แชร์

บทที่ 124

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เยี่ยเป่ยเฉิงผูกเชือกเสื้อเส้นสุดท้ายให้นางแล้วกล่าวว่า: "เสร็จแล้ว ลงจากรถเถิด"

ทั้งสองลงจากรถม้าพร้อมกัน

ประตูพระราชวังมีความโอ่อ่าสง่างาม มีองครักษ์ยืนถือดาบทั้งสองด้าน พระราชวังที่ยิ่งใหญ่ช่างทรงพลังและน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก

หลินซวงเอ๋อร์ติดตามเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างใกล้ชิด และรู้สึกกระวนกระวายใจ

นางรู้สึกว่า พระราชวังที่ยิ่งใหญ่และเย็นชาแห่งนี้ ราวกับว่าเป็นกรงขังเย็นที่กลืนกินคนได้ จึงทำให้นางรู้สึกไม่อึดอัดไปทั้งตัว

ฝ่ามือขนาดใหญ่คู่หนึ่งโอบมือเล็กๆที่วิตกกังวลของนางอีกครั้ง นางเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยเป่ยเฉิง แต่กลับเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างที่สงบนิ่งของเขา มุมที่แหลมคม แฝงไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามอ

คราวนี้ นางไม่เลือกที่จะดึงดัน แต่ปล่อยให้เขาจับมือนางเอาไว้ได้ตามใจชอบ ความอบอุ่นที่อยู่ในฝ่ามือขนาดใหญ่ของเขาทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างยิ่ง

งานเลี้ยงของพระราชวงศ์แตกต่างจากคนทั่วไป ไม่ต้องพูดถึงงานเลี้ยงวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ ผู้คนที่อยู่ในงานเลี้ยงต่างก็เป็นบุคคลสำคัญ และมีผู้คนนั่งอยู่เต็มห้องจัดเลี้ยง

ตอนท้ายจักรพรรดิก็พาพระราชินีและนางสนมทั้งหลายเข้ามาในงานเลี้ยง ทุกคนต่างก็
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 125

    หลินซวงเอ๋อร์พลางกินพลางชมการร้องเล่นเต้นรำไปด้วย บรรยากาศในงานเลี้ยงสนุกสนานปรองดองกันเป็นอย่างมากเธอนางคิดไม่ถึงเลยว่า สถานะอย่างนางจะสามารถเข้าวังได้ และสามารถนั่งร่วมงานเลี้ยงในวังกับเหล่าขุนนางได้และเหตุผลที่นางได้มีโอกาสนี้ทั้งหมดเป็นเพราะผู้ชายที่อยู่เคียงข้างเธอที่พานางมาที่นี่ ให้นางกินอาหารที่มีรสเลิศเช่นนี้หลินซวงเอ๋อร์มองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิง คนที่พานางมาที่วัง คนที่ปอกเปลือกปูให้นางด้วยตนเองโดยที่ไม่รู้ตัวเยี่ยเป่ยเฉิงก็กำลังมองนางเช่นเดียวกัน นัยน์ตาของเขาสะท้อนแสงอันเจิดจ้าในห้องจัดเลี้ยง ตอนที่หลินซวงเอ๋อร์มองไปที่เขา แสงในนัยน์ตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที และส่องแสงประกายสดใสเขาสูงส่งมาตั้งแต่กำเนิด ใบหน้าอันหล่อเหลาทำให้ทั้งห้องจัดเลี้ยงดูงดงามมากยิ่งขึ้น งดงามราวกับว่าไม่มีอยู่จริงทุกครั้งที่นางถูกเขาจ้องมอง หลินซวงเอ๋อร์ก็จะรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย และหัวใจของนางก็เต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว“พี่เป่ยเฉิง” น้ำเสียงอันหวานหยาดเยิ้มทำลายบรรยากาศที่แปลกประหลาดนี้ทันทีที่หลินซวงเอ๋อร์หันกลับมา ก็เห็นหญิงสาวที่แต่งตัวงดงามปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน“พี่เป่ยเฉิง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 126

    พระราชวังได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม และมีแสงไฟส่องสว่างทุกที่ในยามราตรี ทำให้ทั่วทุกอาณาบริเวณสว่างราวกับว่าเป็นตอนกลางวันพระจันทร์เหมือนตะขอ สุกใสเหมือนน้ำข้างทะเลสาบ จู่ๆก็มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งยองๆลงเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร หลินซวงเอ๋อร์ก็พับแขนเสื้อของตนเองขึ้น เมื่อมองเห็นผื่นแดงที่จู่ๆก็เกิดขึ้นมาก็ขมวดคิ้วเมื่อสักครู่นี้นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ รู้สึกว่าแขนผิดปกติไปเล็กน้อย จึงเปิดแขนเสื้อขึ้นดูอย่างเงียบๆ และไม่รู้ว่ามีผื่นแดงปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกทั้งเจ็บทั้งคันนางเคยคิดที่จะบอกเยี่ยเป่ยเฉิง แต่เมื่อเห็นได้ว่าเขาและหญิงสาวผู้นั้นคุยกันอย่างกระตือรือร้น นางจึงไม่กล้ารบกวน จึงเดินมาที่สวนดอกไม้ที่อยู่ข้างหลังอย่างเงียบๆ คิดว่าใช้น้ำล้างนิดหน่อย ก็คงจะบรรเทาอาการไม่สบายของนางได้แสงจันทร์งดงามมาก ทำให้เกิดระลอกคลื่นสีเงินปรากฏขึ้นบนทะเลสาบไป๋อวี้ถังที่หมดอาลัยตายเข้ามาเดินเล่นในสวนดอกไม้ที่อยู่ด้านหลังตั้งแต่งานเลี้ยงเพิ่งจะเริ่มที่ตรงนี้มีผู้คนน้อยมาก เพราะทุกคนล้วนรวมตัวกันอยู่ในห้องโถง จึงไม่มีใครรบกวนเขาในช่วงเวลานี้ เขาไม่สนใจอะไรเลย ในสมองของเ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 127

    แต่ไม่นาน นางก็รู้สึกว่าตนเองไม่ควรตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกตัวอย่างเช่น เยี่ยเป่ยเฉิงคนนี้เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดที่นางเคยเห็นมา แต่เขาใจร้ายมาก และปฏิบัติต่อนางอย่างเลวร้าย!หลินซวงเอ๋อร์ไม่อยากพัวพันกับเขา จึงกล่าวว่า "ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของท่าน แต่ข้าต้องกลับไปแล้ว"ไป๋อวี้ถังจ้องมองนาง แล้วกล่าวว่า: "แม่นางอยากกลับไปไหน? ข้าจะไปส่ง"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ไม่จำเป็น ข้าจำทางกลับได้"ทันทีที่หันกลับไป หลินซวงเอ๋อร์ก็ตกตะลึง สถานที่แห่งนี้เชื่อมต่อกันทุกทิศทาง ทุกเส้นทางดูเหมือนกันไปหมด นางจึงจำทิศทางที่จะไปห้องจัดเลี้ยงไม่ได้แล้วแย่แล้ว ตงเหมยเคยเตือนนางตั้งแต่เนิ่นๆแล้วว่า พระราชวังใหญ่มาก ถ้าไม่ระวังอาจจะหลงทางได้เขาดูเหมือนจะอ่านความคิดของนางออก ไป๋อวี้ถังกล่าวอย่างอบอุ่นว่า: "พระราชวังใหญ่มาก ถนนที่นี่ก็ซับซ้อน หากใช้ถนนผิดสายจะต้องอ้อมไกลมาก ถ้าแม่นางไม่อยากเสียเวลา ให้ข้าไปส่งแม่นางเถิด"เมื่อเห็นว่านางยังไม่ไว้วางใจตนเอง ไป๋อวี้ถังจึงกล่าวว่า: "ข้าชื่อไป๋อวี้ถัง รับราชการอยู่ในวังแห่งนี้ หากแม่นางไม่เชื่อ อีกสักพักสามารถถามชื่อของข้ากับใครก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 128

    ทันทีที่นางได้ยินเสียงของเยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ก็หันกลับมาอย่างตื่นเต้น ก็เห็นสีหน้าท่าทางที่เย็นชาของเขา จับจ้องมาที่ตนเองรูปลักษณ์ที่ดุร้ายทำให้รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของนางชะงักไปทันที ยืนอยู่กับที่โดยไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดูเหมือนว่าเขาจะเกรี้ยวโกรธมากเหตุใดเขาถึงโกรธ? เมื่อกี้ยังดีๆอยู่ไม่ใช่หรือ?หรือว่าคุยกับหญิงสาวคนนั้นไม่สนุก?นางยังไม่ทันเข้าใจ ก็รู้สึกเจ็บที่ข้อมือ เยี่ยเป่ยเฉิงก้าวไปข้างหน้า และดึงนางกลับไปหลินซวงเอ๋อร์สะดุด และเกือบจะถูกดึงจนล้มเมื่อนางยืนได้อย่างมั่นคง เยี่ยเป่ยเฉิงจึงถามด้วยความเกรี้ยวโกรธว่า: "ข้าถามเจ้าว่า เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่?"หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัวความเกรี้ยวโกรธที่ไม่มีเหตุผลของเขาจนทำอะไรไม่ถูก จึงกล่าวอย่างกระอึกกระอักว่า: "ข้า ข้าก็แค่..."“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่าห้ามออกไปจากสายตาของข้า?” เยี่ยเป่ยเฉิงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เลยนางรู้ไหมว่า เมื่อสักครู่ตอนที่เขาไม่เห็นนาง เขากังวลมากแค่ไหน?พระราชวังมีความซับซ้อน โจมตีทั้งต่อหน้าและลับหลัง จนยากที่จะป้องกัน!หานางไม่เจอ ทำให้เขาแทบจะควบคุมตนเองไม่ได

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 129

    เมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ถูกเยี่ยเป่ยเฉิงพาตัวไป เขาไม่มีจุดยืนอะไร จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะรั้งนางเอาไว้ได้ ตอนนี้เขาไม่อาจสงบสติอารมณ์ของตนเองได้จริงๆ และรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจ ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างถูกใครบางคนเอาไปในรถม้า หลินซวงเอ๋อร์ตัวสั่นอยู่ตรงมุมรถ รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมากนางรู้ว่าตอนนี้เยี่ยเป่ยเฉิงอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นจึงไม่กล้าเอ่ยปากพูด จึงนั่งปิดปากเงียบอยู่ข้างๆ และพยายามลดการมีอยู่ของนางให้มากที่สุดเยี่ยเป่ยเฉิงทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด ลมหายใจของเขาราวกับว่าเป็นพายุที่พัดผ่านทะเล คลื่นลูกใหญ่ซัดสาดไปมา จากนั้นเขาก็กัดฟันพูดว่า: "เมื่อสักครู่นี้ เหตุใดเจ้าถึงกินสิ่งที่เขาให้เจ้า?"หลินซวงเอ๋อร์หดคอ แล้วกล่าวเบาๆว่า: "นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาให้ข้า แต่เป็นเบย์เบอร์รี่ที่อยู่บนต้นไม้"“แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาเด็ดมันลงมาให้เจ้า!” เมื่อเห็นว่านางยังจะโต้เถียง เยี่ยเป่ยเฉิงก็ขมวดคิ้วทันทีเมื่อตระหนักว่าเยี่ยเป่ยเฉิงโกรธมากขึ้น หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย: "ข้าน้อยไม่รู้ว่าเบย์เบอร์รี่ที่วังกินไม่ได้"เยี่ยเป่ยเฉิงกัดฟัน ที่เขาโกรธไม่ใช่เพราะปัญหานี้!“ข้าถามว่า เหตุใ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 130

    เยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยนางทันที คราวนี้ถึงตระหนักได้ว่ามือซ้ายของนางกุมไหล่ข้างขวาของตนเองเอาไว้ตลอดเวลาเมื่อพับแขนเสื้อขึ้น ก็ไม่รู้ว่าบนแขนของนางมีผื่นแดงขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่เยี่ยเป่ยเฉิงครุ่นคิดอยู่หนึ่ง ก็เข้าใจได้ทันทีว่า เมื่อสักครู่นี้คงจะกินปูแล้วแพ้...“เป็นผื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”เยี่ยเป่ยเฉิงระงับอารมณ์เอาไว้แล้วถามนางหลินซวงเอ๋อร์ตัวสั่นเทา และร้องไห้ ในเวลานี้นางแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว แถมยังรู้สึกไม่สบายไปทั่วร่างกายผื่นแดงบนแขนของนางทำให้รู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก รอยกัดบนไหล่ก็เจ็บ แถมยังต้องมาทนต่อความโกรธอันแรงกล้าของเยี่ยเป่ยเฉิงอีกหลินซวงเอ๋อร์แทบจะทนไม่ไว้ตั้งนานแล้ว นางอยากจะร้องไห้เสียงดังๆ แต่นางไม่กล้า นางกลัวจะทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงโกรธสุดขีด จึงสั่งร่างกายให้อดทน และหัวใจของนางเต้นแรงราวกับว่าเป็นกลองสงครามน้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสาย หลินซวงเอ๋อร์กัดริมฝีปาก และพยายามระงับอารมณ์ที่แตกสลายของนางอย่างเต็มที่เมื่อเห็นนางร้องไห้อย่างหนัก เยี่ยเป่ยเฉิงก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเองกำลังจะแตกสลายเขากอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน น้ำเสียงก็ไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป: "อย่าร้องไ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 131

    เยี่ยเป่ยเฉิงพูดอีกครั้งว่า: "เจ้างดงามเปล่งปลั่งเช่นนี้ เขาจะต้องสนใจเจ้าอย่างแน่นอน และคงอยากจะหลอกลวงเจ้าไปเป็นอนุภรรยาในจวน"“เป็นอนุภรรยาหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หยุดร้องไห้ และมองเขาอย่างตกตะลึงนางไม่อยากเป็นอนุภรรยา ผู้คนต่างบอกว่า การเป็นอนุภรรยาของคนอื่นนั้นไม่ดี ไม่เพียงแต่จะไม่มีสถานะเท่านั้น แต่ยังถูกภรรยาเอกกดขี่อีกด้วย นอกจากนี้... เยี่ยเป่ยเฉิงยังบอกว่าเขาแต่งภรรยาคนที่สามแล้ว...เมื่อเห็นว่านางถูกตนเองทำให้ตกตะลึงจนอึ้งไปชั่วขณะ ริมฝีปากอันเรียวบางของเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วแตะปลายจมูกของนางเบาๆ และหว่านล้อมต่อไปว่า: "คนโบราณกล่าวไว้ว่า คนที่มาทำดีด้วย มักจะหวังผลอะไรตอบแทน เหตุใดเขาต้องเด็ดผลไม้ให้เจ้า? ก็เพราะอยากจะได้รับความโปรดปรานจากเจ้า ให้เจ้าระมัดระวังเขาให้น้อยลง ดังนั้น ต่อไปถ้าพบกับเขาอีก จำไว้ว่าจะต้องอยู่ห่างจากเขาเอาไว้ยิ่งไกลยิ่งดี"หลินซวงเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่ามันจะสมเหตุสมผลตั้งแต่แรกเริ่มไป๋อวี้ถังริเริ่มที่จะพูดคุยกับนางก่อน จากนั้นก็ริเริ่มที่จะนำทางนาง แถมยังตั้งใจเก็บเบย์เบอร์รี่ให้นางอีกด้วยตงเหมยเคยก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 132

    หนทางกลับจวนยังอีกไกล ในรถม้าค่อนข้างที่จะแคบ ทันใดนั้นบรรยากาศก็เงียบลงทั้งสองคนไม่มีอะไรที่จะพูดคุยกันหลินซวงเอ๋อร์ซุกตัวอยู่ที่มุมรถม้า เล่นถุงเงินที่อยู่ในมืออย่างเบื่อหน่าย และรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจเยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองนาง สายตาจับจ้องไปที่สิ่งของที่นางกำลังเล่นอยู่ จึงเลิกคิ้ว แล้วพูดว่า "นอะไรอยู่ในมือของเจ้า?"เมื่อได้ยินเสียงของเขา หลินซวงเอ๋อร์ก็ซ่อนมือของนางเอาไว้ด้านหลังตามสัญชาตญาณเมื่อเห็นนางซ่อนเอาไว้ เยี่ยเป่ยเฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย โอบเอวของนางเอาไว้ แล้วดึงนางเข้ามาอยู่ตรงหน้า: "ซ่อนอะไรเอาไว้?"ทันใดนั้นระยะห่างระหว่างทั้งสองคนก็ใกล้กันมากขึ้น หน้าของเขาอยู่ใกล้มาก จนหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่พ่นมาบนใบหน้า หัวใจของนางก็เต้นอย่างควบคุมไม่ได้นางจึงพูดว่า: "มันเป็นเพียงของเล่นชิ้นเล็กๆที่ไม่ได้มีค่าอะไร"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "ให้ข้าดูหน่อยสิ"หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหัวนางไม่อยากแสดงให้เขาดูงานเทศกาลโคมไฟครั้งที่แล้ว สตรีที่มาจากตระกูลเศรษฐีผู้นั้นปักถุงเงินได้อย่างประณีตมาก เยี่ยเป่ยเฉิงยังบอกว่ามันเชยเลย ถุงเงินที่นางเย็บด้วยผ้าลินินหยาบเขา

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status