Share

บทที่ 127

Author: พิณเคล้าสายฝน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
แต่ไม่นาน นางก็รู้สึกว่าตนเองไม่ควรตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก

ตัวอย่างเช่น เยี่ยเป่ยเฉิงคนนี้

เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดที่นางเคยเห็นมา แต่เขาใจร้ายมาก และปฏิบัติต่อนางอย่างเลวร้าย!

หลินซวงเอ๋อร์ไม่อยากพัวพันกับเขา จึงกล่าวว่า "ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของท่าน แต่ข้าต้องกลับไปแล้ว"

ไป๋อวี้ถังจ้องมองนาง แล้วกล่าวว่า: "แม่นางอยากกลับไปไหน? ข้าจะไปส่ง"

หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ไม่จำเป็น ข้าจำทางกลับได้"

ทันทีที่หันกลับไป หลินซวงเอ๋อร์ก็ตกตะลึง สถานที่แห่งนี้เชื่อมต่อกันทุกทิศทาง ทุกเส้นทางดูเหมือนกันไปหมด นางจึงจำทิศทางที่จะไปห้องจัดเลี้ยงไม่ได้แล้ว

แย่แล้ว ตงเหมยเคยเตือนนางตั้งแต่เนิ่นๆแล้วว่า พระราชวังใหญ่มาก ถ้าไม่ระวังอาจจะหลงทางได้

เขาดูเหมือนจะอ่านความคิดของนางออก ไป๋อวี้ถังกล่าวอย่างอบอุ่นว่า: "พระราชวังใหญ่มาก ถนนที่นี่ก็ซับซ้อน หากใช้ถนนผิดสายจะต้องอ้อมไกลมาก ถ้าแม่นางไม่อยากเสียเวลา ให้ข้าไปส่งแม่นางเถิด"

เมื่อเห็นว่านางยังไม่ไว้วางใจตนเอง ไป๋อวี้ถังจึงกล่าวว่า: "ข้าชื่อไป๋อวี้ถัง รับราชการอยู่ในวังแห่งนี้ หากแม่นางไม่เชื่อ อีกสักพักสามารถถามชื่อของข้ากับใครก
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 128

    ทันทีที่นางได้ยินเสียงของเยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ก็หันกลับมาอย่างตื่นเต้น ก็เห็นสีหน้าท่าทางที่เย็นชาของเขา จับจ้องมาที่ตนเองรูปลักษณ์ที่ดุร้ายทำให้รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของนางชะงักไปทันที ยืนอยู่กับที่โดยไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดูเหมือนว่าเขาจะเกรี้ยวโกรธมากเหตุใดเขาถึงโกรธ? เมื่อกี้ยังดีๆอยู่ไม่ใช่หรือ?หรือว่าคุยกับหญิงสาวคนนั้นไม่สนุก?นางยังไม่ทันเข้าใจ ก็รู้สึกเจ็บที่ข้อมือ เยี่ยเป่ยเฉิงก้าวไปข้างหน้า และดึงนางกลับไปหลินซวงเอ๋อร์สะดุด และเกือบจะถูกดึงจนล้มเมื่อนางยืนได้อย่างมั่นคง เยี่ยเป่ยเฉิงจึงถามด้วยความเกรี้ยวโกรธว่า: "ข้าถามเจ้าว่า เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่?"หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัวความเกรี้ยวโกรธที่ไม่มีเหตุผลของเขาจนทำอะไรไม่ถูก จึงกล่าวอย่างกระอึกกระอักว่า: "ข้า ข้าก็แค่..."“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่าห้ามออกไปจากสายตาของข้า?” เยี่ยเป่ยเฉิงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เลยนางรู้ไหมว่า เมื่อสักครู่ตอนที่เขาไม่เห็นนาง เขากังวลมากแค่ไหน?พระราชวังมีความซับซ้อน โจมตีทั้งต่อหน้าและลับหลัง จนยากที่จะป้องกัน!หานางไม่เจอ ทำให้เขาแทบจะควบคุมตนเองไม่ได

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 129

    เมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ถูกเยี่ยเป่ยเฉิงพาตัวไป เขาไม่มีจุดยืนอะไร จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะรั้งนางเอาไว้ได้ ตอนนี้เขาไม่อาจสงบสติอารมณ์ของตนเองได้จริงๆ และรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจ ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างถูกใครบางคนเอาไปในรถม้า หลินซวงเอ๋อร์ตัวสั่นอยู่ตรงมุมรถ รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมากนางรู้ว่าตอนนี้เยี่ยเป่ยเฉิงอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นจึงไม่กล้าเอ่ยปากพูด จึงนั่งปิดปากเงียบอยู่ข้างๆ และพยายามลดการมีอยู่ของนางให้มากที่สุดเยี่ยเป่ยเฉิงทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด ลมหายใจของเขาราวกับว่าเป็นพายุที่พัดผ่านทะเล คลื่นลูกใหญ่ซัดสาดไปมา จากนั้นเขาก็กัดฟันพูดว่า: "เมื่อสักครู่นี้ เหตุใดเจ้าถึงกินสิ่งที่เขาให้เจ้า?"หลินซวงเอ๋อร์หดคอ แล้วกล่าวเบาๆว่า: "นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาให้ข้า แต่เป็นเบย์เบอร์รี่ที่อยู่บนต้นไม้"“แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาเด็ดมันลงมาให้เจ้า!” เมื่อเห็นว่านางยังจะโต้เถียง เยี่ยเป่ยเฉิงก็ขมวดคิ้วทันทีเมื่อตระหนักว่าเยี่ยเป่ยเฉิงโกรธมากขึ้น หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย: "ข้าน้อยไม่รู้ว่าเบย์เบอร์รี่ที่วังกินไม่ได้"เยี่ยเป่ยเฉิงกัดฟัน ที่เขาโกรธไม่ใช่เพราะปัญหานี้!“ข้าถามว่า เหตุใ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 130

    เยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยนางทันที คราวนี้ถึงตระหนักได้ว่ามือซ้ายของนางกุมไหล่ข้างขวาของตนเองเอาไว้ตลอดเวลาเมื่อพับแขนเสื้อขึ้น ก็ไม่รู้ว่าบนแขนของนางมีผื่นแดงขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่เยี่ยเป่ยเฉิงครุ่นคิดอยู่หนึ่ง ก็เข้าใจได้ทันทีว่า เมื่อสักครู่นี้คงจะกินปูแล้วแพ้...“เป็นผื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”เยี่ยเป่ยเฉิงระงับอารมณ์เอาไว้แล้วถามนางหลินซวงเอ๋อร์ตัวสั่นเทา และร้องไห้ ในเวลานี้นางแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว แถมยังรู้สึกไม่สบายไปทั่วร่างกายผื่นแดงบนแขนของนางทำให้รู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก รอยกัดบนไหล่ก็เจ็บ แถมยังต้องมาทนต่อความโกรธอันแรงกล้าของเยี่ยเป่ยเฉิงอีกหลินซวงเอ๋อร์แทบจะทนไม่ไว้ตั้งนานแล้ว นางอยากจะร้องไห้เสียงดังๆ แต่นางไม่กล้า นางกลัวจะทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงโกรธสุดขีด จึงสั่งร่างกายให้อดทน และหัวใจของนางเต้นแรงราวกับว่าเป็นกลองสงครามน้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสาย หลินซวงเอ๋อร์กัดริมฝีปาก และพยายามระงับอารมณ์ที่แตกสลายของนางอย่างเต็มที่เมื่อเห็นนางร้องไห้อย่างหนัก เยี่ยเป่ยเฉิงก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเองกำลังจะแตกสลายเขากอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน น้ำเสียงก็ไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป: "อย่าร้องไ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 131

    เยี่ยเป่ยเฉิงพูดอีกครั้งว่า: "เจ้างดงามเปล่งปลั่งเช่นนี้ เขาจะต้องสนใจเจ้าอย่างแน่นอน และคงอยากจะหลอกลวงเจ้าไปเป็นอนุภรรยาในจวน"“เป็นอนุภรรยาหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หยุดร้องไห้ และมองเขาอย่างตกตะลึงนางไม่อยากเป็นอนุภรรยา ผู้คนต่างบอกว่า การเป็นอนุภรรยาของคนอื่นนั้นไม่ดี ไม่เพียงแต่จะไม่มีสถานะเท่านั้น แต่ยังถูกภรรยาเอกกดขี่อีกด้วย นอกจากนี้... เยี่ยเป่ยเฉิงยังบอกว่าเขาแต่งภรรยาคนที่สามแล้ว...เมื่อเห็นว่านางถูกตนเองทำให้ตกตะลึงจนอึ้งไปชั่วขณะ ริมฝีปากอันเรียวบางของเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วแตะปลายจมูกของนางเบาๆ และหว่านล้อมต่อไปว่า: "คนโบราณกล่าวไว้ว่า คนที่มาทำดีด้วย มักจะหวังผลอะไรตอบแทน เหตุใดเขาต้องเด็ดผลไม้ให้เจ้า? ก็เพราะอยากจะได้รับความโปรดปรานจากเจ้า ให้เจ้าระมัดระวังเขาให้น้อยลง ดังนั้น ต่อไปถ้าพบกับเขาอีก จำไว้ว่าจะต้องอยู่ห่างจากเขาเอาไว้ยิ่งไกลยิ่งดี"หลินซวงเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่ามันจะสมเหตุสมผลตั้งแต่แรกเริ่มไป๋อวี้ถังริเริ่มที่จะพูดคุยกับนางก่อน จากนั้นก็ริเริ่มที่จะนำทางนาง แถมยังตั้งใจเก็บเบย์เบอร์รี่ให้นางอีกด้วยตงเหมยเคยก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 132

    หนทางกลับจวนยังอีกไกล ในรถม้าค่อนข้างที่จะแคบ ทันใดนั้นบรรยากาศก็เงียบลงทั้งสองคนไม่มีอะไรที่จะพูดคุยกันหลินซวงเอ๋อร์ซุกตัวอยู่ที่มุมรถม้า เล่นถุงเงินที่อยู่ในมืออย่างเบื่อหน่าย และรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจเยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองนาง สายตาจับจ้องไปที่สิ่งของที่นางกำลังเล่นอยู่ จึงเลิกคิ้ว แล้วพูดว่า "นอะไรอยู่ในมือของเจ้า?"เมื่อได้ยินเสียงของเขา หลินซวงเอ๋อร์ก็ซ่อนมือของนางเอาไว้ด้านหลังตามสัญชาตญาณเมื่อเห็นนางซ่อนเอาไว้ เยี่ยเป่ยเฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย โอบเอวของนางเอาไว้ แล้วดึงนางเข้ามาอยู่ตรงหน้า: "ซ่อนอะไรเอาไว้?"ทันใดนั้นระยะห่างระหว่างทั้งสองคนก็ใกล้กันมากขึ้น หน้าของเขาอยู่ใกล้มาก จนหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่พ่นมาบนใบหน้า หัวใจของนางก็เต้นอย่างควบคุมไม่ได้นางจึงพูดว่า: "มันเป็นเพียงของเล่นชิ้นเล็กๆที่ไม่ได้มีค่าอะไร"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "ให้ข้าดูหน่อยสิ"หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหัวนางไม่อยากแสดงให้เขาดูงานเทศกาลโคมไฟครั้งที่แล้ว สตรีที่มาจากตระกูลเศรษฐีผู้นั้นปักถุงเงินได้อย่างประณีตมาก เยี่ยเป่ยเฉิงยังบอกว่ามันเชยเลย ถุงเงินที่นางเย็บด้วยผ้าลินินหยาบเขา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 133

    “ความสำคัญ?”สิ่งนี้ทำให้หลินซวงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรตอนนั้นปักถุงเงินอันนี้ก็เพื่อฝึกฝนการเย็บปักถักร้อย ฉีหมิงมาหาพี่ชายที่บ้านพอดี พอเห็นถุงเงินที่อยู่ในมือของนางก็ชื่นชอบเป็นอย่างมาก เลยเอ่ยปากขอมันจากนางหลินซวงเอ๋อร์เต็มใจให้มันอยู่แล้วแต่ฉีหมิงคิดว่าลวดลายธรรมดามากจนเกินไป ถ้าปักคำสองสามคำลงไปมันจะโดดเด่นไม่เหมือนใครตอนนั้นนางไม่เก่งเรื่องงานฝีมือ และไม่รู้จักตัวอักษร และไม่รู้ว่าจะปักตัวอักษรตัวไหนฉีหมิงจึงสอนนางเขียนชื่อของเขาและชื่อของนางอย่างอดทนแต่ในท้ายที่สุด หลินซวงเอ๋อร์ก็จำได้แค่ตัวอักษรที่ง่ายที่สุดอย่างคำว่า"หลิน"และ"ฉี"เท่านั้นฉีหมิงจึงตัดสินใจเลือกถุงที่มีคำว่า"หลิน"เขาบอกว่า เขาชอบอันที่มีคำว่า"หลิน" เลยพกมันติดตัวไปด้วย เขาจะได้ระลึกถึงมันอยู่ตลอดเวลาตอนนั้นนางยังเด็ก จึงไม่เข้าใจสิ่งที่ฉีหมิงพูด ไม่ต้องพูดถึงคำว่า"คิดถึง"ที่เขาพูดหมายความว่าอะไรเมื่อนางค่อยๆเติบโตขึ้น พ่อแม่ของนางละจากโลกไปแล้ว พี่ชายได้บอกนางว่า ฉีหมิงเป็นคนที่นางสามารถฝากชีวิตเอาไว้กับเขาได้ และบอกให้นางพยายามชื่นชอบเขาในเวลานั้นหลินซวงเอ๋อร์ไม่เคยเข้าใจว่าชื่นชอบคือ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 134

    ที่ตรอกซอยทิศประจิมของถนนฉางอาน ชายหนุ่มผู้สง่าอ่อนโยนเฝ้าคอยอยู่ที่นี่ทุกวัน และจ้องมองไปทิศทางใดทิศทางหนึ่งเป็นครั้งคราว แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีร่างของคนที่คุ้นเคย นัยน์ตาของเขาก็ค่อยๆหม่นหมองลงพอหลินซวงเอ๋อร์ออกจากประตูจวนก็วิ่งตรงไปในทิศทางเดียวเยี่ยเป่ยเฉิงให้เวลานางเพียงสองชั่วยามเท่านั้น หากนางกลับจวนไม่ทัน ไม่รู้ว่าเขาจะลงโทษนางอย่างไรบ้างฉีหมิงยืนรออยู่ที่ปากซอยเป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ไม่ปรากฏตัว ก็คิดว่าวันนี้เขาคงจะไม่ได้เจอนางแล้วด้วยความรู้สึกผิดหวัง เขาจึงหันหลังกลับแล้วกำลังจะจากไป ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง"พี่ฉี พี่ฉี…"มันเป็นเสียงที่เขาคิดถึงทุกเมื่อเชื่อวันฉีหมิงดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อหันกลับมา ก็เห็นหลินซวงเอ๋อร์วิ่งมาอยู่ที่ตรงหน้าเขาอย่างหอบเหนื่อย ไรผมของนางก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ“คิดไม่ถึงว่าพี่จะอยู่ที่นี่จริงๆ” หลินซวงเอ๋อร์ดีใจมาก ตอนแรกนางออกมาเพื่อลองเสี่ยงดวงดู คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเขาที่นี่จริงๆฉีหมิงลืมพูดไปครู่หนึ่ง จ้องมองนางอย่างเงียบๆ ภายใต้แสงแดดยามเช้าอันงดงาม ใบหน้าของนางราวกับว่าเป็นหยกที่โปร่งแสงราวชิ้นหนึ่ง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 135

    “พี่ฉี อันที่จริงแล้ววันนี้ที่ข้ามา ก็เพื่อแสดงความยินดีกับพี่เป็นหลัก นอกจากนี้ ข้าอยากจะพูดเรื่องบางอย่างกับพี่ให้ชัดเจน”นางรู้สึกว่า ตนไม่ควรเห็นแก่ตัวมากนัก บางทีเขาควรจะมีโลกที่กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม และไม่ควรจำกัดเขาไว้กับนางนอกจากนี้ มีเรื่องบางอย่างที่นางอยากจะบอกเขามาตั้งนานแล้ว แต่นางกลัวว่าจะส่งผลต่อการสอบขุนนางของเขา นางจึงเลื่อนมันออกไปจนถึงตอนนี้ตอนนี้นางเห็นเขาคว้าอันดับที่หนึ่งมาได้สมใจ นางก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลใจอีกแล้วฉีหมิงจ้องมองนาง ทันใดนั้นก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่ในใจหลินซวงเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้ามองไปที่เขา แล้วกล่าวว่า "พี่ฉี คำสัญญานั้น ซวงเอ๋อร์จะคิดเสียว่ามันเป็นแค่คำคำล้อเล่นของพี่"“ล้อเล่น?” ฉีหมิงรู้สึกลนลานอยู่ในใจ: “พี่พูดมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ จะพูดว่าล้อเล่นได้อย่างไร?”หลินซวงเอ๋อร์แอบถอนหายใจ แล้วกล่าวว่า: "การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ ต้องเชื่อฟังคำสั่งพ่อแม่ ที่จัดสรรหาคู่ให้ ตอนนี้พี่ฉีเป็นถึงขุนนางที่สอบได้ที่หนึ่ง คนที่พี่จะต้องแต่งงานด้วยในอนาคต ควรจะเป็นคนที่คู่ควรกับพี่"สรุปคือไม่ควรเป็นคนแบบนางฉีหมิงตกตะลึง

Latest chapter

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 628

    นางกล่าวตอบ “สูญเสียคนที่รัก อยู่อย่างโดดดายชั่วชีวิต...”เขาไม่รู้ว่าเหตุใดเวลานี้ จึงจดจำคำพูดที่กล่าวอย่างเลื่อนลอยในตอนนั้นได้อย่างแจ่มชัด รู้เพียงว่า หัวใจกำลังทวีความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ“ซวงเอ๋อร์ รอข้าด้วย เจ้าจะต้องรอข้า...” เขารีบเฆี่ยนแส้อย่างแรง ห้อตะบึงต่อไปอีกในที่สุดก็มาถึงอำเภออวิ๋นซีเหตุเพราะหน้าดินถล่ม จึงทำให้เส้นทางราบเรียบแต่เดิมกลายเป็นเขาสูงที่ไม่อาจข้ามผ่านได้อีก เมื่อขบวนเดินทางต่อไม่ได้ จึงต้องใช้ทางอ้อมไปเยี่ยเป่ยเฉิงติดตามคนของตระกูลไป๋เดินอ้อมภูเขาสูง มาถึงปากทางหมู่บ้าน อยู่ไกลๆ ก็เห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งถือพลั่วพร้อมตั้งหน้าตั้งตาขุดดินอยู่ และหนึ่งในนั้นมีรูปกายที่คุ้นตายิ่งเขาคือไป๋อวี้ถัง...ยังจำได้ดีว่า ไป๋อวี้ถังเป็นคนที่ดูแลตัวเองอย่างดี มีความสำอางตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่วันนี้ ตัวเขากลับเลอะด้วยดินโคลน ผมเผ้ากระเซิงยังพอว่า สองมือยังเปื้อนเลือด แลดูมอมแมมเป็นอย่างมากแตกต่างจากบุคลิกสง่างามสูงส่งที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิงความรู้สึกกังวลใจของเยี่ยเป่ยเฉิง มาถึงยามนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เขาพลิกตัวลงจากหลังม้า ก้าวเท้าหนักตรงไปหาไป๋อวี้ถัง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 627

    เยี่ยเป่ยเฉิงขี่ม้าออกนอกเมือง ไม่นานก็ไล่ตามคนของตระกูลไป๋จนทัน คนของตระกูลไป๋คล้ายจะออกมาทั้งหมด ทั้งบ่าวไพร่และคนงานรับใช้ทั่วไปที่น่าแปลกก็คือ แต่ละคนมิได้พกอาวุธติดตัว เพียงถือจอบเสียมหรือพลั่วคนละอันเท่านั้นทุกคนคล้ายจะเร่งรีบมาก ควบม้าอยู่ตลอดแทบไม่ได้หยุดพัก หากไม่เพราะเยี่ยเป่ยเฉิงเร่งขี่ม้าให้เร็วขึ้น คงไม่อาจตามทันในเวลาอันสั้นแน่เมื่อเยี่ยเป่ยเฉิงตามไปถึง ก็ได้รั้งตัวทหารผู้หนึ่งไว้ พร้อมกับซักถาม “ใต้เท้าของเจ้าอยู่ที่ใด?”ทหารของตระกูลไป๋ล้วนรู้จักเยี่ยเป่ยเฉิงดี ด้วยเหตุนี้ เมื่อเห็นเขามาขวางทาง จึงรีบดึงเชือกให้หยุด พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ“ใต้เท้าออกไปแต่เช้าตรู่ขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงจึงกล่าวต่อ “เขาไปที่ใด? มีผู้ติดตามหรือไม่?”ทหารตอบตามความจริง “ใต้เท้าออกไปเพียงลำพัง ส่วนจะไปที่ใดนั้น ข้าน้อยไม่ทราบได้”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้ว่าทหารคงไม่พูดโกหก จึงได้ถามต่อ “แล้วพวกเจ้าจะไปที่ใด? เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”ทหารกล่าวตอบ “ได้รับคำสั่งด่วน ให้คนตระกูลไป๋ออกเดินทางทั้งหมด ไปช่วยเหลือที่อำเภออวิ๋นซีขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเบาๆ เกิดลางสังหรณ์ไม่สู้ดีในใจ “ช่วย

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 626

    เยี่ยเป่ยเฉิงติดตามเสิ่นป๋อเหลียงเข้าไปในเรือนอวิ๋นซวนก่อนหลินซวงเอ๋อร์จะจากไป นางเก็บไปเพียงเสื้อผ้าชุดเก่าบางตัวเท่านั้น ยาที่เจียงหว่านจัดเตรียมไว้ให้ นางไม่ได้เอาไปด้วย และตอนนี้ก็วางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเสิ่นป๋อเหลียงเดินเข้าไป นำยามามอบให้เยี่ยเป่ยเฉิง พลางกล่าว “ข้าน้อยเดาว่า ที่พระชายาตกโลหิต สาเหตุเพราะเกิดจากยาตัวนี้”เยี่ยเป่ยเฉิงมองดูยาในมือเสิ่นป๋อเหลียง สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยคราวก่อนที่หลินซวงเอ๋อร์ขึ้นเขาไปจับงูให้เขา เดินทางเพียงลำพัง กลับมามีบาดแผลทั่วร่าง ยาตัวนี้เจียงหว่านเป็นคนปรุงให้นาง บอกว่ามีสรรพคุณในการรักษาแผลเป็นได้ดี ให้หลินซวงเอ๋อร์ใช้อย่างต่อเนื่อง...ถ้าหากว่ายาตัวนี้มีปัญหาจริง มิเท่ากับเจียงหว่านคิดร้ายต่อหลินซวงเอ๋อร์ตั้งแต่แรกพบหน้าแล้วรึ?มิหนำซ้ำ ยังอยู่ต่อหน้าต่อตาเขาด้วย!เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “จะเป็นไปได้อย่างไร ยาตัวนี้ข้าได้ส่งให้หมอหลวงตรวจถึงสองครั้ง หมอหลวงก็บอกว่าไม่มีปัญหา...”แรกเริ่มนั้น เขาก็เคยสงสัยเจียงหว่านเช่นกัน จึงนำยาที่นางปรุงให้หลินซวงเอ๋อร์ไปให้หมอหลวงตรวจดู แต่หมอหลวงหลายคนต่างบอกว่าไม่มีปัญหา เขาจึงไม่ได้สงสัยนางอีก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

DMCA.com Protection Status