แชร์

บทที่ 634

ผู้แต่ง: ดอกถังร่วงหล่น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ปู๋เยี่ยโหวเห็นท่าทางของเขาแล้วก็เบ้ปากเล็กน้อย ไอ้สุนัขตัวนี้มันคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหรือไง

วิ่งเข้ามาอาละวาดถึงในจวนตากอากาศของเขา นี่มันหาเรื่องตายชัดๆ

ขณะนี้จิ่งโม่เยี่ยเองก็อยู่ที่ลานด้านหลังด้วย ปู๋เยี่ยโหวจึงอยากจะรอดูว่าวันนี้จิ่งสือเฟิงจะตายอย่างไร

ดังนั้นปู๋เยี่ยโหวจึงไม่ขัดขวางจิ่งสือเฟิงแม้แต่น้อย

เขาไม่ขัดขวาง ในสายตาของจิ่งสือเฟิงนั่นก็คือการหวาดหวั่น

และหากปู๋เยี่ยโหวแสดงท่าทีหวาดหวั่นเช่นนี้ แปลว่าเรื่องที่จิ่งสือเฟิงสั่งให้จัดการวันนี้จะต้องสำเร็จแล้วอย่างแน่นอน

เขาบอกกับองครักษ์ข้างกายว่า “คุมตัวปู๋เยี่ยโหวไว้”

องครักษ์หลายคนพุ่งเข้าไปปิดล้อมปู๋เยี่ยโหวอย่างดุร้าย องครักษ์ของปู๋เยี่ยโหวพยายามเข้ามาขัดขวาง แต่เขาโบกมือเบาๆ องครักษ์ของเขาจึงหยุดยืนอยู่เฉยๆ

ปู๋เยี่ยโหวหัวเราะเบาๆ ว่า “ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้ ขอให้หาหลักฐานได้สำเร็จนะ”

จิ่งสือเฟิงหัวเราะเยาะเย้ย “ถึงตอนนี้จะยังปากแข็งได้อยู่ แต่อีกเดี๋ยวเจ้าหัวเราะไม่ออกแน่”

ปู๋เยี่ยโหวเลิกคิ้ว “โอ้ย ข้ากลัวจังเลย!”

จิ่งสือเฟิง “……”

เขาคิดว่าปู๋เยี่ยโหวแสดงท่าทางยียวนเช่นนี้ เป็นการหาเรื่องอยากโดนทุบตีชัดๆ

เข
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 635

    จิ่งโม่เยี่ยแสยะยิ้มเย็นชา “ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าตอนนี้ว่างงานอยู่ไม่ใช่หรือ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งในศาลต้าหลี่หรือกรมราชทัณฑ์”“ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าใครว่างมากนักถึงได้ไม่ไปแจ้งความที่ศาลต้าหลี่หรือกรมราชทัณฑ์ แต่มาแจ้งความกับอ๋องว่างงานอย่างเจ้า”คำว่า “อ๋องว่างงาน” นั้นแทงใจดำจิ่งสือเฟิงอย่างแรงที่จริงแล้วเขามีตำแหน่งในกรมกลาโหมอยู่ เพียงแต่เขามักจะไปสร้างปัญหาให้จิ่งโม่เยี่ยบ่อยๆ และความสามารถของเขาก็ไม่โดดเด่นพอช่วงก่อนหน้านี้จิ่งโม่เยี่ยจับผิดเขาได้ จึงถอดถอนตำแหน่งของเขาออกช่วงเวลานี้จิ่งสือเฟิงจึงไม่มีตำแหน่งหน้าที่ในราชสำนักสำหรับจิ่งสือเฟิงที่ชอบถือครองอำนาจ ถือว่าเป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวง เขาจึงรีบร้อนอยากพิสูจน์ตัวเองอย่างถึงที่สุดแต่ในสายตาของจิ่งโม่เยี่ย วิธีการพิสูจน์ตัวเองของเขานั้นโง่เขลาเหลือเกินจิ่งสือเฟิงมีสีหน้ามืดครึ้ม กล่าวว่า “ถึงแม้ข้าจะว่างงาน แต่ก็เป็นองค์ชายโดยชอบธรรม”“ข้ามีชื่อเสียงอันดีงามในราชสำนัก และเป็นที่รู้จักในเรื่องความยุติธรรม”“ช่วงนี้มีคนกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พวกเขาจึงมาหาข้าเพื่อขอให้ช่วย”คำพูดของเขาแทบจะพูดตรงๆ ว่าจิ่งโม่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 636

    เขาพูดทันทีว่า “ถูกต้อง! ไม่น่าแปลกใจที่ข้าหาอยู่นานจึงไม่เจอ ที่แท้ก็อยู่กับเจ้านี่เอง!”พูดจบเขาก็ตะคอกเสียงดังว่า “จิ่งโม่เยี่ย เจ้ายังกล้าบอกว่าเจ้าไม่มีความคิดจะก่อกบฏอีกหรือ!”“ตอนนี้มีอาภรณ์มังกรเป็นหลักฐาน ย่อมพิสูจน์ได้ว่าเจ้ามีเจตนาไม่ดี!”จิ่งโม่เยี่ยใช้สายตาเหมือนมองคนโง่จ้องมองเขาแล้วพูดว่า “แค่อาภรณ์มังกรชิ้นเดียวก็พิสูจน์ได้ว่ามีเจตนาไม่ดี เห็นทีจะเป็นคนโง่จริงๆ”“หากข้าต้องการ ข้าสามารถค้นหาอาภรณ์มังกรได้มากกว่าสิบชิ้นในจวนอ๋องของเจ้า”“วันนี้ข้าอารมณ์ดี ข้าจะไม่ถือสาเจ้า ตอนนี้เจ้ารีบไสหัวออกไปจากที่นี่เสีย แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“เพราะหากข้าต้องการก่อกบฏจริงๆ เจ้าก็ไม่มีความสามารถที่จะขัดขวางได้อยู่ดี”จิ่งสือเฟิง “……”เขานึกถึงเหตุการณ์ที่จิ่งโม่เยี่ยก่อการปฏิวัติสำเร็จ จนกลายเป็นผู้สำเร็จราชการเมื่อสามเดือนก่อนในสายตาของจิ่งสือเฟิง นั่นคือความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง!เพราะหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ฐานะของเขาก็ตกต่ำลงอย่างมากฮ่องเต้เจาหยวนยังซ่อนตัวอยู่ภายในวังหลวง อาการหนักจนล้มหมอนนอนเสื่อ ยังลุกจากเตียงไม่ได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาส่งคนเข้าไปในวังเพื่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 637

    จิ่งโม่เยี่ยราวกับล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร จึงเสริมอีกประโยคว่า “ห้ามแตะต้องนางแม้แต่น้อย!”พูดจบเขาก็ชักกระบี่ออกมาทันทีชั่วพริบตานั้น จิ่งสือเฟิงก็ทรุดตัวลงกับพื้นดวงตาของเขาค่อยๆ พร่ามัว เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจิ่งโม่เยี่ยที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำร้ายเขามาตลอด วันนี้กลับลงมือโหดดหี้ยมเด็ดขาดเช่นนี้องครักษ์ของเขาพยายามจะเข้ามาช่วย แต่ก็ถูกองครักษ์ของจิ่งโม่เยี่ยสกัดเอาไว้หมดจิ่งโม่เยี่ยเก็บกระบี่เข้าฝักแล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “ฆ่าพวกมันทั้งหมด”คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของจิ่งสือเฟิง ถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะไปต้องปากพล่อยแพร่งพรายเรื่องพวกนี้ออกไปแน่จิ่งโม่เยี่ยไม่กลัวพวกเขาจะนินทาว่าร้าย แต่เขารำคาญพวกที่จะเข้ามาสร้างความวุ่นวายหลังจากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปดังนั้นวิธีที่ง่ายและได้ผลที่สุด ก็คือการกำจัดพวกเขาให้หมดเฟิ่งชูอิ่งก็ไม่คิดว่าจิ่งโม่เยี่ยจะฆ่าจิ่งสือเฟิงตรงนี้ ทว่านางก็พอจะเข้าใจความคิดของจิ่งโม่เยี่ยได้แต่จิ่งสือเฟิงเป็นโอรสคนโตที่เกิดจากฮองเฮาโดยตรง ในบรรดาองค์ชายทุกพระองค์ เขาถือว่าเป็นคนที่มีฐานะค่อนช้างพิเศษการตายของเขาในครั้งนี้ จิ่งโม่เยี่ยคงมีเ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 638

    จิ่งสือเฟิงคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยและเฟิ่งชูอิ่งก็เป็นคนที่ประสงค์ร้ายต่อเขาพอกันนั่นแหละ พวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่คนดีอะไรเลยสถานที่ที่พวกเขาห้ามไม่ยอมให้เขาไป ย่อมเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยแต่เมื่อเขาฝ่าเข้าไป เขาก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเพราะทันทีที่เขาฝ่าเข้าไป เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว ความเจ็บปวดนั้นแตกต่างจากตอนที่จิ่งโม่เยี่ยแทงเขาอย่างสิ้นเชิงในขณะนั้น เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดของจิตวิญญาณ ความรู้สึกอันตรายอย่างใหญ่หลวงถาโถมเข้ามา เขารู้สึกเหมือนกำลังจะสลายกลายเป็นเถ้าธุลีเขาพยายามถอยหลัง แต่กลับพบว่าถอยไม่ได้ดูเหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาล ดูดเขาไว้แน่น แล้วฉีกจิตวิญญาณของเขาออกเป็นเสี่ยงๆเขาตกใจสุดขีด ร้องตะโกนว่า “ช่วยด้วย! ข้าไม่อยากสลายกลายเป็นเถ้าธุลี!”เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางขี้ขลาดของเขาก็เลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อครู่ยังตะโกนโวยวาย ทำเหมือนตัวเองเก่งนักเก่งหนาอยู่เลยแต่พอวิ่งเข้าไปเจอดีกับตัวก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้วค่ายกลดังกล่าวนั้นเป็นฝีมือของเหมยตงหยวน วัตถุประสงค์เพื่อขู่และหยุดวิญญาณร้ายที่ล่องลอยไปมา ไม่ให้เข้ามาในจวนตากอากาศรบกวนพวกเขาดังนั้นค่ายกลดังกล่าว ถ้าไม่ฝ่า

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 639

    “จิ่งโม่เยี่ยไม่ได้โง่นี่นา เจ้าเก่งกาจขนาดนี้ เขายังจะหย่ากับท่านได้ลงคอหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งตบเขาจนกระเด็นไป “เพิ่งชมว่าเจ้ารู้จักพูด พออ้าปากอีกทีก็ดันพูดจาไม่ดีอีกแล้ว”“เรียกว่าถูกหย่าได้อย่างไร? พวกเราแยกทางกันแต่โดยดี!”จิ่งสือเฟิงถูกตบจนกระเด็นไปคราหนึ่งจึงไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก ทว่าดวงตาของเขากลับกลอกลิ้งไปมา จ้องมองบริเวณเอวของจิ่งโม่เยี่ยอย่างเอาเป็นเอาตายจิ่งโม่เยี่ยแม้จะไม่ได้ยินคำพูดของจิ่งสือเฟิง แต่ก็ได้ยินคำพูดของเฟิ่งชูอิ่ง เขาคิดว่าจิ่งสือเฟิงช่างโง่เง่าจริงๆเขาพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ตั้งแต่เด็กเขาก็ไม่ค่อยฉลาดอยู่แล้ว หลายครั้งก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร”“ถ้าเจ้าไม่ชอบเขา ก็จัดการเขาให้สิ้นซากไปเลย ไม่ต้องมัวเสียเวลา”จิ่งสือเฟิงบ่นพึมพำ “เขาพูดมั่ว! ไม่มีเรื่องอย่างนั้นเสียหน่อย!”“ข้ารู้แล้วว่าทำไมพวกท่านถึงได้แยกทางกัน แปดส่วนเป็นเพราะเจ้าไม่ชอบเขาแน่ๆ!”“ในความคิดข้า เขาไม่คู่ควรกับเจ้าเลย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นคนพูดเองมิใช่หรือว่าข้าไม่คู่ควรกับเขา? ทำไมถึงเปลี่ยนคำพูดได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้?”จิ่งสือเฟิง “……”ตอนนี้เขาคิดจริงๆ ว่าสายตาข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 640

    ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จิ่งโม่เยี่ยพยายามทำลายภาพลักษณ์ที่ดีงามของตนเองทิ้ง เพื่อเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของฮ่องเต้เจาหยวนข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับความโหดร้ายของเขาในเมืองหลวง สามารถเขียนเป็นนิยายได้หลายล้านคำ เขามีชื่อเสียงที่เลวร้ายอย่างมากในเมืองหลวงเรื่องแบบนี้ เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า สิ่งที่เป็นเท็จก็จะกลายเป็นความจริงยิ่งไปกว่านั้น จิ่งโม่เยี่ยก็เคยฆ่าผู้ที่คิดจะทำร้ายเขาจริง ๆ ทำให้เรื่องนี้ยิ่งมีน้ำหนักเข้าไปใหญ่ถึงขั้นไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลของฮองเฮามาขยายความเรื่องนี้ ความโหดร้ายของเขาก็กลายเป็นเรื่องที่ประชาชนในเมืองหลวงพูดถึงกันไปทั่วแล้วด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่สนใจเลยว่าคนในเมืองหลวงจะมองเขาอย่างไรปู๋เยี่ยโหวถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเจ้าอย่างไร แต่ด้วยสถานะของเจ้าในตอนนี้ เจ้าควรระวังชื่อเสียงของตนบ้าง”“มีฉายาว่าโหดร้ายติดตัวเจ้าอยู่ เจ้าก็ยากที่จะก้าวไปข้างหน้าได้อีก”“เพราะคำว่าทรราชย์ มักจะมาพร้อมกับการล่มสลายและความพ่ายแพ้”“อย่าบอกข้าเลยว่าเจ้าไม่สนใจบัลลังก์ เจ้ามาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีทางกลับหลังได้อีก”ดวงตาของจิ่งโม่เยี่ยลึกล้ำร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 641

    จิ่งโม่เยี่ยเพียงยิ้มรับคำพูดของเขาโดยไม่ชี้แจงอะไร เขาขึ้นคร่อมม้าแล้วห้อตะบึงจากไปปู๋เยี่ยโหวยืนกอดอกอยู่หน้าประตู กัดฟันมองแผ่นหลังของจิ่งโม่เยี่ยจากคำพูดของจิ่งโม่เยี่ย ดูเหมือนเขาจะยังไม่ได้ประทับรอยนิ้วมือบนใบหย่าแต่เฟิ่งชูอิ่งเป็นคนฉลาดมาก ถ้าจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้ประทับตรารอยนิ้วมือจริงๆ นางต้องรู้แน่แต่จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว จิ่งโม่เยี่ยคงใช้เล่ห์กลบางอย่างปู๋เยี่ยโหวสบถในใจว่าจิ่งโม่เยี่ยช่างเจ้าเล่ห์และน่ารำคาญเหลือเกิน เขาต้องไปเตือนเฟิ่งชูอิ่งสักหน่อย ไม่งั้นเฟิ่งชูอิ่งจะตกเป็นเหยื่อของจิ่งโม่เยี่ยแน่นอนขณะที่จิ่งโม่เยี่ยกำลังขี่ม้าอยู่ริมฝีปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย มันแฝงความนัยลึกลับปู๋เยี่ยโหวรีบกลับไปยังลานบ้านด้านใน เฟิ่งชูอิ่งเพิ่งทำพิธีส่งวิญญาณที่ตายไปเสร็จเรียบร้อย บรรยากาศจึงมีกลิ่นอายแปลกๆเมื่อเขามาถึง เขาก็พูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ท่านดูใบหย่าที่ท่านกับจิ่งโม่เยี่ยตกลงกันให้ดีๆ เขาอาจจะทำอะไรบางอย่างกับมันได้”เฟิ่งชูอิ่งได้ยินดังนั้นจึงรีบหยิบใบหย่าออกมา ลายนิ้วมือบนใบหย่าชัดเจน ไม่มีปัญหาอะไรเฟิ่งชูอิ่งมองไปทางปู๋เยี่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 642

    ปู๋เยี่ยโหวตะโกนด่าว่า “เรื่องหลอกลวงปั่นหัวคน ต้องยกให้จิ่งโม่เยี่ยเลย”“เจ้าคนสารเลวนั่นจะไม่ยอมให้ข้าได้ดีเลยสินะ พยายามหาทางมากลั่นแกล้งรังแกข้าทุกวัน ช่างเสียแรงที่ข้าอุตส่าห์ทำดีกับเขามากมายเช่นนั้น!”เฟิ่งชูอิ่งฟังเขาบ่นแล้วก็ขำ “เจ้าดีกับเขามากมายเลยหรือ? ดูเหมือนจะไม่ใช่ทั้งหมดนะ?”ความคิดของเขา นางเห็นชัดเจนอยู่แล้วถึงแม้เขาและจิ่งโม่เยี่ยจะมีความเข้าใจกัน อยู่ฝ่ายเดียวกัน เป้าหมายผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ก็เหมือนกัน ปกติถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขาก็จะช่วยเหลือจิ่งโม่เยี่ยแต่ปกติเขามีความคิดเห็นแก่ตัวเล็กๆ เป็นของตัวเองมากมาย ถ้าไม่หลอกลวงจิ่งโม่เยี่ยก็ถือว่าดีแล้ว เรื่องที่ว่าเขาทำดีกับจิ่งโม่เยี่ยเหลือเกินนั้นไม่มีอยู่จริงหรอกปู๋เยี่ยโหวเหลือบมองนางแล้วพูดว่า “รู้แล้วก็อย่าพูดออกมาสิ!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ปู๋เยี่ยโหวใช้ไหล่ชนไหล่นางเบาๆ “เจ้าจะหย่ากับจิ่งโม่เยี่ยจริงๆ หรือ?”เฟิ่งชูอิ่งมองเขาอย่างเฉยชา “ข้ากับเขาหย่ากันแล้ว ต่อไปนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”“ถ้าอย่างนี้ยังไม่เรียกว่าตัดขาดกัน ข้าก็ไม่รู้ว่าอะไรถึงจะเรียกว่าตัดขาดกัน”นางรอให้ร่างกาย

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 792

    อีกอย่าง หลังจากวันที่นางปฏิเสธเขาอย่างชัดเจนในวันนั้น ความภาคภูมิใจของเขาก็ถูกทำลายเสียหายไปบ้าง ความชอบที่มีต่อนางจึงจืดจางลงจิ่งโม่เยี่ยเดินพ้นออกมาจากห้องรับรองของจิ่งสือเยี่ยนแล้วก็หัวเราะอย่างขมขื่นเรื่องที่จิ่งสือเยี่ยนมองออก เขากลับมองไม่ออกมาตลอด จนทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขามาถึงจุดนี้ตั้งแต่เด็กเขามักถูกชมว่าฉลาด แต่ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่ง เขากลับรู้สึกว่าตัวเองโง่เง่าที่สุดหลังจากจิ่งโม่เยี่ยเข้าใจความคิดของจิ่งสือเยี่ยน เขาก็รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปหลังจากที่เขาจัดการเรื่องเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ความมืดก็โรยตัวลงมา ถึงเวลาทานอาหารมื้อค่ำวันรวมญาติแล้วเขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตรงไปยังจวนปู๋เยี่ยโหวแต่ตอนที่เขาไปถึงประตู ก็เจอกับปู๋เยี่ยโหวที่เพิ่งกลับมาถึงพอดีทั้งสองสบตากัน ปู๋เยี่ยโหวเป็นฝ่ายทักทายก่อน “อ๊ะ บังเอิญจัง พวกเราเจอกันอีกแล้ว!”จิ่งโม่เยี่ยมองเขาอย่างเฉยชา “เรื่องของเจ้าจัดการเสร็จแล้วหรือ?”ปู๋เยี่ยโหวยิ้ม “เรื่องแค่นั้น ต้องทำเสร็จอยู่แล้วสิ!”“ข้าไม่เพียงแต่ทำงานของข้าเสร็จแล้ว ข้ายังเรียกพ่อครัวมาทำอาหารให้เหล่าขุนนาง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 791

    สายตาของจิ่งสือเยี่ยนเย็นชา “งั้นพี่สามก็อยากได้ตำแหน่งนั้นเหมือนกัน?”จิ่งโม่เยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าเข้าใจผิดอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ข้าอยากได้ตำแหน่งนั้น แต่ตำแหน่งนั้นมันเป็นของข้าตั้งแต่แรกแล้ว”“ข้าเป็นโอรสเพียงหนึ่งเดียวของเสด็จพ่อ ข้าไม่มีพี่น้องร่วมสายโลหิต”“ต่อไปอย่าเรียกข้าว่าพี่สามอีกเลย มันทำให้ข้ารู้สึกคลื่นไส้”คิ้วของจิ่งสือเยี่ยนขมวดเข้าหากัน “ที่แท้คนที่ทะเยอทะยานก็คือเจ้า!”“เจ้าโยนความผิดเรื่องเสด็จลุงสวรรคตให้เสด็จพ่อ สุดท้ายก็แค่เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง”จิ่งโม่เยี่ยมองเขาแล้วพูดว่า “คนแบบไหนก็มักจะใช้ความคิดแบบนั้นไปคาดเดาการกระทำของคนอื่น”“จิ่งสือเยี่ยน เจ้านี่มันจอมปลอมสิ้นดีเลย”พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไปดวงตาของจิ่งสือเยี่ยนเต็มไปด้วยความเย็นชา ตะโกนว่า “พี่สามรู้ไหมว่าทำไมเฟิ่งชูอิ่งถึงอยากหนีจากท่านอยู่ตลอด?”จิ่งโม่เยี่ยหันกลับมามองเขาภาพลักษณ์ที่เขาแสดงออกต่อหน้าคนภายนอกมาตลอดคือร่าเริงแจ่มใส แต่ในตอนนี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ทำให้เขาดูเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนจิ่งสือเยี่ยนที่เป็นแบบนี้ทำให้จิ่งโม่เยี่ยรู้สึกแปลกตาอยู่บ้าง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 790

    จิ่งโม่เยี่ยได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา “ข้าบีบคั้นเขามากเกินไป เขาก็เลยสังหารเหล่าขุนนางที่จงรักภักดีต่อเขา ตรรกะนี้ฟังดูตลกสิ้นดี”จิ่งสือเยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย จิ่งโม่เยี่ยพูดต่อว่า “อย่ามาพูดกับข้าว่าเขาน่าสงสารอะไรทำนองนั้นเลย”“ตอนที่เขาฆ่าเสด็จพ่อและเสด็จย่าของข้า ไม่มีใครบีบคั้นเขาสักนิด สรุปแล้ว ในใจของเขาก็มีเพียงอำนาจ ไม่มีมนุษยธรรมแม้แต่นิดเดียว”จิ่งสือเยี่ยนมองจิ่งโม่เยี่ยแล้วพูดว่า “เรื่องที่ฆ่าฮ่องเต้และไทเฮา เป็นเพียงการคาดเดาของท่าน ยังไม่มีหลักฐานสักหน่อย”“ท่านจะทำเรื่องพวกนี้โดยอาศัยการคาดเดาของตัวเองไม่ได้ พี่สาม การเป็นคนต้องมีหลักฐาน”จิ่งโม่เยี่ยมองเขาแล้วพูดว่า “หลักฐานที่เจ้าพูดถึง ข้ามีกองเป็นภูเขาเชียวล่ะ”“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เรื่องที่เขาส่งคนมาลอบสังหารข้ากี่ครั้งกี่หน และปฏิบัติต่อข้าอย่างไรบ้างตลอดหลายปีที่ผ่านมา หากเจ้าไม่ตาบอดก็คงมองเห็นได้”จิ่งสือเยี่ยนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาเรื่องพวกนี้ เขาย่อมรู้ดีอยู่แล้วผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงพูดว่า “พี่สาม ยังไงเขาก็เป็นพ่อของข้า”จิ่งโม่เยี่ยหัวเราะเยาะในลำคอ “สิ่งที่เจ้าสนใจไม่ใช่เรื่องที่ว่าเข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 789

    ตอนนี้จิ่งโม่เยี่ยไม่มีเวลาจะไปสนใจพวกเขาหรอก เขากำลังยืนอยู่บนกำแพงเมืองและทอดสายตามองไปยังกองทัพอวี๋ซานที่หลบซุ่มอยู่ไกลออกไปกองทัพอวี๋ซานอยู่ไม่ไกลจากประตูเมืองนัก สามารถมองเห็นพวกเขาได้ แต่พวกเขายังไม่เคลื่อนไหวฉินจื๋อเจี้ยนถามว่า “ท่านอ๋อง พวกเขากำลังทำอะไรกัน?”จิ่งโม่เยี่ยตอบว่า “พวกเขากำลังรอโอกาส”ฉินจื๋อเจี้ยนถามต่อ “โอกาสอะไร?”แววตาของจิ่งโม่เยี่ยมืดมนลง “โอกาสที่จะบุกเข้ายึดเมืองหลวงในครั้งเดียว”สถานการณ์ในครั้งนี้กับตอนที่เกิดกบฏในวังแตกต่างกันตอนกบฏในวัง เขาเผชิญทั้งปัญหาภายในและภายนอก หากพลาดเพียงนิดเดียวก็อาจพ่ายแพ้และเสียชีวิตได้จิ่งโม่เยี่ยดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาครึ่งปีแล้ว เขามีฐานอำนาจในเมืองหลวง อำนาจทหารในมือก็มากกว่าแต่ก่อน ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกลัวกองทัพอวี๋ซานอีกแล้วแต่ตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งอยู่ในเมืองหลวง กองทัพอวี๋ซานล้อมเมือง นางออกไปไม่ได้ เขาจึงมีเวลาอยู่กับนางได้นานมากขึ้นดังนั้นถ้ากองทัพอวี๋ซานอยากจะล้อมเมืองก็ปล่อยให้พวกเขาล้อมไปเถอะ ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไรสำหรับเขาอยู่แล้วแต่เขาก็อยากรู้ว่าจิ่งสือเยี่ยนคิดอย่างไร ตอนนี้เรื่อ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 788

    สีหน้าของเหล่าขุนนางดูไม่สู้ดีนักขุนนางคนเดิมถามต่อว่า “ที่ว่าโหดร้ายนั้น ควรจะเห็นกับตาหรือเชื่อข่าวลือกันแน่”ครั้งนี้มีคนตอบว่า “แน่นอนว่าต้องเห็นกับตา”หลังจากพูดจบก็เงียบไปอีกนานเพราะการเห็นกับตาในครั้งนี้ ได้ลบล้างความคิดที่พวกเขาเคยเชื่อมั่นและยึดติดมาทั้งหมดขุนนางถอนหายใจยาวแล้วพูดว่า “พวกเราถูกหลอกใช้แล้ว”คำพูดนี้ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าขุนนางทุกคนที่อยู่ภายในโรงหมอขุนนางคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “เรื่องนี้อาจเป็นแค่ฉากหน้า บางทีอาจมีคนเล่นละครอยู่”ขุนนางที่ถามคำถามแรกพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เล่นละคร? เจ้าตาบอด หรือพวกเราทั้งหมดตาบอดกันแน่?”ฉากเมื่อครู่นี้ ใครที่ตาไม่บอดก็ต้องมองออกกันทั้งนั้นการเล่นละครตบตาไม่มีทางที่จะทำได้แบบนั้นโดยรอบเงียบลงอีกครั้งขุนนางคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอีกว่า “ท่านมหาราชครูเป็นปราชญ์ทางวรรณกรรม มีศีลธรรมสูงส่ง ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะยอมให้คนรอบข้างทำเรื่องแบบนั้น”คำพูดนี้ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางหลายคนครั้งนี้อาจจะรู้สึกผิดหวังในตัวฮ่องเต้ แต่พวกเขายังคงเชื่อว่ามหาราชครูจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นขุนนางที่ถามเป็นแรกเอ่ยว่า “คดีของรองผู้ว่าตู้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 787

    หลังจากสบตากันแล้ว พวกเขาก็หยุดต่อสู้กันเองและหันไปฟาดฟันใส่ทหารของจิ่งโม่เยี่ยด้วยความบ้าคลั่งโดยรวมแล้ว ฝีมือของทหารกลุ่มนี้ด้อยกว่าฝีมือของเหล่าจอมยุทธ์ในวังหลวงเมื่อปะทะกันเช่นนี้ พวกเขาก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดหัวหน้าทหารตะโกนว่า “คุ้มกันขุนนางทุกท่านแล้วถอยทัพออกไป!”พูดจบ เขาก็หันไปบอกเหล่าขุนนางว่า “ไปเร็วเข้า!”แค่ช่วงเวลาที่พูดคุยกัน ก็มีทหารหลายนายได้รับบาดเจ็บ เลือดแดงฉานสาดกระเซ็นทุกหนแห่งเหล่าขุนนางเห็นทหารเหล่านี้ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องพวกเขา ความรู้สึกของพวกเขาก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นคนที่พวกเขาคิดว่าเป็นคนชั้นต่ำ กลับยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องพวกเขา ความรู้สึกแบบนี้ยากที่จะอธิบายในตอนนี้ พวกเขาพอจะตั้งสติได้บ้างแล้ว จึงพยุงกันเดินหนีออกไปได้บ้างมีขุนนางคนหนึ่งด่าว่า “พวกคนชั่วช้าสามานย์ คนที่อยู่เบื้องหลังของพวกเจ้าต้องมีอันเป็นไป!”เมื่อขุนนางคนนี้เริ่มด่า ก็มีขุนนางคนอื่นๆ ร่วมกันด่าด้วยเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นนี้ ความสามารถในการต่อสู้อาจจะธรรมดา แต่ความสามารถในการด่าทอนั้นยอดเยี่ยมมากตอนนี้พวกเขาด่าโดยไม่ใช้คำหยาบ แต่กลับสาปแช่งบรรพบุรุษไปถึงสิบแป

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 786

    สถานการณ์ดูแปลกประหลาด คนสองกลุ่มกำลังต่อสู้กันอย่างงุนงง ต่างฝ่ายต่างก็เดาว่าอีกฝ่ายเป็นคนของใครแถมการต่อสู้ก็แปลกพิลึก ทั้งสองฝ่ายต่างก็เอาชีวิตเข้าแลก ทำให้ไม่มีใครหยุดการต่อสู้ได้ ต้องพยายามฆ่าอีกฝ่ายให้ได้เท่านั้นเหล่าขุนนางที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ต่างอกสั่นขวัญแขวน พวกเขาอยากจะหนี แต่ขาที่ชาอยู่ก็ทำให้หนีไม่ได้ดั่งใจต้องการเหล่าขุนนางพยายามอย่างหนักที่จะหนี แต่ด้วยความกลัวทำให้ขาของพวกเขาสั่น และเพราะการสั่นนั้นเอง พวกเขาจึงขยับไปไหนไม่ได้ตอนนี้พวกเขาลืมกิริยามารยาทของบัณฑิตไปหมดสิ้นแล้ว ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือว่า “ช่วยด้วย!”ถึงแม้ว่าจิ่งโม่เยี่ยจะไม่ได้สนใจเหล่าขุนนางที่ก่อเรื่องเหล่านี้มากนัก แต่เขาก็ยังคงจัดคนมาเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทหารที่เฝ้าดูเหล่าขุนนางอยู่ก็รีบไปแจ้งจิ่งโม่เยี่ยทันทีตอนนี้ทหารของจิ่งโม่เยี่ยก็งุนงงเช่นกัน พวกเขาไม่แน่ใจในสถานการณ์ ไม่รู้ว่าควรจะลงมือหรือไม่ทหารคนหนึ่งถามหัวหน้าทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ว่า “ตอนนี้จะทำยังไงดี?”หัวหน้าทหารเองก็ไม่เข้าใจสถานการณ์เช่นกัน ในความคิดของเขา เหล่าขุนนางเหล่านี้น่าจะตายไปเสีย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 785

    เมื่อพวกเขาไม่อยู่ในเมืองหลวงแล้ว ก็ยากที่จะก่อเรื่องได้เมื่อเทียบกับความใจเย็นและสุขุมของฮ่องเต้เจาหยวนแล้ว ทางด้านฮองเฮากลับไม่ได้สงบนิ่งขนาดนั้นเพราะเรื่องที่มหาราชครูถูกจิ่งโม่เยี่ยกักบริเวณในจวนนั้น ต้นเหตุเกิดจากนางฮองเฮาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องมันจะลงเอยแบบนี้นางโมโหขว้างปาข้าวของแตกกระจาย สบถด่าว่า “จิ่งโม่เยี่ย นี่มันจะรังแกกันเกินไปแล้ว!”“แล้วก็เฟิงเอ๋อร์ด้วย ตายไปแล้วก็ยังโง่อยู่ได้ ยังจะไปเข้าข้างจิ่งโม่เยี่ยอีก”เหล่านางข้าหลวงในห้องของนางไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจแรงฮองเฮาเดินวนไปวนมาในห้อง รู้สึกหงุดหงิดใจมาก แต่ก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ตำแหน่งของนางฟังดูสูงส่ง แต่เมื่อบัลลังก์ของฮ่องเต้เจาหยวนกำลังจะไม่มั่นคง ตำแหน่งฮองเฮาของนางก็กลายเป็นเรื่องตลกโดยแท้จริงหลังจากเดินวนไปวนมาในห้องสิบกว่ารอบ ฮองเฮาก็หยุดแล้วพูดว่า “ไม่ได้ ข้าจะมานั่งรอความตายอยู่แบบนี้ไม่ได้”นางเรียกขันทีคนหนึ่งมาแล้วพูดว่า “เจ้าเข้ามา”ขันทีรีบเดินเข้ามา ฮองเฮากระซิบสั่งอะไรบางอย่าง ขันทีอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “แบบนี้จะไม่เหมาะสมหรือพ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาพูดเสียงเย็นชาว่า “มีอะไรไม่เหมาะสม

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 784

    ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีเอาเสียเลย แต่ก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าใครจะเป็นผู้แบกรับภาระหนัก ในสายตาของฮ่องเต้เจาหยวน คนนั้นก็คือผู้สืบทอดบัลลังก์ที่เหมาะสมที่สุดบัลลังก์นี้เขาได้มาด้วยความพยายามอย่างมาก เขาจะไม่ยอมให้สิ่งที่ได้มาด้วยความยากลำบากต้องตกไปอยู่ในมือของจิ่งโม่เยี่ยแม้เขาจะมีความเชื่อมั่นในตัวจิ่งสือเยี่ยนมากแค่ไหน ก็ไม่คิดว่าจิ่งสือเยี่ยนจะเป็นคู่ต่อสู้ของจิ่งโม่เยี่ยได้ขันทีกล่าวเบาๆ "ในใจของพวกเขา ฝ่าบาทคือผู้สืบทอดที่ถูกต้อง จิ่งโม่เยี่ยเป็นโจรชิงบัลลังก์"ฮ่องเต้เจาหยวนได้ยินคำนั้นก็หัวเราะเบาๆ "เรื่องนี้พูดยากนะ"ถึงอย่างไรจิ่งโม่เยี่ยก็เป็นโอรสของอดีตฮ่องเต้ เขาเคยเป็นองค์ชายที่ถูกต้องตามครรลองมาก่อนหากไม่ใช่เพราะเขาสับเปลี่ยนพระราชโองการ แผ่นดินนี้ก็คงตกเป็นของจิ่งโม่เยี่ยไปแล้วเรื่องเช่นนี้เขาพูดได้ แต่ขันทีไม่กล้าพูดขันทีถาม "ฝ่าบาท สถานการณ์เช่นนี้พวกเราควรจะทำอะไรบ้างหรือไม่?"ฮ่องเต้เจาหยวนหลับตาลง หลังจากครุ่นคิดสักครู่จึงกล่าวว่า "จำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถแสดงให้ผู้คนเห็นความโหดร้ายของจิ่งโม่เยี่ยได้"

DMCA.com Protection Status