All Chapters of ทาสสาวพราวพิลาส: Chapter 131 - Chapter 140

625 Chapters

บทที่ 131

เยี่ยเป่ยเฉิงพูดอีกครั้งว่า: "เจ้างดงามเปล่งปลั่งเช่นนี้ เขาจะต้องสนใจเจ้าอย่างแน่นอน และคงอยากจะหลอกลวงเจ้าไปเป็นอนุภรรยาในจวน"“เป็นอนุภรรยาหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หยุดร้องไห้ และมองเขาอย่างตกตะลึงนางไม่อยากเป็นอนุภรรยา ผู้คนต่างบอกว่า การเป็นอนุภรรยาของคนอื่นนั้นไม่ดี ไม่เพียงแต่จะไม่มีสถานะเท่านั้น แต่ยังถูกภรรยาเอกกดขี่อีกด้วย นอกจากนี้... เยี่ยเป่ยเฉิงยังบอกว่าเขาแต่งภรรยาคนที่สามแล้ว...เมื่อเห็นว่านางถูกตนเองทำให้ตกตะลึงจนอึ้งไปชั่วขณะ ริมฝีปากอันเรียวบางของเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วแตะปลายจมูกของนางเบาๆ และหว่านล้อมต่อไปว่า: "คนโบราณกล่าวไว้ว่า คนที่มาทำดีด้วย มักจะหวังผลอะไรตอบแทน เหตุใดเขาต้องเด็ดผลไม้ให้เจ้า? ก็เพราะอยากจะได้รับความโปรดปรานจากเจ้า ให้เจ้าระมัดระวังเขาให้น้อยลง ดังนั้น ต่อไปถ้าพบกับเขาอีก จำไว้ว่าจะต้องอยู่ห่างจากเขาเอาไว้ยิ่งไกลยิ่งดี"หลินซวงเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่ามันจะสมเหตุสมผลตั้งแต่แรกเริ่มไป๋อวี้ถังริเริ่มที่จะพูดคุยกับนางก่อน จากนั้นก็ริเริ่มที่จะนำทางนาง แถมยังตั้งใจเก็บเบย์เบอร์รี่ให้นางอีกด้วยตงเหมยเคยก
Read more

บทที่ 132

หนทางกลับจวนยังอีกไกล ในรถม้าค่อนข้างที่จะแคบ ทันใดนั้นบรรยากาศก็เงียบลงทั้งสองคนไม่มีอะไรที่จะพูดคุยกันหลินซวงเอ๋อร์ซุกตัวอยู่ที่มุมรถม้า เล่นถุงเงินที่อยู่ในมืออย่างเบื่อหน่าย และรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจเยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองนาง สายตาจับจ้องไปที่สิ่งของที่นางกำลังเล่นอยู่ จึงเลิกคิ้ว แล้วพูดว่า "นอะไรอยู่ในมือของเจ้า?"เมื่อได้ยินเสียงของเขา หลินซวงเอ๋อร์ก็ซ่อนมือของนางเอาไว้ด้านหลังตามสัญชาตญาณเมื่อเห็นนางซ่อนเอาไว้ เยี่ยเป่ยเฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย โอบเอวของนางเอาไว้ แล้วดึงนางเข้ามาอยู่ตรงหน้า: "ซ่อนอะไรเอาไว้?"ทันใดนั้นระยะห่างระหว่างทั้งสองคนก็ใกล้กันมากขึ้น หน้าของเขาอยู่ใกล้มาก จนหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่พ่นมาบนใบหน้า หัวใจของนางก็เต้นอย่างควบคุมไม่ได้นางจึงพูดว่า: "มันเป็นเพียงของเล่นชิ้นเล็กๆที่ไม่ได้มีค่าอะไร"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "ให้ข้าดูหน่อยสิ"หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหัวนางไม่อยากแสดงให้เขาดูงานเทศกาลโคมไฟครั้งที่แล้ว สตรีที่มาจากตระกูลเศรษฐีผู้นั้นปักถุงเงินได้อย่างประณีตมาก เยี่ยเป่ยเฉิงยังบอกว่ามันเชยเลย ถุงเงินที่นางเย็บด้วยผ้าลินินหยาบเขา
Read more

บทที่ 133

“ความสำคัญ?”สิ่งนี้ทำให้หลินซวงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรตอนนั้นปักถุงเงินอันนี้ก็เพื่อฝึกฝนการเย็บปักถักร้อย ฉีหมิงมาหาพี่ชายที่บ้านพอดี พอเห็นถุงเงินที่อยู่ในมือของนางก็ชื่นชอบเป็นอย่างมาก เลยเอ่ยปากขอมันจากนางหลินซวงเอ๋อร์เต็มใจให้มันอยู่แล้วแต่ฉีหมิงคิดว่าลวดลายธรรมดามากจนเกินไป ถ้าปักคำสองสามคำลงไปมันจะโดดเด่นไม่เหมือนใครตอนนั้นนางไม่เก่งเรื่องงานฝีมือ และไม่รู้จักตัวอักษร และไม่รู้ว่าจะปักตัวอักษรตัวไหนฉีหมิงจึงสอนนางเขียนชื่อของเขาและชื่อของนางอย่างอดทนแต่ในท้ายที่สุด หลินซวงเอ๋อร์ก็จำได้แค่ตัวอักษรที่ง่ายที่สุดอย่างคำว่า"หลิน"และ"ฉี"เท่านั้นฉีหมิงจึงตัดสินใจเลือกถุงที่มีคำว่า"หลิน"เขาบอกว่า เขาชอบอันที่มีคำว่า"หลิน" เลยพกมันติดตัวไปด้วย เขาจะได้ระลึกถึงมันอยู่ตลอดเวลาตอนนั้นนางยังเด็ก จึงไม่เข้าใจสิ่งที่ฉีหมิงพูด ไม่ต้องพูดถึงคำว่า"คิดถึง"ที่เขาพูดหมายความว่าอะไรเมื่อนางค่อยๆเติบโตขึ้น พ่อแม่ของนางละจากโลกไปแล้ว พี่ชายได้บอกนางว่า ฉีหมิงเป็นคนที่นางสามารถฝากชีวิตเอาไว้กับเขาได้ และบอกให้นางพยายามชื่นชอบเขาในเวลานั้นหลินซวงเอ๋อร์ไม่เคยเข้าใจว่าชื่นชอบคือ
Read more

บทที่ 134

ที่ตรอกซอยทิศประจิมของถนนฉางอาน ชายหนุ่มผู้สง่าอ่อนโยนเฝ้าคอยอยู่ที่นี่ทุกวัน และจ้องมองไปทิศทางใดทิศทางหนึ่งเป็นครั้งคราว แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีร่างของคนที่คุ้นเคย นัยน์ตาของเขาก็ค่อยๆหม่นหมองลงพอหลินซวงเอ๋อร์ออกจากประตูจวนก็วิ่งตรงไปในทิศทางเดียวเยี่ยเป่ยเฉิงให้เวลานางเพียงสองชั่วยามเท่านั้น หากนางกลับจวนไม่ทัน ไม่รู้ว่าเขาจะลงโทษนางอย่างไรบ้างฉีหมิงยืนรออยู่ที่ปากซอยเป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ไม่ปรากฏตัว ก็คิดว่าวันนี้เขาคงจะไม่ได้เจอนางแล้วด้วยความรู้สึกผิดหวัง เขาจึงหันหลังกลับแล้วกำลังจะจากไป ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง"พี่ฉี พี่ฉี…"มันเป็นเสียงที่เขาคิดถึงทุกเมื่อเชื่อวันฉีหมิงดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อหันกลับมา ก็เห็นหลินซวงเอ๋อร์วิ่งมาอยู่ที่ตรงหน้าเขาอย่างหอบเหนื่อย ไรผมของนางก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ“คิดไม่ถึงว่าพี่จะอยู่ที่นี่จริงๆ” หลินซวงเอ๋อร์ดีใจมาก ตอนแรกนางออกมาเพื่อลองเสี่ยงดวงดู คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเขาที่นี่จริงๆฉีหมิงลืมพูดไปครู่หนึ่ง จ้องมองนางอย่างเงียบๆ ภายใต้แสงแดดยามเช้าอันงดงาม ใบหน้าของนางราวกับว่าเป็นหยกที่โปร่งแสงราวชิ้นหนึ่ง
Read more

บทที่ 135

“พี่ฉี อันที่จริงแล้ววันนี้ที่ข้ามา ก็เพื่อแสดงความยินดีกับพี่เป็นหลัก นอกจากนี้ ข้าอยากจะพูดเรื่องบางอย่างกับพี่ให้ชัดเจน”นางรู้สึกว่า ตนไม่ควรเห็นแก่ตัวมากนัก บางทีเขาควรจะมีโลกที่กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม และไม่ควรจำกัดเขาไว้กับนางนอกจากนี้ มีเรื่องบางอย่างที่นางอยากจะบอกเขามาตั้งนานแล้ว แต่นางกลัวว่าจะส่งผลต่อการสอบขุนนางของเขา นางจึงเลื่อนมันออกไปจนถึงตอนนี้ตอนนี้นางเห็นเขาคว้าอันดับที่หนึ่งมาได้สมใจ นางก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลใจอีกแล้วฉีหมิงจ้องมองนาง ทันใดนั้นก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่ในใจหลินซวงเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้ามองไปที่เขา แล้วกล่าวว่า "พี่ฉี คำสัญญานั้น ซวงเอ๋อร์จะคิดเสียว่ามันเป็นแค่คำคำล้อเล่นของพี่"“ล้อเล่น?” ฉีหมิงรู้สึกลนลานอยู่ในใจ: “พี่พูดมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ จะพูดว่าล้อเล่นได้อย่างไร?”หลินซวงเอ๋อร์แอบถอนหายใจ แล้วกล่าวว่า: "การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ ต้องเชื่อฟังคำสั่งพ่อแม่ ที่จัดสรรหาคู่ให้ ตอนนี้พี่ฉีเป็นถึงขุนนางที่สอบได้ที่หนึ่ง คนที่พี่จะต้องแต่งงานด้วยในอนาคต ควรจะเป็นคนที่คู่ควรกับพี่"สรุปคือไม่ควรเป็นคนแบบนางฉีหมิงตกตะลึง
Read more

บทที่ 136

วันเวลาหมุนเปลี่ยนเวียนไป ครึ่งเดือนได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วนางเฝ้ารอฉีหมิงมาหานาง แต่แม่ของเขาเหยาซื่อกลับมาหานางแทน...เหยาซื่อยืนอยู่ที่ประตูจวนหย่งอัน รอเป็นเวลานานถึงเห็นหลินซวงเอ๋อร์ออกมาจากในนั้นในเวลานั้น หลินซวงเอ๋อร์กำลังจะออกจากจวนไปทำธุระ และบังเอิญเห็นเหยาซื่อยืนอยู่ตรงนั้นพอดี นางจึงมีสีหน้าที่ดีใจ และรีบเข้าไปตอนรับทักทาย“ท่านป้า ท่านมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” นางเหลือบมองไปที่ข้างหลังของเหยาซื่อ แต่ก็ไม่เห็นร่างของฉีหมิง นึกไม่ถึงว่านางจะมาคนเดียวในความทรงจำของนาง เหยาซื่อใจดีกับนางมาโดยตลอด ปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่งครอบครัวของหลินซวงเอ๋อร์ยากจน พ่อแม่ก็สุขภาพไม่ค่อยจะดี ตอนที่ครอบครัวของนางประสบปัญหา ขาดแคลนอาหาร เหยาซื่อมักจะช่วยเหลือพวกเขา โดยการส่งอาหารให้พวกเขาเป็นครั้งคราวความมีน้ำใจเหล่านี้ หลินซวงเอ๋อร์จดจำเอาไว้ในใจอยู่เสมอเมื่อแม่ของนางยังมีชีวิตอยู่ได้กำชับนางว่า วันหน้าหากมีโอกาส จะต้องรู้จักทดแทนบุญคุณ ตอบแทนความมีน้ำใจของเหยาซื่อให้ดีๆ ถ้านางมีโอกาสเป็นลูกสะใภ้ของนาง นางก็จะต้องเคารพเหยาซื่อให้มากๆเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์
Read more

บทที่ 137

หลินซวงเอ๋อร์ฟังอย่างเงียบๆ ซ่อนมือเอาไว้ในแขนเสื้อ แอบกำหมัดแน่น จนเล็บของนางจิกเข้าไปในฝ่ามือนางรู้ว่าฉีหมิงไม่ใช่คนแบบนี้ แต่ท่าทีของแม่ของเขาได้เผยออกมาชัดเจนแล้วแม้ว่าฉีหมิงจะชื่นชอบนางจริงๆ แต่ดูจากระดับความเคารพที่เขามีต่อเหยาซื่อแล้ว คงจะทำให้เขาเป็นคนกลางที่ลำบากใจท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้มีวาสนาต่อกัน หลินซวงเอ๋อร์รเข้าใจดี และแอบตัดสินใจด้วยตนเองในขณะนี้ เหยาซื่อควักเงินออกมาจากอกสองสามตำลึง พยายามใส่ยัดมันลงไปในมือของหลินซวงเอ๋อร์ แล้วกล่าวว่า: "เจ้ารับเงินเหล่านี้เอาไว้นะ หวังว่าเจ้าจะไม่รบกวนลูกชายของป้าอีก เงินจำนวนนี้ถือเสียว่าป้าให้เป็นค่าสินสิดแก่เจ้า พอออกจากจวนโหวไปแล้ว ก็ให้หาคนดีๆแต่งงานด้วย"หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้วถ้าไม่ใช่เพราะว่านางเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดฉีหมิง นางคงจะอยากจะเลิกกับ นาง จริงๆ แต่เพราะความมีน้ำใจในอดีตของเธอ หลินซวงเอ๋อร์ จึงต้องทนกับความอัปยศอดสู: "ไม่จำเป็น ท่านป้าได้โปรดกลับไปบอกพี่ฉีว่า ต่อจากนี้ไป ซวงเอ๋อร์กับเขา เดินทางใครทางมัน และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก"เหยาซื่อดีใจมาก ดูเหมือนนางจะคิดไม่ถึงว่าหลินซวงเอ๋อร์จะคุยง่ายเช่นนี้ เดิมทีนาง
Read more

บทที่ 138

หลายวันมานี้ไม่ได้พบกับหลินซวงเอ๋อร์ ฉีหมิงก็เดินวนอยู่ตามถนนทุกเมื่อเชื่อวัน มันไม่ง่ายเลยที่นางจะออกมาจากจวน นึกไม่ถึงว่าพอนางเห็นเขาก็เดินอ้อมไปอีกทาง ราวกับว่าจงใจหลีกเลี่ยงเขาฉีหมิงรีบตามนางไป“ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์รอก่อน!”ทันใดนั้นแขนของนางก็ถูกเขาจับเอาไว้ หลินซวงเอ๋อร์จึงได้หยุดเดิน และมองดูเขาอย่างจนใจ“พี่ฉี ต่อไปไม่ต้องมารอข้าอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ไม่ได้เจอกันสองสามวัน ประโยคแรกที่นางพูดกับเขาจะเป็นสิ่งนี้ ทำให้ฉีหมิงตื่นตระหนกทันที“แม่ของพี่พูดอะไรกับเจ้าหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไร ฉีหมิงก็เข้าใจทันที เขาจับแขนของนางเอาไว้แน่น และอธิบายอย่างรีบเร่งว่า: "แม่ของพี่เป็นคนที่สักแต่พูดแต่ใจไม่ได้คิดเช่นนั้น นางเป็นคนที่ปากร้ายแต่จิตใจดีมาโดยตลอด เจ้าอย่าไปใส่ใจเลยนะ"สักแต่พูดแต่ใจไม่ได้คิด?เขาคิดเช่นนี้หรือ?หลินซวงเอ๋อร์มองเขาอย่างสงบนิ่ง แล้วพูดว่า "ถ้าแม่ของพี่ไม่ยอมรับข้า ไม่ยอมให้พี่แต่งข้าเข้าเรือน พี่จะทำอย่างไร?"เมื่อเห็นนางจู่ๆก็ถามคำถามนี้ ฉีหมิงก็ไม่ตอบสนองไม่ได้ชั่วขณะ และอยู่ในอาการตกตะลึงเล็กน้อยหลินซวงเอ๋อ
Read more

บทที่ 139

หลินซวงเอ๋อร์ไม่เข้าใจอีกครั้ง: "ความกตัญญูคืออะไร แล้วอะไรคือความกตัญญูที่โง่เขลา? จะแยกแยะได้อย่างไรคะ?"เยี่ยเป่ยเฉิงอธิบายอย่างอดทน: "ความกตัญญูที่โง่เขลาหมายถึงการเชื่อฟังผู้อาวุโสทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ไม่หือไม่อือ คนแบบนี้ ดูไปแล้วกตัญญูรู้คุณมาก แต่จริงๆแล้วไม่มีความคิดเห็นเป็นของตนเอง และใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อาวุโสตลอด คนเช่นนี้ จะไปฝากชีวิตไว้กับเขาได้อย่างไร?"หลินซวงเอ๋อร์มองเขาอย่างตะลึงงัน และความรู้สึกแปลกๆที่อยู่ในใจก็พุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้งทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าบนตัวชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านาง มีแรงดึงดูดบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ และทำให้นางตกอยู่ในภวังค์โดยที่ไม่รู้ตัวเมื่อมองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ก็ถามเขาอยากแปลกใจว่า: "ถ้าท่านอ๋องเป็นพระเอกในตำรา จะเลือกอย่างไร?"เขาก้มหน้าลง แล้วมองนางด้วยสีหน้าท่าทางที่ยากจะพรรณนาได้ รอยยิ้มบนริมฝีปากไม่ได้ลดลงเลย นัยน์ตาที่ดูไร้คลื่น สงบนิ่งเหมือนน้ำ ลึกล้ำอย่างมิมีที่สิ้นสุด ได้ก่อตัวเป็นกระแสน้ำใต้น้ำ ซัดสาดจนนางไม่อาจต้านทานได้หลินซวงเอ๋อร์ถูกนัยน์ตาสีเข้มที่ยากจะพรรณนาของเขาทำให้รู้ส
Read more

บทที่ 140

ตอนกลางคืนหลินซวงเอ๋อร์นอนอยู่บนเตียง และนอนไม่หลับเป็นครั้งแรกในชีวิตในสมองของนาง เอาแต่นึกถึงสิ่งที่เยี่ยเป่ยเฉิงพูดที่ข้างหูนางเมื่อตอนกลางวัน“ความรักที่ข้ามีต่อเจ้า ยังไม่มากพอหรือ?”สิ่งที่เขาพูดมันหมายความอะไร?หรือว่า... หรือว่าจะเป็นอย่างที่ตงเหมยพูด ว่าเขาคิดไม่ซื่อกับตนเองจริงๆ?จะเป็นไปได้อย่างไร?คนที่สถานะสูงส่งอย่างเยี่ยเป่ยเฉิง จะชอบนางได้อย่างไร?แต่เมื่อนึกถึงรายละเอียดทั้งหมดตอนที่ได้อยู่กับเขา หลินซวงเอ๋อร์ก็หน้าแดงโดยที่ไม่รู้ตัว ความรู้สึกแปลกๆ ในใจก็เริ่มที่จะเติบโตอย่างบ้าคลั่งหลินซวงเอ๋อร์พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับ รู้สึกแปลกประหลาดอยู่ในใจเป็นอย่างมาก ทั้งหวานชื่นทั้งทำอะไรไม่ถูกหลังจากที่ดึงดันไปจนถึงเที่ยงคืน จนผ้าปิดหน้าอกสีชมพูยับยู่ยี่จากการพลิกตัวไปมา นางถึงค่อยๆผล็อยหลับไปท่ามกลางความมืดสลัว นางก็ได้ยินเสียงประตูเปิดดัง"เอี๊ยด" หลินซวงเอ๋อร์ลืมตาขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางความมืดสลัว นางก็เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากความมืดอย่างคลุมเครือชายคนนั้นเดินตรงมาที่ตรงหน้าของนาง โน้มตัว เข้ามาใกล้นาง เอาปลายนิ้วอันอบอุ่นลูบไปบนร
Read more
PREV
1
...
1213141516
...
63
DMCA.com Protection Status