Share

บทที่ 640

Author: ดอกถังร่วงหล่น
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จิ่งโม่เยี่ยพยายามทำลายภาพลักษณ์ที่ดีงามของตนเองทิ้ง เพื่อเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของฮ่องเต้เจาหยวน

ข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับความโหดร้ายของเขาในเมืองหลวง สามารถเขียนเป็นนิยายได้หลายล้านคำ เขามีชื่อเสียงที่เลวร้ายอย่างมากในเมืองหลวง

เรื่องแบบนี้ เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า สิ่งที่เป็นเท็จก็จะกลายเป็นความจริง

ยิ่งไปกว่านั้น จิ่งโม่เยี่ยก็เคยฆ่าผู้ที่คิดจะทำร้ายเขาจริง ๆ ทำให้เรื่องนี้ยิ่งมีน้ำหนักเข้าไปใหญ่

ถึงขั้นไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลของฮองเฮามาขยายความเรื่องนี้ ความโหดร้ายของเขาก็กลายเป็นเรื่องที่ประชาชนในเมืองหลวงพูดถึงกันไปทั่วแล้ว

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่สนใจเลยว่าคนในเมืองหลวงจะมองเขาอย่างไร

ปู๋เยี่ยโหวถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเจ้าอย่างไร แต่ด้วยสถานะของเจ้าในตอนนี้ เจ้าควรระวังชื่อเสียงของตนบ้าง”

“มีฉายาว่าโหดร้ายติดตัวเจ้าอยู่ เจ้าก็ยากที่จะก้าวไปข้างหน้าได้อีก”

“เพราะคำว่าทรราชย์ มักจะมาพร้อมกับการล่มสลายและความพ่ายแพ้”

“อย่าบอกข้าเลยว่าเจ้าไม่สนใจบัลลังก์ เจ้ามาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีทางกลับหลังได้อีก”

ดวงตาของจิ่งโม่เยี่ยลึกล้ำร
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 641

    จิ่งโม่เยี่ยเพียงยิ้มรับคำพูดของเขาโดยไม่ชี้แจงอะไร เขาขึ้นคร่อมม้าแล้วห้อตะบึงจากไปปู๋เยี่ยโหวยืนกอดอกอยู่หน้าประตู กัดฟันมองแผ่นหลังของจิ่งโม่เยี่ยจากคำพูดของจิ่งโม่เยี่ย ดูเหมือนเขาจะยังไม่ได้ประทับรอยนิ้วมือบนใบหย่าแต่เฟิ่งชูอิ่งเป็นคนฉลาดมาก ถ้าจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้ประทับตรารอยนิ้วมือจริงๆ นางต้องรู้แน่แต่จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว จิ่งโม่เยี่ยคงใช้เล่ห์กลบางอย่างปู๋เยี่ยโหวสบถในใจว่าจิ่งโม่เยี่ยช่างเจ้าเล่ห์และน่ารำคาญเหลือเกิน เขาต้องไปเตือนเฟิ่งชูอิ่งสักหน่อย ไม่งั้นเฟิ่งชูอิ่งจะตกเป็นเหยื่อของจิ่งโม่เยี่ยแน่นอนขณะที่จิ่งโม่เยี่ยกำลังขี่ม้าอยู่ริมฝีปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย มันแฝงความนัยลึกลับปู๋เยี่ยโหวรีบกลับไปยังลานบ้านด้านใน เฟิ่งชูอิ่งเพิ่งทำพิธีส่งวิญญาณที่ตายไปเสร็จเรียบร้อย บรรยากาศจึงมีกลิ่นอายแปลกๆเมื่อเขามาถึง เขาก็พูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ท่านดูใบหย่าที่ท่านกับจิ่งโม่เยี่ยตกลงกันให้ดีๆ เขาอาจจะทำอะไรบางอย่างกับมันได้”เฟิ่งชูอิ่งได้ยินดังนั้นจึงรีบหยิบใบหย่าออกมา ลายนิ้วมือบนใบหย่าชัดเจน ไม่มีปัญหาอะไรเฟิ่งชูอิ่งมองไปทางปู๋เยี่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 642

    ปู๋เยี่ยโหวตะโกนด่าว่า “เรื่องหลอกลวงปั่นหัวคน ต้องยกให้จิ่งโม่เยี่ยเลย”“เจ้าคนสารเลวนั่นจะไม่ยอมให้ข้าได้ดีเลยสินะ พยายามหาทางมากลั่นแกล้งรังแกข้าทุกวัน ช่างเสียแรงที่ข้าอุตส่าห์ทำดีกับเขามากมายเช่นนั้น!”เฟิ่งชูอิ่งฟังเขาบ่นแล้วก็ขำ “เจ้าดีกับเขามากมายเลยหรือ? ดูเหมือนจะไม่ใช่ทั้งหมดนะ?”ความคิดของเขา นางเห็นชัดเจนอยู่แล้วถึงแม้เขาและจิ่งโม่เยี่ยจะมีความเข้าใจกัน อยู่ฝ่ายเดียวกัน เป้าหมายผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ก็เหมือนกัน ปกติถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขาก็จะช่วยเหลือจิ่งโม่เยี่ยแต่ปกติเขามีความคิดเห็นแก่ตัวเล็กๆ เป็นของตัวเองมากมาย ถ้าไม่หลอกลวงจิ่งโม่เยี่ยก็ถือว่าดีแล้ว เรื่องที่ว่าเขาทำดีกับจิ่งโม่เยี่ยเหลือเกินนั้นไม่มีอยู่จริงหรอกปู๋เยี่ยโหวเหลือบมองนางแล้วพูดว่า “รู้แล้วก็อย่าพูดออกมาสิ!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ปู๋เยี่ยโหวใช้ไหล่ชนไหล่นางเบาๆ “เจ้าจะหย่ากับจิ่งโม่เยี่ยจริงๆ หรือ?”เฟิ่งชูอิ่งมองเขาอย่างเฉยชา “ข้ากับเขาหย่ากันแล้ว ต่อไปนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”“ถ้าอย่างนี้ยังไม่เรียกว่าตัดขาดกัน ข้าก็ไม่รู้ว่าอะไรถึงจะเรียกว่าตัดขาดกัน”นางรอให้ร่างกาย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 643

    นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยิบใบหย่ามาดูลายนิ้วมือของจิ่งโม่เยี่ยอย่างละเอียดลายนิ้วมือชัดเจน ไร้ซึ่งข้อผิดพลาดนางเอียงศีรษะพิงมือข้างเดียว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าเรื่องนี้คงเป็นฝีมือจิ่งโม่เยี่ยที่กลั่นแกล้งปู๋เยี่ยโหวนางกับจิ่งโม่เยี่ยได้หย่าขาดกันแล้ว ใบหย่าเป็นนางที่เขียนขึ้นมาเอง ลายนิ้วมือของจิ่งโม่เยี่ยก็เป็นนางที่เห็นเขาประทับลงไปด้วยตาตนเอง จะมีปัญหาได้อย่างไรนางรู้สึกอย่างชัดเจนว่าตนเองถูกปู๋เยี่ยโหวหลอกให้มานั่งคิดถึงความจริงเท็จของเรื่องนี้ขณะที่นางกำลังจะเก็บใบหย่า ก็เห็นว่าเหมยตงยวนยืนอยู่ไม่ไกลนักนางรีบกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?”ในแง่หนึ่ง วิญญาณร้ายไม่มีเรื่องของการตื่นหรือไม่ตื่นหลังจากที่พวกเขาตายแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องนอนหลับ แต่ถ้าต้องการรักษาสภาพของร่างวิญญาณ ก็จำเป็นต้องพักผ่อนเพียงแต่รูปแบบการพักผ่อนของพวกเขากับคนเป็นนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเหมยตงยวนนั่งลงข้างๆ นาง “วันนี้ข้าเกือบจะทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ?”ความทรงจำขณะที่คลุ้มคลั่ง เหมยตงยวนยังคงมีอยู่ครบถ้วน เพียงแต่ไม่ชัดเจนนักเฟิ่งชูอิ่งตอบตามความจริง “

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 644

    แต่เรื่องครั้งนี้กลับตบหน้าเขาอย่างจัง บอกให้เขารู้ว่าความคิดก่อนหน้านี้ของเขานั้นประมาทเกินไปเฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “เจ้าค่ะ ถ้าท่านพ่อคิดหาวิธีได้ ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว”เหมยตงยวนรู้ว่านี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในตอนนี้ถ้าเขาหาทางแก้ไม่ได้ เพื่อปกป้องนาง เขาคงต้องอยู่ห่างจากนางและก่อนหน้านี้เพื่อปกป้องมารดาของนาง เขาจึงเลือกที่จะอยู่ห่างๆ มาแล้ว ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายก็ไม่ดีนักเขาพูดเบาๆ ว่า “เดี๋ยวข้าจะคิดหาทางดู”ขณะที่เขาหันหลังจากไปก็คิดขึ้นมาได้อีกเรื่อง จึงถามเฟิ่งชูอิ่งว่า “วันนี้จิ่งโม่เยี่ยมาหาเจ้าใช่ไหม เขาทำเจ้าลำบากใจหรือเปล่า?”เฟิ่งชูอิ่งส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ วันนี้เขาพูดจาว่าง่ายมากเลย เราหย่ากันเรียบร้อยแล้ว”พูดจบนางก็หยิบใบหย่าออกมาให้เหมยตงยวนดูเหมยตงยวนเหลือบมองแล้วพยักหน้าเบาๆ “ครั้งนี้เขาทำตัวเหมือนลูกผู้ชายเสียที”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เจ้าค่ะ ข้าตกลงกับเขาแล้วว่าต่อไปเขาจะไม่มาหาข้าอีก เราต่างคนต่างอยู่”พูดมาถึงตรงนี้ นางก็ถามว่า “ท่านพ่อดูไม่แปลกใจกับเขาเลยนะ เหมือนรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะมาหา”มาถึงตอนนี้แล้ว เหมยตงยวนก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 645

    พวกเขาจึงเป็นใหญ่ในพื้นที่แห่งนั้น ชาวบ้านทุกข์ทรมานมานาน แต่พวกเขากลับใช้ชีวิตอย่างสุขสบายวันนั้นพวกเขากำลังประชุมกันในป้อมปราการเพื่อวางแผนปล้นหมู่บ้านใกล้เคียง แต่กลับได้รับแจ้งว่าพวกเขาเป็นผู้สังหารอ๋องเฉิน และอ๋องผู้สำเร็จราชการก็กำลังยกทัพมาโจมตีพวกเขาเมื่อได้ยินเช่นนั้นในคราแรก พวกเขาก็นึกว่าเป็นเรื่องตลกต่อให้พวกเขามีความกล้ามากกว่านี้ถึงสิบเท่า ก็ไม่กล้าลงมือกับอ๋องเฉินหรอก!และอ๋องผู้สำเร็จราชการผู้นั้นก็คือเทพเจ้าแห่งความตาย พวกเขาจะไปกล้าหาญต่อกรได้อย่างไร?แต่เมื่อจิ่งโม่เยี่ยยกทัพมาโจมตีด้วยตัวเอง เขาก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นความจริง!คนในป้อมปราการหลายร้อยคนถูกกองทัพของจิ่งโม่เยี่ยกวาดล้างจนหมด ไม่มีใครหนีรอดได้เลยพวกเขาถูกจับ ชาวบ้านแถวนั้นต่างปรบมือชื่นชมเพราะพวกโจรเหล่านั้นฆ่าคนอย่างไร้ความปรานี ดังนั้นถึงแม้พวกเขาจะตะโกนโวยวายว่าไม่ได้ฆ่าจิ่งสือเฟิง ก็ไม่มีใครยอมเชื่อเพราะศพของจิ่งสือเฟิงถูกพบในป้อมปราการของพวกเขาเมื่อหัวหน้าโจรใหญ่ถูกจิ่งโม่เยี่ยจับได้ เขายังคงแก้ตัวว่า “ข้าไม่ได้ฆ่าอ๋องเฉิน นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือขึ้นเล

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 646

    จิ่งโม่เยี่ยพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็ชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “ขณะที่ข้าไปถึงนั้นมันก็สายเกินไปแล้ว โจรภูเขาโหดเหี้ยมพวกนั้นได้ฆ่าเขาไปแล้ว”ฮองเฮาทรงทราบดีว่าวันนี้จิ่งสือเฟิงออกไปทำอะไร พระนางจึงไม่เชื่อคำพูดของจิ่งโม่เยี่ยพระนางเบิกตากว้างมองจิ่งโม่เยี่ยแล้วเอ่ยว่า “เฟิงเอ๋อร์ไม่ได้ถูกโจรภูเขาฆ่า แต่เป็นเจ้าต่างหากที่ฆ่าเขา!”ทันทีที่พระนางเอ่ยเช่นนั้น สายตาของทุกคนก็หันไปมองจิ่งโม่เยี่ยสีหน้าของจิ่งโม่เยี่ยเปลี่ยนไป เขาเอ่ยเสียงต่ำว่า “ฮองเฮาควรระวังคำพูดหน่อยนะ”“แม้ข้ากับพี่รองจะทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่มีเรื่องบาดหมางร้ายแรงใดๆ เหตุใดข้าจะต้องไปฆ่าเขาเล่า?”ฮองเฮากริ้วและกล่าวว่า “เจ้ามีความทะเยอทะยาน ต้องการแย่งชิงบัลลังก์ เฟิงเอ๋อร์เป็นองค์ชายเพียงพระองค์เดียวที่ถือกำเนิดจากฮองเฮา เป็นผู้สืบราชสมบัติโดยชอบธรรม”“เจ้าฆ่าเขาเพื่อต้องการแย่งชิงบัลลังก์!”จิ่งโม่เยี่ยจ้องมองพระนางราวกับมองคนโง่เขลา “ข้าเห็นใจฮองเฮาที่เพิ่งสูญเสียบุตรชายไป ความโศกเศร้าเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านอาจพูดจาไม่ระมัดระวัง”“แต่ข้าก็ต้องปกป้องตัวเอง ตำแหน่งอ๋องผู้สำเร็จราชการนี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 647

    เนื่องจากจิ่งสือเฟิงปัจจุบันไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ ในเมืองหลวง และไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาหากเขาได้หลักฐานการกบฏของปู๋เยี่ยโหว คนของศาลต้าหลี่จะต้องให้ความร่วมมือแน่แต่ตอนนี้จิ่งสือเฟิงตายแล้ว ศาลต้าหลี่คงจะทำตัวเป็นเต่าหดหัวในกระดองนางรู้สึกเสียใจและหวาดกลัว ในที่สุดนางก็เข้าใจเรื่องราวได้อย่างหนึ่งแล้วก่อนหน้านี้ที่นางต่อสู้กับเหล่าสนมในวังหลัง นางชนะได้ก็เพราะนางเป็นฮองเฮา มีอำนาจเหนือกว่าพวกนางเหล่านั้นแต่ประสบการณ์การต่อสู้เหล่านั้น เมื่อนำมาใช้กับจิ่งโม่เยี่ยกลับใช้ไม่ได้ผลเลยสักนิดเพราะจิ่งโม่เยี่ยในปัจจุบันเป็นผู้กุมอำนาจที่แท้จริง เขาไม่เห็นหัวนางด้วยซ้ำไปต่อหน้าอำนาจและพละกำลังที่เหนือกว่าอย่างสิ้นเชิง นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยนางกัดฟันพูดว่า “เรื่องเหล่านี้พวกเราล้วนรู้ดีแก่ใจว่าเป็นอย่างไร จิ่งโม่เยี่ย เจ้าฆ่าพี่น้องตัวเองได้ลงคอ ต่อไปจะต้องตายไม่ดีแน่!”สีหน้าของจิ่งโม่เยี่ยเรียบเฉย “ถึงแม้ข้าจะเรียกจิ่งสือเฟิงว่าพี่ชาย แต่เขาก็ไม่นับว่าเป็นพี่น้องของข้า”“คำพูดของฮองเฮาข้าคิดว่ายอดเยี่ยมมากเลยล่ะ ท่านมิลองเอาประโยคพวกนี้ไปพูดต่อหน้าเสด็จลุงดูล่ะ?”ฮองเฮา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 648

    มหาราชครูเป็นคนฉลาด พวกเขาเคยสนับสนุนจิ่งสือเฟิงเพราะมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดและจิ่งสือเฟิงเป็นโอรสที่กำเนิดจากภรรยาเอก มีโอกาสสูงที่จะได้ครองราชย์สมบัติต่อจากฮ่องเต้เจาหยวนหากจิ่งสือเฟิงได้ขึ้นครองราชย์ มันจะเป็นเรื่องดีอย่างยิ่งสำหรับพวกเขาแต่ตอนนี้จิ่งสือเฟิงตายไปแล้ว แผนการทั้งหมดของพวกเขาก็ล้มเหลว แต่พวกเขายังมีชีวิตอยู่และต้องมองไปข้างหน้าในเมื่อพวกเขาไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าจิ่งโม่เยี่ยฆ่าจิ่งสือเฟิง การไปหาเรื่องจิ่งโม่เยี่ยก็เท่ากับไปหาเรื่องตายมหาราชครูมองเห็นเรื่องนี้ชัดเจน จึงห้ามไม่ให้ฮองเฮาไปหาเรื่องจิ่งโม่เยี่ยฮองเฮาน้ำตาคลอเบ้ากล่าวว่า “แล้วเฟิงเอ๋อร์จะตายไปทั้งอย่างนี้หรือ?”มหาราชครูกล่าวเสียงเคร่งเครียดว่า “ไม่แน่นอน สิ่งที่เราต้องทำคือเก็บรวบรวมหลักฐานอย่างลับๆ และรอโอกาสที่เหมาะสมเพื่อกำจัดจิ่งโม่เยี่ย”เมื่อได้ยินว่ามหาราชครูไม่ได้ละทิ้งการแก้แค้นให้จิ่งสือเฟิง ใจของฮองเฮาก็โล่งขึ้นมาบ้างแต่เมื่อเห็นจิ่งสือเฟิงนอนอยู่ตรงนั้นในสภาพไร้ลมหายใจ ฮองเฮาก็เศร้าเสียใจอีกครั้ง น้ำตาไหลพรากเป็นสายจิ่งสือเยี่ยนได้ยินข่าวการตายของจิ่งสือเฟิงตอนอยู่ที่จ

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status