บททั้งหมดของ ใต้หล้าสยบรัก: บทที่ 661 - บทที่ 670

1015

บทที่ 661

หยวนหยงอี้กล่าวต่อไปว่า “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็จะไม่ปิดปังท่านอีก เดิมทีที่ข้าแต่งเข้ามาเป็นชายารอง ข้านั้นไม่ได้อยากแต่ง ข้าไม่อยากแต่งงานด้วยซ้ำ แต่ท่านย่าบอกข้าว่า ฉู่หมิงชุ่ยมีความคิดที่จะทำร้ายผู้คน ท่านย่ากลัวว่าท่านจะเกิดเรื่องขึ้น จึงให้ข้ามาที่จวนอ๋องฉีจับตาดูฉู่หมิงชุ่ยเอาไว้ ตอนนี้ฉู่หมิงชุ่ยตายไปแล้ว หน้าที่ของข้าก็เป็นอันสำเร็จแล้วเช่นกัน”อ๋องฉีเองก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ ได้แต่เหม่อมองหยวนหยงอี้ “ทุกคนต่างรู้ว่านางมีเจตนาทำร้ายข้า? แต่ข้ากลับไม่รู้อันใดเลย”หยวนหยงอี้ขำเล็กน้อย “จิตใจท่านบริสุทธิ์ถือเป็นเรื่องที่ดี”อันที่จริงหยวนหยงอี้รู้ว่าที่ท่านย่าพูดคือการโน้มนาวนาง ฉู่หมิงชุ่ยมีความทะเยอทะยาน และท่านย่าเองก็หวังให้นางแต่งกับอ๋องฉีอ๋องฉีนั้นทั้งเรียบง่ายและอ่อนโยนหลังจากผ่านเรื่องของฉู่หมิงชุ่ยไปแล้ว นางรู้สึกเรื่องราวของราชวงศ์นี้มันช่างวุ่นวาย สับสน คาดเดาอะไรไม่ได้เลย นางไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยนางไม่อยากใช้ชีวิตที่เปรียบผู้ชายเป็นดั่งผืนฟ้า นางมีเรื่องที่ตัวเองอยากทำหัวใจของอ๋องฉีรู้สึกเสียศูนย์และว่างเปล่ามากเหลือเกิน รู้สึกแย่ยิ่งกว่าคว
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 662

ไม่ง่ายเลยที่อ๋องฉีจะลุกขึ้นมาในทันที เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นมา และยกมือเช็ดเลือดที่ไหลซึมออกจากมุมปากพร้อมหันไปมองหยวนหยงอี้ด้วยแววตาเศร้าสร้อย “เป็นโรคหายาก ตอนนี้มีแค่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ที่ทรงทราบ ที่ผ่านมามันถูกเก็บเป็นความลับมาโดยตลอด เดิมทีไม่ควรบอกเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าพบว่าข้าเป็นโรคเช่นนี้ คงไม่อาจปิดบังต่อไปได้อีก”หยวนหยงอี้ประคองเขานั่งกับเก้าอี้ นางขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียดและถามว่า “หมอหลวงรักษาไม่ได้เลยหรือ?”“ไม่ได้” อ๋องฉีพยักหน้าอย่างนิ่งสงบ เขายิ้มขมขื่นออกมา “ที่เจ้าพูดเมื่อครู่ว่าอยากจะเดินทางท่องเที่ยวล่องไปแม่น้ำไปให้ทั่วแผ่นดินเป่ยถัง ดีจริง ข้าเองก็อยากไป แต่ร่างกายของข้า...ช่างเถอะ ไว้วันหลังหากเจ้ากลับมาเมืองหลวงแล้ว ก็พาป้ายวิญญาณข้าไปด้วยนะ ให้ข้าได้เห็นแผ่นดินกว้างใหญ่อันสวยงามของเป่ยถัง”หยวนหยงอี้เห็นเขามองโลกในแง่ร้ายเช่นนี้ ก็รู้สึกลำบากใจยิ่งนัก จึงกล่าวปลอบโยนเขาไป “ยังมีหวังอยู่ ใต้หล้านี้มีหมอยอดฝีมือมากมาย ต้องมีทางรักษาแน่”“สองปีมานี้ เสด็จพ่อหาหมอที่มีชื่อเสียงมากมาย น่าเสียดายที่หาไม่พบ ช่างเถอะอย่าพูดอีกเลย ทำให้เจ้าเศร้าก่อนออกเดินทางแบบนี้เสียเปล่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 663

เสด็จพ่อมักจะเสวยพระกระยาหารคนเดียว ครั้งก่อนที่เสวยร่วมโต๊ะกับหยวนชิงหลิงนั้น ยังดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมาย ตอนนี้ยังไปร่วมโต๊ะเสวยด้วยอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นมาอีกหยวนชิงหลิงที่แต่งตัวอยู่ข้างในนั้น เขาเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลหยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างยิ้มแย้มว่า “วางใจเถอะ เสด็จพ่อไม่เอาชีวิตข้าหรอก”“ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนั้น ตอนนี้กลัวความโปรดปรานของพระองค์มากกว่า” อวี่เหวินห่าวกล่าว สถานการณ์ในตอนนี้ยิ่งทวีความไม่แน่นอนมากขึ้น เขาคิดว่าอยู่นิ่ง ๆ ยังดีกว่าออกมาเคลื่อนไหว หวังว่าเสด็จพ่อคงไม่ลากเหล่าหยวนเข้าไปสู่ความวุ่นวายนี้หยวนชิงหลิงเปลี่ยนชุดเป็นกระโปรงผ้าไหมยาวสีน้ำเงิน ปักลายดอกทับทิม สวมเสื้อคลุมกันลมที่ทำผ้าต่วนเนื้อดี ด้วยทักษะอันเชี่ยวชาญของลวี่หยา นางทำมวยเมฆาลอยอย่างประณีต ถัดไปสองก้าวแม่นมฉีนำเตาอุ่นมือสีเงินอันเล็กมาให้เพราะต้องเข้าวังจึงไม่อาจไปแบบหน้าสดไร้การประทินโฉมได้ ดังนั้นแม่นมฉีจึงแต่งหน้าอ่อน ๆ ให้นาง วาดคิ้วโก่งดั่งคันศร ริมฝีปากแต่งแต้มชาดแดง การแต่งหน้าอย่างเบาบางเช่นนี้ ดูดึงดูดเสน่ห์ผู้คนขึ้นมา งดงามน่าชมยิ่ง
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 664

หยวนชิงหลิงยื่นมืออกไปดึงแขนเสื้อของมู่หรูกงกงเบา ๆ พร้อมเอ่ยกระซิบถามว่า “กงกง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคดีของฉู่หมิงชุ่ยหรือไม่?”มู่หรูกงกงกล่าวตอบ “พระชายา พระองค์อย่าได้ทรงกังวลใจไปเลย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ฝ่าบาทย่อมต้องถามความคิดเห็นพระองค์ก่อน ถ้าหากพระองค์คัดค้านอย่างรุนแรง ฝ่าบาทย่อมต้องไตร่ตรองพ่ะย่ะค่ะ”คำพูดพวกนี้ยิ่งทำให้หยวนชิงหลิงกังวลใจกว่าเดิมเสียอีกเรื่องอะไรกันที่ต้องถามความคิดเห็นของนางก่อน? เรื่องราชการบ้านเมืองคงมิใช่ นอกเสียจากเรื่องในจวนเสียมากกว่าเรื่องในจวน ถ้าถามนางแล้ว นางต้องคัดค้านอย่างรุนแรง และก็คงจะเป็นเรื่องรับชายารองมาเพิ่มเป็นแน่หยวนชิงหลิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เรื่องนี้อุตส่าห์เงียบไปนานแล้วมิใช่หรือ? แถมฉู่หมิงหยางเองก็เพิ่งแต่งออกไป เพิ่งจะได้พักหายใจหายคอ ตอนนี้จะเอาอีกแล้วหรือนี่?อาหารมื้อนี้เกรงว่าจะกินไม่ลงเสียแล้วหลังจากเข้าวังแล้ว มู่หรูกงกงก็พานางไปยังพระตำหนักอวิ้นหลงพระตำหนักอวิ้นหลงตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของพระราชวัง ติดกับตำหนักบูรพาด้านข้างของพระตำหนักอวิ้นหลงคือ พระที่นั่งอวิ้นหลง เป็นประทับที่ของฮ่องเต้ในฤดูหนาวพระตำหนั
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 665

อาหารที่ได้ยกขึ้นบนโต๊ะเสวยล้วนเป็นอาหาที่ดูเรียบง่าย ธรรมดาที่ชาวบ้านกินกันทั่วไป ไม่ได้เลิศหรูอลังการในแบบของราชวงศ์ และจัดเป็นถ้วยเล็ก ๆ อย่างประณีตอาหารห้าจานซุปอีกหนึ่งถ้วยมีไอร้อนกรุ่นลอยขึ้นมาจักรพรรดิหมิงหยวนไม่ตรัสสิ่งใด หยวนชิงหลิงเองก็ย่อมไม่พูดอะไรด้วยเช่นกัน มองดูนางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆยกอาหารมาให้ จักรพรรดิหมิงหยวนตรัสว่ายกตะเกียบได้ นางจึงเริ่มกินเพราะรู้สึกไม่สบายใจ จึงกินได้ไม่มากสักเท่าไหร่แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เสวยพระกระยาหารกับจักรพรรดิหมิงหยวน แต่หยวนชิงหลิงก็ยังค่อนข้างระมัดระวัง และไม่กล้าที่จะกินมากเกินไป ในทางกลับกัน เมื่อเทียบกับครั้งก่อนนั้น ยังดูท่าทางผ่อนคลายกว่านี้มากนางแอบยิ้มอย่างขมขื่นในใจ นางไม่อยากรู้หรือสนใจอะไรอีกแล้วจักรพรรดิหมิงหยวนชินกับการเสวยแบบไม่พูดคุยกับใคร เพราะว่าเขามักเสวยอยู่คนเดียวเสมอ จึงไม่มีใครร่วมสนทนาด้วยอาหารห้าอย่างกินเกือบหมดแล้ว ทั้งสองคนเองกินกันไม่ได้เยอะสักเท่าไหร่ และเดิมทีอาหารพวกนี้ก็ไม่ได้แพงมากมาย แต่มันดูงดงามประณีตเป็นพิเศษ มีซุปเหลืออยู่เล็กน้อย จักรพรรดิหมิงหยวนจึงประทานให้มู่หรูกงกงมู่หรูกงกงข
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 666

จักรพรรดิหมิงหยวนหัวเราะเย้ยหยัน "ฆ่าตัวตายรึ? ข้าเกรงว่าจะไม่ใช่ เรื่องราวภายในเป็นอย่างไร ข้ารู้หมดแล้ว ฉู่หมิงชุ่ยสารภาพในคุก โดยบอกว่ามหาเสนาบดีฉู่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังและเจ้าห้าฆ่านาง ไม่อนุญาตให้นางขึ้นศาล เพราะเขากลัวว่านางจะสารภาพให้การไปถึงมหาเสนาบดีฉู่”หยวนชิงหลิงกำชายแขนเสื้อด้วยมือทั้งสองไว้แน่น จนปลายนิ้วซีดขาว "เสด็จพ่อ พระองค์ทรงเชื่อเช่นนั้นหรือเพคะ? พระองค์ทรงเชื่อจริง ๆ หรือว่ามหาเสนาบดีฉู่เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง?”"จะเชื่อหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง สำหรับคำสารภาพของฉู่หมิงชุ่ยนั้นก็อีกเรื่องเช่นกัน เอามาพูดรวมกันไม่ได้ ไม่ว่าฉู่หมิงชุ่ยจะพูดอะไร แต่การที่เจ้าห้าฆ่านางนั้นเป็นความจริง"หยวนชิงหลิงจ้องมองจักรพรรดิหมิงหยวนโดยตรง ในใจนางเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วฝ่าบาทรู้ถึงความตั้งใจของเจ้าห้า และเขายังเชื่อว่ามหาเสนาบดีไม่ได้เป็นผู้บงการ แต่เขาต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อบีบบังคับนางหรือ เจ้าห้าให้ทำในสิ่งที่พวกเขาทั้งคู่ไม่อยากทำนางสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดต่อไปว่า "เสด็จพ่อ เจ้าห้าคือโอรสของพระองค์ เขาจะเป็นฆาตกรหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพระองค์เช่นกัน แต่ลูกสะใภ้มั่นใจมากว่าสิ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 667

ท่าทางของจักรพรรดิหมิงหยวนทั้งนิ่งเฉยและเย็นชา "ไปซะ"มู่หรูกงกงจึงได้แต่ขานรับ และมองไปทางหยวนชิงหลิงหยวนชิงหลิงพูดอย่างจนปัญญา "เสด็จพ่อ พระองค์กำลังบังคับหม่อมฉัน เอาชีวิตเจ้าห้าเพื่อมาบีบบังคับหม่อมฉัน"สีพระพักตร์ของจักรพรรดิหมิงหยวนแปรเปลี่ยนไปทันที "บังอาจ!"เมื่อหยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนี้ นางรู้ว่าตัวเองต้องคุกเข่าลงมา นางเกาะโต๊ะแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น จากนั้นก็ค่อย ๆคุกเข่าลงอย่างช้า ๆ นางทำใจให้สงบลงแทบไม่ได้เลย น้ำเสียงของนางจึงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง "เสด็จพ่อโปรดสงบสติอารมณ์ด้วยเพคะ”จักรพรรดิหมิงหยวนพูดอย่างเคร่งขรึม "หยวนชิงหลิง เรื่องแต่งชายารอง ข้าหารือกับเจ้า เพราะข้าให้เกียรติเจ้า เจ้าไม่เห็นด้วย ข้าก็ไม่ได้บังคับเจ้า เจ้าไม่เพียงแต่จะไม่ขอบคุณ เจ้ายังกล้าเอ่ยวาจาหยาบคายล่วงเกินข้าอีก? เจ้าไม่รู้รึการลบหลู่เบื้องสูงมีโทษสถานใด!"หยวนชิงหลิงรู้สึกกระสับกระส่ายหวาดกลัว จนสะอึกอกสั่นขวัญแขวนไปหมด จนแทบอาเจียนออกมาแล้ว "เสด็จพ่อ ถ้าพระองค์ให้เกียรติลูกสะใภ้จริง ก็ไม่ควรพูดเรื่องรับชายารองกับลูกสะใภ้ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ในตอนนี้ ส่วนทำไมเจ้าห้าถึงฆ่าฉู่หมิงชุ่ย พระองค
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 668

อาหารมื้อนี้ไม่ต่างจากงานเลี้ยงที่หงเหมินมีไว้ใช้ทำร้ายผู้คนโดยแท้จริงมู่หรูกงกงช่วยประคองนางลุกขึ้นอย่างช้า ๆ นางรู้สึกขาของนางอ่อนแรงลงอย่างกะทันหัน ไม่แม้แต่จะยืนได้อย่างมั่นคงคำพูดของจักรพรรดิหมิงหยวนแทงเข้าใจดำทุกจุดจริง ๆสิ่งที่เจ้าห้าเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ คนก่อเรื่องก็คือนางเองไม่ผิดเลยสักนิดไม่ว่านางจะเป็นหยวนชิงหลิงคนก่อนหรือไม่ก็ตาม โทษทัณฑ์นี้นางต้องรับไว้มิฉะนั้นหากเกิดอะไรขึ้นอีกในอนาคต ก็จะมีคนหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกนางมองไปที่ฉลองพระองค์สีเหลืองสดใสของจักรพรรดิหมิงหยวน ที่ปักลวดลายทะเลเมฆและมีมังกรห้าเล็บที่ดูสมจริงหลายตัวอยู่บนนั้น การตัดเย็บนั้นดูยอดเยี่ยมยิ่งนัก ลายปักก็ประณีตสวยงาม มังกรเสหมือนจริงมาก จนดูเหมือนพวกมันพร้อมจะบินเหาะออกจากตัวของพระองค์ดวงตาของนางร้อนผ่าวไปหมด นางย่อกายโค้งคำนับและพูดอย่างยากลำบาก "เสด็จพ่อถนอมพระวรกายด้วย หยวนชิงหลิงทูลลาเพคะ!"จักรพรรดิหมิงหยวนหันหลังให้นาง และไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ใบหน้าของพระองค์ดูหดหู่ รัศมีอันสูงส่งของพระองค์ดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยความเศร้าโศก ทั้งดูเฉยเมยและดื้อรั้นมู่หรูกงกงประคองหยวนชิงลง
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 669

“กงกง เสด็จพ่อเองก็มีความลำบากใจ ไม่ใช่ว่าข้ามองข้ามความหวังดี หรือตั้งตนเป็นศัตรูกับพระองค์แต่อย่างไร ข้าย่อมรู้ว่าพระองค์เลือกหนทางที่ดีที่สุดสำหรับข้า ท่านอ๋องไม่ได้ชอบพอคุณหนูฮู้ ถึงแต่งเข้ามาเป็นชายารอง ก็ไม่ได้ทำลายความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเราอยู่แล้ว"มู่หรูกงกงรู้สึกไม่เข้าใจจึงเอ่ยถามต่อไป "ในเมื่อพระชายาทรงทราบอยู่แล้ว ทำไมถึงได้ท้าทายฝ่าบาท? พระองค์เองก็น่าจะรู้หากฝ่าบาทมีประสงค์อยากสร้างความลำบากใจให้จริง ๆ พระองค์คงไม่เรียกให้พระชายามาที่มาวังหลวง เพื่อร่วมโต๊ะเสวยนะพ่ะย่ะค่ะ หากพูดกันตามตรง หากพระองค์มีรับสั่งลงมา พระชายาก็ไม่อาจขัดราชโองการได้"หยวนชิงหลิงยิ้มอย่างขมขื่น "เสด็จพ่อทรงให้ความสำคัญกับข้ายิ่งนัก ข้าไม่อาจมองข้ามความหวังดีนั้นได้ แต่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับข้านั้น ทำให้ท่านอ๋องยังอกสั่นขวัญแขวนอยู่ เขาจะไม่ยอมให้คุณหนูฮู้แต่งเข้ามา และถ้าหากเขาฝ่าฝืนรับสั่ง หรือคืนนี้ข้าขัดแย้งกับฝ่าบาทอย่างรุนแรงขึ้นมาเล่า? กงกงลองคิดไตร่ตรองให้ดีก็จะรู้ ข้ากลับไปที่บ้านแม่ข้า และพยายามทำให้ตัวเองดูเหมือนถูกเพิกเฉยถูกทอดทิ้ง ล้วนเป็นการดีต่อข้าและลูกในท้อง อย่างน้อยก็ใน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 670

หยวนชิงหลิงรู้สึกซาบซึ้งในความพยายามอุตสาหะของพวกนาง นางรู้ว่าการกลับไปบ้านแม่จะทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมีพวกนางสองคนอยู่ด้วย อย่างน้อยนางก็รับประกันได้ว่านางเองไม่ได้ลำบากขนาดนั้นในอีกด้านหนึ่ง อวี่เหวินห่าวรอให้หยวนชิงหลิงกลับมาที่จวน แต่สุดท้ายก็รอนางจนได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้เขาเข้าไปในวังเมื่อตอนที่เขาขี่ม้าเข้าไปในวัง เขาเห็นรถม้าของหยวนชิงหลิง เขาจึงควบม้าเพื่อหยุดขวางทางรถม้าไว้มู่หรูกงกงจงใจให้พวกเขาได้พบกัน ดังนั้นเขาจึงไม่เรียกให้รถวิ่งไปทางอื่นดังนั้นหลังจากรถม้าหยุดลง มู่หรูกงกงรีบพูดกับหยวนชิงหลิงว่า "พระชายา อย่าพูดถึงเรื่องในวังเด็ดขาด ด้วยนิสัยของท่านอ๋องแล้ว ข้าเกรงว่าจะไม่อาจระงับความโกรธ และอาจทำการล่วงเกินเบื้องสูงในวังได้นะพ่ะย่ะค่ะ”หยวนชิงหลิงพยักหน้าเล็กน้อย และลงจากรถม้าอวี่เหวินห่าวที่เพิ่งลงจากหลังม้าและรีบเดินไปพูดว่า "เจ้าอย่าลงมา ข้างนอกมันหนาวมาก"เขารีบกอดนางไว้ในอ้อมแขน และห่อนางด้วยเสื้อคลุมพร้อมถามว่า "เสด็จพ่อตรัสว่าอย่างไรบ้าง"หยวนชิงหลิงฝังหน้านางไว้ที่อกของเขา และสูดกลิ่นที่คุ้นเคยและปลอดภัย นางถึงได้รู้สึกผ่
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
6566676869
...
102
DMCA.com Protection Status