แชร์

บทที่ 136

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
วันเวลาหมุนเปลี่ยนเวียนไป ครึ่งเดือนได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

นางเฝ้ารอฉีหมิงมาหานาง แต่แม่ของเขาเหยาซื่อกลับมาหานางแทน...

เหยาซื่อยืนอยู่ที่ประตูจวนหย่งอัน รอเป็นเวลานานถึงเห็นหลินซวงเอ๋อร์ออกมาจากในนั้น

ในเวลานั้น หลินซวงเอ๋อร์กำลังจะออกจากจวนไปทำธุระ และบังเอิญเห็นเหยาซื่อยืนอยู่ตรงนั้นพอดี นางจึงมีสีหน้าที่ดีใจ และรีบเข้าไปตอนรับทักทาย

“ท่านป้า ท่านมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” นางเหลือบมองไปที่ข้างหลังของเหยาซื่อ แต่ก็ไม่เห็นร่างของฉีหมิง นึกไม่ถึงว่านางจะมาคนเดียว

ในความทรงจำของนาง เหยาซื่อใจดีกับนางมาโดยตลอด ปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่ง

ครอบครัวของหลินซวงเอ๋อร์ยากจน พ่อแม่ก็สุขภาพไม่ค่อยจะดี ตอนที่ครอบครัวของนางประสบปัญหา ขาดแคลนอาหาร เหยาซื่อมักจะช่วยเหลือพวกเขา โดยการส่งอาหารให้พวกเขาเป็นครั้งคราว

ความมีน้ำใจเหล่านี้ หลินซวงเอ๋อร์จดจำเอาไว้ในใจอยู่เสมอ

เมื่อแม่ของนางยังมีชีวิตอยู่ได้กำชับนางว่า วันหน้าหากมีโอกาส จะต้องรู้จักทดแทนบุญคุณ ตอบแทนความมีน้ำใจของเหยาซื่อให้ดีๆ ถ้านางมีโอกาสเป็นลูกสะใภ้ของนาง นางก็จะต้องเคารพเหยาซื่อให้มากๆ

เมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 137

    หลินซวงเอ๋อร์ฟังอย่างเงียบๆ ซ่อนมือเอาไว้ในแขนเสื้อ แอบกำหมัดแน่น จนเล็บของนางจิกเข้าไปในฝ่ามือนางรู้ว่าฉีหมิงไม่ใช่คนแบบนี้ แต่ท่าทีของแม่ของเขาได้เผยออกมาชัดเจนแล้วแม้ว่าฉีหมิงจะชื่นชอบนางจริงๆ แต่ดูจากระดับความเคารพที่เขามีต่อเหยาซื่อแล้ว คงจะทำให้เขาเป็นคนกลางที่ลำบากใจท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้มีวาสนาต่อกัน หลินซวงเอ๋อร์รเข้าใจดี และแอบตัดสินใจด้วยตนเองในขณะนี้ เหยาซื่อควักเงินออกมาจากอกสองสามตำลึง พยายามใส่ยัดมันลงไปในมือของหลินซวงเอ๋อร์ แล้วกล่าวว่า: "เจ้ารับเงินเหล่านี้เอาไว้นะ หวังว่าเจ้าจะไม่รบกวนลูกชายของป้าอีก เงินจำนวนนี้ถือเสียว่าป้าให้เป็นค่าสินสิดแก่เจ้า พอออกจากจวนโหวไปแล้ว ก็ให้หาคนดีๆแต่งงานด้วย"หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้วถ้าไม่ใช่เพราะว่านางเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดฉีหมิง นางคงจะอยากจะเลิกกับ นาง จริงๆ แต่เพราะความมีน้ำใจในอดีตของเธอ หลินซวงเอ๋อร์ จึงต้องทนกับความอัปยศอดสู: "ไม่จำเป็น ท่านป้าได้โปรดกลับไปบอกพี่ฉีว่า ต่อจากนี้ไป ซวงเอ๋อร์กับเขา เดินทางใครทางมัน และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก"เหยาซื่อดีใจมาก ดูเหมือนนางจะคิดไม่ถึงว่าหลินซวงเอ๋อร์จะคุยง่ายเช่นนี้ เดิมทีนาง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 138

    หลายวันมานี้ไม่ได้พบกับหลินซวงเอ๋อร์ ฉีหมิงก็เดินวนอยู่ตามถนนทุกเมื่อเชื่อวัน มันไม่ง่ายเลยที่นางจะออกมาจากจวน นึกไม่ถึงว่าพอนางเห็นเขาก็เดินอ้อมไปอีกทาง ราวกับว่าจงใจหลีกเลี่ยงเขาฉีหมิงรีบตามนางไป“ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์รอก่อน!”ทันใดนั้นแขนของนางก็ถูกเขาจับเอาไว้ หลินซวงเอ๋อร์จึงได้หยุดเดิน และมองดูเขาอย่างจนใจ“พี่ฉี ต่อไปไม่ต้องมารอข้าอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ไม่ได้เจอกันสองสามวัน ประโยคแรกที่นางพูดกับเขาจะเป็นสิ่งนี้ ทำให้ฉีหมิงตื่นตระหนกทันที“แม่ของพี่พูดอะไรกับเจ้าหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไร ฉีหมิงก็เข้าใจทันที เขาจับแขนของนางเอาไว้แน่น และอธิบายอย่างรีบเร่งว่า: "แม่ของพี่เป็นคนที่สักแต่พูดแต่ใจไม่ได้คิดเช่นนั้น นางเป็นคนที่ปากร้ายแต่จิตใจดีมาโดยตลอด เจ้าอย่าไปใส่ใจเลยนะ"สักแต่พูดแต่ใจไม่ได้คิด?เขาคิดเช่นนี้หรือ?หลินซวงเอ๋อร์มองเขาอย่างสงบนิ่ง แล้วพูดว่า "ถ้าแม่ของพี่ไม่ยอมรับข้า ไม่ยอมให้พี่แต่งข้าเข้าเรือน พี่จะทำอย่างไร?"เมื่อเห็นนางจู่ๆก็ถามคำถามนี้ ฉีหมิงก็ไม่ตอบสนองไม่ได้ชั่วขณะ และอยู่ในอาการตกตะลึงเล็กน้อยหลินซวงเอ๋อ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 139

    หลินซวงเอ๋อร์ไม่เข้าใจอีกครั้ง: "ความกตัญญูคืออะไร แล้วอะไรคือความกตัญญูที่โง่เขลา? จะแยกแยะได้อย่างไรคะ?"เยี่ยเป่ยเฉิงอธิบายอย่างอดทน: "ความกตัญญูที่โง่เขลาหมายถึงการเชื่อฟังผู้อาวุโสทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ไม่หือไม่อือ คนแบบนี้ ดูไปแล้วกตัญญูรู้คุณมาก แต่จริงๆแล้วไม่มีความคิดเห็นเป็นของตนเอง และใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อาวุโสตลอด คนเช่นนี้ จะไปฝากชีวิตไว้กับเขาได้อย่างไร?"หลินซวงเอ๋อร์มองเขาอย่างตะลึงงัน และความรู้สึกแปลกๆที่อยู่ในใจก็พุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้งทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าบนตัวชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านาง มีแรงดึงดูดบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ และทำให้นางตกอยู่ในภวังค์โดยที่ไม่รู้ตัวเมื่อมองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ก็ถามเขาอยากแปลกใจว่า: "ถ้าท่านอ๋องเป็นพระเอกในตำรา จะเลือกอย่างไร?"เขาก้มหน้าลง แล้วมองนางด้วยสีหน้าท่าทางที่ยากจะพรรณนาได้ รอยยิ้มบนริมฝีปากไม่ได้ลดลงเลย นัยน์ตาที่ดูไร้คลื่น สงบนิ่งเหมือนน้ำ ลึกล้ำอย่างมิมีที่สิ้นสุด ได้ก่อตัวเป็นกระแสน้ำใต้น้ำ ซัดสาดจนนางไม่อาจต้านทานได้หลินซวงเอ๋อร์ถูกนัยน์ตาสีเข้มที่ยากจะพรรณนาของเขาทำให้รู้ส

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 140

    ตอนกลางคืนหลินซวงเอ๋อร์นอนอยู่บนเตียง และนอนไม่หลับเป็นครั้งแรกในชีวิตในสมองของนาง เอาแต่นึกถึงสิ่งที่เยี่ยเป่ยเฉิงพูดที่ข้างหูนางเมื่อตอนกลางวัน“ความรักที่ข้ามีต่อเจ้า ยังไม่มากพอหรือ?”สิ่งที่เขาพูดมันหมายความอะไร?หรือว่า... หรือว่าจะเป็นอย่างที่ตงเหมยพูด ว่าเขาคิดไม่ซื่อกับตนเองจริงๆ?จะเป็นไปได้อย่างไร?คนที่สถานะสูงส่งอย่างเยี่ยเป่ยเฉิง จะชอบนางได้อย่างไร?แต่เมื่อนึกถึงรายละเอียดทั้งหมดตอนที่ได้อยู่กับเขา หลินซวงเอ๋อร์ก็หน้าแดงโดยที่ไม่รู้ตัว ความรู้สึกแปลกๆ ในใจก็เริ่มที่จะเติบโตอย่างบ้าคลั่งหลินซวงเอ๋อร์พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับ รู้สึกแปลกประหลาดอยู่ในใจเป็นอย่างมาก ทั้งหวานชื่นทั้งทำอะไรไม่ถูกหลังจากที่ดึงดันไปจนถึงเที่ยงคืน จนผ้าปิดหน้าอกสีชมพูยับยู่ยี่จากการพลิกตัวไปมา นางถึงค่อยๆผล็อยหลับไปท่ามกลางความมืดสลัว นางก็ได้ยินเสียงประตูเปิดดัง"เอี๊ยด" หลินซวงเอ๋อร์ลืมตาขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางความมืดสลัว นางก็เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากความมืดอย่างคลุมเครือชายคนนั้นเดินตรงมาที่ตรงหน้าของนาง โน้มตัว เข้ามาใกล้นาง เอาปลายนิ้วอันอบอุ่นลูบไปบนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 141

    ทันทีที่นางเปิดประตู ตงเหมยก็พบว่าหลินซวงเอ๋อร์ผิดปกติไป“เจ้าซ่อนผู้ชายไว้ในห้องหรือ?เหตุใดถึงได้หน้าแดงขนาดนี้?”หลินซวงเอ๋อร์แทบอยากจะมุดหัวแทรกแผ่นดิน นางรีบวิ่งไปที่ในลานจวน แล้วใช้น้ำเย็นราดหน้าสองสามครั้ง ความแดงที่อยู่บนใบหน้าก็ค่อยๆจางหายไปตงเหมยหาท่านั่งที่ผ่อนคลายแล้วนอนลงบนเตียงอันอ่อนนุ่ม นัยน์ตาคู่นั้นก็จ้องมองไปที่หลินซวงเอ๋อร์อยู่ครู่หนึ่งหลินซวงเอ๋อร์กลืนน้ำลาย รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยตอนที่ถูกตงเหมยจ้องมองตงเหมยเห็นว่านางมีรอยคล้ำใต้ดวงตาเล็กน้อย จึงกล่าวว่า "เมื่อวานไปทำอะไรมาถึงได้มีรอยคล้ำใต้ตาแบบนี้?"หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าบอกความจริง แค่บอกว่านางนอนไม่ค่อยเต็มอิ่ม“นอนไม่เต็มอิ่ม?” ตงเหมยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เข้าใจได้ทันที และพูดว่า: "เจ้าคงจะไม่ได้เกิดความใคร่ใช่ไหม?"ทันใดนั้นใบหน้าของหลินซวงเอ๋อร์ก็เปลี่ยนไปเป็นสีแดง นาง ปิดปากของตงเหมยเอาไว้ แล้วพูดว่า "เจ้า... เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ไม่ใช่เสียหน่อย"จู่ๆตงเหมยก็หัวเราะขึ้นมา: "มีความใครก็คือมีความใคร่ ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย อีกอย่าง จ้วงหยวนคนใหม่จะแต่งงานกับเจ้าแล้วใช่ไหม?สองสามวั

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 142

    หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหัว แล้วกล่าวว่า: "เจ้าพูดถูกแล้ว ท่านอ๋องก็พูดกับแบบนี้กับข้าเหมือนกัน บอกว่าไม่ควรฝากชีวิตไว้กับเขา"ตงเหมยกล่าวว่า: "เจ้าจะบอกว่าข้าพูดจาไร้สาระก็ได้นะ แต่ว่าท่านอ๋องท่องอ่านตำรามามาก จึงมีสายตาที่เฉียบแหลม สิ่งที่เขาพูดมีเหตุผลเชื่อถือได้ เจ้าจะต้องจดจำเอาไว้ในใจนะ"ตงเหมยยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น เมื่อพูดถึงตอนท้ายก็รู้สึกคอแห้งเล็กน้อย ขึงรีบลุกขึ้นไปเทน้ำให้ตนเองหนึ่งแก้วนางดื่มไปหนึ่งแก้ว แล้วถามหลินซวงเอ๋อร์ว่า: "เขาลังเลมากขนาดนี้เลยหรือ ตอนนี้เจ้าคิดอย่างไร?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "จะคิดอย่างไรได้อีกล่ะ? ก็จะต้องเก็บเงิน เพื่อจะได้นำมาไถ่ถอนตนเองน่ะสิ"ตงเหมยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย: "เขาเป็นแบบนี้ เจ้ายังอยากจะแต่งงานกับเขาอีกหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหัว: "ไม่แน่นอน แต่ข้าจะอยู่จวนโหวไปตลอดชีวิตได้อย่างไร รอให้ข้าเก็บเงินได้มากพอแล้ว ข้าจะออกไปเช่าร้าน"ตงเหมยถามนางว่า: "เช่าร้านขายอะไรหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ขายอะไรก็ดีทั้งนั้น ขอแค่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ดีกว่าเป็นสาวใช้ไปตลอดชีวิต"ตงเหมยเตะเท้าออกไป นั่งขัดสมาธิบนเตียง แล้วพูดว่า "เป็นสาวใช้แล้ว

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 143

    ข่าวที่ฉีหมิงสอบขุนนางได้ลำดับที่หนึ่งได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองชิงเหออย่างรวดเร็วชาวบ้านต่างก็รีบพากันไปแสดงความยินดีกันถึงที่บ้าน ต่างก็พากันกล่าวยกย่องฉีหมิงว่าเขาทำให้เมืองชิงเหอของพวกเขามีหน้ามีตาเหยาซื่อมีหน้ามีตายิ่งกว่า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานางได้จัดงานเลี้ยงในชนบท และเชิญแขกเรื่อมาทั่วหน้าหลังจากที่บรรดาแม่สื่อทั้งหลายทราบข่าวนี้ ก็พากันยื้อแย่งแนะนำหญิงสาวให้กับฉีหมิง จนธรณีประตูแทบจะพังแต่ว่า ฉีหมิงที่กลับจากเมืองหลวงกลับไม่มีร่องรอยแห่งความสุขเลย เขาขังตนเองเอาไว้ในห้อง อและไม่ยอมพบกับใครหลังงานเลี้ยงอาหารค่ำ ผู้คนต่างก็แยกย้ายกันไป ฉีหมิงไม่ได้ออกมาจากในบ้านเลย ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้พูดอะไรกับเหยาซื่อเลยเหยาซื่อรู้ว่าเขาจงใจโกรธตนเอง โกรธที่นางไปหาหลินซวงเอ๋อร์โดยไม่ได้รับอนุญาตแต่นางไม่ได้รู้สึกว่าตนเองทำอะไรผิด การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่พ่อแม่จะต้องจัดการ เรื่องการผู้จับคู่ แม้ว่าเขาจะเป็นจ้วงหยวนคนใหม่ เรื่องสำคัญอย่างเช่นการแต่งภรรยาเขาจะต้องเชื่อฟังนางเหมือนเดิม!เหยาซื่อยืนอยู่นอกประตูแล้วเคาะประตู เคาะประตูอยู่เป็นเวลานานฉีหมิงถึงออกมาจา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 144

    ตอนที่ตงเหมยมาหาหลินซวงเอ๋อร์ นางกำลังพิงหน้าต่าง ก้มหน้าลง และปักถุงเงินที่อยู่ในมืออย่างจริงจังตงเหมยโน้มตัวลงไปมองอยู่ครู่หนึ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจนางกล่าวว่า: "คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีความสามารถด้านนี้ด้วย? ถ้ารู้ทักษะนี้ ต่อไปแม้ว่าเจ้าจะออกจากจวนโหวไปแล้ว เจ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีกินมีใช้!"บนกระเป๋าเงินปักรูปมังกระกับนกฟีนิกซ์กำลังเล่นลูกปัดอยู่ แม้จะทำจากผ้าธรรมดา แต่ลวดลายกลับประณีตเป็นอย่างมาก ราวกับว่าวาดภาพ เสมือนจริงลงไปบนนั้นแต่ไม่นาน ตงเหมยก็สังเกตเห็นคำหนึ่งภายใต้ลวดลายนั้น"เยี่ย?"ทันใดนั้นตงเหมยก็นึกอะไรบางอย่างได้ และมองดูนางด้วยความเหลือเชื่อ: "เจ้าเย็บถุงเงินใบนี้ให้ท่านอ๋อง หรือ?"หลินซวงเอ๋อร์เย็บตะเข็บเข็มสุดท้ายเสร็จแล้ว ก็ผูกด้ายเป็นปม ก้มศีรษะลงแล้วกัดปลายด้ายออก จากนั้นหยิบถุงเงินขึ้นมาพินิจดูอย่างละเอียด บนใบหน้าก็เผยสีหน้าท่าทางที่พึงพอใจออกมาอันที่จริง นางเริ่มฝึกเย็บปักถักร้อยมาตั้งนานแล้ว แต่ก่อนครอบครัวยากจน แม่ของนางเป็นช่างปักในหมู่บ้าน ทำงานทุกเมื่อเชื่อวันเพื่อครอบครัวนี้ โดยการหาเลี้ยงชีพด้วยการทำงานเย็บปักถักร้อยเพื่อลดภา

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status