Share

บทที่ 644

Author: ดอกถังร่วงหล่น
แต่เรื่องครั้งนี้กลับตบหน้าเขาอย่างจัง บอกให้เขารู้ว่าความคิดก่อนหน้านี้ของเขานั้นประมาทเกินไป

เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “เจ้าค่ะ ถ้าท่านพ่อคิดหาวิธีได้ ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว”

เหมยตงยวนรู้ว่านี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในตอนนี้

ถ้าเขาหาทางแก้ไม่ได้ เพื่อปกป้องนาง เขาคงต้องอยู่ห่างจากนาง

และก่อนหน้านี้เพื่อปกป้องมารดาของนาง เขาจึงเลือกที่จะอยู่ห่างๆ มาแล้ว ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายก็ไม่ดีนัก

เขาพูดเบาๆ ว่า “เดี๋ยวข้าจะคิดหาทางดู”

ขณะที่เขาหันหลังจากไปก็คิดขึ้นมาได้อีกเรื่อง จึงถามเฟิ่งชูอิ่งว่า “วันนี้จิ่งโม่เยี่ยมาหาเจ้าใช่ไหม เขาทำเจ้าลำบากใจหรือเปล่า?”

เฟิ่งชูอิ่งส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ วันนี้เขาพูดจาว่าง่ายมากเลย เราหย่ากันเรียบร้อยแล้ว”

พูดจบนางก็หยิบใบหย่าออกมาให้เหมยตงยวนดู

เหมยตงยวนเหลือบมองแล้วพยักหน้าเบาๆ “ครั้งนี้เขาทำตัวเหมือนลูกผู้ชายเสียที”

เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เจ้าค่ะ ข้าตกลงกับเขาแล้วว่าต่อไปเขาจะไม่มาหาข้าอีก เราต่างคนต่างอยู่”

พูดมาถึงตรงนี้ นางก็ถามว่า “ท่านพ่อดูไม่แปลกใจกับเขาเลยนะ เหมือนรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะมาหา”

มาถึงตอนนี้แล้ว เหมยตงยวนก
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 645

    พวกเขาจึงเป็นใหญ่ในพื้นที่แห่งนั้น ชาวบ้านทุกข์ทรมานมานาน แต่พวกเขากลับใช้ชีวิตอย่างสุขสบายวันนั้นพวกเขากำลังประชุมกันในป้อมปราการเพื่อวางแผนปล้นหมู่บ้านใกล้เคียง แต่กลับได้รับแจ้งว่าพวกเขาเป็นผู้สังหารอ๋องเฉิน และอ๋องผู้สำเร็จราชการก็กำลังยกทัพมาโจมตีพวกเขาเมื่อได้ยินเช่นนั้นในคราแรก พวกเขาก็นึกว่าเป็นเรื่องตลกต่อให้พวกเขามีความกล้ามากกว่านี้ถึงสิบเท่า ก็ไม่กล้าลงมือกับอ๋องเฉินหรอก!และอ๋องผู้สำเร็จราชการผู้นั้นก็คือเทพเจ้าแห่งความตาย พวกเขาจะไปกล้าหาญต่อกรได้อย่างไร?แต่เมื่อจิ่งโม่เยี่ยยกทัพมาโจมตีด้วยตัวเอง เขาก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นความจริง!คนในป้อมปราการหลายร้อยคนถูกกองทัพของจิ่งโม่เยี่ยกวาดล้างจนหมด ไม่มีใครหนีรอดได้เลยพวกเขาถูกจับ ชาวบ้านแถวนั้นต่างปรบมือชื่นชมเพราะพวกโจรเหล่านั้นฆ่าคนอย่างไร้ความปรานี ดังนั้นถึงแม้พวกเขาจะตะโกนโวยวายว่าไม่ได้ฆ่าจิ่งสือเฟิง ก็ไม่มีใครยอมเชื่อเพราะศพของจิ่งสือเฟิงถูกพบในป้อมปราการของพวกเขาเมื่อหัวหน้าโจรใหญ่ถูกจิ่งโม่เยี่ยจับได้ เขายังคงแก้ตัวว่า “ข้าไม่ได้ฆ่าอ๋องเฉิน นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือขึ้นเล

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 646

    จิ่งโม่เยี่ยพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็ชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “ขณะที่ข้าไปถึงนั้นมันก็สายเกินไปแล้ว โจรภูเขาโหดเหี้ยมพวกนั้นได้ฆ่าเขาไปแล้ว”ฮองเฮาทรงทราบดีว่าวันนี้จิ่งสือเฟิงออกไปทำอะไร พระนางจึงไม่เชื่อคำพูดของจิ่งโม่เยี่ยพระนางเบิกตากว้างมองจิ่งโม่เยี่ยแล้วเอ่ยว่า “เฟิงเอ๋อร์ไม่ได้ถูกโจรภูเขาฆ่า แต่เป็นเจ้าต่างหากที่ฆ่าเขา!”ทันทีที่พระนางเอ่ยเช่นนั้น สายตาของทุกคนก็หันไปมองจิ่งโม่เยี่ยสีหน้าของจิ่งโม่เยี่ยเปลี่ยนไป เขาเอ่ยเสียงต่ำว่า “ฮองเฮาควรระวังคำพูดหน่อยนะ”“แม้ข้ากับพี่รองจะทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่มีเรื่องบาดหมางร้ายแรงใดๆ เหตุใดข้าจะต้องไปฆ่าเขาเล่า?”ฮองเฮากริ้วและกล่าวว่า “เจ้ามีความทะเยอทะยาน ต้องการแย่งชิงบัลลังก์ เฟิงเอ๋อร์เป็นองค์ชายเพียงพระองค์เดียวที่ถือกำเนิดจากฮองเฮา เป็นผู้สืบราชสมบัติโดยชอบธรรม”“เจ้าฆ่าเขาเพื่อต้องการแย่งชิงบัลลังก์!”จิ่งโม่เยี่ยจ้องมองพระนางราวกับมองคนโง่เขลา “ข้าเห็นใจฮองเฮาที่เพิ่งสูญเสียบุตรชายไป ความโศกเศร้าเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านอาจพูดจาไม่ระมัดระวัง”“แต่ข้าก็ต้องปกป้องตัวเอง ตำแหน่งอ๋องผู้สำเร็จราชการนี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 647

    เนื่องจากจิ่งสือเฟิงปัจจุบันไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ ในเมืองหลวง และไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาหากเขาได้หลักฐานการกบฏของปู๋เยี่ยโหว คนของศาลต้าหลี่จะต้องให้ความร่วมมือแน่แต่ตอนนี้จิ่งสือเฟิงตายแล้ว ศาลต้าหลี่คงจะทำตัวเป็นเต่าหดหัวในกระดองนางรู้สึกเสียใจและหวาดกลัว ในที่สุดนางก็เข้าใจเรื่องราวได้อย่างหนึ่งแล้วก่อนหน้านี้ที่นางต่อสู้กับเหล่าสนมในวังหลัง นางชนะได้ก็เพราะนางเป็นฮองเฮา มีอำนาจเหนือกว่าพวกนางเหล่านั้นแต่ประสบการณ์การต่อสู้เหล่านั้น เมื่อนำมาใช้กับจิ่งโม่เยี่ยกลับใช้ไม่ได้ผลเลยสักนิดเพราะจิ่งโม่เยี่ยในปัจจุบันเป็นผู้กุมอำนาจที่แท้จริง เขาไม่เห็นหัวนางด้วยซ้ำไปต่อหน้าอำนาจและพละกำลังที่เหนือกว่าอย่างสิ้นเชิง นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยนางกัดฟันพูดว่า “เรื่องเหล่านี้พวกเราล้วนรู้ดีแก่ใจว่าเป็นอย่างไร จิ่งโม่เยี่ย เจ้าฆ่าพี่น้องตัวเองได้ลงคอ ต่อไปจะต้องตายไม่ดีแน่!”สีหน้าของจิ่งโม่เยี่ยเรียบเฉย “ถึงแม้ข้าจะเรียกจิ่งสือเฟิงว่าพี่ชาย แต่เขาก็ไม่นับว่าเป็นพี่น้องของข้า”“คำพูดของฮองเฮาข้าคิดว่ายอดเยี่ยมมากเลยล่ะ ท่านมิลองเอาประโยคพวกนี้ไปพูดต่อหน้าเสด็จลุงดูล่ะ?”ฮองเฮา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 648

    มหาราชครูเป็นคนฉลาด พวกเขาเคยสนับสนุนจิ่งสือเฟิงเพราะมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดและจิ่งสือเฟิงเป็นโอรสที่กำเนิดจากภรรยาเอก มีโอกาสสูงที่จะได้ครองราชย์สมบัติต่อจากฮ่องเต้เจาหยวนหากจิ่งสือเฟิงได้ขึ้นครองราชย์ มันจะเป็นเรื่องดีอย่างยิ่งสำหรับพวกเขาแต่ตอนนี้จิ่งสือเฟิงตายไปแล้ว แผนการทั้งหมดของพวกเขาก็ล้มเหลว แต่พวกเขายังมีชีวิตอยู่และต้องมองไปข้างหน้าในเมื่อพวกเขาไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าจิ่งโม่เยี่ยฆ่าจิ่งสือเฟิง การไปหาเรื่องจิ่งโม่เยี่ยก็เท่ากับไปหาเรื่องตายมหาราชครูมองเห็นเรื่องนี้ชัดเจน จึงห้ามไม่ให้ฮองเฮาไปหาเรื่องจิ่งโม่เยี่ยฮองเฮาน้ำตาคลอเบ้ากล่าวว่า “แล้วเฟิงเอ๋อร์จะตายไปทั้งอย่างนี้หรือ?”มหาราชครูกล่าวเสียงเคร่งเครียดว่า “ไม่แน่นอน สิ่งที่เราต้องทำคือเก็บรวบรวมหลักฐานอย่างลับๆ และรอโอกาสที่เหมาะสมเพื่อกำจัดจิ่งโม่เยี่ย”เมื่อได้ยินว่ามหาราชครูไม่ได้ละทิ้งการแก้แค้นให้จิ่งสือเฟิง ใจของฮองเฮาก็โล่งขึ้นมาบ้างแต่เมื่อเห็นจิ่งสือเฟิงนอนอยู่ตรงนั้นในสภาพไร้ลมหายใจ ฮองเฮาก็เศร้าเสียใจอีกครั้ง น้ำตาไหลพรากเป็นสายจิ่งสือเยี่ยนได้ยินข่าวการตายของจิ่งสือเฟิงตอนอยู่ที่จ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 649

    ในใจของซูโหย่วเหลียงแล้ว จิ่งสือเยี่ยนเป็นเพียงหนุ่มน้อยผู้มีนิสัยอ่อนโยนการพูดเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เพราะเขาเป็นลุงแท้ๆ ของจิ่งสือเยี่ยน เป็นผู้ที่มีอาวุโสมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้จิ่งสือเยี่ยนจะเป็นองค์ชาย แต่ความสำเร็จในปัจจุบันของจิ่งสือเยี่ยน เขารู้สึกว่าล้วนเป็นเพราะความช่วยเหลือของตระกูลซูหากตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลซูไม่ได้ทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดให้กับจิ่งสือเยี่ยน เขาก็คงยังคงเป็นองค์ชายที่ไร้ซึ่งตัวตนอยู่ในวังเขารู้สึกไม่สบายใจ แต่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มอยู่ บอกด้วยท่าทีที่ดูเหมือนจะประจบประแจงว่า “ลุงรู้แล้ว เจ้าอย่าห่วงเลย เรื่องเหล่านี้ลุงจะเชื่อฟังเจ้า”จิ่งสือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้ว่าเขายังไม่ได้ใส่ใจจริงจังแต่เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว หากจิ่งสือเยี่ยนพูดต่อก็จะทำให้คำพูดฟังดูรุนแรงเกินไป เขาจึงต้องหยุดไว้ก่อนหลังจากส่งซูโหย่วเหลียงออกไปแล้ว เขาก็บอกกับองครักษ์ว่า “แม้ว่าการกระทำของจิ่งสือเฟิงจะเกินขอบเขตไปบ้างในคราวนี้ แต่พี่สามก็คงไม่ถึงขั้นลงมือฆ่าแกงเขาหรอก”“ไปตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”องครักษ์รับคำแล้วไปตรวจสอบอย่างละเอียด แ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 650

    จิ่งสือเยี่ยนและปู๋เยี่ยโหวนับว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ค่อยดีนักปู๋เยี่ยโหวคิดว่าจิ่งสือเยี่ยนเจ้าเล่ห์เพทุบาย ส่วนจิ่งสือเยี่ยนก็คิดว่าปู๋เยี่ยโหวบ้าบอไร้สติ ปกติทั้งสองคนเจอกันก็แค่พยักหน้าทักทายกันเท่านั้น ไม่มีมิตรภาพใดๆดังนั้นจิ่งสือเยี่ยนจึงรู้ว่าหากเขาไปหาปู๋เยี่ยโหวโดยตรง ปู๋เยี่ยโหวคงไม่ยอมร่วมมือแน่ เขาจึงต้องหาเหตุผลและข้ออ้างเขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะไปหาปู๋เยี่ยโหวเขาจึงแวะไปหาองค์ชายใหญ่ จิ่งสืออวิ๋นก่อนจิ่งสืออวิ๋นในฐานะองค์ชายใหญ่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมากลับแทบไม่มีตัวตนอยู่เลยเพราะจิ่งสือเฟิงมักจะใช้ความได้เปรียบที่เป็นบุตรจากภรรยาเอกและมีตระกูลมารดาที่ทรงอิทธิพลคอยกดขี่จิ่งสืออวิ๋นอยู่เสมอครั้งนี้จิ่งสือเฟิงตาย คนที่ยินดีที่สุดก็คือจิ่งสืออวิ๋นและหากพิจารณาจากความสัมพันธ์ที่ปรากฏให้เห็น ก่อนหน้านี้ในบรรดาองค์ชายทั้งหมด คนที่ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดกับปู๋เยี่ยโหวก็คือจิ่งสืออวิ๋นดังนั้น การให้จิ่งสืออวิ๋นเป็นคนไปขอร้องปู๋เยี่ยโหวให้พาไปที่จวนตากอากาศจึงเหมาะสมที่สุดเมื่อจิ่งสือเยี่ยนไปถึงวังของจิ่งสืออวิ๋น จิ่งสืออวิ๋

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 651

    เขาคิดว่านิสัยของจิ่งสือเยี่ยนดีกว่าจิ่งสือเฟิงมากมายตั้งไม่รู้กี่เท่าตอนเกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจในวังครั้งก่อน จิ่งสือเยี่ยนก็สามารถแสดงความสามารถอันโดดเด่น ทำในสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทำได้เขาถึงได้รู้ว่าน้องห้าของตนเองไม่ธรรมดา แต่ถึงในมือของจิ่งสือเยี่ยนจะกุมอำนาจอยู่ เขาก็ไม่มีท่าทางวางมาดเหมือนเดิมแต่จิ่งสืออวิ๋นตระหนักดีว่า จิ่งสือเยี่ยนในตอนนี้ไม่เหมือนกับจิ่งสือเยี่ยนในอดีตแล้วจิ่งสือเยี่ยนกตัญญูก็จริง แต่ปกติเขาจะยุ่งกับหน้าที่และงานของตัวเองมากกว่า ไม่น่าจะออกเสาะหาหญ้าเสวี่ยอิ่นด้วยตัวเองหรอกจิ่งสืออวิ๋นรู้ว่าการตามหาหญ้าเสวี่ยอิ่นเป็นแค่ข้ออ้างของจิ่งสือเยี่ยน จะต้องมีเป้าหมายอื่นแฝงเร้นแน่นอนเขาอยากรู้มากกว่าแท้จริงแล้วจิ่งสือเยี่ยนกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ จึงเก็บอุปกรณ์วาดภาพทั้งหมดแล้วออกไปตามหาหญ้าเสวี่ยอิ่นพร้อมกับจิ่งสือเยี่ยนเพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงจวนพักตากอากาศของปู๋เยี่ยโหว จิ่งสือเยี่ยนออกอาการลังเล “พี่ใหญ่ พวกเราจะไปเก็บหญ้าเสวี่ยอิ่นไม่ใช่หรือ? มาที่นี่ทำไมล่ะ?”จิ่งสืออวิ๋นตอบ “ก็เพราะว่าหญ้าเสวี่ยอิ่นมันขึ้นอยู่ในจวนแห่งนี้ไง”จิ่งสือเยี่ยนทำหน้า

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 652

    เขาสังเกตจวนหลังนี้มาตั้งแต่มาถึง ปฏิกิริยาของบ่าวดูระแวงเกินจริงไปหน่อย ยิ่งตอกย้ำความสงสัยแต่เดิมของเขาจวนหลังนี้มันมีอะไรแปลกๆ กันแน่?จิ่งสืออวิ๋นรอพักใหญ่ จึงเห็นปู๋เยี่ยโหวสวมรองเท้าแตะเดินออกมาขณะเดินก็หาวหวอดพลางพูดว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่? โอ้ พาเจ้าหมอนี่มาด้วยหรือ”จิ่งสืออวิ๋นเล่าจุดประสงค์ของวันนี้คร่าวๆ แล้วถามว่า “วันนี้เจ้าหยุดงานรึ?”ปู๋เยี่ยโหวกลับไม่ตอบคำถามของจิ่งสืออวิ๋น แต่หันไปมองจิ่งสือเยี่ยนแล้วพูดว่า “เจ้าก็เป็นแขกที่นานๆ จะมาทีนะ”จิ่งสือเยี่ยนโค้งคำนับให้ปู๋เยี่ยโหว “รบกวนแล้ว”ปู๋เยี่ยโหวยิ้มเยาะ “ยังเสแสร้งเก่งอีกนะ”จิ่งสือเยี่ยน “……”นิสัยของปู๋เยี่ยโหวนี่มันน่ารำคาญจริงๆเขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ต่อปากต่อคำกับปู๋เยี่ยโหวปู๋เยี่ยโหวก็ไม่ได้ต้องการให้เขาแสดงปฏิกิริยาอะไร พูดเสียงเรียบว่า “เรือนท้ายจวนข้ามีอะไรพิเศษนิดหน่อย ตอนพวกเจ้าเก็บสมุนไพรให้เลี่ยงๆ หน่อย อย่าเข้าไปข้างในล่ะ”จิ่งสืออวิ๋นถามด้วยความสงสัย “ข้าเคยมาจวนพักตากอากาศของเจ้าหลายครั้งแล้ว ไม่เคยเห็นอะไรพิเศษนี่”ปู๋เยี่ยโหวพูดกวนๆ ว่า “เมื่อก่อนก็เมื่อก่อน ตอนนี้ก็ตอนนี้”เดิมทีจิ่งสืออว

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status