All Chapters of สัญญารักผูกหัวใจท่านประธานปากแข็ง: Chapter 291 - Chapter 300
304 Chapters
บทที่ 291
พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับสาเหตุการเสียชีวิตของคุณปู่ แต่สนใจการแบ่งหุ้นของบริษัทหลังจากคุณปู่เสียต่างหากฟู่ซื่อกรุ๊ปไม่เหมือนกับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ทั่วไป ถือเป็นธุรกิจของตระกูล นี่เท่ากับว่าการคัดเลือกส่งเสริมประธานกรรมการบริษัทเป็นแค่ฉากหน้า ปกติแล้วในตระกูลฟู่ใครถือหุ้นมากที่สุดก็จะได้ดำรงตำแหน่งและธุรกิจของตระกูลก็จะหมายถึงคนในตระกูลถือหุ้นเป็นส่วนใหญ่ หุ้นข้างนอกมีอยู่แค่ประมาณร้อยละสามสิบเท่านั้น รวมถึงหุ้นย่อย ๆ ด้วยที่เหลืออีกร้อยละเจ็ดสิบ ร้อยละสิบอยู่ในมือของอารอง อีกร้อยละสิบอยู่ในมือของอาหญิงฟู่ชิงเยว่ ส่วนฟู่เจิงกับฟู่เยว่มีกันอยู่คนละร้อยละห้าในมือคุณปู่มีอยู่ร้อยละสี่สิบ จะแบ่งอย่างไรนั้นเป็นส่วนสำคัญ มันจะตัดสินว่าใครจะได้เป็นประธานกรรมการบริษัทกรุ๊ปคนต่อไปประธานกรรมการบริษัทคือคนที่ใหญ่สุดในกรุ๊ป แทบจะตัดสินทิศทางการพัฒนาของบริษัท และตัดสินผลประโยชน์ของเหล่าผู้ถือหุ้นด้วยอีกทั้งหลังจากเปลี่ยนประธานบริหารและประธานกรรมการบริษัทเสียชีวิต หุ้นของกรุ๊ปตกรุนแรงกว่าเมื่อก่อน ถึงผู้รับผิดชอบที่เป็นโฆษกจะออกหน้า อธิบายว่าการเปลี่ยนประธานบริหารจะไม่มีผลต่อแผนนโยบา
Read more
บทที่ 292
อารองฟู่เจี๋ยเข้าใจขึ้นมา รู้ว่าการที่คุณปู่ทำอย่างนี้ก็เพื่อบริษัทจึงไม่ได้ว่าอะไรถ้าหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในมือของคุณย่า อนาคตจะต้องแบ่งอีกครั้ง ฟู่เจิงทำเพื่อบริษัทมากมาย จะได้หุ้นมากหน่อยก็เป็นเรื่องธรรมดาหลังจากผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ ประหลาดใจกันแล้วก็รับเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็วฟู่เจี๋ยยุ่งอยู่กับบริษัทร้านอาหารของตัวเอง ไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจของบริษัทเท่าไร ถ้าให้เขานั่งตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท ผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ จะไม่วางใจฟู่ชิงเยว่อยู่เมืองนอกหลายปี ไม่ค่อยยุ่งงานในบริษัทเหมือนกันฟู่เซิงไม่มีหุ้นอยู่ในมือ อยู่แต่ในศูนย์วิจัยและพัฒนาคุณย่าดำเนินกิจการบริษัทไม่เป็นคิดไปคิดมา ไม่มีใครเหมาะจะนั่งตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทไปมากกว่าฟู่เจิงแล้วเพียงแต่น้องชายเป็นประธานกรรมการบริษัท พี่ชายเป็นประธานบริหาร คิดแล้วก็พิลึกอยู่หน่อย ๆอย่าให้พูดเลยว่าสีหน้าประธานเกาซับซ้อนขนาดไหนตอนที่เขาเสนอให้ปลดภาระงานของฟู่เจิง ด้วยอยู่ในภาวะที่ประธานกรรมการบริษัทยังสุขภาพแข็งแรงดีอยู่ ใครจะคิดว่าประธานกรรมการบริษัทจะจากไปแบบปัจจุบันทันด่วนเขาจำต้องยอมรับว่าตอนนี้มีแต่ฟู่เจิงดำรงตำแหน่งประ
Read more
บทที่ 293
“คิดถึงสิ ลุงก็คิดถึงเธอมากนะ ตอนนี้ลุงอยู่บ้าน” ฟู่เจิงหันกล้องไปถ่ายวิวรอบ ๆ ให้เธอดู“เฮอะ! หนูไม่เชื่อหรอก! คุณลุงมีคุณป้าแล้ว ยังจะคิดถึงหนูอีกเหรอ?” ว่าแล้วเธอก็ชะเง้อมองข้างหลังของฟู่เจิง “คุณลุงขา แล้วคุณป้าล่ะ?”ฟู่เจิงสีหน้านิ่งไป “เขาไม่สบาย อยู่ที่โรงพยาบาลแน่ะ”ใบหน้าเล็ก ๆ ของฟู่ซือฝานฉายอารมณ์เป็นห่วง “หา? ฉีดยามันเจ็บนะ ฝานฝานกลัวโดนฉีดยาที่สุดเลย เมื่อไรคุณป้าจะกลับคะ?”“อีกหลายวันน่ะ”“คุณลุงขา ถ้าคุณป้าฉีดยาเสร็จแล้ว คุณลุงต้องเอาเค้กให้คุณป้ากินนะ กินเค้กแล้วจะหายเจ็บ”ฟู่เจิงขำพรืด “ได้ ลุงจะเอาเค้กให้คุณป้ากินนะ”ฟู่ชิงเยว่มาคุยต่อ พูดกับซือฝานว่า “ฝานฝาน ไปทำการบ้านเถอะ”เวลาท้องถิ่นของลอสแอนเจลิสช้ากว่าเวลาปักกิ่งสิบหกชั่วโมง ทางเจียงเฉิงเป็นเวลาเช้าสิบเอ็ดโมง ส่งทางลอสแอนเจลิสยังเป็นตอนกลางคืนของเมื่อวาน ฟู่ซือฝานเพิ่งจะกินข้าวเย็นเสร็จพอได้ยินฟู่ชิงเยว่พูดอย่างนี้ เด็กน้อยจึงทำปากจู๋ “หนูอยากคุยกับคุณลุงนี่นา”ฟู่ชิงเยว่รู้ว่านี่เป็นแค่วิธีการหนึ่งในการเลี่ยงทำการบ้านของเด็กน้อยเท่านั้น“ถ้าไม่ทำการบ้านก็ห้ามกินเค้ก”ใบหน้าเล็ก ๆ ของฟู่ซือฝานคิดหน
Read more
บทที่ 294
คนที่ลงมาจากที่นั่งด้านหลังทั้งทางซ้ายและทางขวาสองคน คนหนึ่งคือประธานเกา ส่วนอีกคนหนึ่งคือประธานฉีฟู่เจิงไม่ได้ปฏิเสธการรับแขก แต่เชิญพวกเขาสองคนเข้าห้องทำงานแล้วนั่งลงดื่มน้ำชาหลังจากโอภาปราศรัยกันเสร็จ ประธานเกาก็แจ้งการตัดสินของการประชุมผู้ถือหุ้นฟู่เจิงฟังแล้วกลับนิ่งเฉย ชงน้ำชาให้ประธานทั้งสองด้วยท่วงท่าสง่างาม แสดงออกว่าตอนนี้ตัวเองยังไม่มีความคิดกลับไปทำงานที่ฟู่ซื่อแบบอ้อม ๆสาเหตุมีสองอย่าง หนึ่งคือคุณปู่เสียชีวิต จากนั้นภรรยาของตัวเองก็แท้ง สองเรื่องนี้สะเทือนใจเขามาก เขาต้องการเวลาเยียวยาจิตใจระยะหนึ่ง ไม่มีกะจิดกะใจไปมุ่นอยู่กับงานในบริษัทสองคือเขาเคยบอกแล้วว่ามีความคิดไม่สอดคล้องกับคณะกรรมการบริษัท และตอนนี้ฟู่เยว่ก็นั่งตำแหน่งประธานบริหาร เขาไม่อยากให้พี่น้องต้องสู้กันเองประธานเกาแลกสายตากับประธานฉีด้วยความจนใจ หลังจากดื่มน้ำชาสองแก้วแล้วก็คว้าน้ำเหลวกลับแต่ตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทว่างเว้นหนึ่งวัน อารมณ์ของผู้ถือหุ้นทั้งหลายก็จะไม่ผ่อนคลายหนึ่งวันภายหลังประธานฉีมาอีกสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้ผลเหมือนเดิมเวินเหลียงอยู่โรงพยาบาลห้าวัน วันที่ห้าถังซือซือมาเยี่ยม
Read more
บทที่ 295
เวินเหลียงส่ายหน้า “ฉันไม่รู้สิ”“งั้นก็ได้ ไม่รีบนะ เธอค่อย ๆ คิดไป เอาไว้พวกเธอหย่ากันแล้วเราก็ไปเที่ยวให้สบายใจกันก่อน!”“พวกเรา?”“อื้ม” ถังซือซือพยักหน้าอย่างจริงจัง “เรานั่นแหละ มีฉันกับเธอ แล้วดูสิว่าจูฝานจะว่างไหม”เวินเหลียงคิดดูแล้ว ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป จึงรับปาก “ได้”“งั้นฉันกลับไปแล้วจะค่อย ๆ วางแผน ดูสิว่าฤดูใบไม้ผลิไปเที่ยวที่ไหนดี”……นับจากวันที่หก เวินเหลียงกลับไปพักฟื้นที่บ้านกระทั่งออกเดือนแม่บ้านดูแลเธออย่างดีในทุก ๆ ด้านฟู่เจิงยังคงอยู่ที่คฤหาสน์ เพียงแต่ทั้งสองแค่เจอกันทุกวัน กลับไม่มีคำพูดต่อกันสามีภรรยาที่เคยสนิทสนมไร้ช่องว่าง ตอนนี้กลายเป็นไม่มีอะไรจะพูดอย่างค่อยเป็นค่อยไป ฟู่เจิงปรากฏตัวต่อหน้าเวินเหลียงน้อยมาก ๆเวินเหลียงมักนั่งอาบแดดอยู่ที่ระเบียงของห้องนอนหลักเป็นประจำ นั่งทีก็ปาไปครึ่งวันพระอาทิตย์ในฤดูหนาวอบอุ่นไม่ร้อนแผดเผา สบายมากวันนี้ฟู่เจิงกลับไปในตอนกลางคืน เห็นเวินเหลียงยังนั่งนิ่งเหม่อลอยอยู่ที่ระเบียง ทอดสายตามองออกไปไกลหลังจากเสียลูก เธอก็เงียบงันถึงที่สุดดังนั้นเช้าวันต่อมา เวินเหลียงจึงถูกเสียงสัตว์ที่ปากประ
Read more
บทที่ 296
ค่ำคืนดึกสงัดประตูห้องนอนหลักถูกผลักออกเปิดเป็นช่องฟู่เจิงเดินเข้าไปเงียบ ๆ บนตัวมีกลิ่นบุหรี่ติดจาง ๆ เดินไปทางเตียงทีละก้าว“เมี๊ยว...” แมวรูมเมตของเวินเหลียงเห็นเขาแล้ว“ชู่...”ฟู่เจิงวางอาหารกระป๋องที่แกะแล้วไว้ตรงหน้ารูมเมตของเวินเหลียงรูมเมตเอาจมูกมาดมฟุดฟิดอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเริ่มสวาปามฟู่เจิงลูบหัวปุ๊กลุกเบา ๆ แล้วเดินไปถึงข้างเตียงภายใต้แสงจันทร์ ใบหน้าที่กำลังกลับสนิทของเวินเหลียงสงบมาก ฟู่เจิงจ้องไม่ละสายตาอยู่นานเขานั่งลงข้างเตียงเบา ๆ นิ้วมือลูบไล้ดวงหน้าละเอียดลื่นของเธอเบา ๆ ดุจขนนกก็มีแต่ช่วงเวลาแบบนี้ที่เขาจะกล้าเข้าใกล้เวินเหลียงอย่างใกล้ชิด ถึงไม่เห็นแววตาเย็นชารังเกียจของเธอเขากลัวว่าจะเห็นสายตาอย่างนั้นของเธอฟู่เจิงผู้เด็ดขาดในสมรภูมิทางธุรกิจเชื่อมั่นละสุขุมคนนั้นก็มีช่วงเวลาที่กลัวเหมือนกันถ้าเขาในอดีตได้ยินคำพูดนี้จะต้องหัวเราะ ไม่ยี่หระแล้วปล่อยผ่านไปแน่วินาทีที่เขารู้ใจตัวเอง เขารู้ว่าสายใยที่ชื่อว่าเวินเหลียงบนตัวเขาไม่มีวันขจัดได้ตลอดชีวิตพวกเขาเคยใช้ชีวิตคู่ที่ราบเรียบสมานฉันท์สองปีกว่า และเคยกอดนัวเนียจูบดูดดื่มกันอยู่บนเตี
Read more
บทที่ 297
เวินเหลียงกอดโถอัฐิลงจากรถแน่น ๆฟู่เจิงติดต่อไว้ก่อนแล้ว จึงมีหลวงจีนน้อยนำพวกเขาไปถึงตึกเดี่ยวเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลังฝั่งหนึ่ง เวินเหลียงเงยหน้ามองทีหนึ่ง เห็นป้ายเล็ก ๆ บนนั้นเขียนว่า ‘หอจุติ’พอเข้าไปแล้วก็เห็นโถวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบบนกำแพงด้านหนึ่ง ในโถแต่ละใบล้วนบรรจุอัฐิอยู่อัฐิในหอจุติจะแบ่งแยกความแตกต่างชั้นแรกจะวางอัฐิของคนทั่วไป ชั้นที่สองเป็นของฆราวาสที่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้าน ชั้นที่สามเป็นดวงวิญญาณของทารกที่แท้ง และมีเจดีย์สำหรับอัฐิของพระด้วยการนำของหลวงจีนน้อย เวินเหลียงวางโถอัฐิแล้วล็อกด้วยมือของตัวเองจากนั้นหลวงจีนน้อยก็พาพวกเขาไปยังวิหารจุติที่อยู่ทางตะวันตกของวิหารหลักวิหารจุติอยู่ตั้งอยู่ที่สูง ด้านหน้ามีบันไดขึ้นสูงระยะหนึ่งมีขั้นบันไดทั้งหมดแปดสิบเอ็ดขั้น ซึ่งหมายถึงหลังจากผ่านแปดสิบเอ็ดเคราะห์แล้วจึงจะสำเร็จมรรคผลไปสู่แดนสุขาวดีได้ฟู่เจิงจูงมือของเวินเหลียงย่างขึ้นบันไดทีละก้าวด้วยความศรัทธาในวิหารมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่สามองค์ ได้แก่ พระอมิตตาภะพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรและพระสถามปราปต์โพธิสัตว์เวินเหลียงเดินอ้อมกำแพงด้านหนึ่งตาม
Read more
บทที่ 298
พอออกมาจากอารามก็เจอกับลมหนาวปะทะเข้ามาพร้อมกับปุยสีขาวเล็ก ๆหิมะตกแล้วเวินเหลียงมองท้องฟ้าฟู่เจิงมองเวินเหลียง “เราจะกลับกันเลย?”เวินเหลียงมองสีของท้องฟ้า หิมะท่าทางจะตกหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ วิ่งทางด่วนคงไม่ปลอดภัยเท่าไร“ค้างที่นี่สักคืนแล้วกัน พรุ่งนี้หิมะหยุดแล้วค่อยกลับ”“ได้”ฟู่เจิงถอดเสื้อนอกของตัวเองคลุมไหล่ของเวินเหลียง เวินเหลียงกำลังจะปฏิเสธกลับได้ยินฟู่เจิงพูดขึ้น “เธอเพิ่งออกเดือน ยังต้องรักษาสุขภาพ”“ขอบคุณค่ะ”“ไม่ได้พูดขอบคุณกับฉัน...”ฟู่เจิงอยากพูดว่าเธอเป็นเมียฉัน สมควรอยู่แล้วเพียงแต่คำพูดนี้อย่างไรก็พูดไม่ออกพวกเขาแต่งงานกันสามปี เขามีหนึ่งพันกว่าทิวาราตรีเรียกเธอว่าที่รักได้แต่เขาไม่เคยเรียกตอนนี้เขาไม่มีโอกาสนี้แล้วฟู่เจิงหวังเหลือเกินว่าหิมะห่านี้จะตกตลอดไป ไม่มีวันหยุดเพราะอย่างนั้นพวกเขาจะได้หยุดอยู่ที่นี่ตลอดไป ไม่ต้องกลับไปสถานที่ที่ทำให้เธอเสียใจและพวกเขาก็ไม่ต้องหย่ากันด้วยเพียงแต่...ความหวังก็คือความหวังหิมะหยุดในตอนกลางคืนวันรุ่งขึ้นพวกเขาเดินทางอยู่บนเส้นทางขากลับตอนลงจากทางด่วน เวินเหลียงพูดขึ้น “เรากลับไปเอาเอกสารแล้
Read more
บทที่ 299
“เธอแน่ใจเหรอว่าจะรอฉัน?”ฟู่เจิงยังอยากพูดว่าจะส่งเวินเหลียงกลับบ้าน แต่ก็คิดอีกว่าส่งเวินเหลียงกลับบ้านใช้เวลาพอ ๆ กับไปสำนักงานเขต ถ้าพูดออกไปจะเผยไต๋ก็เลยรีบกลืนคำพูดที่อยู่ริมปากกลับ“ค่ะ ถึงยังไงฉันก็ไม่มีธุระ”“ได้” ลูกกระเดือกของฟู่เจิงขยับขึ้นลง เห็นเวินเหลียงยืนกรานจะหย่าอย่างนี้ ในใจทั้งเปรี้ยวทั้งขมทรมานมากทั้งที่เขาเป็นคนเสนอเรื่องหย่าเอง ตอนนี้กลับไม่ยินยอมแบบสุด ๆฟู่เจิงส่งเวินเหลียงไปที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามตึกฟู่ซื่อ ลังเลนิดหนึ่ง “จะเที่ยงแล้ว เธอเข้าบริษัทกับฉัน ไปพักผ่อนที่ห้องรับรองสักเดี๋ยวไหม?”เวินเหลียงส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันลาออกแล้ว ถ้าไปโผล่ที่บริษัทอีกจะไม่ค่อยดี”สายตาของฟู่เจิงมืดลง ความมืดเข้มข้นจนแทบจะหยดเป็นน้ำทั้งที่พวกเขาเปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว เธอกลับไม่อยากเผยตัวที่บริษัทกับเขาอีกเขาคิดถึงเมื่อก่อนมาก พวกเขาวิ่งด้วยกันตอนเช้า กินข้าวเช้าด้วยกัน ไปเข้างานที่บริษัทด้วยกัน“งั้นก็ได้” ฟู่เจิงสั่งกาแฟและของหวานให้เวินเหลียง จากนั้นก็มองเธอสองทีก่อนจะจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์เวินเหลียงหาที่นั่งในมุมของร้านกาแฟ ดื่มเล็กน้อยผ่านไปประมาณครึ่งช
Read more
บทที่ 300
เวินเหลียงได้ยินไม่ชัด คิดแค่ว่าฟู่เจิงละเมอเพราะเมาเธอดึงข้อมือของตัวเองออก แต่เพราะฟู่เจิงกำแน่นขึ้นจึงดึงไม่ออกเวินเหลียงจึงเอามือแกะนิ้วของฟู่เจิง แต่ก็แกะไม่ออกอีกฟู่เจิงพึมพำอีกครั้ง “อาเหลียง ฉันรักเธอ”เวินเหลียงสะท้านทั้งตัว มือที่กำลังเคลื่อนไหวชะงักไป นึกว่าตัวเองหูฝาด เธอจึงเงี่ยหูเข้าไปแล้วถามเบา ๆ “ฟู่เจิง คุณว่าอะไรนะ?”“ฉันรักเธอ อาเหลียง อย่าจากฉันไป ฉันสำนึกผิดแล้ว ต่อไปฉันจะรักเธอให้มาก อย่าจากฉันไป...”ฟู่เจิงรู้ถึงความอ่อนแอของตัวเองดี เขากลัวจะเห็นสายตาเย็นชาถากถางของเวินเหลียง จึงได้แต่ใช้วิธีนี้วิงวอนเธอเวินเหลียงได้ยินแล้วก็หลุบตาลงเธอคิด ในฝันฟู่เจิงคงจำคนผิดและต่อให้เขาไม่จำคนผิด ที่เขาไม่อยากหย่ากับเธอก็เพราะความละอายใจเท่านั้นถูกทำร้ายมากมายอย่างนั้น ทั้งยังต้องสูญเสียอย่างเจ็บปวด เธอไม่อยากพัวพันกับเขาอีกต่อไปเวินเหลียงแกะนิ้วของฟู่เจิงต่อพอสัมผัสได้ถึงความประสงค์ที่จะออกไป ฟู่เจิงจึงหดหู่และสิ้นหวังพลันเธอได้ยินการสารภาพรักของเขาแล้ว กลับไม่มีการตอบสนองใด ๆสุดท้ายก็ยังรั้งเธอไว้ไม่ได้เหรอ?รสขมเฝื่อนละทักขึ้นมาจากหัวใจไม่ เขาจะ
Read more
PREV
1
...
262728293031
DMCA.com Protection Status