Share

บทที่ 123

Author: พิณเคล้าสายฝน
เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้ปฏิเสธ

เขารังแกนางจริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองถึงชอบรังแกนาง

แต่ว่า นี่ไม่ใช่ปัญหาของเขา ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่วันนี้นางแต่งหน้าเข้มเกินไป โทษที่ชาดทาปากของนางยั่วยวนจนเกินไป โทษต้องโทษที่กลิ่นบนตัวของนางหอมหวานจนเกินไป ไม่เกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย

เมื่อกี้เดิมทีเขาแค่อยากแกล้งนาง ใครให้นางตอบสนองเขา ทันทีที่นางตอบสนอง เขาก็อดใจไม่ไหว เลยอยากจะได้มากกว่านี้...

เมื่อเห็นนางซุกตัวอยู่ที่มุมรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงจึงต้องเตือนนางว่า: "ถึงประตูวังแล้ว เจ้าอยากลงไปแบบนี้ไหม?"

หลินซวงเอ๋อร์ก้มหน้ามอง ถึงพบว่าเสื้อคลุมด้านนอก เสื้อที่อยู่ตรงกลาง เสื้อชั้นในทั้งหมดถูกปลดออกแล้ว...

ใบหน้าของหลินซวงเอ๋อร์แดงราวลูกตำลึงสุก และรีบจัดระเบียบเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของตนเอง

ผลสุดท้ายยิ่งนางลนลานยิ่งทำอะไรไม่ถูก กระดุมตรงปกเสื้อก็ติดผิด

เยี่ยเป่ยเฉิงต้องการก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยนาง แต่หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว และหันหลังกลับไปเพื่อป้องกันไม่ให้เขาแตะต้องตัว

เยี่ยเป่ยเฉิงหยุดชะงักชั่วคราว แล้วยิ้มเล็กน้อย

ไม่กลัวเขาเร็วขนาดนี้เลยหรือ? กล้าโกรธเขาแล้ว?

เขาเอื้อมมือออกไป โอบก
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 124

    เยี่ยเป่ยเฉิงผูกเชือกเสื้อเส้นสุดท้ายให้นางแล้วกล่าวว่า: "เสร็จแล้ว ลงจากรถเถิด"ทั้งสองลงจากรถม้าพร้อมกันประตูพระราชวังมีความโอ่อ่าสง่างาม มีองครักษ์ยืนถือดาบทั้งสองด้าน พระราชวังที่ยิ่งใหญ่ช่างทรงพลังและน่าเกรงขามเป็นอย่างมากหลินซวงเอ๋อร์ติดตามเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างใกล้ชิด และรู้สึกกระวนกระวายใจนางรู้สึกว่า พระราชวังที่ยิ่งใหญ่และเย็นชาแห่งนี้ ราวกับว่าเป็นกรงขังเย็นที่กลืนกินคนได้ จึงทำให้นางรู้สึกไม่อึดอัดไปทั้งตัวฝ่ามือขนาดใหญ่คู่หนึ่งโอบมือเล็กๆที่วิตกกังวลของนางอีกครั้ง นางเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยเป่ยเฉิง แต่กลับเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างที่สงบนิ่งของเขา มุมที่แหลมคม แฝงไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามอคราวนี้ นางไม่เลือกที่จะดึงดัน แต่ปล่อยให้เขาจับมือนางเอาไว้ได้ตามใจชอบ ความอบอุ่นที่อยู่ในฝ่ามือขนาดใหญ่ของเขาทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างยิ่งงานเลี้ยงของพระราชวงศ์แตกต่างจากคนทั่วไป ไม่ต้องพูดถึงงานเลี้ยงวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ ผู้คนที่อยู่ในงานเลี้ยงต่างก็เป็นบุคคลสำคัญ และมีผู้คนนั่งอยู่เต็มห้องจัดเลี้ยงตอนท้ายจักรพรรดิก็พาพระราชินีและนางสนมทั้งหลายเข้ามาในงานเลี้ยง ทุกคนต่างก็

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 125

    หลินซวงเอ๋อร์พลางกินพลางชมการร้องเล่นเต้นรำไปด้วย บรรยากาศในงานเลี้ยงสนุกสนานปรองดองกันเป็นอย่างมากเธอนางคิดไม่ถึงเลยว่า สถานะอย่างนางจะสามารถเข้าวังได้ และสามารถนั่งร่วมงานเลี้ยงในวังกับเหล่าขุนนางได้และเหตุผลที่นางได้มีโอกาสนี้ทั้งหมดเป็นเพราะผู้ชายที่อยู่เคียงข้างเธอที่พานางมาที่นี่ ให้นางกินอาหารที่มีรสเลิศเช่นนี้หลินซวงเอ๋อร์มองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิง คนที่พานางมาที่วัง คนที่ปอกเปลือกปูให้นางด้วยตนเองโดยที่ไม่รู้ตัวเยี่ยเป่ยเฉิงก็กำลังมองนางเช่นเดียวกัน นัยน์ตาของเขาสะท้อนแสงอันเจิดจ้าในห้องจัดเลี้ยง ตอนที่หลินซวงเอ๋อร์มองไปที่เขา แสงในนัยน์ตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที และส่องแสงประกายสดใสเขาสูงส่งมาตั้งแต่กำเนิด ใบหน้าอันหล่อเหลาทำให้ทั้งห้องจัดเลี้ยงดูงดงามมากยิ่งขึ้น งดงามราวกับว่าไม่มีอยู่จริงทุกครั้งที่นางถูกเขาจ้องมอง หลินซวงเอ๋อร์ก็จะรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย และหัวใจของนางก็เต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว“พี่เป่ยเฉิง” น้ำเสียงอันหวานหยาดเยิ้มทำลายบรรยากาศที่แปลกประหลาดนี้ทันทีที่หลินซวงเอ๋อร์หันกลับมา ก็เห็นหญิงสาวที่แต่งตัวงดงามปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน“พี่เป่ยเฉิง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 126

    พระราชวังได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม และมีแสงไฟส่องสว่างทุกที่ในยามราตรี ทำให้ทั่วทุกอาณาบริเวณสว่างราวกับว่าเป็นตอนกลางวันพระจันทร์เหมือนตะขอ สุกใสเหมือนน้ำข้างทะเลสาบ จู่ๆก็มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งยองๆลงเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร หลินซวงเอ๋อร์ก็พับแขนเสื้อของตนเองขึ้น เมื่อมองเห็นผื่นแดงที่จู่ๆก็เกิดขึ้นมาก็ขมวดคิ้วเมื่อสักครู่นี้นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ รู้สึกว่าแขนผิดปกติไปเล็กน้อย จึงเปิดแขนเสื้อขึ้นดูอย่างเงียบๆ และไม่รู้ว่ามีผื่นแดงปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกทั้งเจ็บทั้งคันนางเคยคิดที่จะบอกเยี่ยเป่ยเฉิง แต่เมื่อเห็นได้ว่าเขาและหญิงสาวผู้นั้นคุยกันอย่างกระตือรือร้น นางจึงไม่กล้ารบกวน จึงเดินมาที่สวนดอกไม้ที่อยู่ข้างหลังอย่างเงียบๆ คิดว่าใช้น้ำล้างนิดหน่อย ก็คงจะบรรเทาอาการไม่สบายของนางได้แสงจันทร์งดงามมาก ทำให้เกิดระลอกคลื่นสีเงินปรากฏขึ้นบนทะเลสาบไป๋อวี้ถังที่หมดอาลัยตายเข้ามาเดินเล่นในสวนดอกไม้ที่อยู่ด้านหลังตั้งแต่งานเลี้ยงเพิ่งจะเริ่มที่ตรงนี้มีผู้คนน้อยมาก เพราะทุกคนล้วนรวมตัวกันอยู่ในห้องโถง จึงไม่มีใครรบกวนเขาในช่วงเวลานี้ เขาไม่สนใจอะไรเลย ในสมองของเ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 127

    แต่ไม่นาน นางก็รู้สึกว่าตนเองไม่ควรตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกตัวอย่างเช่น เยี่ยเป่ยเฉิงคนนี้เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดที่นางเคยเห็นมา แต่เขาใจร้ายมาก และปฏิบัติต่อนางอย่างเลวร้าย!หลินซวงเอ๋อร์ไม่อยากพัวพันกับเขา จึงกล่าวว่า "ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของท่าน แต่ข้าต้องกลับไปแล้ว"ไป๋อวี้ถังจ้องมองนาง แล้วกล่าวว่า: "แม่นางอยากกลับไปไหน? ข้าจะไปส่ง"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ไม่จำเป็น ข้าจำทางกลับได้"ทันทีที่หันกลับไป หลินซวงเอ๋อร์ก็ตกตะลึง สถานที่แห่งนี้เชื่อมต่อกันทุกทิศทาง ทุกเส้นทางดูเหมือนกันไปหมด นางจึงจำทิศทางที่จะไปห้องจัดเลี้ยงไม่ได้แล้วแย่แล้ว ตงเหมยเคยเตือนนางตั้งแต่เนิ่นๆแล้วว่า พระราชวังใหญ่มาก ถ้าไม่ระวังอาจจะหลงทางได้เขาดูเหมือนจะอ่านความคิดของนางออก ไป๋อวี้ถังกล่าวอย่างอบอุ่นว่า: "พระราชวังใหญ่มาก ถนนที่นี่ก็ซับซ้อน หากใช้ถนนผิดสายจะต้องอ้อมไกลมาก ถ้าแม่นางไม่อยากเสียเวลา ให้ข้าไปส่งแม่นางเถิด"เมื่อเห็นว่านางยังไม่ไว้วางใจตนเอง ไป๋อวี้ถังจึงกล่าวว่า: "ข้าชื่อไป๋อวี้ถัง รับราชการอยู่ในวังแห่งนี้ หากแม่นางไม่เชื่อ อีกสักพักสามารถถามชื่อของข้ากับใครก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 128

    ทันทีที่นางได้ยินเสียงของเยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ก็หันกลับมาอย่างตื่นเต้น ก็เห็นสีหน้าท่าทางที่เย็นชาของเขา จับจ้องมาที่ตนเองรูปลักษณ์ที่ดุร้ายทำให้รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของนางชะงักไปทันที ยืนอยู่กับที่โดยไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดูเหมือนว่าเขาจะเกรี้ยวโกรธมากเหตุใดเขาถึงโกรธ? เมื่อกี้ยังดีๆอยู่ไม่ใช่หรือ?หรือว่าคุยกับหญิงสาวคนนั้นไม่สนุก?นางยังไม่ทันเข้าใจ ก็รู้สึกเจ็บที่ข้อมือ เยี่ยเป่ยเฉิงก้าวไปข้างหน้า และดึงนางกลับไปหลินซวงเอ๋อร์สะดุด และเกือบจะถูกดึงจนล้มเมื่อนางยืนได้อย่างมั่นคง เยี่ยเป่ยเฉิงจึงถามด้วยความเกรี้ยวโกรธว่า: "ข้าถามเจ้าว่า เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่?"หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัวความเกรี้ยวโกรธที่ไม่มีเหตุผลของเขาจนทำอะไรไม่ถูก จึงกล่าวอย่างกระอึกกระอักว่า: "ข้า ข้าก็แค่..."“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่าห้ามออกไปจากสายตาของข้า?” เยี่ยเป่ยเฉิงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เลยนางรู้ไหมว่า เมื่อสักครู่ตอนที่เขาไม่เห็นนาง เขากังวลมากแค่ไหน?พระราชวังมีความซับซ้อน โจมตีทั้งต่อหน้าและลับหลัง จนยากที่จะป้องกัน!หานางไม่เจอ ทำให้เขาแทบจะควบคุมตนเองไม่ได

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 129

    เมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ถูกเยี่ยเป่ยเฉิงพาตัวไป เขาไม่มีจุดยืนอะไร จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะรั้งนางเอาไว้ได้ ตอนนี้เขาไม่อาจสงบสติอารมณ์ของตนเองได้จริงๆ และรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจ ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างถูกใครบางคนเอาไปในรถม้า หลินซวงเอ๋อร์ตัวสั่นอยู่ตรงมุมรถ รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมากนางรู้ว่าตอนนี้เยี่ยเป่ยเฉิงอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นจึงไม่กล้าเอ่ยปากพูด จึงนั่งปิดปากเงียบอยู่ข้างๆ และพยายามลดการมีอยู่ของนางให้มากที่สุดเยี่ยเป่ยเฉิงทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด ลมหายใจของเขาราวกับว่าเป็นพายุที่พัดผ่านทะเล คลื่นลูกใหญ่ซัดสาดไปมา จากนั้นเขาก็กัดฟันพูดว่า: "เมื่อสักครู่นี้ เหตุใดเจ้าถึงกินสิ่งที่เขาให้เจ้า?"หลินซวงเอ๋อร์หดคอ แล้วกล่าวเบาๆว่า: "นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาให้ข้า แต่เป็นเบย์เบอร์รี่ที่อยู่บนต้นไม้"“แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาเด็ดมันลงมาให้เจ้า!” เมื่อเห็นว่านางยังจะโต้เถียง เยี่ยเป่ยเฉิงก็ขมวดคิ้วทันทีเมื่อตระหนักว่าเยี่ยเป่ยเฉิงโกรธมากขึ้น หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย: "ข้าน้อยไม่รู้ว่าเบย์เบอร์รี่ที่วังกินไม่ได้"เยี่ยเป่ยเฉิงกัดฟัน ที่เขาโกรธไม่ใช่เพราะปัญหานี้!“ข้าถามว่า เหตุใ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 130

    เยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยนางทันที คราวนี้ถึงตระหนักได้ว่ามือซ้ายของนางกุมไหล่ข้างขวาของตนเองเอาไว้ตลอดเวลาเมื่อพับแขนเสื้อขึ้น ก็ไม่รู้ว่าบนแขนของนางมีผื่นแดงขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่เยี่ยเป่ยเฉิงครุ่นคิดอยู่หนึ่ง ก็เข้าใจได้ทันทีว่า เมื่อสักครู่นี้คงจะกินปูแล้วแพ้...“เป็นผื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”เยี่ยเป่ยเฉิงระงับอารมณ์เอาไว้แล้วถามนางหลินซวงเอ๋อร์ตัวสั่นเทา และร้องไห้ ในเวลานี้นางแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว แถมยังรู้สึกไม่สบายไปทั่วร่างกายผื่นแดงบนแขนของนางทำให้รู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก รอยกัดบนไหล่ก็เจ็บ แถมยังต้องมาทนต่อความโกรธอันแรงกล้าของเยี่ยเป่ยเฉิงอีกหลินซวงเอ๋อร์แทบจะทนไม่ไว้ตั้งนานแล้ว นางอยากจะร้องไห้เสียงดังๆ แต่นางไม่กล้า นางกลัวจะทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงโกรธสุดขีด จึงสั่งร่างกายให้อดทน และหัวใจของนางเต้นแรงราวกับว่าเป็นกลองสงครามน้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสาย หลินซวงเอ๋อร์กัดริมฝีปาก และพยายามระงับอารมณ์ที่แตกสลายของนางอย่างเต็มที่เมื่อเห็นนางร้องไห้อย่างหนัก เยี่ยเป่ยเฉิงก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเองกำลังจะแตกสลายเขากอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน น้ำเสียงก็ไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป: "อย่าร้องไ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 131

    เยี่ยเป่ยเฉิงพูดอีกครั้งว่า: "เจ้างดงามเปล่งปลั่งเช่นนี้ เขาจะต้องสนใจเจ้าอย่างแน่นอน และคงอยากจะหลอกลวงเจ้าไปเป็นอนุภรรยาในจวน"“เป็นอนุภรรยาหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หยุดร้องไห้ และมองเขาอย่างตกตะลึงนางไม่อยากเป็นอนุภรรยา ผู้คนต่างบอกว่า การเป็นอนุภรรยาของคนอื่นนั้นไม่ดี ไม่เพียงแต่จะไม่มีสถานะเท่านั้น แต่ยังถูกภรรยาเอกกดขี่อีกด้วย นอกจากนี้... เยี่ยเป่ยเฉิงยังบอกว่าเขาแต่งภรรยาคนที่สามแล้ว...เมื่อเห็นว่านางถูกตนเองทำให้ตกตะลึงจนอึ้งไปชั่วขณะ ริมฝีปากอันเรียวบางของเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วแตะปลายจมูกของนางเบาๆ และหว่านล้อมต่อไปว่า: "คนโบราณกล่าวไว้ว่า คนที่มาทำดีด้วย มักจะหวังผลอะไรตอบแทน เหตุใดเขาต้องเด็ดผลไม้ให้เจ้า? ก็เพราะอยากจะได้รับความโปรดปรานจากเจ้า ให้เจ้าระมัดระวังเขาให้น้อยลง ดังนั้น ต่อไปถ้าพบกับเขาอีก จำไว้ว่าจะต้องอยู่ห่างจากเขาเอาไว้ยิ่งไกลยิ่งดี"หลินซวงเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่ามันจะสมเหตุสมผลตั้งแต่แรกเริ่มไป๋อวี้ถังริเริ่มที่จะพูดคุยกับนางก่อน จากนั้นก็ริเริ่มที่จะนำทางนาง แถมยังตั้งใจเก็บเบย์เบอร์รี่ให้นางอีกด้วยตงเหมยเคยก

Latest chapter

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status