อาหารที่ได้ยกขึ้นบนโต๊ะเสวยล้วนเป็นอาหาที่ดูเรียบง่าย ธรรมดาที่ชาวบ้านกินกันทั่วไป ไม่ได้เลิศหรูอลังการในแบบของราชวงศ์ และจัดเป็นถ้วยเล็ก ๆ อย่างประณีตอาหารห้าจานซุปอีกหนึ่งถ้วยมีไอร้อนกรุ่นลอยขึ้นมาจักรพรรดิหมิงหยวนไม่ตรัสสิ่งใด หยวนชิงหลิงเองก็ย่อมไม่พูดอะไรด้วยเช่นกัน มองดูนางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆยกอาหารมาให้ จักรพรรดิหมิงหยวนตรัสว่ายกตะเกียบได้ นางจึงเริ่มกินเพราะรู้สึกไม่สบายใจ จึงกินได้ไม่มากสักเท่าไหร่แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เสวยพระกระยาหารกับจักรพรรดิหมิงหยวน แต่หยวนชิงหลิงก็ยังค่อนข้างระมัดระวัง และไม่กล้าที่จะกินมากเกินไป ในทางกลับกัน เมื่อเทียบกับครั้งก่อนนั้น ยังดูท่าทางผ่อนคลายกว่านี้มากนางแอบยิ้มอย่างขมขื่นในใจ นางไม่อยากรู้หรือสนใจอะไรอีกแล้วจักรพรรดิหมิงหยวนชินกับการเสวยแบบไม่พูดคุยกับใคร เพราะว่าเขามักเสวยอยู่คนเดียวเสมอ จึงไม่มีใครร่วมสนทนาด้วยอาหารห้าอย่างกินเกือบหมดแล้ว ทั้งสองคนเองกินกันไม่ได้เยอะสักเท่าไหร่ และเดิมทีอาหารพวกนี้ก็ไม่ได้แพงมากมาย แต่มันดูงดงามประณีตเป็นพิเศษ มีซุปเหลืออยู่เล็กน้อย จักรพรรดิหมิงหยวนจึงประทานให้มู่หรูกงกงมู่หรูกงกงข
จักรพรรดิหมิงหยวนหัวเราะเย้ยหยัน "ฆ่าตัวตายรึ? ข้าเกรงว่าจะไม่ใช่ เรื่องราวภายในเป็นอย่างไร ข้ารู้หมดแล้ว ฉู่หมิงชุ่ยสารภาพในคุก โดยบอกว่ามหาเสนาบดีฉู่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังและเจ้าห้าฆ่านาง ไม่อนุญาตให้นางขึ้นศาล เพราะเขากลัวว่านางจะสารภาพให้การไปถึงมหาเสนาบดีฉู่”หยวนชิงหลิงกำชายแขนเสื้อด้วยมือทั้งสองไว้แน่น จนปลายนิ้วซีดขาว "เสด็จพ่อ พระองค์ทรงเชื่อเช่นนั้นหรือเพคะ? พระองค์ทรงเชื่อจริง ๆ หรือว่ามหาเสนาบดีฉู่เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง?”"จะเชื่อหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง สำหรับคำสารภาพของฉู่หมิงชุ่ยนั้นก็อีกเรื่องเช่นกัน เอามาพูดรวมกันไม่ได้ ไม่ว่าฉู่หมิงชุ่ยจะพูดอะไร แต่การที่เจ้าห้าฆ่านางนั้นเป็นความจริง"หยวนชิงหลิงจ้องมองจักรพรรดิหมิงหยวนโดยตรง ในใจนางเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วฝ่าบาทรู้ถึงความตั้งใจของเจ้าห้า และเขายังเชื่อว่ามหาเสนาบดีไม่ได้เป็นผู้บงการ แต่เขาต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อบีบบังคับนางหรือ เจ้าห้าให้ทำในสิ่งที่พวกเขาทั้งคู่ไม่อยากทำนางสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดต่อไปว่า "เสด็จพ่อ เจ้าห้าคือโอรสของพระองค์ เขาจะเป็นฆาตกรหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพระองค์เช่นกัน แต่ลูกสะใภ้มั่นใจมากว่าสิ
ท่าทางของจักรพรรดิหมิงหยวนทั้งนิ่งเฉยและเย็นชา "ไปซะ"มู่หรูกงกงจึงได้แต่ขานรับ และมองไปทางหยวนชิงหลิงหยวนชิงหลิงพูดอย่างจนปัญญา "เสด็จพ่อ พระองค์กำลังบังคับหม่อมฉัน เอาชีวิตเจ้าห้าเพื่อมาบีบบังคับหม่อมฉัน"สีพระพักตร์ของจักรพรรดิหมิงหยวนแปรเปลี่ยนไปทันที "บังอาจ!"เมื่อหยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนี้ นางรู้ว่าตัวเองต้องคุกเข่าลงมา นางเกาะโต๊ะแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น จากนั้นก็ค่อย ๆคุกเข่าลงอย่างช้า ๆ นางทำใจให้สงบลงแทบไม่ได้เลย น้ำเสียงของนางจึงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง "เสด็จพ่อโปรดสงบสติอารมณ์ด้วยเพคะ”จักรพรรดิหมิงหยวนพูดอย่างเคร่งขรึม "หยวนชิงหลิง เรื่องแต่งชายารอง ข้าหารือกับเจ้า เพราะข้าให้เกียรติเจ้า เจ้าไม่เห็นด้วย ข้าก็ไม่ได้บังคับเจ้า เจ้าไม่เพียงแต่จะไม่ขอบคุณ เจ้ายังกล้าเอ่ยวาจาหยาบคายล่วงเกินข้าอีก? เจ้าไม่รู้รึการลบหลู่เบื้องสูงมีโทษสถานใด!"หยวนชิงหลิงรู้สึกกระสับกระส่ายหวาดกลัว จนสะอึกอกสั่นขวัญแขวนไปหมด จนแทบอาเจียนออกมาแล้ว "เสด็จพ่อ ถ้าพระองค์ให้เกียรติลูกสะใภ้จริง ก็ไม่ควรพูดเรื่องรับชายารองกับลูกสะใภ้ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ในตอนนี้ ส่วนทำไมเจ้าห้าถึงฆ่าฉู่หมิงชุ่ย พระองค
อาหารมื้อนี้ไม่ต่างจากงานเลี้ยงที่หงเหมินมีไว้ใช้ทำร้ายผู้คนโดยแท้จริงมู่หรูกงกงช่วยประคองนางลุกขึ้นอย่างช้า ๆ นางรู้สึกขาของนางอ่อนแรงลงอย่างกะทันหัน ไม่แม้แต่จะยืนได้อย่างมั่นคงคำพูดของจักรพรรดิหมิงหยวนแทงเข้าใจดำทุกจุดจริง ๆสิ่งที่เจ้าห้าเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ คนก่อเรื่องก็คือนางเองไม่ผิดเลยสักนิดไม่ว่านางจะเป็นหยวนชิงหลิงคนก่อนหรือไม่ก็ตาม โทษทัณฑ์นี้นางต้องรับไว้มิฉะนั้นหากเกิดอะไรขึ้นอีกในอนาคต ก็จะมีคนหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกนางมองไปที่ฉลองพระองค์สีเหลืองสดใสของจักรพรรดิหมิงหยวน ที่ปักลวดลายทะเลเมฆและมีมังกรห้าเล็บที่ดูสมจริงหลายตัวอยู่บนนั้น การตัดเย็บนั้นดูยอดเยี่ยมยิ่งนัก ลายปักก็ประณีตสวยงาม มังกรเสหมือนจริงมาก จนดูเหมือนพวกมันพร้อมจะบินเหาะออกจากตัวของพระองค์ดวงตาของนางร้อนผ่าวไปหมด นางย่อกายโค้งคำนับและพูดอย่างยากลำบาก "เสด็จพ่อถนอมพระวรกายด้วย หยวนชิงหลิงทูลลาเพคะ!"จักรพรรดิหมิงหยวนหันหลังให้นาง และไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ใบหน้าของพระองค์ดูหดหู่ รัศมีอันสูงส่งของพระองค์ดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยความเศร้าโศก ทั้งดูเฉยเมยและดื้อรั้นมู่หรูกงกงประคองหยวนชิงลง
“กงกง เสด็จพ่อเองก็มีความลำบากใจ ไม่ใช่ว่าข้ามองข้ามความหวังดี หรือตั้งตนเป็นศัตรูกับพระองค์แต่อย่างไร ข้าย่อมรู้ว่าพระองค์เลือกหนทางที่ดีที่สุดสำหรับข้า ท่านอ๋องไม่ได้ชอบพอคุณหนูฮู้ ถึงแต่งเข้ามาเป็นชายารอง ก็ไม่ได้ทำลายความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเราอยู่แล้ว"มู่หรูกงกงรู้สึกไม่เข้าใจจึงเอ่ยถามต่อไป "ในเมื่อพระชายาทรงทราบอยู่แล้ว ทำไมถึงได้ท้าทายฝ่าบาท? พระองค์เองก็น่าจะรู้หากฝ่าบาทมีประสงค์อยากสร้างความลำบากใจให้จริง ๆ พระองค์คงไม่เรียกให้พระชายามาที่มาวังหลวง เพื่อร่วมโต๊ะเสวยนะพ่ะย่ะค่ะ หากพูดกันตามตรง หากพระองค์มีรับสั่งลงมา พระชายาก็ไม่อาจขัดราชโองการได้"หยวนชิงหลิงยิ้มอย่างขมขื่น "เสด็จพ่อทรงให้ความสำคัญกับข้ายิ่งนัก ข้าไม่อาจมองข้ามความหวังดีนั้นได้ แต่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับข้านั้น ทำให้ท่านอ๋องยังอกสั่นขวัญแขวนอยู่ เขาจะไม่ยอมให้คุณหนูฮู้แต่งเข้ามา และถ้าหากเขาฝ่าฝืนรับสั่ง หรือคืนนี้ข้าขัดแย้งกับฝ่าบาทอย่างรุนแรงขึ้นมาเล่า? กงกงลองคิดไตร่ตรองให้ดีก็จะรู้ ข้ากลับไปที่บ้านแม่ข้า และพยายามทำให้ตัวเองดูเหมือนถูกเพิกเฉยถูกทอดทิ้ง ล้วนเป็นการดีต่อข้าและลูกในท้อง อย่างน้อยก็ใน
หยวนชิงหลิงรู้สึกซาบซึ้งในความพยายามอุตสาหะของพวกนาง นางรู้ว่าการกลับไปบ้านแม่จะทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมีพวกนางสองคนอยู่ด้วย อย่างน้อยนางก็รับประกันได้ว่านางเองไม่ได้ลำบากขนาดนั้นในอีกด้านหนึ่ง อวี่เหวินห่าวรอให้หยวนชิงหลิงกลับมาที่จวน แต่สุดท้ายก็รอนางจนได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้เขาเข้าไปในวังเมื่อตอนที่เขาขี่ม้าเข้าไปในวัง เขาเห็นรถม้าของหยวนชิงหลิง เขาจึงควบม้าเพื่อหยุดขวางทางรถม้าไว้มู่หรูกงกงจงใจให้พวกเขาได้พบกัน ดังนั้นเขาจึงไม่เรียกให้รถวิ่งไปทางอื่นดังนั้นหลังจากรถม้าหยุดลง มู่หรูกงกงรีบพูดกับหยวนชิงหลิงว่า "พระชายา อย่าพูดถึงเรื่องในวังเด็ดขาด ด้วยนิสัยของท่านอ๋องแล้ว ข้าเกรงว่าจะไม่อาจระงับความโกรธ และอาจทำการล่วงเกินเบื้องสูงในวังได้นะพ่ะย่ะค่ะ”หยวนชิงหลิงพยักหน้าเล็กน้อย และลงจากรถม้าอวี่เหวินห่าวที่เพิ่งลงจากหลังม้าและรีบเดินไปพูดว่า "เจ้าอย่าลงมา ข้างนอกมันหนาวมาก"เขารีบกอดนางไว้ในอ้อมแขน และห่อนางด้วยเสื้อคลุมพร้อมถามว่า "เสด็จพ่อตรัสว่าอย่างไรบ้าง"หยวนชิงหลิงฝังหน้านางไว้ที่อกของเขา และสูดกลิ่นที่คุ้นเคยและปลอดภัย นางถึงได้รู้สึกผ่
นางข้าหลวงสี่เข้าไปเห็นหยวนชิงหลิงใบหน้าดูซีดขาว,นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวใช้สองมือกุมท้องไว้อาซื่อเห็นนางข้าหลวงสี่มาแล้ว จึงรีบดึงมือนางเข้ามา “โมโม่ ท่านรีบดูอาการพระชายาที พระชายาปวดท้อง”“เกิดอะไรขึ้นเพคะ?” นางข้าหลวงสี่นั่งลงที่เก้าอี้ตัวเล็กข้างหยวนชิงหลิง และลูบท้องนางเบา ๆ “เจ็บไหมเพคะ?”หยวนชิงหลิงหายใจเข้าลึก “ไม่ได้เจ็บมาก แค่ปวดนิดหน่อยเท่านั้น”นางข้าหลวงสี่ตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย “หรืออาจจะกระเทือนถึงครรภ์”หยวนชิงหลิงโบกมือเล็กน้อย “ไม่เป็นไร อาจจะเป็นเพราะข้าเครียดเกินไป พักสักหน่อยคงดีขึ้น”โมโม่มองนาง “ทำไมถึงต้องกลับบ้านแม่ล่ะเพคะ? เป็นพระประสงค์ฝ่าบาทหรือ?”“เป็นความคิดข้าเอง ข้าอยากกลับบ้านแม่ไปพักสักระยะหนึ่ง โมโม่อย่าถามอีกเลยนะ รีบไปกันเถอะ” หยวนชิงหลิงเอ่ยตามนั้นนางข้าหลวงสี่จึงหันไปหามู่หรูกงกง และลากเขาออกไปด้านข้าง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พระชายาทรงครรภ์อยู่เช่นนี้ ทำไมถึงให้นางกลับบ้านแม่ได้? สถานการณ์ในจวนจิ้งโฮ่วทางนั้น ไม่ใช่ฝ่าบาทจะไม่ทรงทราบสักหน่อย”มู่หรูกงกงถอนหายใจออกมาเบา ๆ “พระชายาเป็นคนขอด้วยตัวเองเอง ฝ่าบาทต้องการให้อ๋องฉู่รับคุณหนูฮู้เ
อวี่เหวินห่าวใกล้จะเป็นบ้าเต็มทีแล้วเขาได้ยินจักรพรรดิหมิงหยวนให้เขาแต่งกับอะไรนะคุณหนูแตงกวาบ้าบออะไรสักอย่าง เขาโกรธจนแทบอยากจะอาละวาดออกมาเขาคุกเข่าลงกับพื้น และเอ่ยอย่างดื้อรั้นว่า “ไม่แต่ง ใครก็ไม่อยากแต่งทั้งนั้น จะแตงกวาฟักเขียวจากไหนก็ไม่แต่ง”“ไอลูกอกตัญญู เจ้าบังอาจนัก!” จักรพรรดิหมิงหยวนเองก็รู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้ แต่ก็ยังโกรธจนปวดสมองกันบ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ"ในชีวิตนี้ของลูกมีเพียงหยวนชิงหลิงเป็นพระชายาเท่านั้น และจะไม่มีชายารองพ่ะย่ะค่ะ" อวี่เหวินห่าวกล่าวจักรพรรดิหมิงหยวนทรงกริ้วจัด จึงตบเข้าที่หัวลูกหัวดื้อนี่เข้าไปสักที “เจ้ามีโอกาสมิใช่รึ? กะอีแค่สตรีนางเดียว ถ้าแต่งไปแล้วไม่ชอบก็อย่าไปแตะต้องนาง ให้นางอยู่แต่ในจวนเงียบ ๆ ไปมันจะไปเดือดร้อนพวกเจ้าสามีภรรยานักรึ?"อวี่เหวินห่าวถูกตบจนกะโหลกสะเทือน แต่จักรพรรดิหมิงหยวนกลับเจ็บมือแทนซะนี่เส้นเลือดบนหน้าผากอวี่เหวินห่าวเต้นตุ้บ ๆ “เสด็จพ่อ ถ้าเป็นแบบนี้ ทำไมต้องแต่งกับนางด้วย? ข้าไม่ชอบนาง เข้ากับนางไม่ได้ การแต่งงานกับนางจะเป็นการทำร้ายนางไปชั่วชีวิต ข้าทำสิ่งโหดร้ายเช่นนี้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ"“โหด