กลุ่มคนรีบร้อนเข้ามาช่วยพยุง, ช่วยกดจุด, นวดขมับ, โบกพัดอยู่ครู่หนึ่ง สนมหลู่เฟยจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นมา นางพยายามยืนตัวตรง แล้วชี้ไปทางพระชายาจี้ ตาของนางแดงก่ำ พร้อมกับมองด้วยสายตาที่แทบอยากฉีกเป็นชิ้น ๆ “ทำไมเจ้าถึงพูดกับเขาแบบนั้น? เขาเหลือความหวังอยู่เพียงน้อยนิด เจ้าต้องทำร้ายเขาให้ตายถึงจะพอใจใช่ไหม? เขาขวางทางตรงไหนของเจ้า? เขาเป็นแค่คนป่วย ครอบครัวข้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพลที่จะมาขวางทางพวกเจ้าด้วย!”คำพูดนี้ของสนมหลู่เฟย เป็นการฉีกหน้าพวกคนเสแร้งใคร ๆ ล้วนก็รู้ว่าอ๋องจี้ทะเยอทะยานในตำแหน่งรัชทายาท เป็นคนเหมือนสนมหลู่เฟย แค่เสแสร้งทำเป็นไม่รู้ ส่วนพวกองค์หญิงอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาว่าฉลาดให้มันมากไปฉีกหน้าเสแสร้งของทุกคนทุกคนล้วนคิดว่าพระชายาจี้ต้องอับอายมากเป็นแน่แต่พระชายาจี้ไม่ได้มีความอาย นางเพียงแค่ยืนนิ่งเงียบงันอยู่ตรงนั้น มองพระสนมหลู่เฟย นางถอนหายใจออกกมา “พระสนมหลู่เฟย โบราณว่าไว้คำตักเตือนที่ดีมักขัดหู เจตนาดีของข้า ถ้าพระสนมหลู่เฟยไม่เข้าใจก็เท่านั้น ไม่กี่วันมานี้ข้าปรนิบัติรับใช้อยู่ที่จวนอ๋องหวย ถือว่าข้าคงหลงตัวเองคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ฝ่
อ่านเพิ่มเติม