บททั้งหมดของ ทาสสาวพราวพิลาส: บทที่ 121 - บทที่ 130

625

บทที่ 121

“ยกเว้นเรื่องนี้ จะขออะไรก็ได้!” พอเยี่ยเป่ยเฉิงพูดจบ ก็จ้องมองไปที่คนที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่เห็นการแสดงออกใดๆเลยหลินซวงเอ๋อร์ปฏิเสธที่จะไม่พูดถึงมันอีก คิ้วที่สวยงามขมวดกัน เห็นได้ชัดว่านางต่อต้านเขา โดยการต่อต้านเขาอย่างเงียบๆแต่ว่า การต่อต้านนั้นไร้ประโยชน์ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่เห็นด้วยกับคำขอร้องนี้ของนางอย่างแน่นอน!เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย จากนั้นไม่นานเขาก็กล่าวกับนางว่า: "กฎของของจวนโหวไม่ได้มีไว้เพื่อประดับจวนเฉยๆ ในเมื่อลงนามสัญญาห้าปี และยังไม่หมดอายุ แม้ว่าจะเป็นข้าก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้ นอกจากนี้ เงินที่เจ้าจะนำมาไถ่ถอนตนเองก็ยังไม่เพียงพอ "ทันใดนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้น แล้วกล่าวว่า "ตอนนี้ข้าขาดแค่ยี่สิบตำลึงเท่านั้น"ยี่สิบตำลึง สำหรับจวนโหวที่ใหญ่โตโอฬารแล้วเป็นเงินเพียงน้อยนิด วันนั้นตอนที่ล่องเรือยามราตรีเขาได้มอบเงินสิบตำลึงให้แก่คนพายเรือ น่าจะไม่สนใจเงินเล็กๆน้อยๆของนาง...“มันคนละเรื่องกัน เจ้าสละชีวิตเพื่อช่วยชีวิตข้าแต่เงินยี่สิบตำลึงนั้นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เจ้าก็ค่อยๆเก็บหอมรอมริบ พอเก็บได้เพียงพอแล้วข้าจะให้เจ้าออกจากจวนแน่”หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ในวันนั้นที่ไ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 122

ค่อนข้างจะเหมือนเจ๋อเซียนที่ไม่ฝักใฝ่ทางโลกีย์แต่ว่า เขาไม่ใช่เจ๋อเซียนอะไรสักหน่อย บางหลังหลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกว่า เยี่ยเป่ยเฉิงที่ดูเหมือนจะไม่ฝักใฝ่ทางโลกีย์ และพฤติตัวดี อันที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่แย่มาก...หลินซวงเอ๋อร์นั่งอยู่ในรถม้า โดยใช้มือเล็กๆดึงแขนเสื้อเอาไว้อย่างประหม่าได้ยินคนพูดว่า จักรพรรดิน่าเกรงขามมาก นางจึงรู้สึกกลัวเล็กน้อย“ไม่ต้องกังวล พอเข้าไปในวังแล้วก็ให้อยู่ข้างกายข้า อย่าเถลไถล” เยี่ยเป่ยเฉิงเอามือเล็กๆที่นางใช้จับแขนเสื้อมาวางไว้บนฝ่ามือของเขาแล้วกล่าวว่า: "มีข้าอยู่ทั้งคน ไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าหรอก"ฝ่ามือของเยี่ยเป่ยเฉิงมีขนาดใหญ่มาก จนความร้อนที่แผดเผาดูเหมือนจะละลายผู้คนได้หลินซวงเอ๋อร์รีบดึงมือของนางออกมาจากฝ่ามือของเขา ก้มหน้าลงแล้วกล่าวว่า "ข้าจะพูดให้น้อยลง และพยายามไม่ทำให้ท่านอ๋องอับอาย"เยี่ยเป่ยเฉิงเม้มริมฝีปาก เขาไม่ชอบให้หลินซวงเอ๋อร์ปฏิเสธเขา ในทางกลับกัน เขาหวังว่า หลินซวงเอ๋อร์จะพึ่งพาเขาให้มากขึ้นกว่านี้แต่ว่า วันนี้เขาก็สังเกตเห็นการแต่งหน้าของนางได้อย่างรวดเร็วบนริมฝีปากสีชมพูทาชาดสีแดงบางๆ ทำให้ริมฝีปากดูชุ่มชื้นมากขึ้น ราวก
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 123

เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้ปฏิเสธเขารังแกนางจริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองถึงชอบรังแกนางแต่ว่า นี่ไม่ใช่ปัญหาของเขา ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่วันนี้นางแต่งหน้าเข้มเกินไป โทษที่ชาดทาปากของนางยั่วยวนจนเกินไป โทษต้องโทษที่กลิ่นบนตัวของนางหอมหวานจนเกินไป ไม่เกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อยเมื่อกี้เดิมทีเขาแค่อยากแกล้งนาง ใครให้นางตอบสนองเขา ทันทีที่นางตอบสนอง เขาก็อดใจไม่ไหว เลยอยากจะได้มากกว่านี้...เมื่อเห็นนางซุกตัวอยู่ที่มุมรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงจึงต้องเตือนนางว่า: "ถึงประตูวังแล้ว เจ้าอยากลงไปแบบนี้ไหม?"หลินซวงเอ๋อร์ก้มหน้ามอง ถึงพบว่าเสื้อคลุมด้านนอก เสื้อที่อยู่ตรงกลาง เสื้อชั้นในทั้งหมดถูกปลดออกแล้ว...ใบหน้าของหลินซวงเอ๋อร์แดงราวลูกตำลึงสุก และรีบจัดระเบียบเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของตนเองผลสุดท้ายยิ่งนางลนลานยิ่งทำอะไรไม่ถูก กระดุมตรงปกเสื้อก็ติดผิดเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยนาง แต่หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว และหันหลังกลับไปเพื่อป้องกันไม่ให้เขาแตะต้องตัวเยี่ยเป่ยเฉิงหยุดชะงักชั่วคราว แล้วยิ้มเล็กน้อยไม่กลัวเขาเร็วขนาดนี้เลยหรือ? กล้าโกรธเขาแล้ว?เขาเอื้อมมือออกไป โอบก
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 124

เยี่ยเป่ยเฉิงผูกเชือกเสื้อเส้นสุดท้ายให้นางแล้วกล่าวว่า: "เสร็จแล้ว ลงจากรถเถิด"ทั้งสองลงจากรถม้าพร้อมกันประตูพระราชวังมีความโอ่อ่าสง่างาม มีองครักษ์ยืนถือดาบทั้งสองด้าน พระราชวังที่ยิ่งใหญ่ช่างทรงพลังและน่าเกรงขามเป็นอย่างมากหลินซวงเอ๋อร์ติดตามเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างใกล้ชิด และรู้สึกกระวนกระวายใจนางรู้สึกว่า พระราชวังที่ยิ่งใหญ่และเย็นชาแห่งนี้ ราวกับว่าเป็นกรงขังเย็นที่กลืนกินคนได้ จึงทำให้นางรู้สึกไม่อึดอัดไปทั้งตัวฝ่ามือขนาดใหญ่คู่หนึ่งโอบมือเล็กๆที่วิตกกังวลของนางอีกครั้ง นางเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยเป่ยเฉิง แต่กลับเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างที่สงบนิ่งของเขา มุมที่แหลมคม แฝงไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามอคราวนี้ นางไม่เลือกที่จะดึงดัน แต่ปล่อยให้เขาจับมือนางเอาไว้ได้ตามใจชอบ ความอบอุ่นที่อยู่ในฝ่ามือขนาดใหญ่ของเขาทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างยิ่งงานเลี้ยงของพระราชวงศ์แตกต่างจากคนทั่วไป ไม่ต้องพูดถึงงานเลี้ยงวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ ผู้คนที่อยู่ในงานเลี้ยงต่างก็เป็นบุคคลสำคัญ และมีผู้คนนั่งอยู่เต็มห้องจัดเลี้ยงตอนท้ายจักรพรรดิก็พาพระราชินีและนางสนมทั้งหลายเข้ามาในงานเลี้ยง ทุกคนต่างก็
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 125

หลินซวงเอ๋อร์พลางกินพลางชมการร้องเล่นเต้นรำไปด้วย บรรยากาศในงานเลี้ยงสนุกสนานปรองดองกันเป็นอย่างมากเธอนางคิดไม่ถึงเลยว่า สถานะอย่างนางจะสามารถเข้าวังได้ และสามารถนั่งร่วมงานเลี้ยงในวังกับเหล่าขุนนางได้และเหตุผลที่นางได้มีโอกาสนี้ทั้งหมดเป็นเพราะผู้ชายที่อยู่เคียงข้างเธอที่พานางมาที่นี่ ให้นางกินอาหารที่มีรสเลิศเช่นนี้หลินซวงเอ๋อร์มองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิง คนที่พานางมาที่วัง คนที่ปอกเปลือกปูให้นางด้วยตนเองโดยที่ไม่รู้ตัวเยี่ยเป่ยเฉิงก็กำลังมองนางเช่นเดียวกัน นัยน์ตาของเขาสะท้อนแสงอันเจิดจ้าในห้องจัดเลี้ยง ตอนที่หลินซวงเอ๋อร์มองไปที่เขา แสงในนัยน์ตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที และส่องแสงประกายสดใสเขาสูงส่งมาตั้งแต่กำเนิด ใบหน้าอันหล่อเหลาทำให้ทั้งห้องจัดเลี้ยงดูงดงามมากยิ่งขึ้น งดงามราวกับว่าไม่มีอยู่จริงทุกครั้งที่นางถูกเขาจ้องมอง หลินซวงเอ๋อร์ก็จะรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย และหัวใจของนางก็เต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว“พี่เป่ยเฉิง” น้ำเสียงอันหวานหยาดเยิ้มทำลายบรรยากาศที่แปลกประหลาดนี้ทันทีที่หลินซวงเอ๋อร์หันกลับมา ก็เห็นหญิงสาวที่แต่งตัวงดงามปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน“พี่เป่ยเฉิง
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 126

พระราชวังได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม และมีแสงไฟส่องสว่างทุกที่ในยามราตรี ทำให้ทั่วทุกอาณาบริเวณสว่างราวกับว่าเป็นตอนกลางวันพระจันทร์เหมือนตะขอ สุกใสเหมือนน้ำข้างทะเลสาบ จู่ๆก็มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งยองๆลงเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร หลินซวงเอ๋อร์ก็พับแขนเสื้อของตนเองขึ้น เมื่อมองเห็นผื่นแดงที่จู่ๆก็เกิดขึ้นมาก็ขมวดคิ้วเมื่อสักครู่นี้นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ รู้สึกว่าแขนผิดปกติไปเล็กน้อย จึงเปิดแขนเสื้อขึ้นดูอย่างเงียบๆ และไม่รู้ว่ามีผื่นแดงปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกทั้งเจ็บทั้งคันนางเคยคิดที่จะบอกเยี่ยเป่ยเฉิง แต่เมื่อเห็นได้ว่าเขาและหญิงสาวผู้นั้นคุยกันอย่างกระตือรือร้น นางจึงไม่กล้ารบกวน จึงเดินมาที่สวนดอกไม้ที่อยู่ข้างหลังอย่างเงียบๆ คิดว่าใช้น้ำล้างนิดหน่อย ก็คงจะบรรเทาอาการไม่สบายของนางได้แสงจันทร์งดงามมาก ทำให้เกิดระลอกคลื่นสีเงินปรากฏขึ้นบนทะเลสาบไป๋อวี้ถังที่หมดอาลัยตายเข้ามาเดินเล่นในสวนดอกไม้ที่อยู่ด้านหลังตั้งแต่งานเลี้ยงเพิ่งจะเริ่มที่ตรงนี้มีผู้คนน้อยมาก เพราะทุกคนล้วนรวมตัวกันอยู่ในห้องโถง จึงไม่มีใครรบกวนเขาในช่วงเวลานี้ เขาไม่สนใจอะไรเลย ในสมองของเ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 127

แต่ไม่นาน นางก็รู้สึกว่าตนเองไม่ควรตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกตัวอย่างเช่น เยี่ยเป่ยเฉิงคนนี้เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดที่นางเคยเห็นมา แต่เขาใจร้ายมาก และปฏิบัติต่อนางอย่างเลวร้าย!หลินซวงเอ๋อร์ไม่อยากพัวพันกับเขา จึงกล่าวว่า "ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของท่าน แต่ข้าต้องกลับไปแล้ว"ไป๋อวี้ถังจ้องมองนาง แล้วกล่าวว่า: "แม่นางอยากกลับไปไหน? ข้าจะไปส่ง"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ไม่จำเป็น ข้าจำทางกลับได้"ทันทีที่หันกลับไป หลินซวงเอ๋อร์ก็ตกตะลึง สถานที่แห่งนี้เชื่อมต่อกันทุกทิศทาง ทุกเส้นทางดูเหมือนกันไปหมด นางจึงจำทิศทางที่จะไปห้องจัดเลี้ยงไม่ได้แล้วแย่แล้ว ตงเหมยเคยเตือนนางตั้งแต่เนิ่นๆแล้วว่า พระราชวังใหญ่มาก ถ้าไม่ระวังอาจจะหลงทางได้เขาดูเหมือนจะอ่านความคิดของนางออก ไป๋อวี้ถังกล่าวอย่างอบอุ่นว่า: "พระราชวังใหญ่มาก ถนนที่นี่ก็ซับซ้อน หากใช้ถนนผิดสายจะต้องอ้อมไกลมาก ถ้าแม่นางไม่อยากเสียเวลา ให้ข้าไปส่งแม่นางเถิด"เมื่อเห็นว่านางยังไม่ไว้วางใจตนเอง ไป๋อวี้ถังจึงกล่าวว่า: "ข้าชื่อไป๋อวี้ถัง รับราชการอยู่ในวังแห่งนี้ หากแม่นางไม่เชื่อ อีกสักพักสามารถถามชื่อของข้ากับใครก
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 128

ทันทีที่นางได้ยินเสียงของเยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ก็หันกลับมาอย่างตื่นเต้น ก็เห็นสีหน้าท่าทางที่เย็นชาของเขา จับจ้องมาที่ตนเองรูปลักษณ์ที่ดุร้ายทำให้รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของนางชะงักไปทันที ยืนอยู่กับที่โดยไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดูเหมือนว่าเขาจะเกรี้ยวโกรธมากเหตุใดเขาถึงโกรธ? เมื่อกี้ยังดีๆอยู่ไม่ใช่หรือ?หรือว่าคุยกับหญิงสาวคนนั้นไม่สนุก?นางยังไม่ทันเข้าใจ ก็รู้สึกเจ็บที่ข้อมือ เยี่ยเป่ยเฉิงก้าวไปข้างหน้า และดึงนางกลับไปหลินซวงเอ๋อร์สะดุด และเกือบจะถูกดึงจนล้มเมื่อนางยืนได้อย่างมั่นคง เยี่ยเป่ยเฉิงจึงถามด้วยความเกรี้ยวโกรธว่า: "ข้าถามเจ้าว่า เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่?"หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัวความเกรี้ยวโกรธที่ไม่มีเหตุผลของเขาจนทำอะไรไม่ถูก จึงกล่าวอย่างกระอึกกระอักว่า: "ข้า ข้าก็แค่..."“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่าห้ามออกไปจากสายตาของข้า?” เยี่ยเป่ยเฉิงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เลยนางรู้ไหมว่า เมื่อสักครู่ตอนที่เขาไม่เห็นนาง เขากังวลมากแค่ไหน?พระราชวังมีความซับซ้อน โจมตีทั้งต่อหน้าและลับหลัง จนยากที่จะป้องกัน!หานางไม่เจอ ทำให้เขาแทบจะควบคุมตนเองไม่ได
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 129

เมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ถูกเยี่ยเป่ยเฉิงพาตัวไป เขาไม่มีจุดยืนอะไร จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะรั้งนางเอาไว้ได้ ตอนนี้เขาไม่อาจสงบสติอารมณ์ของตนเองได้จริงๆ และรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจ ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างถูกใครบางคนเอาไปในรถม้า หลินซวงเอ๋อร์ตัวสั่นอยู่ตรงมุมรถ รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมากนางรู้ว่าตอนนี้เยี่ยเป่ยเฉิงอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นจึงไม่กล้าเอ่ยปากพูด จึงนั่งปิดปากเงียบอยู่ข้างๆ และพยายามลดการมีอยู่ของนางให้มากที่สุดเยี่ยเป่ยเฉิงทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด ลมหายใจของเขาราวกับว่าเป็นพายุที่พัดผ่านทะเล คลื่นลูกใหญ่ซัดสาดไปมา จากนั้นเขาก็กัดฟันพูดว่า: "เมื่อสักครู่นี้ เหตุใดเจ้าถึงกินสิ่งที่เขาให้เจ้า?"หลินซวงเอ๋อร์หดคอ แล้วกล่าวเบาๆว่า: "นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาให้ข้า แต่เป็นเบย์เบอร์รี่ที่อยู่บนต้นไม้"“แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาเด็ดมันลงมาให้เจ้า!” เมื่อเห็นว่านางยังจะโต้เถียง เยี่ยเป่ยเฉิงก็ขมวดคิ้วทันทีเมื่อตระหนักว่าเยี่ยเป่ยเฉิงโกรธมากขึ้น หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย: "ข้าน้อยไม่รู้ว่าเบย์เบอร์รี่ที่วังกินไม่ได้"เยี่ยเป่ยเฉิงกัดฟัน ที่เขาโกรธไม่ใช่เพราะปัญหานี้!“ข้าถามว่า เหตุใ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 130

เยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยนางทันที คราวนี้ถึงตระหนักได้ว่ามือซ้ายของนางกุมไหล่ข้างขวาของตนเองเอาไว้ตลอดเวลาเมื่อพับแขนเสื้อขึ้น ก็ไม่รู้ว่าบนแขนของนางมีผื่นแดงขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่เยี่ยเป่ยเฉิงครุ่นคิดอยู่หนึ่ง ก็เข้าใจได้ทันทีว่า เมื่อสักครู่นี้คงจะกินปูแล้วแพ้...“เป็นผื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”เยี่ยเป่ยเฉิงระงับอารมณ์เอาไว้แล้วถามนางหลินซวงเอ๋อร์ตัวสั่นเทา และร้องไห้ ในเวลานี้นางแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว แถมยังรู้สึกไม่สบายไปทั่วร่างกายผื่นแดงบนแขนของนางทำให้รู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก รอยกัดบนไหล่ก็เจ็บ แถมยังต้องมาทนต่อความโกรธอันแรงกล้าของเยี่ยเป่ยเฉิงอีกหลินซวงเอ๋อร์แทบจะทนไม่ไว้ตั้งนานแล้ว นางอยากจะร้องไห้เสียงดังๆ แต่นางไม่กล้า นางกลัวจะทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงโกรธสุดขีด จึงสั่งร่างกายให้อดทน และหัวใจของนางเต้นแรงราวกับว่าเป็นกลองสงครามน้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสาย หลินซวงเอ๋อร์กัดริมฝีปาก และพยายามระงับอารมณ์ที่แตกสลายของนางอย่างเต็มที่เมื่อเห็นนางร้องไห้อย่างหนัก เยี่ยเป่ยเฉิงก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเองกำลังจะแตกสลายเขากอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน น้ำเสียงก็ไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป: "อย่าร้องไ
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
1112131415
...
63
DMCA.com Protection Status