆเขาไม่อยากฆ่านาง แต่เขาจะพยายามทุกวิถีทางที่จะกักขังนางไว้…เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะเบาๆ “ดูเหมือนว่าข้าจะพูดถูกแล้วสินะ ท่านอ๋อง นิสัยอย่างท่าน ใครจะกล้าชอบท่านได้?”“แล้วก็พอลองนับๆ ดูแล้ว ข้ายังถือว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อท่าน แต่ท่านกลับทำกับข้าอย่างนี้”“การวางเพลิงของเทียนซือแม้จะทำให้ข้าตายไปครั้งหนึ่ง แต่ก็เป็นสิ่งที่ตัดขาดทุกอย่างระหว่างเรา พูดตามตรง ข้าแอบรู้สึกขอบคุณเขาอยู่บ้างเหมือนกัน”จิ่งโม่เยี่ยกำมือแน่น เขาจ้องมองนางที่ยิ้มละไมอยู่ตรงหน้า ดวงใจของเขาเจ็บปวดเหลือเกินที่แท้แล้วนางไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์เขาเลย นางเคยมีความรู้สึกดีๆให้เขา แต่ตัวเขาเองต่างหากที่รักษาหัวใจของนางไว้ไม่ได้ตอนนี้ เขาเพิ่งจะค้นพบความจริงบางอย่างเกี่ยวกับความรักที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเขาถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าเกลียดข้าหรือไม่?”เฟิ่งชูอิ่งตอบอย่างตรงไปตรงมา “ตอนที่ข้าเกือบจะต้องตาย กับตอนที่ถูกความเจ็บปวดทรมานกัดกินหลังจากนั้น ข้าเคยรู้สึกเกลียดท่า
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 632

ทันใดนั้น นางก็ได้ค้นพบว่า จิ่งโม่เยี่ยแท้จริงแล้วก็ไม่ได้โหดร้ายและฆ่าคนง่ายอย่างที่นางคิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในคืนแต่งงาน ดูเหมือนจะทำให้เขาใจเย็นลงและไตร่ตรองความสัมพันธ์ของพวกเขานางยิ้มให้เขาเล็กน้อย “ข้าก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเราจะมีโอกาสได้นั่งคุยกันอย่างสงบสุขแบบนี้”จิ่งโม่เยี่ยมองนางแล้วพูดว่า “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ตานับจากนี้ไปข้าจะไม่บังคับเจ้าทำอะไรอีกต่อไป และจะไม่ทำร้ายเจ้าอีกแล้ว”“เจ้าพักรักษาตัวที่เรือนหลังนี้ได้อย่างสบายใจ ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไร ข้าจะไม่มารบกวนเจ้าเด็ดขาด”เขาพูดจบก็หันหลังเดินจากไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมามองนางอีกครั้ง “เจ้าคงอยากรู้ว่า ทำไมข้าถึงรู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่”เฟิ่งชูอิ่งก็อยากรู้เช่นกันว่าเขาได้รู้เรื่องนี้ได้อย่างไรมุมปากของจิ่งโม่เยี่ยยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าดูมีเสน่ห์เย้ายวนขึ้นหลายส่วน “ปู๋เยี่ยโหวเป็นคนบอกข้า”เฟิ่งชูอิ่ง “……”นี่เป็นคำตอบที่คาดการณ์ได้แต่ก็ค่อนข้างเป็นเรื่องชวนคาดไม่ถึง เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับปู๋เยี่ยโหว ก็พอจะทำความเข้าใจได้ปู๋เยี่ยโหวพลันกระโจนออกมาจากข้างๆ “จิ่งโม่เยี่ย อย่าพูดมั่วซั่วน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 633

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ พวกคนด้านนอกคงรออยู่นานแล้วและเห็นว่าพวกคนข้างในไม่ยอมออกมา และเมื่อจิ่งโม่เยี่ยพากำลังพลมาด้วย พวกเขาก็เลยคิดจะบุกเข้ามาทางอื่นแต่ขณะที่พวกเขาพยายามจะบุกเข้ามา ก็ดันหลงเข้าไปในเขตแดนที่เหมยตงยวนวางไว้ก่อนหน้านี้เขตแดนนั้นเดิมทีเหมยตงยวนสร้างขึ้นเพื่อป้องกันจิ่งโม่เยี่ยโดยเฉพาะ แทบจะเป็นกับดักสังหารทั้งหมดเขาเกรงว่าคนธรรมดาจะบังเอิญเข้ามา จึงได้สร้างกำแพงป้องกันไว้ด้านนอก คนธรรมดาทั่วไปตราบใดที่ไม่พยายามบุกเข้าไปอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็จะเข้าไปในเขตแดนสังหารด้านในไม่ได้แต่ถ้ามีใครดื้อรั้นจะบุกเข้าไปในเรือนก็จะหลุดเข้าไปในเขตแดนสังหารทันทีก่อนหน้านี้จิ่งโม่เยี่ยเคยแอบมาเยี่ยมเฟิ่งชูอิ่ง และถูกเขตแดนด้านนอกขัดขวางไว้ตอนนั้นเขาเห็นว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องจึงถอยออกไป เพราะเขาไม่อยากทำให้เหมยตงยวนไม่พอใจอีกดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเขตแดนสังหารนั้นทรงพลังแค่ไหน ตอนนี้เขาได้ยินเสียงจากข้างนอก เขาก็รู้ทันทีว่าเขตแดนสังหารนั้นน่าจะร้ายกาจมากตอนนี้เขารู้สึกโชคดีมากที่ยามนั้นไม่ได้ดื้อดึงจะบุกเข้าไปข้างในให้ได้ ไม่เช่นนั้นคงแย่แน่ เพราะศาสตร์ลี้ลับนั้นไม่ใช่สิ่งที่ค
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 634

ปู๋เยี่ยโหวเห็นท่าทางของเขาแล้วก็เบ้ปากเล็กน้อย ไอ้สุนัขตัวนี้มันคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหรือไงวิ่งเข้ามาอาละวาดถึงในจวนตากอากาศของเขา นี่มันหาเรื่องตายชัดๆขณะนี้จิ่งโม่เยี่ยเองก็อยู่ที่ลานด้านหลังด้วย ปู๋เยี่ยโหวจึงอยากจะรอดูว่าวันนี้จิ่งสือเฟิงจะตายอย่างไรดังนั้นปู๋เยี่ยโหวจึงไม่ขัดขวางจิ่งสือเฟิงแม้แต่น้อยเขาไม่ขัดขวาง ในสายตาของจิ่งสือเฟิงนั่นก็คือการหวาดหวั่นและหากปู๋เยี่ยโหวแสดงท่าทีหวาดหวั่นเช่นนี้ แปลว่าเรื่องที่จิ่งสือเฟิงสั่งให้จัดการวันนี้จะต้องสำเร็จแล้วอย่างแน่นอนเขาบอกกับองครักษ์ข้างกายว่า “คุมตัวปู๋เยี่ยโหวไว้”องครักษ์หลายคนพุ่งเข้าไปปิดล้อมปู๋เยี่ยโหวอย่างดุร้าย องครักษ์ของปู๋เยี่ยโหวพยายามเข้ามาขัดขวาง แต่เขาโบกมือเบาๆ องครักษ์ของเขาจึงหยุดยืนอยู่เฉยๆปู๋เยี่ยโหวหัวเราะเบาๆ ว่า “ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้ ขอให้หาหลักฐานได้สำเร็จนะ”จิ่งสือเฟิงหัวเราะเยาะเย้ย “ถึงตอนนี้จะยังปากแข็งได้อยู่ แต่อีกเดี๋ยวเจ้าหัวเราะไม่ออกแน่”ปู๋เยี่ยโหวเลิกคิ้ว “โอ้ย ข้ากลัวจังเลย!”จิ่งสือเฟิง “……”เขาคิดว่าปู๋เยี่ยโหวแสดงท่าทางยียวนเช่นนี้ เป็นการหาเรื่องอยากโดนทุบตีชัดๆเข
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 635

จิ่งโม่เยี่ยแสยะยิ้มเย็นชา “ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าตอนนี้ว่างงานอยู่ไม่ใช่หรือ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งในศาลต้าหลี่หรือกรมราชทัณฑ์”“ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าใครว่างมากนักถึงได้ไม่ไปแจ้งความที่ศาลต้าหลี่หรือกรมราชทัณฑ์ แต่มาแจ้งความกับอ๋องว่างงานอย่างเจ้า”คำว่า “อ๋องว่างงาน” นั้นแทงใจดำจิ่งสือเฟิงอย่างแรงที่จริงแล้วเขามีตำแหน่งในกรมกลาโหมอยู่ เพียงแต่เขามักจะไปสร้างปัญหาให้จิ่งโม่เยี่ยบ่อยๆ และความสามารถของเขาก็ไม่โดดเด่นพอช่วงก่อนหน้านี้จิ่งโม่เยี่ยจับผิดเขาได้ จึงถอดถอนตำแหน่งของเขาออกช่วงเวลานี้จิ่งสือเฟิงจึงไม่มีตำแหน่งหน้าที่ในราชสำนักสำหรับจิ่งสือเฟิงที่ชอบถือครองอำนาจ ถือว่าเป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวง เขาจึงรีบร้อนอยากพิสูจน์ตัวเองอย่างถึงที่สุดแต่ในสายตาของจิ่งโม่เยี่ย วิธีการพิสูจน์ตัวเองของเขานั้นโง่เขลาเหลือเกินจิ่งสือเฟิงมีสีหน้ามืดครึ้ม กล่าวว่า “ถึงแม้ข้าจะว่างงาน แต่ก็เป็นองค์ชายโดยชอบธรรม”“ข้ามีชื่อเสียงอันดีงามในราชสำนัก และเป็นที่รู้จักในเรื่องความยุติธรรม”“ช่วงนี้มีคนกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พวกเขาจึงมาหาข้าเพื่อขอให้ช่วย”คำพูดของเขาแทบจะพูดตรงๆ ว่าจิ่งโม่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 636

เขาพูดทันทีว่า “ถูกต้อง! ไม่น่าแปลกใจที่ข้าหาอยู่นานจึงไม่เจอ ที่แท้ก็อยู่กับเจ้านี่เอง!”พูดจบเขาก็ตะคอกเสียงดังว่า “จิ่งโม่เยี่ย เจ้ายังกล้าบอกว่าเจ้าไม่มีความคิดจะก่อกบฏอีกหรือ!”“ตอนนี้มีอาภรณ์มังกรเป็นหลักฐาน ย่อมพิสูจน์ได้ว่าเจ้ามีเจตนาไม่ดี!”จิ่งโม่เยี่ยใช้สายตาเหมือนมองคนโง่จ้องมองเขาแล้วพูดว่า “แค่อาภรณ์มังกรชิ้นเดียวก็พิสูจน์ได้ว่ามีเจตนาไม่ดี เห็นทีจะเป็นคนโง่จริงๆ”“หากข้าต้องการ ข้าสามารถค้นหาอาภรณ์มังกรได้มากกว่าสิบชิ้นในจวนอ๋องของเจ้า”“วันนี้ข้าอารมณ์ดี ข้าจะไม่ถือสาเจ้า ตอนนี้เจ้ารีบไสหัวออกไปจากที่นี่เสีย แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“เพราะหากข้าต้องการก่อกบฏจริงๆ เจ้าก็ไม่มีความสามารถที่จะขัดขวางได้อยู่ดี”จิ่งสือเฟิง “……”เขานึกถึงเหตุการณ์ที่จิ่งโม่เยี่ยก่อการปฏิวัติสำเร็จ จนกลายเป็นผู้สำเร็จราชการเมื่อสามเดือนก่อนในสายตาของจิ่งสือเฟิง นั่นคือความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง!เพราะหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ฐานะของเขาก็ตกต่ำลงอย่างมากฮ่องเต้เจาหยวนยังซ่อนตัวอยู่ภายในวังหลวง อาการหนักจนล้มหมอนนอนเสื่อ ยังลุกจากเตียงไม่ได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาส่งคนเข้าไปในวังเพื่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 637

จิ่งโม่เยี่ยราวกับล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร จึงเสริมอีกประโยคว่า “ห้ามแตะต้องนางแม้แต่น้อย!”พูดจบเขาก็ชักกระบี่ออกมาทันทีชั่วพริบตานั้น จิ่งสือเฟิงก็ทรุดตัวลงกับพื้นดวงตาของเขาค่อยๆ พร่ามัว เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจิ่งโม่เยี่ยที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำร้ายเขามาตลอด วันนี้กลับลงมือโหดดหี้ยมเด็ดขาดเช่นนี้องครักษ์ของเขาพยายามจะเข้ามาช่วย แต่ก็ถูกองครักษ์ของจิ่งโม่เยี่ยสกัดเอาไว้หมดจิ่งโม่เยี่ยเก็บกระบี่เข้าฝักแล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “ฆ่าพวกมันทั้งหมด”คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของจิ่งสือเฟิง ถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะไปต้องปากพล่อยแพร่งพรายเรื่องพวกนี้ออกไปแน่จิ่งโม่เยี่ยไม่กลัวพวกเขาจะนินทาว่าร้าย แต่เขารำคาญพวกที่จะเข้ามาสร้างความวุ่นวายหลังจากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปดังนั้นวิธีที่ง่ายและได้ผลที่สุด ก็คือการกำจัดพวกเขาให้หมดเฟิ่งชูอิ่งก็ไม่คิดว่าจิ่งโม่เยี่ยจะฆ่าจิ่งสือเฟิงตรงนี้ ทว่านางก็พอจะเข้าใจความคิดของจิ่งโม่เยี่ยได้แต่จิ่งสือเฟิงเป็นโอรสคนโตที่เกิดจากฮองเฮาโดยตรง ในบรรดาองค์ชายทุกพระองค์ เขาถือว่าเป็นคนที่มีฐานะค่อนช้างพิเศษการตายของเขาในครั้งนี้ จิ่งโม่เยี่ยคงมีเ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 638

จิ่งสือเฟิงคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยและเฟิ่งชูอิ่งก็เป็นคนที่ประสงค์ร้ายต่อเขาพอกันนั่นแหละ พวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่คนดีอะไรเลยสถานที่ที่พวกเขาห้ามไม่ยอมให้เขาไป ย่อมเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยแต่เมื่อเขาฝ่าเข้าไป เขาก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเพราะทันทีที่เขาฝ่าเข้าไป เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว ความเจ็บปวดนั้นแตกต่างจากตอนที่จิ่งโม่เยี่ยแทงเขาอย่างสิ้นเชิงในขณะนั้น เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดของจิตวิญญาณ ความรู้สึกอันตรายอย่างใหญ่หลวงถาโถมเข้ามา เขารู้สึกเหมือนกำลังจะสลายกลายเป็นเถ้าธุลีเขาพยายามถอยหลัง แต่กลับพบว่าถอยไม่ได้ดูเหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาล ดูดเขาไว้แน่น แล้วฉีกจิตวิญญาณของเขาออกเป็นเสี่ยงๆเขาตกใจสุดขีด ร้องตะโกนว่า “ช่วยด้วย! ข้าไม่อยากสลายกลายเป็นเถ้าธุลี!”เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางขี้ขลาดของเขาก็เลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อครู่ยังตะโกนโวยวาย ทำเหมือนตัวเองเก่งนักเก่งหนาอยู่เลยแต่พอวิ่งเข้าไปเจอดีกับตัวก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้วค่ายกลดังกล่าวนั้นเป็นฝีมือของเหมยตงหยวน วัตถุประสงค์เพื่อขู่และหยุดวิญญาณร้ายที่ล่องลอยไปมา ไม่ให้เข้ามาในจวนตากอากาศรบกวนพวกเขาดังนั้นค่ายกลดังกล่าว ถ้าไม่ฝ่า
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 639

“จิ่งโม่เยี่ยไม่ได้โง่นี่นา เจ้าเก่งกาจขนาดนี้ เขายังจะหย่ากับท่านได้ลงคอหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งตบเขาจนกระเด็นไป “เพิ่งชมว่าเจ้ารู้จักพูด พออ้าปากอีกทีก็ดันพูดจาไม่ดีอีกแล้ว”“เรียกว่าถูกหย่าได้อย่างไร? พวกเราแยกทางกันแต่โดยดี!”จิ่งสือเฟิงถูกตบจนกระเด็นไปคราหนึ่งจึงไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก ทว่าดวงตาของเขากลับกลอกลิ้งไปมา จ้องมองบริเวณเอวของจิ่งโม่เยี่ยอย่างเอาเป็นเอาตายจิ่งโม่เยี่ยแม้จะไม่ได้ยินคำพูดของจิ่งสือเฟิง แต่ก็ได้ยินคำพูดของเฟิ่งชูอิ่ง เขาคิดว่าจิ่งสือเฟิงช่างโง่เง่าจริงๆเขาพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ตั้งแต่เด็กเขาก็ไม่ค่อยฉลาดอยู่แล้ว หลายครั้งก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร”“ถ้าเจ้าไม่ชอบเขา ก็จัดการเขาให้สิ้นซากไปเลย ไม่ต้องมัวเสียเวลา”จิ่งสือเฟิงบ่นพึมพำ “เขาพูดมั่ว! ไม่มีเรื่องอย่างนั้นเสียหน่อย!”“ข้ารู้แล้วว่าทำไมพวกท่านถึงได้แยกทางกัน แปดส่วนเป็นเพราะเจ้าไม่ชอบเขาแน่ๆ!”“ในความคิดข้า เขาไม่คู่ควรกับเจ้าเลย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นคนพูดเองมิใช่หรือว่าข้าไม่คู่ควรกับเขา? ทำไมถึงเปลี่ยนคำพูดได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้?”จิ่งสือเฟิง “……”ตอนนี้เขาคิดจริงๆ ว่าสายตาข
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 640

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จิ่งโม่เยี่ยพยายามทำลายภาพลักษณ์ที่ดีงามของตนเองทิ้ง เพื่อเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของฮ่องเต้เจาหยวนข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับความโหดร้ายของเขาในเมืองหลวง สามารถเขียนเป็นนิยายได้หลายล้านคำ เขามีชื่อเสียงที่เลวร้ายอย่างมากในเมืองหลวงเรื่องแบบนี้ เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า สิ่งที่เป็นเท็จก็จะกลายเป็นความจริงยิ่งไปกว่านั้น จิ่งโม่เยี่ยก็เคยฆ่าผู้ที่คิดจะทำร้ายเขาจริง ๆ ทำให้เรื่องนี้ยิ่งมีน้ำหนักเข้าไปใหญ่ถึงขั้นไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลของฮองเฮามาขยายความเรื่องนี้ ความโหดร้ายของเขาก็กลายเป็นเรื่องที่ประชาชนในเมืองหลวงพูดถึงกันไปทั่วแล้วด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่สนใจเลยว่าคนในเมืองหลวงจะมองเขาอย่างไรปู๋เยี่ยโหวถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเจ้าอย่างไร แต่ด้วยสถานะของเจ้าในตอนนี้ เจ้าควรระวังชื่อเสียงของตนบ้าง”“มีฉายาว่าโหดร้ายติดตัวเจ้าอยู่ เจ้าก็ยากที่จะก้าวไปข้างหน้าได้อีก”“เพราะคำว่าทรราชย์ มักจะมาพร้อมกับการล่มสลายและความพ่ายแพ้”“อย่าบอกข้าเลยว่าเจ้าไม่สนใจบัลลังก์ เจ้ามาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีทางกลับหลังได้อีก”ดวงตาของจิ่งโม่เยี่ยลึกล้ำร
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
6263646566
...
100
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status