Share

บทที่ 638

Author: ดอกถังร่วงหล่น
จิ่งสือเฟิงคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยและเฟิ่งชูอิ่งก็เป็นคนที่ประสงค์ร้ายต่อเขาพอกันนั่นแหละ พวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่คนดีอะไรเลย

สถานที่ที่พวกเขาห้ามไม่ยอมให้เขาไป ย่อมเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย

แต่เมื่อเขาฝ่าเข้าไป เขาก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

เพราะทันทีที่เขาฝ่าเข้าไป เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว ความเจ็บปวดนั้นแตกต่างจากตอนที่จิ่งโม่เยี่ยแทงเขาอย่างสิ้นเชิง

ในขณะนั้น เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดของจิตวิญญาณ ความรู้สึกอันตรายอย่างใหญ่หลวงถาโถมเข้ามา เขารู้สึกเหมือนกำลังจะสลายกลายเป็นเถ้าธุลี

เขาพยายามถอยหลัง แต่กลับพบว่าถอยไม่ได้

ดูเหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาล ดูดเขาไว้แน่น แล้วฉีกจิตวิญญาณของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ

เขาตกใจสุดขีด ร้องตะโกนว่า “ช่วยด้วย! ข้าไม่อยากสลายกลายเป็นเถ้าธุลี!”

เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางขี้ขลาดของเขาก็เลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อครู่ยังตะโกนโวยวาย ทำเหมือนตัวเองเก่งนักเก่งหนาอยู่เลย

แต่พอวิ่งเข้าไปเจอดีกับตัวก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว

ค่ายกลดังกล่าวนั้นเป็นฝีมือของเหมยตงหยวน วัตถุประสงค์เพื่อขู่และหยุดวิญญาณร้ายที่ล่องลอยไปมา ไม่ให้เข้ามาในจวนตากอากาศรบกวนพวกเขา

ดังนั้นค่ายกลดังกล่าว ถ้าไม่ฝ่า
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
เมษา หน้าร้อน
นิยาย600กว่าตอน อยู่จุดไหน เขียนมาเพื่อยึดเยื้อ คนอ่านก็ลุ้น ยอมเสียตังค์อ่าน ยิ่งอ่านยิ่งโง่
goodnovel comment avatar
เมษา หน้าร้อน
อ่านไปอ่านมา ไม่สนุกเลย หาเนื้อหาสาระดีๆไม่มีเลย ยิ่งอ่านยิ่งงง ยิ่งจมดิ่ง จุดเด่นอยู่ตรงไหน เขียนไปเรื่อย จะจบยังไงดี
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 639

    “จิ่งโม่เยี่ยไม่ได้โง่นี่นา เจ้าเก่งกาจขนาดนี้ เขายังจะหย่ากับท่านได้ลงคอหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งตบเขาจนกระเด็นไป “เพิ่งชมว่าเจ้ารู้จักพูด พออ้าปากอีกทีก็ดันพูดจาไม่ดีอีกแล้ว”“เรียกว่าถูกหย่าได้อย่างไร? พวกเราแยกทางกันแต่โดยดี!”จิ่งสือเฟิงถูกตบจนกระเด็นไปคราหนึ่งจึงไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก ทว่าดวงตาของเขากลับกลอกลิ้งไปมา จ้องมองบริเวณเอวของจิ่งโม่เยี่ยอย่างเอาเป็นเอาตายจิ่งโม่เยี่ยแม้จะไม่ได้ยินคำพูดของจิ่งสือเฟิง แต่ก็ได้ยินคำพูดของเฟิ่งชูอิ่ง เขาคิดว่าจิ่งสือเฟิงช่างโง่เง่าจริงๆเขาพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ตั้งแต่เด็กเขาก็ไม่ค่อยฉลาดอยู่แล้ว หลายครั้งก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร”“ถ้าเจ้าไม่ชอบเขา ก็จัดการเขาให้สิ้นซากไปเลย ไม่ต้องมัวเสียเวลา”จิ่งสือเฟิงบ่นพึมพำ “เขาพูดมั่ว! ไม่มีเรื่องอย่างนั้นเสียหน่อย!”“ข้ารู้แล้วว่าทำไมพวกท่านถึงได้แยกทางกัน แปดส่วนเป็นเพราะเจ้าไม่ชอบเขาแน่ๆ!”“ในความคิดข้า เขาไม่คู่ควรกับเจ้าเลย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นคนพูดเองมิใช่หรือว่าข้าไม่คู่ควรกับเขา? ทำไมถึงเปลี่ยนคำพูดได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้?”จิ่งสือเฟิง “……”ตอนนี้เขาคิดจริงๆ ว่าสายตาข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 640

    ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จิ่งโม่เยี่ยพยายามทำลายภาพลักษณ์ที่ดีงามของตนเองทิ้ง เพื่อเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของฮ่องเต้เจาหยวนข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับความโหดร้ายของเขาในเมืองหลวง สามารถเขียนเป็นนิยายได้หลายล้านคำ เขามีชื่อเสียงที่เลวร้ายอย่างมากในเมืองหลวงเรื่องแบบนี้ เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า สิ่งที่เป็นเท็จก็จะกลายเป็นความจริงยิ่งไปกว่านั้น จิ่งโม่เยี่ยก็เคยฆ่าผู้ที่คิดจะทำร้ายเขาจริง ๆ ทำให้เรื่องนี้ยิ่งมีน้ำหนักเข้าไปใหญ่ถึงขั้นไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลของฮองเฮามาขยายความเรื่องนี้ ความโหดร้ายของเขาก็กลายเป็นเรื่องที่ประชาชนในเมืองหลวงพูดถึงกันไปทั่วแล้วด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่สนใจเลยว่าคนในเมืองหลวงจะมองเขาอย่างไรปู๋เยี่ยโหวถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเจ้าอย่างไร แต่ด้วยสถานะของเจ้าในตอนนี้ เจ้าควรระวังชื่อเสียงของตนบ้าง”“มีฉายาว่าโหดร้ายติดตัวเจ้าอยู่ เจ้าก็ยากที่จะก้าวไปข้างหน้าได้อีก”“เพราะคำว่าทรราชย์ มักจะมาพร้อมกับการล่มสลายและความพ่ายแพ้”“อย่าบอกข้าเลยว่าเจ้าไม่สนใจบัลลังก์ เจ้ามาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีทางกลับหลังได้อีก”ดวงตาของจิ่งโม่เยี่ยลึกล้ำร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 641

    จิ่งโม่เยี่ยเพียงยิ้มรับคำพูดของเขาโดยไม่ชี้แจงอะไร เขาขึ้นคร่อมม้าแล้วห้อตะบึงจากไปปู๋เยี่ยโหวยืนกอดอกอยู่หน้าประตู กัดฟันมองแผ่นหลังของจิ่งโม่เยี่ยจากคำพูดของจิ่งโม่เยี่ย ดูเหมือนเขาจะยังไม่ได้ประทับรอยนิ้วมือบนใบหย่าแต่เฟิ่งชูอิ่งเป็นคนฉลาดมาก ถ้าจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้ประทับตรารอยนิ้วมือจริงๆ นางต้องรู้แน่แต่จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว จิ่งโม่เยี่ยคงใช้เล่ห์กลบางอย่างปู๋เยี่ยโหวสบถในใจว่าจิ่งโม่เยี่ยช่างเจ้าเล่ห์และน่ารำคาญเหลือเกิน เขาต้องไปเตือนเฟิ่งชูอิ่งสักหน่อย ไม่งั้นเฟิ่งชูอิ่งจะตกเป็นเหยื่อของจิ่งโม่เยี่ยแน่นอนขณะที่จิ่งโม่เยี่ยกำลังขี่ม้าอยู่ริมฝีปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย มันแฝงความนัยลึกลับปู๋เยี่ยโหวรีบกลับไปยังลานบ้านด้านใน เฟิ่งชูอิ่งเพิ่งทำพิธีส่งวิญญาณที่ตายไปเสร็จเรียบร้อย บรรยากาศจึงมีกลิ่นอายแปลกๆเมื่อเขามาถึง เขาก็พูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ท่านดูใบหย่าที่ท่านกับจิ่งโม่เยี่ยตกลงกันให้ดีๆ เขาอาจจะทำอะไรบางอย่างกับมันได้”เฟิ่งชูอิ่งได้ยินดังนั้นจึงรีบหยิบใบหย่าออกมา ลายนิ้วมือบนใบหย่าชัดเจน ไม่มีปัญหาอะไรเฟิ่งชูอิ่งมองไปทางปู๋เยี่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 642

    ปู๋เยี่ยโหวตะโกนด่าว่า “เรื่องหลอกลวงปั่นหัวคน ต้องยกให้จิ่งโม่เยี่ยเลย”“เจ้าคนสารเลวนั่นจะไม่ยอมให้ข้าได้ดีเลยสินะ พยายามหาทางมากลั่นแกล้งรังแกข้าทุกวัน ช่างเสียแรงที่ข้าอุตส่าห์ทำดีกับเขามากมายเช่นนั้น!”เฟิ่งชูอิ่งฟังเขาบ่นแล้วก็ขำ “เจ้าดีกับเขามากมายเลยหรือ? ดูเหมือนจะไม่ใช่ทั้งหมดนะ?”ความคิดของเขา นางเห็นชัดเจนอยู่แล้วถึงแม้เขาและจิ่งโม่เยี่ยจะมีความเข้าใจกัน อยู่ฝ่ายเดียวกัน เป้าหมายผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ก็เหมือนกัน ปกติถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขาก็จะช่วยเหลือจิ่งโม่เยี่ยแต่ปกติเขามีความคิดเห็นแก่ตัวเล็กๆ เป็นของตัวเองมากมาย ถ้าไม่หลอกลวงจิ่งโม่เยี่ยก็ถือว่าดีแล้ว เรื่องที่ว่าเขาทำดีกับจิ่งโม่เยี่ยเหลือเกินนั้นไม่มีอยู่จริงหรอกปู๋เยี่ยโหวเหลือบมองนางแล้วพูดว่า “รู้แล้วก็อย่าพูดออกมาสิ!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ปู๋เยี่ยโหวใช้ไหล่ชนไหล่นางเบาๆ “เจ้าจะหย่ากับจิ่งโม่เยี่ยจริงๆ หรือ?”เฟิ่งชูอิ่งมองเขาอย่างเฉยชา “ข้ากับเขาหย่ากันแล้ว ต่อไปนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”“ถ้าอย่างนี้ยังไม่เรียกว่าตัดขาดกัน ข้าก็ไม่รู้ว่าอะไรถึงจะเรียกว่าตัดขาดกัน”นางรอให้ร่างกาย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 643

    นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยิบใบหย่ามาดูลายนิ้วมือของจิ่งโม่เยี่ยอย่างละเอียดลายนิ้วมือชัดเจน ไร้ซึ่งข้อผิดพลาดนางเอียงศีรษะพิงมือข้างเดียว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าเรื่องนี้คงเป็นฝีมือจิ่งโม่เยี่ยที่กลั่นแกล้งปู๋เยี่ยโหวนางกับจิ่งโม่เยี่ยได้หย่าขาดกันแล้ว ใบหย่าเป็นนางที่เขียนขึ้นมาเอง ลายนิ้วมือของจิ่งโม่เยี่ยก็เป็นนางที่เห็นเขาประทับลงไปด้วยตาตนเอง จะมีปัญหาได้อย่างไรนางรู้สึกอย่างชัดเจนว่าตนเองถูกปู๋เยี่ยโหวหลอกให้มานั่งคิดถึงความจริงเท็จของเรื่องนี้ขณะที่นางกำลังจะเก็บใบหย่า ก็เห็นว่าเหมยตงยวนยืนอยู่ไม่ไกลนักนางรีบกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?”ในแง่หนึ่ง วิญญาณร้ายไม่มีเรื่องของการตื่นหรือไม่ตื่นหลังจากที่พวกเขาตายแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องนอนหลับ แต่ถ้าต้องการรักษาสภาพของร่างวิญญาณ ก็จำเป็นต้องพักผ่อนเพียงแต่รูปแบบการพักผ่อนของพวกเขากับคนเป็นนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเหมยตงยวนนั่งลงข้างๆ นาง “วันนี้ข้าเกือบจะทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ?”ความทรงจำขณะที่คลุ้มคลั่ง เหมยตงยวนยังคงมีอยู่ครบถ้วน เพียงแต่ไม่ชัดเจนนักเฟิ่งชูอิ่งตอบตามความจริง “

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 644

    แต่เรื่องครั้งนี้กลับตบหน้าเขาอย่างจัง บอกให้เขารู้ว่าความคิดก่อนหน้านี้ของเขานั้นประมาทเกินไปเฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “เจ้าค่ะ ถ้าท่านพ่อคิดหาวิธีได้ ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว”เหมยตงยวนรู้ว่านี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในตอนนี้ถ้าเขาหาทางแก้ไม่ได้ เพื่อปกป้องนาง เขาคงต้องอยู่ห่างจากนางและก่อนหน้านี้เพื่อปกป้องมารดาของนาง เขาจึงเลือกที่จะอยู่ห่างๆ มาแล้ว ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายก็ไม่ดีนักเขาพูดเบาๆ ว่า “เดี๋ยวข้าจะคิดหาทางดู”ขณะที่เขาหันหลังจากไปก็คิดขึ้นมาได้อีกเรื่อง จึงถามเฟิ่งชูอิ่งว่า “วันนี้จิ่งโม่เยี่ยมาหาเจ้าใช่ไหม เขาทำเจ้าลำบากใจหรือเปล่า?”เฟิ่งชูอิ่งส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ วันนี้เขาพูดจาว่าง่ายมากเลย เราหย่ากันเรียบร้อยแล้ว”พูดจบนางก็หยิบใบหย่าออกมาให้เหมยตงยวนดูเหมยตงยวนเหลือบมองแล้วพยักหน้าเบาๆ “ครั้งนี้เขาทำตัวเหมือนลูกผู้ชายเสียที”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เจ้าค่ะ ข้าตกลงกับเขาแล้วว่าต่อไปเขาจะไม่มาหาข้าอีก เราต่างคนต่างอยู่”พูดมาถึงตรงนี้ นางก็ถามว่า “ท่านพ่อดูไม่แปลกใจกับเขาเลยนะ เหมือนรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะมาหา”มาถึงตอนนี้แล้ว เหมยตงยวนก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 645

    พวกเขาจึงเป็นใหญ่ในพื้นที่แห่งนั้น ชาวบ้านทุกข์ทรมานมานาน แต่พวกเขากลับใช้ชีวิตอย่างสุขสบายวันนั้นพวกเขากำลังประชุมกันในป้อมปราการเพื่อวางแผนปล้นหมู่บ้านใกล้เคียง แต่กลับได้รับแจ้งว่าพวกเขาเป็นผู้สังหารอ๋องเฉิน และอ๋องผู้สำเร็จราชการก็กำลังยกทัพมาโจมตีพวกเขาเมื่อได้ยินเช่นนั้นในคราแรก พวกเขาก็นึกว่าเป็นเรื่องตลกต่อให้พวกเขามีความกล้ามากกว่านี้ถึงสิบเท่า ก็ไม่กล้าลงมือกับอ๋องเฉินหรอก!และอ๋องผู้สำเร็จราชการผู้นั้นก็คือเทพเจ้าแห่งความตาย พวกเขาจะไปกล้าหาญต่อกรได้อย่างไร?แต่เมื่อจิ่งโม่เยี่ยยกทัพมาโจมตีด้วยตัวเอง เขาก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นความจริง!คนในป้อมปราการหลายร้อยคนถูกกองทัพของจิ่งโม่เยี่ยกวาดล้างจนหมด ไม่มีใครหนีรอดได้เลยพวกเขาถูกจับ ชาวบ้านแถวนั้นต่างปรบมือชื่นชมเพราะพวกโจรเหล่านั้นฆ่าคนอย่างไร้ความปรานี ดังนั้นถึงแม้พวกเขาจะตะโกนโวยวายว่าไม่ได้ฆ่าจิ่งสือเฟิง ก็ไม่มีใครยอมเชื่อเพราะศพของจิ่งสือเฟิงถูกพบในป้อมปราการของพวกเขาเมื่อหัวหน้าโจรใหญ่ถูกจิ่งโม่เยี่ยจับได้ เขายังคงแก้ตัวว่า “ข้าไม่ได้ฆ่าอ๋องเฉิน นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือขึ้นเล

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 646

    จิ่งโม่เยี่ยพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็ชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “ขณะที่ข้าไปถึงนั้นมันก็สายเกินไปแล้ว โจรภูเขาโหดเหี้ยมพวกนั้นได้ฆ่าเขาไปแล้ว”ฮองเฮาทรงทราบดีว่าวันนี้จิ่งสือเฟิงออกไปทำอะไร พระนางจึงไม่เชื่อคำพูดของจิ่งโม่เยี่ยพระนางเบิกตากว้างมองจิ่งโม่เยี่ยแล้วเอ่ยว่า “เฟิงเอ๋อร์ไม่ได้ถูกโจรภูเขาฆ่า แต่เป็นเจ้าต่างหากที่ฆ่าเขา!”ทันทีที่พระนางเอ่ยเช่นนั้น สายตาของทุกคนก็หันไปมองจิ่งโม่เยี่ยสีหน้าของจิ่งโม่เยี่ยเปลี่ยนไป เขาเอ่ยเสียงต่ำว่า “ฮองเฮาควรระวังคำพูดหน่อยนะ”“แม้ข้ากับพี่รองจะทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่มีเรื่องบาดหมางร้ายแรงใดๆ เหตุใดข้าจะต้องไปฆ่าเขาเล่า?”ฮองเฮากริ้วและกล่าวว่า “เจ้ามีความทะเยอทะยาน ต้องการแย่งชิงบัลลังก์ เฟิงเอ๋อร์เป็นองค์ชายเพียงพระองค์เดียวที่ถือกำเนิดจากฮองเฮา เป็นผู้สืบราชสมบัติโดยชอบธรรม”“เจ้าฆ่าเขาเพื่อต้องการแย่งชิงบัลลังก์!”จิ่งโม่เยี่ยจ้องมองพระนางราวกับมองคนโง่เขลา “ข้าเห็นใจฮองเฮาที่เพิ่งสูญเสียบุตรชายไป ความโศกเศร้าเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านอาจพูดจาไม่ระมัดระวัง”“แต่ข้าก็ต้องปกป้องตัวเอง ตำแหน่งอ๋องผู้สำเร็จราชการนี

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status